ซูจิ่นเอ๋อร์เป็นใบ้ในทันใดบัดนี้นางอยากให้ตนเองถูกพิษด้วยจริงๆ เท่านี้ก็สามารถล้างมลทินให้พี่สะใภ้ใหญ่ได้แล้วเห็นหลี่ซือซือคนต่ำต้อยบรรลุเป้าหมาย ซูจิ่นเอ๋อร์ร้อนใจมากหลี่ซือซือยกมุมปากนางกลับอยากเห็น กู้หว่านเยว่จะแก้สถานการณ์เยี่ยงไรเป็นวิชาแพทย์แล้วมีอะไรดี สามารถถอนพิษให้ทุกคนได้ สามารถคลายความสงสัยของทุกคนได้หรือไม่เล่า?เพียงทุกคนเกิดความสงสัยต่อกู้หว่านเยว่ เช่นนั้นทั้งหมดที่กู้หว่านเยว่เคยทำมา ก็ล้วนสูญเปล่าแล้ว!มีความสุข มีความสุข!บัดนี้หลี่ซือซือเพียงรู้สึกมีความสุขมากภายในก้นบึ้งของหัวใจ เป็นความน่ายินดีที่ได้ล้างอายให้ตนเองกลับไม่คาดคิดจู่ๆ เสียงแผ่วเบาพลันดังขึ้นอย่างกะทันหันที่ด้านหลัง“ข้ายินดีรับประกันให้แม่นางกู้ นางไม่ใช่คนพรรค์นั้นเป็นอันขาด”ผู้พูดก็คืออวิ๋นมู่ เขาเองก็ถูกพิษแล้ว ใบหน้าเผือดซีดลุกขึ้นยืนโงนเงน มีรัศมีของคนงามยามเจ็บป่วยหลี่ซือซือเห็นแล้วก็เกิดความริษยาขึ้นมาระลอกหนึ่ง ถือสิทธิ์อะไรชายที่ดีล้วนล้อมรอบกายกู้หว่านเยว่ ยิ่งทำให้นางกระอักเลือดก็คือถ้อยคำของอวิ๋นมู่ เขาถึงขั้นเชื่อกู้หว่านเยว่ เสียสติไปแล้วกระนั้นหรือ?คล้ายกับว่าเ
ส่วนประกอบของยาชนิดนี้ก็คือหญ้าต้วนฉาง ในยุคโบราณหญ้าต้วนฉางหาได้ไม่ยาก ไม่ว่าเป็นร้านขายยาสมุนไพร หรือในภูเขาลึกก็สามารถพบเห็นได้ทั้งสิ้นครั้งก่อนละแวกใกล้เคียงกับยอดเขาที่พวกเขาหลบหนีน้ำท่วมก็มีหญ้าต้วนฉางโตอยู่ผืนหนึ่ง ดอกไม้น้อยสีเหลืองเบ่งบานอยู่ด้านบน เมื่อนั้นนางยังเตือนทุกคนมิให้เผลอกินเข้าไปไม่แน่ว่า มีคนเกิดเจตนาไม่ดีตั้งแต่ตอนนั้นแล้วเซิ่งจวินโมโหดุดัน “ข้ายังคิดว่าเป็นเพราะโจ๊กไส้กรอกไม่สะอาดเสียอีก คิดไม่ถึงมีคนวางยาพิษจริงแม่นางกู้ เจ้ารีบบอกพวกเราสมควรทำเยี่ยงไร รอจนกระทั่งหาตัวคนวางยาพิษพบแล้ว ข้าจะทำให้เขาได้เห็นดีแน่!”คนอื่นต่างพากันพยักหน้า “ใช่แล้ว แม่นางกู้ พวกเราจะให้ความร่วมมือเจ้าหาตัวคนร้ายวางยาพิษเอง”หลี่ซือซือเห็นหมัดกระสอบทรายดังกรอบแกรบของเซิ่งจวิน ตัวสั่นทีหนึ่ง ลอบขยับถอยไปที่ด้านข้าง“ทุกคนอย่าเพิ่งใจร้อนเลย ให้ข้าเตรียมก่อนเล็กน้อย”ขณะเดียวกันกู้หว่านเยว่ให้ซูจิ่นเอ๋อร์ไปยกน้ำสะอาดเข้ามาหนึ่งอ่าง ใส่ยาน้ำหนึ่งขวดเข้าไปภายใน“อันที่จริงอยากรู้ว่าใครเป็นคนวางยานั้นง่ายมาก หญ้าต้วนฉางสามารถผสมเข้ากับยาน้ำในน้ำได้ ในเมื่อคนผู้นั้นใช้หญ้าต้วน
เห็นว่ามือไม่เปลี่ยนสี นางถอนหายใจโล่งอกเฮือกหนึ่งในเวลาเดียวกันก็รู้สึกสงสัยภายในใจเป็นเพราะมือของตนมิได้สัมผัสหญ้าต้วนฉางจริง ดังนั้นมือจึงไม่เปลี่ยนสีหรือเพราะกู้หว่านเยว่หลอกพวกเขาตั้งแต่แรกหลี่ซือซือหันมองฝ่ายหลัง กู้หว่านเยว่ไฉนเลยจะมีความสามารถนี้ ใช่ ต้องหลอกพวกเขาเป็นแน่“ฮึๆ มือของข้าไม่เปลี่ยนสี นี่ก็พิสูจน์แล้วว่าคนวางยามิใช่ข้า กู้หว่านเยว่ เจ้าระดมคนมาให้ความร่วมมือเจ้า คงมิใช่กำลังเล่นละครตบตาหรอกกระมัง”กู้หว่านเยว่ยิ้มน้อยๆ เป็นฝ่ายถืออ่างน้ำเดินเข้าไปหยุดตรงหน้าซูหัวจวิ้นที่หดตัวในมุมหนึ่งอยู่ตลอด หรี่ตาลง“รีบร้อนอะไร นี่มิใช่ยังมีซูหัวจวิ้นอีกหรือ ซูหัวจวิ้น เหลือเพียงเจ้าคนเดียวแล้ว”ซูหัวจวิ้นตกตะลึงเหงื่อเม็ดใหญ่ผุดเต็มศีรษะตั้งแต่แรกแล้ว โดยเฉพาะภายใต้สายตาที่กำลังมองมาของทุกคน ขาทั้งสองข้างสั่นเทา ร่างกายแข็งทื่อกลายเป็นเส้นตรงแม้แต่สายตาที่หลี่ซือซือขยิบให้เขาก็มองไม่เห็น“ท่านอาสี่ ท่านยังเหม่ออันใดอยู่อีก เร็วเข้าเถอะ! ใช่หรือไม่ท่านลองดูก็รู้แล้ว อย่าเสียเวลาเลย”ซูจิ่นเอ๋อร์เองก็ตามมาเร่ง“ข้า ข้า...”ซูหัวจวิ้นตกใจจนหวุดหวิดจะหมดสติลงไปแล้
เพียงได้ยินว่าสามารถออกจากถ้ำได้แล้ว ทุกคนดีใจอย่างบ้าคลั่ง“ในที่สุดก็สามารถออกจากสถานที่บ้านี้ได้แล้ว”“ติดอยู่สามวัน มิหนำซ้ำยังไม่มีต้นไม้ใบหญ้าให้ข้าเก็บ เกือบทำข้าหิวตายแล้ว!”ปกติทุกคนไม่มีเสบียงอาหาร ก็มีเกี๊ยวที่นักการแห่งศาลาว่าการแจกจ่ายแต่ครั้งนี้ภูเขาไฟปะทุอย่างกะทันหัน เสบียงอาหารของนักการแห่งศาลาว่าการเองก็หายไปแล้ว ย่อมไม่มีเสบียงอาหารเหลือแบ่งให้นักโทษดังนั้นทุกคนทำได้เพียงดื่มลมพายัพร่วมกัน หากมิใช่กู้หว่านเยว่ช่วยทุกคนอีกสองสามวัน จะต้องหิวตายไปแล้วเป็นแน่ทว่ากู้หว่านเยว่ไม่สามารถนำเสบียงอาหารออกมาแจกจ่ายตลอดเวลาได้ หาไม่แล้วจะเรียกความสงสัยจากผู้อื่น ดังนั้นในตอนสุดท้าย นางเองก็ให้ครอบครัวของตนดื่มน้ำข้าว“ทุกคนรีบลุกขึ้น เก็บของให้เรียบร้อย ออกไปหาของกินสักหน่อย”ทุกคนรีบตามซุนอู่ นักการแห่งศาลาว่าการสองคนอยู่เฝ้าทางข้างหลังหลังซูหัวจวิ้นและหลี่ซือซือถูกตี ก็นอนใกล้ตายบนพื้นลงท้ายนางหลิวก็มิอาจทนให้ลูกขาดพ่อไปได้ ก่อนจากไปยังพาซูหัวจวิ้นไปด้วยหลี่ซือซือก็น่าสงสารแล้ว ไม่มีใครสนใจนางตั้งแต่แรกนักการแห่งศาลาว่าการก็ไม่สนใจนาง ถือแส้ฟาดนางปลุกให้ตื่
สายตาเจ้าเล่ห์ของฮูหยินผู้เฒ่าซูตกลงบนห่อสัมภาระของกู้หว่านเยว่ ตั้งใจพูดเสียงดัง“สัมภาระของกู้หว่านเยว่ใหญ่เพียงนี้ คงมิได้ซ่อนของกินไว้กระมัง ให้นางแจกจ่ายออกมาเถอะ คงไม่ปล่อยให้ทุกคนหิวตายหรอกกระมัง”“ท่านหมายความว่ากระไร?”ซูจิ่นเอ๋อร์โมโหกำหมัดแน่นถ้อยคำนี้พูดออกมา เห็นได้ชัดว่ากำลังหาศัตรูให้พวกเขา!“ข้าหมายความว่ากระไร ความหมายของข้าก็คือกู้หว่านเยว่เห็นทุกคนหิวตายก็ไม่นำอาหารมาแจกจ่ายให้ทุกคน ช่างใจดำอำมหิตนัก!”สายตาฮูหยินผู้เฒ่าซูสะท้อนความลำพองใจ ตรงข้ามกันนางบรรลุเป้าหมายแล้ว ก็คือให้ทุกคนอิจฉากู้หว่านเยว่ ดีที่สุดคือแย่งของกินจากนางมาอาศัยช่วงแย่งของกิน นางเองก็สามารถเข้าไปเอาเปรียบได้บ้างน่าเสียดาย ความหวังของนางต้องสูญเปล่า เพียงนางพูดคำนี้ เหยียนฮูหยินก็เบ้ปาก“ช่างหน้าไม่อายจริงๆ ตนเองไม่มีกินก็ไปหมายตาของผู้อื่น”“นั่นน่ะสิ แม่นางกู้ช่วยพวกเรามามากพอแล้ว ไฉนเลยยังจะกล้าละโมบเสบียงอาหารของนาง ชาติก่อนเป็นวิญญาณตายเพราะความหิวกระมัง”คนอื่นเองก็ต่างพากันช่วยพูด ฮูหยินผู้เฒ่าซูคิดไม่ถึงว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาถึงขั้นยังเลือกช่วยกู้หว่านเยว่ ทันใดนั
“เอ่อ เช่นนั้นก็ได้” กู่หว่านเยว่ไม่กล้าพูดอะไรอีก อวิ๋นมู่น่าตายนัก นางไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว!ต่อไม่ พวกเขาออกเดินทางได้ไม่นาน คนตระกูลอวิ๋นก็ไล่ตามมาทันชายวัยกลางคนที่เป็นหัวหน้ามองไปรอบๆ จากนั้นจ้องมองไปที่อวิ๋นมู่ แล้วจึงควบม้าเข้ามาดึงสายบังเหียน ลงจากหลังม้าแล้วคุกเข่าลงหน้าอวิ๋นมู่“คุณชายน้อย ในที่สุดก็หาท่านพบแล้ว เหตุใดองครักษ์มู่ชิงถึงบาดเจ็บสาหัสเช่นนั้น? เหตุใดท่านเองก็ได้รับบาดเจ็บด้วยเล่าขอรับ?”“กลับไปค่อยคุยเถอะ”เห็นได้ชัดว่าอวิ๋นมู่ไม่อยากพูดอะไรที่นี่“ขอรับ”ลุงฝูเองก็สังเกตเห็นว่ามากคนมากตา จึงรีบสั่งให้ออกมาพามู่ชิงลงจากด้านหลังของอวิ๋นมู่“คุณชาย พวกเจ้าจะออกเดินทางกันตอนนี้เลยหรือไม่ขอรับ?”อวิ๋นมู่ลังเลใจ ส่งสายตามองไปยังกู้หว่ายเยว่ซึ่งอยู่ไม่ไกลเรื่องบ่อน้ำมันก๊าดจำเป็นต้องให้เขาไปจัดการ เขาไม่สามารถร่วมทางกับกลุ่มเนรเทศได้อีกแล้วอวิ๋นมู่เดินไปหาพวกกู้หว่านเยว่ กล่าวคำอำลากับพวกเขาสองสามคำ ทิ้งเสบียงอาหารเอาไว้ ก่อนจะขึ้นรถม้าแล้วหันหลังจะจากไปแม้ว่าครั้งนี้พวกเขาต้องแยกจากกัน แต่ไม่ช้าก็เร็ว พวกเขาจะได้กลับมาพบกันใหม่“อวิ๋นมู่ชอบเจ้า”ทัน
โชคดีที่กู้หว่านเยว่ฉลาด หลังจากนั้นไม่นาน นางก็ขับรถเทียมลาได้อย่างชำนาญทุกคนหิวท้องกิ่ว ตอนนี้มีอาหารแล้ว ก็ต้องอิ่มท้องให้เร็วที่สุดหลังจากพบที่โล่งแล้ว ซุนอู่ก็สั่งให้คาราวานหยุดพัก กินข้าวกันอยู่แถวนั้นกู้หว่านเยว่นำอาหารปรุงสุกที่เน่าเสียง่ายออกมาทั้งหมด แล้วแจกจ่ายให้กับตระกูลอื่นค่าตอบแทนคือช่วยพวกนางซักเสื้อผ้า ปะชุนเสื้อผ้า รองเท้า และถุงเท้าเรียกได้ว่าเป็นการช่วยเหลือแบบพึ่งพากันแล้ว โดยทั่วไป ทุกตระกูลล้วนแต่ก็เห็นด้วย กระทั่งว่าญาติผู้หญิงของหลายตระกูลเริ่มช่วยกันหาฟืนมาจุดไฟสักพัก ควันสีขุ่นก็ลอยฟุ้งอยู่ในค่าย กลิ่นหอมของอาหารคละคลุ้งอยู่ในอากาศผู้หิวโหยทั้งหลาย ถืออาหารชิ้นใหญ่ไว้ในมือกู้หว่านเยว่หยิบเป็ดย่างออกมาสองตัว ใช้ใบมีดเล็กๆ หั่นเป็นชิ้นๆ แล้วแบ่งให้ซูจิ่นเอ๋อร์และหยางซื่อหลายคนไม่มีตะเกียบ ดังนั้นจึงจับมันด้วยมือเปล่า ยัดเนื้อชิ้นใหญ่เข้าปากอย่างมูมมาม ดูสะใจอิ่มเอมไม่น้อย“ท่านแม่ ท่านอย่าหวงอาหารนะเจ้าคะ บนเทียมลายังมีเหลืออยู่”กู้หว่านเยว่กลัวว่าหยางซื่อจะเก็บอาหารไว้ให้พวกเขา จะไม่เต็มใจกินอีกครั้ง นางจึงต้องเตือนเอาไว้ก่อนหยางซื่อหัว
นักการหลายคนหันไปมองฮูหยินผู้เฒ่าซู“เจ้าจะตะโกนทำไม? หุบปากเดี๋ยวนี้”“นาง... ซือซือนางตายแล้ว” ฮูหยินผู้เฒ่าซูชี้ไปยังหลี่ซือซือที่อยู่บนพื้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความกลัวพูดขึ้นมาแล้ว หลี่ซือซือก็น่าสงสารไม่น้อย นางเพียงอยากกินอาหารมื้อสุดท้ายก่อนออกเดินทาง แต่ก็ถูกด่ากลับมาหนึ่งบทใบหน้าชราของฮูหยินผู้เฒ่าซูกระตุก“นางคงไม่มาหาข้าตอนกลางดึกกระมัง?”“ไม่หรอก นางจะไปกล้าเช่นนั้นได้อย่างไร? ท่านเป็นย่าของนางนะเจ้าคะ” หลิวซื่อเม้มปาก ไม่สงสารหลี่ซือซือเลยสักนิดหญิงแพศยาที่ล่อลวงคนของนาง ตายไปแล้วก็ดีฮูหยินผู้เฒ่าซูกลับแอบคิดว่า เพราะนางที่เป็นย่าไม่สนใจชีวิตเป็นตายของนาง นางจึงกังวลว่าอีกฝ่ายจะกลับมาหาตอนกลางดึกสองวันนี้ ทุกครั้งที่หลี่ซือซือขอให้นางป้อนน้ำให้ นางก็ปฏิเสธด้วยความรังเกียจนักการสองคนนั่งลง ตรวจสอบให้แน่ใจว่าหลี่ซือซือไม่หายใจแล้ว จึงหันไปรายงานซุนอู่“ให้ตระกูลซูเก่าจัดการกันเอง”ใบหน้าของซุนอู่ไร้อารมณ์ หลี่ซือซือทำเรื่องชั่วช้าไว้มาก ตายไปคงจะดีเสียกว่าแน่นอนว่า คนตระกูลซูเก่าไม่มีใครกล้าจัดการกับเรื่องนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าคนที่ดีกับนางอย่างซูหัวจวิ้นท
ทางฝั่งของกู้หว่านเยว่ทันทีที่ลงมาจากหอ ก็เจอกับเกาเจี้ยนและลั่วยางที่ยืนอยู่ด้วยกันพอดี อย่าพูดเชียวว่าสองคนนี้ช่างเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย“พระชายา”เกาเจี้ยนพุ่งเข้าไปกล่าวทักทายกู้หว่านเยว่ ร่างกายของเขาฟื้นตัวแทบจะสมบูรณ์แล้ว “อื้อ”กู้หว่านเยว่พยักหน้า ลั่วยางกล่าวอย่างตื่นเต้น “พี่หญิงกู้ ท่านมาพอดี เกาเจี้ยนบอกว่าเจอหญ้าไป๋เซียงปรากฏอยู่บนภูเขาเทียนสุ่ย ข้าอยากไปดูเจ้าค่ะ”หญ้าไป๋เซียงอย่างนั้นหรือ ในห้วงมิติของนางมีเยอะแยะ“เจ้าไปเถอะ”กู้หว่านเยว่กล่าวเตือนอย่างห่วงใย“หลังจากครึ่งเดือนไปแล้ว ต้องทำการผ่าตัดให้ไป๋หลี่ชิงซี หากเจ้าอยากดู ก็รีบกลับมาก่อน”“พี่หญิงกู้ ท่านช่างแสนดียิ่งนัก”ลั่งยางซาบซึ้งใจมาก จริง ๆ แล้วนางกลัวว่าตัวเองจะพลาดวันที่กู้หว่านเยว่ทำการผ่าตัดให้ไป๋หลี่ชิงซีมาก ถึงอย่างไรนั้นก็เป็นโอกาสจะได้เรียนรู้อันหาได้ยากยิ่ง“วันนี้เราออกเดินทางกันเถอะ”เกาเจี้ยนเป็นฝ่ายกล่าวเอง บอกว่าจะรีบไปรีบกลับ“ได้โปรดพระชายาช่วยพูดกับท่านอ๋องให้ข้าสักหน่อย บอกว่าข้าไปภูเขาเทียนสุ่ยขอรับ”กู้หว่านเยว่คิดไม่ถึงว่าเขาเองก็อยากไป เกาเจี้ยนรีบอธิบาย “ลั่วยางไม่รู
“จะต้องเป็นเช่นนี้อย่างแน่นอน”สวีซวี่รื่อยิ้มเยาะอย่างเยือกเย็น“ท้องของเขาเป็นเช่นนั้นนานเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ หลายปีมานี้กลับยิ่งอยู่ยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นก้อนเนื้อประหลาดอะไรสักอย่างก็ได้”สิ่งที่สวีซวี่รื่อคิดก็ถูก ท้องของไป๋หลี่ชิงซีจะต้องมีก้อนเนื้อประหลาดอย่างแน่นอนอีกทั้งหุบเขาราชาโอสถก็ช่วยเขาปกปิด ไม่แน่ว่าอาจต้องการผ่าเอาก้อนเนื้อประหลาดในท้องของเขาออกมาก็ได้ตราบใดที่เขาได้ก้อนเนื้อประหลาดนั้นมาครอบครอง มันจะถูกส่งไปยังสำนัก และเปิดเผยต่อหน้าสาธารณชนดูสิว่าไป๋หลี่ชิงซีผู้นั้นจะยังยืนอยู่บนสำนักเทียนจีได้อย่างไร “ขอบใจเจ้ามาก” ใบหน้าของไป๋หลี่ชิงซีที่อยู่ในห้องมีสีแดงระเรื่อเล็กน้อย พลางกล่าวขอบคุณกู้หว่านเยว่“ไม่ต้องเกรงใจ ปกป้องความลับของผู้ป่วย เป็นสิ่งที่คนเป็นหมอควรทำ”กู้หว่านเยว่เพียงแต่ทนเห็นหน้าของสวีซวี่รื่อไม่ได้“ดังนั้นที่เจ้าพูดอยู่ด้านนอกเมื่อครู่นี้ เป็นความจริงใช่หรือไม่?”หลี่เหมียนหยางกล่าวถามอย่างร้อนใจ สิ่งที่นางถามเกี่ยวข้องกับไป๋หลี่ชิงซี“เจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่ครุ่นคิดครู่หนึ่ง เรื่องของก้อนเนื้อที่อยู่ในท้องเป็นเรื่อง
“ได้สิ ข้าจะรอเจ้า”กู้หว่านเยว่กำลังกลุ้มใจที่ไม่รู้ผู้ที่หนุนหลังเขา ในเมื่อเขาเป็นฝ่ายพูดออกมาเอง ถ้างั้นอย่าโทษนางที่ตามไปแก้แค้นละเดิมทีคิดว่าสั่งสอนพวกเขาสักยกแล้วจะปล่อยไป ในเมื่อกล้าข่มขู่นาง ถ้างั้นจัดการเสียทั้งหมดเลยดีกว่ากู้หว่านเยว่ลงมือโดยการโปรยผงยาพิษไปบนตัวพวกเขา อีกไม่นาน คนพวกนี้ก็จะตายกะทันหันเมื่อเห็นรอยยิ้มประหลาดของหญิงสาว เถียนจวิ้นรู้สึกเหมือนตัวเองพูดผิดไป สูญเสียบางสิ่งที่สำคัญ จึงรีบพาพวกพ้องหนีไปกู้หว่านเยว่กลับไปในขบวนเนรเทศอีกครั้ง“แม่นางน้อยกู้ ยอดเยี่ยมมาก!”“แม่นางกู้น้อย ผดุงความยุติธรรมแทนสวรรค์ เจ้าช่างร้ายกาจนัก!”หลายคนทยอยยกนิ้วหัวแม่มือขณะนี้ ฟู่เยียนหรานมาถึงตรงหน้านางกะทันหัน ขมวดคิ้วเอ่ยขึ้น“กู้หว่านเยว่ เจ้าเป็นนักโทษเนรเทศยังกำเริบเพียงนี้ ถึงกับทำร้ายเจ้าหน้าที่ทางการ เกิดนำความเดือดร้อนมาให้ทุกคนจะทำอย่างไร?”ไม่แน่อาจทำให้สถานะของนางเปิดเผยไปด้วย“ความหมายของเจ้าคือ ข้าควรถูกเจ้าหน้าที่ทางการพวกนั้นเกี้ยวหรือ?”กู้หว่านเยว่แค่นหัวเราะคนเช่นนี้อยู่รอดไปจนถึงตอนสุดท้ายของหนังสือได้อย่างไรกัน?ฟู่เยียนหรานขมวดคิ้ว “ข้
ทันใดนั้นมีเจ้าหน้าที่ทางการหนุ่มกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอกหลังจากฟู่เยียนหรานเห็นเจ้าหน้าที่ทางการ สีหน้าเผยความหวาดกลัว รีบพาฟู่ซานไปหลบหลังบ่อน้ำจนกระทั่งแน่ใจว่าเจ้าหน้าที่ทางการเหล่านี้ไม่ได้มาหานาง จึงโล่งอกกู้หว่านเยว่เองก็สังเกตเห็นเจ้าหน้าที่เหล่านั้น แต่ดูเหมือนพวกเขาจะมาหาครอบครัวชาวนาเจ้าหน้าที่เตะข้าวเปลือกจนหงาย “รีบจ่ายภาษีของเดือนนี้เร็วเข้า”ครอบครัวของชาวนาเฒ่าควักเงินออกมาจ่ายด้วยสีหน้าขมขื่น“แค่หนึ่งตำลึงหรือ?”“เดือนที่แล้วก็หนึ่งตำลึงไม่ใช่หรือ...”ลูกชายชาวนากล่าวขึ้นหนึ่งคำ จากนั้นถูกเจ้าหน้าที่ทำร้ายทันที“เดือนนี้ขึ้นราคาแล้ว เป็นสองตำลึงเงิน เร็วเข้า ไม่อย่างนั้นพวกเจ้าได้เห็นดีกันแน่!”สองสามีภรรยาเฒ่าขอร้องไปด้วย พลางไปหยิบเงินทั้งหมดในบ้านออกมา เศษเงินพวกนั้นพอจะรวมกันจนครบสองตำลึงเงิน“ต้องอย่างนี้สิ ครั้งหน้ายอมจ่ายแต่โดยดีละ!”เจ้าหน้าที่เอาเงินแล้ว เตรียมหันหลังจากไป แต่กลับถูกกู้หว่านเยว่ที่ยืนอยู่ในโรงเก็บหญ้าดึงดูดผิวขาวดุจหิมะ เรือนร่างอ่อนช้อย ทั่วทั้งอำเภอหลานเจียก็ไม่มีคนงามเช่นนี้เจ้าหน้าที่มองดูจนตะลึง จากนั้นเดินเข้าไ
หากซูหัวจวิ้นกล้าหาเรื่องนาง นางก็คันไม้คันมือพอดี จะได้ระบายออกสักหน่อยซูจิ่นเอ๋อร์ยังคงเป็นห่วง ตั้งแต่หลี่ซือซือตายไป ท่านอาสี่เหมือนกลายเป็นบ้าไปแล้วคนบ้าคนหนึ่ง ใครจะไปรู้ว่าจะก่อเรื่องอะไรได้บ้าง?“พี่สะใภ้ใหญ่ อย่างไรท่านก็ต้องระวังตัว มีเรื่องใดก็ตะโกนได้เลย ข้าจะเข้าไปตีเขาให้ตาย!”“ข้าไม่เป็นไร เจ้าดูแลตัวเองกับท่านแม่ให้ดีก็พอ ข้าจะพาพี่ใหญ่เจ้าไปอาบน้ำ”ระหว่างพูดคุยกัน กู้หว่านเยว่แบกซูจิ่งสิงขึ้นหลัง แล้วพาเดินไปทางห้องครัวพอไปถึงห้องครัว ซูจิ่งสิงรีบลงมาบนพื้นอย่างว่องไว พร้อมสีหน้าเขินอาย“ข้าอาบเองได้”“อ่อ”กู้หว่านเยว่เองก็ไม่คิดจะช่วยเขาอาบ“ข้าจะเข้าไปอาบในมิติ ท่านอาบอยู่ข้างนอก อาบไปด้วยช่วยข้าดูต้นทางไปด้วยนะ”มิติหรือ? มันคือสิ่งใด?ซูจิ่งสิงกำลังสงสัย แล้วเห็นกู้หว่านเยว่ลงกลอนประตูห้องครัรว จากนั้นร่างกายสั่นไหว หายไปกลางอากาศ“กู้หว่านเยว่!”เมื่อหญิงสาวหายไปกะทันหัน ทำให้เขาปวดใจ กระทั่งกลัวว่านางจะไม่กลับมาอีกแล้วกู้หว่านเยว่เพิ่งเข้าไปในมิติ พลันได้ยินเสียงซูจิ่งสิงเรียกชื่อนางเสียงต่ำอยู่ข้างนอก“เรียกข้าทำไม?” นางรีบปรากฏตัวอย่างรวดเ
“ไม่หรอก พวกเราหนีออกมาได้แล้ว ใครก็อย่าคิดจะจับตัวพวกเรากลับไปอีก”ฟู่เยียนหรานขมวดคิ้วเอ่ยขึ้น“อีกเดี๋ยวข้าจะไปสืบดูฐานะของพวกเขา ไม่น่าจะมาเพราะพวกเรา”“พี่หญิง ข้าก็ยังกลัว...” ฟู่ซานก้มหน้าลง“กลัวอะไรกัน เจ้าลืมไปแล้วหรือตอนข้าเกิดมามวลวิหคน้อมคารวะ นั่นคือการกำเนิดของผู้มีบุญญาธิการ ข้าเชื่อว่าต้องทำได้ แค่ขาดโอกาสเท่านั้น”……กู้หว่านเยว่ที่อยู่ด้านนอกได้ยินดังนั้น แววตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ จากนั้นยิ้มนี่ไม่ใช่นางเอกหรือ?ผู้ที่มีปรากฏการณ์จากฟ้ายามตกฟาก คือฟู่เยียนหรานที่เป็นคู่ของมู่หรงอวี้ ฮองเฮาในอนาคตของต้าฉี!นึกไม่ถึงว่าจะได้พบนางที่หมู่บ้านไร้ชื่อแห่งนี้ ฟู่เยียนหรานผู้นี้โหดเหี้ยมไม่น้อย นางคือลูกที่เกิดจากอนุภรรยาของหนานหยางอ๋อง ถูกแม่ใหญ่จับคู่ให้แต่งงานกับรองแม่ทัพคนหนึ่งของบิดานางเห็นรองแม่ทัพผู้นั้นเป็นคนหยาบกระด้าง ในวันแต่งงานจึงพาน้องชายหนีออกมา ระหว่างทางถูกมู่หรงอวี้ช่วยไว้ทั้งสองตกหลุมรักกันอย่างดุเดือด หลังจากฟู่เยียนหรานกลับไปจึงวางยาพิษหนานหยางอ๋องจนตาย แล้วมอบอำนาจทหารให้มู่หรงอวี้วางยาพิษบิดาจนตาย เรื่องเช่นนี้คนทั่วไปทำไม่ได้พอนึก
“เร็ว รีบเดินเร็วเข้า!”กู้หว่านเยว่รีบหันไปเอ่ยกับพวกของเหยียนฮูหยิน “เหยียนฮูหยิน ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่ง พวกท่านนำเด็กมาไว้ในรถของข้าเถอะ พวกเราต้องเร่งเดินทาง”กู้หว่านเยว่นำผ้าห่มทิ้ง เพื่อให้พวกเด็กน้อยมีที่ว่าง หลายตระกูลตื้นตันอย่างมาก จึงรีบอุ้มเด็กขึ้นไปทันทีคนทั้งขบวนฝ่าลมพายุฝนกระหน่ำ เดินทางต่อเนื่อง ในที่สุดหลังผ่านไปสองชั่วยามมองเห็นแสงสว่างท่ามกลางความมืด “เป็นหมู่บ้าน เป็นหมู่บ้าน!”หลังถูกฝนกรดเล่นงานมาทั้งคืน ขณะนี้บนตัวทุกคนเปื้อนของเหลวเหนียวข้น สภาพมอมแมม น่าอนาถยิ่งกว่าขอทาน“มีคนอยู่หรือเปล่า?”ซุนอู่รีบพาคนไปเคาะประตูของครอบครัวหนึ่งทันที คนที่เปิดประตูคือชาวนาเฒ่าคนหนึ่ง“ผู้อาวุโส ให้พวกเราพักค้างคืนที่บ้านพวกท่านสักคืนได้หรือไม่?”“ฝนตกแรงขนาดนี้ พวกเจ้ารีบเข้ามาเถอะ”ชาวนาเฒ่ารีบพยักหน้า แล้วปล่อยทุกคนเข้าไปภายในเรือนที่เรียบง่าย สภาพแวดล้อมแย่ยิ่งกว่าห้องรวมของโรงเตี๊ยมเสียอีก ทว่าขณะนี้มีที่ให้พักพิง ทุกคนก็พอใจมากแล้วในขณะที่ทุกคนเตรียมจะกรูกันเข้าไป ภายในกลับมีเสียงหนึ่งที่ไม่สบอารมณ์ดังขึ้นทันที“ไหนว่าคืนนี้จะให้พวกเราค้างแรมที่บ้านหลังนี้
กู้หว่านเยว่ได้ให้มิตินำแผนที่ของภูเขาในระแวกนี้ออกมาตั้งแต่แรกแล้ว รู้ว่าเดินต่อไปข้างหน้าอีกสองชั่วยาม จะมีหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง“หากท่านเชื่อข้า ให้ทุกคนเดินตามข้าไป”“เดินตามเจ้าหรือ?”ซุนอู่ลังเลกู้หว่านเยว่เก่งมาก แต่ก็ไม่ใช่เรดาร์ค้นหาเส้นทางจางเอ้อร์ที่อยู่ข้างกันเอ่ยขึ้น “หัวหน้า ข้าว่าฝนนี่ประหลาดยิ่งนัก หากตากนานไปไม่รู้จะมีโรคใดหรือไม่ ถ้าอย่างไรฟังข้อเสนอแนะจากแม่นางกู้น้อยเถอะ”เขาสำทับ“ตลอดเวลาที่ผ่านมา พวกเราก็ฟังแม่นางน้อยกู้มาตลอด ไม่เคยมีสิ่งใดผิดพลาดเลย”“ก็ใช่”ประสบการณ์ของหัวหน้านักว่าการอย่างเขายังไม่เท่ากู้หว่านเยว่“เช่นนั้นก็ได้ เจ้านำทางอยู่ข้างหน้า พวกเราจะตามเจ้าไป”ระหว่างที่พูด ซุนอู่ให้นักการไปปลุกทุกคนให้ตื่น เพื่อให้พวกเขาเร่งออกเดินทางคนอื่น ๆ เองก็รู้สึกถึงความผิดปกติของสายฝน ไม่ต้องให้นักการไปปลุก พวกเขาก็เดินทางอย่างรวดเร็วแต่กลับลำบากคนสกุลซูนางหลิวต้องพาคนบาดเจ็บไปด้วย ทำให้เดินไม่ไหวเมื่อเห็นรถเทียมลาของกู้หว่านเยว่ นางจึงขอร้องเสียงอ่อน“หว่านเยว่ เจ้าดูสิว่าพอจะให้ท่านอาสี่ของเจ้าขึ้นไปนอนบนรถม้าได้หรือไม่?”ต่อสู้ก
ซูหัวจวิ้นชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า“หลี่ซือซือ หลี่ซือซือนางมาหาข้าแล้ว”แม้หลี่ซือซือจะสมควรได้รับโทษ แต่เมื่อได้ยินซูหัวจวิ้นกล่าวเช่นนี้ อีกทั้งรอบด้านมืดสนิท จึงทำให้ทุกคนรู้สึกขนลุกซู่ รีบหันมองรอบด้านทันทีซุนอู่เองก็รู้สึกว่าลมเย็นพัดมาเป็นระลอก จึงหยิบแส้เดินไปตรงหน้าซูหัวจวิ้น พร้อมหวดแส้ใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์“หากกล้าพูดเหลวไหลอีก ข้าจะหวดเจ้าให้ตาย!”“โอ๊ย โอ๊ย โอ๊ย ข้าเปล่าพูดเหลวไหลนะ หลี่ซือซือมาแล้วจริง ๆ นางโกรธข้าที่ไม่ควรเรียกนางมา โกรธข้าที่ไม่ได้ปกป้องนาง...ยังมีท่านแม่ นางโกรธท่านด้วย!”ซูหัวจวิ้นชี้ไปที่ฮูหยินผู้เฒ่าซูกะทันหัน ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าซูกรีดร้องเสียงดัง“ว๊าย ว๊าย ว๊าย เจ้าสี่ เจ้าจะตายแล้วหรือไร พูดบ้าอะไรของเจ้า?”ซูจิ่นเอ๋อร์ตัวสั่นงก ๆ แล้วขดตัวอยู่ในอ้อมกอดนางหยาง “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านว่า หลี่ซือซือนาง...”กู้หว่านเยว่เหลือบมองนาง ไม่ตอบกลับย้อนถาม “เจ้าทำเรื่องผิดศีลธรรมหรือ?”“เปล่าเจ้าค่ะ”ซูจิ่นเอ๋อร์ครุ่นคิด นอกจากแรกเริ่มที่นางโง่เขลา นอกนั้นไม่น่าจะเคยทำเรื่องผิดศีลธรรรม“หากไม่ได้ทำเรื่องผิดศีลธรรม เจ้าจะกลัวอะไร”เกรงว่าคำพูดของซูหัวจวิ