เยี่ยเฟิงไม่แม้แต่จะสะทกสะท้าน ดวงตาคู่นั้นสงบนิ่งจนมองไม่ออกซึ่งความรู้สึกใดๆ ของเขาเลย"ข้ามีหน้าที่เพียงยกอาหารมาวาง หาใช่สหายสุรา""เหลวไหล เจ้ายังอยากทำงานนี้อยู่หรือไม่ วันนี้หากเจ้าไม่ดื่มกับคุณหนูท่านนี้ ต่อไปหออวิ๋นจุ้ยก็ไม่ต้อนรับเจ้าอีก"เจ้าของร้านเริ่มร้อนรนแค่ดื่มเหล้าด้วยไม่กี่แก้วก็ได้เงินมาถึงพันตำลึง เรื่องดีเช่นนี้จะหาได้จากที่ใดอีกสีหน้าของเยี่ยเฟิงยังคงเฉยชาดังเดิม แต่ทว่ามือที่ซ่อนอยู่ภายใต้แขนเสื้อของเขากำกำปั้นแน่น แสดงออกถึงความไม่สงบภายในใจชิวเอ๋อร์ออกแรงดึงแขนเสื้อกู้ชูหน่วนสุดกำลัง พลางพูดเสียงแผ่วเบาด้วยความร้อนใจ "คุณหนู ท่านเป็นหญิง มีอย่างที่ไหนที่หญิงสาวสั่งบุรุษให้ดื่มเป็นเพื่อนด้วย เกิดเรื่องนี้แพร่ออกไป ท่านจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด""หน้าของข้าก็แขวนอยู่บ้านหน้าข้าตลอดไม่ใช่หรือไง อีกอย่าง ต่อให้ไม่มีเรื่องนี้ ชื่อเสียงข้าก็ไม่ได้ดีเด่ไปสักเท่าใด""คุณหนู..."คุณหนูเฆี่ยนเซี่ยอวี่จนตาย ทั้งยังผิดใจกับคุณหนูห้า อี๋เหนียงห้า หรือแม้กระทั่งกับฮูหยินใหญ่เดิมทีนางก็กระวนกระวายมากแล้ว กลับถึงจวนไม่รู้จะต้องรับโทษหนักเพียงใด ยามนี้ยังสั่งให้ชายหนุ่
"เอ๊ะ เสี่ยวเชียนเชียนหึงหรอกเหรอ มามามา คุณหนูอย่างข้าจะทะนุถนอมเจ้าเป็นอย่างดีเอง"เซียวอวี่เชียนปัดมือกู้ชูหน่วนออกอย่างไม่เกรงใจ หันไปตวาดใส่เยี่ยเฟิงด้วยความโมโห "อย่างไรเจ้าก็เป็นบัณฑิตผู้มีวิชาความรู้ มาดื่มเหล้าเป็นเพื่อนสตรีมันใช่เรื่องที่ไหน ยังไม่รีบไปอีก"เยี่ยเฟิงมากล้นด้วยสติปัญญา เป็นเพียงบริกรธรรมดา ถูกเซียวอวี่เชียนดุด่าดูถูกเช่นนี้ ผู้คนต่างก็เชื่อว่าเยี่ยเฟิงจะต้องอาละวาดเป็นแน่ คิดไม่ถึงว่าเขาเพียงแค่ลุกขึ้น แล้วยกมือขึ้นมาทำท่าคาราวะเขาด้วยความสุภาพนอบน้อม แล้วถึงจะหันหลังเดินจากไป ทิ้งไว้เพียงแค่แผ่นหลังที่ดูอาจหาญมาดมั่น"เอ้า อย่าเพิ่งไปสิ ข้ายังไม่ได้ดื่มกับเจ้าดีๆ เลย""ยัยขี้เหร่ เจ้ายังเป็นหญิงอยู่หรือไม่""เสี่ยวเชียนเชียน ข้าว่าเจ้าชักจะไม่น่ารักขึ้นทุกทีแล้ว"เซียวอวี่เชียนพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเองอย่างสุดแรงเกิด จะได้ไม่ทำนางโกรธจนอกแตกตายไปเสียก่อนหลังจากที่ผ่านเรื่องของซ่างกวานฉู่และเยี่ยเฟิงมา เขาก็เข้าใจสักทีว่าหญิงผู้นี้บ้ากามเห็นผู้ใดหน้าตาดีหน่อยไม่ได้ เกิดอาการอยากจะห่อกลับบ้านอยู่ร่ำไป"คุณหนู ท่านไปหยามเกียรติบัณฑิตเยี่ยทำไมเจ้าคะ"
"นายท่าน เห็นแล้วใช่หรือไม่ คุณหนูสามหยิ่งผยองอวดดี ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง นางไม่เพียงแต่ไม่เห็นอี๋เหนียงอย่างข้าอยู่ในสายตา แม้แต่ท่านก็ไม่อยู่ในสายตานาง"อี๋เหนียงห้ากล่าวฟ้องด้วยความสะอึกสะอื้น ราวกับว่ากู้ชูหน่วนทำความผิดร้ายแรงเกินกว่าจะอภัยได้ก็ไม่ปานอัครเสนาบดีกู้เดิมทีก็อดกลั้นโทสะไว้เต็มอก เวลานี้เห็นลูกสาวที่ขี้ขลาดและอ่อนแอมาโดยตลอดกล้าเพิกเฉยมองข้ามเขา ความโกรธก็เพิ่มเป็นทวีคูณอย่างห้ามไม่อยู่กู้ชูหลันยิ้มได้ใจ ยิ่งอัครเสนาบดีกู้โกรธมากเท่าใดก็ยิ่งดี จะได้ช่วยนางระบายความคับแค้นนี้ได้ด้วยทุกคนในจวนเห็นว่าไม่ใช่เรื่องของตน จึงไม่มีผู้ใดเป็นเดือดเป็นร้อน รอแต่จะดูเรื่องสนุก"กู้ชูหน่วน เจ้ายังเห็นพ่ออย่างข้าอยู่ในสายตาอยู่หรือไม่"อี๋เหนียงห้าบอกว่านางเฆี่ยนเซี่ยอวี่จนตายอย่างไร้เหตุผล ทั้งยังทุบนางไปหลายที เขาไม่เชื่อหลันเอ๋อร์บอกว่านางไม่เพียงแค่ชกอาจารย์ ทั้งยังตบหน้าองค์หญิงอีกหลายที เขาก็ไม่อยากจะเชื่อยามนี้...บุตรสาวคนที่สามที่อยู่ตรงหน้า หาได้มีท่าทางอ่อนแอบอบบาง ไม่สู้คนอย่างเดิมแล้วเวลานี้นางดูสะดุดตาไม่เหมือนผู้ใด แผ่รังสีความอวดดีโอหังไม่ไว้หน้าใครท
"นายท่านได้โปรดเมตตา ท่านจะตีฆ่าตายก็ได้ แต่คุณหนูร่างกายบอบบาง ไม่อาจทนไม้กระบองห้าสิบทีได้ นางจะทนไม่ไหว"กู้ชูหน่วนดึงชิวเอ๋อร์ขึ้นมา พูดด้วยความโกรธเกรี้ยว "ไม่ได้เรื่อง ทำขายขี้หน้าคุณหนูของเจ้าหมด ข้าบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือไง นอกจากข้า เจ้าไม่จำเป็นต้องคุกเข่าให้คนอื่น""คุณหนู..."ชิวเอ๋อร์น้ำตาไหล เวลานี้แล้ว เหตุใดคุณหนูยังสติเลอะเลือนอยู่อีก"ยังจะนิ่งอยู่ทำไม จัดการ"อัครเสนาบดีกู้เดือดดาล เขาไม่เชื่อว่าวันนี้เขาจะจัดการลูกสาวตัวเองไม่ได้บนใบหน้าของกู้ชูหลันและคนอื่นๆ สะท้อนให้เห็นสีหน้ามีความสุขบนความทุกข์ผู้อื่น รอดูกู้ชูหน่วนโดนโบยจนต้องร้องขอชีวิตเหล่าบ่าวรับใช้เข้าไปด้วยความดุดันขึงขัง กู้ชูหน่วนหยิบป้ายอาญาสิทธิ์สีทองป้ายหนึ่งออกมาจากในอ้อมอกอย่างใจเย็น ด้านบนมีตัวอักษรคำว่าอาญาสิทธิ์ตัวโตเขียนเอาไว้ทันทีที่เห็นป้ายอาญาสิทธิ์แผ่นนั้น เหล่าบ่าวรับใช้ก็พากันชะงักงันอัครเสนาบดีกู้หน้าพลันเปลี่ยนสีทันทีป้ายอาญาสิทธิ์นั่นเป็นป้ายอาญาสิทธิ์ที่อดีตฮ่องเต้ทรงพระราชทานให้องค์หญิงเจาหลิงไม่ใช่หรอกหรืออดีตฮ่องเต้ทรงรักใคร่เอ็นดูองค์หญิงเจาหลิงเป็นที่สุด จนอยากจะส่ง
กู้ชูหน่วนกลับไม่ได้ให้พวกเขาลุกขึ้นในทันที ทว่าเพียงแต่เล่นป้ายอาญาสิทธิ์ด้วยท่าทางเบื่อหน่าย ปากก็พลอยพึมพำบางอย่าง "ป้ายอาญาสิทธิ์นี่สนุกเสียจริง ต่อไปข้าคงต้องเอาออกมาแสดงทุกวันเสียแล้ว"ทุกคนแทบจะกระอักเลือดเอาออกมาแสดงทุกวันเช่นนั้นหรือนางยังพูดออกมาได้อีกผู้ใดเขาหยิบป้ายอาญาสิทธิ์ออกมาใช้เรื่อยเปื่อยกันกู้ชูหลัน อี๋เหนียงห้า และคนอื่นๆ พากันกัดฟันกรอดมีคนตั้งหลายคนคุกเข่าอยู่ตรงนั้น กู้ชูหน่วนตาบอดหรือเป็นใบ้ไปแล้วกันแน่ ยังไม่รีบสั่งให้พวกนางลุกขึ้นอีกรอไปอีกสักพัก กู้ชูหน่วนก็ยังไม่มีท่าทีใดๆ กู้ชูฉิงทนไม่ไหวแล้ว นางพูดด้วยความเดือดดาล "เจ้าจะปล่อยให้พวกเราคุกเข่าไปถึงเมื่อใดกันแน่""ทำไมเหรอ เจ้าไม่เต็มใจจะคุกเข่าให้อดีตฮ่องเต้หรือไง เช่นนั้นพวกเราไปหาฮ่องเต้กันดีไหม ให้ฮ่องเต้พระราชทานสิทธิ์เฉพาะแก่เจ้า""กู้ชูหน่วน เจ้าแกล้งกันใช่ไหม""แปลกเสียจริง ข้าแกล้งอะไรเจ้า คนที่ให้พวกเจ้าคุกเข่าคืออดีตฮ่องเต้ ไม่ใช่ข้าเสียหน่อย"กระอักเลือด...อดีตฮ่องเต้สิ้นพระชนม์ไปตั้งหลายปีแล้ว เขาจะสั่งให้พวกนางคุกเข่าได้เยี่ยงไรหากไม่ใช่เพราะกู้ชูหน่วนจิ้งจอกเจ้าเล่ห์แอบอ้
กู้ชูหน่วนยิ้มเยาะ "หนึ่งล้านตำลึงนั่นเป็นเงินที่ข้าชนะมาด้วยความสามารถของข้าเอง เหตุใดต้องให้ท่าน""เหลวไหล เห็นๆ กันอยู่ว่าเจ้าใช้อุบาย" กู้ชูหลันเกรี้ยวกราด ถ้าหากไม่ได้สองแสนตำลึงเงินคืนมา นางก็ไม่อยากอยู่ต่อไปแล้ว"อ่อ...ข้าใช้อุบายอะไรหรือ หรือข้าบังคับให้เจ้าพนันกับข้า หรือข้าสมคบกับอาจารย์ซ่างกวาน ให้อาจารย์ซ่างกวานช่วยข้าทุจริตเช่นนั้นหรือ"กู้ชูหลันอึกอักอยู่นาน พูดอะไรไม่ออกสักคำอาจารย์ซ่างกวานเป็นผู้ใดเขาเป็นถึงหนึ่งในสี่อัจฉริยะของแผ่นดิน เปี่ยมล้นไปด้วยคุณธรรม ซื่อตรงไม่คดโกง ทั้งยังเป็นคนโปรดที่อยู่ข้างกายฮ่องเต้ จะช่วยนักเรียนทุจริตได้อย่างไรอี๋เหนียงห้าเห็นท่าไม่ดีก็รีบเบี่ยงเบนประเด็นทันที "แม้เงินพวกนั้นจะเป็นเงินที่เจ้าชนะเดินพันมา แต่อย่างไรเจ้าก็เป็นคนของจวนอัครเสนาบดี ที่นี่เลี้ยงดูเจ้ามาตลอดหลายปี เจ้าก็ควรจะตอบแทนอะไรบ้างไม่ใช่หรือ"กู้ชูหลันพลันได้สติ รีบพยักหน้าหงึกๆ "ใช่ เป็นเช่นนี้แหละ"กู้ชูหน่วนกำมือขวา เก็บป้ายอาญาสิทธิ์ไปด้วยท่าทางองอาจ ก่อนจะก้าวเข้าไปประชิดอี๋เหนียงห้าพลางพูดอย่างโอหัง"ตอบแทน ? หากไม่ใช่เพราะแม่ข้า เขาจะได้เป็นอัครเสนาบดี
ตึง...คนในจวนอัครเสนาบดีกู้แทบจะล้มทั้งยืน ทุกสายตามองไปที่กู้ชูหน่วนราวกับเห็นผีผู้ดูแลบ้านวิ่งเข้ามาจากด้านนอกด้วยความกระสับกระส่าย กระซิบข้างหูอัครเสนาบดีกู้สองสามประโยคอัครเสนาบดีกู้เกือบจะเป็นล้มลมพับนังลูกสาวไม่รักดีคนนี้ยกเงินล้านกว่าตำลึงให้คนอื่นไปง่ายๆ เสียได้ นางรู้หรือไม่ว่าเงินล้านกว่าตำลึงมีความหมายเพียงใดนั่นทำให้ตระกูลที่กำลังจะล้มละลายปีนกลับไปยังจุดสูงสุดอีกครั้งได้เลยกู้ชูหลันแหกปากลั่นด้วยความเดือดดาล "แล้วเงินสองแสนตำลึงของข้าล่ะ กู้ชูหน่วน เจ้าเอาเงินสองแสนตำลึงของข้าคืนมาเดี๋ยวนี้""ทำไม เจ้าก็จะเบี้ยวหนี้ด้วยหรือ หลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษรข้าก็ยังเก็บเอาไว้นะ หากเดิมพันไม่ไหว ต่อไปก็ไม่ต้องเดิมพัน ขี้แพ้ ถุยถุยถุย ดูไม่ได้""นั่นเป็นเงินที่ท่านตาทิ้งไว้ให้ข้า เจ้าจะต้องคืนมาให้ข้า""ได้สิ เจ้าไปฟ้องร้องได้เลย ขอเพียงเจ้าชนะความ ข้าก็จะคืนให้เจ้าทันที""ท่านพ่อ..."กู้ชูหลันมองไปทางอัครเสนาบดีกู้ด้วยท่าทางน้อยอกน้อยใจ สายตาน่าสงสารที่เอ่อล้นไปด้วยน้ำใสๆ คู่นั้น ราวกับกำลังฟ้องว่ากู้ชูหน่วนทำผิดมหันต์เกินกว่าจะอภัยตั้งแต่กลับมาจากวัดร้าง กู้ชู
โธ่เว้ยในสุดยอด36กลยุทธ รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดคน เผ่นดีกว่าระหว่างที่นางกำลังคิดจะหนี คำพูดที่ดังขึ้นอย่างไม่ให้สุ้มให้เสียงของเย่จิ่งหานทำให้นางไร้หนทางจะหลีกหนี"คุณหนูสาม ไม่เจอกันหลายวัน สบายดีหรือ"ได้ยินประโยคนี้ กู้ชูหน่วนก็รู้สึกชาวูบวาบไปถึงหนังหัวหมอนี่คงไม่ใช่ว่าจำนางได้แล้วหรอกนะนึกถึงครั้งแรกที่เจอกัน นางขืนใจเขาครั้งที่สอง นางล้มทับเขา แล้วยังลูบคลำเขาอีก หากถูกจำได้ขึ้นมาจริงๆ ไม่ต้องโดนสับเป็นชิ้นกันเลยหรือร่างนี้ของนาง นอกจากคล่องแคล่วว่องไวแล้ว ก็ไม่มีกำลังภายในอะไรเลยสักนิดส่วนชายผู้นี้ ไม่ต้องพูดถึงผู้ใต้บัญชาที่เป็นผู้เชี่ยวชาญมือฉมัง ลำพังแค่ฝีมือการต่อสู้ของเขาผู้เดียวก็ลึกล้ำเกินกว่าจะล่วงรู้ได้หากต้องประจันกันซึ่งๆ หน้า นางมีแต่จะเสียเปรียบคิดได้ดังนี้ กู้ชูหน่วนจึงจงใจทำตัวสั่นหงึกๆ แสร้งตกใจกลัวจนฟันขบกันเสียงดัง แม้แต่ประโยคที่สมบูรณ์ประโยคเดียวก็พูดไม่ออก"ท่าน...ท่านก็คือเทพสงคราม...หานอ๋อง...พวก...พวกเราเคยเจอกันหรือ"คนในจวนอัครเสนาบดีพากันกระอักเลือดกู้ชูหน่วนเป็นพวกเก่งแต่กับผู้ที่อ่อนแอกว่าเช่นนั้นหรือท่าทางอวดดีจองหองเมื่อค
เวลาค่อยๆ ผ่านไปอย่างช้าๆ กู้ชูหน่วนและเวินเส้าอี๋ก็ไม่รู้ว่าทนกับคลื่นความร้อนไปเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ พวกเขาทั้งสองเหงื่อโชก ลมหายใจหอบถี่ ล้วนแต่อยู่ในจุดที่กำลังจะทนไม่ไหว ลมอุ่นพัดผ่านไป สติของกู้ชูหน่วนและเวินเส้าอี๋แตกกระเจิงโดยสิ้นเชิง ทนไม่ไหวอีกต่อไป ไม่รู้ว่าใครเป็นฝ่ายเข้าหาก่อน แต่ทั้งคู่ก็คลอเคลียอยู่ด้วยกันแล้ว ในขณะที่พวกเขากำลังจะพัฒนาไปถึงขั้นสุดท้าย ยอดหน้าผาพลันปรากฏเงาร่างสีครามอาบเลือดมือเกาะเถาวัลย์ที่วางไว้ก่อนหน้านี้แล้วกระโดดลงมาจากยอดของหน้าผาด้วยความรวดเร็ว สายตาของประมุขชิงมองไปรอบๆ ด้วยความร้อนรน พยายามตามหาหญิงในความทรงจำผู้นั้น คลื่นลาวายักษ์ซัดเข้าไปเป็นระยะ ทุกครั้งที่คลื่นซัดสาด คล้ายกับยืนอยู่ใจกลางกองเพลิงแผดเผาร่างของเขาไม่หยุดหย่อน แต่เขาไร้ซึ่งความหวาดกลัว ดวงตาดื้อรั้นคู่นี้ราวกับว่าหากหากู้ชูหน่วนไม่เจอ ก็จะไม่มีทางรามือ ทันใดนั้น เขาเห็นกู้ชูหน่วนบนผาหินที่ยื่นออกไป หัวใจที่บีบรัดอยู่ของประมุขชิงพลันผ่อนคลายลงมาในพริบตา ทว่าไม่ทันไร ใจของเขาพลันตื่นตระหนกขึ้นมาอีกครั้ง เพราะแววตาของนางล่องลอย เสื้อผ้าไม่เป็นระเบียบ กำลั
เวินเส้าอี๋ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมองกู้ชูหน่วน เขากลัวว่าหากมองแล้วตนจะทนไม่ไหว ตรงกลางหน้าผา ร่างของกู้ชูหน่วนและเวินเส้าอี๋ล้วนแต่ขดตัวเป็นวง ต่างก็พยายามอดกลั้นด้วยชีวิต ลมอ่อนๆ พัดโชยไป เกิดคลื่นลาวาเป็นชั้นๆ ลมที่พัดผ่านไปก็เป็นลมร้อน ไร้ซึ่งความเย็นแต่อย่างใด เจ็บปวดจนเกินจะทน เวินเส้าอี๋พยายามนั่งขัดสมาธิ ปากก็คอยสวดมนต์ไม่หยุด หวังว่าใจจะสงบลงตามธรรมชาติ กู้ชูหน่วนตวาดออกมาอย่างอดไม่ได้ "ให้ตายสิ เวลานี้แล้วยังจะสวดมนต์อะไรอีก หากสวดมนต์ได้ผล แม่หมูคงปีนต้นไม้ได้แล้ว" เขาไม่รู้บ้างเลยหรือ ว่าทันทีที่เขาเอ่ยปาก มีแต่จะกระตุ้นความต้องการที่นางอดกลั้นเอาไว้ด้วยความยากลำบากให้รุนแรงขึ้นกว่าเดิม คิ้วดกดำดั่งขุนเขาของเวินเส้าอี๋ขมวดเข้าหากัน เขาใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว ความรู้สึกนี้หากจะบอกว่า จะอยู่ก็ไม่ได้ จะตายก็ไม่ดี ไม่เกินจริงเลยสักนิด สวดมนต์ก็ไม่อาจทำให้อารมณ์ที่พลุ่งพล่านรุนแรงของเขาดีขึ้นได้แต่อย่างใด เวินเส้าอี๋จึงยอมแพ้ไป และยังคงขดตัวเป็นวงอยู่ติดกับผาหินอย่างไร้ที่พึ่ง "แม่เจ้าโว้ย ข้าทนไม่ไหวแล้ว" กู้ชูหน่วนไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเวินเส้าอี๋สมาธิดีเ
อยู่ดีๆ เหตุใดจึงถูกวางยาเสียได้ กู้ชูหน่วนพยายามคิดทบทวน ทันใดนั้นเอง นางก็พลันโมโหจนต้องตบเข่าฉาด บ้าเอ้ย... เมื่อกี้ตอนที่เวินเส้าอี๋เกาะยึดผาพลางกอดนางไว้ บนกำแพงหินมีดอกพันรักขึ้นอยู่เต็มไปหมด ดอกพันรักเป็นดอกไม้ปลุกกำหนัดที่มีฤทธิ์รุนแรงนัก ยามนี้ดอกพันรักบานสะพรั่ง ทุกที่บนกำแพงหินล้วนเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้ คนธรรมดาเพียงแค่ดมกลิ่นของดอกไม้ชนิดนั้นเข้าไป ก็จะจมดิ่งลงสู่ห้วงทะเลแห่งความปรารถนา ส่วนพวกนาง......เมื่อครู่สูดกลิ่นของดอกพันรักบนกำแพงไปปริมาณมาก โดยเฉพาะมือของเวินเส้าอี๋ที่ชุ่มไปด้วยเลือดแล้วยังไปสัมผัสโดนเกสรของดอกพันรัก จึงโดนพิษเข้าไปลึกกว่านางนัก กู้ชูหน่วนอยากจะเป็นลมตายลงไปเสียตรงนั้นให้รู้แล้วรู้รอด เพิ่งข้ามมิติมาได้ไม่นาน นางก็ถูกวางยาไปแล้วสองหน อีกทั้งสองครั้งนี้ล้วนแต่เป็นยาปลุกกำนัดอานุภาพรุนแรงทั้งสิ้น "ร้อน......" เวินเส้าอี๋ปากลิ้นแห้งผาก ทรมานจนต้องฉีกคอเสื้อของตนออก กู้ชูหน่วนเอ่ยด้วยความลนลาน "เฮ้ย ข้าขอบอกเจ้าไว้ก่อน หญิงชายไม่ควรใกล้ชิดกัน เจ้าอย่าทำอะไรบุ่มบ่ามเชียวล่ะ" นางตามหาในแหวนปริภูมิจนทั่วแล้ว ยาส
นอกเจ้านายท่านหลันและคนอื่นๆ เย่จิ่งหานและพวกต่างก็รู้สึกบีบคั้นหัวใจ เย่จิ่งหานพยายามดีดดิ้นเพื่อให้หลุดจากพันธนาการแล้วออกไปตามหากู้ชูหน่วนด้วยตนเอง เขาไม่อยากจะจินตนาการเอาเองอีกต่อไปว่ากู้ชูหน่วนต้องประสบพบเจอกับเรื่องแบบใดกันแน่ถึงได้กรีดร้องอย่างกับจะขาดใจเช่นนั้น ประมุขชิงตื่นตระหนกยิ่งกว่า ร่างของเขาสั่นเทิ้มอย่างไม่อาจหยุดได้ ฝีเท้าเร่งเร็วขึ้นเรื่อยๆ อาหน่วน... เจ้าอย่าเป็นอะไรไปเด็ดขาด จะต้องรอข้าก่อน หากเจ้าตาย ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติใด ข้าไม่มีวันอภัยให้เจ้าเป็นแน่ เสียงร้องที่หดหู่ดังก้องไปเรื่อยๆ ประมุขชิงมาถึงบริวเวณปากคอขวดน้ำเต้าที่กู้ชูหน่วนเพิ่งไปเมื่อครู่แล้ว บนปากคอขวด มีร่องรอยของกรงเล็บมังกรยักษ์หลงเหลืออยู่ รอยเท้าฝังลึกลงไปในพื้นดิน ทุกรอยเท้ามีความลึกหลายสิบเมตร เห็นได้เลยว่าเรี่ยวแรงที่ประทับลงไปนั้นมหาศาลเพียงใด ทอดมองออกไปยังสนามรบที่เละไม่เหลือชิ้นดีหลังจากการสู้ครั้งใหญ่ของยอดฝีมือ ประมุขชิงสั่นสะท้าน ลึกลงไปในใจรู้สึกถึงลางไม่ดีบางอย่าง อาหน่วนเคยบอกไว้ โลกนี้มีมังกรอสูรขั้นเจ็ดทั้งหมดสองตัว ตัวหนึ่งคือมังกรน้ำ อยู่ในสถ
แม้ว่ากู้ชูหน่วนจะมีชีวิตถึงหมื่นชีวิต ก็คงต้องตายอย่างแน่นอนภารกิจบนบ่าของเขานั้นหนักอึ้งนัก เขาควรจะสลัดออกไปอย่างเต็มกำลัง เพื่อรักษาพลังปราณที่เหลืออยู่ในร่างกาย แต่......ไม่รู้ทำไม เขาถึงลังเลภาพของกู้ชูหน่วนที่ดูมีชีวิตชีวาและฉลาดหลักแหลมค่อยๆ ปรากฏขึ้นในสมองของเขาพร้อมกับใบหน้าเล็กๆ ของนางที่กำลังดิ้นรนด้วยความเจ็บปวดและอดทนต่อความทุกข์ทรมานอย่างแข็งขัน เวินเส้าอี๋ก็แอบลังเลเวินเส้าอี๋รีบดึงพลังฝ่ามือของเขากลับ เขาพยายามมาหลายวิธีแต่ก็ไม่ได้ผล ทำได้เพียงเฝ้าดูพลังภายในที่เขาฝึกฝนมาหลายปี ค่อยๆ หายไปในชั่วข้ามคืน และกลายเป็นของคนอื่นเมื่อหันมองกู้ชูหน่วนอีกครั้งใบหน้าเล็กๆ ของนางขมวดเป็นปมด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าอันงดงามไร้ที่ติของนางค่อยๆ เปลี่ยนจากซีดขาวเป็นแดงระเรื่อ ในที่สุดร่างกายของนางก็เหมือนถูกไฟไหม้ ร้อนจนคนไม่กล้าสัมผัสร่างกายของนางรับพลังภายในมากเกินไปไม่ได้ พลังปราณในร่างกายของนางพุ่งชนไปมาอย่างต่อเนื่อง ราวกับจะทำลายร่างกายของนาง"วิชาดูดพลังคืออะไร" กู้ชูหน่วนอดทนต่อความเจ็บปวดระลอกแล้วระลอกเล่าอย่างอดทน แล้วกัดฟันถาม"……""เวินเส้าอี๋ รีบถอนมือเร็ว
ณ หน้าผาเวินเส้าอี๋ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมา ภาพที่เห็นคือแผ่นหินที่ยื่นออกมาจากกลางหน้าผา เมื่อมองขึ้นไปด้านบนก็เห็นเมฆสีขาวจำนวนมาก ไม่รู้ว่าสูงเพียงใดเมื่อมองลงไปด้านล่างเป็นทะเลโลหิตที่เดือดพล่าน คลื่นเลือดสาดกระเซ็นเป็นระยะๆ อุณหภูมิสูงจนน่าตกใจเมื่อมองไปด้านข้าง กู้ชูหน่วนหมดสติอยู่ข้างเขา ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรเวินเส้าอี๋พยายามลุกขึ้นยืน เดินโซเซไปหากู้ชูหน่วน มือที่เต็มไปด้วยเลือดของเขาลองแตะที่จมูกของนาง ยังมีลมหายใจอ่อนๆ ทำให้ใจที่ตึงเครียดของเวินเส้าอี๋๋ผ่อนคลายลงโชคดีที่มีแผ่นหินที่ยื่นออกมานี้ มิฉะนั้นพวกเขาคงตายไปแล้วหน้าผาสูงเกินไป เขาถูกมังกรไฟทำร้ายสาหัส หากอยู่คนเดียวอาจจะขึ้นไปได้ แต่การพากู้ชูหน่วนขึ้นไปบนยอดผา ช่างยากยิ่งกว่าการปีนขึ้นสวรรค์เสียอีก"เจ้าขมวดคิ้วดูไม่ดีเลย"กู้ชูหน่วนฟื้นตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่รู้ แล้วพึมพำเสียงเบา"แค่ก แค่ก......"นางไอออกมาเป็นชุด ไอออกมาเป็นกองเลือดเวินเส้าอี๋จับชีพจรของนาง มองสีหน้าที่อ่อนแรงและซีดเซียวของนาง น้ำเสียงของเขาค่อนข้างหนักแน่น "เจ้าตกจากที่สูง ปอดและอวัยวะภายในได้รับบาดเจ็บ""ข้าดวงแข็ง พญายมยังกลัวข้า
"ปัง......"กู้ชูหน่วนและเวินเส้าอี๋ตกลงมา เพียงแต่สถานที่ที่ตกลงมาไม่ใช่ทะเลโลหิต แต่ตกลงกระแทกบนแผ่นหินที่ยื่นออกมา"โอ๊ย......"กู้ชูหน่วนส่งเสียงครางเบาๆ เอวของนาง......เกือบหักแล้ว"ฟิ้ว......"เวินเส้าอี๋โยนกู้ชูหน่วนขึ้นไปในอากาศ เพื่อลดแรงกระแทกจากการตกลงมาของนาง ส่วนตัวเองก็ตกลงกระแทกบนแผ่นหินอย่างจัง แรงกระแทกนั้นรุนแรงมาก จนเขาอดไม่ได้ที่จะกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง กระดูกทั่วร่างราวกับแตกกระจาย แม้แต่อวัยวะภายในก็ยังกระเพื่อมอย่างรุนแรงทั้งสองหมดสติไปพร้อมกัน เสียงคำรามของสัตว์อสูรบนยอดผา พร้อมกับเสียงกรีดร้องโหยหวนยังคงดังต่อเนื่องในหุบเขาทางทิศตะวันตก เย่จิ่งหานและน้องเก้าราวกับรับรู้ได้ว่ากู้ชูหน่วนประสบเคราะห์ร้ายเย่จิ่งหานพยายามลุกขึ้นยืน โดยไม่สนใจสิ่งใดๆ ต้องการออกไปตามหากู้ชูหน่วน แต่ไม่รู้ว่ากู้ชูหน่วนทำอะไรกับเขา ไม่เพียงทำให้เขาทั้งร่างกายอ่อนแรง พลังภายในสูญสิ้น แม้แต่จะขยับตัวก็ทำไม่ได้เลย จึงทำได้เพียงร้อนใจอยู่ภายใน"หลีลั่ว ส่งคนออกไปทั้งหมด ไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องนำพระชายากลับมาอย่างปลอดภัย""นายท่าน หากทำเช่นนั้น สถานะของพวกเราก็จะถูกเปิดเผย ถึงย
เวินเส้าอี๋ได้รับบาดเจ็บสาหัส......ขณะที่กู้ชูหน่วนลังเลว่าจะย้อนกลับไปช่วยเวินเส้าอี๋หรือไม่ อุณหภูมิในท้องฟ้าก็ลดลงอย่างกะทันหัน และยังมีหิมะโปรยปรายลงมาอย่างช้าๆฤดูนี้มีหิมะได้อย่างไร?ที่นี่มีน้ำไม่มาก แล้วจะรวมตัวกันเป็นหิมะได้อย่างไรกัน?หรือว่าเวินเส้าอี๋ใช้พลังภายในแปลงเป็นหิมะ?ความคิดยังไม่ทันกระจ่าง เวินเส้าอี๋ก็ไม่รู้ว่าใช้วิธีใดสะบัดหลุด และตามนางทันแล้วเขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงค่อนข้างร้อนรน "ไปเร็ว""ข้าใช้พลังทั้งหมดที่มีแล้ว"ทั้งสองเดินเคียงข้างกันด้วยความเร็วราวสายฟ้าทะเลโลหิตทั่วฟ้าโปรยปรายลงมาราวกับฝนเลือด ไม่ว่าจะเป็นหินหรือหญ้าที่โดนฝนเลือด ก็ล้วนละลายหรือลุกไหม้อย่างรวดเร็วเวินเส้าอี๋หลบหนีพลางใช้พลังฝ่ามือปัดป้องฝนเลือดไปด้วยทันใดนั้น ภูเขาหินที่ปกติก็แตกออกเป็นโพรงขนาดใหญ่ทั้งสองพลาดพลั้งเหยียบพลาดไป"อ้าก......"เสียงร้องตกใจดังขึ้นกู้ชูหน่วนและเวินเส้าอี๋ตกลงไปก้นเหว เสียงร้องหวาดกลัวดังก้องไปทั่วทั้งภูเขาเวินเส้าอี๋สีหน้าเปลี่ยน เขาปลดปล่อยกระบวนท่าพันจินจุ้ย เร่งความเร็วในการตกลง และใช้มือข้างหนึ่งโอบเอวของกู้ชูหน่วนไว้ ส่วนอีกมือเกาะกำแ
ในขณะที่ลูกไฟกำลังจะตกลงมาใส่นาง พลังฝ่ามืออันเฉียบคมก็สั่นคลอนลูกไฟออกไปทันทีจากนั้นเวินเส้าอี๋ก็ลอยขึ้นไปกลางอากาศ ประสานมือสร้างสัญลักษณ์ และสร้างเกราะป้องกันแสงสีขาวด้วยพลังภายในของเขาที่เส้นแบ่งระหว่างทะเลโลหิตกับหิน เพื่อป้องกันการโจมตีอย่างต่อเนื่องของมังกรไฟมังกรไฟสะบัดหาง เกราะป้องกันแสงสีขาวสั่นสะเทือนหลายทีตาข่ายขนาดใหญ่ไม่สะทกสะท้าน มังกรไฟว่ายอยู่กลางอากาศ กระแทกตาข่ายขนาดใหญ่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับจะกลืนกินกู้ชูหน่วนและเวินเส้าอี๋เข้าไปในท้อง"ปัง ปัง ปัง......"ทุกครั้งที่กระแทก เกราะป้องกันแสงจะอ่อนแอลงเวินเส้าอี๋กระตุ้นพลังภายในอย่างต่อเนื่องเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับเกราะป้องกันแสง"ปัง......"เกิดการกระแทกครั้งใหญ่อีกครั้ง พร้อมกับลาวาจากทะเลโลหิตที่กระจัดกระจายไปทั่วท้องฟ้ามุมปากของเวินเส้าอี๋ปรากฏเลือดไหลซึมออกมาในดวงตาอ่อนโยนและสงบนนิ่งของเขาเผยร่องรอยของความตกใจสัตว์อสูรขั้นเจ็ด......เป็นสัตว์อสูรขั้นเจ็ดจริงๆ ด้วย และเป็นมังกรไฟของทะเลโลหิตที่มีพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งมากเขาและเย่จิ่งหาน หัวหน้าเผ่าหมอ อยู่ในระดับเดียวกัน แต่พวกเขาทั้งสาม