ตึง...คนในจวนอัครเสนาบดีกู้แทบจะล้มทั้งยืน ทุกสายตามองไปที่กู้ชูหน่วนราวกับเห็นผีผู้ดูแลบ้านวิ่งเข้ามาจากด้านนอกด้วยความกระสับกระส่าย กระซิบข้างหูอัครเสนาบดีกู้สองสามประโยคอัครเสนาบดีกู้เกือบจะเป็นล้มลมพับนังลูกสาวไม่รักดีคนนี้ยกเงินล้านกว่าตำลึงให้คนอื่นไปง่ายๆ เสียได้ นางรู้หรือไม่ว่าเงินล้านกว่าตำลึงมีความหมายเพียงใดนั่นทำให้ตระกูลที่กำลังจะล้มละลายปีนกลับไปยังจุดสูงสุดอีกครั้งได้เลยกู้ชูหลันแหกปากลั่นด้วยความเดือดดาล "แล้วเงินสองแสนตำลึงของข้าล่ะ กู้ชูหน่วน เจ้าเอาเงินสองแสนตำลึงของข้าคืนมาเดี๋ยวนี้""ทำไม เจ้าก็จะเบี้ยวหนี้ด้วยหรือ หลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษรข้าก็ยังเก็บเอาไว้นะ หากเดิมพันไม่ไหว ต่อไปก็ไม่ต้องเดิมพัน ขี้แพ้ ถุยถุยถุย ดูไม่ได้""นั่นเป็นเงินที่ท่านตาทิ้งไว้ให้ข้า เจ้าจะต้องคืนมาให้ข้า""ได้สิ เจ้าไปฟ้องร้องได้เลย ขอเพียงเจ้าชนะความ ข้าก็จะคืนให้เจ้าทันที""ท่านพ่อ..."กู้ชูหลันมองไปทางอัครเสนาบดีกู้ด้วยท่าทางน้อยอกน้อยใจ สายตาน่าสงสารที่เอ่อล้นไปด้วยน้ำใสๆ คู่นั้น ราวกับกำลังฟ้องว่ากู้ชูหน่วนทำผิดมหันต์เกินกว่าจะอภัยตั้งแต่กลับมาจากวัดร้าง กู้ชู
โธ่เว้ยในสุดยอด36กลยุทธ รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดคน เผ่นดีกว่าระหว่างที่นางกำลังคิดจะหนี คำพูดที่ดังขึ้นอย่างไม่ให้สุ้มให้เสียงของเย่จิ่งหานทำให้นางไร้หนทางจะหลีกหนี"คุณหนูสาม ไม่เจอกันหลายวัน สบายดีหรือ"ได้ยินประโยคนี้ กู้ชูหน่วนก็รู้สึกชาวูบวาบไปถึงหนังหัวหมอนี่คงไม่ใช่ว่าจำนางได้แล้วหรอกนะนึกถึงครั้งแรกที่เจอกัน นางขืนใจเขาครั้งที่สอง นางล้มทับเขา แล้วยังลูบคลำเขาอีก หากถูกจำได้ขึ้นมาจริงๆ ไม่ต้องโดนสับเป็นชิ้นกันเลยหรือร่างนี้ของนาง นอกจากคล่องแคล่วว่องไวแล้ว ก็ไม่มีกำลังภายในอะไรเลยสักนิดส่วนชายผู้นี้ ไม่ต้องพูดถึงผู้ใต้บัญชาที่เป็นผู้เชี่ยวชาญมือฉมัง ลำพังแค่ฝีมือการต่อสู้ของเขาผู้เดียวก็ลึกล้ำเกินกว่าจะล่วงรู้ได้หากต้องประจันกันซึ่งๆ หน้า นางมีแต่จะเสียเปรียบคิดได้ดังนี้ กู้ชูหน่วนจึงจงใจทำตัวสั่นหงึกๆ แสร้งตกใจกลัวจนฟันขบกันเสียงดัง แม้แต่ประโยคที่สมบูรณ์ประโยคเดียวก็พูดไม่ออก"ท่าน...ท่านก็คือเทพสงคราม...หานอ๋อง...พวก...พวกเราเคยเจอกันหรือ"คนในจวนอัครเสนาบดีพากันกระอักเลือดกู้ชูหน่วนเป็นพวกเก่งแต่กับผู้ที่อ่อนแอกว่าเช่นนั้นหรือท่าทางอวดดีจองหองเมื่อค
กู้ชูหน่วนหัวร่อต่อกระซิก "ท่านอ๋อง เช่นนี้คงไม่ค่อยดีนัก หม่อมฉันไม่คู่ควรกับท่านอ๋อง""ฟึบฟึบฟึบ..."องครักษ์หลายสิบคนชักดาบออกมาทีละคน แล้วล้อมกู้ชูหน่วนไว้ตรงกลาง ท่าทางที่น่าเกรงขามนั้น ให้ความรู้สึกที่ว่าหากกู้ชูหน่วนปฏิเสธ ดาบเหล่านั้นก็จะแทงเข้ามาที่ร่างนางทันทีนี่ใช่การเชิญที่ไหนกัน เป็นการบังคับกันชัดๆคนของจวนอัครเสนาบดีกระสับกระส่าย อยู่ไม่เป็นสุข ไม่กล้าปริปากพูดแม้แต่ประโยคเดียวชิวเอ๋อร์ดึงแขนเสื้อกู้ชูหน่วนด้วยความร้อนรน กระซิบเสียงเบา "คุณหนู พวกเราจะทำเช่นไรดี""ในเมื่อท่านอ๋องทรงมีน้ำพระทัยมาเชิญ เช่นนั้นหม่อมฉันก็ทำได้เพียงน้อมรับไว้"พูดจบ องครักษ์ต่างก็พากันเก็บดาบไปทีละคน แล้วกลับไปยืนอยู่ในท่าเป็นระเบียบอีกครั้ง ราวกับเมื่อครู่ไม่เคยมีสิ่งใดเกิดขึ้นมาก่อนทั้งสิ้น"เชิญ"กู้ชูหน่วนแอบยกมุมปากด้วยความถากถางอยู่ในมุมที่ไม่มีผู้ใดมองเห็น ออกไปจากจวนอัครเสนาบดีตามเย่จิ่งหานและคนอื่นๆหลังจากกลุ่มขบวนที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรจากไป คนในจวนอัครเสนาบดีกู้ก็ยังคงหายใจไม่ทั่วท้องอยู่ดีเขาอยากจะลุกขึ้น แต่ช่วยไม่ได้ที่สองขากลับอ่อนเปลี้ย ไม่ว่าอย่างไรก็ลุกไม่ขึ้น ทำ
กู้ชูหน่วนกระโดดหลบอย่างรวดเร็ว แต่ฝ่ามือใหญ่คู่หนึ่งก็ตามติดราวกับเงา ไม่ว่านางจะหลบอย่างไรก็หนีไม่พ้นในที่สุดกู้ชูหน่วนก็ต้องกลิ้งไปตามพื้นราวกับปลาไหลอย่างทุลักทุเล จึงหลบการโจมตีไปได้หวุดหวิดเมื่อครู่ นางรู้สึกราวกับความตายอยู่ใกล้แค่เอื้อมชายผู้นี้ หากอยากสังหารนาง ฝ่ามือเดียวของเมื่อครู่ก็เพียงพอที่จะจบชีวิตนางได้แล้วนางยิ้มอย่างอ่อนน้อม "ท่านอ๋องเป็นผู้สูงศักดิ์ มีอำนาจมากมาย ย่อมไม่มาทำร้ายสตรีผู้อ่อนแอตัวเล็กๆ อย่างข้าหรอกใช่หรือไม่?""สตรีผู้อ่อนแอตัวเล็กๆ อย่างนั้นรึ?"เหอะนางคือสตรีผู้อ่อนแอ?แม้แต่ผู้ชายยังกล้าข่มเหง จะเรียกว่าหญิงอ่อนแอได้อย่างไร?"แน่นอน ท่านดูข้าสิ แขนขาข้าเล็กนิดเดียว จะสู้ท่านได้อย่างไร เรื่องที่ผ่านมาข้าผิดไปแล้ว ท่านเป็นผู้ใหญ่ใจกว้าง ยกโทษให้ข้าสักครั้งเถิด ข้าสัญญาว่าจะไม่ทำอีกเป็นอันขาด..."เฮือก...อุณหภูมิภายในรถม้าลดลงอย่างรวดเร็วสีหน้าของเย่จิ่งหานดำสนิทราวกับถ่าน กลิ่นสังหารแผ่ซ่านออกมากู้ชูหน่วนรู้สึกไม่สู้ดี รีบพูดออกไปก่อนที่เย่จิ่งหานจะลงมือ"ท่านอ๋อง ข้าเคยช่วยชีวิตท่านไว้ เราถือว่าหายกันได้หรือไม่""เจ้าคิดว่าอย่า
กู้ชูหน่วนพอจะเข้าใจแล้วเพียงแต่เมื่อครู่ที่ลูกธนูฝนพรำยิงเข้ามาในรถม้า นางได้พยายามอย่างสุดชีวิตเพื่อคุ้มกัน แต่ทั้งหมดนั้นก็เป็นเพียงความคิดของนางเอง เพราะนักฆ่าเหล่านั้นจะทำอะไรเย่จิ่งหานได้ไอ้หมอนั่นตั้งใจเยาะเย้ยนางแน่ๆนักฆ่าทั้งหมดถูกสังหาร รถม้าก็ยังคงแล่นไปข้างหน้าด้วยความเร็วเท่าเดิม ราวกับว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้น หรืออาจเพราะพวกเขาชินชากับเรื่องเช่นนี้ไปแล้วก็เป็นได้ณ จวนหานอ๋องเย่จิ่งหานประทับนั่งอยู่บนบัลลังก์หลัก ดื่มชาอย่างสง่างาม รอบตัวแผ่รัศมีอันเย็นเยือกที่ไม่อาจเพิกเฉยได้กู้ชูหน่วนรู้สึกราวกับเป็นนักโทษที่กำลังรอการไต่สวนนางเม้มปาก หากไม่ใช่นางผิดเอง จะต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ได้อย่างไรนางจึงลากเก้าอี้มาอีกตัวหนึ่ง นั่งไขว่ห้างแล้วตะโกนว่า "ชิวเอ๋อร์ ไปชงชาให้ข้าเร็ว"ชิวเอ๋อร์สะดุดจนเกือบล้มนี่คือจวนหานอ๋อง นางจะกล้าชงชาให้พร่ำเพรื่อได้อย่างไร อีกอย่าง หานอ๋องยังไม่ได้สั่งเลยด้วยซ้ำชิงเฟิงกับเจี้ยงเสวี่ยต่างมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความประหลาดใจหรือว่าหญิงสาวผู้นี้จะเป็นหญิงสาวที่แตะต้องหานอ๋องของพวกเขาเมื่อวันก่อนกัน?นอกจากนาง พ
กู้ชูหน่วนโล่งอกคำพูดของเย่จิ่งหานหมายความว่ายังมีช่องทางในการเจรจาต่อรอง“แล้วเวลาล่ะ”“ข้าต้องตรวจสอบอย่างละเอียด ยามนี้ยังบอกเวลาที่แน่นอนไม่ได้”“หนึ่งปี มากสุดคือหนึ่งปี ภายในหนึ่งปีหากเจ้ารักษาไม่ได้ ข้าเชื่อว่าเจ้าจะตายอย่างน่าอนาถ”กู้ชูหน่วนกัดฟัน “ได้ หนึ่งปีก็หนึ่งปี แต่ฟ้าสางแล้ว ข้าต้องไปเรียนที่สำนักบัณฑิต ช่วงค่ำค่อยมาตรวจได้หรือไม่”ก่อนที่เย่จิ่งหานจะตอบ กู้ชูหน่วนก็ลากชิวเอ๋อร์ที่ยังคงยืนงงอยู่กับที่ออกไป “ยืนนิ่งอยู่ทำไม ไปเรียนกัน”“คุณหนู ท่านอ๋องยังไม่ได้อนุญาตให้เราไป”“ท่านอ๋องงานยุ่งมาก เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้จะให้ท่านมาวุ่นวายทำไม”“แต่ว่า…ยังไม่สว่างเลยนะเจ้าคะ…”“เจ้ารู้เรื่องอะไร วันนี้เป็นรอบชิงของการประลองศิลปะ เราต้องไปเตรียมตัวก่อน”ชิวเอ๋อร์อยากจะพูดอะไรต่อ แต่ก็ถูกดึงออกไปแล้วชิงเฟิงกับเจี้ยงเสวี่ยเบิกตากว้างหญิงสาวผู้นี้ช่างกล้ามาก กล้าที่จะไม่สนใจท่านอ๋องชิงเฟิงรายงานว่า “นายท่าน ข้าจะไปจับตัวพวกนางมา”เจี้ยงเสวี่ยดึงเขาไว้ แล้วกลอกตาใส่ราวกับเขาเป็นคนโง่หากนายท่านอยากให้นางตาย นางจะออกจากประตูบานนี้ไปได้อย่างไรชิงเฟิงใบหน้าเต็ม
"ยามนั้นมิใช่เพียงบรรดาอันธพาลห้าหกคนเท่านั้น ยังมีอีกหนึ่งผู้อันหลงทางมาภายหลัง เห็นเหตุการณ์เข้าพอดี อีกทั้งยังมีบ่าวรับใช้ในจวนอัครเสนาบดีแอบกระซิบเล่าลือกันว่า ในห้องของคุณหนูห้าตระกูลกู้มักจะได้ยินเสียงชายหญิงกระซิบกระซาบกันอย่างน่าสงสัย""หน้าด้านเกินไปเสียแล้ว คนเยี่ยงนี้จะมาเรียนที่สำนักบัณฑิตหลวงของเรา ข้าขยะแขยงที่จะเรียนกับนางนัก""ข้าก็ขยะแขยงเหมือนกัน"กู้ชูหน่วนยกนิ้วให้กับหลิ่วเยว่และอวี๋ฮุย"พวกเจ้าทั้งสองก็ใจร้ายเกินไป นางเป็นผู้หญิงนะ ทำลายชื่อเสียงนางเช่นนี้ ต่อไปนางจะอยู่อย่างไร"หลิ่วเยว่และอวี๋ฮุยแทบล้มลง"ลูกพี่ ไม่ใช่พี่บอกให้เรากระจายข่าวหรอกหรือ""พัวะ..."กู้ชูหน่วนดีดหน้าผากพวกเขา"ข้าบริสุทธิ์ใจและใจดีขนาดนี้ จะไปให้พวกเจ้าทำเรื่องเลวทรามเช่นนี้ได้อย่างไร"บริสุทธิ์ใจและใจดี?ไม่ละอายใจบ้างหรือ?หลิ่วเยว่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก "ใช่ ใช่ ใช่ ลูกพี่ใจดีที่สุดแล้ว เรื่องเลวทรามเช่นนี้ ลูกพี่จะทำได้อย่างไร เป็นความผิดของกู้ชูหลันเองชัดๆ กรรมตามสนองไปแล้วด้วย"กู้ชูหน่วนโค้งมุมปากยิ้ม ฟังเสียงซุบซิบนินทา ความรู้สึกหม่นหมองในใจก็ค่อยๆ จางหายไป"ไม่เพีย
กู้ชูหลันฟังเสียงเหยียดหยามของผู้คนในสำนักบัณฑิตหลวง นางแทบอยากแทรกแผ่นดินหนี"ข้าไม่ได้ทำอะไรผิดจริงๆ""หากเจ้าบริสุทธิ์จริงก็ให้แสดงรอยประทับพรหมจรรย์ออกมาสิ"กู้ชูหลันเม้มริมฝีปาก แต่ก็ตอบอะไรไม่ออกรอยประทับพรหมจรรย์ของนางหายไปนานแล้ว หากนางเปิดแขนออก ก็เท่ากับยอมรับผิดผู้คนในสำนักบัณฑิตหลวงหัวเราะเยาะ "ข้าบอกแล้วอย่างไรว่านางไม่กล้าเปิดเผยรอยประทับพรหมจรรย์หรอก เพราะนางเป็นนางโลม""เมื่อครู่ข้ายังคิดว่าเป็นข่าวลือ แต่ยามนี้คุณหนูห้าตระกูลกู้ก็ยังไม่กล้าเปิดเผยรอยประทับพรหมจรรย์ แสดงว่าทำจริง ถุย คนอย่างนางมีหน้ามาเรียนในสำนักบัณฑิตหลวงด้วยหรือ รีบไสหัวกลับจวนอัครเสนาบดีเถอะ อย่ามาทำให้ที่นี่เสื่อมเสียชื่อเสียงเลย""ข้าไม่ได้ทำจริงๆ"กู้ชูหลันปิดบังใบหน้าที่ร้อนผ่าวทำไม...ทำไมเพียงแค่ข้ามคืน คนทั้งเมืองหลวงถึงรู้เรื่องของนางได้?ใครแพร่งพรายกัน?ตกลงใครแพร่งพรายเนี่ยนางเงยหน้าขึ้น ก็พบกับกู้ชูหน่วนที่กำลังยิ้มมุมปากพริบตาเดียว ไฟในทรวงของกู้ชูหลันก็ลุกโชนขึ้นมา นางรีบวิ่งเข้าไปหา และด่าทอด้วยความโกรธ“กู้ชูหน่วน เจ้าเป็นคนทำใช่หรือไม่? เจ้าจงใจใส่ร้ายป้ายสีข้า เ
ครั้งนี้ นางใช้โชคเข้าปะทะชีพจรยุทธ ทุกครั้งที่ใกล้จะทะลวงชีพจรยุทธได้สำเร็จ นางจะคว้ายาชำระไขกระดูกจำนวนมากมากินเพื่อเพิ่มพลังงานเช่นเดียวกับครั้งก่อนๆ ทุกครั้งที่นางเพิ่งจะเปิดรอยแยกได้ ก็จะปิดลงทันที กู้ชูหน่วนไม่ยอมแพ้ นางทะลวงครั้งแล้วครั้งเล่าไม่รู้ว่าใช้เวลานานเท่าไหร่ ในที่สุดนางก็เปิดชีพจรยุทธได้สำเร็จ"เฮือก......"เลือดสดอีกคำไหลหยดออกมา คนอื่นทะลวงชีพจรยุทธแล้วจะรู้สึกสบายไปทั้งตัว มีพลังงานเต็มเปี่ยม แต่นางกลับเหมือนหนีความตายมาได้ และเกือบเอาชีวิตนางไปกู้ชูหน่วนคราบเลือดติดมุมปาก แต่นางก็แย้มรอยยิ้มที่ชั่วร้ายออกมานางพยายามใช้โชคหมุนเวียนพลังงานภายในร่างกาย เปลวไฟกลุ่มหนึ่งในตันเถียนของนางกำลังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และร่างกายของนางก็เบาขึ้นกว่าเดิมมากนางมีพลังภายในแล้ว...... แม้ว่าพลังภายในจะอ่อนแอมากก็ตาม......การเปิดชีพจรยุทธบ่งชี้ว่านางสามารถฝึกวิชายุทธได้แล้วกู้ชูหน่วนหายใจออกมายาวและเปิดตำรารวมสูตรปรุงยาอีกครั้งยายกระดับเป็นยาที่ช่วยเพิ่มพลังภายในอย่างรวดเร็วและทะลวงผ่านหนึ่งขั้นได้กู้ชูหน่วนรู้สึกสนใจขึ้นมา"ชิงเฟิง"ชิงเฟิงทำหน้าบูดบึ้ง "พระชาย
บ่าวรับใช้ในจวนอ๋องกำลังช่วยกันดับไฟ ผมของกู้ชูหน่วนถูกระเบิดจนยุ่งเหยิง ราวกับรังไก่ ชิงเฟิงจัดให้นางไปอยู่ในห้องที่ตกแต่งอย่างสวยงามอีกห้องหนึ่งภายในห้อง กู้ชูหน่วนมองกล่องยาชำระไขกระดูกขนาดใหญ่ตรงหน้า ทั้งกังวลและโล่งใจกังวลคือยาชำระไขกระดูกยังห่างไกลจากผลลัพธ์ที่นางต้องการโล่งใจคือในที่สุดก็ทำสำเร็จแล้ว"ชิวเอ๋อร์ ไปเฝ้าหน้าประตู ห้ามให้ใครเข้ามา รวมถึงท่านอ๋องด้วย""คุณหนู ท่านจะทำอะไรอีกแล้วหรือเจ้าคะ?"ชิวเอ๋อร์กลัวจนตัวสั่น ชีวิตของคุณหนูเกือบจะจบสิ้นแล้ว นางคงไม่คิดที่จะปรุงยาอีกแล้วใช่หรือไม่"เจ้ารู้อะไร รีบออกไปเถิด""แต่ว่า......"ก่อนที่ชิวเอ๋อร์จะพูดจบ กู้ชูหน่วนก็ผลักนางออกไป แล้วนั่งขัดสมาธิบนเตียง หยิบยาชำระไขกระดูกในกล่องตรงหน้ามากินหนึ่งเม็ดความร้อนไหลขึ้นมาจากตันเถียน แต่ชีพจรยุทธไม่เปิดออกเสียทีกู้ชูหน่วนกินอีกหลายเม็ด ความร้อนในตันเถียนรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เส้นลมปราณทั้งเจ็ดและแปดเส้นรู้สึกสบาย แต่ชีพจรยุทธยังคงไม่เปิดออกนางขมวดคิ้ว "ใช้สมุนไพรที่คล้ายกันมาทดแทน ผลลัพธ์ก็ยังแตกต่างกันมาก ยาชำระไขกระดูกนี้แย่เกินไป"กู้ชูหน่วนกัดฟัน กลืนยาชำระไขกระ
"พระชายา โปรดอย่าทำให้ข้าน้อยลำบากใจเลย ข้าน้อยก็แค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น"เมื่อเห็นว่ากู้ชูหน่วนตั้งใจจะออกไป ชิงเฟิงก็ตกใจและเอ่ยว่า "พระชายา ท่านต้องการไปหายาใช่หรือไม่? หรือว่าท่านจะให้ใบสั่งยาแก่ข้าน้อย แล้วให้ข้าน้อยปหายามาให้""ก็ได้ ยิ่งเร็วยิ่งดี""ขอรับ"ความเร็วของชิงเฟิงและคนอื่นๆ นั้นรวดเร็วมาก แต่หลังจากกลับมา คำตอบของพวกเขาก็เหมือนกับที่ชิวเอ๋อร์พูดไม่มีผิดเพี้ยน"พระชายา ข้าน้อยได้ไปหาหมอหลวงทุกคนในสำนักหมอหลวงแล้ว พวกเขาไม่เคยได้ยินชื่อสมุนไพรในใบสั่งยาของท่านเลย และไม่สามารถหายาเหล่านั้นมาให้ท่านได้"ด้วยความกลัวว่ากู้ชูหน่วนจะโกรธ ชิงเฟิงจึงหยุดชะงักแล้วเอ่ยต่อทันทีว่า "ข้าน้อยได้พาหมอหลวงจากสำนักหมอหลวง รวมถึงหมอที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงมาด้วย พระชายาสามารถสอบถามพวกเขาได้โดยตรงเลย"เมื่อโบกมือ หมอจำนวนมากก็เดินเข้ามาทีละคน และทำความเคารพนาง "คารวะพระชายา ขอพระองค์ทรงพระเจริญ พันปี พันๆ ปี""พอเถอะ ข้าขอถามพวกท่าน พวกท่านไม่เคยได้ยินชื่อซานหลิง ซูเหอเซียง การบูร จริงๆ หรือ?""ทูลพระชายา พวกข้าประกอบอาชีพหมอมาหลายสิบปี บรรพบุรุษของพวกข้าก็เป็นหมอเช่นกัน พวกข้าไ
นิ้วเรียวสวยของกู้ชูหน่วนพลิกดูตำรารวมสูตรปรุงยาที่ขาดวิ่นอย่างต่อเนื่อง นางมองอย่างตั้งใจจนลืมตัว และไม่รู้ว่าตัวเองกลับมาที่จวนหานอ๋องตั้งแต่เมื่อใด"เย่จิ่งหานล่ะ?" กู้ชูหน่วนเงยหน้าขึ้นถามทันทีชิงเฟิงเม้มปาก การต่อสู้ดุเดือดขนาดนั้น พระชายาของเขาไม่รู้จริงๆ หรือว่าแกล้งไม่รู้กันแน่?"นายน้อยแห่งเผ่าเทียนเฝินมาชิงแผนที่ไข่มุกสีเขียว นายท่านต่อสู้กับเขา และยามนี้ยังอยู่ในป่าไผ่ นายท่านให้ข้าพาพระชายากลับจวนก่อน""อย่างนั้นหรือ สามหมื่นล้านตำลึง ล่อตาล่อใจโจรจริง ๆ แผนที่ไข่มุกสีเขียวต้องได้รับการปกป้องอย่างดี อาจจะเป็นทรัพย์สมบัติทั้งหมดของจวนหานอ๋องก็ได้นะ" นายน้อยแห่งเผ่าเทียนเฝินบาดเจ็บไม่ใช่หรือ? เย่จิ่งหานน่าจะรับมือได้เมื่อเห็นกู้ชูหน่วนพูดเรื่องเหล่านี้อย่างจริงจัง คิ้วเข้มของชิงเฟิงก็ขมวดแน่นสิ่งที่นางควรเป็นห่วงไม่ใช่นายท่านหรอกหรือ?"ข้าจะกลับไปศึกษาตำรารวมสูตรปรุงยา บอกบ่าวรับใช้ว่าห้ามใครรบกวนหากไม่มีคำสั่งจากข้า""ขอรับ"ภายในห้อง กู้ชูหน่วนจรดพู่กันเขียนตำรับยาหลายแผ่นอย่างคล่องแคล่ว แล้วส่งให้ชิวเอ๋อร์ "ไปร้านขายยา ซื้อยาตามตำรับที่ข้าให้มา กลับมามากหน่อย"
กู้ชูหน่วนรับจดหมายเชิญ แล้วเกี่ยวคางของนางอย่างเย้าแหย่ "เมื่อมีสาวงามมาเชิญ เราจะกล้าไม่มาได้อย่างไร วางใจได้ งานประมูลเฟิงเซียงสิ้นเดือนนี้ พวกเราจะไปให้ตรงเวลาแน่นอน""เช่นนั้น เสี่ยวลู่จะรอแขกผู้มีเกียรติทั้งสองท่านอยู่ที่งานประมูลเฟิงเซียง"หลังออกจากงานประมูลเฟิงเซียง เย่จิ่งหานก็ยังคงทำหน้าเย็นชาตลอดเวลาระหว่างทางกลับ พวกเขานั่งรถม้าประจำตัวของเย่จิ่งหาน กู้ชูหน่วนไม่รู้ว่ารถม้าทำจากวัสดุอะไร ภายนอกดูธรรมดา แต่ภายในกลับมีพื้นที่กว้างขวางมาก สามารถดื่มชา เล่นหมากรุก หรือนอนพักผ่อนได้ อีกทั้งยังป้องกันลูกธนูพิษและอาวุธทุกชนิดได้ เมื่อสัมผัสกับรถม้า จะมีเพียงเสียงโลหะกระทบกันเท่านั้นตลอดทาง เสียงการต่อสู้ดังขึ้นเป็นระยะๆ ไม่ขาดสาย พร้อมกับเสียงร้องคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดพื้นดินสั่นสะเทือนเป็นครั้งคราว ไม่รู้ว่าข้างนอกต่อสู้กันดุเดือดเพียงใดกู้ชูหน่วนรู้ว่าคนเหล่านี้ส่วนใหญ่มาเพื่อแย่งชิงแผนที่ไข่มุกสีเขียวของเย่จิ่งหานแต่เมื่อมองไปที่เย่จิ่งหาน เขานั่งจิบชาอ่านหนังสืออย่างสง่างามริมหน้าต่างรถม้า ราวกับไม่รับรู้ถึงการต่อสู้ภายนอกกู้ชูหน่วนเปิดม่านรถม้าดู ข้างนอกมีแต่แ
อี้เฉินเฟยพิจารณาความหมายในคำพูดของกู้ชูหน่วนอย่างถี่ถ้วนครู่หนึ่งเขาก็เข้าใจกระจ่างแจ้ง ยิ้มอย่างอ่อนโยน "สุภาพบุรุษไม่แย่งชิงสิ่งที่ผู้อื่นชื่นชอบ ในเมื่อแขกชั้นล่างชื่นชอบแผนที่ไข่มุกสีเขียวขนาดนี้ ข้าก็จะไม่แย่งแล้ว"กู้ชูหน่วนลูบปลายคาง คำพูดนี้ฟังดูคุ้นหูเหลือเกิน?แต่อี้เฉินเฟยก็มีสมองขึ้นมาบ้างแล้วสามพันล้าน......จุ จุ จุทรัพย์สมบัติของเย่จิ่งหานถูกสูบไปหมดแล้วใช่หรือไม่"สามพันล้านครั้งที่หนึ่ง สามพันล้านครั้งที่สอง สามพันล้านครั้งที่สาม ขอแสดงความยินดีกับแขกผู้มีเกียรติหมายเลขยี่สิบเก้า ได้รับแผนที่ไข่มุกสีเขียวไปครอง"ทุกคนต่างมองเย่จิ่งหานด้วยความอิจฉาในหมู่พวกเขาบางคนเคยคิดที่จะแย่งชิง แต่ฝ่ายตรงข้ามคือเทพสงครามแห่งแคว้นเย่ พวกเขาจะแย่งชิงได้อย่างไร?เด็กรับใช้ของอี้เฉินเฟยเสียดายแล้วเสียดายอีกสามพันล้านสูงเกินไป......น่าเสียดายที่อาจารย์อี้เตรียมการมานาน สุดท้ายก็ยังพลาดการประมูลเจ๋ออ๋องขมขื่นในใจ เดินออกงานประมูลอย่างอ้างว้างหางตาของซ่างกวานฉู่ฉายแววเย็นเยือก มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย้ายวนคนของเผ่าเทียนเฝินเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ "ดำเนินการตามแผนเดิม ต้อง
"อะไรนะ เขาคือเทพสงคราม"ทุกคนต่างถอยหลังด้วยความหวาดกลัว พยายามรักษาระยะห่าง เพราะกลัวว่าเย่จิ่งหานจะลงมือกับพวกเขาหากเป็นคนอื่นที่เสนอราคานี้ พวกเขาคงจะประหลาดใจมาก แต่หากเป็นเทพสงครามที่เสนอราคา ก็ไม่มีอะไรน่าแปลกใจเพราะเทพสงครามคือบุคคลสำคัญของแคว้นเย่ ทั้งศักยภาพ ความมั่งคั่ง และอิทธิพลของเขายิ่งใหญ่กว่าฮ่องเต้เสียอีกเด็กรับใช้ของอี้เฉินเฟยเอ่ยว่า "อาจารย์อี้ เราจะเพิ่มราคาอีกหรือไม่?"อี้เฉินเฟยเงียบไป ราวกับกำลังชั่งน้ำหนักมูลค่าอยู่ครู่หนึ่ง เขาจึงยกป้ายขึ้น "หนึ่งพันเจ็ดร้อยล้าน"อะไรนะ......คนในห้องหมายเลขเจ็ดเป็นใครกัน?เพิ่มราคาครั้งละสองร้อยล้านเงินในสายตาพวกเขาเป็นเพียงตัวเลขหรืออย่างไร?เจ๋ออ๋องโยนป้ายทิ้งอย่างหมดแรงจะประมูลไปทำไม ประมูลไปก็เปล่าประโยชน์เขาไม่สามารถประมูลได้แม้แต่เศษเสี้ยวของพวกเขาในชั่วพริบตา เจ๋ออ๋องรู้สึกว่าตนแตกต่างจากพวกเขาอย่างมาก"สองพันล้าน" เย่จิ่งหานเอ่ยชิงเฟิงเหงื่อออกที่ฝ่ามือแม้นายท่านจะมีทรัพย์สมบัติจำนวนมาก แต่การสูญเสียสองพันล้านในคราวเดียวก็ต้องทำให้บาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอนซ่างกวานฉู่หน้าตายไร้อารมณ์ มองไม่ออ
"ห้าร้อยห้าสิบล้านตำลึง" ซ่างกวานฉู่รีบตามมาติดๆการเพิ่มราคาเมื่อครู่เป็นเพียงแค่การอุ่นเครื่องเท่านั้น ยามนี้ผู้ที่เสนอราคาคือตัวเอกที่แท้จริงกู้ชูหน่วนรู้ว่าอี้เฉินเฟย ซ่างกวานฉู่ และเย่จิ่งหานจะต้องแข่งขันกันแล้ว แต่ไม่รู้ว่าสามยักษ์ใหญ่เหล่านี้ใครจะเหนือกว่ากัน"หกร้อยล้าน""หกร้อยห้าสิบล้าน""เจ็ดร้อยล้าน"ซี้ดดด......ทั้งงาน นอกจากอี้เฉินเฟยและซ่างกวานฉู่แล้ว ไม่มีใครกล้าเสนอราคาอีกเลยแม้ว่าพวกเขาจะอยากได้ไข่มุกสีเขียวมากแค่ไหน ก็ไม่สามารถหาเงินมาได้มากขนาดนั้นกู้ชูหน่วนมองไปทางเย่จิ่งหานเจ้าคนนี้มองดูเฉยๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ได้เสนอราคาเลย หรือว่าเขาตั้งใจจะรอให้อี้เฉินเฟยกับซ่างกวานฉู่สู้กันเสร็จก่อนแล้วค่อยเสนอราคา?เจ็ดร้อยล้านตำลึง นี่ไม่ใช่จำนวนเงินเล็กๆ เลยนะคงจะเทียบเท่ากับเงินทั้งหมดในคลังหลวงกระมังอี้เฉินเฟยเป็นบุคคลสำคัญของแคว้นหวา ทั้งยังเป็นอาจารย์สามของสำนักหยู และยังมีอีกหลายตัวตนที่ไม่เปิดเผย เขามีเงินก็สมเหตุสมผลแต่ซ่างกวานฉู่มีอะไร เขาเอาเงินมากมายขนาดนี้มาจากไหน?หรือจะพูดว่าเขามีตัวตนลับหลังอีกมากแค่ไหนกันแน่"เจ็ดร้อยห้าสิบล้านตำลึง" อี
เสียงของพิธีกรเสี่ยวลู่ดังขึ้นอีกครั้ง"สินค้าชิ้นต่อไปที่จะประมูลคือของปิดการประมูลของเราในครั้งนี้ ยังคงเป็นแผนที่ แผนที่สมบูรณ์ ชื่อว่าแผนที่มังกรเขียว"ตู้ม......การประมูลก็ระเบิดขึ้นทันที"เจ้าพูดอะไรนะ แผนที่มังกรเขียว? เป็นแผนที่พบลูกแก้วมังกรสีเขียวใช่หรือไม่?""ใช่ ทุกคนคงรู้ดีว่าลูกแก้วมังกรหมายถึงอะไร มีลูกแก้วมังกรทั้งหมดเจ็ดลูกในโลก ได้แก่ แดง ส้ม เหลือง เขียว ฟ้า น้ำเงิน และม่วง หากต้องการค้นหาลูกแก้วมังกร ก็ต้องมีแผนที่""โอ้สวรรค์ ลูกแก้วมังกรในตำนาน รีบกลับไปรวบรวมเงิน แม้ว่าเจ้าจะขายทรัพย์สินทั้งหมดของเจ้า เจ้าก็ต้องรวบรวมเงินทั้งหมด""ท่านพ่อ การขายบ้านทันทีทำได้ยากมาก""เช่นนั้นก็เอาบ้านไปจำนองก่อน แล้วเอาเงินมา""อาฝู รีบกลับไปหาฮูหยินเร็ว และให้ฮูหยินรวบรวมเงินทั้งหมดในบ้านและให้ลูกชายข้าไปยืมเงินทุกที่ที่ทำได้ ยืมให้ได้มากที่สุด คราวนี้เราจะเสี่ยงชีวิตเพื่อประมูลแผนที่ไข่มุกสีเขียว""……"แขกทุกคนในงานประมูลแทบจะให้คนรับใช้กลับไปรวบรวมเงินแม้แต่อัครเสนาบดีกู้ที่ไม่อยากเข้าร่วมการประมูลต่อแล้ว ก็ยังหวั่นไหวอีกครั้งและให้กู้ชูอวิ๋นรีบกลับไป แม้ว่าจะต้อ