แชร์

บทที่ 53

ผู้เขียน: เย่ชิงขวง
กู้ชูหน่วนกระโดดหลบอย่างรวดเร็ว แต่ฝ่ามือใหญ่คู่หนึ่งก็ตามติดราวกับเงา ไม่ว่านางจะหลบอย่างไรก็หนีไม่พ้น

ในที่สุดกู้ชูหน่วนก็ต้องกลิ้งไปตามพื้นราวกับปลาไหลอย่างทุลักทุเล จึงหลบการโจมตีไปได้หวุดหวิด

เมื่อครู่ นางรู้สึกราวกับความตายอยู่ใกล้แค่เอื้อม

ชายผู้นี้ หากอยากสังหารนาง ฝ่ามือเดียวของเมื่อครู่ก็เพียงพอที่จะจบชีวิตนางได้แล้ว

นางยิ้มอย่างอ่อนน้อม "ท่านอ๋องเป็นผู้สูงศักดิ์ มีอำนาจมากมาย ย่อมไม่มาทำร้ายสตรีผู้อ่อนแอตัวเล็กๆ อย่างข้าหรอกใช่หรือไม่?"

"สตรีผู้อ่อนแอตัวเล็กๆ อย่างนั้นรึ?"

เหอะ

นางคือสตรีผู้อ่อนแอ?

แม้แต่ผู้ชายยังกล้าข่มเหง จะเรียกว่าหญิงอ่อนแอได้อย่างไร?

"แน่นอน ท่านดูข้าสิ แขนขาข้าเล็กนิดเดียว จะสู้ท่านได้อย่างไร เรื่องที่ผ่านมาข้าผิดไปแล้ว ท่านเป็นผู้ใหญ่ใจกว้าง ยกโทษให้ข้าสักครั้งเถิด ข้าสัญญาว่าจะไม่ทำอีกเป็นอันขาด..."

เฮือก...

อุณหภูมิภายในรถม้าลดลงอย่างรวดเร็ว

สีหน้าของเย่จิ่งหานดำสนิทราวกับถ่าน กลิ่นสังหารแผ่ซ่านออกมา

กู้ชูหน่วนรู้สึกไม่สู้ดี รีบพูดออกไปก่อนที่เย่จิ่งหานจะลงมือ

"ท่านอ๋อง ข้าเคยช่วยชีวิตท่านไว้ เราถือว่าหายกันได้หรือไม่"

"เจ้าคิดว่าอย่า
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 54

    กู้ชูหน่วนพอจะเข้าใจแล้วเพียงแต่เมื่อครู่ที่ลูกธนูฝนพรำยิงเข้ามาในรถม้า นางได้พยายามอย่างสุดชีวิตเพื่อคุ้มกัน แต่ทั้งหมดนั้นก็เป็นเพียงความคิดของนางเอง เพราะนักฆ่าเหล่านั้นจะทำอะไรเย่จิ่งหานได้ไอ้หมอนั่นตั้งใจเยาะเย้ยนางแน่ๆนักฆ่าทั้งหมดถูกสังหาร รถม้าก็ยังคงแล่นไปข้างหน้าด้วยความเร็วเท่าเดิม ราวกับว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้น หรืออาจเพราะพวกเขาชินชากับเรื่องเช่นนี้ไปแล้วก็เป็นได้ณ จวนหานอ๋องเย่จิ่งหานประทับนั่งอยู่บนบัลลังก์หลัก ดื่มชาอย่างสง่างาม รอบตัวแผ่รัศมีอันเย็นเยือกที่ไม่อาจเพิกเฉยได้กู้ชูหน่วนรู้สึกราวกับเป็นนักโทษที่กำลังรอการไต่สวนนางเม้มปาก หากไม่ใช่นางผิดเอง จะต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ได้อย่างไรนางจึงลากเก้าอี้มาอีกตัวหนึ่ง นั่งไขว่ห้างแล้วตะโกนว่า "ชิวเอ๋อร์ ไปชงชาให้ข้าเร็ว"ชิวเอ๋อร์สะดุดจนเกือบล้มนี่คือจวนหานอ๋อง นางจะกล้าชงชาให้พร่ำเพรื่อได้อย่างไร อีกอย่าง หานอ๋องยังไม่ได้สั่งเลยด้วยซ้ำชิงเฟิงกับเจี้ยงเสวี่ยต่างมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความประหลาดใจหรือว่าหญิงสาวผู้นี้จะเป็นหญิงสาวที่แตะต้องหานอ๋องของพวกเขาเมื่อวันก่อนกัน?นอกจากนาง พ

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 55

    กู้ชูหน่วนโล่งอกคำพูดของเย่จิ่งหานหมายความว่ายังมีช่องทางในการเจรจาต่อรอง“แล้วเวลาล่ะ”“ข้าต้องตรวจสอบอย่างละเอียด ยามนี้ยังบอกเวลาที่แน่นอนไม่ได้”“หนึ่งปี มากสุดคือหนึ่งปี ภายในหนึ่งปีหากเจ้ารักษาไม่ได้ ข้าเชื่อว่าเจ้าจะตายอย่างน่าอนาถ”กู้ชูหน่วนกัดฟัน “ได้ หนึ่งปีก็หนึ่งปี แต่ฟ้าสางแล้ว ข้าต้องไปเรียนที่สำนักบัณฑิต ช่วงค่ำค่อยมาตรวจได้หรือไม่”ก่อนที่เย่จิ่งหานจะตอบ กู้ชูหน่วนก็ลากชิวเอ๋อร์ที่ยังคงยืนงงอยู่กับที่ออกไป “ยืนนิ่งอยู่ทำไม ไปเรียนกัน”“คุณหนู ท่านอ๋องยังไม่ได้อนุญาตให้เราไป”“ท่านอ๋องงานยุ่งมาก เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้จะให้ท่านมาวุ่นวายทำไม”“แต่ว่า…ยังไม่สว่างเลยนะเจ้าคะ…”“เจ้ารู้เรื่องอะไร วันนี้เป็นรอบชิงของการประลองศิลปะ เราต้องไปเตรียมตัวก่อน”ชิวเอ๋อร์อยากจะพูดอะไรต่อ แต่ก็ถูกดึงออกไปแล้วชิงเฟิงกับเจี้ยงเสวี่ยเบิกตากว้างหญิงสาวผู้นี้ช่างกล้ามาก กล้าที่จะไม่สนใจท่านอ๋องชิงเฟิงรายงานว่า “นายท่าน ข้าจะไปจับตัวพวกนางมา”เจี้ยงเสวี่ยดึงเขาไว้ แล้วกลอกตาใส่ราวกับเขาเป็นคนโง่หากนายท่านอยากให้นางตาย นางจะออกจากประตูบานนี้ไปได้อย่างไรชิงเฟิงใบหน้าเต็ม

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 56

    "ยามนั้นมิใช่เพียงบรรดาอันธพาลห้าหกคนเท่านั้น ยังมีอีกหนึ่งผู้อันหลงทางมาภายหลัง เห็นเหตุการณ์เข้าพอดี อีกทั้งยังมีบ่าวรับใช้ในจวนอัครเสนาบดีแอบกระซิบเล่าลือกันว่า ในห้องของคุณหนูห้าตระกูลกู้มักจะได้ยินเสียงชายหญิงกระซิบกระซาบกันอย่างน่าสงสัย""หน้าด้านเกินไปเสียแล้ว คนเยี่ยงนี้จะมาเรียนที่สำนักบัณฑิตหลวงของเรา ข้าขยะแขยงที่จะเรียนกับนางนัก""ข้าก็ขยะแขยงเหมือนกัน"กู้ชูหน่วนยกนิ้วให้กับหลิ่วเยว่และอวี๋ฮุย"พวกเจ้าทั้งสองก็ใจร้ายเกินไป นางเป็นผู้หญิงนะ ทำลายชื่อเสียงนางเช่นนี้ ต่อไปนางจะอยู่อย่างไร"หลิ่วเยว่และอวี๋ฮุยแทบล้มลง"ลูกพี่ ไม่ใช่พี่บอกให้เรากระจายข่าวหรอกหรือ""พัวะ..."กู้ชูหน่วนดีดหน้าผากพวกเขา"ข้าบริสุทธิ์ใจและใจดีขนาดนี้ จะไปให้พวกเจ้าทำเรื่องเลวทรามเช่นนี้ได้อย่างไร"บริสุทธิ์ใจและใจดี?ไม่ละอายใจบ้างหรือ?หลิ่วเยว่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก "ใช่ ใช่ ใช่ ลูกพี่ใจดีที่สุดแล้ว เรื่องเลวทรามเช่นนี้ ลูกพี่จะทำได้อย่างไร เป็นความผิดของกู้ชูหลันเองชัดๆ กรรมตามสนองไปแล้วด้วย"กู้ชูหน่วนโค้งมุมปากยิ้ม ฟังเสียงซุบซิบนินทา ความรู้สึกหม่นหมองในใจก็ค่อยๆ จางหายไป"ไม่เพีย

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 57

    กู้ชูหลันฟังเสียงเหยียดหยามของผู้คนในสำนักบัณฑิตหลวง นางแทบอยากแทรกแผ่นดินหนี"ข้าไม่ได้ทำอะไรผิดจริงๆ""หากเจ้าบริสุทธิ์จริงก็ให้แสดงรอยประทับพรหมจรรย์ออกมาสิ"กู้ชูหลันเม้มริมฝีปาก แต่ก็ตอบอะไรไม่ออกรอยประทับพรหมจรรย์ของนางหายไปนานแล้ว หากนางเปิดแขนออก ก็เท่ากับยอมรับผิดผู้คนในสำนักบัณฑิตหลวงหัวเราะเยาะ "ข้าบอกแล้วอย่างไรว่านางไม่กล้าเปิดเผยรอยประทับพรหมจรรย์หรอก เพราะนางเป็นนางโลม""เมื่อครู่ข้ายังคิดว่าเป็นข่าวลือ แต่ยามนี้คุณหนูห้าตระกูลกู้ก็ยังไม่กล้าเปิดเผยรอยประทับพรหมจรรย์ แสดงว่าทำจริง ถุย คนอย่างนางมีหน้ามาเรียนในสำนักบัณฑิตหลวงด้วยหรือ รีบไสหัวกลับจวนอัครเสนาบดีเถอะ อย่ามาทำให้ที่นี่เสื่อมเสียชื่อเสียงเลย""ข้าไม่ได้ทำจริงๆ"กู้ชูหลันปิดบังใบหน้าที่ร้อนผ่าวทำไม...ทำไมเพียงแค่ข้ามคืน คนทั้งเมืองหลวงถึงรู้เรื่องของนางได้?ใครแพร่งพรายกัน?ตกลงใครแพร่งพรายเนี่ยนางเงยหน้าขึ้น ก็พบกับกู้ชูหน่วนที่กำลังยิ้มมุมปากพริบตาเดียว ไฟในทรวงของกู้ชูหลันก็ลุกโชนขึ้นมา นางรีบวิ่งเข้าไปหา และด่าทอด้วยความโกรธ“กู้ชูหน่วน เจ้าเป็นคนทำใช่หรือไม่? เจ้าจงใจใส่ร้ายป้ายสีข้า เ

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 58

    นางยังมีหน้ามาพูดอีกหรือ?"นอกจากเจ้าแล้ว ใครใส่ร้ายข้า""เจ้าพึมพำว่าข้าใส่ร้ายเจ้า เจ้าก็หาหลักฐานมาสิ หากเจ้าหาหลักฐานไม่ได้ ก็ยกแขนเสื้อขึ้น หากยังมีรอยประทับพรหมจรรย์อยู่ ก็ถือว่าข้าใส่ร้ายเจ้า"ทุกคนหันไปมองกู้ชูหลันอีกครั้งกู้ชูหลันโกรธจนหน้าเขียว แต่ก็ไม่กล้ายกแขนเสื้อขึ้นกู้ชูหน่วนหัวเราะเยาะ แล้วเรียกเซียวอวี่เชียนกับพวกมา "ยืนนิ่งทำไม ทำงานได้แล้ว""ทำงาน?"เซียวอวี่เชียนกับพวกมึนงง"ทำงานอะไร?""เดิมพันสักสองสามรอบ"เซียวอวี่เชียนกับพวกตาเป็นประกาย "คราวนี้เราจะแทงว่าใครชนะ""แน่นอนว่า...แทงข้าสิ""ตุบ..."เซียวอวี่เชียนเข่าอ่อนเล็กน้อย แต่หลิ่วเยว่กับอวี๋ฮุยถึงกับล้มคว่ำลงกับพื้นทุกคนมองกู้ชูหน่วนด้วยสายตาราวกับมองคนบ้า แม้แต่หลิ่วเยว่เองก็ยังส่งสายตาเช่นนั้น"ลูกพี่ แทงว่าพี่แพ้หรือ?”"พัวะ..."กู้ชูหน่วนตบศีรษะเขาไปหนึ่งป้าบ “พูดอะไร แทงข้าชนะสิ”“แทงพี่ชนะ?”เซียวอวี่เชียนกับพวกรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว เดิมทีพวกเขายังหวังว่าจะได้เงินก้อนโตจากนางอีกสักครั้งหลังจากเมื่อวานชนะไปมาก ดูแล้วก็แค่โชคช่วย“ยัยขี้เหร่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าการจะชนะในรอบชิงยากเย

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 59

    เมื่อนึกถึงเมื่อวานที่หลิ่วเยว่พูดกับเขาว่า กู้ชูหลันแอบลอบกัด จึงทำให้เขาโดนพ่อดุด่าเซียวอวี่เชียนเบิกตากว้าง มองไปที่กู้ชูหน่วนด้วยความไม่เชื่อหรือว่า...ยัยขี้เหร่จะช่วยเขาแก้แค้น?เซียวอวี่เชียนยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่ามีโอกาสเป็นไปได้ในเมืองหลวงอันสงบสุขนี้ ทำไมทุกคนถึงพูดถึงแต่ข่าวลือที่ไม่ดีเกี่ยวกับกู้ชูหลันกันหมด ยัยขี้เหร่ฉลาดราวกับสุนัขจิ้งจอก นางจะยอมเดิมพันทั้งที่ตัวเองเสียเปรียบได้อย่างไรเซียวอวี่เชียนรู้สึกอบอุ่นใจ เสียงก็อ่อนโยนลง"ยัยขี้เหร่ ข้ารู้เจตนาของเจ้าแล้ว พวกเราไม่เดิมพันครั้งนี้แล้ว"กู้ชูหน่วนเบ้ปากใส่เขา"ก่อนหน้านี้ข้าอยากแต่งงานกับเจ้า เจ้าไม่ยอม ยามนี้สายไปเสียแล้ว วันขึ้นหนึ่งค่ำของเดือนหน้าข้าจะแต่งงานกับเทพสงคราม เก็บน้ำลายที่ไหลย้อยของเจ้ากลับไปเถอะ อย่ามาเพ้อฝันในตัวลูกพี่ของเจ้าอีกเลย"เซียวอวี่เชียนงงงวยนางพูดอะไรเนี่ย?น้ำลายไหลย้อย?เขาเคยน้ำลายไหลย้อยเมื่อใดกัน?"เจ้ารู้หรือไม่ว่าเทพสงครามเป็นคนเช่นไร แล้วเจ้ากล้าจะแต่งงานกับเขาอีกหรือ?" เซียวอวี่เชียนทำเสียงสูงอย่างฉับพลัน"รู้ อยู่ใต้หนึ่งคนอยู่เหนือหมื่นคน มีอำนาจ มีเงิน ใบหน้

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 60

    สมาชิกของสำนักบัณฑิตหลวงสามารถไปวางเดิมพันที่เวทีประลองได้ เพื่อทายว่าใครจะเป็นผู้ชนะหากมีการเดิมพันส่วนตัว เหล่าอาจารย์ประจำเวทีประลองก็จะทำหน้าที่เป็นพยานหากผู้ใดแพ้แล้วไม่ยอมชำระหนี้ ชายผู้นั้นจะถูกตัดสิทธิในการสอบคัดเลือกขุนนางตลอดชีวิต ไม่สามารถเข้ารับราชการได้ส่วนหญิงสาวจะถูกตีหน้า ครอบครัวจะต้องแบกรับความอัปยศไปตลอดกาล และไม่มีใครในแคว้นเย่กล้าแต่งงานด้วยดังนั้น การเดิมพันในสำนักบัณฑิตหลวงจึงไม่มีใครกล้าเบี้ยวหนี้พวกหลิ่วเยว่พยายามห้ามปราม แต่ห้ามไม่ได้ ในที่สุดกู้ชูหน่วนก็มาถึงเวทีประลอง นำเงินสองแสนตำลึงของตนและเงินที่ยืมมาจากเซียวอวี่เชียนอีกสองแสนตำลึงไปวางเดิมพันทั้งหมด"น้องห้า หากข้าชนะ ประเดี๋ยวอย่ามานั่งร้องไห้นะ""รอเจ้าชนะก่อนแล้วค่อยพูด"ขณะที่กู้ชูหลันวางเดิมพัน มือของนางสั่นเทา หัวใจเต้นรัววันนี้อาจเป็นวันสุดท้ายของนางในสำนักบัณฑิตหลวงแล้ว ด้วยข่าวลือจำนวนมากในเมืองหลวง นางคงไม่สามารถเรียนต่อในสำนักบัณฑิตหลวงได้อีกแล้วนี่เป็นโอกาสเดียวที่จะเอาเงินสองแสนตำลึงที่เคยเสียไปกลับคืนมากู้ชูหลันกัดฟัน ตัดสินใจเดิมพันกับกู้ชูหน่วนอย่างเป็นทางการนางทนไม่

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 61

    "จุ จุ จุ คุณหนูสามตระกูลกู้เป็นคนโง่เขลา คุณหนูห้าตระกูลกู้เป็นหญิงร่านมากรัก ส่วนคุณหนูสองตระกูลกู้ก็คงไม่ใช่คนดีอะไรหรอก""นั่นสิ ต่อไปนี้หากจะแต่งงานก็อย่าไปแต่งกับคุณหนูของจวนอัครเสนาบดีเชียวนะ เพราะลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น ดูจากนิสัยของกู้ชูหน่วนกับกู้ชูหลันแล้ว กู้ชูหลันก็คงไม่ต่างกัน"กู้ชูหน่วนไม่สนใจว่าคนอื่นจะนินทานางอย่างไร นางมองไปที่การเดิมพันในสนามประลองอย่างไม่ละสายตาในบรรดาการเดิมพันทั้งหมด มีการแทงพนันเจ๋ออ๋องมากที่สุด ส่วนกู้ชูอวิ๋นเมื่อเทียบกับครั้งก่อนจำนวนน้อยลงไปมาก คงกระทบเพราะเรื่องของกู้ชูหลันแต่สำหรับนาง...ไม่มีใครแทงพนันนางเลยคนในสำนักบัณฑิตต่างร้องตะโกน"เดิมพันคุณหนูสามตระกูลกู่ อัตราการจ่ายหนึ่งต่อห้าร้อย รีบๆ เดิมพันเถอะ หากพลาดโอกาสนี้ต้องรออีกห้าปีเลยนะ"ดวงตาของกู้ชูหน่วนเป็นประกายหนึ่งต่อห้าร้อย?หมายความว่าหากนางชนะ วางเงินหนึ่งตำลึงจะได้เงินถึงห้าร้อยตำลึงกู้ชูหน่วนหันหลังกลับทันที แล้วยื่นมือออกไป "พวกเจ้าต้องมีเงินติดตัวมาแน่ๆ ใช่หรือไม่ ข้าขอยืมก่อน ข้ารับประกันว่าพวกเจ้าจะได้กำไรกลับไปจำนวนมากแน่"เซียวอวี่เชียนสงสัยขึ้นมา “มิใช่ว่าเ

บทล่าสุด

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 258

    ขณะที่เยี่ยเฟิงเดินมาถึงประตูวิหารใหญ่ ซิ่งเอ๋อร์และฮองเฮาฉู่ได้พูดคุยกัน ทำให้ร่างกายของเขาสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ม่านตาหดเล็กลง ราวกับว่าเท้าของเขามีน้ำหนักเป็นพันชั่ง เขาจึงก้าวต่อไปไม่ได้"ฮูหยิน ท่านชายน้อยหายตัวไปนานหลายปีแล้ว แม้ว่ายามนี้เขาจะยืนอยู่ตรงหน้าท่าน ท่านก็อาจจะจำเขาไม่ได้ จะทำอย่างไรดีเจ้าคะ?""ยามนั้นที่ข้าคลอดบุตรยากและสลบไป ข้าเห็นดอกเหมยที่บริเวณไหล่ซ้ายด้านหลังของเขา ดอกเหมยที่กำลังเบ่งบาน ข้ายังคิดว่าทำไมเด็กชายถึงมีปานรูปดอกเหมยที่ไหล่ได้"ปาน......ดอกเหมย?เยี่ยเฟิงหายใจเร็วขึ้นเขาใช้ความพยายามอย่างมากจึงสามารถยืนอยู่หลังประตูได้ร่างกายเย็นเฉียบแนบชิดประตู ราวกับว่าหากไม่แนบชิดประตู เขาก็จะยืนไม่ไหวไหล่ซ้ายด้านหลังของเขา......ก็มีปานเป็นรูปดอกเหมยเช่นกัน และยังเป็นดอกที่กำลังเบ่งบาน......แม่เฒ่าบอกว่า ตั้งแต่เขาเกิดก็......มี......"แค่ปานรูปดอกท้อ จะสามารถระบุตัวท่านชายน้อยได้อย่างไร? แล้วหากมีคนปลอมตัวล่ะเจ้าคะ?""เป็นไปไม่ได้ ดอกเหมยดอกนั้นแตกต่างจากดอกเหมยอื่นๆ กลีบดอกน้อยกว่าดอกเหมยทั่วไปหนึ่งกลีบ นอกจากข้าและแม่นมแล้ว ไม่มีใครรู้เรื่องนี้

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 257

    เมื่อได้ยินคำพูดของสาวใช้ เยี่ยเฟิงหันมองเล็กน้อยฮูหยินผู้นั้นกับลูกชายแท้ๆ ถูกพรากจากกันมานานถึงสิบแปดปี และเขาก็พลัดพรากจากพ่อแม่แท้ๆ มาสิบแปดปี นางอาจเป็นแม่ของเขาใช่หรือไม่?เมื่อมองดูฮูหยินอีกครั้ง ท่าทางสง่างาม พูดจาไพเราะ แม้จะอายุมากแล้ว แต่ใบหน้าก็ดูแลอย่างดี ไม่เหมือนคนยากจนเลยฮูหยินสูงศักดิ์เช่นนี้ จะเป็นแม่แท้ๆ ของเขาได้อย่างไรกันเยี่ยเฟิงหัวเราะเสียงเบาเขาคงคิดถึงพ่อแม่จนเพี้ยนไปแล้วฮองเฮาฉู่ตาแดงก่ำ ความเศร้าโศกแวบผ่านไป "ยามนั้น ลูกชายคนเล็กของข้าหลินเอ๋อร์ถูกขโมยไปที่นอกเมืองชิงหง ราชครูบอกว่า หากอยากจะตามลูกชายคนเล็กกลับมา ก็ต้องมาไหว้พระที่วัดไป๋อวิ๋น ราชครูชำชองวิชาห้าธาตุแปดทิศ สามารถมองเห็นอดีตและอนาคตได้ เขาไม่โกหกข้าแน่นอน""แต่ท่านมาไหว้พระที่นี่ทุกปี และเมื่อก่อนก็มาสวดมนต์ที่วัดไป๋อวิ๋นทุกวัน ไม่ใช่ว่ายังหาเด็กชายคนนั้นไม่เจอหรอกหรือ"พอนึกถึงเรื่องในอดีต ซิ่งเอ๋อร์ก็ร้องไห้เมื่อเด็กน้อยถูกขโมยไป ฮองเฮาก็คิดถึงทุกวัน กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ในช่วงสิบปีแรก อยู่ที่วัดไป๋อวิ๋นสวดมนต์ทุกวัน เพื่อเพิ่มบุญให้กับท่านชายน้อย หวังว่าจะได้กลับมาเป็นครอบครัวก

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 256

    กู้ชูหน่วนพยักหน้าเบาๆ “เช่นนั้นไปพักที่วัดไป๋อวิ๋นก่อนก็แล้วกัน”กู้ชูหน่วนก็ไม่รู้จะปลอบเยี่ยเฟิงอย่างไรเรื่องแบบนี้ต้องให้เขาคิดเองนางก็ไม่ได้ตั้งใจจะเห็นฉากนั้น เป็นเรื่องบังเอิญล้วนๆเยี่ยเฟิงแม้จะไม่ได้พูดอะไรสักคำ แต่นางก็รู้สึกได้เขามองนางเป็นเพื่อน และเพราะว่ามองนางเป็นเพื่อน จึงไม่อยากให้นางเห็นฉากที่น่าอับอายที่สุดของเขา“ร่างกายยังไหวหรือไม่? ห่กไม่ไหว เราพักที่นี่ก่อนก็ได้”“ไหว ไปกันเถอะ ประเดี๋ยวเหล่าทหารจะไล่ตามมา”เยี่ยเฟิงเดินนำไปด้วยใบหน้าเรียบเฉย ไม่ปรากฏสีหน้าใดๆฝูกวงอธิบาย “วันนั้นในป่าไผ่ที่พลัดหลงกับนายหญิง พวกข้าเจอกับนายท่านของเผ่าหมอหลายคน พวกข้ายืนหยัดต่อสู้ไม่ไหว เยี่ยเฟิงขาช้าก็เลยถูกจับไป ข้าน้อยหานายหญิงไม่เจอ จึงแอบแฝงตัวเข้าไปในเผ่าหมอเพื่อไปช่วยเยี่ยเฟิง แต่ไม่นึกว่าจะเจอนายหญิงในเผ่าหมอ เรื่องต่อจากนั้น นายหญิงก็รู้แล้ว”“อืม ไปกันเถอะ”วัดไป๋อวิ๋น ที่นี่เป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดของวัดชิงหง มีผู้มาทำกราบไหว้ไม่ขาดสาย ภายในวัดมีสามเณรน้อยเดินไปมาให้เห็นกู้ชูหน่วนประนมมือด้วยท่าทางนอบน้อม "ท่านเณรน้อย ได้ยินมาว่าวัดไป๋อวิ๋นศักดิ์สิทธิ์มาก พ

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 255

    เมื่อพลังของค่ายกลลดลง กู้ชูหน่วนจึงพบทางลับเข้าไปได้แต่ทางลับนี้กลับไม่ใช่ทางลับที่เพิ่งแยกจากหัวหน้าเผ่าหมอมานางรู้สึกสงสัยค่ายกลนี้แปลกประหลาดอะไรเช่นนี้?เมื่อครู่ยังป้องกันได้อย่างแน่นหนา ไม่มีที่ให้โจมตี แต่ยามนี้กลับกลายเป็นค่ายกลที่พุพังไปได้?มีใครมาช่วยนางทลายค่ายกลไปครึ่งหนึ่งหรือไม่?มีใครในเผ่าหมอช่วยนางทลายค่ายกลหรือไม่?หรือว่าจะเป็นอาโม่?"นายหญิง เราพบทางลับเข้าไปแล้ว ทำไมยังไม่รีบออกไป หรือว่าจะต้องตามหาอะไรอีกหรือ" ฝูกวงถามด้วยความมึนงงไม่ไกลนัก หัวหน้าเผ่าหมอยกมุมปากด้วยรอยยิ้มที่หยิ่งยโส แล้วยกมือขาวขึ้นเบาๆ ดมกลิ่นดอกไม้ในมือด้วยท่าทางกระหาย และเปล่งเสียงออกมาจากมุมปาก"โง่นัก นางกำลังตามหาข้าอยู่แน่นอน หากหาข้าไม่เจอ นางจะหนีไปได้อย่างไร"กู้ชูหน่วนกวาดตามองไปรอบๆ ที่นี่เงียบสงบ ไม่มีเงาของใครเลย แต่ไกลออกไปมีแสงไฟลุกโชน ไม่รู้ว่ามีทหารจำนวนเท่าใดกำลังตามล่าพวกนางอยู่นางเหลือบมองทางลับ แล้วมองไปยังแสงไฟที่อยู่ไกลออกไป กัดฟันแน่น "ไป"อาโม่เดินเล่นในเขาดูดวิญญาณราวกับเดินเล่นในสวนของตัวเอง คงจะรอนางไม่ไหวแล้วน่าจะจากไปแล้วแล้วนางก็รู้ทางลับหลาย

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 254

    กู้ชูหน่วนเดินวนกลับมาอีกรอบนางเอามือลูบขมับที่ปวดตุบ แล้วเอ่ยออกมาเสียงเบาว่า "พวกเราติดอยู่ในค่ายกลแล้ว และเป้นค่ายกลที่ทรงพลังมากๆ ด้วย""นายหญิง ท่านมีวิธีทลายค่ายกลนี้หรือไม่"กู้ชูหน่วนส่ายศีรษะนางไม่เคยเห็นค่ายกลที่ซับซ้อนขนาดนี้มาก่อนในชีวิต หากจะให้ทลายคงต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามถึงห้าปี"หากทางลับออกไปไม่ได้ ข้าขออาสาคุ้มกันให้พวกเจ้าออกทางประตูใหญ่""ข้าจำได้ว่ามีทางลับหลายทาง ไปทางนี้กันก่อนดีกว่า แล้วค่อยออกทางประตูใหญ่""ได้"หัวหน้าเผ่าหมอถูกตบหน้าเข้าอย่างจังเซวี่ยซาก้มศีรษะลงต่ำ แทบอยากหายตัวไปเลยเสียประเดี๋ยวนี้เขาคิดว่าหัวหน้าเผ่าหมอจะโกรธ แต่กลับได้ยินเสียงของหัวหน้าเผ่าหมอที่เรียบเฉยดังขึ้น"ถูกต้องแล้ว ไปทางนี้แหละ เมื่อครู่ข้ารอนางอยู่ที่ทางลับนั่นเอง"เซวี่ยซา "เอิ่ม......""เซวี่ยซา ไปดูกันดีกว่า""ขอรับ"เซวี่ยซาเดินตามหัวหน้าเผ่าหมอ และตามพวกกู้ชูหน่วนติดๆทว่าพวกกู้ชูหน่วนเดินวนไปวนมา ราวกับอยู่ในเขาวงกตขนาดใหญ่ นางทำเครื่องหมายไว้ตลอดทาง แต่ก็ยังวนกลับมาอยู่ดี หากไม่ใช่เพราะพวกเขาเปิดทางให้ คงปะทะกับยามเฝ้าเวรไปแล้วเขาเตือนด้วยความระมัดร

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 253

    เยี่ยเฟิงยังอยากจะพูดอะไรอีก แต่ก็ได้ยินเสียงดังปัง! โย่วหู้ฝ่าถอยหลังไปชนกับศาลาไม้ด้านนอกด้วยอย่างแรงจนทำให้ศาลาพังทลาย"เฮือก......"เขากระอักเลือดออกมาหนึ่งคำ แล้วก็หายใจรวยรินฝูกวงยังคงสภาพสมบูรณ์ ดวงตาจ้องไปที่ลำคอของโย่วหู้ฝ่า ยืนมองลงมาจากที่สูงชัยชนะเป็นที่ประจักษ์เส้นประสาททั้งหมดของโย่วหู้ฝ่าได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาไม่คิดเลยว่าเด็กหนุ่มอายุสิบเจ็ดแปดจะมีพลังมากขนาดนี้"ข้าเป็นถึงโย่วหู้ฝ่าของหัวหน้าเผ่าหมอ เจ้ากล้าที่จะฆ่าข้า ก็เท่ากับว่าเจ้ามาขัดขวางเผ่าหมอทั้งเผ่า"ฝูกวงยิ้มเยาะ "สู้กันมานานขนาดนี้ มีคนจากเผ่าหมอมาช่วยเจ้าสักคนหรือไม่?"คำพูดประโยคนี้ทำให้โย่วหู้ฝ่าตระหนักขึ้นทันทีวังที่ปกป้องอย่างแน่นหนา ทำไมถึงไม่มีทหารเฝ้าสักคน?หัวใจของเขาเต้นถี่ขึ้นอย่างไม่สามารถควบคุมได้ รู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ดีอย่างบอกไม่ถูกทว่าสิ่งที่เขาไม่สามารถเชื่อได้ยิ่งกว่าก็คือกู้ชูหน่วนชักดาบอีกเล่มของฝูกวงออกมาอย่างรวดเร็ว ดวงตาเย็นชาราวกับน้ำแข็งเผยให้เห็นความเย็นเยือกราวกับความตายนางเอ่ยย้ำทีละพยางค์ว่า "กล้าแตะต้องเยี่ยเฟิง เจ้าต้องพร้อมที่จะตาย"โย่วหู้ฝ่าพยายามจะขัดข

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 252

    ในห้องนอน เยี่ยเฟิงถูกกางแขนขามัดติดกับเตียง มือและเท้าถูกโซ่ตรึงไว้ เสื้อผ้าที่ขาดหลุดลุ่ยกระจายอยู่เต็มพื้นโย่วหู้ฝ่ากำลังจะทำตามอำเภอใจเยี่ยเฟิงพยายามดิ้นรน แต่ก็ทำไม่ได้ กลับยิ่งทำให้แผลฉีก เลือดไหลซึมออกมา"เพียะ......"โย่วหู้ฝ่าตบเยี่ยเฟิงด้วยฝ่ามือแล้วด่าทอ“ถุย มาทำเป็นสูงส่งอะไรห้ะ คิดว่าข้าไม่รู้หรือว่าเจ้าเคยรับใช้นายท่านหลันอย่างไร ด้วยหน้าตาของเจ้า ข้ายอมลดตัวลงมา เจ้าก็ควรจะดีใจได้แล้ว”ประโยคนี้แทงใจเยี่ยเฟิงอย่างเจ็บปวดความทรงจำในอดีตพรั่งพรูเข้ามาในสมองราวกับคลื่นซัดสาดทุกฉากทุกตอนทำให้เขารู้สึกว่าชีวิตนี้ไม่มีค่าหากชีวิตเลือกได้ ใครจะอยากมีชีวิตแบบนี้ใครอยากอยู่ใต้อำนาจของคนอื่น และยอมรับชะตากรรมอย่างเต็มใจ“ไอ้ชาติชั่ว! แค่ดอกไม้ริมทาง ยังจะกล้าจ้องหน้าข้าอีก บอกให้รู้ไว้ว่าคืนนี้ผ่านไป ข้าจะให้เจ้าไปรับใช้ลูกน้องข้า เจ้าชอบทำเป็นสูงส่งนักใช่หรือไม่ ดูซิว่าเจ้าจะทำได้อีกนานแค่ไหน”โย่วหู้ฝ่าตบเยี่ยเฟิงไปอีกหลายครั้ง พร้อมกับคำด่าและเร่งความเร็วในการกระทำ"ติ๊ง......"น้ำตาหยดหนึ่งไหลอาบแก้มของเยี่ยเฟิง แผลบนร่างกายเจ็บปวดเพียงใดก็ไม่เท่ากับหัวใจท

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 251

    เซวี่ยซาตกตะลึงไปชั่วขณะ เขาขบคิดอย่างหนัก แต่นึกไม่ออกว่าแม่นางกู้คล้ายกับเพื่อนเก่าคนไหนของนายท่านกันแน่เขาอยู่เคียงข้างนายท่านตั้งแต่เด็ก นายท่านดูเหมือนจะ......ไม่มีเพื่อนเลยสักคน......เซวี่ยซาก้มศีรษะลง ไม่กล้าเอ่ยคำใดและรอรับคำสั่งเงียบๆทว่าหัวหน้าเผ่าหมอกลับยังไม่ออกคำสั่ง เพียงแต่เเอ่ยกับตนเองเบาๆ ว่า "นางไม่เหมือนกับผู้หญิงคนนั้น นางกระฉับกระเฉงกว่ามาก ที่เหมือนกันก็คือ......ดวงตาคู่นั้น"ผู้หญิง?หรือว่าจะเป็นเจ้าสำนักซิวหลัว?นายท่านมิใช่สังหารนางไปแล้วรึ?เงียบอยู่นาน เซวี่ยซาจึงเอ่ยออกมาด้วยความระมัดระวังว่า “นายท่าน ท่านบาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้กับเจ้าสำนักซิวหลัว และไปรักษาตัวที่ป่าไผ่ เรื่องนี้เป็นฝีมือของนายท่านชิ่งฮวาที่แพร่งพรายออกไป”“ผู้ที่เข้าร่วมก่อกบฏมีทั้งนายท่านชิ่งฮวา นายท่านดอกท้อ นายท่านทับทิม และนายท่านดอกบัว รวมถึงโย่วหู้ฝ่าด้วย ไม่ทราบว่านายท่านจะลงโทษพวกเขาอย่างไร”“พวกสวะ กล้าหักหลังนายท่าน ฆ่าทิ้งเสียเถอะ”“นายท่านทั้งสี่......ฆ่าหมดเลยหรือ?” เซวี่ยซาหายใจถี่ขึ้นสิบสองกองธงสังหารไปสี่ เช่นนั้นเผ่าหมอก็แทบต้องเปลี่ยนเลือดใหม่หมดเลย"ท่าน

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 250

    ทหารเวรยามทั้งสองตกใจมาก กำลังจะถามว่าเป็นใคร ก็เห็นหัวหน้าเผ่าหมอผู้สูงส่งยืนอยู่ตรงหน้าคนทั้งสองขาอ่อน คุกเข่าลงไปกับพื้นด้วยเสียงดังโครม ร่างกายสั่นเทาคล้ายใบไม้สั่นในตะแกรง พูดออกมาแต่ละคำก็สั่นจนฟันกระทบกัน"ข้า......ข้าน้อย......ขอคารวะท่านหัวหน้าเผ่าหมอ"หัวหน้าเผ่าหมอยืนหันหลังให้พวกเขา ด้วยท่าทางสง่างาม มองดูมือที่เรียวยาวและขาวดั่งหยกของตน เขายืนอยู่ที่นั่นเพียงแค่คนเดียว แต่กลับมีอำนาจอันน่าเกรงขามราวกับเทพเจ้าผู้สูงส่งที่ทำลายล้างทุกสิ่งได้ด้วยการดีดนิ้วหัวหน้าเผ่าหมอเอ่ยด้วยเสียงเกียจคร้านว่า "รู้หรือไม่ว่าพวกเจ้าทำความผิดอะไร?"เมื่อได้ยินคำถามนี้ ยามทั้งสองแทบตกใจจนฉี่ราดด้วยสถานะของหัวหน้าเผ่าหมอ คงไม่แม้แต่สนใจที่จะพูดคุยกับพวกเขา แต่วันนี้หัวหน้าเผ่าหมอเลือกที่จะพูดคุยกับพวกเขาไม่ ไม่ใช่พูดคุย แต่เป็นการซักถามพวกเขาคิดว่าอาจเป็นเพราะพวกเขาคุยเรื่องของโย่วหู้ฝ่าและหัวหน้าเผ่าหมอได้ยินเข้า?ยามคนแรกสั่นกลัวจนพูดไม่ออก "เพราะ......เพราะข้าพูดถึงโย่วหู้ฝ่า.....""ไม่ใช่" หัวหน้าเผ่าหมอให้คำตอบที่ไม่ค่อยพบเห็นนักด้วยน้ำเสียงที่มีความสุขคนที่สองกลืนน้ำลาย

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status