กู้ชูหน่วนพอจะเข้าใจแล้วเพียงแต่เมื่อครู่ที่ลูกธนูฝนพรำยิงเข้ามาในรถม้า นางได้พยายามอย่างสุดชีวิตเพื่อคุ้มกัน แต่ทั้งหมดนั้นก็เป็นเพียงความคิดของนางเอง เพราะนักฆ่าเหล่านั้นจะทำอะไรเย่จิ่งหานได้ไอ้หมอนั่นตั้งใจเยาะเย้ยนางแน่ๆนักฆ่าทั้งหมดถูกสังหาร รถม้าก็ยังคงแล่นไปข้างหน้าด้วยความเร็วเท่าเดิม ราวกับว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้น หรืออาจเพราะพวกเขาชินชากับเรื่องเช่นนี้ไปแล้วก็เป็นได้ณ จวนหานอ๋องเย่จิ่งหานประทับนั่งอยู่บนบัลลังก์หลัก ดื่มชาอย่างสง่างาม รอบตัวแผ่รัศมีอันเย็นเยือกที่ไม่อาจเพิกเฉยได้กู้ชูหน่วนรู้สึกราวกับเป็นนักโทษที่กำลังรอการไต่สวนนางเม้มปาก หากไม่ใช่นางผิดเอง จะต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ได้อย่างไรนางจึงลากเก้าอี้มาอีกตัวหนึ่ง นั่งไขว่ห้างแล้วตะโกนว่า "ชิวเอ๋อร์ ไปชงชาให้ข้าเร็ว"ชิวเอ๋อร์สะดุดจนเกือบล้มนี่คือจวนหานอ๋อง นางจะกล้าชงชาให้พร่ำเพรื่อได้อย่างไร อีกอย่าง หานอ๋องยังไม่ได้สั่งเลยด้วยซ้ำชิงเฟิงกับเจี้ยงเสวี่ยต่างมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความประหลาดใจหรือว่าหญิงสาวผู้นี้จะเป็นหญิงสาวที่แตะต้องหานอ๋องของพวกเขาเมื่อวันก่อนกัน?นอกจากนาง พ
กู้ชูหน่วนโล่งอกคำพูดของเย่จิ่งหานหมายความว่ายังมีช่องทางในการเจรจาต่อรอง“แล้วเวลาล่ะ”“ข้าต้องตรวจสอบอย่างละเอียด ยามนี้ยังบอกเวลาที่แน่นอนไม่ได้”“หนึ่งปี มากสุดคือหนึ่งปี ภายในหนึ่งปีหากเจ้ารักษาไม่ได้ ข้าเชื่อว่าเจ้าจะตายอย่างน่าอนาถ”กู้ชูหน่วนกัดฟัน “ได้ หนึ่งปีก็หนึ่งปี แต่ฟ้าสางแล้ว ข้าต้องไปเรียนที่สำนักบัณฑิต ช่วงค่ำค่อยมาตรวจได้หรือไม่”ก่อนที่เย่จิ่งหานจะตอบ กู้ชูหน่วนก็ลากชิวเอ๋อร์ที่ยังคงยืนงงอยู่กับที่ออกไป “ยืนนิ่งอยู่ทำไม ไปเรียนกัน”“คุณหนู ท่านอ๋องยังไม่ได้อนุญาตให้เราไป”“ท่านอ๋องงานยุ่งมาก เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้จะให้ท่านมาวุ่นวายทำไม”“แต่ว่า…ยังไม่สว่างเลยนะเจ้าคะ…”“เจ้ารู้เรื่องอะไร วันนี้เป็นรอบชิงของการประลองศิลปะ เราต้องไปเตรียมตัวก่อน”ชิวเอ๋อร์อยากจะพูดอะไรต่อ แต่ก็ถูกดึงออกไปแล้วชิงเฟิงกับเจี้ยงเสวี่ยเบิกตากว้างหญิงสาวผู้นี้ช่างกล้ามาก กล้าที่จะไม่สนใจท่านอ๋องชิงเฟิงรายงานว่า “นายท่าน ข้าจะไปจับตัวพวกนางมา”เจี้ยงเสวี่ยดึงเขาไว้ แล้วกลอกตาใส่ราวกับเขาเป็นคนโง่หากนายท่านอยากให้นางตาย นางจะออกจากประตูบานนี้ไปได้อย่างไรชิงเฟิงใบหน้าเต็ม
"ยามนั้นมิใช่เพียงบรรดาอันธพาลห้าหกคนเท่านั้น ยังมีอีกหนึ่งผู้อันหลงทางมาภายหลัง เห็นเหตุการณ์เข้าพอดี อีกทั้งยังมีบ่าวรับใช้ในจวนอัครเสนาบดีแอบกระซิบเล่าลือกันว่า ในห้องของคุณหนูห้าตระกูลกู้มักจะได้ยินเสียงชายหญิงกระซิบกระซาบกันอย่างน่าสงสัย""หน้าด้านเกินไปเสียแล้ว คนเยี่ยงนี้จะมาเรียนที่สำนักบัณฑิตหลวงของเรา ข้าขยะแขยงที่จะเรียนกับนางนัก""ข้าก็ขยะแขยงเหมือนกัน"กู้ชูหน่วนยกนิ้วให้กับหลิ่วเยว่และอวี๋ฮุย"พวกเจ้าทั้งสองก็ใจร้ายเกินไป นางเป็นผู้หญิงนะ ทำลายชื่อเสียงนางเช่นนี้ ต่อไปนางจะอยู่อย่างไร"หลิ่วเยว่และอวี๋ฮุยแทบล้มลง"ลูกพี่ ไม่ใช่พี่บอกให้เรากระจายข่าวหรอกหรือ""พัวะ..."กู้ชูหน่วนดีดหน้าผากพวกเขา"ข้าบริสุทธิ์ใจและใจดีขนาดนี้ จะไปให้พวกเจ้าทำเรื่องเลวทรามเช่นนี้ได้อย่างไร"บริสุทธิ์ใจและใจดี?ไม่ละอายใจบ้างหรือ?หลิ่วเยว่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก "ใช่ ใช่ ใช่ ลูกพี่ใจดีที่สุดแล้ว เรื่องเลวทรามเช่นนี้ ลูกพี่จะทำได้อย่างไร เป็นความผิดของกู้ชูหลันเองชัดๆ กรรมตามสนองไปแล้วด้วย"กู้ชูหน่วนโค้งมุมปากยิ้ม ฟังเสียงซุบซิบนินทา ความรู้สึกหม่นหมองในใจก็ค่อยๆ จางหายไป"ไม่เพีย
กู้ชูหลันฟังเสียงเหยียดหยามของผู้คนในสำนักบัณฑิตหลวง นางแทบอยากแทรกแผ่นดินหนี"ข้าไม่ได้ทำอะไรผิดจริงๆ""หากเจ้าบริสุทธิ์จริงก็ให้แสดงรอยประทับพรหมจรรย์ออกมาสิ"กู้ชูหลันเม้มริมฝีปาก แต่ก็ตอบอะไรไม่ออกรอยประทับพรหมจรรย์ของนางหายไปนานแล้ว หากนางเปิดแขนออก ก็เท่ากับยอมรับผิดผู้คนในสำนักบัณฑิตหลวงหัวเราะเยาะ "ข้าบอกแล้วอย่างไรว่านางไม่กล้าเปิดเผยรอยประทับพรหมจรรย์หรอก เพราะนางเป็นนางโลม""เมื่อครู่ข้ายังคิดว่าเป็นข่าวลือ แต่ยามนี้คุณหนูห้าตระกูลกู้ก็ยังไม่กล้าเปิดเผยรอยประทับพรหมจรรย์ แสดงว่าทำจริง ถุย คนอย่างนางมีหน้ามาเรียนในสำนักบัณฑิตหลวงด้วยหรือ รีบไสหัวกลับจวนอัครเสนาบดีเถอะ อย่ามาทำให้ที่นี่เสื่อมเสียชื่อเสียงเลย""ข้าไม่ได้ทำจริงๆ"กู้ชูหลันปิดบังใบหน้าที่ร้อนผ่าวทำไม...ทำไมเพียงแค่ข้ามคืน คนทั้งเมืองหลวงถึงรู้เรื่องของนางได้?ใครแพร่งพรายกัน?ตกลงใครแพร่งพรายเนี่ยนางเงยหน้าขึ้น ก็พบกับกู้ชูหน่วนที่กำลังยิ้มมุมปากพริบตาเดียว ไฟในทรวงของกู้ชูหลันก็ลุกโชนขึ้นมา นางรีบวิ่งเข้าไปหา และด่าทอด้วยความโกรธ“กู้ชูหน่วน เจ้าเป็นคนทำใช่หรือไม่? เจ้าจงใจใส่ร้ายป้ายสีข้า เ
นางยังมีหน้ามาพูดอีกหรือ?"นอกจากเจ้าแล้ว ใครใส่ร้ายข้า""เจ้าพึมพำว่าข้าใส่ร้ายเจ้า เจ้าก็หาหลักฐานมาสิ หากเจ้าหาหลักฐานไม่ได้ ก็ยกแขนเสื้อขึ้น หากยังมีรอยประทับพรหมจรรย์อยู่ ก็ถือว่าข้าใส่ร้ายเจ้า"ทุกคนหันไปมองกู้ชูหลันอีกครั้งกู้ชูหลันโกรธจนหน้าเขียว แต่ก็ไม่กล้ายกแขนเสื้อขึ้นกู้ชูหน่วนหัวเราะเยาะ แล้วเรียกเซียวอวี่เชียนกับพวกมา "ยืนนิ่งทำไม ทำงานได้แล้ว""ทำงาน?"เซียวอวี่เชียนกับพวกมึนงง"ทำงานอะไร?""เดิมพันสักสองสามรอบ"เซียวอวี่เชียนกับพวกตาเป็นประกาย "คราวนี้เราจะแทงว่าใครชนะ""แน่นอนว่า...แทงข้าสิ""ตุบ..."เซียวอวี่เชียนเข่าอ่อนเล็กน้อย แต่หลิ่วเยว่กับอวี๋ฮุยถึงกับล้มคว่ำลงกับพื้นทุกคนมองกู้ชูหน่วนด้วยสายตาราวกับมองคนบ้า แม้แต่หลิ่วเยว่เองก็ยังส่งสายตาเช่นนั้น"ลูกพี่ แทงว่าพี่แพ้หรือ?”"พัวะ..."กู้ชูหน่วนตบศีรษะเขาไปหนึ่งป้าบ “พูดอะไร แทงข้าชนะสิ”“แทงพี่ชนะ?”เซียวอวี่เชียนกับพวกรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว เดิมทีพวกเขายังหวังว่าจะได้เงินก้อนโตจากนางอีกสักครั้งหลังจากเมื่อวานชนะไปมาก ดูแล้วก็แค่โชคช่วย“ยัยขี้เหร่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าการจะชนะในรอบชิงยากเย
เมื่อนึกถึงเมื่อวานที่หลิ่วเยว่พูดกับเขาว่า กู้ชูหลันแอบลอบกัด จึงทำให้เขาโดนพ่อดุด่าเซียวอวี่เชียนเบิกตากว้าง มองไปที่กู้ชูหน่วนด้วยความไม่เชื่อหรือว่า...ยัยขี้เหร่จะช่วยเขาแก้แค้น?เซียวอวี่เชียนยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่ามีโอกาสเป็นไปได้ในเมืองหลวงอันสงบสุขนี้ ทำไมทุกคนถึงพูดถึงแต่ข่าวลือที่ไม่ดีเกี่ยวกับกู้ชูหลันกันหมด ยัยขี้เหร่ฉลาดราวกับสุนัขจิ้งจอก นางจะยอมเดิมพันทั้งที่ตัวเองเสียเปรียบได้อย่างไรเซียวอวี่เชียนรู้สึกอบอุ่นใจ เสียงก็อ่อนโยนลง"ยัยขี้เหร่ ข้ารู้เจตนาของเจ้าแล้ว พวกเราไม่เดิมพันครั้งนี้แล้ว"กู้ชูหน่วนเบ้ปากใส่เขา"ก่อนหน้านี้ข้าอยากแต่งงานกับเจ้า เจ้าไม่ยอม ยามนี้สายไปเสียแล้ว วันขึ้นหนึ่งค่ำของเดือนหน้าข้าจะแต่งงานกับเทพสงคราม เก็บน้ำลายที่ไหลย้อยของเจ้ากลับไปเถอะ อย่ามาเพ้อฝันในตัวลูกพี่ของเจ้าอีกเลย"เซียวอวี่เชียนงงงวยนางพูดอะไรเนี่ย?น้ำลายไหลย้อย?เขาเคยน้ำลายไหลย้อยเมื่อใดกัน?"เจ้ารู้หรือไม่ว่าเทพสงครามเป็นคนเช่นไร แล้วเจ้ากล้าจะแต่งงานกับเขาอีกหรือ?" เซียวอวี่เชียนทำเสียงสูงอย่างฉับพลัน"รู้ อยู่ใต้หนึ่งคนอยู่เหนือหมื่นคน มีอำนาจ มีเงิน ใบหน้
สมาชิกของสำนักบัณฑิตหลวงสามารถไปวางเดิมพันที่เวทีประลองได้ เพื่อทายว่าใครจะเป็นผู้ชนะหากมีการเดิมพันส่วนตัว เหล่าอาจารย์ประจำเวทีประลองก็จะทำหน้าที่เป็นพยานหากผู้ใดแพ้แล้วไม่ยอมชำระหนี้ ชายผู้นั้นจะถูกตัดสิทธิในการสอบคัดเลือกขุนนางตลอดชีวิต ไม่สามารถเข้ารับราชการได้ส่วนหญิงสาวจะถูกตีหน้า ครอบครัวจะต้องแบกรับความอัปยศไปตลอดกาล และไม่มีใครในแคว้นเย่กล้าแต่งงานด้วยดังนั้น การเดิมพันในสำนักบัณฑิตหลวงจึงไม่มีใครกล้าเบี้ยวหนี้พวกหลิ่วเยว่พยายามห้ามปราม แต่ห้ามไม่ได้ ในที่สุดกู้ชูหน่วนก็มาถึงเวทีประลอง นำเงินสองแสนตำลึงของตนและเงินที่ยืมมาจากเซียวอวี่เชียนอีกสองแสนตำลึงไปวางเดิมพันทั้งหมด"น้องห้า หากข้าชนะ ประเดี๋ยวอย่ามานั่งร้องไห้นะ""รอเจ้าชนะก่อนแล้วค่อยพูด"ขณะที่กู้ชูหลันวางเดิมพัน มือของนางสั่นเทา หัวใจเต้นรัววันนี้อาจเป็นวันสุดท้ายของนางในสำนักบัณฑิตหลวงแล้ว ด้วยข่าวลือจำนวนมากในเมืองหลวง นางคงไม่สามารถเรียนต่อในสำนักบัณฑิตหลวงได้อีกแล้วนี่เป็นโอกาสเดียวที่จะเอาเงินสองแสนตำลึงที่เคยเสียไปกลับคืนมากู้ชูหลันกัดฟัน ตัดสินใจเดิมพันกับกู้ชูหน่วนอย่างเป็นทางการนางทนไม่
"จุ จุ จุ คุณหนูสามตระกูลกู้เป็นคนโง่เขลา คุณหนูห้าตระกูลกู้เป็นหญิงร่านมากรัก ส่วนคุณหนูสองตระกูลกู้ก็คงไม่ใช่คนดีอะไรหรอก""นั่นสิ ต่อไปนี้หากจะแต่งงานก็อย่าไปแต่งกับคุณหนูของจวนอัครเสนาบดีเชียวนะ เพราะลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น ดูจากนิสัยของกู้ชูหน่วนกับกู้ชูหลันแล้ว กู้ชูหลันก็คงไม่ต่างกัน"กู้ชูหน่วนไม่สนใจว่าคนอื่นจะนินทานางอย่างไร นางมองไปที่การเดิมพันในสนามประลองอย่างไม่ละสายตาในบรรดาการเดิมพันทั้งหมด มีการแทงพนันเจ๋ออ๋องมากที่สุด ส่วนกู้ชูอวิ๋นเมื่อเทียบกับครั้งก่อนจำนวนน้อยลงไปมาก คงกระทบเพราะเรื่องของกู้ชูหลันแต่สำหรับนาง...ไม่มีใครแทงพนันนางเลยคนในสำนักบัณฑิตต่างร้องตะโกน"เดิมพันคุณหนูสามตระกูลกู่ อัตราการจ่ายหนึ่งต่อห้าร้อย รีบๆ เดิมพันเถอะ หากพลาดโอกาสนี้ต้องรออีกห้าปีเลยนะ"ดวงตาของกู้ชูหน่วนเป็นประกายหนึ่งต่อห้าร้อย?หมายความว่าหากนางชนะ วางเงินหนึ่งตำลึงจะได้เงินถึงห้าร้อยตำลึงกู้ชูหน่วนหันหลังกลับทันที แล้วยื่นมือออกไป "พวกเจ้าต้องมีเงินติดตัวมาแน่ๆ ใช่หรือไม่ ข้าขอยืมก่อน ข้ารับประกันว่าพวกเจ้าจะได้กำไรกลับไปจำนวนมากแน่"เซียวอวี่เชียนสงสัยขึ้นมา “มิใช่ว่าเ
ก่อนที่เด็กหนุ่มจะตอบ กู้ชูหน่วนก็ลูบคางพลางเอ่ยอย่างใจเย็นว่า “ด้วยความสามารถของเจ้า เจ้าคงคิดว่าการตัดแขนขา ควักตา และตัดหูของข้าคงง่ายดายราวกับบี้มดตัวหนึ่งใช่หรือไม่? ถ้าเช่นนั้น ทำไมเจ้าถึงต้องลำบากเขาด้วย?”“หรือว่าเขามีเรื่องบาดหมางกับเจ้า เจ้าเลยเกลียดเขา? จุ จุ จุ ดูท่าทางของเขาสิ ช่างน่าสงสารเสียจริงๆ ข้าว่าคงไม่กล้าเป็นศัตรูกับเจ้าหรอก ให้ข้าเดานะ เจ้าคงอิจฉาเขามากกว่า อิจฉาที่เขามีหน้าตาหล่อเหลากว่าเจ้า หรืออาจอิจฉาที่เขาได้ดิบได้ดีในเผ่าหมอมากกว่าเจ้า เลยคิดแผนทรมานเขา”ทุกครั้งที่กู้ชูหน่วนพูดสีหน้าของเจียงซวี่ก็ยิ่งแย่ลงไปเรื่อยๆ แววตาที่โหดเหี้ยมก็ยิ่งรุนแรงขึ้น“ดูเหมือนข้าจะเดาถูกนะ” กู้ชูหน่วนมองเด็กหนุ่มราวกับสงสารเขา“ลองดูตัวเองสิ ติดตามนายอะไรเนี่ย กลับตัวกลับใจเถิด เจ้าปกป้องข้าจนโดนแทงมาขนาดนี้ ข้าจะดูแลเจ้าอย่างดี”เด็กหนุ่มไม่แม้แต่จะมองกู้ชูหน่วน แค่ยืนนิ่งอยู่ข้างๆเจียงซวี่หัวเราะลั่นทันที “เดาถูกแล้วจะอย่างไร ข้าแค่ต้องการเห็นเขาทรมาน เขาใจดีนักมิใช่หรือ ข้าอยากจะดูว่า เพื่อให้มีรอดชีวิต เขาจะยอมฆ่าเจ้าหรือไม่”“ข้าขอเดาเพิ่มนะ คงเป็นครั้งแรกที่เจ้
กู้ชูหน่วนกะพริบตาอย่างไร้เดียงสา "เป็นพวกเจ้าเองที่พาข้าวิ่งมาตลอดทาง และมองข้าเป็นหญิงผู้อ่อนแอที่ไม่มีทางสู้ แล้วข้าจะไม่ตอบสนองความต้องการแบบผู้ชายเป็นใหญ่ของพวกเจ้าได้อย่างไร""…"เซียวอวี่เชียนโกรธจนตัวสั่นเด็กหนุ่มก็สีหน้าไม่สู้ดีมีดาบจำนวนมากขนาดนี้ หมายความว่าพวกเขาโดนฟันอย่างเปล่าประโยน์เมื่อเห็นว่ามีคนกลุ่มใหม่ล้อมพวกเขาเข้ามา กู้ชูหน่วนก็หรี่ตาลง มุมปากยกขึ้นยิ้มเยาะ "ตัวเอกมาแล้ว"ในขณะที่เซียวอวี่เชียนและเด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้น ทั้งคู่ก็แข็งทื่อดวงตาเย็นชาของเด็กหนุ่มหรี่ลงทันที หายใจหนักขึ้น ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อยกู้ชูหน่วนมองออกเขากำลังกลัว กลัวคนกลุ่มนี้เซียวอวี่เชียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักอึ้ง "หน้ากากกะโหลก พวกเจ้าเป็นคนของสิบสองกองธงแห่งเผ่าหมอใช่หรือไม่?เผ่าหมอ?เหอะ โลกยุทธภพมีเผ่าหมอด้วยหรือ?กู้ชูหน่วนพิจารณาอีกฝ่ายอย่างละเอียดแต่กลับพบว่าอีกฝ่ายมีเพียงสามสิบหกคนเท่านั้น แต่ละคนถือธงบุปผา และสวมเสื้อคลุมสีดำ ใบหน้าปิดด้วยหน้ากากกะโหลกศีรษะหัวหน้าคือชายหนุ่มวัยยังน้อย ผู้ซึ่งไม่ได้สวมหน้ากาก ใบหน้าดูหล่อเหลา แต่แววตากลับเผยความโหดเหี้ยมเป็นระยะ
"ปัง..."เสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับระเบิดกลางอากาศดังขึ้นอีกครั้งหญิงวัยกลางคนงถอยหลังไปหลายก้าว ใบหน้าซีดเผือก เด็กหนุ่มกระอักเลือดออกมาหนึ่งอึก อวัยวะภายในปั่นป่วนอย่างรุนแรง หากไม่เกาะผนังไว้ คงล้มลงไปแล้ว“เจ้ากล้าใช้การต่อสู้แบบแลกชีวิตมาสู้กับข้าอย่างนี้หรือ เจ้ารู้หรือไม่ว่า หากสู้กันต่อ ข้าอาจไม่ตาย แต่เจ้าต้องตายแน่”“แค่ชีวิตสกปรกโสโครก ตายไปก็ตายไป” เด็กหนุ่มพยายามกลืนเลือดที่ค้างอยู่ในคอลง ให้ตัวเองดูเป็นปกติมากที่สุดหญิงวัยกลางคนตะคอก “ตกลงนางกับเจ้าเป็นอะไรกันแน่?”“ไม่เป็นอะไรทั้งนั้น แค่ไม่อยากให้เจ้าได้กระดิ่งภินวิญญาณนั่น”“ดีมาก บัญชีนี้พวกข้าเจ็ดปีศาจแห่งเขาอินซานจะจดจำไว้ เจ้าจงรอรับการล้างแค้นอย่างบ้าคลั่งของพวกข้าได้เลย”หญิงวัยกลางคนเบิกตาจ้องกู้ชูหน่วนและเด็กหนุ่ม ดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง สุดท้ายก็ไม่รู้ว่านึกถึงอะไรจึงจากไปด้วยความแค้นหลังนางจากไป เด็กหนุ่มก็รีบกุมหน้าอกแน่น กระอักเลือดออกมาอีกหนึ่งอึกใหญ่ ขาของเขาคุกเข่าลงไปโดยไม่รู้ตัว ราวกับกำลังแบกรับความเจ็บปวดอันแสนสาหัส"ไม่เป็นไรใช่หรือไม่"กู้ชูหน่วนทิ้งเมล็ดแตงโม แล้วเดินไปหาเขา"ปัง
หญิงวัยกลางคนเดิมทีตั้งใจจะจัดการกับเด็กหนุ่มก่อน แล้วค่อยกลับมาจัดการกู้ชูหน่วน แต่ปรากฏว่าคำพูดของกู้ชูหน่วนฟังไม่เข้าหู นางจึงเปลี่ยนใจทันที"สาวน้อยปากดีนักนะ เอากระดิ่งภินวิญญาณมาให้ข้า ข้าอาจให้เจ้าตายอย่างสงบ แต่หากไม่ เจ้าจะจมกองเลือด""ข้าเป็นคนที่ใครก็มาข่มขู่ได้อย่างนั้นหรือ?" กู้ชูหน่วนเลิกคิ้วย้อนถาม"เหอะ เด็กน้อยผู้ไร้เดียงสา"หญิงวัยกลางคนส่งเสียงเหยียดหยาม นางเหยียบปลายเท้าเบาๆ แล้วปลดปล่อยหัตถ์โลหิตออกไปโจมตีกู้ชูหน่วนกู้ชูหน่วนพิงกำแพงไว้ กอดอก ยืนสงบนิ่ง ราวกับมั่นใจว่าเด็กหนุ่มต้องมาช่วยนางแน่ๆและก็เป็นอย่างที่นางคิด ขณะที่เด็กหนุ่มกำลังถูกเหล่านักฆ่าล้อมอยู่ เขาก็ยังสามารถเตะหม้อเหล็กจากร้านตีเหล็กไปขวางการโจมตีของหญิงวัยกลางคนได้ทันหม้อเหล็กสัมผัสกับหัตถ์โลหิตแล้วละลายทันทีแม้แต่เหล่านักฆ่าชุดดำก็ตกตะลึงพลังปีศาจโลหิตแข็งแกร่งมากสามารถละลายหม้อเหล็กได้ในพริบตา พลังภายในต้องแข็งแกร่งเพียงใดเด็กหนุ่มเบิกตากว้าง ไม่คาดคิดว่าพลังปีศาจโลหิตของหญิงวัยกลางคนจะร้ายกาจขนาดนี้ เขาอยากจะไปช่วยกู้ชูหน่วน แต่ถูกล้อมไว้ ชายแคระก็พุ่งเข้ามาโจมตีเขาไม่หยุด แทบอ
ชายแคระปากบอกว่าได้ แต่ดาบในมือกลับฟาดแรงขึ้นทุกที ร้องเสียงดังลั่นด้วยน้ำเสียงหยาบกร้าน“หนุ่มน้อย นางผู้นี้มีความสัมพันธ์อะไรกับเจ้าถึงได้ปกป้องนางด้วยชีวิตเช่นนี้?”เด็กหนุ่มไม่ตอบ เพียงแต่ตั้งสมาธิรับมือการต่อสู้แต่หญิงวัยกลางคนกลับหัวเราะคิกคักตอบว่า “เขาเป็นของข้า จะมีความเกี่ยวข้องอะไรกับยัยขี้เหร่เล่า มากสุดก็แค่อยากได้กระดิ่งภินวิญญาณเท่านั้น”“ของที่พวกข้าเจ็ดปีศาจแห่งเขาอินซานต้องการ เจ้าก็กล้าแย่ง? กล้ามากเลยนะ”"ปัง..."ดาบโจมตีไม่โดนเด็กหนุ่ม แต่กลับผ่ากำแพงดินหลังเด็กหนุ่มออกเป็นสองท่อน กำแพงดินที่แข็งแกร่งพังทลายลงจนเสียงดังกึกก้อง“เจ้าห้า หลังจากวันนี้ไป เขาอาจเป็นคนของพวกเราเจ็ดปีศาจแห่งเขาอินซาน เจ้าลงมือเบาหน่อย อย่าทำร้ายเขาจนพิการ”“รู้แล้ว รำคาญเสียจริง”กู้ชูหน่วนยืนอยู่ข้างๆ มองการต่อสู้ในสนามด้วยท่าทีผ่อนคลายชายแคระมีกำลังมาก มีพลังภายในแก่กล้า และลงมือด้วยกำลังอันป่าเถื่อน ส่วนเด็กหนุ่มกลับมีดวงตาเย็นชาและสงบนิ่ง มือเล็กยกขึ้นเบาๆ เสียงพิณกระทบกับดาบ ทุกครั้งที่พุ่งชนกัน ดาบราวกับวัวตกลงไปในทะเลโคลน อ่อนปวกเปียก ไม่ว่าจะฟาดอย่างไรก็ไม่โดนเด็กหนุ่
กู้ชูหน่วนและเด็กหนุ่มชุดดำถูกกลุ่มคนล้อมไว้ พูดให้ถูกคือ กู้ชูหน่วนถูกพวกเขาล้อมไว้ แต่เนื่องจากเด็กหนุ่มยืนอยู่ข้างๆ นางจึงติดร่างแหไปด้วย พวกที่ล้อมพวกเขามีถึงหลายสิบคน ทุกคนสวมชุดดำปิดบังใบหน้า ถือเคียว และมีสายตาที่ไม่เป็นมิตรหัวหน้าคือชายแคระตัวเตี้ยกับหญิงวัยกลางคนผู้เย้ายวนหญิงวัยกลางคนผู้เย้ายวนส่งสายตามองเด็กหนุ่มอย่างเร้าร้อน "โอ้ หนุ่มน้อย แค่มองรูปร่างของเจ้า ข้าก็น้ำลายไหลแล้ว อยากจะให้เจ้าถอดหน้ากากออก แล้วให้ข้าได้ดูแลเจ้าดีหรือไม่""เจ็ดปีศาจแห่งเขาอินซาน" เด็กหนุ่มค่อยๆ เอ่ย"เจ้าตาดีไม่เบา พวกเราหลบซ่อนอยู่ในเขาอินซานมานานหลายปี ไม่คิดว่าจะมีใครจำพวกเราได้""แล้วอีกสองคนล่ะ""แค่พวกเจ้าสองคน ไม่จำเป็นต้องใช้พวกเราทั้งสี่คนหรอก" ชายแคระแบกดาบใหญ่ ดาบนั้นสูงกว่าตัวเขา ทำให้ดูไม่สมส่วนเขาเสียงดัง หน้าตาอัปลักษ์ ตาโปน ราวกับเป็นดวงตาของปลาตาย แต่ร่างกายของเขากลับเต็มไปด้วยพลังอำนาจที่น่าสะพรึงกลัวกู้ชูหน่วนพยายามค้นหาความทรงจำในสมองของนาง นางพอจะจำได้เลือนลางเจ็ดปีศาจแห่งเขาอินซานมีเจ็ดคน แต่ละคนวิทยายุทธเก่งกาจและโหดเหี้ยมมาก พวกเขาฆ่าคนเป็นว่าเล่น เมื่อหล
กู้ชูหน่วนเดินมาหยุดอยู่หน้าร้านตีเหล็กกลางเมืองหลวง ริมฝีปากยกขึ้นยิ้มอย่างเกียจคร้านราวกับกำลังพูดกับตนเอง“คืนนี้มืดมิดเงียบสงบ ไม่มีใครอยู่รอบข้าง ใต้เท้าจะไม่ออกมา หรือว่าจะให้ข้าพากลับบ้านไปต้มหม้อไฟดี?”ในความมืดมิด ปรากฏเด็กหนุ่มสวมหน้ากากดำถือพิณเดินออกมาอย่างช้าๆ ร่างกายเปล่งประกายด้วยความเย็นชาเด็กหนุ่มวัยยังน้อย รูปร่างสูงโปร่งสมส่วน โดยเฉพาะชุดรัดรูปที่สวมใส่ ทำให้เห็นรูปร่างที่สมบูรณ์แบบของเขาอย่างชัดเจนหลังของเขาแบกพิณสีดำสนิท ดูสะดุดตาเป็นอย่างยิ่งท่ามกลางค่ำคืนอันมืดมืดออกมาเพื่อลอบสังหาร แล้วยังแบกพิณมาด้วย คนผู้นี้ช่างมีรสนิยมจริงๆกู้ชูหน่วนพิจารณาเขาอย่างละเอียด รู้สึกว่าดูคุ้นตานางกะพริบตาปริบๆ ยิ้มเอ่ยว่า “หนุ่มน้อย รูปร่างดีจริงๆ ไม่รู้ว่าหน้าตาจะหล่อเหลาแค่ไหน หากว่าหล่อจริง ข้าอาจจะยอมให้จีบก็ได้นะ”เด็กหนุ่มหน้าตายเอ่ยเพียงประโยคเดียวว่า “ข้าต้องการเพียงกระดิ่งภินวิญญาณ”“เช่นนั้นเจ้าบอกข้าทีว่า เจ้าต้องการกระดิ่งภินวิญญาณไปทำไม หรือจะตอบว่ากระดิ่งภินวิญญาณนี้มีอะไรซ่อนอยู่ก็ได้นะ หากคำตอบของเจ้าทำให้ข้าพอใจ ข้าจะมอบมันให้เจ้า”“ข้าต้องการเพียงแ
"ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง..."อาวุธลับฝังเข้าไปในผนัง ลึกเข้าไปในเนื้อไม้สามส่วน เซียวอวี่เชียนสะดุ้งจนคอหดอาวุธลับนี้ หากโดนคนเข้าล่ะก็ คงทะลุร่างแน่นอน"ใคร? ใครลอบโจมตี?" เซียวอวี่เชียนตะโกนลั่นสำนักบัณฑิตหลวงมียอดีมือคอยปกป้องจำนวนมากเช่นนี้ ยังมีคนแอบเข้ามาฆ่าคนได้อีกหรือ? ช่างจองหองเกินไปแล้วกู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว กำกระดิ่งภินวิญญาณในมือแน่นโดยไม่รู้ตัวนางแสร้งทำเป็นผ่อนคลายและยิ้มเอ่ยว่า "ก็แค่พวกโจรขโมยชั้นต่ำ พวกเขาคงเห็นว่าข้าชนะการเดิมพันมามาก เลยเกิดความโลภน่ะ"เซียวอวี่เชียนแม้จะเจ้าสำราญไปบ้าง แต่เขาก็ไม่ได้โง่อาวุธลับสามสิบแปดเล่มนั้นมาพร้อมกับกระบวนท่าสังหาร ผู้มาเยือนไม่ได้คิดจะปล่อยให้ยัยขี้เหร่มีชีวิตอยู่และที่นี่คือสำนักบัณฑิตหลวงแม้ว่าโดยทั่วไปแล้วที่นี่จะดูไม่มีอะไรพิเศษ แต่ทุกคนก็รู้ดีว่า รอบๆ สำนักบัณฑิตหลวงมียอดฝีมือซ่อนตัวอยู่จำนวนมากเมื่อใดก็ตามที่มีคนคุกคามชีวิตนักเรียน เหล่าองครักษ์ลับก็จะออกมาปกป้องทันที"ยัยขี้เหร่ พวกโจรขโมยทั่วไปไม่มีวิทยายุทธตัวเบาที่เก่งกาจเพียงนี้หรอก ข้าว่าพวกเขาต้องการเอาชีวิตเจ้านะ""เอาชีวิตอะไรเล่า ข้าไม่ได้ล่วงเกินใครซัก
ทุกคนต่างถือว่ากระดิ่งภินวิญญาณเป็นสิ่งล้ำค่า ไม่มีใครคิดจะทุบมัน แต่กู้ชูหน่วนกลับคิดนอกกรอบทุบไปหนึ่งทียังไม่แตกกู้ชูหน่วนจึงทุบซ้ำไปซ้ำมาหลายหน แต่ก็ยังไม่แตกจนสุดท้ายนางก็เหนื่อยหอบ"กระดิ่งอะไรเนี่ย แข็งมาก ทุบเท่าไหร่ก็ไม่แตกซักที"เมื่อการทุบกระดิ่งไม่ได้ผล กู้ชูหน่วนก็ลองใช้วิธีอื่นดู เผาด้วยไฟ ลวกด้วยน้ำ แช่ด้วยยา แต่ก็ไม่มีวิธีใดได้ผลกับกระดิ่งภินวิญญาณเลยสักวิธีเดียวไม่รู้ว่ากระดิ่งภินวิญญาณทำมาจากอะไร ถึงได้แข็งแกร่งทนทานขนาดนี้ ไม่ว่าจะใช้ดาบหรือหอกก็ทำอะไรไม่ได้แม้แต่หยกจันทร์เสี้ยว ไม่ว่าจะตรวจสอบอย่างไรก็หาคำตอบไม่ได้กู้ชูหน่วนเริ่มโมโห นางจึงหยิบอิฐขึ้นมา ตั้งใจจะทุบหยกจันทร์เสี้ยวเพื่อดูโครงสร้างภายในแต่หยกชิ้นนี้มีค่าถึงห้าสิบล้านตำลึง นางจึงลังเลใจ ทำให้มือที่ถืออิฐสั่นเทาหากไม่มีสิ่งใดอยู่ภายในหยก หรือหากหยกแตกละเอียดเป็นเสี่ยงๆ เงินห้าสิบล้านตำลึงของนางก็จะสูญเปล่าขณะนี้กู้ชูหน่วนถึงได้เข้าใจว่ายามนั้นไทเฮาต้องรู้สึกเจ็บปวดมากเพียงใด"ตุ้บ..."นางกัดฟัน ก่อนจะเหวี่ยงอิฐก้อนใหญ่ทุบลงไปบนหยกอย่างแรง จนหยกงดงามแตกละเอียดหยกจันทร์เสี้ยวแตกแล้ว