ดวงตาของเย่จิ่งหานที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยเหลือบมองนางอย่างเย็นชา และในดวงตาที่ลุ่มลึกราวกับบึงน้ำเย็นนั้น ปรากฏเปลวเพลิงแห่งความโกรธแค้นกำลังก่อตัวทุกคนไม่สงสัยเลยว่า หากมีใครจุดประกายเปลวไฟนั้นเล็กน้อยจะลุกลามกลายเป็นไฟป่าที่ไม่อาจควบคุมได้"รู้หรือไม่ว่าเจ้าพูดอะไรออกมา?" เสียงทุ้มต่ำนั้นแฝงไปด้วยคำเตือนกู้ชูหน่วนยิ้ม และเปลี่ยนท่าทีอย่างกะทันหัน นางเข้าไปกอดขาของเย่จิ่งหานอย่างไม่ทันตั้งตัว พร้อมกับเผยรอยยิ้มอันออดอ้อนของสาวน้อยบนใบหน้า"รู้สิ ไม่ได้เจอกันนาน คิดถึงท่านมาก"คำพูดง่ายๆ เพียงประโยคเดียว ราวกับน้ำเย็นที่ดับไฟโกรธของเย่จิ่งหานลงไปได้มาก"ท่านอ๋อง อย่าโกรธเลย ขมวดคิ้วบ่อยๆ จะแก่เร็วนะ""ปล่อยมือ" เย่จิ่งหานตะคอก"ไม่ปล่อย ไม่ปล่อย" กู้ชูหน่วนเอ่ยพร้อมกับกอดขาแน่นขึ้นไปอีก และยังเอาแก้มแนบไปกับขาของเขาด้วย"……""ปกติเจ้าทำเช่นนี้กับผู้ชายคนอื่นด้วยหรือ""ไม่เคย ข้าทำเช่นนี้กับท่านคนเดียว""เหอ...... อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้าไปทำอะไรมาบ้างนะ" เย่จิ่งหานไม่ได้สะบัดนางออกไป แม้ว่าเขาจะยังโกรธอยู่ แต่สีหน้าของเขาก็ไม่ได้มืดมัวและน่ากลัวเหมือนเมื่อครู่"ข้าทำ
กู้ชูหน่วนโต้แย้งอย่างเที่ยงธรรมและหนักแน่น "จะเป็นไปได้อย่างไร เยี่ยเฟิงมีภูมิหลังที่น่าสงสารมาก ใครๆ ที่ได้เห็นก็คงรู้สึกสะเทือนใจ ข้าแค่ถือว่าเขาเป็นเพื่อนเท่านั้น""จริงหรือ? แล้วเซียวอวี่เชียนล่ะ?""นั่นสหายของข้า""อี้เฉินเฟยล่ะ?""นั่นพี่น้องของข้า""ซือม่อเฟยล่ะ?""นั่นน้องชายของข้า""ซ่างกวานฉู่ล่ะ""นั่นคือ......อาจารย์ของข้า"กู้ชูหน่วนอยากจะพูดว่าสหาย แต่ครุ่นคิดดูแล้วรู้สึกว่าไม่เหมาะสม จึงเปลี่ยนเป็นอาจารย์ไม่พูดถึงซ่างกวานฉู่ก็คงจะดี พูดถึงซ่างกวานฉู่แล้ว กู้ชูหน่วนก็คิดถึงความงามของเขาขึ้นมา"หึ......คบคนโน้นคนนี้ไปทั่ว"เย่จิ่งหานหัวเราะเยาะอย่างเย็นชาไม่นับก็ไม่รู้ หากลองนับดู ผู้ชายหล่อๆ รอบตัวนางนั้นมีเป็นกอง และยังมีอีกหลายคนที่เขาไม่ได้พูดถึง เช่นพวกฝูกวง"ท่านอ๋อง ท่านถามในสิ่งที่ท่านควรถามหมดแล้ว ควรรีบส่งคนไปที่เสี่ยวเหอชุนหรือไม่? หากไปช้า เกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นมาจะทำอย่างไร?""ไม่ไป""ไม่ไปจริงๆ หรือ?"กู้ชูหน่วนรวบแขนเสื้อขึ้น หว่างคิ้วของนางเต็มไปด้วยความโกรธเพื่อที่จะให้เขาเพิ่มคนไปที่เสี่ยวเหอชุน นางพูดคุยกับเขาอยู่ที่นี่นานมาก น้ำลายข
ร่างของมนุษย์นอนตายเกลื่อนพื้น กระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น เลือดสดไหลซึมออกจากร่างของพวกเขาอย่างช้าๆ รวมตัวกันเป็นสายน้ำไหลผ่านเท้าของพวกเขาหมู่บ้านถูกเผาทำลาย มองไปทางไหนก็ไม่พบกระท่อมที่สมบูรณ์สักหลัง อีกาหลายตัวเกาะอยู่บนกระเบื้อง ส่งเสียงร้องกากๆ ดังลั่นกู้ชูหน่วนเจ็บปวดมากศพเหล่านั้นมีเจ้าของร้านขายบะหมี่ มีผู้ใหญ่บ้าน และคนอื่นๆ ที่นางคุ้นเคยรวมอยู่ด้วย ทุกคนถูกฟันด้วยมีดนับสิบครั้ง เลือดไหลหมดตัวจนตาย แม้แต่คนชราอายุแปดสิบปีและทารกในอ้อมอกก็ไม่เว้นนี่เป็นโศกนาฏกรรมของมนุษย์มือของกู้ชูหน่วนกำแน่นจนได้ยินเสียงกระดูกดังกร๊อบแกร๊บใบหน้าของเยี่ยเฟิงซีดขาวจนไม่มีเลือด เขาแทบไม่อยากมองร่างเหล่านั้น ทุกคนที่นี่ปฏิบัติต่อเขาเหมือนญาติสนิทเขาวิ่งโซเซ กลับไปที่บ้านของตัวเอง พึมพำกับตัวเองด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ"แม่เฒ่า......แม่เฒ่า......"ฝ่ามือของกู้ชูหน่วนสั่นเทา ตะโกนเสียงดัง "เซียวอวี่เชียน เซียวอวี่เชียน อยู่ที่ไหน......หากยังไม่ตายก็ส่งเสียงออกมา"กู้ชูหน่วนมองหาร่างของเซียวอวี่เชียนในกองศพ พร้อมกับตะโกนเสียงดัง ขณะนี้ นางไม่เหลือความเย่อหยิ่งในอดีตแล้ว และมีแต่ความกลัว
"กู้ชูหน่วนเอ่ยว่า "ฉะนั้น ตั้งแต่แรกเริ่ม นายท่านหลันก็ต้องการสังหารหมู่ชาวบ้านในเสี่ยวเหอชุน"เยี่ยเฟิงเนื้อตัวสั่นเทา เกือบยืนไม่ไหวเขารู้ดีว่าแม้เขาจะเอากระดิ่งภินวิญญาณกลับคืนมาได้ นายท่านหลันก็คงไม่ปล่อยเขาไปไม่ว่าวันนั้นเขาจะสามารถนำกระดิ่งภินวิญญาณกลับมาได้หรือไม่ นายท่านหลันก็ตัดสินใจแน่วแน่ที่จะสังหารชาวบ้านทั้งเสี่ยวเหอชุนโทษเขาเอง......โทษเขาเอง เขาไม่ควรพาแม่เฒ่ามาที่เสี่ยวเหอชุนหากเขาไม่มาที่เสี่ยวเหอชุน เสี่ยวเหอชุนก็คงไม่เกิดเรื่องกู้ชูหน่วนมองเย่จิ่งหานที่ทำสีหน้ามืดมน และเอ่ยต่อว่า "ฉะนั้น ตั้งแต่นายท่านหลันปรากฏตัวที่วัดไป๋อวิ๋น เย่จิ่งหานก็ได้สั่งให้คนมาคุ้มครองเสี่ยวเหอชุนอย่างรวดเร็ว แต่ก็ช้าไปหนึ่งก้าว"เซียวอวี่เชียนไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ จึงเอ่ยว่า "ลูกน้องของเทพสงครามมาถึงเมื่อวาน แต่น่าเสียดายที่สายไป"ตู้ม......ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเมฆดำสนิท เสียงฟ้าร้องดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับรู้ถึงความรู้สึกของพวกเขา สวรรค์เริ่มร้องไห้ ฝนตกหนักกระหน่ำลงมา กระทบกับเลือดที่นองอยู่เต็มพื้น และก้นบึ้งของหัวใจของพวกเยี่ยเฟิงฝนตกลงมาพร้อมกับเลือด รวมตัวกั
"กู้ชูหน่วนทิ้งร่มกระดาษน้ำมัน นั่งลงข้างกายเยี่ยเฟิงเป็นเพื่อนเขาอย่างเงียบๆ ท่ามกลางแสงแดดอันร้อนระอุ กู้ชูหน่วนลังเลว่าจะปลอบโยนเขาอย่างไรไม่คาดคิดว่าเยี่ยเฟิงจะเอ่ยปากพูดก่อนเขาไม่ได้พูดมานาน เสียงแหบแห้งของเขาดังขึ้นอย่างช้าๆ"ข้าเป็นตัวซวย ใครก็ตามที่ใกล้ชิดข้าก็จะต้องโชคร้าย ในอดีต ท่านอาและอาสะใภ้ที่สนามทาส องครักษ์พี่ใหญ่ใจดีที่เขาหมายวิญญาณ ครอบครัวของแม่เฒ่าเยี่ยและชาวบ้านทุกคนในเสี่ยวเหอชุน ข้ากลัวว่า......"กลัวว่านางและเซียวอวี่เชียนจะถูกเขาทำให้เดือดร้อนไปด้วยกู้ชูหน่วนรู้ความคิดในใจของเขา จึงพูดแทรกเขาทันที "ใครบอกว่าเจ้าเป็นตัวซวย เจ้าจิตใจดี รักเพื่อนพ้อง ผู้คนจำนวนมากต่อแถวอยากเป็นเพื่อนเจ้า"เยี่ยเฟิงยิ้มขมขื่น นั่งอยู่ใต้แสงแดดอันร้อนระอุ แต่กลับไม่รู้สึกถึงความอบอุ่นแม้แต่น้อย"ข้าอยู่ในสนามทาสตั้งแต่ข้าจำความได้ แม้ว่ายามนั้นชีวิตจะลำบากไปบ้าง แต่ข้าก็มีความสุขมาก เพราะที่นั่นมีท่านอาและอาสะใภ้จำนวนมากที่ปฏิบัติต่อข้าดีมาก""เจ้ารู้หรือไม่ว่าความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ที่สุดของข้าในยามนั้นคืออะไร"กู้ชูหน่วนถามอย่างไม่แน่ใจ "ตามหาพ่อแม่ที่แท้จริง กลับไปอยู
"ต่อมา ข้าได้รับเลือกเป็นบ่าวรับใช้ และถูกส่งไปยังเรือนใหญ่ของนายท่านหลัน" เยี่ยเฟิงตัวสั่นเทา กอดตัวเองแน่นขึ้น และคำพูดที่เปล่งออกมาสั่นเครือจนฟันกระทบกัน"ตั้งแต่นั้นมา โลกของข้าก็มืดมิด เขาทารุณและโหดร้ายจนเกินจะบรรยาย""เรื่องพวกนั้นผ่านมาแล้ว อย่าคิดถึงอีกเลย" กู้ชูหน่วนอยากกอดเขา แต่นางก็กลัวกลัวว่าหากนางสัมผัสเขา เขาจะแตกสลาย"สิบสามปีที่ผ่านมา ข้าคิดฆ่าตัวตายทุกวัน ทุกวันทุกคืน ราวกับตายทั้งเป็น"เยี่ยเฟิงเงยหน้ามองกู้ชูหน่วน ในดวงตาเย็นชาของเขาน้ำตาคลอเบ้า "เจ้ารู้หรือไม่ว่าเป็นชีวิตอย่างไร? อยู่ในถ้ำน้ำแข็งมืดมิด แม้แต่ความตายก็ยังเป็นความหรูหรา แม้แต่การหายใจก็ยังเจ็บปวด เจ็บปวดมาก......"กู้ชูหน่วนไม่ค่อยเข้าใจว่าเยี่ยเฟิงบอกเรื่องนี้กับนางทำไม?หรือว่าเขาคิดสั้น อยากฆ่าตัวตาย?"ข้ารู้ว่าข้าตายไม่ได้ หากข้าตาย คนสิบคนที่ผูกติดอยู่กับข้าก็จะตายด้วย คนในสนามทาสก็จะตาย พ่อแม่แท้ๆ ของข้าก็จะตายทั้งเป็น""สิบสามปี ข้าทนมาสิบสามปีเต็ม ข้าพยายามอย่างสุดชีวิตที่จะหนีจากนายท่านหลัน ในเผ่าหมอมีการคัดเลือกผู้มีความสามารถ ตราบใดที่พิณกู่ฉิน หมากล้อม พู่กันจีน ภาพวาดจีน เขียน
กู้ชูหน่วนหัวเราะเยาะ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความโกรธจิตใจดีอะไร? ที่แท้ก็แค่คอยเตือนให้เยี่ยเฟิงเชื่อฟังเขาแต่โดยดีเท่านั้น หากเขาอยากจะทำเมื่อไหร่ ก็สามารถทำให้เขาปางตายได้ทุกเมื่อน่าขยะแขยงน่าขยะแขยงเกินไปแล้วทำไมคนเลวแบบนั้นไม่ตายๆ ไปเสีย"รู้สึกว่าข้าต่ำต้อยและน่าดูถูกมากใช่หรือไม่""ไม่เลย""ข้าเป็นแค่ของเล่นที่คนเอาไว้เล่นสนุก เพื่อความอยู่รอด เพื่อที่จะได้ทรมานน้อยลง ข้าจึงยอมก้มหัว ยอมดูถูกตัวเอง ข้าเป็นคนแบบนี้ ไม่คู่ควรที่จะมีชีวิตอยู่บนโลก ข้าเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของตัวเองจนหมดสิ้น""ไม่ เจ้ากล้าหาญมาก มีความรับผิดชอบมาก หากเป็นคนอื่นคงฆ่าตัวตายไปนานแล้ว การมีชีวิตอยู่ยากกว่าการตายเสมอ ยิ่งไปกว่านั้น......"ยิ่งไปกว่านั้นเขายึดมั่นในศักดิ์ศรีของตัวเองมากเขายึดคำว่าศักดิ์ศรีมากกว่าใครตั้งแต่เกิด เขาก็ใช้ชีวิตอยู่ในโลกที่โหดร้ายตั้งแต่อายุห้าขวบ ปีกทั้งสองข้างของเขาก็ถูกคนหักจนขาดสะบั้นในโลกแคบๆ และทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสการที่เขายังคงรักษาเจตจำนงเดิมไว้ได้นั้น นับว่าเป็นเรื่องที่ยากมากแล้ว"เรื่องพวกนั้นผ่านมาแล้ว ต่อไปเจ้าจะมีชีวิตที่ดี เรื่องแม่เฒ่าของเจ
คำพูดของกู้ชูหน่วน พวกเขาไม่ค่อยเข้าใจเซียวอวี่เชียนส่ายศีรษะ ไม่เห็นด้วยตั้งแต่แรก "เทพสงครามหลอกไม่ง่าย วันแต่งงาน เจ้าทำเพื่อชายอื่น และหนีไปช่วยคนที่เผ่าหมอ จุๆ ๆ ข้ากลัวว่าเจ้าไม่ทันได้ช่วยคน ก็อาจเอาชีวิตของตัวเองไปทิ้งเสียแล้ว"กู้ชูหน่วนกลอกตา "วางใจได้ ข้าไม่เอาตัวเองไปเสี่ยงแน่ และข้าจะทำให้ เย่จิ่งหานยอมปล่อยข้าออกมาแต่โดยดี พวกเจ้าเลิกเป็นห่วงเรื่องที่ไม่จำเป็นได้แล้ว""พูดซะเสมือนจริง ไหนลองบอกมาซิ คืนส่งตัวเข้าห้องหอ เจ้าจะหนีออกมาอย่างไร""บอกไปก็ไม่ขลังน่ะสิ"เซียวอวี่เชียนคิดว่านางแค่พูดไปเช่นนั้น ไม่คิดว่านางจะคิดหนีงานแต่งจริงๆทว่า......ในใจของเขาหวังว่างานแต่งของนางกับเทพสงครามจะไม่สำเร็จมากกว่ากู้ชูหน่วนหยิบแผนที่ที่วาดไว้ล่วงหน้าออกมา เรียกฝูกวงมาปรึกษากันว่าจะใช้เย่จิ่งหาน บุกเข้าไปในเขาหมายวิญญาณเพื่อช่วยแม่เฒ่าเยี่ยได้อย่างไรเยี่ยเฟิงมองไปที่ท้องฟ้าสีคราม แต่กลับไม่ได้ยินอะไรเลยแม้แต่คำเดียวพวกเขาเคยบุกเข้าไปในเขาหมายวิญญาณมาแล้วครั้งหนึ่ง คราวนี้อยากจะบุกเข้าไปอีกครั้ง ไม่ง่ายเลยอีกอย่าง......ชีวิตของเขาไม่มีค่าอะไร พวกเขาจะเสี่ยงอันตรายตามเ
บนเวทีแสดงวิทยายุทธสำนักบัณฑิตหลวง เหล่าบัณฑิตที่มาเข้าร่วมงานประชุมสวินหลงยืนเรียงกันเป็นห้าแถว อาจารย์บุ๋นบู๊สิบกว่าคนยืนอยู่บนเวที ปากอ้าๆ หุบๆ แนะนำกฎของงานประชุมสวินหลง"บัณฑิตที่มายืนอยู่ ณ ที่นี้ได้ ล้วนแต่เป็นผู้ที่สำนักบัณฑิตหลวงคัดสรรมาอย่างดี ปีที่ผ่านมามีเพียงบัณฑิตปีนั้นๆ เท่านั้นที่สามารถเข้าร่วมงานประชุมสวินหลงได้ แต่ด้วยพระมหากรุณาธิคุณ เพื่อที่จะเฟ้นหาผู้มีความสามารถ จึงได้อนุญาตให้บัณฑิตยอดเยี่ยมของปีก่อนๆ ก็สามารถเข้าร่วมได้เช่นกัน""เขาสวินหลงเป็นหุบเขาแห่งมหาสมบัติของแคว้นเย่ ทุกคนต่างรู้ดี ในอดีตโบราณกาล ที่นั่นเคยเกิดสงครามใหญ่หลายครั้ง ถือเป็นร่องรอยของสนามรบที่หลงเหลือจากโบราณมา ข้างในไม่ได้มีเพียงแค่สัตว์ป่าดุร้าย ดอกไม้ประหลาดหรือหญ้าพิษ ยังมีสมบัติต่างๆ ที่หลงเหลืออยู่ ในนั้นเต็มไปด้วยสมบัติล้ำค่าขั้นสองขึ้นไป หากโชคดี อาจหาสมบัติล้ำค่าขั้นสี่เจอก็เป็นได้""ไม่ว่าพวกเจ้าจะพบสมบัติล้ำค่าใดในเขาสวินหลง ล้วนแต่จะกลายเป็นของพวกเจ้าเอง หากพวกเจ้าโชคไม่ดี ไม่พบสิ่งใดเลย เช่นนั้นก็จะไม่ได้อะไรเลย พวกเจ้ามีเวลาในเขาสวินหลงสามวัน หลังจากสามวัน งานประชุมสวินหลงครั้
กู้ชูอวิ๋นเยื้องย่างอ่อนโยน โน้มตัวเล็กน้อย ก่อนจะแสดงความเคารพด้วยท่าที่ตรงตามมาตรฐานหนึ่งที น้ำเสียงไพเราะกังวาน "ชูอวิ๋นคาราวะหานอ๋องเฟย และคุณชายเซียว"เซียวอวี่เชียนหันหน้าไปทางอื่น ส่งเสียงค่อนแคะในลำคอ ขี้เกียจแม้แต่จะชายตามองกู้ชูอวิ๋นสักครั้งท่าทางทั้งหมดนี้ของเซียวอวี่เชียนแสดงให้เห็นว่าเซียวอวี่เชียนรังเกียจกู้ชูอวิ๋น ไม่อยากจะแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ใดๆ ทั้งสิ้นตงฟางเจ๋อที่มีนิสัยค่อนข้างใจร้อน พลันเดือดดาลทันที "คุณหนูรองกู้ใจกว้างโอบอ้อม ทำความเคารพพวกเจ้าด้วยความสุภาพ ทว่าพวกเจ้ากลับจองหอง จงใจทำตัวอยู่เหนือกว่า พวกเจ้าคิดว่าฐานะของตนสูงส่งถึงได้ดูถูกทุกคนเช่นนั้นหรือ"ตงฟางเจ๋อไม่ได้พูดว่าเจ้า แต่เป็นพวกเจ้า เหมารวมกู้ชูหน่วนเข้ามาด้วยเซียวอวี่เชียนกำลังจะระเบิดอารมณ์ ทว่ากู้ชูหน่วนขวางเขาไว้ นางก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว สองมือกอดอก ในปากคาบดอกหญ้าหนึ่งต้น ท่าทางอวดเบ่งและบ้าบิ่น“สหาย หากเจ้ามีฐานะเช่นพวกข้า เจ้าก็ทำตัวสูงส่ง ดูถูกเหยียดหยามผู้อื่นได้เหมือนกัน”ซี้ดดด...ทุกคนต่างก็สูดหายใจเข้าลึกด้วยความตะลึงตงฟางเจ๋อเป็นถึงยอดฝีมือขั้นหนึ่ง แม้ชาติตระกูลจะสู้
"เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า"เซียวอวี่เชียนถอนหายใจยาวเหยียดตอนนั้นเทพสงครามฉุนเฉียวเช่นนั้น เขาคิดว่ายัยขี้เหร่จะต้องไม่ได้มีจุดจบที่ดีแน่หลายวันที่ผ่านมานี้ เขาพยามคิดหาหนทางหนีออกไปจากจวนแม่ทัพเพื่อไปเยี่ยมยัยขี้เหร่ที่จวนหานอ๋อง แต่ช่วยไม่ได้ที่ถูกปิดตายอยู่ในห้อง ไม่ว่าเขาจะคิดหาทนทางเพียงไรก็หนีออกไปไม่ได้"ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว"เขาพูดพลางเหลือบไปมองหน้าท้องของนางปราดหนึ่งนี่ก็ผ่านไปหลายวันแล้ว เหตุใดท้องของนางยังแบนราบเช่นนี้ หรือสารอาหารจะไม่เพียงพอแต่สีหน้าของนางดูเหมือนจะดีกว่าแต่ก่อนเยอะ แม้แต่ราศีที่เปล่งออกมาก็เปลี่ยนไป ไม่เหมือนคนที่ใช้ชีวิตอย่างตรอมตรมเลยสักนิด"เหลือเวลาอีกเท่าไหร่กว่าจะถึงพิธีแต่งงานของเจ้า""งานประชุมสวินหลงเสร็จสิ้นก็ต้องจัดแล้ว แต่เจ้าวางใจ ข้าไม่มีทางแต่งกับนางเด็ดขาด"กู้ชูหน่วนแค่นหัวเราะ "แน่นอนว่าแต่งกับนางไม่ได้"ผู้ที่มารยาร้อยเล่มเกวียน ประพฤติไม่ชอบอย่างกู้ชูอวิ๋น จะแต่งมาทำอะไร"ยัยขี้เหร่ เจ้าไม่อยากให้ข้าแต่งกับนางจริงๆ ใช่หรือไม่"เอิ่ม......เซียวอวี่เชียนจะตื่นเต้นขนาดนี้ไปทำไมในฐานะเพื่อน นางย่อมไม่อยากให้เซียวอวี่เชียนแต
"ทูลพระชายา นายท่านไปพำนักที่เรือนชิวเฟิงชั่วคราว อีกสองสามวันก็จะกลับมาแล้ว"เรือนชิวเฟิง ?ไปที่นั่นทำไม"เขาได้รับบาดเจ็บหรือ" กู้ชูหน่วนถามอย่างระแวดระวัง"หามิได้ นายท่านไม่ได้ไปที่เรือนชิวเฟิงมาระยะหนึ่งแล้ว จึงอาจอยากอยู่ที่นั่นสักสองสามวัน ข้าน้อยก็ไม่ทราบแน่ชัด หน้าที่ของข้าน้อยคือปกป้องคุ้มครองพระชายา"กู้ชูหน่วนกึ่งเชื่อกึ่งสงสัย รู้สึกอยู่ตลอดว่าความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นงานประชุมสวินหลงที่สำนักบัณฑิตหลวงจะจัดผลัดออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า กระทั่งผลัดมาจนถึงวันนี้นางเงยหน้าขึ้นไปมองฟ้าเจ็ดวันก่อน นางรับปากเสี่ยวลู่ ลานประมูลเฟิงเซียงไว้แล้วว่าวันนี้จะไปตามเวลาที่นัด แต่หากไปลานประมูลเฟิงเซียง เช่นนั้นก็ไปร่วมงานประชุมสวินหลงไม่ได้ระหว่างที่นางกำลังลังเลว่าจะไปร่วมงานประมูลเฟิงเซียงหรืองานประชุมสวินหลงดี บ่าวรับใช้ก็เข้ามารายงานกะทันหัน"พระชายา ลานประมูลเฟิงเซียงส่งข่าวมาว่า ยกเลิกงานประมูลวันนี้ เลื่อนไปจัดในอีกสิบวันให้หลัง ลานประมูลขอเชิญท่านไปเข้าร่วมในอีกสิบวันข้างหน้า"บังเอิญเพียงนี้เลยรึหรือลานประมูลเฟิงเซียงจะรู้ว่าวันนี้นางอยากไปร่วมงานประชุมสวินหลง
ครั้งนี้ นางใช้โชคเข้าปะทะชีพจรยุทธ ทุกครั้งที่ใกล้จะทะลวงชีพจรยุทธได้สำเร็จ นางจะคว้ายาชำระไขกระดูกจำนวนมากมากินเพื่อเพิ่มพลังงานเช่นเดียวกับครั้งก่อนๆ ทุกครั้งที่นางเพิ่งจะเปิดรอยแยกได้ ก็จะปิดลงทันที กู้ชูหน่วนไม่ยอมแพ้ นางทะลวงครั้งแล้วครั้งเล่าไม่รู้ว่าใช้เวลานานเท่าไหร่ ในที่สุดนางก็เปิดชีพจรยุทธได้สำเร็จ"เฮือก......"เลือดสดอีกคำไหลหยดออกมา คนอื่นทะลวงชีพจรยุทธแล้วจะรู้สึกสบายไปทั้งตัว มีพลังงานเต็มเปี่ยม แต่นางกลับเหมือนหนีความตายมาได้ และเกือบเอาชีวิตนางไปกู้ชูหน่วนคราบเลือดติดมุมปาก แต่นางก็แย้มรอยยิ้มที่ชั่วร้ายออกมานางพยายามใช้โชคหมุนเวียนพลังงานภายในร่างกาย เปลวไฟกลุ่มหนึ่งในตันเถียนของนางกำลังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และร่างกายของนางก็เบาขึ้นกว่าเดิมมากนางมีพลังภายในแล้ว...... แม้ว่าพลังภายในจะอ่อนแอมากก็ตาม......การเปิดชีพจรยุทธบ่งชี้ว่านางสามารถฝึกวิชายุทธได้แล้วกู้ชูหน่วนหายใจออกมายาวและเปิดตำรารวมสูตรปรุงยาอีกครั้งยายกระดับเป็นยาที่ช่วยเพิ่มพลังภายในอย่างรวดเร็วและทะลวงผ่านหนึ่งขั้นได้กู้ชูหน่วนรู้สึกสนใจขึ้นมา"ชิงเฟิง"ชิงเฟิงทำหน้าบูดบึ้ง "พระชาย
บ่าวรับใช้ในจวนอ๋องกำลังช่วยกันดับไฟ ผมของกู้ชูหน่วนถูกระเบิดจนยุ่งเหยิง ราวกับรังไก่ ชิงเฟิงจัดให้นางไปอยู่ในห้องที่ตกแต่งอย่างสวยงามอีกห้องหนึ่งภายในห้อง กู้ชูหน่วนมองกล่องยาชำระไขกระดูกขนาดใหญ่ตรงหน้า ทั้งกังวลและโล่งใจกังวลคือยาชำระไขกระดูกยังห่างไกลจากผลลัพธ์ที่นางต้องการโล่งใจคือในที่สุดก็ทำสำเร็จแล้ว"ชิวเอ๋อร์ ไปเฝ้าหน้าประตู ห้ามให้ใครเข้ามา รวมถึงท่านอ๋องด้วย""คุณหนู ท่านจะทำอะไรอีกแล้วหรือเจ้าคะ?"ชิวเอ๋อร์กลัวจนตัวสั่น ชีวิตของคุณหนูเกือบจะจบสิ้นแล้ว นางคงไม่คิดที่จะปรุงยาอีกแล้วใช่หรือไม่"เจ้ารู้อะไร รีบออกไปเถิด""แต่ว่า......"ก่อนที่ชิวเอ๋อร์จะพูดจบ กู้ชูหน่วนก็ผลักนางออกไป แล้วนั่งขัดสมาธิบนเตียง หยิบยาชำระไขกระดูกในกล่องตรงหน้ามากินหนึ่งเม็ดความร้อนไหลขึ้นมาจากตันเถียน แต่ชีพจรยุทธไม่เปิดออกเสียทีกู้ชูหน่วนกินอีกหลายเม็ด ความร้อนในตันเถียนรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เส้นลมปราณทั้งเจ็ดและแปดเส้นรู้สึกสบาย แต่ชีพจรยุทธยังคงไม่เปิดออกนางขมวดคิ้ว "ใช้สมุนไพรที่คล้ายกันมาทดแทน ผลลัพธ์ก็ยังแตกต่างกันมาก ยาชำระไขกระดูกนี้แย่เกินไป"กู้ชูหน่วนกัดฟัน กลืนยาชำระไขกระ
"พระชายา โปรดอย่าทำให้ข้าน้อยลำบากใจเลย ข้าน้อยก็แค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น"เมื่อเห็นว่ากู้ชูหน่วนตั้งใจจะออกไป ชิงเฟิงก็ตกใจและเอ่ยว่า "พระชายา ท่านต้องการไปหายาใช่หรือไม่? หรือว่าท่านจะให้ใบสั่งยาแก่ข้าน้อย แล้วให้ข้าน้อยปหายามาให้""ก็ได้ ยิ่งเร็วยิ่งดี""ขอรับ"ความเร็วของชิงเฟิงและคนอื่นๆ นั้นรวดเร็วมาก แต่หลังจากกลับมา คำตอบของพวกเขาก็เหมือนกับที่ชิวเอ๋อร์พูดไม่มีผิดเพี้ยน"พระชายา ข้าน้อยได้ไปหาหมอหลวงทุกคนในสำนักหมอหลวงแล้ว พวกเขาไม่เคยได้ยินชื่อสมุนไพรในใบสั่งยาของท่านเลย และไม่สามารถหายาเหล่านั้นมาให้ท่านได้"ด้วยความกลัวว่ากู้ชูหน่วนจะโกรธ ชิงเฟิงจึงหยุดชะงักแล้วเอ่ยต่อทันทีว่า "ข้าน้อยได้พาหมอหลวงจากสำนักหมอหลวง รวมถึงหมอที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงมาด้วย พระชายาสามารถสอบถามพวกเขาได้โดยตรงเลย"เมื่อโบกมือ หมอจำนวนมากก็เดินเข้ามาทีละคน และทำความเคารพนาง "คารวะพระชายา ขอพระองค์ทรงพระเจริญ พันปี พันๆ ปี""พอเถอะ ข้าขอถามพวกท่าน พวกท่านไม่เคยได้ยินชื่อซานหลิง ซูเหอเซียง การบูร จริงๆ หรือ?""ทูลพระชายา พวกข้าประกอบอาชีพหมอมาหลายสิบปี บรรพบุรุษของพวกข้าก็เป็นหมอเช่นกัน พวกข้าไ
นิ้วเรียวสวยของกู้ชูหน่วนพลิกดูตำรารวมสูตรปรุงยาที่ขาดวิ่นอย่างต่อเนื่อง นางมองอย่างตั้งใจจนลืมตัว และไม่รู้ว่าตัวเองกลับมาที่จวนหานอ๋องตั้งแต่เมื่อใด"เย่จิ่งหานล่ะ?" กู้ชูหน่วนเงยหน้าขึ้นถามทันทีชิงเฟิงเม้มปาก การต่อสู้ดุเดือดขนาดนั้น พระชายาของเขาไม่รู้จริงๆ หรือว่าแกล้งไม่รู้กันแน่?"นายน้อยแห่งเผ่าเทียนเฝินมาชิงแผนที่ไข่มุกสีเขียว นายท่านต่อสู้กับเขา และยามนี้ยังอยู่ในป่าไผ่ นายท่านให้ข้าพาพระชายากลับจวนก่อน""อย่างนั้นหรือ สามหมื่นล้านตำลึง ล่อตาล่อใจโจรจริง ๆ แผนที่ไข่มุกสีเขียวต้องได้รับการปกป้องอย่างดี อาจจะเป็นทรัพย์สมบัติทั้งหมดของจวนหานอ๋องก็ได้นะ" นายน้อยแห่งเผ่าเทียนเฝินบาดเจ็บไม่ใช่หรือ? เย่จิ่งหานน่าจะรับมือได้เมื่อเห็นกู้ชูหน่วนพูดเรื่องเหล่านี้อย่างจริงจัง คิ้วเข้มของชิงเฟิงก็ขมวดแน่นสิ่งที่นางควรเป็นห่วงไม่ใช่นายท่านหรอกหรือ?"ข้าจะกลับไปศึกษาตำรารวมสูตรปรุงยา บอกบ่าวรับใช้ว่าห้ามใครรบกวนหากไม่มีคำสั่งจากข้า""ขอรับ"ภายในห้อง กู้ชูหน่วนจรดพู่กันเขียนตำรับยาหลายแผ่นอย่างคล่องแคล่ว แล้วส่งให้ชิวเอ๋อร์ "ไปร้านขายยา ซื้อยาตามตำรับที่ข้าให้มา กลับมามากหน่อย"
กู้ชูหน่วนรับจดหมายเชิญ แล้วเกี่ยวคางของนางอย่างเย้าแหย่ "เมื่อมีสาวงามมาเชิญ เราจะกล้าไม่มาได้อย่างไร วางใจได้ งานประมูลเฟิงเซียงสิ้นเดือนนี้ พวกเราจะไปให้ตรงเวลาแน่นอน""เช่นนั้น เสี่ยวลู่จะรอแขกผู้มีเกียรติทั้งสองท่านอยู่ที่งานประมูลเฟิงเซียง"หลังออกจากงานประมูลเฟิงเซียง เย่จิ่งหานก็ยังคงทำหน้าเย็นชาตลอดเวลาระหว่างทางกลับ พวกเขานั่งรถม้าประจำตัวของเย่จิ่งหาน กู้ชูหน่วนไม่รู้ว่ารถม้าทำจากวัสดุอะไร ภายนอกดูธรรมดา แต่ภายในกลับมีพื้นที่กว้างขวางมาก สามารถดื่มชา เล่นหมากรุก หรือนอนพักผ่อนได้ อีกทั้งยังป้องกันลูกธนูพิษและอาวุธทุกชนิดได้ เมื่อสัมผัสกับรถม้า จะมีเพียงเสียงโลหะกระทบกันเท่านั้นตลอดทาง เสียงการต่อสู้ดังขึ้นเป็นระยะๆ ไม่ขาดสาย พร้อมกับเสียงร้องคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดพื้นดินสั่นสะเทือนเป็นครั้งคราว ไม่รู้ว่าข้างนอกต่อสู้กันดุเดือดเพียงใดกู้ชูหน่วนรู้ว่าคนเหล่านี้ส่วนใหญ่มาเพื่อแย่งชิงแผนที่ไข่มุกสีเขียวของเย่จิ่งหานแต่เมื่อมองไปที่เย่จิ่งหาน เขานั่งจิบชาอ่านหนังสืออย่างสง่างามริมหน้าต่างรถม้า ราวกับไม่รับรู้ถึงการต่อสู้ภายนอกกู้ชูหน่วนเปิดม่านรถม้าดู ข้างนอกมีแต่แ