ร่างของมนุษย์นอนตายเกลื่อนพื้น กระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น เลือดสดไหลซึมออกจากร่างของพวกเขาอย่างช้าๆ รวมตัวกันเป็นสายน้ำไหลผ่านเท้าของพวกเขาหมู่บ้านถูกเผาทำลาย มองไปทางไหนก็ไม่พบกระท่อมที่สมบูรณ์สักหลัง อีกาหลายตัวเกาะอยู่บนกระเบื้อง ส่งเสียงร้องกากๆ ดังลั่นกู้ชูหน่วนเจ็บปวดมากศพเหล่านั้นมีเจ้าของร้านขายบะหมี่ มีผู้ใหญ่บ้าน และคนอื่นๆ ที่นางคุ้นเคยรวมอยู่ด้วย ทุกคนถูกฟันด้วยมีดนับสิบครั้ง เลือดไหลหมดตัวจนตาย แม้แต่คนชราอายุแปดสิบปีและทารกในอ้อมอกก็ไม่เว้นนี่เป็นโศกนาฏกรรมของมนุษย์มือของกู้ชูหน่วนกำแน่นจนได้ยินเสียงกระดูกดังกร๊อบแกร๊บใบหน้าของเยี่ยเฟิงซีดขาวจนไม่มีเลือด เขาแทบไม่อยากมองร่างเหล่านั้น ทุกคนที่นี่ปฏิบัติต่อเขาเหมือนญาติสนิทเขาวิ่งโซเซ กลับไปที่บ้านของตัวเอง พึมพำกับตัวเองด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ"แม่เฒ่า......แม่เฒ่า......"ฝ่ามือของกู้ชูหน่วนสั่นเทา ตะโกนเสียงดัง "เซียวอวี่เชียน เซียวอวี่เชียน อยู่ที่ไหน......หากยังไม่ตายก็ส่งเสียงออกมา"กู้ชูหน่วนมองหาร่างของเซียวอวี่เชียนในกองศพ พร้อมกับตะโกนเสียงดัง ขณะนี้ นางไม่เหลือความเย่อหยิ่งในอดีตแล้ว และมีแต่ความกลัว
"กู้ชูหน่วนเอ่ยว่า "ฉะนั้น ตั้งแต่แรกเริ่ม นายท่านหลันก็ต้องการสังหารหมู่ชาวบ้านในเสี่ยวเหอชุน"เยี่ยเฟิงเนื้อตัวสั่นเทา เกือบยืนไม่ไหวเขารู้ดีว่าแม้เขาจะเอากระดิ่งภินวิญญาณกลับคืนมาได้ นายท่านหลันก็คงไม่ปล่อยเขาไปไม่ว่าวันนั้นเขาจะสามารถนำกระดิ่งภินวิญญาณกลับมาได้หรือไม่ นายท่านหลันก็ตัดสินใจแน่วแน่ที่จะสังหารชาวบ้านทั้งเสี่ยวเหอชุนโทษเขาเอง......โทษเขาเอง เขาไม่ควรพาแม่เฒ่ามาที่เสี่ยวเหอชุนหากเขาไม่มาที่เสี่ยวเหอชุน เสี่ยวเหอชุนก็คงไม่เกิดเรื่องกู้ชูหน่วนมองเย่จิ่งหานที่ทำสีหน้ามืดมน และเอ่ยต่อว่า "ฉะนั้น ตั้งแต่นายท่านหลันปรากฏตัวที่วัดไป๋อวิ๋น เย่จิ่งหานก็ได้สั่งให้คนมาคุ้มครองเสี่ยวเหอชุนอย่างรวดเร็ว แต่ก็ช้าไปหนึ่งก้าว"เซียวอวี่เชียนไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ จึงเอ่ยว่า "ลูกน้องของเทพสงครามมาถึงเมื่อวาน แต่น่าเสียดายที่สายไป"ตู้ม......ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเมฆดำสนิท เสียงฟ้าร้องดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับรู้ถึงความรู้สึกของพวกเขา สวรรค์เริ่มร้องไห้ ฝนตกหนักกระหน่ำลงมา กระทบกับเลือดที่นองอยู่เต็มพื้น และก้นบึ้งของหัวใจของพวกเยี่ยเฟิงฝนตกลงมาพร้อมกับเลือด รวมตัวกั
"กู้ชูหน่วนทิ้งร่มกระดาษน้ำมัน นั่งลงข้างกายเยี่ยเฟิงเป็นเพื่อนเขาอย่างเงียบๆ ท่ามกลางแสงแดดอันร้อนระอุ กู้ชูหน่วนลังเลว่าจะปลอบโยนเขาอย่างไรไม่คาดคิดว่าเยี่ยเฟิงจะเอ่ยปากพูดก่อนเขาไม่ได้พูดมานาน เสียงแหบแห้งของเขาดังขึ้นอย่างช้าๆ"ข้าเป็นตัวซวย ใครก็ตามที่ใกล้ชิดข้าก็จะต้องโชคร้าย ในอดีต ท่านอาและอาสะใภ้ที่สนามทาส องครักษ์พี่ใหญ่ใจดีที่เขาหมายวิญญาณ ครอบครัวของแม่เฒ่าเยี่ยและชาวบ้านทุกคนในเสี่ยวเหอชุน ข้ากลัวว่า......"กลัวว่านางและเซียวอวี่เชียนจะถูกเขาทำให้เดือดร้อนไปด้วยกู้ชูหน่วนรู้ความคิดในใจของเขา จึงพูดแทรกเขาทันที "ใครบอกว่าเจ้าเป็นตัวซวย เจ้าจิตใจดี รักเพื่อนพ้อง ผู้คนจำนวนมากต่อแถวอยากเป็นเพื่อนเจ้า"เยี่ยเฟิงยิ้มขมขื่น นั่งอยู่ใต้แสงแดดอันร้อนระอุ แต่กลับไม่รู้สึกถึงความอบอุ่นแม้แต่น้อย"ข้าอยู่ในสนามทาสตั้งแต่ข้าจำความได้ แม้ว่ายามนั้นชีวิตจะลำบากไปบ้าง แต่ข้าก็มีความสุขมาก เพราะที่นั่นมีท่านอาและอาสะใภ้จำนวนมากที่ปฏิบัติต่อข้าดีมาก""เจ้ารู้หรือไม่ว่าความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ที่สุดของข้าในยามนั้นคืออะไร"กู้ชูหน่วนถามอย่างไม่แน่ใจ "ตามหาพ่อแม่ที่แท้จริง กลับไปอยู
"ต่อมา ข้าได้รับเลือกเป็นบ่าวรับใช้ และถูกส่งไปยังเรือนใหญ่ของนายท่านหลัน" เยี่ยเฟิงตัวสั่นเทา กอดตัวเองแน่นขึ้น และคำพูดที่เปล่งออกมาสั่นเครือจนฟันกระทบกัน"ตั้งแต่นั้นมา โลกของข้าก็มืดมิด เขาทารุณและโหดร้ายจนเกินจะบรรยาย""เรื่องพวกนั้นผ่านมาแล้ว อย่าคิดถึงอีกเลย" กู้ชูหน่วนอยากกอดเขา แต่นางก็กลัวกลัวว่าหากนางสัมผัสเขา เขาจะแตกสลาย"สิบสามปีที่ผ่านมา ข้าคิดฆ่าตัวตายทุกวัน ทุกวันทุกคืน ราวกับตายทั้งเป็น"เยี่ยเฟิงเงยหน้ามองกู้ชูหน่วน ในดวงตาเย็นชาของเขาน้ำตาคลอเบ้า "เจ้ารู้หรือไม่ว่าเป็นชีวิตอย่างไร? อยู่ในถ้ำน้ำแข็งมืดมิด แม้แต่ความตายก็ยังเป็นความหรูหรา แม้แต่การหายใจก็ยังเจ็บปวด เจ็บปวดมาก......"กู้ชูหน่วนไม่ค่อยเข้าใจว่าเยี่ยเฟิงบอกเรื่องนี้กับนางทำไม?หรือว่าเขาคิดสั้น อยากฆ่าตัวตาย?"ข้ารู้ว่าข้าตายไม่ได้ หากข้าตาย คนสิบคนที่ผูกติดอยู่กับข้าก็จะตายด้วย คนในสนามทาสก็จะตาย พ่อแม่แท้ๆ ของข้าก็จะตายทั้งเป็น""สิบสามปี ข้าทนมาสิบสามปีเต็ม ข้าพยายามอย่างสุดชีวิตที่จะหนีจากนายท่านหลัน ในเผ่าหมอมีการคัดเลือกผู้มีความสามารถ ตราบใดที่พิณกู่ฉิน หมากล้อม พู่กันจีน ภาพวาดจีน เขียน
กู้ชูหน่วนหัวเราะเยาะ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความโกรธจิตใจดีอะไร? ที่แท้ก็แค่คอยเตือนให้เยี่ยเฟิงเชื่อฟังเขาแต่โดยดีเท่านั้น หากเขาอยากจะทำเมื่อไหร่ ก็สามารถทำให้เขาปางตายได้ทุกเมื่อน่าขยะแขยงน่าขยะแขยงเกินไปแล้วทำไมคนเลวแบบนั้นไม่ตายๆ ไปเสีย"รู้สึกว่าข้าต่ำต้อยและน่าดูถูกมากใช่หรือไม่""ไม่เลย""ข้าเป็นแค่ของเล่นที่คนเอาไว้เล่นสนุก เพื่อความอยู่รอด เพื่อที่จะได้ทรมานน้อยลง ข้าจึงยอมก้มหัว ยอมดูถูกตัวเอง ข้าเป็นคนแบบนี้ ไม่คู่ควรที่จะมีชีวิตอยู่บนโลก ข้าเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของตัวเองจนหมดสิ้น""ไม่ เจ้ากล้าหาญมาก มีความรับผิดชอบมาก หากเป็นคนอื่นคงฆ่าตัวตายไปนานแล้ว การมีชีวิตอยู่ยากกว่าการตายเสมอ ยิ่งไปกว่านั้น......"ยิ่งไปกว่านั้นเขายึดมั่นในศักดิ์ศรีของตัวเองมากเขายึดคำว่าศักดิ์ศรีมากกว่าใครตั้งแต่เกิด เขาก็ใช้ชีวิตอยู่ในโลกที่โหดร้ายตั้งแต่อายุห้าขวบ ปีกทั้งสองข้างของเขาก็ถูกคนหักจนขาดสะบั้นในโลกแคบๆ และทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสการที่เขายังคงรักษาเจตจำนงเดิมไว้ได้นั้น นับว่าเป็นเรื่องที่ยากมากแล้ว"เรื่องพวกนั้นผ่านมาแล้ว ต่อไปเจ้าจะมีชีวิตที่ดี เรื่องแม่เฒ่าของเจ
คำพูดของกู้ชูหน่วน พวกเขาไม่ค่อยเข้าใจเซียวอวี่เชียนส่ายศีรษะ ไม่เห็นด้วยตั้งแต่แรก "เทพสงครามหลอกไม่ง่าย วันแต่งงาน เจ้าทำเพื่อชายอื่น และหนีไปช่วยคนที่เผ่าหมอ จุๆ ๆ ข้ากลัวว่าเจ้าไม่ทันได้ช่วยคน ก็อาจเอาชีวิตของตัวเองไปทิ้งเสียแล้ว"กู้ชูหน่วนกลอกตา "วางใจได้ ข้าไม่เอาตัวเองไปเสี่ยงแน่ และข้าจะทำให้ เย่จิ่งหานยอมปล่อยข้าออกมาแต่โดยดี พวกเจ้าเลิกเป็นห่วงเรื่องที่ไม่จำเป็นได้แล้ว""พูดซะเสมือนจริง ไหนลองบอกมาซิ คืนส่งตัวเข้าห้องหอ เจ้าจะหนีออกมาอย่างไร""บอกไปก็ไม่ขลังน่ะสิ"เซียวอวี่เชียนคิดว่านางแค่พูดไปเช่นนั้น ไม่คิดว่านางจะคิดหนีงานแต่งจริงๆทว่า......ในใจของเขาหวังว่างานแต่งของนางกับเทพสงครามจะไม่สำเร็จมากกว่ากู้ชูหน่วนหยิบแผนที่ที่วาดไว้ล่วงหน้าออกมา เรียกฝูกวงมาปรึกษากันว่าจะใช้เย่จิ่งหาน บุกเข้าไปในเขาหมายวิญญาณเพื่อช่วยแม่เฒ่าเยี่ยได้อย่างไรเยี่ยเฟิงมองไปที่ท้องฟ้าสีคราม แต่กลับไม่ได้ยินอะไรเลยแม้แต่คำเดียวพวกเขาเคยบุกเข้าไปในเขาหมายวิญญาณมาแล้วครั้งหนึ่ง คราวนี้อยากจะบุกเข้าไปอีกครั้ง ไม่ง่ายเลยอีกอย่าง......ชีวิตของเขาไม่มีค่าอะไร พวกเขาจะเสี่ยงอันตรายตามเ
เยี่ยเฟิงคุกเข่าอยู่หน้าหลุมศพ โขกศีรษะสามครั้งอย่างหนักแน่น จากนั้นก็มองไปยังเสี่ยวเหอชุนที่ถูกเผาจนพังพินาศด้วยความอาลัยอยู่นาน ก่อนจะก้าวเดินขึ้นสู่เส้นทางของเขาหมายวิญญาณ ทิ้งไว้เพียงเงาอันโดดเดี่ยวและแน่วแน่ไม่มีใครรู้ว่า หลังจากที่เยี่ยเฟิงจากไปแล้ว เด็กสาวในชุดสีอ่อน สวมผ้าคลุมหน้าค่อยๆ เดินออกมาดวงตาสีดำของเด็กสาวจ้องมองไปยังแผ่นหลังและทิศทางที่เยี่ยเฟิงจากไปด้วยความแน่วแน่ ราวกับมองทะลุอะไรบางอย่างณ จวนหานอ๋องกู้ชูหน่วนวางขวดยาเม็ดหนึ่งลงบนโต๊ะให้เย่จิ่งหานที่กำลังอ่านหนังสืออยู่ พร้อมกับพูดอย่างตรงไปตรงมา"มาทำข้อตกลงกันเถิด ท่านช่วยข้าช่วยแม่เฒ่าเยี่ยและฆ่านายท่านหลัน ข้าจะขับพิษเหมันต์และพิษมารทลโลหิตของท่านภายในครึ่งปี และแต่งงานกับท่าน"ฟิ้ว......เสียงสูดปากดังขึ้น ชิงเฟิงและเจี้ยงเสวี่ยที่อยู่ในห้องโถงใหญ่ไม่คาดคิดว่านางจะพูดเช่นนี้ชิวเอ๋อร์ที่ตามมาติดๆ รีบดึงแขนเสื้อของกู้ชูหน่วนด้วยความตกใจการแต่งงานครั้งนี้เดิมทีฮ่องเต้ได้มีพระราชโองการแล้ว พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันแต่งงานแล้ว คุณหนูจะกล้าไม่แต่งงานได้อย่างไร?อีกทั้ง......ยังไม่ทันได้แต่งงาน เพื่อชายอื่นกล
"รีบอะไร รอหลังแต่งงานก่อน ข้าจะไปช่วยนางเอง"งานแต่งคือวันพรุ่งนี้แต่เยี่ยเฟิงได้ออกเดินทางไปยังเขาหมายวิญญาณด้วยตัวคนเดียวแล้วหลังจากงานแต่ง จะไปช่วยใครได้อีก คงไปเก็บศพมากกว่า"เย่จิ่งหาน ยามนี้ท่านจะส่งทหารไปช่วยคนหรือไม่?" กู้ชูหน่วนเตือนเย่จิ่งหานไม่สนใจคำเตือนของนาง ยิ้มเยาะเอ่ยว่า "ไม่ส่ง""ได้ ท่านใจร้ายมาก"กู้ชูหน่วนจ้องเขาเขม็ง ก้าวเท้าออกจากห้องโถงทีละก้าวชิงเฟิงและเจี้ยงเสวี่ยรู้สึกแปลกๆจะไปแล้วรึ?ไม่เหมือนนิสัยของนางเลยไม่รอให้พวกเขาได้ทันตั้งตัว กู้ชูหน่วนก็แหกปากตะโกนเสียงดัง "เย่จิ่งหานเทพสงครามถูกผู้หญิงข่มขืนในพงหญ้า แม่ทัพเย่จิ่งหานถูกข่มขืน!"ฟืด......ชิงเฟิงและเจี้ยงเสวี่ยใบหน้าซีดขาวทันใดนั้น แสงสีขาวก็พุ่งผ่านพวกเขาไป ทำให้ประติมากรรมหินข้างกายกู้ชูหน่วนแตกเป็นผุยผง ส่งเสียงระเบิดดังสนั่น"พระชายาติดโรค สติฟั่นเฟือน พูดจาไร้สาระ นำนางกลับห้อง ไม่มีคำสั่งของข้า ใครก็ห้ามปล่อยนางออกมา"กู้ชูหน่วนกวาดสายตามองประติมากรรมหินที่แตกสลาย รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏที่มุมปากกักบริเวณนางรึ?กู้ชูหน่วนถูกกักบริเวณง่ายดายขนาดนั้นเชียวรึ?กู้ชูหน่วนหยิ
เดิมทีคนของเผ่าเทียนเฝินก็สงสัยในตัวนายท่านหลันอยู่แล้ว เมื่อกู้ชูหน่วนพูดเช่นนี้ คนของเผ่าเทียนเฝินก็อดไม่ได้ที่จะมองนายท่านหลันเป็นศัตรูยิ่งกว่าเดิม กู้ชูหน่วนเอ่ยออกมาเบาๆ อีกประโยค "อีกอย่างหินก้อนใหญ่จากยอดเขากลับร่วงมาบนหัวผู้อาวุโสทุกท่านของเผ่าเทียนเฝิน ทว่าพวกเจ้าทั้งหมดกลับอยู่ริม และหลบได้อย่างง่ายดาย" "กู้ชูหน่วน เจ้าหมายความเช่นไร หรือเจ้าสงสัยว่าเป็นแผนของข้ารึ" "ข้าไม่มีความกล้าที่จะพูดเช่นนั้นหรอก ชีวิตน้อยๆ ของข้ายังอยู่ในมือเจ้า" "เช่นนั้นหินก็ไม่ได้ร่วงใส่เจ้าไม่ใช่หรือ" "ข้าไม่โดนหินทับตาย เพราะข้าดวงแข็ง ใครจะรู้ว่าอีกเดี๋ยวทางที่เจ้าพาไป จะหลอกข้าไปตายหรือไม่" "หากวันนี้ข้าไม่ได้ฆ่าเจ้า ข้าจะไม่ใช่นายท่านหลันแห่งกองธงทั้งสิบสองของเผ่าหมออีก" นายท่านหลันเดือดดาล ไม่ลังเลที่จะลงมืออีกต่อไป ทุกกระบวนท่าล้วนแต่ต้องการจะสังหารกู้ชูหน่วนให้ถึงแก่ชีวิต ผู้อาวุโสเผ่าเทียนเฝินก็มีน้ำโหด้วยเช่นกัน บวกกับกู้ชูหน่วนคอยยุแยงทุกประโยค คนของเผ่าเทียนเฝินและเผ่าหมอจึงแตกหักกันโดยสิ้นเชิง หันมาฆ่าฟันกันเอง ผู้อาวุโสจวินพูดด้วยความฉุนเฉียว "พวกหัวขโมยอ
ไฟโทสะในใจของนายท่านหลันสุมเป็นกองใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ พร้อมจะระเบิดได้ทุกเวลา เขาคำรามด้วยความเกรี้ยวกราด “กู้ชูหน่วน เจ้าวกไปวนมา จะวนไปถึงไหนกัน” “พวกเจ้าให้ข้าพาพวกเจ้าไปสุดยอดเขาเพื่อตามหาแก้วมังกรไม่ใช่รึ ข้ากำลังหาทางอยู่นี่อย่างไร” นายท่านหลันโกรธจนอยากจะฟาดฝ่ามือใส่นางให้ตาย กู้ชูหน่วนพูดอย่างน้อยอกน้อยใจ “ที่แห่งนี้มีทางแยกมากมาย ข้าพยายามหาเส้นทางเต็มที่แล้ว อีกอย่างทุกเส้นทางที่ไป ล้วนแต่ผ่านความเห็นชอบของพวกเจ้าแล้ว นายท่านหลัน เจ้าจะใส่ร้ายว่าข้าจงใจพาพวกเจ้าวกไปวนมาได้อย่างไร” นายท่านหลันหงุดหงิด ทั้งๆ ที่กู้ชูหน่วนจงใจหลอกพวกเขา ทว่านางกลับเอาเหตุผลมาอ้างทุกประโยค แสร้งทำเป็นบริสุทธิ์ ทำให้เขาหาข้อกังขาไม่ได้ ทุกครั้งที่นางจะวนอยู่ที่ทางแยก นางถามพวกเขาก่อนแล้ว แต่นางแทบไม่ให้เวลาเขาดูแผนที่ก็มุ่งหน้าเดินต่อไปแล้ว ผู้อาวุโสระดับสูงหวงเริ่มจะหมดความอดทน พวกเขาวนอยู่ในถ้ำมาครึ่งวันแล้ว ขืนวนต่อไป เรี่ยวแรงที่เหลืออยู่น้อยนิดของพวกเขาก็จะถูกใช้จนหมด ต้องไปถึงยอดเขาให้ได้โดยเร็ว เขาเอ่ยเสียงขรึม พยายามข่มความเหลืออดไว้ในใจ “ยังต้องเดินอีกไกลเพียงใด” “เ
ครั้งนี้ เหล่าผู้อาวุโสของเผ่าเทียนเฝินเองก็ไม่ใจเย็นอีกต่อไปแล้ว อยากจะแทงกู้ชูหน่วนให้ตายเสียเดี๋ยวนั้น ทว่ากู้ชูหน่วนกลับชิงร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหลออกมาเสียก่อน พลางสะอึกสะอื้น "เหล่าสหายทั้งหลาย เป็นข้าเองที่ทำร้ายพวกเจ้า หากรู้แต่แรกว่าที่นี่อันตรายถึงเพียงนี้ หากรู้แต่แรกว่าถ้าบุกเข้ามาจะทำให้พวกเจ้าตายอย่างทรมานที่นี่ ข้ายอมถูกพวกเจ้าตีตายไปเสีย แต่จะไม่ยอมยกกระดิ่งภินวิญญาณให้เด็ดขาด ข้าผิดต่อพวกเจ้า" "ข้าสมควรตาย ข้าทำผิดต่อพวกเจ้า พวกเจ้าฆ่าข้าเสียเถอะ ชีวิตคนมากมายเช่นนี้ คุณพระช่วย...ข้าควรชดใช้เช่นไร" นางร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหล ปวดใจเป็นที่สุด คนของเผ่าเทียนเฝินพลันใจอ่อนฮวบในทันที คนของเผ่าหมอก็คลายความโกรธลงไปไม่น้อย มีเพียงแค่นายท่านกองธงที่กัดฟันกรอด เส้นเลือดสีเขียวปูดจนจะระเบิดออกมา "ในเมื่อเจ้าอยากตายถึงเพียงนี้ เช่นนี้ข้าจะทำให้เจ้าสมหวัง" หัวหน้ากองธงพูดพลางฟาดฝ่ามือไปที่กะโหลกของนาง คนของเผ่าเทียนเฝินมองดูหน้าตาเฉย อยากเห็นว่ากู้ชูหน่วนคิดจะเล่นพิเรนทร์อะไร คิดไม่ถึงว่ากู้ชูหน่วนเพียงแค่ร้องไห้อยู่อย่างนั้น ไม่ขยับเขยื้อน อีกทั้งยังไม่ตอบโต้ ท่าทางรอคว
เหล่าผู้อาวุโสระดับสูงเป็นกังวล ยามนี้พวกเขาต่างก็เจ็บหนัก หากฝืนตามไป ใช่ว่าจะเป็นประโยชน์ เพราะถึงอย่างไรอาการของแต่ละคนก็สาหัสปางตายกันทั้งสิ้น แต่หากไม่ไปแล้วแก้วมังกรถูกชิงไป คิดจะแย่งกลับมา เช่นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แล้ว พวกเขาออกตามหามาหลายปี ใช้คนไปตั้งมากมาย จนมาพบที่ตั้งของแก้วมังกรในที่สุด ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ควรยอมแพ้ กู้ชูหน่วนพิงอยู่ข้างโขดหิน มองดูท่าทีลังเลของพวกเขาอยู่เงียบๆ มุมปากยกยิ้มที่ยากจะสังเกตเห็น แก้วมังกรล่อตาล่อใจเสียขนาดนั้น มีหรือที่พวกเขาจะไม่ติดกับ เป็นอย่างที่นางคิดเอาไว้ คนเหล่านี้กัดฟันเค้นออกมาหนึ่งประโยค "ไป ขึ้นเขาไปดูเสียหน่อย เจ้าก็ไปกับพวกข้าด้วย" กู้ชูหน่วนแสร้งทำเป็นตกใจ "เมื่อครู่พวกท่านเพิ่งรับปากว่าจะให้ข้าออกไปอย่างปลอดภัยไม่ใช่หรือ หรือท่านจะกลับคำพูด" "แผนที่ที่เจ้าให้มามีเพียงครึ่งเดียว นอกเสียจากเจ้าช่วยพวกข้าตามหาอีกครึ่งหรือหาแก้วมังกรพบ ไม่เช่นนั้นอย่าหวังว่าจะได้ไปไหน" "ท่านไม่รักษาคำพูดนี่" "เช่นนั้นเจ้าอยากถูกฝังอยู่ที่นี่หรือไม่" คนของเผ่าเทียนเฝินผลักนางไปด้านหน้า กู้ชูหน่วนทำได้เพียงแค่มุ่งหน้า
ทุกคนต่างก็จ้องไปที่กู้ชูหน่วนด้วยความโกรธ กู้ชูหน่วนผงะถอยหลังไปหลายก้าว พูดด้วยความระวัง "อีกครึ่งถูกชาวเขาตานหุยชิงไป พวกเจ้าจ้องข้าก็ไม่มีประโยชน์ หากข้ามีแผนที่อีกครึ่ง อย่างไรก็ต้องส่งให้พวกเจ้าอยู่ดี" "ชาวเขาตานหุย ?" นายท่านหลันเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง "ใช่แล้ว ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าคิดว่า เหตุใดชาวเขาตานหุยถึงใจเย็นได้ขนาดนั้น รอพวกเจ้าต่อสู้อยู่ด้านนอกตั้งนาน เว้นเสียแต่นอกจากทางลงเขาเส้นนี้ บริเวณปากเขาน้ำเต้ายังมีทางอีกเส้นที่สามารถออกไปจากเขาน้ำเต้าแห่งนี้ได้ หากพวกเขาได้แก้วมังกรแล้ว ก็น่าจะลงเขาไปทางนั้นเลย" นายท่านหลันสงสัยเคลือบแคลงในคำพูดของนางเป็นอย่างยิ่ง"ทุกท่าน สตรีนางนี้ไม่เคยมีความจริงออกจากปากนาง พวกเจ้าอย่าไปเชื่อนางเด็ดขาด" ผู้อาวุโสอวิ๋นสองจิตสองใจ "คนของพวกเราเข้ามาในเขาน้ำเต้า บาดเจ็บเสียหายอย่างหนัก แต่ชาวเขาตานหุยดูเหมือนจะราบรื่นตลอดทาง อีกทั้งยังไม่พบเจออุปสรรคใดๆ เลย" เมื่อผู้อาวุโสอวิ๋นกล่าวเช่นนี้ ผู้อาวุโสจวินก็คิดขึ้นมาได้ "เป็นจริงอย่างที่พูด ตอนนั้นข้ายังสงสัยว่าเหตุใดชาวเขาตานหุยถึงได้โชคดีเพียงนี้ ไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย ยามนี้มาคิด
"เยี่ยเฟิงออกไปจากเขาน้ำเต้าแล้ว" "เจ้าซ่อนสิ่งใดเอาไว้" สีหน้าของกู้ชูหน่วนเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะกลับมานิ่งสงบอย่างรวดเร็ว นางวางมือทั้งสองข้างลง แสร้งทำเป็นพูดด้วยท่าทางสบายๆ ไม่ใส่ใจ "ข้าสตรีอ่อนแอตัวคนเดียว จะมีสิ่งใดในครอบครองได้ ก็แค่กลัวว่าชายฉกรรจ์อย่างพวกเจ้าจะเสียมารยาทกับข้าก็เท่านั้น" คำพูดนี้ของนี้ ไม่มีผู้ใดเชื่อ เพราะสีหน้าที่แสดงออกมาเล็กๆ น้อยๆ ของนางได้หักหลังนางหมดแล้ว ต่อให้นางจะนิ่งเพียงใด ทุกคนก็จับได้อยู่ดี คนของเผ่าหมอพากันเข้ามาล้อมนางเอาไว้ คนของเผ่าเทียนเฝินแม้จะนิ่งดูดาย แต่ก็ไม่ได้คิดจะปล่อยกู้ชูหน่วนไป "นังหนู ข้าขอเตือนเจ้าให้ส่งของมาดีๆ ไม่เช่นนั้น...เหอะ..." คำพูดของนายท่านหลันเต็มไปด้วยความตักเตือน นายท่านหมู่ตานกลับพูดจีบปากจีบคอ "นังเด็กคนนี้แม้จะสกปรกมอมแมมไปบ้าง แต่รูปร่างดีใช้ได้ เอามาใช้อุ่นเตียงแก้ขัดก็น่าจะไม่เลว" "เจ้า...พวกเจ้าคิดจะทำอะไร..." "ข้าบอกพวกเจ้าไว้ก่อน ข้าเป็นถึงหานอ๋องเฟย ขืนพวกเจ้ากล้าทำอะไรข้า หานอ๋องไม่ปล่อยพวกเจ้าไปแน่" "ว่าอย่างไรนะ...เจ้าคือภรรยาของเย่จิ่งหาน เช่นนั้นพวกเราเผ่าเทียนเฝินยิ่
ด้านล่างตีนเขาของเขาน้ำเต้า คนของเผ่าเทียนเฝินและเผ่าหมอลงจากเขาด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส และกองทัพที่แพ้จนหมดสภาพ สีหน้าของพวกเขาต่างก็ไม่สู้ดีนัก ข่มความฉุนเฉียวเอาไว้ เลือดสีแดงสดไหลคดเคี้ยวลงมาจากร่างของพวกเขา ผู้อาวุโสจวินแห่งเผ่าเทียนเฝินเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ "หากคนเผ่าหมอของพวกเจ้าลงมือตั้งแต่แรก พวกเราก็คงไม่ต้องพ่ายแพ้จนมีสภาพเช่นนี้ แล้วปล่อยให้พวกชาวเขาตานหุยได้ประโยชน์ไป" นายท่านหลันยิ้มเยาะ "พวกเจ้าเผ่าเทียนเฝินยังเหลือยอดฝีมือจำนวนไม่น้อยไว้ระวังพวกข้า หากร่วมมือเป็นหนึ่งเดียวกัน ร่วมต่อสู้ด้วยกัน มังกรอสูรขั้นเจ็ดก็ไม่จำเป็นต้องให้พวกข้าลงมือ พวกเจ้าจัดการเองก็ได้แล้ว สุดท้ายแล้ว พวกเจ้าก็ไม่ไว้ใจพวกข้า" ผู้อาวุโสอวิ๋นเฟยเย่มีนิสัยใจร้อนมาแต่ไหนแต่ไร เขาเดือดดาลขึ้นมาทันที "หากพวกข้าเข้าไปพร้อมกัน ทุกคนต่างก็เจ็บหนักกันหมด หลังจากนั้นพวกเจ้าจะได้ถือโอกาสฉกฉวยผลประโยชน์ไปได้ง่ายๆ น่ะสิ" ผู้อาวุโสหวงหนึ่งในผู้อาวุโสระดับสูงติเตียน "พอได้แล้ว แทนที่จะมัวมาพูดมากอยู่ตรงนี้ ไม่สู้คิดหาหนทางว่าจะชิงแก้วมังกรมาจากชาวเขาตานหุยอย่างไรจะดีกว่า" ผู้อาวุโสระดับสูงหวงเอ่ย ก
"โฮ่ว..." "โฮก..." "เฮือก..." นายท่านกองธงเผ่าหมอและมังกรอสูรต่างก็เจ็บหนัก ครั้งนี้ล้วนแต่บาดเจ็บเสียหายกันทั้งคู่ "นายหญิง นายท่านสองคนนั้นเป็นนายท่านจากอีกสองกองธง หนึ่งในนั้นนายท่านเถาฮวาถูกมังกรอสูรโจมตีบาดเจ็บสาหัส อาการปางตาย เกรงว่าคงไม่อาจรอดไปได้แล้ว มังกรอสูรก็เจ็บไม่เบาเช่นกัน กรงเล็บหักไปเล็บหนึ่งแล้ว นายหญิง พวกเราเข้าไปตอนนี้เลยดีหรือไม่" "เจ้าจะรีบไปเกิดใหม่หรืออย่างไร จะร้อนรนกระวนกระวายไปไหน" "แต่ขืนพวกเรายังไม่ไป แล้วแก้วมังกร..." "หากแก้วมังกรชิงไปได้ง่ายเพียงนั้น พวกเจ้าคงได้ไปนานแล้ว ต้องรอถึงตอนนี้อีกรึ เสี่ยวฝูกวง ข้าเห็นปกติเจ้าก็ฉลาดดีอยู่หรอก เหตุใดพอเกี่ยวกับแก้วมังกร เจ้าถึงได้กลายเป็นคนโง่แบบนี้ไปได้" แน่นอนว่าต้องโง่อยู่แล้ว เขาจะไม่กระวนกระวายได้อย่างไร คนทั้งเผ่าต่างก็ตั้งตารอแก้วมังกรเพื่อจะได้ถอนคำสาปเลือด นั่นคือชีวิตนับพันนับหมื่นชีวิต "เจ้ารอดูเถอะ เดี๋ยวพวกเขาก็จะเริ่มการโจมตีครั้งต่อไปแล้ว" ไม่ผิดไปจากที่กู้ชูหน่วนคาดการณ์ไว้ คนของเผ่าหมอและเผ่าเทียนเฝินลงมือโจมตีอีกครั้ง สู้กันสนั่นหวั่นไหว มืดฟ้ามัวดิน
ฮองเฮาฉู่และเยี่ยเฟิงไม่ยอมแยกจากัน กู้ชูหน่วนเปลืองแรงไปมากมายกว่าจะส่งพวกเขาสองคนกลับไปได้ บนฟ้ามีเสียงดังอึกทึกครึกโครมดังไม่หยุด ลมฝนโหมกระหน่ำอย่างต่อเนื่องราวกับพายุรุนแรง ยอดเขาโลหิตน้ำเต้าสั่นสะเทือนเลือนลั่น เพราะความสั่นไหวอย่างแรงของยอดเขาทำให้ลาวาประทุขึ้นมา ซัดกระเซ็นไปบนโขดหิน ดอกไม้ใบหญ้าบนโขดหินที่แสนน่าสงสารจมอยู่ใต้ลาวา นี่คือศึกใหญ่ที่มีเพียงแค่ยอดฝีมืออันดับต้นๆ เท่านั้นที่จะก่อได้ กู้ชูหน่วนเงยหน้าไปมอง กลับพบว่ากลางอากาศมีมังกรไฟตัวสีทองที่ทั้งตัวโชกไปด้วยเลือดกำลังทะยานโลดแล่นพลางกรีดร้องไม่หยุด มังกรตัวใหญ่ยักษ์เพียงแค่สะบัดปลายหาง ยอดเขาลูกเล็กๆ บริเวณใกล้เคียงก็ราบเป็นหน้ากอง ที่น่าตกตะลึงไปกว่านั้นคือ ลูกไฟที่มันพ่นออกมา มีพื้นที่แผ่ขยายไปถึงครึ่งหนึ่งของเขาโลหิตน้ำเต้า คล้ายจะแผดเผาทำลายเขาโลหิตน้ำเต้าทั้งหมดให้สิ้นซาก นอกจากมังกรไฟ ยังมีผู้อาวุโสผมขาวอีกสี่คน ฝูกวงเอ่ย "นายหญิง สี่สุดยอดผู้อาวุโสระดับสูงแห่งเผาเทียนเฝินวิทยายุทธแก่กล้านัก พวกเขาปลีกวิเวกมานานหลายปี น้อยครั้งที่จะเข้ามาข้องเกี่ยวทางโลก คิดไม่ถึงว่าคราวนี้เผ่าเทียนเฝิน