"รีบอะไร รอหลังแต่งงานก่อน ข้าจะไปช่วยนางเอง"งานแต่งคือวันพรุ่งนี้แต่เยี่ยเฟิงได้ออกเดินทางไปยังเขาหมายวิญญาณด้วยตัวคนเดียวแล้วหลังจากงานแต่ง จะไปช่วยใครได้อีก คงไปเก็บศพมากกว่า"เย่จิ่งหาน ยามนี้ท่านจะส่งทหารไปช่วยคนหรือไม่?" กู้ชูหน่วนเตือนเย่จิ่งหานไม่สนใจคำเตือนของนาง ยิ้มเยาะเอ่ยว่า "ไม่ส่ง""ได้ ท่านใจร้ายมาก"กู้ชูหน่วนจ้องเขาเขม็ง ก้าวเท้าออกจากห้องโถงทีละก้าวชิงเฟิงและเจี้ยงเสวี่ยรู้สึกแปลกๆจะไปแล้วรึ?ไม่เหมือนนิสัยของนางเลยไม่รอให้พวกเขาได้ทันตั้งตัว กู้ชูหน่วนก็แหกปากตะโกนเสียงดัง "เย่จิ่งหานเทพสงครามถูกผู้หญิงข่มขืนในพงหญ้า แม่ทัพเย่จิ่งหานถูกข่มขืน!"ฟืด......ชิงเฟิงและเจี้ยงเสวี่ยใบหน้าซีดขาวทันใดนั้น แสงสีขาวก็พุ่งผ่านพวกเขาไป ทำให้ประติมากรรมหินข้างกายกู้ชูหน่วนแตกเป็นผุยผง ส่งเสียงระเบิดดังสนั่น"พระชายาติดโรค สติฟั่นเฟือน พูดจาไร้สาระ นำนางกลับห้อง ไม่มีคำสั่งของข้า ใครก็ห้ามปล่อยนางออกมา"กู้ชูหน่วนกวาดสายตามองประติมากรรมหินที่แตกสลาย รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏที่มุมปากกักบริเวณนางรึ?กู้ชูหน่วนถูกกักบริเวณง่ายดายขนาดนั้นเชียวรึ?กู้ชูหน่วนหยิ
กู้ชูหน่วนนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ด้วยท่าทางเอื่อยเฉื่อย มือทั้งสองข้างหยิบของกินเล่นเข้าปากอย่างไม่ใส่ใจ รอดูฉากเด็ดปากของชิงเฟิง เจี้ยงเสวี่ยและชิวเอ๋อร์ล้วนแต่กลมจนเป็นตัวOแค่ครั้งนั้นครั้งเดียว นางก็ท้องลูกของนายท่านแล้วหรือ จะแข็งแรงเกินไปหรือเปล่าคุณหนูท้องก่อนแต่ง จบกัน จบเห่แล้ว ต่อไปจะทำเช่นไรดีเย่จิ่งหานถามด้วยน้ำเสียงเฉยชา "แน่ใจแล้วหรือว่าท้อง ตรวจดูให้ละเอียดว่านางใช้ยาอะไรแสร้งทำเป็นท้องหรือไม่"วิชาการแพทย์ของสตรีผู้นี้ล้ำเลิศนัก ยากจะรับประกันได้ว่านางจะไม่แกล้งแสดงหมอหลวงเหงื่อเย็นไหลซึมพวกเขาก็หวังว่าจะเป็นการใช้ยาแกล้งทำเป็นท้อง หากเป็นเช่นนี้ ท่านอ๋องคงไม่ต้องฉุนเฉียวถึงขั้นนี้แต่ว่า..."ท่านอ๋อง คุณหนูสามกู้มีข่าวดีจริงๆ ชีพจรของนางไม่มีร่องรอยของการใช้ยาเลยแม้แต่น้อย""หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป พวกเจ้าคงรู้ผลที่ตามมาดี"“ขอรับๆๆ""ไปให้พ้น"“ขอรับๆๆ"หมอหลวงห้าคนแทบจะล้มลุกคลุกคลานกันออกไป ด้วยกลัวว่า เทพสงครามจะลงไม้ลงมือกับพวกเขาสีหน้าเย่จิ่งหานมีความประหลาดใจ แปลกใจ ดีใจ กังวล ไม่วางใจปะปนอยู่ด้วยกัน ทำตัวไม่ถูกไปชั่วขณะไม่รู้ว่าตนเองคว
ความหมายอีกนัยหนึ่งของนางก็คือ หากเขาปฏิเสธ นางก็จะพาลูกไปเจอยมบาลแม้รู้ว่ากู้ชูหน่วนกำลังขู่เขา แต่ยากจะรับประกันได้ว่านางจะไม่ทำเรื่องอะไรที่เป็นการทำร้ายเด็กกระทั่งวินาทีนี้ เย่จิ่งหานถึงได้พบว่าตั้งแต่ครั้งแรกที่เริ่มรู้จักนาง กู้ชูหน่วนเอาเขาเสียอยู่หมัด"เจี้ยงเสวี่ย จัดกองกำลังทหาร มุ่งหน้าไปยังเขาหมายวิญญาณทันที ข้าต้องการหัวของนายท่านหลันและตัวยายของเยี่ยเฟิงกลับมา""ขอรับ"เย่จิ่งหานกวาดสายตามองกู้ชูหน่วนผาดหนึ่ง แสร้งทำเป็นเฉยชา "ข้าไม่อยากให้ลูกต้องมาคร่าชีวิตคนตั้งแต่ยังไม่เกิด ไม่ใช่เพราะเจ้าถึงได้ส่งทหารไปที่เขาหมายวิญญาณหรอก""เจ้าค่า ท่านสั่งสมบุญแทนลูก ข้าก็ขอบคุณท่านแทนลูกด้วย"กู้ชูหน่วนโล่งใจไปเปราะหนึ่งยังดีที่ความรู้ทางการแพทย์ของนางล้ำพอ สามารถสร้างเรื่องน่ายินดีจอมปลอมขึ้นมาได้นางเดิมพันถูกแล้วเย่จิ่งหานยังมีมนุษยธรรมอยู่ ไม่ถึงขั้นไม่ยอมรับกระทั่งลูกแท้ๆ ของตัวเองมีความช่วยเหลือของเย่จิ่งหาน เยี่ยเฟิงและแม่เฒ่าเยี่ยก็น่าจะไม่เป็นไรแล้ว"ท่านอ๋อง ท่านมั่นใจนะว่าจะช่วยแม่เฒ่าเยี่ยได้น่ะ""เจ้าคิดว่าข้าเป็นพวกดีแต่ปากหรือ""เอ่อ ไม่ใช่แน่นอน
ณ เรือนทอจันทร์ จวนหานอ๋องกู้ชูหน่วนยืนอยู่ริมหน้าต่าง ทอดมองไปยังนกบนยอดไม้ นิ้วที่ข้อต่อชัดเจนเคาะเป็นจังหวะเบาๆเย่จิ่งหานไม่ได้ยืนยันชัดเจนว่าจะไปเขาหมายวิญญาณด้วยตัวเองแต่เขาก็รับปากแล้วว่าจะช่วยแม่เฒ่าเยี่ยออกมาอย่างปลอดภัย และจะปลิดชีวิตนายท่านหลัน คงทำได้จริงเหตุใดภายในใจนางถึงได้ว้าวุ่น รู้สึกว่าจะเกิดเหตุไม่คาดคิดอะไรบางอย่างอยู่เรื่อย"แอ๊ด" ประตูบานใหญ่ถูกเปิดออก ชิวเอ๋อร์ยกถ้วยยาบำรุงเข้ามา"คุณหนู เหตุใดยังยืนอยู่ตรงนั้น ตอนนี้คุณหนูกำลังท้อง จะตากลมไม่ได้เด็ดขาด คุณหนูลองชิมโจ๊กรังนกที่บ่าวเคี่ยวดูสิเจ้าคะ"กู้ชูหน่วนดึงความคิดกลับมา ก่อนจะหยิบช้อนขึ้นมาตักกินทีละช้อนอย่างไม่ได้ใส่ใจ"รสชาติดีเลย ชิวเอ๋อร์ฝีมือยอดเยี่ยมเลยนี่"ชิวเอ๋อร์ยิ้มร่า ก่อนจะตักให้กู้ชูหน่วนเพิ่มอีกถ้วย "คุณหนู ต่างก็ว่ากันว่าเทพสงครามโหดเหี้ยม ฆ่าคนเป็นผักปลา จากที่บ่าวสังเกตในช่วงหลายวันมานี้ ที่จริงแล้วท่านอ๋องก็เป็นคนดีอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะหลังจากที่คุณหนูตั้งท้องแล้ว ท่านอ๋องดีกับคุณหนูยิ่งกว่าเดิม""อ่อ...ดีกับข้าอย่างไรหรือ" ขังนางไว้ในเรือนเล็กๆ แห่งนี้ รายล้อมไปด้วยยอดฝีมือ
นัยน์ตาของนางดุจหยดน้ำ จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากแดงระเรื่อเป็นธรรมชาติ ระหว่างที่มอง มีรังสีความสูงสง่ามออกมาโดยไม่ต้องแสร้งทำกู้ชูหน่วนลูบใบหน้ารูปไข่ที่เกลี้ยงเกลาของนาง มุมปากยกยิ้มจางๆรูปโฉมนี้ ไม่เสียแรงที่นางดั้นด้นตามหาหญ้าตี้อวี้และดอกเยียนหลัวด้วยความยากลำบากเป็นเวลานานเดิมกู้ชูหน่วนไม่อยากคลุมผ้าคลุมหน้า ไม่รู้ว่าคิดสิ่งใด สุดท้ายนางก็หยิบผ้าคลุมหน้าออกมาปกปิดใบหน้าที่งามหยาดเยิ้มของนางเอาไว้ เผยให้เห็นเพียงแค่ดวงตาใสสว่างคู่นั้น"ชิงเฟิง""ข้าน้อยอยู่นี่ ไม่ทราบว่าพระชายามีสิ่งใดให้รับใช้""ท่านอ๋องได้ไปที่เขาหมายวิญญาณด้วยตัวเองหรือไม่""เรื่องนี้...ข้าน้อยไม่ทราบได้""ไปสืบถามมาหน่อย""พระชายา นายท่านรับสั่งเอาไว้ นอกจากคุ้มกันท่าน เรื่องอื่นห้ามยุ่ง ยิ่งห้ามพูดคุยกับพระชายา""เช่นนั้น ควาหมายของเจ้าก็คือ ข้าถูกกักขัง"“ข้าน้อยมิบังอาจ”"ในเมื่อไม่กล้า เช่นนั้นเจ้าว่า ยามนี้เจ้าควรทำอะไรเล่า" กู้ชูหน่วนเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม ดวงตาที่ใสเป็นประกายคู่นั้นฉายแววที่ต่างออกไปชิงเฟิงตัวสั่นระรัวไปชั่วขณะ พูดด้วยความตัดพ้อ "พระชายา ได้โปรดอย่าทำให้บ่าวลำบากใจเลย"
หลายวันมานี้อยู่แต่ในจวนหานอ๋องมาตลอด กู้ชูหน่วนคุ้นเคยกับพื้นที่นี้เป็นอย่างดีนางคลำทางไปด้วยความชำนาญ เพิ่งจะออกจากสวนไปได้ก็ถูกผู้อารักขาขวางเอาไว้"พระชายาอยากกินขนมตงฝูดอกกุ้ยฮวา พวกเจ้ารีบหลีกไป""ท่านอ๋องมีรับสั่ง ไม่ว่าผู้ใดก็ห้ามออกจากสวนไปแม้แต่ก้าวเดียว โดยเฉพาะท่าน พระชายา"บ้าเอ้ยนางพรางตัวแล้ว คนพวกนี้ยังจำได้อีกหรือเหมือนจะรู้ว่านางกำลังสงสัย อารักขาจึงอธิบาย"ใต้เท้าชิงเฟิงปฏิบัติตามคำสั่งของท่านอ๋องอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด เขาไม่มีทางออกไปจากเรือนทอจันทร์ อีกอย่าง ท่านอ๋องก็กำชับไว้แล้วว่าพระชายาเชี่ยวชาญเรื่องค่ายกลปากว้า แปลงกาย และบิดเบือนหลักการ ไม่ว่าผู้ใดคิดจะออกจากเรือนนี้ไปล้วนแต่เป็นไปได้ว่าคือพระชายาปลอมตัวมา""……"กู้ชูหน่วนหน้าเหวอวิเคราะห์นางได้อย่างทะลุปรุโปร่งขนาดนี้เลยหรือ"เช่นนี้หากข้าจะดื้อดึงออกไป พวกเจ้าก็จะตัดขาของข้า หรือจะคร่าชีวิตเด็กในท้องแล้วค่อยสังหารข้า ?""ข้าน้อยไม่บังอาจ แต่ท่านอ๋องรับสั่งไว้แล้ว หากพระชายาออกไปจากเรือนทอจันทร์ ให้ทุบขาของแม่นางชิวเอ๋อร์เสีย"กู้ชูหน่วนแสยะยิ้ม "วันนี้ ข้าขอประกาศไว้ ณ ที่นี้ ข้าจะต้องออก
ดวงตาสุกสกาวของกู้ชูหน่วนฉายประกายความเจ้าเล่ห์ผาดหนึ่งจู่ๆ นางก็กุมหัวใจของตัวเองไว้แน่น เลือดพลันพุ่งทะลักออกมา ส่วนร่างของนางก็ล้มลงไปที่พื้น ร่างที่อ่อนแรงพูดด้วยความตกตะลึง "ผู้ใด...ผู้ใดช่างเหี้ยมโหด ถึงกับกล้า...วางยา..."ซืดดด....ทุกคนต่างก็ตกตะลึงพากันมองไปยังกู้ชูหน่วนที่นอนหลับตาปี๋จมกองเลือดอยู่อย่างไม่เชื่อสายตา สายตาเต็มไปด้วยความลนลาน“หมอหลวง รีบตามหมอหลวง”ไม่รู้ผู้ใดในกลุ่มคนตะโกนออกมาด้วยความตื่นตระหนกเหล่าองครักษ์พากันวิ่งออกไปตามหมอหลวงอย่างรีบร้อน“พระชายา ท่านเป็นอะไรไป…”องครักษ์หญิงนางหนึ่งรวบรวมความกล้าเข้าไปจับชีพจรของนาง สีหน้าที่เดิมก็ดูหวาดกลัวอยู่แล้วพลันซีดเผือด“ไม่…ไม่มีชีพจรแล้ว…พระชายาไม่มีชีพจรแล้ว”ฟู่วววร่างของทุกคนสั่นผวาไม่มีชีพจรก็หมายความว่าตายแล้วไม่ใช่หรือคุณพระช่วย หากพระชายาเป็นอะไรไป พวกเขาจะอธิบายกับท่านอ๋องอย่างไรแต่พวกเขาคุ้มกันอย่างหนาแน่น ไม่มีทางที่ผู้ใดจะมีโอกาสวางยาพระชายาได้"ฟึบ ฟึบ ฟึบ..."ร่างที่อยู่ทั้งในที่ลับและที่สว่างต่างพากันออกไป บ้างก็ไปรายงานเย่จิ่งหาน บ้างก็ไปตามหมอ แค่เพียงในระยะเวลาสั้นๆ ผู
ดวงตาที่นิ่งเรียบของเย่จิ่งหานไม่แสดงออกถึงความรู้สึกใดๆชายชุดครามซูมู่ยิ้มเยาะ"สำนักซิวหลัว เผ่าหมอ และเจ้า ต่างฝ่ายต่างอยู่ ไม่ก้าวล้ำซึ่งกันและกัน หากความสัมพันธ์เช่นนี้ถูกทำลาย สองพยัคฆ์ช่วงชิงกัน เผ่าเทียนเฝินจะต้องถือโอกาสเข้ามาผสมโรงเป็นแน่""เผ่าเทียนเฝินเป็นเผ่าเก่าแก่กว่าพันปี แกร่งกล้ามั่นคง วิทยายุทธหัวหน้าเผ่าเกินกว่าจะประเมินได้ ไม่ได้ด้อยไปกว่าเจ้า ภายในเผ่ายังมีท่านผู้อาวุโสอีกมากมาย หรือแม้กระทั่งปรมาจารย์อาวุโส ได้ยินมาว่า หัวหน้าเผ่าเทียนเฝินรุ่นต่อไปเหนือกว่ารุ่นก่อน วิทยายุทธก็ไม่ได้แย่ไปกว่าหัวหน้าเผ่า ต่อให้ผู้ใต้บัญชาของเจ้าจะเก่งกาจเพียงใด แต่จะเทียบพวกเขาได้อย่างไร""ยิ่งไปกว่านั้นพลังอำนาจของเผ่าเทียนเฝินนั้นสลับซับซ้อนนัก มีคนของพวกเขาอยู่ทั่วทั้งใต้หล้า แคว้นเย่...เหอะ หากไม่มีเจ้า คงถูกแคว้นต่างๆ แบ่งกลืนดินแดนไปนานแล้ว ยามนี้ฮ่องเต้น้อยยังจะใจเย็นอยู่ได้อีก"เย่จิ่งหานเอ่ยเสียงขรึม "ข้าว่าเจ้าคงว่างเกินไป"ซูมู่จัดระเบียบแขนเสื้อที่ใหญ่โคร่งของเขา ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ตัวข้างๆ ด้วยท่าทางเหนื่อยหน่าย ระหว่างที่กินผลไม้อย่างสง่างาม ปากก็พลอยคลี่ยิ้ม
"ไม่นาน เพิ่งจะเดือนกว่าเท่านั้น" เย่จิ่งหานแม้จะกำลังยิ้ม แต่รอยยิ้มก็ไม่ได้ส่งไปที่ดวงตาเช่นกันหนึ่งเดือนกว่าๆ ที่ผ่านมา เขาหลงกลแผนของเผ่าเทียนเฝิน ทำให้ถูกพิษ สูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหวไป สุดท้ายก็ถูกนางผู้นั้นลากเข้าไปในกองหญ้า จากนั้น...เมื่อคิดถึงค่ำคืนนั้น ไอความหนาวเหน็บของเย่จิ่งหานก็รุนแรงขึ้นกว่าเดิม"เทพสงครามดูน่าเกรงไม่ลดไปจากตอนนั้นเลย การต่อสู้อย่างดุเดือด สังหารผู้อาวุโสเผ่าเทียนเฝินของข้าไปถึงสิบหกคน ช่างเก่งกาจยิ่งนัก""ไม่เก่งกาจเท่าเผ่าเทียนเฝินหรอก ที่ทำเป็นแค่เรื่องไร้ศักดิ์ศรีลับหลังผู้อื่นเท่านั้น"ประโยคเดียวของเย่จิ่งหานทำให้ถึงทางตัน บรรยากาศพลันครุกรุ่นความบาดหมางเคียดแค้นของทั้งสอง เกิดขึ้นนานแล้ว ระหว่างนี้ผ่านมาหลายสิบรุ่น ไม่ใช่สิ่งที่จะสะสางได้วันสองวันเชื้อเพลิงสงครามพร้อมจะลุกโชนได้ทุกเมื่อการปะทะกันระหว่างยอดฝีมือเช่นนี้ ผู้อื่นในเหตุการณ์ไม่มีใครกล้าเข้าร่วม เพียงแค่ถอยหลังไปหลายก้าว เพื่อที่จะได้ไม่ต้องโดนลูกหลงในขณะที่สงครามกำลังจะเริ่มพลันมีเงาร่างสีแดงเพลิงอีกร่างลงมาจากกลางอากาศผู้ที่มาก็เป็นชายหนุ่มวัยเยาว์ เพียงแต่เ
ประโยคเดียว ทำให้บรรยากาศในโรงเตี๊ยมหมองหม่นลงไปอย่างรู้สึกได้หากหัวหน้าเผ่าหมอไม่มา แม้นายท่านหลันจะมีวิทยายุทธที่สูงล้ำ แต่การจะล้มเขาก็เป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็วแต่หัวหน้าเผ่าหมอมาด้วยตัวเอง เรื่องก็เริ่มจะตึงมือขึ้นมาเล็กน้อยที่สำคัญที่สุดคือ การสู้กับเขตกองธงหลันในคราวนี้ เผ่าเทียนเฝินจะต้องเข้ามาประสมโรงเป็นแน่ ศัตรูรายใหญ่ที่สุดของพวกเขาคือเผ่าเทียนเฝิน"รีบสู้รีบจบ เอาหัวของนายท่านหลันมา แล้วค่อยล่อหัวหน้าเผ่าหมอออกมา"ซูมู่พลันเงยหน้า พูดด้วยความตกตะลึง "เจ้าบ้าไปแล้วหรือ ผู้ที่มาครานี้มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะเป็นหัวหน้าเผ่าเทียนเฝินรุ่นต่อไป ด้วยแรงของเจ้าคนเดียวจะสู้เขากับหัวหน้าเผ่าหมอได้หรือ เจ้าคิดว่าเจ้าจะชนะได้หรือ หัวหน้าเผ่าหมอยกให้ข้า เจ้าตั้งใจรับมือกับเผ่าเทียนเฝินไปเถอะ""ไม่ทันแล้ว" ดวงตามืดดำคู่นั้นของเย่จิ่งหานมองไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ พลังลมปราณที่แข็งแกร่งจากทางนั้นค่อยๆ ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ด้วยความเร็วสูงหากเขาทายไม่ผิด เผ่าเทียนเฝินและหัวหน้าเผ่าหมอกำลังทางนี้เย่จิ่งหานให้คนเข็นเขาออกไปพลางเอ่ย "หากเจ้าอยากช่วยข้า ก็ช่วยข้าตามหาก
ดวงตาที่นิ่งเรียบของเย่จิ่งหานไม่แสดงออกถึงความรู้สึกใดๆชายชุดครามซูมู่ยิ้มเยาะ"สำนักซิวหลัว เผ่าหมอ และเจ้า ต่างฝ่ายต่างอยู่ ไม่ก้าวล้ำซึ่งกันและกัน หากความสัมพันธ์เช่นนี้ถูกทำลาย สองพยัคฆ์ช่วงชิงกัน เผ่าเทียนเฝินจะต้องถือโอกาสเข้ามาผสมโรงเป็นแน่""เผ่าเทียนเฝินเป็นเผ่าเก่าแก่กว่าพันปี แกร่งกล้ามั่นคง วิทยายุทธหัวหน้าเผ่าเกินกว่าจะประเมินได้ ไม่ได้ด้อยไปกว่าเจ้า ภายในเผ่ายังมีท่านผู้อาวุโสอีกมากมาย หรือแม้กระทั่งปรมาจารย์อาวุโส ได้ยินมาว่า หัวหน้าเผ่าเทียนเฝินรุ่นต่อไปเหนือกว่ารุ่นก่อน วิทยายุทธก็ไม่ได้แย่ไปกว่าหัวหน้าเผ่า ต่อให้ผู้ใต้บัญชาของเจ้าจะเก่งกาจเพียงใด แต่จะเทียบพวกเขาได้อย่างไร""ยิ่งไปกว่านั้นพลังอำนาจของเผ่าเทียนเฝินนั้นสลับซับซ้อนนัก มีคนของพวกเขาอยู่ทั่วทั้งใต้หล้า แคว้นเย่...เหอะ หากไม่มีเจ้า คงถูกแคว้นต่างๆ แบ่งกลืนดินแดนไปนานแล้ว ยามนี้ฮ่องเต้น้อยยังจะใจเย็นอยู่ได้อีก"เย่จิ่งหานเอ่ยเสียงขรึม "ข้าว่าเจ้าคงว่างเกินไป"ซูมู่จัดระเบียบแขนเสื้อที่ใหญ่โคร่งของเขา ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ตัวข้างๆ ด้วยท่าทางเหนื่อยหน่าย ระหว่างที่กินผลไม้อย่างสง่างาม ปากก็พลอยคลี่ยิ้ม
ดวงตาสุกสกาวของกู้ชูหน่วนฉายประกายความเจ้าเล่ห์ผาดหนึ่งจู่ๆ นางก็กุมหัวใจของตัวเองไว้แน่น เลือดพลันพุ่งทะลักออกมา ส่วนร่างของนางก็ล้มลงไปที่พื้น ร่างที่อ่อนแรงพูดด้วยความตกตะลึง "ผู้ใด...ผู้ใดช่างเหี้ยมโหด ถึงกับกล้า...วางยา..."ซืดดด....ทุกคนต่างก็ตกตะลึงพากันมองไปยังกู้ชูหน่วนที่นอนหลับตาปี๋จมกองเลือดอยู่อย่างไม่เชื่อสายตา สายตาเต็มไปด้วยความลนลาน“หมอหลวง รีบตามหมอหลวง”ไม่รู้ผู้ใดในกลุ่มคนตะโกนออกมาด้วยความตื่นตระหนกเหล่าองครักษ์พากันวิ่งออกไปตามหมอหลวงอย่างรีบร้อน“พระชายา ท่านเป็นอะไรไป…”องครักษ์หญิงนางหนึ่งรวบรวมความกล้าเข้าไปจับชีพจรของนาง สีหน้าที่เดิมก็ดูหวาดกลัวอยู่แล้วพลันซีดเผือด“ไม่…ไม่มีชีพจรแล้ว…พระชายาไม่มีชีพจรแล้ว”ฟู่วววร่างของทุกคนสั่นผวาไม่มีชีพจรก็หมายความว่าตายแล้วไม่ใช่หรือคุณพระช่วย หากพระชายาเป็นอะไรไป พวกเขาจะอธิบายกับท่านอ๋องอย่างไรแต่พวกเขาคุ้มกันอย่างหนาแน่น ไม่มีทางที่ผู้ใดจะมีโอกาสวางยาพระชายาได้"ฟึบ ฟึบ ฟึบ..."ร่างที่อยู่ทั้งในที่ลับและที่สว่างต่างพากันออกไป บ้างก็ไปรายงานเย่จิ่งหาน บ้างก็ไปตามหมอ แค่เพียงในระยะเวลาสั้นๆ ผู
หลายวันมานี้อยู่แต่ในจวนหานอ๋องมาตลอด กู้ชูหน่วนคุ้นเคยกับพื้นที่นี้เป็นอย่างดีนางคลำทางไปด้วยความชำนาญ เพิ่งจะออกจากสวนไปได้ก็ถูกผู้อารักขาขวางเอาไว้"พระชายาอยากกินขนมตงฝูดอกกุ้ยฮวา พวกเจ้ารีบหลีกไป""ท่านอ๋องมีรับสั่ง ไม่ว่าผู้ใดก็ห้ามออกจากสวนไปแม้แต่ก้าวเดียว โดยเฉพาะท่าน พระชายา"บ้าเอ้ยนางพรางตัวแล้ว คนพวกนี้ยังจำได้อีกหรือเหมือนจะรู้ว่านางกำลังสงสัย อารักขาจึงอธิบาย"ใต้เท้าชิงเฟิงปฏิบัติตามคำสั่งของท่านอ๋องอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด เขาไม่มีทางออกไปจากเรือนทอจันทร์ อีกอย่าง ท่านอ๋องก็กำชับไว้แล้วว่าพระชายาเชี่ยวชาญเรื่องค่ายกลปากว้า แปลงกาย และบิดเบือนหลักการ ไม่ว่าผู้ใดคิดจะออกจากเรือนนี้ไปล้วนแต่เป็นไปได้ว่าคือพระชายาปลอมตัวมา""……"กู้ชูหน่วนหน้าเหวอวิเคราะห์นางได้อย่างทะลุปรุโปร่งขนาดนี้เลยหรือ"เช่นนี้หากข้าจะดื้อดึงออกไป พวกเจ้าก็จะตัดขาของข้า หรือจะคร่าชีวิตเด็กในท้องแล้วค่อยสังหารข้า ?""ข้าน้อยไม่บังอาจ แต่ท่านอ๋องรับสั่งไว้แล้ว หากพระชายาออกไปจากเรือนทอจันทร์ ให้ทุบขาของแม่นางชิวเอ๋อร์เสีย"กู้ชูหน่วนแสยะยิ้ม "วันนี้ ข้าขอประกาศไว้ ณ ที่นี้ ข้าจะต้องออก
นัยน์ตาของนางดุจหยดน้ำ จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากแดงระเรื่อเป็นธรรมชาติ ระหว่างที่มอง มีรังสีความสูงสง่ามออกมาโดยไม่ต้องแสร้งทำกู้ชูหน่วนลูบใบหน้ารูปไข่ที่เกลี้ยงเกลาของนาง มุมปากยกยิ้มจางๆรูปโฉมนี้ ไม่เสียแรงที่นางดั้นด้นตามหาหญ้าตี้อวี้และดอกเยียนหลัวด้วยความยากลำบากเป็นเวลานานเดิมกู้ชูหน่วนไม่อยากคลุมผ้าคลุมหน้า ไม่รู้ว่าคิดสิ่งใด สุดท้ายนางก็หยิบผ้าคลุมหน้าออกมาปกปิดใบหน้าที่งามหยาดเยิ้มของนางเอาไว้ เผยให้เห็นเพียงแค่ดวงตาใสสว่างคู่นั้น"ชิงเฟิง""ข้าน้อยอยู่นี่ ไม่ทราบว่าพระชายามีสิ่งใดให้รับใช้""ท่านอ๋องได้ไปที่เขาหมายวิญญาณด้วยตัวเองหรือไม่""เรื่องนี้...ข้าน้อยไม่ทราบได้""ไปสืบถามมาหน่อย""พระชายา นายท่านรับสั่งเอาไว้ นอกจากคุ้มกันท่าน เรื่องอื่นห้ามยุ่ง ยิ่งห้ามพูดคุยกับพระชายา""เช่นนั้น ควาหมายของเจ้าก็คือ ข้าถูกกักขัง"“ข้าน้อยมิบังอาจ”"ในเมื่อไม่กล้า เช่นนั้นเจ้าว่า ยามนี้เจ้าควรทำอะไรเล่า" กู้ชูหน่วนเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม ดวงตาที่ใสเป็นประกายคู่นั้นฉายแววที่ต่างออกไปชิงเฟิงตัวสั่นระรัวไปชั่วขณะ พูดด้วยความตัดพ้อ "พระชายา ได้โปรดอย่าทำให้บ่าวลำบากใจเลย"
ณ เรือนทอจันทร์ จวนหานอ๋องกู้ชูหน่วนยืนอยู่ริมหน้าต่าง ทอดมองไปยังนกบนยอดไม้ นิ้วที่ข้อต่อชัดเจนเคาะเป็นจังหวะเบาๆเย่จิ่งหานไม่ได้ยืนยันชัดเจนว่าจะไปเขาหมายวิญญาณด้วยตัวเองแต่เขาก็รับปากแล้วว่าจะช่วยแม่เฒ่าเยี่ยออกมาอย่างปลอดภัย และจะปลิดชีวิตนายท่านหลัน คงทำได้จริงเหตุใดภายในใจนางถึงได้ว้าวุ่น รู้สึกว่าจะเกิดเหตุไม่คาดคิดอะไรบางอย่างอยู่เรื่อย"แอ๊ด" ประตูบานใหญ่ถูกเปิดออก ชิวเอ๋อร์ยกถ้วยยาบำรุงเข้ามา"คุณหนู เหตุใดยังยืนอยู่ตรงนั้น ตอนนี้คุณหนูกำลังท้อง จะตากลมไม่ได้เด็ดขาด คุณหนูลองชิมโจ๊กรังนกที่บ่าวเคี่ยวดูสิเจ้าคะ"กู้ชูหน่วนดึงความคิดกลับมา ก่อนจะหยิบช้อนขึ้นมาตักกินทีละช้อนอย่างไม่ได้ใส่ใจ"รสชาติดีเลย ชิวเอ๋อร์ฝีมือยอดเยี่ยมเลยนี่"ชิวเอ๋อร์ยิ้มร่า ก่อนจะตักให้กู้ชูหน่วนเพิ่มอีกถ้วย "คุณหนู ต่างก็ว่ากันว่าเทพสงครามโหดเหี้ยม ฆ่าคนเป็นผักปลา จากที่บ่าวสังเกตในช่วงหลายวันมานี้ ที่จริงแล้วท่านอ๋องก็เป็นคนดีอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะหลังจากที่คุณหนูตั้งท้องแล้ว ท่านอ๋องดีกับคุณหนูยิ่งกว่าเดิม""อ่อ...ดีกับข้าอย่างไรหรือ" ขังนางไว้ในเรือนเล็กๆ แห่งนี้ รายล้อมไปด้วยยอดฝีมือ
ความหมายอีกนัยหนึ่งของนางก็คือ หากเขาปฏิเสธ นางก็จะพาลูกไปเจอยมบาลแม้รู้ว่ากู้ชูหน่วนกำลังขู่เขา แต่ยากจะรับประกันได้ว่านางจะไม่ทำเรื่องอะไรที่เป็นการทำร้ายเด็กกระทั่งวินาทีนี้ เย่จิ่งหานถึงได้พบว่าตั้งแต่ครั้งแรกที่เริ่มรู้จักนาง กู้ชูหน่วนเอาเขาเสียอยู่หมัด"เจี้ยงเสวี่ย จัดกองกำลังทหาร มุ่งหน้าไปยังเขาหมายวิญญาณทันที ข้าต้องการหัวของนายท่านหลันและตัวยายของเยี่ยเฟิงกลับมา""ขอรับ"เย่จิ่งหานกวาดสายตามองกู้ชูหน่วนผาดหนึ่ง แสร้งทำเป็นเฉยชา "ข้าไม่อยากให้ลูกต้องมาคร่าชีวิตคนตั้งแต่ยังไม่เกิด ไม่ใช่เพราะเจ้าถึงได้ส่งทหารไปที่เขาหมายวิญญาณหรอก""เจ้าค่า ท่านสั่งสมบุญแทนลูก ข้าก็ขอบคุณท่านแทนลูกด้วย"กู้ชูหน่วนโล่งใจไปเปราะหนึ่งยังดีที่ความรู้ทางการแพทย์ของนางล้ำพอ สามารถสร้างเรื่องน่ายินดีจอมปลอมขึ้นมาได้นางเดิมพันถูกแล้วเย่จิ่งหานยังมีมนุษยธรรมอยู่ ไม่ถึงขั้นไม่ยอมรับกระทั่งลูกแท้ๆ ของตัวเองมีความช่วยเหลือของเย่จิ่งหาน เยี่ยเฟิงและแม่เฒ่าเยี่ยก็น่าจะไม่เป็นไรแล้ว"ท่านอ๋อง ท่านมั่นใจนะว่าจะช่วยแม่เฒ่าเยี่ยได้น่ะ""เจ้าคิดว่าข้าเป็นพวกดีแต่ปากหรือ""เอ่อ ไม่ใช่แน่นอน
กู้ชูหน่วนนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ด้วยท่าทางเอื่อยเฉื่อย มือทั้งสองข้างหยิบของกินเล่นเข้าปากอย่างไม่ใส่ใจ รอดูฉากเด็ดปากของชิงเฟิง เจี้ยงเสวี่ยและชิวเอ๋อร์ล้วนแต่กลมจนเป็นตัวOแค่ครั้งนั้นครั้งเดียว นางก็ท้องลูกของนายท่านแล้วหรือ จะแข็งแรงเกินไปหรือเปล่าคุณหนูท้องก่อนแต่ง จบกัน จบเห่แล้ว ต่อไปจะทำเช่นไรดีเย่จิ่งหานถามด้วยน้ำเสียงเฉยชา "แน่ใจแล้วหรือว่าท้อง ตรวจดูให้ละเอียดว่านางใช้ยาอะไรแสร้งทำเป็นท้องหรือไม่"วิชาการแพทย์ของสตรีผู้นี้ล้ำเลิศนัก ยากจะรับประกันได้ว่านางจะไม่แกล้งแสดงหมอหลวงเหงื่อเย็นไหลซึมพวกเขาก็หวังว่าจะเป็นการใช้ยาแกล้งทำเป็นท้อง หากเป็นเช่นนี้ ท่านอ๋องคงไม่ต้องฉุนเฉียวถึงขั้นนี้แต่ว่า..."ท่านอ๋อง คุณหนูสามกู้มีข่าวดีจริงๆ ชีพจรของนางไม่มีร่องรอยของการใช้ยาเลยแม้แต่น้อย""หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป พวกเจ้าคงรู้ผลที่ตามมาดี"“ขอรับๆๆ""ไปให้พ้น"“ขอรับๆๆ"หมอหลวงห้าคนแทบจะล้มลุกคลุกคลานกันออกไป ด้วยกลัวว่า เทพสงครามจะลงไม้ลงมือกับพวกเขาสีหน้าเย่จิ่งหานมีความประหลาดใจ แปลกใจ ดีใจ กังวล ไม่วางใจปะปนอยู่ด้วยกัน ทำตัวไม่ถูกไปชั่วขณะไม่รู้ว่าตนเองคว