หลี่เหิงพูดยังไม่ทันจบ ทว่าได้ยินเพียงแค่เสียงกระแทกพื้นดังตุบตับอย่างแรงหลังจากนั้นก็มีเสียงร้องโหยหวนประหนึ่งหมูถูกเชือดตามมาเขาเงยหน้าขึ้นไปทันที ทว่ากลับเห็นเหล่าพรรคพวกของตนไม่รู้ว่าถูกกู้ชูหน่วนทุ่มออกไปตั้งแต่เมื่อใด แต่ละคนต่างก็กำลังกอดแขนกอดขาพลางส่งเสียงร้องโอดโอยนี่มัน...นางทำได้เยี่ยงไรสหายทั้งกลุ่มของเขาล้วนแต่มีศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวกันหมดกู้ชูหน่วนค่อยๆ เยื้องย่างมาตรงหน้าเขาทีละก้าว แสยะหัวเราะ "เจ้าจะไสหัวออกไปเอง หรือจะให้ข้าโยนเจ้าออกไป"หลี่เหิงกลืนน้ำลายอึกๆ "ข้าบอกเจ้าไว้เลย ข้าเป็นถึงคุณชายสายตรงแห่งจวนกั๋วกง...อ้าก..."ยังไม่ทันสิ้นเสียง หลี่เหิงก็ถูกกู้ชูหน่วนโยนออกไปนอกหน้าต่างราวกับลูกไก่ตัวน้อย ร่างกระแทกกับพื้นอย่างแรง เจ็บจนหน้าตาเหยเก"เจ้าทำข้าเจ็บนัก กู้ชูหน่วน นังบ้า ข้า...""เพี้ยะๆๆๆ..."กู้ชูหน่วนฟาดฝ่ามือซ้ายขวาสลับกันลงไปบนหน้าใบหน้าเขาสิบกว่าทีในคราวเดียว ทำเอาหลี่เหิงกลายเป็นหมูหันไปเสียตรงนั้น"น้องสาม นี่เจ้ากำลังทำอะไร สำนักบัณฑิตห้ามไม่ให้มีเรื่องทะเลาะวิวาทส่วนตัว เจ้าทำเช่นนี้จะถูกไล่ออกจากสำนักบัณฑิตได้ อาจารย์ทุกท่าน
กู้ชูหน่วนสางผมที่ถูกลมพัดปลิวไม่เป็นทรง ราวกับได้ยินเรื่องตลกไร้สาระก็ไม่ปาน ดวงตาเรียวยาวแต้มรอยยิ้ม ชี้ไปที่หลี่เหิงด้วยท่าทางหยิ่งยโส "ให้ข้าขอโทษเขาหรือ ท่านอาจารย์ เกรงว่าท่านจะพูดกลับกันเสียแล้ว""กู้ชูหน่วน พวกข้าไม่ได้พูดจาว่าร้ายเจ้า แล้วก็ไม่ได้ทำร้ายเจ้า เป็นเจ้าเองที่เข้ามาถึงก็ลงมือทำร้ายกันก่อน เหตุใดพวกข้าต้องขอโทษเจ้าด้วย""เจ้าไม่ได้พูดจาว่าร้ายข้า แต่พวกเจ้าดูหมิ่นหยามเกียรติเยี่ยเฟิงอย่างโจ่งแจ้งเปิดเผย ทำลายชื่อเสียงของเยี่ยเฟิง นี่ไม่ควรต้องขอโทษหรืออย่างไร""เดิมทีเยี่ยเฟิงก็เป็นนักบรรเลงฉินของหออู๋โยวอยู่แล้ว พวกข้าก็แค่พูดความจริง""เพี้ยะ..."ฝ่ามือหนึ่งฟาดเข้าไปอีกครั้งฟันของหลี่เหิงหักสามซี่ เจ็บจนเขาเกือบจะเป็นลมหมดสติไป"สามหาว กู้ชูหน่วน เจ้าบังอาจยิ่งนัก ต่อหน้าอาจารย์ เจ้ายังกล้าอวดดีเช่นนี้ คิดว่าพวกข้าไม่กล้าไล่เจ้าออกจริงๆ ใช่ไหม""เช่นนั้นท่านก็ไล่ข้าออกเลยเถอะ สถานที่ห่วยๆ เช่นนี้ เชิญให้ข้ามา ข้ายังไม่อยากมาเลย""เจ้า...ท่านผู้อาวุโส คนเช่นนี้ หากไม่ไล่ออก ชื่อเสียงของสำนักบัณฑิตหลวงจะยังเหลืออยู่อีกหรือ"เหล่าผู้อาวุโสดวงตาเป็นประกาย
"เจ้าสำนักถูกปาดคอ ไม่รู้ว่าพวกท่านได้สังเกตอย่างละเอียดแล้วหรือไม่ ที่รอยแผลบนลำคอของเจ้าสำนัก แม้จะใกล้เคียงกันหมด แต่หากตรวสอบดูดีๆ ก็จะเห็นว่ารอยแผลฝั่งขวาลึกฝั่งซ้ายตื้น ซึ่งก็หมายความว่า เขาถูกสังหารด้วยดาบมือซ้าย รอยมีดที่คออาจารย์หรงก็เช่นกัน"อาจารย์สวีกระซิบกับอาจารย์ฉางและผู้อาวุโสอีกหลายท่านเสียงเบาๆ "นักชันสูตรทำการพิสูจน์อยู่นาน ถึงได้พบว่ารอยมีดบนคออาจารย์หรงและเจ้าสำนักล้วนแต่ขวาลึกซ้ายตื้น มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าผู้ที่ถนัดซ้ายเป็นคนลงมือฆ่า"เสียงเขาไม่ดังมาก แต่คนจำนวนไม่น้อยที่อยู่ตรงนั้นต่างก็ได้ยินกันหมดกู้ชูอวิ๋นเอ่ยเบาๆ "หากเยี่ยเฟิงจงใจปิดบังว่าตนเองถนัดซ้ายเล่า"เหล่าบัณฑิตในสำนักบัณฑิตต่างพากันเออออเห็นด้วย"หากเยี่ยเฟิงมีเป้าหมายในการมาที่สำนักบัณฑิต เช่นนั้นเขาปกปิดความจริงที่ว่าตนถนัดซ้ายไว้ตั้งแต่แรกก็ไม่ใช่เรื่องแปลก"กู้ชูหน่วนยิ้มเยาะ "หากเขาต้องการปิดบัง หากเขาเป็นคนร้ายจริง เหตุใดตอนที่ฆ่าคนกลับไม่ปกปิดใบหน้าตนเอง ทว่ากลับปล่อยให้พวกเจ้าเห็นโฉมหน้าของเขาได้""บางทีเขาอาจจะนึกถึงจุดนี้ได้ตั้งแต่แรกแล้ว จึงจงใจเปิดเผยใบหน้า เพื่อจะได้พิสูจน์
เงยหน้าขึ้นไป กลับเห็นเยี่ยเฟิงอยู่ในชุดสีฟ้าทั้งตัวกำลังค่อยๆ เยื้องย่างเข้ามาช้าๆ จากที่ไม่ไกลออกไปท่าทางของเขาสง่างาม โดดเด่นเกินคนธรรมดา เรือนผมดำขลับพริ้วไหวล้อกับสายลม รับกับใบหน้าที่งดงามไร้ที่ติของเขา ราวกับเทพมาจุติ งามจนคนหยุดหายใจทันทีที่เขาปรากฏตัว ยอดฝีมือของสำนักบัณฑิตก็พากันเข้ามาล้อมเขาไว้ ประหนึ่งพบศัตรูตัวฉกาจ จ้องมองเขาด้วยความระวังตัวอาจารย์ฉางโกรธเกรี้ยว "เจ้าก็คือเยี่ยเฟิงหรือ เจ้าฆ่าเจ้าสำนักและอาจารย์หรง แล้วยังกล้ากลับมา วันนี้ไม่ว่าอย่างไร ข้าจะต้องเอาชีวิตเจ้ามาชดใช้ให้เจ้าสำนักให้ได้ ใครก็ได้เข้ามาจับเยี่ยเฟิง""ใครกล้าแตะต้องเขา ข้ามศพข้าไปก่อน"กู้ชูหน่วนเดือดดาล รังสีอาฆาตครุกรุ่นออกมาจากร่างนางอายุไม่มาก ทว่ากลับมีพลังแกร่งกล้า โดยเฉพาะดวงตาด้านนอกผ้าคลุมคู่นั้น เยือกเย็นจนน่ากลัว เด็ดขาด ดุดันทุกคนเกิดสั่นกลัวขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุช่างเป็นพลังงานที่รุนแรงยิ่งนักหญิงผู้นี้เป็นเพียงแค่พวกไร้ประโยชน์ที่ไม่มีวิทยายุทธใดๆ เลยแม้แต่น้อยจริงหรือเหตุใดพวกเขาถึงได้รู้สึกสั่นสะท้านไปถึงจิตวิญญาณไม่รู้ว่าอาจารย์ซ่างกวานปรากฏตั้งแต่เมื่อใด น้ำเส
หลี่เหิงตะลึงงัน "ท่านผู้อาวุโส ท่านไม่ได้เข้าใจผิดใช่หรือไม่"ผู้อาวุโสเฉินสีหน้าอึมครึม "ทำไม เจ้าสงสัยในวิชาการแพทย์ของข้า หรือสงสัยในมนุษยธรรมของข้า""ข้า...ข้าไม่บังอาจ...แต่...""ข้าก็พอจะเข้าใจวิชาการแพทย์อยู่บ้าง ให้ข้าลองดูหน่อยเถิด" อาจารย์สาวอีกคนเดินออกมา นางเป็นอาจารย์สาวเพียงคนเดียวในสำนักบัณฑิต เดิมทีก็เป็นที่รู้จักได้เพราะวิชาการแพทย์ อีกทั้งนางยังเที่ยงตรงมาโดยตลอดได้นางเป็นผู้ตรวจชีพจร ทุกคนก็จะยิ่งมั่นใจมากขึ้นอาจารย์ซู่จับชีพจรของเยี่ยเฟิง ใบหน้าที่นิ่งสงบพลันเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน มองเยี่ยเฟิงที่หน้าขาวซีดด้วยประหลาดใจคาดไม่ถึงเช่นเดียวกับผู้อาวุโสเฉิน ดวงตาที่ดูตกตะลึงคู่นั้นปิดไว้ไม่อยู่ทุกคนพากันสงสัยก็แค่ตรวจชีพจรเองไม่ใช่หรือเหตุใดถึงได้มีท่าทีตกตะลึงถึงเพียงนี้ อีกอย่าง ดูเหมือนจะยังมีท่าทางเห็นใจ...อาจารย์ฉางกล่าวด้วยความร้อนรน "เป็นเช่นไร"อาจารย์ซู่พยายมาสงบจิตที่ฟุ้งซ่านของตนเอง แล้วเอ่ยช้าๆ "มือซ้ายของเยี่ยเฟิง ตั้งแต่นิ้วมือไปถึงข้อมือ เคยผ่านการถูกหักกระดูกมาไม่ใช่เพียงแค่ครั้งเดียว มือซ้ายของเขาไร้เรี่ยวแรง ไม่สามารถใช้มีดได้ คนร้ายไม่มี
"แม่เจ้า ยัยขี้เหร่ เหตุใดพวกเจ้ายังอยู่ที่นี่ ใต้เท้าม่อส่งคนจำนวนมากไปที่เสี่ยวเหอชุน ข้าได้ยินมาว่าพวกเขาตั้งใจจะจับยายของเยี่ยเฟิงมาสอบสวนอย่างเข้มงวด" เซียวอวี่เชียนวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาสีหน้าของเยี่ยเฟิงพลันเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ร่างกายสั่นเทาจนไม่อาจควบคุมได้ "เช่นนั้นท่านยายของข้าล่ะ ถูกจับแล้วหรือ""น่าจะ...ยังไม่...""ฟึบ..."พริบตาเดียว เยี่ยเฟิงหายวับราวกับสายลม อยู่ไกลออกไปหลายเมตรหากไม่ใช่เพราะยอดฝีมือของสำนักบัณฑิตล้อมเขาไว้ เกรงว่าเขาคงจะหายไปจากสายตาตั้งนานแล้วผู้อาวุโสเฉินโบกมือ พลางเอ่ยปาก "ปล่อยเขาไปเถอะ"ทันทีที่ยอดฝีมือของสำนักบัณฑิตหลีกทาง เยี่ยเฟิงก็หายตัวไปทันทีอาจารย์ฉางไม่พอใจ เริ่มบ่นอุบๆ อิบๆกู้ชูหน่วนโบกมือเรียกเซียวอวี่เชียนด้วยหน้าตาเคร่งเครียด "เสี่ยวเชียนเชียน พวกเราก็ไปที่เสี่ยวเหอชุนดูหน่อยเถอะ"พูดจบ ไม่รอให้เหล่าอาจารย์ตอบตกลง พวกเขาก็วิ่งเหยาะๆ ออกไปจากสำนักบัณฑิตเรียบร้อยแล้ว"ไม่เคารพอาจารย์ ไม่เคารพอาจารย์เอาเสียเลย ท่านผู้อาวุโส นักเรียนที่ดื้อรั้นเช่นนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องไล่ออก""ถึงเวลาเข้าเรียนแล้ว ทุกคนแยกย้าย" ผู้อาวุ
ผิดกับความปลาบปลื้มดีใจของเหล่าชาวบ้าน เยี่ยเฟิงกลับมีสีหน้าเฉยชา ราวกับว่าทุกสิ่งที่พวกเขาพูดไม่เกี่ยวกับเขาเหล่าชาวบ้านมองเยี่ยเฟิงด้วยสายตาเลื่อมใสศรัทธา พลางพูดคุยกับเขาหลายประโยคทว่าหลานของหัวหน้าหมู่บ้านกลับขัดจังหวะความยินดีของพวกเขา"พี่เยี่ยเฟิง เหตุใดพวกเขาถึงบอกว่าพี่ฆ่าคนล่ะ"รอยยิ้มของหัวหน้าหมู่บ้านชะงักงัน แววตาที่ขุ่มมัวเริ่มเกิดความกังวล "นั่นสิ เหตุใดพวกเขาถึงบอกว่าเจ้าฆ่าคน เพราะคนเหล่านั้นเห็นว่าเจ้าไม่มีทางสู้ถึงได้โยนความผิดมาที่เจ้าหรือ""เยี่ยเฟิง เรื่องนี้พอจะมีหนทางอธิบายให้ชัดเจนไหม หากไม่มีหนทาง เช่นนั้นเจ้าก็รีบหนีไป อีกาทั้งใต้หล้าดำเหมือนกันหมด พวกข้าหลวงเหล่านั้นส่วนใหญ่ไม่ใช่คนดีอะไร ชอบรังแกชาวบ้านสามัญชนอย่างพวกเรา""สำนักบัณฑิตสอบสวนจนกระจ่างแล้ว คนร้ายไม่ใช่ข้า เชื่อว่าไม่นานข่าวก็น่าจะไปถึงราชสำนัก""จริงหรือ หากเป็นเช่นนั้นจริงก็ดี เยี่ยเฟิง เจ้ารู้หรือไม่ สำนักบัณฑิตหลวงเป็นถึงสถานที่บรรดาผู้มีความสามารถล้วนแต่ใฝ่ฝั่น ขอเพียงแค่ออกมาจากที่นั่น ต่อไปจะต้องได้เป็นขุนนางใหญ่ เจ้ามีอนาคตที่ดี พวกข้าก็ไม่ต้องเป็นห่วงพวกเจ้าแล้ว"กู้ชูหน่วนแล
ณ จุดพักม้าราชทูตแคว้นจ้าวกู้ชูหน่วนกระโดดกำแพงข้ามไป ก่อนจะแอบเข้าไปในห้องนอนของอี้เฉินเฟยนางยืนกอดอกพิงประตูอยู่ด้านนอก ใบหน้าเผยให้เห็นรอยยิ้มเอื่อยเฉื่อย มองดูอี้เฉินเฟยที่กำลังอาบน้ำอยู่หมอกไอน้ำอบอวล สายตาที่คู่หนึ่งจ้องมองไปที่เขาโดยไม่ปิดบัง ยากที่อี้เฉินเฟยจะไม่รู้สึกตัว เขากำลังหันหลังให้กู้ชูหน่วน มุมปากยกยิ้มฝืดเฝื่อน"คุณหนูสาม เจ้าบุกเข้ามาถึงจุดพักม้ากลางดึกเช่นนี้ เพื่อมาดูข้าอาบน้ำหรอกหรือ""ภาพชายรูปงามอาบน้ำ คงจะเจริญตาน่าดู"อี้เฉินเฟยหน้าแดงก่ำทั้งร่างของเขาเปลือยเปล่า กู้ชูหน่วนยืนพิงประตูอยู่ด้านนอกด้วยเครื่องแต่งกายที่เป็นระเบียบครบถ้วน จ้องเขาตาไม่กระพริบ ช่างทำให้เขาอึดอัดยิ่งนักเขากระอักอระอ่วน "จะให้ข้าเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนได้หรือไม่""เจ้าเปลี่ยนของเจ้าไป ข้าไม่ได้ขวางเจ้าเสียหน่อย""……"นางยืนจ้องเขาอยู่ตรงนั้น จะให้เขาเปลี่ยนได้อย่างไรระหว่างที่กำลังกลัดกลุ้ม กู้ชูหน่วนกลับหันหลังกลับไปทันควันหางตาอี้เฉินเฟยฉายแววประหลาดใจปราดหนึ่งหลายวันก่อน นางผู้นี้ยังมีท่าทีออกนอกหน้าชัดเจนขนาดนั้น วันนี้ได้โอกาสทั้งที เหตุใดนางถึงไม่เกี้ยวเขาสักหน
เดิมทีคนของเผ่าเทียนเฝินก็สงสัยในตัวนายท่านหลันอยู่แล้ว เมื่อกู้ชูหน่วนพูดเช่นนี้ คนของเผ่าเทียนเฝินก็อดไม่ได้ที่จะมองนายท่านหลันเป็นศัตรูยิ่งกว่าเดิม กู้ชูหน่วนเอ่ยออกมาเบาๆ อีกประโยค "อีกอย่างหินก้อนใหญ่จากยอดเขากลับร่วงมาบนหัวผู้อาวุโสทุกท่านของเผ่าเทียนเฝิน ทว่าพวกเจ้าทั้งหมดกลับอยู่ริม และหลบได้อย่างง่ายดาย" "กู้ชูหน่วน เจ้าหมายความเช่นไร หรือเจ้าสงสัยว่าเป็นแผนของข้ารึ" "ข้าไม่มีความกล้าที่จะพูดเช่นนั้นหรอก ชีวิตน้อยๆ ของข้ายังอยู่ในมือเจ้า" "เช่นนั้นหินก็ไม่ได้ร่วงใส่เจ้าไม่ใช่หรือ" "ข้าไม่โดนหินทับตาย เพราะข้าดวงแข็ง ใครจะรู้ว่าอีกเดี๋ยวทางที่เจ้าพาไป จะหลอกข้าไปตายหรือไม่" "หากวันนี้ข้าไม่ได้ฆ่าเจ้า ข้าจะไม่ใช่นายท่านหลันแห่งกองธงทั้งสิบสองของเผ่าหมออีก" นายท่านหลันเดือดดาล ไม่ลังเลที่จะลงมืออีกต่อไป ทุกกระบวนท่าล้วนแต่ต้องการจะสังหารกู้ชูหน่วนให้ถึงแก่ชีวิต ผู้อาวุโสเผ่าเทียนเฝินก็มีน้ำโหด้วยเช่นกัน บวกกับกู้ชูหน่วนคอยยุแยงทุกประโยค คนของเผ่าเทียนเฝินและเผ่าหมอจึงแตกหักกันโดยสิ้นเชิง หันมาฆ่าฟันกันเอง ผู้อาวุโสจวินพูดด้วยความฉุนเฉียว "พวกหัวขโมยอ
ไฟโทสะในใจของนายท่านหลันสุมเป็นกองใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ พร้อมจะระเบิดได้ทุกเวลา เขาคำรามด้วยความเกรี้ยวกราด “กู้ชูหน่วน เจ้าวกไปวนมา จะวนไปถึงไหนกัน” “พวกเจ้าให้ข้าพาพวกเจ้าไปสุดยอดเขาเพื่อตามหาแก้วมังกรไม่ใช่รึ ข้ากำลังหาทางอยู่นี่อย่างไร” นายท่านหลันโกรธจนอยากจะฟาดฝ่ามือใส่นางให้ตาย กู้ชูหน่วนพูดอย่างน้อยอกน้อยใจ “ที่แห่งนี้มีทางแยกมากมาย ข้าพยายามหาเส้นทางเต็มที่แล้ว อีกอย่างทุกเส้นทางที่ไป ล้วนแต่ผ่านความเห็นชอบของพวกเจ้าแล้ว นายท่านหลัน เจ้าจะใส่ร้ายว่าข้าจงใจพาพวกเจ้าวกไปวนมาได้อย่างไร” นายท่านหลันหงุดหงิด ทั้งๆ ที่กู้ชูหน่วนจงใจหลอกพวกเขา ทว่านางกลับเอาเหตุผลมาอ้างทุกประโยค แสร้งทำเป็นบริสุทธิ์ ทำให้เขาหาข้อกังขาไม่ได้ ทุกครั้งที่นางจะวนอยู่ที่ทางแยก นางถามพวกเขาก่อนแล้ว แต่นางแทบไม่ให้เวลาเขาดูแผนที่ก็มุ่งหน้าเดินต่อไปแล้ว ผู้อาวุโสระดับสูงหวงเริ่มจะหมดความอดทน พวกเขาวนอยู่ในถ้ำมาครึ่งวันแล้ว ขืนวนต่อไป เรี่ยวแรงที่เหลืออยู่น้อยนิดของพวกเขาก็จะถูกใช้จนหมด ต้องไปถึงยอดเขาให้ได้โดยเร็ว เขาเอ่ยเสียงขรึม พยายามข่มความเหลืออดไว้ในใจ “ยังต้องเดินอีกไกลเพียงใด” “เ
ครั้งนี้ เหล่าผู้อาวุโสของเผ่าเทียนเฝินเองก็ไม่ใจเย็นอีกต่อไปแล้ว อยากจะแทงกู้ชูหน่วนให้ตายเสียเดี๋ยวนั้น ทว่ากู้ชูหน่วนกลับชิงร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหลออกมาเสียก่อน พลางสะอึกสะอื้น "เหล่าสหายทั้งหลาย เป็นข้าเองที่ทำร้ายพวกเจ้า หากรู้แต่แรกว่าที่นี่อันตรายถึงเพียงนี้ หากรู้แต่แรกว่าถ้าบุกเข้ามาจะทำให้พวกเจ้าตายอย่างทรมานที่นี่ ข้ายอมถูกพวกเจ้าตีตายไปเสีย แต่จะไม่ยอมยกกระดิ่งภินวิญญาณให้เด็ดขาด ข้าผิดต่อพวกเจ้า" "ข้าสมควรตาย ข้าทำผิดต่อพวกเจ้า พวกเจ้าฆ่าข้าเสียเถอะ ชีวิตคนมากมายเช่นนี้ คุณพระช่วย...ข้าควรชดใช้เช่นไร" นางร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหล ปวดใจเป็นที่สุด คนของเผ่าเทียนเฝินพลันใจอ่อนฮวบในทันที คนของเผ่าหมอก็คลายความโกรธลงไปไม่น้อย มีเพียงแค่นายท่านกองธงที่กัดฟันกรอด เส้นเลือดสีเขียวปูดจนจะระเบิดออกมา "ในเมื่อเจ้าอยากตายถึงเพียงนี้ เช่นนี้ข้าจะทำให้เจ้าสมหวัง" หัวหน้ากองธงพูดพลางฟาดฝ่ามือไปที่กะโหลกของนาง คนของเผ่าเทียนเฝินมองดูหน้าตาเฉย อยากเห็นว่ากู้ชูหน่วนคิดจะเล่นพิเรนทร์อะไร คิดไม่ถึงว่ากู้ชูหน่วนเพียงแค่ร้องไห้อยู่อย่างนั้น ไม่ขยับเขยื้อน อีกทั้งยังไม่ตอบโต้ ท่าทางรอคว
เหล่าผู้อาวุโสระดับสูงเป็นกังวล ยามนี้พวกเขาต่างก็เจ็บหนัก หากฝืนตามไป ใช่ว่าจะเป็นประโยชน์ เพราะถึงอย่างไรอาการของแต่ละคนก็สาหัสปางตายกันทั้งสิ้น แต่หากไม่ไปแล้วแก้วมังกรถูกชิงไป คิดจะแย่งกลับมา เช่นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แล้ว พวกเขาออกตามหามาหลายปี ใช้คนไปตั้งมากมาย จนมาพบที่ตั้งของแก้วมังกรในที่สุด ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ควรยอมแพ้ กู้ชูหน่วนพิงอยู่ข้างโขดหิน มองดูท่าทีลังเลของพวกเขาอยู่เงียบๆ มุมปากยกยิ้มที่ยากจะสังเกตเห็น แก้วมังกรล่อตาล่อใจเสียขนาดนั้น มีหรือที่พวกเขาจะไม่ติดกับ เป็นอย่างที่นางคิดเอาไว้ คนเหล่านี้กัดฟันเค้นออกมาหนึ่งประโยค "ไป ขึ้นเขาไปดูเสียหน่อย เจ้าก็ไปกับพวกข้าด้วย" กู้ชูหน่วนแสร้งทำเป็นตกใจ "เมื่อครู่พวกท่านเพิ่งรับปากว่าจะให้ข้าออกไปอย่างปลอดภัยไม่ใช่หรือ หรือท่านจะกลับคำพูด" "แผนที่ที่เจ้าให้มามีเพียงครึ่งเดียว นอกเสียจากเจ้าช่วยพวกข้าตามหาอีกครึ่งหรือหาแก้วมังกรพบ ไม่เช่นนั้นอย่าหวังว่าจะได้ไปไหน" "ท่านไม่รักษาคำพูดนี่" "เช่นนั้นเจ้าอยากถูกฝังอยู่ที่นี่หรือไม่" คนของเผ่าเทียนเฝินผลักนางไปด้านหน้า กู้ชูหน่วนทำได้เพียงแค่มุ่งหน้า
ทุกคนต่างก็จ้องไปที่กู้ชูหน่วนด้วยความโกรธ กู้ชูหน่วนผงะถอยหลังไปหลายก้าว พูดด้วยความระวัง "อีกครึ่งถูกชาวเขาตานหุยชิงไป พวกเจ้าจ้องข้าก็ไม่มีประโยชน์ หากข้ามีแผนที่อีกครึ่ง อย่างไรก็ต้องส่งให้พวกเจ้าอยู่ดี" "ชาวเขาตานหุย ?" นายท่านหลันเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง "ใช่แล้ว ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าคิดว่า เหตุใดชาวเขาตานหุยถึงใจเย็นได้ขนาดนั้น รอพวกเจ้าต่อสู้อยู่ด้านนอกตั้งนาน เว้นเสียแต่นอกจากทางลงเขาเส้นนี้ บริเวณปากเขาน้ำเต้ายังมีทางอีกเส้นที่สามารถออกไปจากเขาน้ำเต้าแห่งนี้ได้ หากพวกเขาได้แก้วมังกรแล้ว ก็น่าจะลงเขาไปทางนั้นเลย" นายท่านหลันสงสัยเคลือบแคลงในคำพูดของนางเป็นอย่างยิ่ง"ทุกท่าน สตรีนางนี้ไม่เคยมีความจริงออกจากปากนาง พวกเจ้าอย่าไปเชื่อนางเด็ดขาด" ผู้อาวุโสอวิ๋นสองจิตสองใจ "คนของพวกเราเข้ามาในเขาน้ำเต้า บาดเจ็บเสียหายอย่างหนัก แต่ชาวเขาตานหุยดูเหมือนจะราบรื่นตลอดทาง อีกทั้งยังไม่พบเจออุปสรรคใดๆ เลย" เมื่อผู้อาวุโสอวิ๋นกล่าวเช่นนี้ ผู้อาวุโสจวินก็คิดขึ้นมาได้ "เป็นจริงอย่างที่พูด ตอนนั้นข้ายังสงสัยว่าเหตุใดชาวเขาตานหุยถึงได้โชคดีเพียงนี้ ไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย ยามนี้มาคิด
"เยี่ยเฟิงออกไปจากเขาน้ำเต้าแล้ว" "เจ้าซ่อนสิ่งใดเอาไว้" สีหน้าของกู้ชูหน่วนเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะกลับมานิ่งสงบอย่างรวดเร็ว นางวางมือทั้งสองข้างลง แสร้งทำเป็นพูดด้วยท่าทางสบายๆ ไม่ใส่ใจ "ข้าสตรีอ่อนแอตัวคนเดียว จะมีสิ่งใดในครอบครองได้ ก็แค่กลัวว่าชายฉกรรจ์อย่างพวกเจ้าจะเสียมารยาทกับข้าก็เท่านั้น" คำพูดนี้ของนี้ ไม่มีผู้ใดเชื่อ เพราะสีหน้าที่แสดงออกมาเล็กๆ น้อยๆ ของนางได้หักหลังนางหมดแล้ว ต่อให้นางจะนิ่งเพียงใด ทุกคนก็จับได้อยู่ดี คนของเผ่าหมอพากันเข้ามาล้อมนางเอาไว้ คนของเผ่าเทียนเฝินแม้จะนิ่งดูดาย แต่ก็ไม่ได้คิดจะปล่อยกู้ชูหน่วนไป "นังหนู ข้าขอเตือนเจ้าให้ส่งของมาดีๆ ไม่เช่นนั้น...เหอะ..." คำพูดของนายท่านหลันเต็มไปด้วยความตักเตือน นายท่านหมู่ตานกลับพูดจีบปากจีบคอ "นังเด็กคนนี้แม้จะสกปรกมอมแมมไปบ้าง แต่รูปร่างดีใช้ได้ เอามาใช้อุ่นเตียงแก้ขัดก็น่าจะไม่เลว" "เจ้า...พวกเจ้าคิดจะทำอะไร..." "ข้าบอกพวกเจ้าไว้ก่อน ข้าเป็นถึงหานอ๋องเฟย ขืนพวกเจ้ากล้าทำอะไรข้า หานอ๋องไม่ปล่อยพวกเจ้าไปแน่" "ว่าอย่างไรนะ...เจ้าคือภรรยาของเย่จิ่งหาน เช่นนั้นพวกเราเผ่าเทียนเฝินยิ่
ด้านล่างตีนเขาของเขาน้ำเต้า คนของเผ่าเทียนเฝินและเผ่าหมอลงจากเขาด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส และกองทัพที่แพ้จนหมดสภาพ สีหน้าของพวกเขาต่างก็ไม่สู้ดีนัก ข่มความฉุนเฉียวเอาไว้ เลือดสีแดงสดไหลคดเคี้ยวลงมาจากร่างของพวกเขา ผู้อาวุโสจวินแห่งเผ่าเทียนเฝินเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ "หากคนเผ่าหมอของพวกเจ้าลงมือตั้งแต่แรก พวกเราก็คงไม่ต้องพ่ายแพ้จนมีสภาพเช่นนี้ แล้วปล่อยให้พวกชาวเขาตานหุยได้ประโยชน์ไป" นายท่านหลันยิ้มเยาะ "พวกเจ้าเผ่าเทียนเฝินยังเหลือยอดฝีมือจำนวนไม่น้อยไว้ระวังพวกข้า หากร่วมมือเป็นหนึ่งเดียวกัน ร่วมต่อสู้ด้วยกัน มังกรอสูรขั้นเจ็ดก็ไม่จำเป็นต้องให้พวกข้าลงมือ พวกเจ้าจัดการเองก็ได้แล้ว สุดท้ายแล้ว พวกเจ้าก็ไม่ไว้ใจพวกข้า" ผู้อาวุโสอวิ๋นเฟยเย่มีนิสัยใจร้อนมาแต่ไหนแต่ไร เขาเดือดดาลขึ้นมาทันที "หากพวกข้าเข้าไปพร้อมกัน ทุกคนต่างก็เจ็บหนักกันหมด หลังจากนั้นพวกเจ้าจะได้ถือโอกาสฉกฉวยผลประโยชน์ไปได้ง่ายๆ น่ะสิ" ผู้อาวุโสหวงหนึ่งในผู้อาวุโสระดับสูงติเตียน "พอได้แล้ว แทนที่จะมัวมาพูดมากอยู่ตรงนี้ ไม่สู้คิดหาหนทางว่าจะชิงแก้วมังกรมาจากชาวเขาตานหุยอย่างไรจะดีกว่า" ผู้อาวุโสระดับสูงหวงเอ่ย ก
"โฮ่ว..." "โฮก..." "เฮือก..." นายท่านกองธงเผ่าหมอและมังกรอสูรต่างก็เจ็บหนัก ครั้งนี้ล้วนแต่บาดเจ็บเสียหายกันทั้งคู่ "นายหญิง นายท่านสองคนนั้นเป็นนายท่านจากอีกสองกองธง หนึ่งในนั้นนายท่านเถาฮวาถูกมังกรอสูรโจมตีบาดเจ็บสาหัส อาการปางตาย เกรงว่าคงไม่อาจรอดไปได้แล้ว มังกรอสูรก็เจ็บไม่เบาเช่นกัน กรงเล็บหักไปเล็บหนึ่งแล้ว นายหญิง พวกเราเข้าไปตอนนี้เลยดีหรือไม่" "เจ้าจะรีบไปเกิดใหม่หรืออย่างไร จะร้อนรนกระวนกระวายไปไหน" "แต่ขืนพวกเรายังไม่ไป แล้วแก้วมังกร..." "หากแก้วมังกรชิงไปได้ง่ายเพียงนั้น พวกเจ้าคงได้ไปนานแล้ว ต้องรอถึงตอนนี้อีกรึ เสี่ยวฝูกวง ข้าเห็นปกติเจ้าก็ฉลาดดีอยู่หรอก เหตุใดพอเกี่ยวกับแก้วมังกร เจ้าถึงได้กลายเป็นคนโง่แบบนี้ไปได้" แน่นอนว่าต้องโง่อยู่แล้ว เขาจะไม่กระวนกระวายได้อย่างไร คนทั้งเผ่าต่างก็ตั้งตารอแก้วมังกรเพื่อจะได้ถอนคำสาปเลือด นั่นคือชีวิตนับพันนับหมื่นชีวิต "เจ้ารอดูเถอะ เดี๋ยวพวกเขาก็จะเริ่มการโจมตีครั้งต่อไปแล้ว" ไม่ผิดไปจากที่กู้ชูหน่วนคาดการณ์ไว้ คนของเผ่าหมอและเผ่าเทียนเฝินลงมือโจมตีอีกครั้ง สู้กันสนั่นหวั่นไหว มืดฟ้ามัวดิน
ฮองเฮาฉู่และเยี่ยเฟิงไม่ยอมแยกจากัน กู้ชูหน่วนเปลืองแรงไปมากมายกว่าจะส่งพวกเขาสองคนกลับไปได้ บนฟ้ามีเสียงดังอึกทึกครึกโครมดังไม่หยุด ลมฝนโหมกระหน่ำอย่างต่อเนื่องราวกับพายุรุนแรง ยอดเขาโลหิตน้ำเต้าสั่นสะเทือนเลือนลั่น เพราะความสั่นไหวอย่างแรงของยอดเขาทำให้ลาวาประทุขึ้นมา ซัดกระเซ็นไปบนโขดหิน ดอกไม้ใบหญ้าบนโขดหินที่แสนน่าสงสารจมอยู่ใต้ลาวา นี่คือศึกใหญ่ที่มีเพียงแค่ยอดฝีมืออันดับต้นๆ เท่านั้นที่จะก่อได้ กู้ชูหน่วนเงยหน้าไปมอง กลับพบว่ากลางอากาศมีมังกรไฟตัวสีทองที่ทั้งตัวโชกไปด้วยเลือดกำลังทะยานโลดแล่นพลางกรีดร้องไม่หยุด มังกรตัวใหญ่ยักษ์เพียงแค่สะบัดปลายหาง ยอดเขาลูกเล็กๆ บริเวณใกล้เคียงก็ราบเป็นหน้ากอง ที่น่าตกตะลึงไปกว่านั้นคือ ลูกไฟที่มันพ่นออกมา มีพื้นที่แผ่ขยายไปถึงครึ่งหนึ่งของเขาโลหิตน้ำเต้า คล้ายจะแผดเผาทำลายเขาโลหิตน้ำเต้าทั้งหมดให้สิ้นซาก นอกจากมังกรไฟ ยังมีผู้อาวุโสผมขาวอีกสี่คน ฝูกวงเอ่ย "นายหญิง สี่สุดยอดผู้อาวุโสระดับสูงแห่งเผาเทียนเฝินวิทยายุทธแก่กล้านัก พวกเขาปลีกวิเวกมานานหลายปี น้อยครั้งที่จะเข้ามาข้องเกี่ยวทางโลก คิดไม่ถึงว่าคราวนี้เผ่าเทียนเฝิน