ณ จุดพักม้าราชทูตแคว้นจ้าวกู้ชูหน่วนกระโดดกำแพงข้ามไป ก่อนจะแอบเข้าไปในห้องนอนของอี้เฉินเฟยนางยืนกอดอกพิงประตูอยู่ด้านนอก ใบหน้าเผยให้เห็นรอยยิ้มเอื่อยเฉื่อย มองดูอี้เฉินเฟยที่กำลังอาบน้ำอยู่หมอกไอน้ำอบอวล สายตาที่คู่หนึ่งจ้องมองไปที่เขาโดยไม่ปิดบัง ยากที่อี้เฉินเฟยจะไม่รู้สึกตัว เขากำลังหันหลังให้กู้ชูหน่วน มุมปากยกยิ้มฝืดเฝื่อน"คุณหนูสาม เจ้าบุกเข้ามาถึงจุดพักม้ากลางดึกเช่นนี้ เพื่อมาดูข้าอาบน้ำหรอกหรือ""ภาพชายรูปงามอาบน้ำ คงจะเจริญตาน่าดู"อี้เฉินเฟยหน้าแดงก่ำทั้งร่างของเขาเปลือยเปล่า กู้ชูหน่วนยืนพิงประตูอยู่ด้านนอกด้วยเครื่องแต่งกายที่เป็นระเบียบครบถ้วน จ้องเขาตาไม่กระพริบ ช่างทำให้เขาอึดอัดยิ่งนักเขากระอักอระอ่วน "จะให้ข้าเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนได้หรือไม่""เจ้าเปลี่ยนของเจ้าไป ข้าไม่ได้ขวางเจ้าเสียหน่อย""……"นางยืนจ้องเขาอยู่ตรงนั้น จะให้เขาเปลี่ยนได้อย่างไรระหว่างที่กำลังกลัดกลุ้ม กู้ชูหน่วนกลับหันหลังกลับไปทันควันหางตาอี้เฉินเฟยฉายแววประหลาดใจปราดหนึ่งหลายวันก่อน นางผู้นี้ยังมีท่าทีออกนอกหน้าชัดเจนขนาดนั้น วันนี้ได้โอกาสทั้งที เหตุใดนางถึงไม่เกี้ยวเขาสักหน
"ต่อให้ท่านต้องการให้ข้าไปเผ่าหมอกับท่าน อย่างไรก็ต้องให้เหตุผลกับข้าสักข้อไม่ใช่หรือ""ได้ยินมาว่าที่นั่นทิวทัศน์งดงาม ข้าจะพาเจ้าไปเดินเล่น""……"ทิวทัศน์งดงาม ?เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินคนบอกว่าเขาหมายวิญญาณทิวทัศน์งดงามสาเหตุที่เขาหมายวิญญาณมีชื่อเรียกเช่นนี้ ก็เพราะหลังจากที่เข้าไปในเขาลูกนั้นแล้ว สิ่งที่จะหลงเหลืออยู่มีเพียงแค่วิญญาณเท่านั้นนางผู้นี้ ไม่อยากให้เซียวอวี่เชียนไปผจญอันตรายกับนาง แต่ตัวเองก็ไม่รู้ทางไปเผ่าหมอ ทั้งยังไม่มีความมั่นใจที่จะบุกเข้าไปช่วยคนอื่น ถึงได้ลากเขามาด้วยยังมีหน้ามาหลอกเขาว่าที่นั่นทิวทัศน์งดงามอีกแม่นางผู้นี้ โหดร้ายยิ่งนัก ไม่กลัวว่าจะพาเขาไปตายบ้างเลยแม้จะเป็นเช่นนั้น อี้เฉินเฟยก็ยังคงหาม้าเร็วที่ดีที่สุดมาสองตัว แล้วพากู้ชูหน่วนมุ่งหน้าไปยังเขาหมายวิญญาณด้วยความเร็วแสงไม่นานนัก ทั้งสองก็ไปถึงที่ตีนเขาเมื่อยืนอยู่ตรงตีนเขา กู้ชูหน่วนรู้สึกเพียงแค่ลมหนาวชวนขนหัวลุกพัดผ่าน ภายในชั้นบรรยากาศมีกลิ่นคาวเลือดจางๆ ไม่รู้ว่าบนยอดเขาจะมีคนตายไปเท่าไหร่"หลังจากเข้าไปในเขาลูกนี้ ก็จะเป็นเขตกองธงหลัน"กู้ชูหน่วนเงยหน้า ที่นี่มียอดเขาสูงต
"ไปกัน ตามข้ามา"อี้เฉินเฟยยิ้มอ่อนโยน ก่อนจะกุมมือที่อ่อนนุ่มของนาง พานางมุ่งไปทางทิศใต้อย่างชำนาญทางกู้ชูหน่วนกวาดสายตามองดูฝ่ามือหนาใหญ่ของเขาผาดหนึ่ง นิ้วของเขาขาวเนียนเรียวยาว อีกทั้งยังอุ่นร้อน ถูกกุมไว้ด้วยฝ่ามือใหญ่ๆ ของเขา ทำให้นางรู้สึกปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูกความรู้สึกนั้นมาจากส่วนลึกของจิตวิญญาณ เป็นความเชื่อใจที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติกู้ชูหน่วนไม่ต่อต้านความรู้สึกนี้เขานำทางนางไปยังป้อมปราการเมืองทางทิศใต้บนป้อมปราการมีคนอยู่ประปราย ธงขนาดใหญ่ปักลายดอกกล้วยไม้แขวนอยู่ด้านบน อี้เฉินเฟยตีลูกสมุนที่อยู่รั้งท้ายแถวสองคนสลบ ก่อนจะถอดเสื้อผ้าเขาออก แม้แต่หน้ากากกระโหลกบนใบหน้าก็ถอดออกมาด้วย"ใส่ชุดของพวกเขา พวกเราจะแฝงตัวเข้าไป"กู้ชูหน่วนไม่กระมิดกระเมี้ยน เพียงแต่เปลี่ยนเสื้อผ้าตรงนั้นอย่างไม่เขินอายอี้เฉินเฟยหน้าร้อนผ่าว รีบหันไปอีกทาง สายตาเอ็นดูแฝงไว้ด้วยความระอา "คุณหนูสาม ชายหญิงไม่ใกล้ชิดกัน เจ้าทำแบบนี้จะดีหรือ"กู้ชูหน่วนกลอกตามองบนใส่ไปหนึ่งทีนางก็แค่ถอดเสื้อคลุมด้านนอกออกก็เท่านั้น ด้านในยังมีเสื้อผ้าอยู่อีกหลายชิ้น มีสิ่งใดให้หลบๆ ซ่อนๆ"ข้าเสร็จแล้ว
"พวกเจ้าเร่งมือหน่อย เชลยกลุ่มนี้ถูกคัดเลือกมาอย่างพิถีพิถัน หากมีสิ่งใดผิดพลาด ต่อให้พวกเจ้ามีร้อยหัว ก็ไม่พอให้กุดหรอกนะ""ได้ได้ได้" กู้ชูหน่วนพยักหน้าหงึกๆ ท่าทางนอบน้อม ก่อนจะตามอี้เฉินเฟยขึ้นกระเช้าลำที่หนึ่งไป สายตาเยือกเย็นพลันปรากฏออกมาในที่ที่ลับตาจากผู้อื่นแล้วหากนางทายไม่ผิด ฐานะของคนเหล่านี้คงจะใกล้เคียงกับเยี่ยเฟิง ล้วนแต่ถูกส่งไปบำเรอนายท่านหลันนึกถึงเรื่องที่เยี่ยเฟิงถูกนายท่านหลันขืนใจตั้งแต่ห้าขวบ ไฟโกรธของกู้ชูหน่วนก็ลุกโชนขึ้นมาเพราะสวมหน้ากากกระโหลก และใส่ชุดโครงกระดูก พวกเขาสองคนแฝงตัวอยู่ในกลุ่มจึงไม่เป็นที่สังเกตใดๆ ผ่านไปอย่างราบรื่นตลอดเพียงแต่เมื่อถึงเขาลูกที่ห้า พวกเขาก็ถูกกันเอาไว้นอกจากแสดงป้าย พวกเขายังต้องหยดเลือดของตนลงในถ้วยที่มีน้ำอยู่ครึ่งถ้วยสมุนเผ่าหมอด้านหน้าต่างก็กัดนิ้วของตัวเอง แล้วหยดเลือดลงไปในถ้วย หลังจากที่เลือดผสมเข้ากับน้ำใสในถ้วย กลิ่นคาวเลือดก็คุ้งไปทั่ว ตามมาด้วยควันดำลอยอบอวลอยู่รอบๆกู้ชูหน่วนเหร่มองอี้เฉินเฟย ส่งสายตาถามเขาว่า ยามนี้จะบุกเข้าไปหรือหาวิธีแฝงตัวเข้าไปอี้เฉินเฟยส่งสายตาบอกให้นางวางใจ ก่อนจะกัดนิ้วตัวเอง
"พวกเจ้า...พวกเจ้าจับตัวชาวบ้านมาเช่นนี้ ไม่เห็นกฎหมายอยู่ในสายตาบ้างเลยหรือ"ได้ยินเช่นนั้น เหล่าลูกสมุนกองธงในกระเช้าต่างก็หัวเราะลั่น"กฎหมาย ? เจ้าพูดเรื่องกฎหมายกับข้าหรือ จักพรรดิเย่ยังทำอะไรพวกข้าไม่ได้ เจ้ากลับกล้าพูดเรื่องกฎหมายกับข้า เด็กน้อย เจ้าช่างใสซื่อยิ่งนัก เห็นทีพวกเจ้าจะยังไม่เข้าใจว่าตัวเองอยู่ที่ใด"เด็กหนุ่มถลึงตามองพวกเขาด้วยความโกรธผ่านเขาไปลูกแล้วลูกเล่า พวกเขาต่างก็รู้ดีว่า ยิ่งลึกเข้าไป โอกาสในการหนีรอดออกไปของพวกเขาก็ยิ่งน้อยลงไปด้วยในระหว่างที่ทุกคนกำลังสนใจอยู่ที่เด็กหนุ่มวัยสิบสามสิบสี่ปีผู้นั้น ทันใดนั้นเองเด็กหนุ่มอีกคนก็พุ่งเข้าไปกัดเข้าที่ต้นขาของผู้คุมอย่างแรงโดยไม่ให้ตั้งตัว ทำเอาต้นขาเขาเลือดอาบ"โอ๊ย...เจ็บนะโว้ย เจ้ารีบปล่อย ใครก็ได้ เตะมันออกไป"สมุนกองธงจำนวนไม่น้อยเข้ามาดึงเด็กหนุ่มหน้าตาดีผู้นั้น แต่ไม่รู้ว่าเด็กคนนั้นไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน ไม่ว่าพวกเขาจึงดึงอย่างไร เขาก็ยังกัดแน่นไม่ยอมหลุด ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความเกลียดแค้น ราวกับอยากจะกัดขาผู้คุมให้ขาดเสียเดี๋ยวนั้น"ฉึก...""เฮือก..."ผู้คุมจ้าวใช้ดาบแทงเข้าไปที่ท้องของเขา เ
"เยี่ยเฟิงมีรูปโฉมเช่นไร คนพวกนี้ต่อให้หน้าตาดีเพียงใด ย่อมไม่มีทางเทียบกับเยี่ยเฟิงได้ ไม่เช่นนั้น นายท่านของพวกเราจะโปรดปรานเขาอยู่หลายปีหรือ""เยี่ยเฟิงไม่เพียงแค่รูปโฉมงดงาม ยังเป็นเลิศทั้งบุ๋นบู๊ ไม่ว่าผู้ใดก็ต้องชอบทั้งนั้น ได้ข่าว่า นายท่านหมู่ตานขอตัวเยี่ยเฟิงจากนายท่านของพวกเรา แต่นายท่านกลับทำใจมอบให้เขาไม่ลง""ไม่จริงน่า นายท่านหมู่ตานก็ถูกใจเยี่ยเฟิงหรือ""นอกจากนายท่านหมู่ตาน ยังมีนายท่านสุ่ยเซียน และนายท่านเสาเย่าด้วย"กู้ชูหน่วนที่พิงขอบประตูอยู่ ส่งเสียงขำออกมาอย่างอดไม่ได้ "ที่แท้กองธงทั้งสิบสองกองธง ก็ใช้ชื่อดอกไม้มาตั้งเป็นชื่อ พวกเศษสวะพวกนี้ ทำให้ชื่อดอกไม้เพราะๆ เหล่านี้แปดเปื้อนไปหมด"นึกภาพชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่สวมดอกไม้ดอกโตๆ ไว้บนหัว กู้ชูหน่วนอดขนลุกไม่ได้อี้เฉินเฟยตอบด้วยรอยยิ้ม "นอกจากนายท่านสุ่ยเซียน คนที่เหลือล้วนแต่เป็นชาย""เช่นนั้น นายท่านสุ่ยเซียนต้องตาเยี่ยเฟิงหรือ""นายท่านสุ่ยเซียนถนัดเรื่องใช้พิษ และชอบทดลองพิษกับชายงามเป็นพิเศษ นางต้องการเยี่ยเฟิง น่าไม่ใช่เพราะต้องตา แต่เพราะอยากลองพิษกับเยี่ยเฟิง"กู้ชูหน่วนหน้าเสียเหล่าลูกสมุนตรงหน
ที่แท้ก็เพิ่งมาใหม่มิน่าถึงได้รู้สึกไม่คุ้นหน้าเอาเสียเลยสมุนลั่วทักทาย "สหาย ในเมื่อมาแล้ว ก็เล่นกันให้สนุกสักสองสามตา เล่นไปเรื่อยๆ ไม่กี่ตาเดี๋ยวก็คุ้นเคยกันเอง"อี้เฉินเฟยเยื้องย่างเข้าไป อมยิ้มเบาๆ "ได้"กู้ชูหน่วนเอ่ยปากพูด "พี่ใหญ่ลั่วเป็นคนมีสัจจะชอบธรรม ข้านับถือยิ่งนัก เอาอย่างนี้แล้วกัน ให้สหายอี้เล่นแทนพี่ใหญ่สักสองสามตา หากแพ้ก็ถือว่าเขาแพ้ หากชนะถือให้เป็นของพี่ใหญ่ลั่ว"สมุนลั่วที่เดิมทียังเคลือบแคลงสงสัยในตัวกู้ชูหน่วน หลังจากที่ได้ยินกู้ชูหน่วนรู้กระทั่งชื่อของเขา ความสงสัยในใจก็หายไปสิ้นทั้งที่ในใจของเขาอยากได้จนตัวสั่น ทว่าใบหน้ากลับแสร้งทำเป็นลำบากใจ "แบบนี้จะไม่ดีกระมัง เอาเปรียบน้องอี้แย่เลย""แหม เล่นให้สนุกก็พอ เงินของพวกพ้องพี่น้องด้วยกันทั้งนั้น ผู้ใดแพ้ชนะก็เหมือนกัน"อี้เฉินเฟยลืมตาคู่สวยขึ้นมามองไปทางกู้ชูหน่วนนังเด็กคนนี้ ตัวเองไม่เล่น แล้วจะดึงเขาไปทำไมผู้ที่ต้องการช่วยเยี่ยเฟิงก็คือนาง ไม่ใช่เขาเสียหน่อยกำลังคิดจะปฏิเสธ ทว่ากู้ชูหน่วนกลับผลักเขาไปข้างหน้าแล้ว "จะอายไปใย แพ้ก็ไม่เป็นไร เจ้าเพิ่งมาใหม่ ได้รู้จักกับพี่ใหญ่มากมายเช่นนี้ นับว
สมุนหลิวหน้าเปลี่ยนสี ตวาดผู้ใต้บัญชาของตนเอง "พูดจาเพ้อเจ้อ สหายอี้จะโกงได้อย่างไร น้องลั่ว เขาปากไม่มีหูรูด เจ้าอย่าถือสาเขาเลย"ลูกเต๋าถูกเขย่าต่อไป สมุนหลิวและอี้เฉินเฟยเดิมพันกันตาแล้วตาเล่าอี้เฉินเฟยก็ชนะทุกครั้งไปสมุนหลิวปาดเหงื่อไม่หยุด สีหน้าดูร้อนรนกระวนกระวายขึ้นเรื่อยๆส่วนสมุนลั่วยิ้มปากไม่หุบ คอยนับเงินไม่ได้หยุดหย่อนสมุนคนอื่นได้แต่งงเป็นไก่ตาแตกคนผู้นี้คือเซียนการพนันหรืออย่างไรเหตุใดถึงไม่เคยแพ้เลยสักครั้งกู้ชูหน่วนมองไปยังอี้เฉินเฟยอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร สายตาใจเย็นนิ่งสงบ มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยนางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม "พี่ใหญ่ลั่ว เป็นอย่างไรบ้าง สหายผู้นี้ที่ข้าพามา ไม่เลวเลยใช่ไหม""นั่นต้องเรียกว่าดียิ่งนัก ยอดเยี่ยมเหลือเกิน สหาย เจ้ารู้จักผู้มีฝีมือเช่นนี้ เหตุใดไม่แนะนำให้ข้ารู้จักตั้งแต่แรก""หากท่านชอบ ข้ายกเขาให้ท่านได้นะ"มือที่ถือเงินอยู่ของอี้เฉินเฟยสั่นระรัวยกให้เขา ?เหอะ...เด็กคนนี้ เห็นเขาเป็นสินค้าแล้วหรืออย่างไร"น้องอี้เป็นคนของเจ้า ข้าจะแย่งของรักของเจ้ามาได้อย่างไร ไม่เช่นนั้นเอาอย่างนี้แล้วกัน ต่อไปหากเจ้าสะดวก ก็เอาน้องอี้มาให
เดิมทีคนของเผ่าเทียนเฝินก็สงสัยในตัวนายท่านหลันอยู่แล้ว เมื่อกู้ชูหน่วนพูดเช่นนี้ คนของเผ่าเทียนเฝินก็อดไม่ได้ที่จะมองนายท่านหลันเป็นศัตรูยิ่งกว่าเดิม กู้ชูหน่วนเอ่ยออกมาเบาๆ อีกประโยค "อีกอย่างหินก้อนใหญ่จากยอดเขากลับร่วงมาบนหัวผู้อาวุโสทุกท่านของเผ่าเทียนเฝิน ทว่าพวกเจ้าทั้งหมดกลับอยู่ริม และหลบได้อย่างง่ายดาย" "กู้ชูหน่วน เจ้าหมายความเช่นไร หรือเจ้าสงสัยว่าเป็นแผนของข้ารึ" "ข้าไม่มีความกล้าที่จะพูดเช่นนั้นหรอก ชีวิตน้อยๆ ของข้ายังอยู่ในมือเจ้า" "เช่นนั้นหินก็ไม่ได้ร่วงใส่เจ้าไม่ใช่หรือ" "ข้าไม่โดนหินทับตาย เพราะข้าดวงแข็ง ใครจะรู้ว่าอีกเดี๋ยวทางที่เจ้าพาไป จะหลอกข้าไปตายหรือไม่" "หากวันนี้ข้าไม่ได้ฆ่าเจ้า ข้าจะไม่ใช่นายท่านหลันแห่งกองธงทั้งสิบสองของเผ่าหมออีก" นายท่านหลันเดือดดาล ไม่ลังเลที่จะลงมืออีกต่อไป ทุกกระบวนท่าล้วนแต่ต้องการจะสังหารกู้ชูหน่วนให้ถึงแก่ชีวิต ผู้อาวุโสเผ่าเทียนเฝินก็มีน้ำโหด้วยเช่นกัน บวกกับกู้ชูหน่วนคอยยุแยงทุกประโยค คนของเผ่าเทียนเฝินและเผ่าหมอจึงแตกหักกันโดยสิ้นเชิง หันมาฆ่าฟันกันเอง ผู้อาวุโสจวินพูดด้วยความฉุนเฉียว "พวกหัวขโมยอ
ไฟโทสะในใจของนายท่านหลันสุมเป็นกองใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ พร้อมจะระเบิดได้ทุกเวลา เขาคำรามด้วยความเกรี้ยวกราด “กู้ชูหน่วน เจ้าวกไปวนมา จะวนไปถึงไหนกัน” “พวกเจ้าให้ข้าพาพวกเจ้าไปสุดยอดเขาเพื่อตามหาแก้วมังกรไม่ใช่รึ ข้ากำลังหาทางอยู่นี่อย่างไร” นายท่านหลันโกรธจนอยากจะฟาดฝ่ามือใส่นางให้ตาย กู้ชูหน่วนพูดอย่างน้อยอกน้อยใจ “ที่แห่งนี้มีทางแยกมากมาย ข้าพยายามหาเส้นทางเต็มที่แล้ว อีกอย่างทุกเส้นทางที่ไป ล้วนแต่ผ่านความเห็นชอบของพวกเจ้าแล้ว นายท่านหลัน เจ้าจะใส่ร้ายว่าข้าจงใจพาพวกเจ้าวกไปวนมาได้อย่างไร” นายท่านหลันหงุดหงิด ทั้งๆ ที่กู้ชูหน่วนจงใจหลอกพวกเขา ทว่านางกลับเอาเหตุผลมาอ้างทุกประโยค แสร้งทำเป็นบริสุทธิ์ ทำให้เขาหาข้อกังขาไม่ได้ ทุกครั้งที่นางจะวนอยู่ที่ทางแยก นางถามพวกเขาก่อนแล้ว แต่นางแทบไม่ให้เวลาเขาดูแผนที่ก็มุ่งหน้าเดินต่อไปแล้ว ผู้อาวุโสระดับสูงหวงเริ่มจะหมดความอดทน พวกเขาวนอยู่ในถ้ำมาครึ่งวันแล้ว ขืนวนต่อไป เรี่ยวแรงที่เหลืออยู่น้อยนิดของพวกเขาก็จะถูกใช้จนหมด ต้องไปถึงยอดเขาให้ได้โดยเร็ว เขาเอ่ยเสียงขรึม พยายามข่มความเหลืออดไว้ในใจ “ยังต้องเดินอีกไกลเพียงใด” “เ
ครั้งนี้ เหล่าผู้อาวุโสของเผ่าเทียนเฝินเองก็ไม่ใจเย็นอีกต่อไปแล้ว อยากจะแทงกู้ชูหน่วนให้ตายเสียเดี๋ยวนั้น ทว่ากู้ชูหน่วนกลับชิงร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหลออกมาเสียก่อน พลางสะอึกสะอื้น "เหล่าสหายทั้งหลาย เป็นข้าเองที่ทำร้ายพวกเจ้า หากรู้แต่แรกว่าที่นี่อันตรายถึงเพียงนี้ หากรู้แต่แรกว่าถ้าบุกเข้ามาจะทำให้พวกเจ้าตายอย่างทรมานที่นี่ ข้ายอมถูกพวกเจ้าตีตายไปเสีย แต่จะไม่ยอมยกกระดิ่งภินวิญญาณให้เด็ดขาด ข้าผิดต่อพวกเจ้า" "ข้าสมควรตาย ข้าทำผิดต่อพวกเจ้า พวกเจ้าฆ่าข้าเสียเถอะ ชีวิตคนมากมายเช่นนี้ คุณพระช่วย...ข้าควรชดใช้เช่นไร" นางร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหล ปวดใจเป็นที่สุด คนของเผ่าเทียนเฝินพลันใจอ่อนฮวบในทันที คนของเผ่าหมอก็คลายความโกรธลงไปไม่น้อย มีเพียงแค่นายท่านกองธงที่กัดฟันกรอด เส้นเลือดสีเขียวปูดจนจะระเบิดออกมา "ในเมื่อเจ้าอยากตายถึงเพียงนี้ เช่นนี้ข้าจะทำให้เจ้าสมหวัง" หัวหน้ากองธงพูดพลางฟาดฝ่ามือไปที่กะโหลกของนาง คนของเผ่าเทียนเฝินมองดูหน้าตาเฉย อยากเห็นว่ากู้ชูหน่วนคิดจะเล่นพิเรนทร์อะไร คิดไม่ถึงว่ากู้ชูหน่วนเพียงแค่ร้องไห้อยู่อย่างนั้น ไม่ขยับเขยื้อน อีกทั้งยังไม่ตอบโต้ ท่าทางรอคว
เหล่าผู้อาวุโสระดับสูงเป็นกังวล ยามนี้พวกเขาต่างก็เจ็บหนัก หากฝืนตามไป ใช่ว่าจะเป็นประโยชน์ เพราะถึงอย่างไรอาการของแต่ละคนก็สาหัสปางตายกันทั้งสิ้น แต่หากไม่ไปแล้วแก้วมังกรถูกชิงไป คิดจะแย่งกลับมา เช่นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แล้ว พวกเขาออกตามหามาหลายปี ใช้คนไปตั้งมากมาย จนมาพบที่ตั้งของแก้วมังกรในที่สุด ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ควรยอมแพ้ กู้ชูหน่วนพิงอยู่ข้างโขดหิน มองดูท่าทีลังเลของพวกเขาอยู่เงียบๆ มุมปากยกยิ้มที่ยากจะสังเกตเห็น แก้วมังกรล่อตาล่อใจเสียขนาดนั้น มีหรือที่พวกเขาจะไม่ติดกับ เป็นอย่างที่นางคิดเอาไว้ คนเหล่านี้กัดฟันเค้นออกมาหนึ่งประโยค "ไป ขึ้นเขาไปดูเสียหน่อย เจ้าก็ไปกับพวกข้าด้วย" กู้ชูหน่วนแสร้งทำเป็นตกใจ "เมื่อครู่พวกท่านเพิ่งรับปากว่าจะให้ข้าออกไปอย่างปลอดภัยไม่ใช่หรือ หรือท่านจะกลับคำพูด" "แผนที่ที่เจ้าให้มามีเพียงครึ่งเดียว นอกเสียจากเจ้าช่วยพวกข้าตามหาอีกครึ่งหรือหาแก้วมังกรพบ ไม่เช่นนั้นอย่าหวังว่าจะได้ไปไหน" "ท่านไม่รักษาคำพูดนี่" "เช่นนั้นเจ้าอยากถูกฝังอยู่ที่นี่หรือไม่" คนของเผ่าเทียนเฝินผลักนางไปด้านหน้า กู้ชูหน่วนทำได้เพียงแค่มุ่งหน้า
ทุกคนต่างก็จ้องไปที่กู้ชูหน่วนด้วยความโกรธ กู้ชูหน่วนผงะถอยหลังไปหลายก้าว พูดด้วยความระวัง "อีกครึ่งถูกชาวเขาตานหุยชิงไป พวกเจ้าจ้องข้าก็ไม่มีประโยชน์ หากข้ามีแผนที่อีกครึ่ง อย่างไรก็ต้องส่งให้พวกเจ้าอยู่ดี" "ชาวเขาตานหุย ?" นายท่านหลันเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง "ใช่แล้ว ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าคิดว่า เหตุใดชาวเขาตานหุยถึงใจเย็นได้ขนาดนั้น รอพวกเจ้าต่อสู้อยู่ด้านนอกตั้งนาน เว้นเสียแต่นอกจากทางลงเขาเส้นนี้ บริเวณปากเขาน้ำเต้ายังมีทางอีกเส้นที่สามารถออกไปจากเขาน้ำเต้าแห่งนี้ได้ หากพวกเขาได้แก้วมังกรแล้ว ก็น่าจะลงเขาไปทางนั้นเลย" นายท่านหลันสงสัยเคลือบแคลงในคำพูดของนางเป็นอย่างยิ่ง"ทุกท่าน สตรีนางนี้ไม่เคยมีความจริงออกจากปากนาง พวกเจ้าอย่าไปเชื่อนางเด็ดขาด" ผู้อาวุโสอวิ๋นสองจิตสองใจ "คนของพวกเราเข้ามาในเขาน้ำเต้า บาดเจ็บเสียหายอย่างหนัก แต่ชาวเขาตานหุยดูเหมือนจะราบรื่นตลอดทาง อีกทั้งยังไม่พบเจออุปสรรคใดๆ เลย" เมื่อผู้อาวุโสอวิ๋นกล่าวเช่นนี้ ผู้อาวุโสจวินก็คิดขึ้นมาได้ "เป็นจริงอย่างที่พูด ตอนนั้นข้ายังสงสัยว่าเหตุใดชาวเขาตานหุยถึงได้โชคดีเพียงนี้ ไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย ยามนี้มาคิด
"เยี่ยเฟิงออกไปจากเขาน้ำเต้าแล้ว" "เจ้าซ่อนสิ่งใดเอาไว้" สีหน้าของกู้ชูหน่วนเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะกลับมานิ่งสงบอย่างรวดเร็ว นางวางมือทั้งสองข้างลง แสร้งทำเป็นพูดด้วยท่าทางสบายๆ ไม่ใส่ใจ "ข้าสตรีอ่อนแอตัวคนเดียว จะมีสิ่งใดในครอบครองได้ ก็แค่กลัวว่าชายฉกรรจ์อย่างพวกเจ้าจะเสียมารยาทกับข้าก็เท่านั้น" คำพูดนี้ของนี้ ไม่มีผู้ใดเชื่อ เพราะสีหน้าที่แสดงออกมาเล็กๆ น้อยๆ ของนางได้หักหลังนางหมดแล้ว ต่อให้นางจะนิ่งเพียงใด ทุกคนก็จับได้อยู่ดี คนของเผ่าหมอพากันเข้ามาล้อมนางเอาไว้ คนของเผ่าเทียนเฝินแม้จะนิ่งดูดาย แต่ก็ไม่ได้คิดจะปล่อยกู้ชูหน่วนไป "นังหนู ข้าขอเตือนเจ้าให้ส่งของมาดีๆ ไม่เช่นนั้น...เหอะ..." คำพูดของนายท่านหลันเต็มไปด้วยความตักเตือน นายท่านหมู่ตานกลับพูดจีบปากจีบคอ "นังเด็กคนนี้แม้จะสกปรกมอมแมมไปบ้าง แต่รูปร่างดีใช้ได้ เอามาใช้อุ่นเตียงแก้ขัดก็น่าจะไม่เลว" "เจ้า...พวกเจ้าคิดจะทำอะไร..." "ข้าบอกพวกเจ้าไว้ก่อน ข้าเป็นถึงหานอ๋องเฟย ขืนพวกเจ้ากล้าทำอะไรข้า หานอ๋องไม่ปล่อยพวกเจ้าไปแน่" "ว่าอย่างไรนะ...เจ้าคือภรรยาของเย่จิ่งหาน เช่นนั้นพวกเราเผ่าเทียนเฝินยิ่
ด้านล่างตีนเขาของเขาน้ำเต้า คนของเผ่าเทียนเฝินและเผ่าหมอลงจากเขาด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส และกองทัพที่แพ้จนหมดสภาพ สีหน้าของพวกเขาต่างก็ไม่สู้ดีนัก ข่มความฉุนเฉียวเอาไว้ เลือดสีแดงสดไหลคดเคี้ยวลงมาจากร่างของพวกเขา ผู้อาวุโสจวินแห่งเผ่าเทียนเฝินเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ "หากคนเผ่าหมอของพวกเจ้าลงมือตั้งแต่แรก พวกเราก็คงไม่ต้องพ่ายแพ้จนมีสภาพเช่นนี้ แล้วปล่อยให้พวกชาวเขาตานหุยได้ประโยชน์ไป" นายท่านหลันยิ้มเยาะ "พวกเจ้าเผ่าเทียนเฝินยังเหลือยอดฝีมือจำนวนไม่น้อยไว้ระวังพวกข้า หากร่วมมือเป็นหนึ่งเดียวกัน ร่วมต่อสู้ด้วยกัน มังกรอสูรขั้นเจ็ดก็ไม่จำเป็นต้องให้พวกข้าลงมือ พวกเจ้าจัดการเองก็ได้แล้ว สุดท้ายแล้ว พวกเจ้าก็ไม่ไว้ใจพวกข้า" ผู้อาวุโสอวิ๋นเฟยเย่มีนิสัยใจร้อนมาแต่ไหนแต่ไร เขาเดือดดาลขึ้นมาทันที "หากพวกข้าเข้าไปพร้อมกัน ทุกคนต่างก็เจ็บหนักกันหมด หลังจากนั้นพวกเจ้าจะได้ถือโอกาสฉกฉวยผลประโยชน์ไปได้ง่ายๆ น่ะสิ" ผู้อาวุโสหวงหนึ่งในผู้อาวุโสระดับสูงติเตียน "พอได้แล้ว แทนที่จะมัวมาพูดมากอยู่ตรงนี้ ไม่สู้คิดหาหนทางว่าจะชิงแก้วมังกรมาจากชาวเขาตานหุยอย่างไรจะดีกว่า" ผู้อาวุโสระดับสูงหวงเอ่ย ก
"โฮ่ว..." "โฮก..." "เฮือก..." นายท่านกองธงเผ่าหมอและมังกรอสูรต่างก็เจ็บหนัก ครั้งนี้ล้วนแต่บาดเจ็บเสียหายกันทั้งคู่ "นายหญิง นายท่านสองคนนั้นเป็นนายท่านจากอีกสองกองธง หนึ่งในนั้นนายท่านเถาฮวาถูกมังกรอสูรโจมตีบาดเจ็บสาหัส อาการปางตาย เกรงว่าคงไม่อาจรอดไปได้แล้ว มังกรอสูรก็เจ็บไม่เบาเช่นกัน กรงเล็บหักไปเล็บหนึ่งแล้ว นายหญิง พวกเราเข้าไปตอนนี้เลยดีหรือไม่" "เจ้าจะรีบไปเกิดใหม่หรืออย่างไร จะร้อนรนกระวนกระวายไปไหน" "แต่ขืนพวกเรายังไม่ไป แล้วแก้วมังกร..." "หากแก้วมังกรชิงไปได้ง่ายเพียงนั้น พวกเจ้าคงได้ไปนานแล้ว ต้องรอถึงตอนนี้อีกรึ เสี่ยวฝูกวง ข้าเห็นปกติเจ้าก็ฉลาดดีอยู่หรอก เหตุใดพอเกี่ยวกับแก้วมังกร เจ้าถึงได้กลายเป็นคนโง่แบบนี้ไปได้" แน่นอนว่าต้องโง่อยู่แล้ว เขาจะไม่กระวนกระวายได้อย่างไร คนทั้งเผ่าต่างก็ตั้งตารอแก้วมังกรเพื่อจะได้ถอนคำสาปเลือด นั่นคือชีวิตนับพันนับหมื่นชีวิต "เจ้ารอดูเถอะ เดี๋ยวพวกเขาก็จะเริ่มการโจมตีครั้งต่อไปแล้ว" ไม่ผิดไปจากที่กู้ชูหน่วนคาดการณ์ไว้ คนของเผ่าหมอและเผ่าเทียนเฝินลงมือโจมตีอีกครั้ง สู้กันสนั่นหวั่นไหว มืดฟ้ามัวดิน
ฮองเฮาฉู่และเยี่ยเฟิงไม่ยอมแยกจากัน กู้ชูหน่วนเปลืองแรงไปมากมายกว่าจะส่งพวกเขาสองคนกลับไปได้ บนฟ้ามีเสียงดังอึกทึกครึกโครมดังไม่หยุด ลมฝนโหมกระหน่ำอย่างต่อเนื่องราวกับพายุรุนแรง ยอดเขาโลหิตน้ำเต้าสั่นสะเทือนเลือนลั่น เพราะความสั่นไหวอย่างแรงของยอดเขาทำให้ลาวาประทุขึ้นมา ซัดกระเซ็นไปบนโขดหิน ดอกไม้ใบหญ้าบนโขดหินที่แสนน่าสงสารจมอยู่ใต้ลาวา นี่คือศึกใหญ่ที่มีเพียงแค่ยอดฝีมืออันดับต้นๆ เท่านั้นที่จะก่อได้ กู้ชูหน่วนเงยหน้าไปมอง กลับพบว่ากลางอากาศมีมังกรไฟตัวสีทองที่ทั้งตัวโชกไปด้วยเลือดกำลังทะยานโลดแล่นพลางกรีดร้องไม่หยุด มังกรตัวใหญ่ยักษ์เพียงแค่สะบัดปลายหาง ยอดเขาลูกเล็กๆ บริเวณใกล้เคียงก็ราบเป็นหน้ากอง ที่น่าตกตะลึงไปกว่านั้นคือ ลูกไฟที่มันพ่นออกมา มีพื้นที่แผ่ขยายไปถึงครึ่งหนึ่งของเขาโลหิตน้ำเต้า คล้ายจะแผดเผาทำลายเขาโลหิตน้ำเต้าทั้งหมดให้สิ้นซาก นอกจากมังกรไฟ ยังมีผู้อาวุโสผมขาวอีกสี่คน ฝูกวงเอ่ย "นายหญิง สี่สุดยอดผู้อาวุโสระดับสูงแห่งเผาเทียนเฝินวิทยายุทธแก่กล้านัก พวกเขาปลีกวิเวกมานานหลายปี น้อยครั้งที่จะเข้ามาข้องเกี่ยวทางโลก คิดไม่ถึงว่าคราวนี้เผ่าเทียนเฝิน