แชร์

บทที่ 222

ผู้เขียน: มู่อวิ๋นเฉิง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-01-03 17:00:00
ตอนที่ชิงชิวเตรียมจะช่วยนางสวมเสื้อผ้า ก็ตั้งใจมองข้อเท้าข้างซ้ายของนางโดยเฉพาะ และขมวดคิ้วเล็กน้อยขึ้นมา พลางกล่าว “ฮูหยิน เท้าข้างนี้ของท่านยังบวมอยู่ แต่เมื่อเทียบกับเมื่อคืนถือว่าดีขึ้นมากแล้ว ข้าน้อยจะใส่ยาให้ท่านอีก เพราะเมื่อคืนข้าน้อยเห็นท่านโหวใส่ยาให้ท่าน จนดูและจำวิธีได้ขึ้นใจแล้วเจ้าค่ะ”

เมิ่งจิ่นเหยาพยักหน้าติดต่อกัน “ได้”

นางไม่อยากรอกู้จิ่งซีกลับมาจากการเลิกงานแล้วค่อยใส่ยาให้นาง เมื่อคืนกู้จิ่งซีใส่ยาให้นาง นางยังรู้สึกไม่สบายใจมาก

“ฮูหยิน ข้าน้อยคลายเสื้อผ้าให้ท่านก่อนนะเจ้าคะ” เมื่อชิงชิวพูดจบ ก็ลงมือคลายเสื้อผ้าให้นาง

เมิ่งจิ่นเหยามึนงง “คลายเสื้อผ้าทำไมหรือ?”

ชิงชิวตอบกลับ “เมื่อคืนตอนท่านหกล้ม แขนมันกระแทก และยังฟกช้ำอยู่เลยเจ้าค่ะ”

เมื่อได้ยิน ท่าทีของเมิ่งจิ่นเหยาก็เปลี่ยนไปทันที และจู่ ๆ น้ำเสียงก็สูงขึ้น “เมื่อคืนท่านโหวก็ช่วยข้าใส่ยาที่แขนด้วยหรือ?”

ทันทีที่ชิงชิวได้ยินน้ำเสียงนี้ ก็รู้ว่านางใส่ใจอะไรอยู่ จึงรีบกล่าวอธิบายว่า “เมื่อคืนข้าน้อยเป็นคนใส่ยาให้เอง เพียงแต่บริเวณข้อเท้าของท่าน ท่านโหวเห็นก็รู้สึกว่าข้าน้อยแค่ลูบยาดองเบา ๆ เท่านั้น ประสิทธิภาพ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 223

    ปลาติดเบ็ดแล้ว?ใบหน้าของเมิ่งจิ่นเหยาเต็มไปด้วยความยินดี และรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย จนนางเกือบจะลุกขึ้นยืนชิงชิวที่อยู่รับใช้กับนางมาหลายปี และรู้ใจกันเป็นอย่างดี จึงคาดเดาการเคลื่อนไหวขั้นต่อไปของนาง ด้วยการตอบสนองอย่างรวดเร็ว ก็รีบเอื้อมมือไปกดไหล่ห้ามไม่ให้นางลุกพรวดขึ้นมาอย่างกะทันหันเมิ่งจิ่นเหยาไม่ทันรู้สึกตัว จึงเงยหน้ามองนาง และดวงตาก็แฝงไปด้วยความสงสัยชิงชิวยิ้มและอธิบายว่า “ฮูหยิน ระวังอาการบาดเจ็บที่เท้าของท่านด้วยเจ้าค่ะ”เมิ่งจิ่นเหยาตกตะลึง ก้มลงมองเท้าข้างซ้ายของตนเองทันที นี่ถึงนึกได้ในภายหลังว่าอาการบาดเจ็บที่เท้าของตนเองยังไม่หายดี แต่ก็แอบดีใจที่ชิงชิวตอบสนองได้ไว มิเช่นนั้นอีกเดี๋ยวหากนางลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว เท้าซ้ายเจ็บลงน้ำหนักไม่ไหว ส่วนอีกข้างหนึ่งก็ยืนไม่มั่นคงแล้วจะล้มลงไปอีกครั้งหนิงตงพยักหน้าอย่างคล้อยตาม “ถูกต้อง ฮูหยินระวังหน่อยนะเจ้าคะ”“ปลาติดเบ็ดไวขนาดนั้นเชียวหรือ?”เมิ่งจิ่นเหยาปรับเสียงให้ร่าเริง ในน้ำเสียงแฝงไปด้วยความขบขัน มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย และมีประกายเจ้าเล่ห์ในดวงตา ราวกับจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ตัวหนึ่งชิงชิวกล่าว “ฮูหยิน สำหรับนักพนั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-03
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 224

    เมิ่งจิ่นเหยาขมวดคิ้วเล็กน้อย เจ็บมันก็เจ็บ แต่ดีขึ้นกว่าเมื่อคืนมากแล้ว นางจึงยังคงอดทนได้สักพักหนึ่ง เมิ่งจิ่นเหยาก็ถาม “จริงสิ เรื่องของเมื่อคืน ไม่ได้ทำให้เกิดความวุ่นวายอะไรใช่หรือไม่?”ชิงชิวส่ายหน้า “ฮูหยินวางใจ เมื่อคืนท่านโหวแค่ให้คนใกล้ชิดของตนเองออกไปตามหาท่านเท่านั้น ไม่มีใครรู้ แม้แต่เซี่ยจู๋ยังไม่รู้เรื่องที่ท่านโหวรอท่านที่ปากประตูเลย ถึงอย่างไรตอนนั้นก็ดึกมาแล้ว ใครจะสนใจประตูใหญ่เล่าเจ้าคะ?”เมิ่งจิ่นเหยาแอบถอนหายใจอย่างโล่งอก เป็นเช่นนี้ก็ดี ครั้งหน้านางกลับมาให้เร็วขึ้นจะดีกว่า มิเช่นนั้นเรื่องไปถึงด้านผู้อาวุโส สุดท้ายมันจะไม่ค่อยดีเท่าใดนักไม่นาน เซี่ยจู๋ก็เข้ามา ในมือยังถือไม้เท้าหนึ่งด้ามไว้ด้วยเมิ่งจิ่นเหยาเห็นเช่นนั้น ไม่จำเป็นต้องเดาเลยว่าไม้เท้าด้ามนี้เอาให้ใคร ในบรรดานาง ชิงชิว และหนิงตงสามคน ก็มีแค่นางคนเดียวที่ขาเป๋ชั่วคราวและสามารถใช้ไม้เท้าได้เซี่ยจู๋ย่อตัวทำความเคารพไปทางนาง จากนั้นก็ส่งไม้เท้ามาให้นาง และกล่าวด้วยเสียงที่ยินดีว่า “ฮูหยิน นี่คือไม้เท้าที่ท่านโหวสั่งให้คนส่งมา บอกว่าท่านข้อเท้าแพลง จะเดินไม่สะดวกเจ้าค่ะ”รอยยิ้มของเมิ่งจิ่นเหย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-03
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 225

    วันต่อมา ตอนช้าตรู่หลังจากที่เมิ่งจิ่นเหยารับประทานอาหารเช้าเสร็จ และกำลังเตรียมจะตามกู้จิ่งซีไปโถงโซ่วอันเพื่อคารวะยามเช้าให้ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ตอนที่นางคิดจะลุกขึ้น กู้จิ่งซีก็ส่งไม้เท้าด้ามหนึ่งมาให้นางเมื่อเห็นเช่นนั้น นางก็แสดงสีหน้าขยะแขยง เพราะใช้ไม้เท้ามาหลายวันแล้ว นางรู้สึกเบื่อหน่าย ในใจปฏิเสธ ตรงปากก็ปฏิเสธ “ไปคารวะยามเช้าให้ผู้อาวุโส และใช้ไม้เท้าเข้าไป จะดูเหมือนอะไรเล่าเจ้าค่ะ?”กู้จิ่งซีเห็นใบหน้าที่ต่อต้านของนาง ก็นึกขึ้นมาได้ว่าปกตินางไม่ชอบใช้ไม้เท้า แต่กลับทำท่าจำเป็นต้องใช้ไม้เท้า ริมฝีปากจึงยกขึ้นเล็กน้อยอย่างยากจะสังเกตเห็น และโน้มน้าวด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “อาการบาดเจ็บที่เท้าของฮูหยินยังไม่หายดี ใช้ไม้เท้าจะดีกว่า”เมิ่งจิ่นเหยาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ยังคงยืนกรานที่จะปฏิเสธ “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ อาการบาดเจ็บที่เท้าใกล้จะหายดีแล้ว ข้าเดินช้าหน่อยก็ได้ และพอเดินไปสองก้าว หากไม่ได้ค่อยใช้ไม้เท้า”เมื่อได้ยิน กู้จิ่งซีก็ไม่บังคับนาง และกล่าวด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “ก็ได้ เช่นนั้นก็เอาตามฮูหยินแล้วกัน” พูดจบ เขาก็ส่งไม้เท้าที่อยู่ในมือให้กับสาวใช้ที่อยู่ข้างกายเมิ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-04
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 226

    สายตาของคนอื่นก็ตกไปอยู่ที่มือของพวกเขาเช่นกัน ด้วยความประหลาดใจ กู้จิ่งซีมีนิสัยเป็นเช่นไร พวกเขาล้วนรู้จักกันดี เขาดูเหมือนจะอบอุ่น แต่ความเป็นจริงกลับเย็นชา และทำให้คนยากจะเข้าใกล้ เคยใกล้ชิดกับสตรีต่อหน้าผู้คนเช่นนี้เสียเมื่อใดกัน? เห็นทีเมิ่งจิ่นเหยาจะไม่ธรรมดา เพราะถึงกลับสามารถสยบกู้จิ่งซีได้เมิ่งจิ่นเหยารู้สึกถึงสายตาที่มีความนัยของทุกคน สีหน้าของนางก็แข็งทื่อ และรับรู้ในภายหลังว่าตนเองยังใช้ไม้เท้ารูปคนอยู่ จึงปล่อยมือลงอย่างเงียบ ๆ จากนั้นเดินไปข้างหน้าเพื่อคารวะยามเช้าให้ฮูหยินผู้เฒ่าอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ลูกสะใภ้คารวะท่านแม่เจ้าค่ะ”กู้จิ่งซีก็โค้งคำนับไปทางฮูหยินผู้เฒ่ากู้เช่นกัน “ลูกคารวะท่านแม่ขอรับ”ฮูหยินผู้เฒ่ากู้มีท่าทีที่อ่อนโยน “เด็กดี ทุกคนมานั่งลงแล้วค่อยคุยกันเถอะ”ทันทีที่นางเปร่งเสียง กู้จิ่งซีก็เอื้อมมือไปพยุงแม่นางน้อยให้นั่งลงตรงเก้าอี้ด้านข้าง การกระทำนั้นคล่องแคล่วอย่างมาก ราวกับเคยทำมานับครั้งไม่ถ้วน นี่ถึงกับทำให้ทุกคนที่อยู่ที่นั่นตกใจกันหมดแม้แต่ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ที่เคยชินกับเหตุการณ์ใหญ่ ๆ ก็ประหลาดใจเล็กน้อย ครั้งก่อนบุตรชายกับลูกสะใภ้เข้ามา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-04
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 227

    ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมา ทุกคนที่อยู่รอบข้างต่างตกใจนางจางจิตใจสั่นสะท้าน เมิ่งจิ่นเหยาแต่งเข้ามาก็สักระยะหนึ่งแล้ว แต่มารดาสามียังไม่เคยพูดถึงเรื่องของอำนาจดูแลเรือนเลย นางคิดว่ามารดาสามีรู้สึกว่าเมิ่งจิ่นเหยาอายุยังน้อย และแบกรับความรับผิดชอบใหญ่ๆ ไม่ไหว ดังนั้นจึงไม่พูดถึงมาโดยตลอด คิดไม่ถึงว่าจะพูดในวันนี้นางเฉินกลับไม่ได้ตกใจมากนัก เพราะเรื่องนี้อยู่ในการคาดเดาแล้ว เพียงแค่เป็นเรื่องช้าหรือเร็วเท่านั้น นางหันไปมองนางจาง และเมื่อเห็นสีหน้าของนางจางที่เปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก นางก็ยิ้มอย่างยากที่จะสังเกตเห็นเดิมทีนางก็เป็นคนที่มารดาสามีขอให้ช่วยนางจางดูแลอำนาจดูแลเรือน เพื่อรักษาสมดุลระหว่างเรือนใหญ่กับเรือนรอง สามีของตนเองก็ไม่ถือว่าธรรมดาจนเกินไป เขาเป็นถึงจางวางกรมพิธีการขั้นห้าของกรมพิธีการ ซึ่งแตกต่างกับตำแหน่งงานระดับต่ำและไม่มีบทบาทสำคัญของเรือนใหญ่ จึงไม่จำเป็นต้องใช้อำนาจดูแลเรือนมารักษาหน้าตาของครอบครัวไม่เพียงแค่สีหน้าของนางจางที่เปลี่ยนไปเท่านั้น แม้แต่สีหน้าของกู้จิ่งเซิ่งก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยเช่นกัน หลังจากเมิ่งจิ่นเหยาแต่งเข้ามา เขาเคยได้ยินการวิเคราะห์ของนางจาง ว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-04
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 228

    นางจางกับนางเฉินขานรับด้วยรอยยิ้ม “เจ้าค่ะ ท่านแม่”หลังจากนั้น ทั้งครอบครัวก็พูดคุยกันไปอีกสักพักหนึ่ง เมื่อฮูหยินผู้เฒ่ากู้เริ่มเหนื่อยแล้ว ถึงจะไล่ให้พวกเขาออกมาทุกคนทยอยออกจากโถงโซ่วอันด้วยความคิดที่แตกต่างกันนางจางกับนางเฉินเดินอยู่ด้วยกัน แม้ยามปกติพี่สะใภ้น้องสะใภ้ทั้งสองจะต่อสู้กันทั้งที่แจ้งและที่ลับ แต่เรื่องอย่างวันนี้ ก็มีเพียงบ่นกันนิดหน่อยอยู่สองคน และจะพูดกับเมิ่งจิ่นเหยาไม่ได้นางจางเหลือบมองไปทางเมิ่งจิ่นเหยาที่เดินกับกู้จิ่งซีอีกทางหนึ่ง และถามเสียงเบาว่า “น้องสะใภ้รอง เจ้าว่าวันนี้น้องสะใภ้สามทำเช่นนี้หมายความว่าเช่นไร? ดูจากที่นางทะเลาะกับบ้านมารดาเสียยกใหญ่ ดูไม่เหมือนจะรับผิดชอบอำนาจดูแลเรือนไม่ได้เลยนะ”เมื่อได้ยิน นางเฉินก็หยุดฝีเท้าลงเล็กน้อย พลางเหลือบมองนางอย่างมีความหมายแฝง และตอบกลับว่า “จะสนใจเรื่องที่นางทำเช่นนี้ทำไมกัน? สำหรับพี่สะใภ้ใหญ่แล้ว ผลลัพธ์ถึงจะเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ใช่หรือเจ้าคะ?”สีหน้านางจางแข็งทื่อในทันที และหัวเราะเสียงเบา “หรือว่าสำหรับน้องสะใภ้รอง ผลลัพธ์นี้ไม่ใช่เรื่องดี?”นางเฉินเม้มริมฝีปากและกล่าวเยาะเย้ย “ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-04
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 229

    เรือนเวยหรุยเซวียนกู้จิ่งซีพยุงแม่นางน้อยกลับมา เดิมทีเขาคิดว่าเดินแบบนี้มันช้าเกินไป และอยากจะแบกคนกลับมาที่เรือนเวยหรุยเซวียน แต่แม่นางน้อยไม่ยินยอม บอกว่าไม่เหมาะสมเดินอืดอาดยืดยาด ในที่สุดก็กลับมาถึงเรือนเวยหรุยเซวียนเมิ่งจิ่นเหยานั่งอยู่บนเก้าอี้ และพักผ่อนด้วยการอิงพนักพิง นางยังคงเป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าระยะห่างของเรือนเวยหรุยเซวียนกับโถงโซ่วอันนั้นยาวไกลยิ่งนัก และการเดินเช่นนี้ก็เหนื่อยมาก ไม่แปลกที่คนพิการขาจะอิจฉาคนที่ขาคล่องแคล่วว่องไวอย่างยิ่งกู้จิ่งซีนั่งลงด้านข้างนาง เมื่อเห็นนางนั่งหมดแรงและขมวดคิ้วอยู่บนเก้าอี้ ก็ยกยิ้มที่มุมปาก พลางเปลี่ยนมาถามว่า “เหตุใดฮูหยินถึงปฏิเสธ?”เมื่อได้ยิน เมิ่งจิ่นเหยาก็เอียงคอมองเขา และถามกลับว่า “ปฏิเสธอะไรเจ้าคะ? ท่านพี่หมายถึงเรื่องดูแลอำนาจดูแลเรือนหรือ?”กู้จิ่งซีส่งเสียง “อืม” อย่างราบเรียบ และวิเคราะห์อย่างเป็นการว่า “ด้วยความสามารถของฮูหยิน และมีความช่วยเหลือจากพี่สะใภ้ทั้งสองท่าน จะสามารถรับผิดชอบได้อยู่แล้ว เหตุใดถึงต้องปฏิเสธด้วยเล่า?”เมิ่งจิ่นเหยาเลิกคิ้วขึ้น หัวเราะคิกคักและกล่าว “นั่นย่อมเป็นเพราะว่าข้าขี้เกียจน่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-05
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 230

    เมิ่งจิ่นเหยายิ้มอย่างน่าเอ็นดูและไร้เดียงสา “ท่านพะพี่ไงเจ้าคะ ทำไมหรือ?”กู้จิ่งซีจุปากเบา ๆ สองครั้ง และกล่าวอย่างอารมณ์ดีทั้งยังน่าขันว่า “นี่ฮูหยินเห็นข้าเป็นบิดาของเจ้าแล้วหรือ? แม้จะอีกแค่นิดเดียว ข้าก็จะกลายเป็นบิดาจริง ๆ เสียแล้ว แต่ฮูหยินยังคงต้องแบ่งแยกอย่างชัดเจน เจ้าไม่ใช่ลูกสะใภ้ของข้า ลูกเนรคุณของข้านั้นหนีงานแต่งงานในวันนั้นแล้ว”เมิ่งจิ่นเหยาส่ายหน้าอย่างรีบร้อน “ที่ใดกัน สามีก็คือสามี จะกลายเป็นบิดาได้อย่างไร? อีกอย่าง คนเป็นบุตรสาวที่ไหน จะนอนกับบิดาด้วยกันทุกคืนเล่าเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีหนังหน้ายิ้มตาไม่ยิ้มออกมา “ก็ใช่”เมิ่งจิ่นเหยา “....”ปากของนางนี้ยังดี ๆ อยู่ เหตุใดจู่ ๆ ถึงเกือบจะพลาดไปเสียได้เล่า?กู้จิ่งซีมองนางอยู่แวบหนึ่ง สีหน้าก็กลับคืนสู่สภาพเดิม และเปลี่ยนมาเข้าเรื่องกันต่อ “เจ้าไม่รับช่วงอำนาจดูแลเรือนก็เป็นเรื่องที่ดีเรื่องหนึ่ง”เมิ่งจิ่นเหยาไม่รู้เหตุผล “หือ?”กู้จิ่งซีกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “เจ้ายังเด็ก ควรจะอยู่ในวัยที่กิน ดื่ม และสนุกสนาน ไม่ควรถูกผูกมัดด้วยงาน หากรับกุมอำนาจดูแลเรือน คงจะเปลี่ยนมาทำงานหนัก งานประจำวันต่าง ๆ แค่ฟังรายงานจากคน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-05

บทล่าสุด

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 232  

    หนิงตงเห็นเช่นนี้ คิดว่าเขายังต้องการหาของชิ้นอื่นอีก ก็สาวเท้าตามไป กลับคิดไม่ถึงว่าจะได้เห็นกล่องไม้แดงใบนั้นเข้า จึงผงะไปทันใด ในใจสบถออกมาว่าไม่ดีแล้ว ทันใดนั้นเอง หนิงตงได้สติกลับมา กลัวว่าเขาจะเห็นของสิ่งนั้นและจะระลึกถึงคน จะคิดถึงแม่นางคนอื่นแล้วจะลืมนายหญิงของพวกนาง ก็รีบเบี่ยงเบนความสนใจของเขา เปล่งเสียงถามทันที “ท่านโหว ท่านยังประสงค์จะหาของชิ้นใดอีกหรือไม่เจ้าคะ? ข้าน้อยจะได้ช่วยท่านหา” “ไม่ต้องแล้ว ข้าเพียงต้องการตามหาม้วนภาพเขียนอักษรนี้เท่านั้น บัดนี้หาเจอแล้ว” กู้จิ่งซีพูดจบ เขาก็ชำเลืองมองกล่องไม้แดงใบนั้นอีกครั้ง ลังเลอยู่เพียงชั่วอึดใจ จากนั้นก็โค้งเอวลงหยิบไปหยิบกล่องไม้ใบนั้นขึ้นมาและนำออกไปพร้อมกัน การกระทำเช่นนี้ทำให้หนิงตงดวงตาเบิกโพลง นางจ้องมองกล่องไม้แดงตาไม่กะพริบ สมองกลายเป็นสีขาวโพลนไปในชั่วขณะ หากนางจำไม่ผิด นี่คือกล่องที่บรรจุเครื่องประดับศีรษะหยกขาวมันแพะชุดนั้นไว้ และเครื่องประดับศีรษะชุดนี้ก็มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะเป็นของที่ท่านโหวคิดจะนำไปมอบให้คนในดวงใจ ทว่าสุดท้ายก็มอบให้ไม่สำเร็จ จึงได้แต่ทิ้งลืมไว้ในห้องเก็บของ และไม่จดบันทึกไว้ใน

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 231  

    กู้จิ่งซีเห็นแม่นางน้อยยิ้มสดใสเจิดจ้า ดวงตาโค้งงอ นัยน์ตาใสดุจผิวคลื่นกำลังสะท้อนประกายแสง มีชีวิตชีวาและสว่างสุกสกาว มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย พลางเอ่ยด้วยเสียงอบอุ่น “ฮูหยิน ข้ายังมีธุระต้องจัดการ เจ้าเล่นคนเดียวไปก่อน” ได้ยินวาจานั้น เมิ่งจิ่นเหยาหวิดจะกลอกตาใส่เขาอย่างอยู่รอมร่อ ดูคำพูดของเขาสิ ทำอย่างกับเขาจะมาเล่นกับตนเองด้วยอย่างไรอย่างนั้น แม้จะคิดแบบนี้อยู่ในใจ แต่ปากของนางกลับเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยนและเข้าอกเข้าใจ “ในเมื่อท่านพี่ยังมีธุระ เช่นนั้นท่านพี่รีบไปจัดการเถิด แล้วตอนเที่ยงจะกลับมารับประทานอาหารเที่ยงด้วยหรือไม่เจ้าคะ? หากว่ากลับมา ข้าจะได้สั่งให้คนครัวทำอาหารที่ท่านพี่โปรดปรานด้วยสักสองอย่าง” กู้จิ่งซีครุ่นคิด ก็ตอบกลับว่า “ตอนเที่ยงคงไม่มีเวลากลับมา ฮูหยินมิต้องคอยข้า” เขาพูดจบ เห็นแม่นางน้อยยับปากคล้ายจะพูดบางอย่างแต่ก็ชะงักไป จึงเอ่ยเสริมขึ้นอีกประโยค “ตอนเย็นข้าจะรีบกลับมากินข้าวพร้อมฮูหยิน” เมิ่งจิ่นเหยา “…” อันที่จริงไม่ต้องรีบกลับมาเพื่อกินข้าวมื้อเย็นกับนางโดยเฉพาะก็ได้ เพราะนางกินข้าวคนเดียวได้อยู่แล้ว ทว่านางมิได้เอ่ยถ้อยคำเช่นนี้ออกไป เพื่อจะไ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 230

    เมิ่งจิ่นเหยายิ้มอย่างน่าเอ็นดูและไร้เดียงสา “ท่านพะพี่ไงเจ้าคะ ทำไมหรือ?”กู้จิ่งซีจุปากเบา ๆ สองครั้ง และกล่าวอย่างอารมณ์ดีทั้งยังน่าขันว่า “นี่ฮูหยินเห็นข้าเป็นบิดาของเจ้าแล้วหรือ? แม้จะอีกแค่นิดเดียว ข้าก็จะกลายเป็นบิดาจริง ๆ เสียแล้ว แต่ฮูหยินยังคงต้องแบ่งแยกอย่างชัดเจน เจ้าไม่ใช่ลูกสะใภ้ของข้า ลูกเนรคุณของข้านั้นหนีงานแต่งงานในวันนั้นแล้ว”เมิ่งจิ่นเหยาส่ายหน้าอย่างรีบร้อน “ที่ใดกัน สามีก็คือสามี จะกลายเป็นบิดาได้อย่างไร? อีกอย่าง คนเป็นบุตรสาวที่ไหน จะนอนกับบิดาด้วยกันทุกคืนเล่าเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีหนังหน้ายิ้มตาไม่ยิ้มออกมา “ก็ใช่”เมิ่งจิ่นเหยา “....”ปากของนางนี้ยังดี ๆ อยู่ เหตุใดจู่ ๆ ถึงเกือบจะพลาดไปเสียได้เล่า?กู้จิ่งซีมองนางอยู่แวบหนึ่ง สีหน้าก็กลับคืนสู่สภาพเดิม และเปลี่ยนมาเข้าเรื่องกันต่อ “เจ้าไม่รับช่วงอำนาจดูแลเรือนก็เป็นเรื่องที่ดีเรื่องหนึ่ง”เมิ่งจิ่นเหยาไม่รู้เหตุผล “หือ?”กู้จิ่งซีกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “เจ้ายังเด็ก ควรจะอยู่ในวัยที่กิน ดื่ม และสนุกสนาน ไม่ควรถูกผูกมัดด้วยงาน หากรับกุมอำนาจดูแลเรือน คงจะเปลี่ยนมาทำงานหนัก งานประจำวันต่าง ๆ แค่ฟังรายงานจากคน

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 229

    เรือนเวยหรุยเซวียนกู้จิ่งซีพยุงแม่นางน้อยกลับมา เดิมทีเขาคิดว่าเดินแบบนี้มันช้าเกินไป และอยากจะแบกคนกลับมาที่เรือนเวยหรุยเซวียน แต่แม่นางน้อยไม่ยินยอม บอกว่าไม่เหมาะสมเดินอืดอาดยืดยาด ในที่สุดก็กลับมาถึงเรือนเวยหรุยเซวียนเมิ่งจิ่นเหยานั่งอยู่บนเก้าอี้ และพักผ่อนด้วยการอิงพนักพิง นางยังคงเป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าระยะห่างของเรือนเวยหรุยเซวียนกับโถงโซ่วอันนั้นยาวไกลยิ่งนัก และการเดินเช่นนี้ก็เหนื่อยมาก ไม่แปลกที่คนพิการขาจะอิจฉาคนที่ขาคล่องแคล่วว่องไวอย่างยิ่งกู้จิ่งซีนั่งลงด้านข้างนาง เมื่อเห็นนางนั่งหมดแรงและขมวดคิ้วอยู่บนเก้าอี้ ก็ยกยิ้มที่มุมปาก พลางเปลี่ยนมาถามว่า “เหตุใดฮูหยินถึงปฏิเสธ?”เมื่อได้ยิน เมิ่งจิ่นเหยาก็เอียงคอมองเขา และถามกลับว่า “ปฏิเสธอะไรเจ้าคะ? ท่านพี่หมายถึงเรื่องดูแลอำนาจดูแลเรือนหรือ?”กู้จิ่งซีส่งเสียง “อืม” อย่างราบเรียบ และวิเคราะห์อย่างเป็นการว่า “ด้วยความสามารถของฮูหยิน และมีความช่วยเหลือจากพี่สะใภ้ทั้งสองท่าน จะสามารถรับผิดชอบได้อยู่แล้ว เหตุใดถึงต้องปฏิเสธด้วยเล่า?”เมิ่งจิ่นเหยาเลิกคิ้วขึ้น หัวเราะคิกคักและกล่าว “นั่นย่อมเป็นเพราะว่าข้าขี้เกียจน่

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 228

    นางจางกับนางเฉินขานรับด้วยรอยยิ้ม “เจ้าค่ะ ท่านแม่”หลังจากนั้น ทั้งครอบครัวก็พูดคุยกันไปอีกสักพักหนึ่ง เมื่อฮูหยินผู้เฒ่ากู้เริ่มเหนื่อยแล้ว ถึงจะไล่ให้พวกเขาออกมาทุกคนทยอยออกจากโถงโซ่วอันด้วยความคิดที่แตกต่างกันนางจางกับนางเฉินเดินอยู่ด้วยกัน แม้ยามปกติพี่สะใภ้น้องสะใภ้ทั้งสองจะต่อสู้กันทั้งที่แจ้งและที่ลับ แต่เรื่องอย่างวันนี้ ก็มีเพียงบ่นกันนิดหน่อยอยู่สองคน และจะพูดกับเมิ่งจิ่นเหยาไม่ได้นางจางเหลือบมองไปทางเมิ่งจิ่นเหยาที่เดินกับกู้จิ่งซีอีกทางหนึ่ง และถามเสียงเบาว่า “น้องสะใภ้รอง เจ้าว่าวันนี้น้องสะใภ้สามทำเช่นนี้หมายความว่าเช่นไร? ดูจากที่นางทะเลาะกับบ้านมารดาเสียยกใหญ่ ดูไม่เหมือนจะรับผิดชอบอำนาจดูแลเรือนไม่ได้เลยนะ”เมื่อได้ยิน นางเฉินก็หยุดฝีเท้าลงเล็กน้อย พลางเหลือบมองนางอย่างมีความหมายแฝง และตอบกลับว่า “จะสนใจเรื่องที่นางทำเช่นนี้ทำไมกัน? สำหรับพี่สะใภ้ใหญ่แล้ว ผลลัพธ์ถึงจะเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ใช่หรือเจ้าคะ?”สีหน้านางจางแข็งทื่อในทันที และหัวเราะเสียงเบา “หรือว่าสำหรับน้องสะใภ้รอง ผลลัพธ์นี้ไม่ใช่เรื่องดี?”นางเฉินเม้มริมฝีปากและกล่าวเยาะเย้ย “ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่น

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 227

    ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมา ทุกคนที่อยู่รอบข้างต่างตกใจนางจางจิตใจสั่นสะท้าน เมิ่งจิ่นเหยาแต่งเข้ามาก็สักระยะหนึ่งแล้ว แต่มารดาสามียังไม่เคยพูดถึงเรื่องของอำนาจดูแลเรือนเลย นางคิดว่ามารดาสามีรู้สึกว่าเมิ่งจิ่นเหยาอายุยังน้อย และแบกรับความรับผิดชอบใหญ่ๆ ไม่ไหว ดังนั้นจึงไม่พูดถึงมาโดยตลอด คิดไม่ถึงว่าจะพูดในวันนี้นางเฉินกลับไม่ได้ตกใจมากนัก เพราะเรื่องนี้อยู่ในการคาดเดาแล้ว เพียงแค่เป็นเรื่องช้าหรือเร็วเท่านั้น นางหันไปมองนางจาง และเมื่อเห็นสีหน้าของนางจางที่เปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก นางก็ยิ้มอย่างยากที่จะสังเกตเห็นเดิมทีนางก็เป็นคนที่มารดาสามีขอให้ช่วยนางจางดูแลอำนาจดูแลเรือน เพื่อรักษาสมดุลระหว่างเรือนใหญ่กับเรือนรอง สามีของตนเองก็ไม่ถือว่าธรรมดาจนเกินไป เขาเป็นถึงจางวางกรมพิธีการขั้นห้าของกรมพิธีการ ซึ่งแตกต่างกับตำแหน่งงานระดับต่ำและไม่มีบทบาทสำคัญของเรือนใหญ่ จึงไม่จำเป็นต้องใช้อำนาจดูแลเรือนมารักษาหน้าตาของครอบครัวไม่เพียงแค่สีหน้าของนางจางที่เปลี่ยนไปเท่านั้น แม้แต่สีหน้าของกู้จิ่งเซิ่งก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยเช่นกัน หลังจากเมิ่งจิ่นเหยาแต่งเข้ามา เขาเคยได้ยินการวิเคราะห์ของนางจาง ว

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 226

    สายตาของคนอื่นก็ตกไปอยู่ที่มือของพวกเขาเช่นกัน ด้วยความประหลาดใจ กู้จิ่งซีมีนิสัยเป็นเช่นไร พวกเขาล้วนรู้จักกันดี เขาดูเหมือนจะอบอุ่น แต่ความเป็นจริงกลับเย็นชา และทำให้คนยากจะเข้าใกล้ เคยใกล้ชิดกับสตรีต่อหน้าผู้คนเช่นนี้เสียเมื่อใดกัน? เห็นทีเมิ่งจิ่นเหยาจะไม่ธรรมดา เพราะถึงกลับสามารถสยบกู้จิ่งซีได้เมิ่งจิ่นเหยารู้สึกถึงสายตาที่มีความนัยของทุกคน สีหน้าของนางก็แข็งทื่อ และรับรู้ในภายหลังว่าตนเองยังใช้ไม้เท้ารูปคนอยู่ จึงปล่อยมือลงอย่างเงียบ ๆ จากนั้นเดินไปข้างหน้าเพื่อคารวะยามเช้าให้ฮูหยินผู้เฒ่าอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ลูกสะใภ้คารวะท่านแม่เจ้าค่ะ”กู้จิ่งซีก็โค้งคำนับไปทางฮูหยินผู้เฒ่ากู้เช่นกัน “ลูกคารวะท่านแม่ขอรับ”ฮูหยินผู้เฒ่ากู้มีท่าทีที่อ่อนโยน “เด็กดี ทุกคนมานั่งลงแล้วค่อยคุยกันเถอะ”ทันทีที่นางเปร่งเสียง กู้จิ่งซีก็เอื้อมมือไปพยุงแม่นางน้อยให้นั่งลงตรงเก้าอี้ด้านข้าง การกระทำนั้นคล่องแคล่วอย่างมาก ราวกับเคยทำมานับครั้งไม่ถ้วน นี่ถึงกับทำให้ทุกคนที่อยู่ที่นั่นตกใจกันหมดแม้แต่ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ที่เคยชินกับเหตุการณ์ใหญ่ ๆ ก็ประหลาดใจเล็กน้อย ครั้งก่อนบุตรชายกับลูกสะใภ้เข้ามา

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 225

    วันต่อมา ตอนช้าตรู่หลังจากที่เมิ่งจิ่นเหยารับประทานอาหารเช้าเสร็จ และกำลังเตรียมจะตามกู้จิ่งซีไปโถงโซ่วอันเพื่อคารวะยามเช้าให้ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ตอนที่นางคิดจะลุกขึ้น กู้จิ่งซีก็ส่งไม้เท้าด้ามหนึ่งมาให้นางเมื่อเห็นเช่นนั้น นางก็แสดงสีหน้าขยะแขยง เพราะใช้ไม้เท้ามาหลายวันแล้ว นางรู้สึกเบื่อหน่าย ในใจปฏิเสธ ตรงปากก็ปฏิเสธ “ไปคารวะยามเช้าให้ผู้อาวุโส และใช้ไม้เท้าเข้าไป จะดูเหมือนอะไรเล่าเจ้าค่ะ?”กู้จิ่งซีเห็นใบหน้าที่ต่อต้านของนาง ก็นึกขึ้นมาได้ว่าปกตินางไม่ชอบใช้ไม้เท้า แต่กลับทำท่าจำเป็นต้องใช้ไม้เท้า ริมฝีปากจึงยกขึ้นเล็กน้อยอย่างยากจะสังเกตเห็น และโน้มน้าวด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “อาการบาดเจ็บที่เท้าของฮูหยินยังไม่หายดี ใช้ไม้เท้าจะดีกว่า”เมิ่งจิ่นเหยาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ยังคงยืนกรานที่จะปฏิเสธ “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ อาการบาดเจ็บที่เท้าใกล้จะหายดีแล้ว ข้าเดินช้าหน่อยก็ได้ และพอเดินไปสองก้าว หากไม่ได้ค่อยใช้ไม้เท้า”เมื่อได้ยิน กู้จิ่งซีก็ไม่บังคับนาง และกล่าวด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “ก็ได้ เช่นนั้นก็เอาตามฮูหยินแล้วกัน” พูดจบ เขาก็ส่งไม้เท้าที่อยู่ในมือให้กับสาวใช้ที่อยู่ข้างกายเมิ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 224

    เมิ่งจิ่นเหยาขมวดคิ้วเล็กน้อย เจ็บมันก็เจ็บ แต่ดีขึ้นกว่าเมื่อคืนมากแล้ว นางจึงยังคงอดทนได้สักพักหนึ่ง เมิ่งจิ่นเหยาก็ถาม “จริงสิ เรื่องของเมื่อคืน ไม่ได้ทำให้เกิดความวุ่นวายอะไรใช่หรือไม่?”ชิงชิวส่ายหน้า “ฮูหยินวางใจ เมื่อคืนท่านโหวแค่ให้คนใกล้ชิดของตนเองออกไปตามหาท่านเท่านั้น ไม่มีใครรู้ แม้แต่เซี่ยจู๋ยังไม่รู้เรื่องที่ท่านโหวรอท่านที่ปากประตูเลย ถึงอย่างไรตอนนั้นก็ดึกมาแล้ว ใครจะสนใจประตูใหญ่เล่าเจ้าคะ?”เมิ่งจิ่นเหยาแอบถอนหายใจอย่างโล่งอก เป็นเช่นนี้ก็ดี ครั้งหน้านางกลับมาให้เร็วขึ้นจะดีกว่า มิเช่นนั้นเรื่องไปถึงด้านผู้อาวุโส สุดท้ายมันจะไม่ค่อยดีเท่าใดนักไม่นาน เซี่ยจู๋ก็เข้ามา ในมือยังถือไม้เท้าหนึ่งด้ามไว้ด้วยเมิ่งจิ่นเหยาเห็นเช่นนั้น ไม่จำเป็นต้องเดาเลยว่าไม้เท้าด้ามนี้เอาให้ใคร ในบรรดานาง ชิงชิว และหนิงตงสามคน ก็มีแค่นางคนเดียวที่ขาเป๋ชั่วคราวและสามารถใช้ไม้เท้าได้เซี่ยจู๋ย่อตัวทำความเคารพไปทางนาง จากนั้นก็ส่งไม้เท้ามาให้นาง และกล่าวด้วยเสียงที่ยินดีว่า “ฮูหยิน นี่คือไม้เท้าที่ท่านโหวสั่งให้คนส่งมา บอกว่าท่านข้อเท้าแพลง จะเดินไม่สะดวกเจ้าค่ะ”รอยยิ้มของเมิ่งจิ่นเหย

DMCA.com Protection Status