แชร์

บทที่ 226

ผู้เขียน: มู่อวิ๋นเฉิง
สายตาของคนอื่นก็ตกไปอยู่ที่มือของพวกเขาเช่นกัน ด้วยความประหลาดใจ กู้จิ่งซีมีนิสัยเป็นเช่นไร พวกเขาล้วนรู้จักกันดี เขาดูเหมือนจะอบอุ่น แต่ความเป็นจริงกลับเย็นชา และทำให้คนยากจะเข้าใกล้ เคยใกล้ชิดกับสตรีต่อหน้าผู้คนเช่นนี้เสียเมื่อใดกัน? เห็นทีเมิ่งจิ่นเหยาจะไม่ธรรมดา เพราะถึงกลับสามารถสยบกู้จิ่งซีได้

เมิ่งจิ่นเหยารู้สึกถึงสายตาที่มีความนัยของทุกคน สีหน้าของนางก็แข็งทื่อ และรับรู้ในภายหลังว่าตนเองยังใช้ไม้เท้ารูปคนอยู่ จึงปล่อยมือลงอย่างเงียบ ๆ จากนั้นเดินไปข้างหน้าเพื่อคารวะยามเช้าให้ฮูหยินผู้เฒ่าอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ลูกสะใภ้คารวะท่านแม่เจ้าค่ะ”

กู้จิ่งซีก็โค้งคำนับไปทางฮูหยินผู้เฒ่ากู้เช่นกัน “ลูกคารวะท่านแม่ขอรับ”

ฮูหยินผู้เฒ่ากู้มีท่าทีที่อ่อนโยน “เด็กดี ทุกคนมานั่งลงแล้วค่อยคุยกันเถอะ”

ทันทีที่นางเปร่งเสียง กู้จิ่งซีก็เอื้อมมือไปพยุงแม่นางน้อยให้นั่งลงตรงเก้าอี้ด้านข้าง การกระทำนั้นคล่องแคล่วอย่างมาก ราวกับเคยทำมานับครั้งไม่ถ้วน นี่ถึงกับทำให้ทุกคนที่อยู่ที่นั่นตกใจกันหมด

แม้แต่ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ที่เคยชินกับเหตุการณ์ใหญ่ ๆ ก็ประหลาดใจเล็กน้อย ครั้งก่อนบุตรชายกับลูกสะใภ้เข้ามา
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 227

    ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมา ทุกคนที่อยู่รอบข้างต่างตกใจนางจางจิตใจสั่นสะท้าน เมิ่งจิ่นเหยาแต่งเข้ามาก็สักระยะหนึ่งแล้ว แต่มารดาสามียังไม่เคยพูดถึงเรื่องของอำนาจดูแลเรือนเลย นางคิดว่ามารดาสามีรู้สึกว่าเมิ่งจิ่นเหยาอายุยังน้อย และแบกรับความรับผิดชอบใหญ่ๆ ไม่ไหว ดังนั้นจึงไม่พูดถึงมาโดยตลอด คิดไม่ถึงว่าจะพูดในวันนี้นางเฉินกลับไม่ได้ตกใจมากนัก เพราะเรื่องนี้อยู่ในการคาดเดาแล้ว เพียงแค่เป็นเรื่องช้าหรือเร็วเท่านั้น นางหันไปมองนางจาง และเมื่อเห็นสีหน้าของนางจางที่เปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก นางก็ยิ้มอย่างยากที่จะสังเกตเห็นเดิมทีนางก็เป็นคนที่มารดาสามีขอให้ช่วยนางจางดูแลอำนาจดูแลเรือน เพื่อรักษาสมดุลระหว่างเรือนใหญ่กับเรือนรอง สามีของตนเองก็ไม่ถือว่าธรรมดาจนเกินไป เขาเป็นถึงจางวางกรมพิธีการขั้นห้าของกรมพิธีการ ซึ่งแตกต่างกับตำแหน่งงานระดับต่ำและไม่มีบทบาทสำคัญของเรือนใหญ่ จึงไม่จำเป็นต้องใช้อำนาจดูแลเรือนมารักษาหน้าตาของครอบครัวไม่เพียงแค่สีหน้าของนางจางที่เปลี่ยนไปเท่านั้น แม้แต่สีหน้าของกู้จิ่งเซิ่งก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยเช่นกัน หลังจากเมิ่งจิ่นเหยาแต่งเข้ามา เขาเคยได้ยินการวิเคราะห์ของนางจาง ว

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 228

    นางจางกับนางเฉินขานรับด้วยรอยยิ้ม “เจ้าค่ะ ท่านแม่”หลังจากนั้น ทั้งครอบครัวก็พูดคุยกันไปอีกสักพักหนึ่ง เมื่อฮูหยินผู้เฒ่ากู้เริ่มเหนื่อยแล้ว ถึงจะไล่ให้พวกเขาออกมาทุกคนทยอยออกจากโถงโซ่วอันด้วยความคิดที่แตกต่างกันนางจางกับนางเฉินเดินอยู่ด้วยกัน แม้ยามปกติพี่สะใภ้น้องสะใภ้ทั้งสองจะต่อสู้กันทั้งที่แจ้งและที่ลับ แต่เรื่องอย่างวันนี้ ก็มีเพียงบ่นกันนิดหน่อยอยู่สองคน และจะพูดกับเมิ่งจิ่นเหยาไม่ได้นางจางเหลือบมองไปทางเมิ่งจิ่นเหยาที่เดินกับกู้จิ่งซีอีกทางหนึ่ง และถามเสียงเบาว่า “น้องสะใภ้รอง เจ้าว่าวันนี้น้องสะใภ้สามทำเช่นนี้หมายความว่าเช่นไร? ดูจากที่นางทะเลาะกับบ้านมารดาเสียยกใหญ่ ดูไม่เหมือนจะรับผิดชอบอำนาจดูแลเรือนไม่ได้เลยนะ”เมื่อได้ยิน นางเฉินก็หยุดฝีเท้าลงเล็กน้อย พลางเหลือบมองนางอย่างมีความหมายแฝง และตอบกลับว่า “จะสนใจเรื่องที่นางทำเช่นนี้ทำไมกัน? สำหรับพี่สะใภ้ใหญ่แล้ว ผลลัพธ์ถึงจะเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ใช่หรือเจ้าคะ?”สีหน้านางจางแข็งทื่อในทันที และหัวเราะเสียงเบา “หรือว่าสำหรับน้องสะใภ้รอง ผลลัพธ์นี้ไม่ใช่เรื่องดี?”นางเฉินเม้มริมฝีปากและกล่าวเยาะเย้ย “ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่น

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 229

    เรือนเวยหรุยเซวียนกู้จิ่งซีพยุงแม่นางน้อยกลับมา เดิมทีเขาคิดว่าเดินแบบนี้มันช้าเกินไป และอยากจะแบกคนกลับมาที่เรือนเวยหรุยเซวียน แต่แม่นางน้อยไม่ยินยอม บอกว่าไม่เหมาะสมเดินอืดอาดยืดยาด ในที่สุดก็กลับมาถึงเรือนเวยหรุยเซวียนเมิ่งจิ่นเหยานั่งอยู่บนเก้าอี้ และพักผ่อนด้วยการอิงพนักพิง นางยังคงเป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าระยะห่างของเรือนเวยหรุยเซวียนกับโถงโซ่วอันนั้นยาวไกลยิ่งนัก และการเดินเช่นนี้ก็เหนื่อยมาก ไม่แปลกที่คนพิการขาจะอิจฉาคนที่ขาคล่องแคล่วว่องไวอย่างยิ่งกู้จิ่งซีนั่งลงด้านข้างนาง เมื่อเห็นนางนั่งหมดแรงและขมวดคิ้วอยู่บนเก้าอี้ ก็ยกยิ้มที่มุมปาก พลางเปลี่ยนมาถามว่า “เหตุใดฮูหยินถึงปฏิเสธ?”เมื่อได้ยิน เมิ่งจิ่นเหยาก็เอียงคอมองเขา และถามกลับว่า “ปฏิเสธอะไรเจ้าคะ? ท่านพี่หมายถึงเรื่องดูแลอำนาจดูแลเรือนหรือ?”กู้จิ่งซีส่งเสียง “อืม” อย่างราบเรียบ และวิเคราะห์อย่างเป็นการว่า “ด้วยความสามารถของฮูหยิน และมีความช่วยเหลือจากพี่สะใภ้ทั้งสองท่าน จะสามารถรับผิดชอบได้อยู่แล้ว เหตุใดถึงต้องปฏิเสธด้วยเล่า?”เมิ่งจิ่นเหยาเลิกคิ้วขึ้น หัวเราะคิกคักและกล่าว “นั่นย่อมเป็นเพราะว่าข้าขี้เกียจน่

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 230

    เมิ่งจิ่นเหยายิ้มอย่างน่าเอ็นดูและไร้เดียงสา “ท่านพะพี่ไงเจ้าคะ ทำไมหรือ?”กู้จิ่งซีจุปากเบา ๆ สองครั้ง และกล่าวอย่างอารมณ์ดีทั้งยังน่าขันว่า “นี่ฮูหยินเห็นข้าเป็นบิดาของเจ้าแล้วหรือ? แม้จะอีกแค่นิดเดียว ข้าก็จะกลายเป็นบิดาจริง ๆ เสียแล้ว แต่ฮูหยินยังคงต้องแบ่งแยกอย่างชัดเจน เจ้าไม่ใช่ลูกสะใภ้ของข้า ลูกเนรคุณของข้านั้นหนีงานแต่งงานในวันนั้นแล้ว”เมิ่งจิ่นเหยาส่ายหน้าอย่างรีบร้อน “ที่ใดกัน สามีก็คือสามี จะกลายเป็นบิดาได้อย่างไร? อีกอย่าง คนเป็นบุตรสาวที่ไหน จะนอนกับบิดาด้วยกันทุกคืนเล่าเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีหนังหน้ายิ้มตาไม่ยิ้มออกมา “ก็ใช่”เมิ่งจิ่นเหยา “....”ปากของนางนี้ยังดี ๆ อยู่ เหตุใดจู่ ๆ ถึงเกือบจะพลาดไปเสียได้เล่า?กู้จิ่งซีมองนางอยู่แวบหนึ่ง สีหน้าก็กลับคืนสู่สภาพเดิม และเปลี่ยนมาเข้าเรื่องกันต่อ “เจ้าไม่รับช่วงอำนาจดูแลเรือนก็เป็นเรื่องที่ดีเรื่องหนึ่ง”เมิ่งจิ่นเหยาไม่รู้เหตุผล “หือ?”กู้จิ่งซีกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “เจ้ายังเด็ก ควรจะอยู่ในวัยที่กิน ดื่ม และสนุกสนาน ไม่ควรถูกผูกมัดด้วยงาน หากรับกุมอำนาจดูแลเรือน คงจะเปลี่ยนมาทำงานหนัก งานประจำวันต่าง ๆ แค่ฟังรายงานจากคน

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 231  

    กู้จิ่งซีเห็นแม่นางน้อยยิ้มสดใสเจิดจ้า ดวงตาโค้งงอ นัยน์ตาใสดุจผิวคลื่นกำลังสะท้อนประกายแสง มีชีวิตชีวาและสว่างสุกสกาว มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย พลางเอ่ยด้วยเสียงอบอุ่น “ฮูหยิน ข้ายังมีธุระต้องจัดการ เจ้าเล่นคนเดียวไปก่อน” ได้ยินวาจานั้น เมิ่งจิ่นเหยาหวิดจะกลอกตาใส่เขาอย่างอยู่รอมร่อ ดูคำพูดของเขาสิ ทำอย่างกับเขาจะมาเล่นกับตนเองด้วยอย่างไรอย่างนั้น แม้จะคิดแบบนี้อยู่ในใจ แต่ปากของนางกลับเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยนและเข้าอกเข้าใจ “ในเมื่อท่านพี่ยังมีธุระ เช่นนั้นท่านพี่รีบไปจัดการเถิด แล้วตอนเที่ยงจะกลับมารับประทานอาหารเที่ยงด้วยหรือไม่เจ้าคะ? หากว่ากลับมา ข้าจะได้สั่งให้คนครัวทำอาหารที่ท่านพี่โปรดปรานด้วยสักสองอย่าง” กู้จิ่งซีครุ่นคิด ก็ตอบกลับว่า “ตอนเที่ยงคงไม่มีเวลากลับมา ฮูหยินมิต้องคอยข้า” เขาพูดจบ เห็นแม่นางน้อยยับปากคล้ายจะพูดบางอย่างแต่ก็ชะงักไป จึงเอ่ยเสริมขึ้นอีกประโยค “ตอนเย็นข้าจะรีบกลับมากินข้าวพร้อมฮูหยิน” เมิ่งจิ่นเหยา “…” อันที่จริงไม่ต้องรีบกลับมาเพื่อกินข้าวมื้อเย็นกับนางโดยเฉพาะก็ได้ เพราะนางกินข้าวคนเดียวได้อยู่แล้ว ทว่านางมิได้เอ่ยถ้อยคำเช่นนี้ออกไป เพื่อจะไ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 232  

    หนิงตงเห็นเช่นนี้ คิดว่าเขายังต้องการหาของชิ้นอื่นอีก ก็สาวเท้าตามไป กลับคิดไม่ถึงว่าจะได้เห็นกล่องไม้แดงใบนั้นเข้า จึงผงะไปทันใด ในใจสบถออกมาว่าไม่ดีแล้ว ทันใดนั้นเอง หนิงตงได้สติกลับมา กลัวว่าเขาจะเห็นของสิ่งนั้นและจะระลึกถึงคน จะคิดถึงแม่นางคนอื่นแล้วจะลืมนายหญิงของพวกนาง ก็รีบเบี่ยงเบนความสนใจของเขา เปล่งเสียงถามทันที “ท่านโหว ท่านยังประสงค์จะหาของชิ้นใดอีกหรือไม่เจ้าคะ? ข้าน้อยจะได้ช่วยท่านหา” “ไม่ต้องแล้ว ข้าเพียงต้องการตามหาม้วนภาพเขียนอักษรนี้เท่านั้น บัดนี้หาเจอแล้ว” กู้จิ่งซีพูดจบ เขาก็ชำเลืองมองกล่องไม้แดงใบนั้นอีกครั้ง ลังเลอยู่เพียงชั่วอึดใจ จากนั้นก็โค้งเอวลงหยิบไปหยิบกล่องไม้ใบนั้นขึ้นมาและนำออกไปพร้อมกัน การกระทำเช่นนี้ทำให้หนิงตงดวงตาเบิกโพลง นางจ้องมองกล่องไม้แดงตาไม่กะพริบ สมองกลายเป็นสีขาวโพลนไปในชั่วขณะ หากนางจำไม่ผิด นี่คือกล่องที่บรรจุเครื่องประดับศีรษะหยกขาวมันแพะชุดนั้นไว้ และเครื่องประดับศีรษะชุดนี้ก็มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะเป็นของที่ท่านโหวคิดจะนำไปมอบให้คนในดวงใจ ทว่าสุดท้ายก็มอบให้ไม่สำเร็จ จึงได้แต่ทิ้งลืมไว้ในห้องเก็บของ และไม่จดบันทึกไว้ใน

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 233  

    บรรยากาศจมดิ่งสู่ความเงียบสงัด หนิงตงเห็นนายหญิงของตนเองเงียบเชียบไม่เอ่ยวาจา ก็คิดว่านางจะรู้สึกอึดอัดทุกข์ใจ เอ่ยวาจาปลอบโยนเสียงตะกุกตะกัก “ฮูหยิน ท่าน…ท่านอย่าทุกข์ใจไปเลย” เมิ่งจิ่นเหยาส่งเสียงออกมาเบา ๆ “หืม?” หนิงตงสงบสติให้มั่นคง และเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นมั่นใจยิ่งขึ้น “ฮูหยินเจ้าคะ ท่านเป็นฮูหยินเอก ไม่ว่าอย่างไรสตรีคนนั้นก็ไม่มีทางจะเหนือกว่าท่านไปได้เจ้าค่ะ ยิ่งไปกว่านั้นนางก็น่าจะแต่งเป็นสะใภ้ของคนอื่นไปแล้วเจ้าค่ะ” เมิ่งจิ่นเหยายกยิ้ม พลางหัวเราะออกมาเบา ๆ “คิดอะไรอยู่? ข้าไม่ได้ทุกข์ใจ” เห็นพวกนางดูเหมือนจะไม่เชื่อ นางก็เสริมขึ้นอีกหนึ่งประโยค “ข้าพูดความจริง ข้ามิได้ทุกข์ใจ” ดูจากประโยคนี้ ไม่ว่าจะฟังอย่างไรกลับยิ่งรู้สึกเหมือนต้องการจะปกปิดบางอย่างไว้ สาวใช้สองคนต่างมองหน้าสบตากัน ก็รู้สึกตรงกันว่าฮูหยินปากไม่ตรงกับใจ ท่านโหวนำของแทนใจที่มิอาจมอบให้แสงจันทรากระจ่างฟ้าออกมาจากห้องเก็บของ และนำไปเก็บไว้ในห้องหนังสือ สิ่งของที่อยู่ในห้องหนังสือนอกจากตำราและสี่สิ่งล้ำค่าแล้ว ก็มีเพียงวัตถุที่ค่อนข้างมีคุณค่าราคาแพง เครื่องประดับศีรษะชุดนั้นท่านโหวหวงแหนดุจ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 234

    ชิงชิวมองเงาแผ่นหลังของนาง ก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกในใจ ตอนแรกฮูหยินยังบอกว่าหนิงตง จิตใจมั่นคงขึ้นไม่น้อยแล้ว บัดนี้ดูเหมือนว่าจะยังมั่นคงไม่มากพอ ยังคงแสดงอารมณ์ออกมาง่ายดายเกินไปภายหลังจากนั้น เมิ่งจิ่นเหยาก็เรียกหนิงตงมาพบ เพื่อจะตำหนิอย่างจริงจัง ดึงสีหน้าบึ้งตึงพร้อมดุด้วยเสียงขรึม “หนิงตง ปกติข้าตามใจเจ้ามากเกินไปแล้วหรือกระไร? นับวันยิ่งกล้าหาญ ต่อหน้าเจ้านายยังบังอาจไม่เคารพยำเกรง กฎระเบียบที่เจ้าเรียนมาลืมไปหมดแล้วหรือ?”หนิงตงขอบตาแดงก่ำ สะอึกสะอื้นพลางเอ่ยว่า “ฮูหยิน ข้าน้อยรู้สึกหงุดหงิดถะ…ถึงได้ทำไปเช่นนั้นเจ้าค่ะ”เมิ่งจิ่นเหยาสีหน้าเยียบเย็น “ข้ายังไม่โกรธ แล้วเจ้าจะโกรธอะไร?”นางสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง แล้วเอ่ยด้วยเสียงเคร่งขรึมออกมา “อย่าลืมว่าการสมรสครั้งนี้ข้านายหญิงของเจ้าได้มาอย่างไร เขาถูกบังคับให้สมรสกับข้า ก่อนที่เขาจะสมรสกับข้าก็มิได้มีใจให้ข้า จะมีดรุณีที่ใจหมายปองแต่มิได้ครอบครองนั่นก็เป็นเรื่องปกติมิใช่หรือ? แน่นอน ใครขอให้เขาอบรมสั่งสอนบุตรชายไม่ถูกวิธีเล่า ในเมื่อบุตรก่อกรรมทำผิดบิดาย่อมจำเป็นต้องชดใช้ และตัวเขาเองก็มิได้ปฏิเสธจะรับข้าเป็นภรรยาด้วย”

บทล่าสุด

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 340

    กู้จิ่งซีค่อนข้างประหลาดใจ “เจ้าใช้วิธีใด ถึงทำให้เขารับสารภาพเร็วขนาดนั้น?”ฉีอวิ้นเหวินหยักไหล่ หัวเราะพลางกล่าว “นั่นไม่ใช่ความดีความชอบของข้า เมื่อวานมีแม่นางคนหนึ่งมาพบเขา ไม่รู้พูดอะไร เขาก็รับสารภาพแล้ว”เมื่อได้ยิน กู้จิ่งซีก็ขมวดคิ้วแน่น และสัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติบางอย่าง “แม่นางผู้นั้นรู้ได้อย่างไรว่าเขาถูกจับตัว?”ฉีอวิ้นเหวินเหลือบมองเขาด้วยสายตาแปลก ๆ และถามกลับว่า “โจรขโมยหญิงงามที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ และชั่วร้ายถูกจับตัวได้แล้ว เป็นเรื่องที่ใหญ่มาก เมื่อคืนข่าวนี้แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวงแล้ว หรือว่าเจ้าไม่รู้หรือ? ก็จริง น้องสะใภ้ป่วยแล้ว เจ้าไม่มีกระจิตกระใจจะสนใจเรื่องอื่นก็ปกติ”กู้จิ่งซีปรากฏสายตาที่รู้ทันออกมาฉีอวิ้นเหวินกล่าวอีกว่า “ข้าเห็นแม่นางผู้นั้นแต่งกายเป็นสาวชาวยุทธจักร ซึ่งน่าจะเป็นชาวยุทธจักร และคาดว่าจะมีความเกี่ยวข้องอะไรกับเขา แต่ว่าเรื่องนี้ไม่สำคัญมากนัก เพราะตอนนี้ไขคดีได้ก็พอแล้ว”......จวนฉางซินโหวกู้ซิวหมิงมาคารวะยามเช้าให้เมิ่งจิ่นเหยา เขามาสายก้าวหนึ่ง กู้จิ่งซีเพิ่งออกไป เขาก็เพิ่งจะมาถึงนับตั้งแต่การกักบริเวณสิ้นสุดลง ตราบใดที

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 339

    เมิ่งจิ่นเหยาก็ไม่ปิดบัง และเล่าเรื่องที่พบหญิงวัยกลางคนในวัดหลินอวิ๋นเมื่อวานตอนบ่ายให้ฟังรอบหนึ่งพูดถึงช่วงสุดท้าย นางก็หัวเราะออกมาเบา ๆ “สวรรค์มีตาจริง ๆ จู่ ๆ ข้าก็ฉุกคิดอยากจะไปจุดธูปให้ท่านแม่ที่โถงหว่างเซิงของวัดหลิงอวิ๋น จึงได้พบอดีตบ่าวรับใช้ของท่านแม่ ท่านป้าท่านนั้นป่วยหนักมาก และเหลือเวลาไม่มากแล้ว หากเมื่อวานข้าไม่ได้ไปเจอนางที่วัดหลิงอวิ๋น ความลับนั้นคาดว่าข้าจะไม่มีทางรู้ไปตลอดกาลเจ้าค่ะ”กู้จิ้งซีสีหน้ามืดมนลง พลางละอายใจต่อวิธีที่พ่อตานั้นทำอย่างมาก แม้จะแต่งงานตามคำสั่งของบิดามารดาและการจับคู่ของแม่สื่อ พลางไม่มีความรักระหว่างชายหญิงต่อแม่ยายเขา จะปิดบังความจริงเพราะรู้สึกผิดก็ช่าง ยังปล่อยให้มารดาและแม่เลี้ยงปฏิบัติต่อบุตรสาวที่บริสุทธิ์อย่างรุนแรงอีกเขาเห็นแม่นางน้อยที่โกรธแค้นผสมปนเปกัน ก็ตบหลังมือของแม่นางน้อยเหมือนจะปลอบใจ และกล่าวอย่างเป็นนัยว่า “ฮูหยิน วิญญาณของแม่ยายที่อยู่บนสวรรค์จะไม่ปล่อยพวกเขาไปแน่”เมื่อได้ยิน สีหน้าของเมิ่งจิ่นเหยาก็ชะงักไป พลางสบตาเข้ากับสายตาที่มีความหมายลึกซึ้งของเขา ก็เข้าใจความหมายของเขา และยกรอยยิ้มที่อันตรายขึ้น “จริงด้วย

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 338

    เมิ่งจิ่นเหยาถามเสียงเบาว่า “ท่านหมอ เป็นอย่างไรบ้าง?”หมอประจำจวนเก็บนิ้วมือทั้งสามข้อที่อยู่บนแขนของเมิ่งจิ่นเหยากลับลงไป พลางตอบกลับ “ฮูหยิน ท่านมีปมในใจจนเกิดอาการซึมเศร้า แถมยังได้รับความเย็นเกินไปอีก จึงทำให้จู่ ๆ ก็ไข้ขึ้นสูง และจำเป็นต้องใช้ยาคลายเครียดเสียหน่อยก็จะดีขึ้นขอรับ”เมิ่งจิ่นเหยาพยักหน้า “รบกวนท่านหมอแล้ว”“ไม่รบกวนขอรับ” หมอประจำจวนรีบส่ายหน้า และกล่าวอีกว่า “แต่ว่า ฮูหยินร่างกายอ่อนแอ ควรจะบำรุงร่างกายให้ดีตั้งแต่ยังสาวถึงจะได้นะขอรับ”มิ่งจิ่นเหยาฟังจบ ก็ไม่แปลกใจแม้แต่น้อย เพราะนางรู้มาโดยตลอดว่าตนเองร่างกายอ่อนแอ เจ็บป่วยง่าย โดยเฉพาะช่วงที่อากาศเย็น หากไม่ระวังนิดหน่อยก็จะเป็นหวัด เมื่อก่อนตอนอยู่บ้านมารดา นางไม่มีความพร้อมที่จะดูแลตนเอง ตอนนี้อยู่บ้านสามี นางใส่ใจเรื่องการกินมากขึ้น และได้ดื่มน้ำแกงบำรุงร่างกายอยู่เป็นประจำ ช่วงนี้นางจึงรู้สึกดีมาก สีหน้าก็ดูดีขึ้นแล้วนางกล่าวเสียงอ่อนโยน “ปกติข้าก็ดูแลตนเองอยู่แล้ว รบกวนท่านหมอจัดยาคลายเครียดให้ข้าก็พอ”หมอประจำจวนฟังจบ ก็จ่ายยาคลายเครียดให้นาง และให้สาวใช้ตามเขาไปเอายากลับมาต้มหลังหมอประจำจวนจากไป

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 337

    บนรถม้าชิงชิวกับหนิงตงที่แทบไม่ได้นอนทั้งคืนนั่งพิงกัน และเผลอหลับไปเมิ่งจิ่นเหยาหายป่วยได้ไม่นาน ยังรู้สึกมึนศีรษะ คนทั้งคนก็หมดเรี่ยวแรง จึงเอนหลังพิงผนังรถม้าและหลับตาพักสมองทันใดนั้น รถม้าก็สั่นสะเทือน ท้ายทอยของนางกระแทกเล็กน้อย จึงรีบนั่งตัวตรง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ศีรษะกระแทกอีกกู้จิ่งซีเห็นแม่นางน้อยขมวดคิ้ว พยายามฝืนให้มีชีวิตชีวาขึ้น นั่งตัวหลังตรง ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงยื่นมือโอบนางเข้ามาในอ้อมแขน และให้นางพิงหน้าอกของตนเอง เมื่อสบตาเข้ากับสายตาที่ตกใจของนาง ก็กล่าวด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “หากฮูหยิน อ่อนเพลีย ก็พิงข้าแล้วนอนเสียเถอะ”ตอนนี้เมิ่งจิ่นเหยารู้สึกทั้งตัวไม่มีแรง ศีรษะยังมึน ๆ อยู่ จึงไม่เกรงใจเขา และพิงอยู่บนตัวเขาด้วยความสบายใจอย่าดูถูกแม้กู้จิ่งซีดูจะตัวไม่ใหญ่มาก แต่หน้าอกกว้างใหญ่ พิงอยู่บนตัวเขาอบอุ่นสบายตัว แถมได้กลิ่นดอกกล้วยไม้ที่หอมละมุนจากตัวของเขา ก็รู้สึกสบายใจอย่างอธิบายไม่ถูก แต่กลับไม่มีอาการง่วงเลยบางทีเพราะถูกผู้ชายกอดไว้ในอ้อมแขนเช่นนี้ เลยรู้สึกไม่คุ้นชินหรืออาจเป็นเพราะได้ยินเสียงหัวใจของเขาเต้นตึกตักอยู่ข้างหู มันดังก้องอยู่ที่หู

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 336

    ท่าทางที่ดูป่วยเช่นนี้ ดูน่าเป็นห่วงยิ่งนักคนที่มีไข้ขึ้นสูง ไม่ควรห่มผ้าจนอบอ้าว ไม่เช่นนั้นอาการป่วยจะแย่ลง เขาจึงเปิดผ้าห่มบางออกให้แม่นางน้อยผ่านไปไม่นาน หนิงตงก็ยกอ่างน้ำอุ่นมาด้วยความรีบร้อน โชคดีที่วัดหลิงอวิ๋นมีคนเข้ามาสักการะอย่างเนืองแน่น ปกติจะมีผู้แสวงบุญมาค้างคืน และมีผู้แสวงบุญจำนวนไม่น้อยที่มาจากครอบครัวร่ำรวย ดังนั้นเพื่อความสะดวกสบายของแขก ตอนกลางคืนภายในวัดก็มีกักเก็บน้ำร้อนไว้หนิงตงวางอ่างทองแดง พลางถาม “ท่านโหว น้ำอุ่นยกเข้ามาแล้ว ต้องทำอย่างไรหรือเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีตอบกลับ “เช็ดหน้าผาก คอ รักแร้ และแขนขาให้ฮูหยินเพื่อระบายความร้อน”หนิงตงตอบรับ ยกอ่างทองแดงมาข้างหน้าทันที พลางวางอ่างน้ำไว้บนเก้าอี้ที่อยู่หน้าเตียง และเตรียมจะถอดเสื้อผ้าให้นายหญิง ก็มองไปทางกู้จิ่งซีโดยไม่รู้ตัว พบว่าเขาหันหลังให้พวกนาง นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างโต๊ะน้ำชาเมื่อเห็นดังนั้น หนิงตงก็ตกตะลึงเล็กน้อย และแอบพูดในใจว่า ท่านโหวเป็นสุภาพบุรุษจริง ๆ แม้จะเป็นสามีภรรยากับฮูหยิน ก็ไม่ได้ฉวยโอกาสเอาเปรียบหนิงตงไม่คิดอะไรมาก ก็ถอดเสื้อผ้าให้เมิ่งจิ่นเหยาด้วยความเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว และเช็ดตั

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 335

    ในวินาทีนั้น เมิ่งจิ่นเหยาทำจิตใจให้สงบ ก้มหน้าลงมอง เห็นว่าบาดแผลที่มือซ้ายใช้ผ้าพันแผลพันไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อมองเพียงแวบแรกดูท่าทางเหมือนว่าบาดเจ็บสาหัส จึงกล่าวออกมาอย่างอดไม่ได้ว่า “ตอนนี้เลือดไม่ซึมออกมาแล้ว อันที่จริงไม่พันแผลก็ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ”กู้จิ่งซีเหลือบมองนาง พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ถึงแม้ไม่ใช่บาดแผลสาหัส แต่หากไม่พันแผล เมื่อชนหรือกระแทกเข้าโดยไม่ระวังแล้วเลือดไหลออกมาอีก ไม่เป็นผลดีต่อการฟื้นตัว โดยเฉพาะบาดแผลที่ข้อศอก เนื้อผ้าเสียดสีก็อาจเจ็บได้เช่นกัน”เมิ่งจิ่นเหยาตะลึงเล็กน้อย แล้วพยักหน้าในทันทีหลังจากนั้นไม่นาน นางก็ถูกมือของกู้จิ่งซีดึงดูดความสนใจไป มือคู่นั้นเรียวยาวและขาวสะอาด ข้อต่อชัดเจน ราวกับหยกขาวที่แกะสลักอย่างประณีต ดูแล้วสบายตาสบายใจนักเมื่อหลุดออกจากความคิด นางก็ใจลอยอีกครั้งผ่านไปเป็นเวลานาน กู้จิ่งซีช่วยนางพันแผลจนเสร็จ และปล่อยมือของนาง เมื่อเห็นว่ามือขวาของนางยังยกอยู่ ก็กล่าวว่า “ฮูหยิน เสร็จแล้ว”แต่เมิ่งจิ่นเหยาดูเหมือนจะไม่ได้ยินคำพูดของเขา เขาจึงเรียกอีกครั้ง “ฮูหยิน?”เวลานี้ เมิ่งจิ่นเหยาถึงค่อย ๆ ได้สติกลับมา และพบกับส

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 334

    เขากำลังเตรียมจะปลอบโยนนางสักหลายประโยค ทำให้อารมณ์ของแม่นางน้อยสงบลง แล้วค่อยถามให้ชัดเจนอีกครั้งว่าเกิดอันใดขึ้นกันแน่ ทว่าเวลานี้ หนิงตงได้ยกอ่างน้ำสะอาดเข้ามา เขาจึงกลืนคำพูดที่ติดอยู่ตรงริมฝีปากกลับเข้าไปหนิงตงนำอ่างน้ำมาวางไว้บนโต๊ะ ถามด้วยน้ำเสียงนอบน้อมว่า “นายท่าน ให้ใช้น้ำในอ่างเช่นไรเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีกล่าวกำชับ “ไปหาผ้าสะอาด ๆ มา”หนิงตงรับคำ ไม่นานก็หาผ้าเช็ดหน้าสะอาดที่อยู่ในสัมภาระมาหนึ่งผืน ผ้านี้เตรียมไว้สำหรับให้นายหญิงของนางใช้ล้างหน้ากู้จิ่งซีเหลือบมองไปที่แม่นางน้อย ลังเลอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็รับผ้าเช็ดหน้ามา กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ข้าคนเดียวก็พอแล้ว เจ้าออกไปก่อนเถิด”หนิงตงเหลือบมองนายหญิง เมื่อเห็นว่านายหญิงไม่ได้เอ่ยปากบอกให้นางอยู่ต่อ ก็รับคำแล้วถอยออกไปกู้จิ่งซีกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “มาล้างบาดแผลสักหน่อย ตอนที่เจ้าล้มลงไปเนื้อหนังถลอก แล้วบาดแผลก็เปื้อนฝุ่นด้วย”เมื่อได้ฟังดังนั้น เมิ่งจิ่นเหยาไม่ได้ลังเล ลุกขึ้นแล้วเดินมากู้จิ่งซีดึงมือของนาง ช่วยนางทำความสะอาดบาดแผลที่ฝ่ามือด้วยท่าทีที่อ่อนโยนเมื่อบาดแผลสัมผัสกับน้ำ เมิ่งจิ่นเหยาเจ็บปวดเส

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 333

    กู้จิ่งซีจับจ้องนางอย่างไม่วางตา พลางถามด้วยเสียงอ่อนโยน “ฮูหยิน วันนี้เกิดเรื่องอันใดขึ้นงั้นหรือ?”เมื่อได้ฟังดังนั้น ใบหน้าของเมิ่งจิ่นเหยาก็เต็มไปด้วยความงุนงง พลางถามกลับไปว่า“เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ท่านพี่ก็เห็นหมดแล้วมิใช่หรือเจ้าคะ?”นางกล้าพูดได้เลยว่า นางโตถึงเพียงนี้แล้ว ยังไม่เคยเจอเรื่องที่ตื่นเต้นระทึกขวัญเช่นนี้มาก่อน เพียงชั่วพริบตาเดียวที่รอดพ้นจากความตาย ชีวิตนี้ไม่คิดจะพบเจออีกเป็นครั้งที่สองกู้จิ่งซีเห็นสีหน้าของนางงุนงง ไม่ได้จงใจแสร้งทำเป็นฟังไม่เข้าใจ จึงสัมผัสที่ฝ่ามือของนางอย่างแผ่วเบา พลางถามต่อว่า “เกิดอันใดขึ้นกับมือนี้ของเจ้า? ล้มลงไม่สามารถเกิดบาดแผลเช่นนี้ได้”เมิ่งจิ่นเหยาตกตะลึงไปชั่วขณะ ก้มหน้ามองฝ่ามือของตนเอง บนฝ่ามือยังมีผลงานชิ้นเอกของตนเองเมื่อบ่ายอยู่ เมื่อคิดถึงเรื่องที่พบกับสตรีวัยกลางคนผู้นั้นขึ้นมาได้ ดวงตาของนางก็หม่นลงในฉับพลัน และอยากจะกำมือของตนเองแน่นอีกครั้งโดยไม่รู้ตัวกู้จิ่งซีที่สายตาเฉียบคมและมือไว รีบกุมมือทั้งสองข้างของนางไว้แน่น ขัดขวางการกระทำของนาง เล็บของนางจะได้ไม่บาดบาดแผลและมีเลือดไหลซึมออกมาอีกเล็บของแม่นางน้อยไ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 332

    เมื่อกู้จิ่งซีได้ฟังก็รู้สึกใจอ่อน พลางกล่าวอย่างอ่อนโยน “ให้ข้าดูหน่อย” เมื่อกล่าวจบ เขาก็ยอบกายลง ยกชายกระโปรงของนางขึ้น เตรียมจะดูอาการบาดเจ็บของนาง เมิ่งจิ่นเหยาสีหน้าชะงักค้าง กำลังจะเอ่ยปากขัดขวาง ทว่าเมื่อกลับมาคิดดูอีกทีแล้ว ต่างก็เป็นสามีภรรยาที่นอนหลับอยู่บนเตียงเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องรักษาขอบเขตระหว่างชายหญิงอันใดหลังจากกู้จิ่งซียกชายกระโปรงของนางขึ้นแล้ว มือหนึ่งก็จับไปที่ข้อเท้าขวาของนาง ส่วนอีกข้างม้วนขากางเกงของนางขึ้น เมื่อม้วนขากางเกงไปจนถึงเหนือหัวเข่า ก็จะเห็นได้ว่าตรงหัวเข่าที่ถูกกระแทกตอนล้ม เป็นรอยฟกช้ำไปเรียบร้อยแล้ว ทว่าไม่ได้ร้ายแรงนักกู้จิ่งซีเห็นว่าบาดแผลไม่หนักมาก จึงวางขานางลง แล้วไปดูบาดแผลที่ข้อศอกของนางนางล้มลงไปข้างหน้า บาดแผลตรงข้อศอกจึงชัดเจนมากนัก เสื้อผ้าในฤดูร้อนจะค่อนข้างบางเบา เสื้อผ้าบริเวณข้อศอกล้วนมีร่องรอยขีดข่วนอย่างชัดเจนพอพับแขนเสื้อของนาง ก็เผยให้เห็นแขนที่ขาวราวกับหิมะ เมื่อพลิกข้อศอกก็สามารถมองเห็นได้ว่าผิวหนังถลอกและมีเลือดออกที่แขนทั้งสองข้างของนาง ผิวหนังโดยรอบบวมแดงเล็กน้อย บาดแผลนี้เมื่ออยู่บนมือที่เดิมทีขาวสะอาดไร้ที่ติรา

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status