แชร์

บทที่ 225

ผู้เขียน: มู่อวิ๋นเฉิง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-01-04 17:00:00
วันต่อมา ตอนช้าตรู่

หลังจากที่เมิ่งจิ่นเหยารับประทานอาหารเช้าเสร็จ และกำลังเตรียมจะตามกู้จิ่งซีไปโถงโซ่วอันเพื่อคารวะยามเช้าให้ฮูหยินผู้เฒ่ากู้

ตอนที่นางคิดจะลุกขึ้น กู้จิ่งซีก็ส่งไม้เท้าด้ามหนึ่งมาให้นาง

เมื่อเห็นเช่นนั้น นางก็แสดงสีหน้าขยะแขยง เพราะใช้ไม้เท้ามาหลายวันแล้ว นางรู้สึกเบื่อหน่าย ในใจปฏิเสธ ตรงปากก็ปฏิเสธ “ไปคารวะยามเช้าให้ผู้อาวุโส และใช้ไม้เท้าเข้าไป จะดูเหมือนอะไรเล่าเจ้าค่ะ?”

กู้จิ่งซีเห็นใบหน้าที่ต่อต้านของนาง ก็นึกขึ้นมาได้ว่าปกตินางไม่ชอบใช้ไม้เท้า แต่กลับทำท่าจำเป็นต้องใช้ไม้เท้า ริมฝีปากจึงยกขึ้นเล็กน้อยอย่างยากจะสังเกตเห็น และโน้มน้าวด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “อาการบาดเจ็บที่เท้าของฮูหยินยังไม่หายดี ใช้ไม้เท้าจะดีกว่า”

เมิ่งจิ่นเหยาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ยังคงยืนกรานที่จะปฏิเสธ “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ อาการบาดเจ็บที่เท้าใกล้จะหายดีแล้ว ข้าเดินช้าหน่อยก็ได้ และพอเดินไปสองก้าว หากไม่ได้ค่อยใช้ไม้เท้า”

เมื่อได้ยิน กู้จิ่งซีก็ไม่บังคับนาง และกล่าวด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “ก็ได้ เช่นนั้นก็เอาตามฮูหยินแล้วกัน” พูดจบ เขาก็ส่งไม้เท้าที่อยู่ในมือให้กับสาวใช้ที่อยู่ข้างกาย

เมิ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 226

    สายตาของคนอื่นก็ตกไปอยู่ที่มือของพวกเขาเช่นกัน ด้วยความประหลาดใจ กู้จิ่งซีมีนิสัยเป็นเช่นไร พวกเขาล้วนรู้จักกันดี เขาดูเหมือนจะอบอุ่น แต่ความเป็นจริงกลับเย็นชา และทำให้คนยากจะเข้าใกล้ เคยใกล้ชิดกับสตรีต่อหน้าผู้คนเช่นนี้เสียเมื่อใดกัน? เห็นทีเมิ่งจิ่นเหยาจะไม่ธรรมดา เพราะถึงกลับสามารถสยบกู้จิ่งซีได้เมิ่งจิ่นเหยารู้สึกถึงสายตาที่มีความนัยของทุกคน สีหน้าของนางก็แข็งทื่อ และรับรู้ในภายหลังว่าตนเองยังใช้ไม้เท้ารูปคนอยู่ จึงปล่อยมือลงอย่างเงียบ ๆ จากนั้นเดินไปข้างหน้าเพื่อคารวะยามเช้าให้ฮูหยินผู้เฒ่าอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ลูกสะใภ้คารวะท่านแม่เจ้าค่ะ”กู้จิ่งซีก็โค้งคำนับไปทางฮูหยินผู้เฒ่ากู้เช่นกัน “ลูกคารวะท่านแม่ขอรับ”ฮูหยินผู้เฒ่ากู้มีท่าทีที่อ่อนโยน “เด็กดี ทุกคนมานั่งลงแล้วค่อยคุยกันเถอะ”ทันทีที่นางเปร่งเสียง กู้จิ่งซีก็เอื้อมมือไปพยุงแม่นางน้อยให้นั่งลงตรงเก้าอี้ด้านข้าง การกระทำนั้นคล่องแคล่วอย่างมาก ราวกับเคยทำมานับครั้งไม่ถ้วน นี่ถึงกับทำให้ทุกคนที่อยู่ที่นั่นตกใจกันหมดแม้แต่ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ที่เคยชินกับเหตุการณ์ใหญ่ ๆ ก็ประหลาดใจเล็กน้อย ครั้งก่อนบุตรชายกับลูกสะใภ้เข้ามา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-04
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 227

    ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมา ทุกคนที่อยู่รอบข้างต่างตกใจนางจางจิตใจสั่นสะท้าน เมิ่งจิ่นเหยาแต่งเข้ามาก็สักระยะหนึ่งแล้ว แต่มารดาสามียังไม่เคยพูดถึงเรื่องของอำนาจดูแลเรือนเลย นางคิดว่ามารดาสามีรู้สึกว่าเมิ่งจิ่นเหยาอายุยังน้อย และแบกรับความรับผิดชอบใหญ่ๆ ไม่ไหว ดังนั้นจึงไม่พูดถึงมาโดยตลอด คิดไม่ถึงว่าจะพูดในวันนี้นางเฉินกลับไม่ได้ตกใจมากนัก เพราะเรื่องนี้อยู่ในการคาดเดาแล้ว เพียงแค่เป็นเรื่องช้าหรือเร็วเท่านั้น นางหันไปมองนางจาง และเมื่อเห็นสีหน้าของนางจางที่เปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก นางก็ยิ้มอย่างยากที่จะสังเกตเห็นเดิมทีนางก็เป็นคนที่มารดาสามีขอให้ช่วยนางจางดูแลอำนาจดูแลเรือน เพื่อรักษาสมดุลระหว่างเรือนใหญ่กับเรือนรอง สามีของตนเองก็ไม่ถือว่าธรรมดาจนเกินไป เขาเป็นถึงจางวางกรมพิธีการขั้นห้าของกรมพิธีการ ซึ่งแตกต่างกับตำแหน่งงานระดับต่ำและไม่มีบทบาทสำคัญของเรือนใหญ่ จึงไม่จำเป็นต้องใช้อำนาจดูแลเรือนมารักษาหน้าตาของครอบครัวไม่เพียงแค่สีหน้าของนางจางที่เปลี่ยนไปเท่านั้น แม้แต่สีหน้าของกู้จิ่งเซิ่งก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยเช่นกัน หลังจากเมิ่งจิ่นเหยาแต่งเข้ามา เขาเคยได้ยินการวิเคราะห์ของนางจาง ว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-04
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 228

    นางจางกับนางเฉินขานรับด้วยรอยยิ้ม “เจ้าค่ะ ท่านแม่”หลังจากนั้น ทั้งครอบครัวก็พูดคุยกันไปอีกสักพักหนึ่ง เมื่อฮูหยินผู้เฒ่ากู้เริ่มเหนื่อยแล้ว ถึงจะไล่ให้พวกเขาออกมาทุกคนทยอยออกจากโถงโซ่วอันด้วยความคิดที่แตกต่างกันนางจางกับนางเฉินเดินอยู่ด้วยกัน แม้ยามปกติพี่สะใภ้น้องสะใภ้ทั้งสองจะต่อสู้กันทั้งที่แจ้งและที่ลับ แต่เรื่องอย่างวันนี้ ก็มีเพียงบ่นกันนิดหน่อยอยู่สองคน และจะพูดกับเมิ่งจิ่นเหยาไม่ได้นางจางเหลือบมองไปทางเมิ่งจิ่นเหยาที่เดินกับกู้จิ่งซีอีกทางหนึ่ง และถามเสียงเบาว่า “น้องสะใภ้รอง เจ้าว่าวันนี้น้องสะใภ้สามทำเช่นนี้หมายความว่าเช่นไร? ดูจากที่นางทะเลาะกับบ้านมารดาเสียยกใหญ่ ดูไม่เหมือนจะรับผิดชอบอำนาจดูแลเรือนไม่ได้เลยนะ”เมื่อได้ยิน นางเฉินก็หยุดฝีเท้าลงเล็กน้อย พลางเหลือบมองนางอย่างมีความหมายแฝง และตอบกลับว่า “จะสนใจเรื่องที่นางทำเช่นนี้ทำไมกัน? สำหรับพี่สะใภ้ใหญ่แล้ว ผลลัพธ์ถึงจะเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ใช่หรือเจ้าคะ?”สีหน้านางจางแข็งทื่อในทันที และหัวเราะเสียงเบา “หรือว่าสำหรับน้องสะใภ้รอง ผลลัพธ์นี้ไม่ใช่เรื่องดี?”นางเฉินเม้มริมฝีปากและกล่าวเยาะเย้ย “ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-04
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 229

    เรือนเวยหรุยเซวียนกู้จิ่งซีพยุงแม่นางน้อยกลับมา เดิมทีเขาคิดว่าเดินแบบนี้มันช้าเกินไป และอยากจะแบกคนกลับมาที่เรือนเวยหรุยเซวียน แต่แม่นางน้อยไม่ยินยอม บอกว่าไม่เหมาะสมเดินอืดอาดยืดยาด ในที่สุดก็กลับมาถึงเรือนเวยหรุยเซวียนเมิ่งจิ่นเหยานั่งอยู่บนเก้าอี้ และพักผ่อนด้วยการอิงพนักพิง นางยังคงเป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าระยะห่างของเรือนเวยหรุยเซวียนกับโถงโซ่วอันนั้นยาวไกลยิ่งนัก และการเดินเช่นนี้ก็เหนื่อยมาก ไม่แปลกที่คนพิการขาจะอิจฉาคนที่ขาคล่องแคล่วว่องไวอย่างยิ่งกู้จิ่งซีนั่งลงด้านข้างนาง เมื่อเห็นนางนั่งหมดแรงและขมวดคิ้วอยู่บนเก้าอี้ ก็ยกยิ้มที่มุมปาก พลางเปลี่ยนมาถามว่า “เหตุใดฮูหยินถึงปฏิเสธ?”เมื่อได้ยิน เมิ่งจิ่นเหยาก็เอียงคอมองเขา และถามกลับว่า “ปฏิเสธอะไรเจ้าคะ? ท่านพี่หมายถึงเรื่องดูแลอำนาจดูแลเรือนหรือ?”กู้จิ่งซีส่งเสียง “อืม” อย่างราบเรียบ และวิเคราะห์อย่างเป็นการว่า “ด้วยความสามารถของฮูหยิน และมีความช่วยเหลือจากพี่สะใภ้ทั้งสองท่าน จะสามารถรับผิดชอบได้อยู่แล้ว เหตุใดถึงต้องปฏิเสธด้วยเล่า?”เมิ่งจิ่นเหยาเลิกคิ้วขึ้น หัวเราะคิกคักและกล่าว “นั่นย่อมเป็นเพราะว่าข้าขี้เกียจน่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-05
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 230

    เมิ่งจิ่นเหยายิ้มอย่างน่าเอ็นดูและไร้เดียงสา “ท่านพะพี่ไงเจ้าคะ ทำไมหรือ?”กู้จิ่งซีจุปากเบา ๆ สองครั้ง และกล่าวอย่างอารมณ์ดีทั้งยังน่าขันว่า “นี่ฮูหยินเห็นข้าเป็นบิดาของเจ้าแล้วหรือ? แม้จะอีกแค่นิดเดียว ข้าก็จะกลายเป็นบิดาจริง ๆ เสียแล้ว แต่ฮูหยินยังคงต้องแบ่งแยกอย่างชัดเจน เจ้าไม่ใช่ลูกสะใภ้ของข้า ลูกเนรคุณของข้านั้นหนีงานแต่งงานในวันนั้นแล้ว”เมิ่งจิ่นเหยาส่ายหน้าอย่างรีบร้อน “ที่ใดกัน สามีก็คือสามี จะกลายเป็นบิดาได้อย่างไร? อีกอย่าง คนเป็นบุตรสาวที่ไหน จะนอนกับบิดาด้วยกันทุกคืนเล่าเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีหนังหน้ายิ้มตาไม่ยิ้มออกมา “ก็ใช่”เมิ่งจิ่นเหยา “....”ปากของนางนี้ยังดี ๆ อยู่ เหตุใดจู่ ๆ ถึงเกือบจะพลาดไปเสียได้เล่า?กู้จิ่งซีมองนางอยู่แวบหนึ่ง สีหน้าก็กลับคืนสู่สภาพเดิม และเปลี่ยนมาเข้าเรื่องกันต่อ “เจ้าไม่รับช่วงอำนาจดูแลเรือนก็เป็นเรื่องที่ดีเรื่องหนึ่ง”เมิ่งจิ่นเหยาไม่รู้เหตุผล “หือ?”กู้จิ่งซีกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “เจ้ายังเด็ก ควรจะอยู่ในวัยที่กิน ดื่ม และสนุกสนาน ไม่ควรถูกผูกมัดด้วยงาน หากรับกุมอำนาจดูแลเรือน คงจะเปลี่ยนมาทำงานหนัก งานประจำวันต่าง ๆ แค่ฟังรายงานจากคน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-05
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 231  

    กู้จิ่งซีเห็นแม่นางน้อยยิ้มสดใสเจิดจ้า ดวงตาโค้งงอ นัยน์ตาใสดุจผิวคลื่นกำลังสะท้อนประกายแสง มีชีวิตชีวาและสว่างสุกสกาว มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย พลางเอ่ยด้วยเสียงอบอุ่น “ฮูหยิน ข้ายังมีธุระต้องจัดการ เจ้าเล่นคนเดียวไปก่อน” ได้ยินวาจานั้น เมิ่งจิ่นเหยาหวิดจะกลอกตาใส่เขาอย่างอยู่รอมร่อ ดูคำพูดของเขาสิ ทำอย่างกับเขาจะมาเล่นกับตนเองด้วยอย่างไรอย่างนั้น แม้จะคิดแบบนี้อยู่ในใจ แต่ปากของนางกลับเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยนและเข้าอกเข้าใจ “ในเมื่อท่านพี่ยังมีธุระ เช่นนั้นท่านพี่รีบไปจัดการเถิด แล้วตอนเที่ยงจะกลับมารับประทานอาหารเที่ยงด้วยหรือไม่เจ้าคะ? หากว่ากลับมา ข้าจะได้สั่งให้คนครัวทำอาหารที่ท่านพี่โปรดปรานด้วยสักสองอย่าง” กู้จิ่งซีครุ่นคิด ก็ตอบกลับว่า “ตอนเที่ยงคงไม่มีเวลากลับมา ฮูหยินมิต้องคอยข้า” เขาพูดจบ เห็นแม่นางน้อยยับปากคล้ายจะพูดบางอย่างแต่ก็ชะงักไป จึงเอ่ยเสริมขึ้นอีกประโยค “ตอนเย็นข้าจะรีบกลับมากินข้าวพร้อมฮูหยิน” เมิ่งจิ่นเหยา “…” อันที่จริงไม่ต้องรีบกลับมาเพื่อกินข้าวมื้อเย็นกับนางโดยเฉพาะก็ได้ เพราะนางกินข้าวคนเดียวได้อยู่แล้ว ทว่านางมิได้เอ่ยถ้อยคำเช่นนี้ออกไป เพื่อจะไ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-05
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 232  

    หนิงตงเห็นเช่นนี้ คิดว่าเขายังต้องการหาของชิ้นอื่นอีก ก็สาวเท้าตามไป กลับคิดไม่ถึงว่าจะได้เห็นกล่องไม้แดงใบนั้นเข้า จึงผงะไปทันใด ในใจสบถออกมาว่าไม่ดีแล้ว ทันใดนั้นเอง หนิงตงได้สติกลับมา กลัวว่าเขาจะเห็นของสิ่งนั้นและจะระลึกถึงคน จะคิดถึงแม่นางคนอื่นแล้วจะลืมนายหญิงของพวกนาง ก็รีบเบี่ยงเบนความสนใจของเขา เปล่งเสียงถามทันที “ท่านโหว ท่านยังประสงค์จะหาของชิ้นใดอีกหรือไม่เจ้าคะ? ข้าน้อยจะได้ช่วยท่านหา” “ไม่ต้องแล้ว ข้าเพียงต้องการตามหาม้วนภาพเขียนอักษรนี้เท่านั้น บัดนี้หาเจอแล้ว” กู้จิ่งซีพูดจบ เขาก็ชำเลืองมองกล่องไม้แดงใบนั้นอีกครั้ง ลังเลอยู่เพียงชั่วอึดใจ จากนั้นก็โค้งเอวลงหยิบไปหยิบกล่องไม้ใบนั้นขึ้นมาและนำออกไปพร้อมกัน การกระทำเช่นนี้ทำให้หนิงตงดวงตาเบิกโพลง นางจ้องมองกล่องไม้แดงตาไม่กะพริบ สมองกลายเป็นสีขาวโพลนไปในชั่วขณะ หากนางจำไม่ผิด นี่คือกล่องที่บรรจุเครื่องประดับศีรษะหยกขาวมันแพะชุดนั้นไว้ และเครื่องประดับศีรษะชุดนี้ก็มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะเป็นของที่ท่านโหวคิดจะนำไปมอบให้คนในดวงใจ ทว่าสุดท้ายก็มอบให้ไม่สำเร็จ จึงได้แต่ทิ้งลืมไว้ในห้องเก็บของ และไม่จดบันทึกไว้ใน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-05
  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 233  

    บรรยากาศจมดิ่งสู่ความเงียบสงัด หนิงตงเห็นนายหญิงของตนเองเงียบเชียบไม่เอ่ยวาจา ก็คิดว่านางจะรู้สึกอึดอัดทุกข์ใจ เอ่ยวาจาปลอบโยนเสียงตะกุกตะกัก “ฮูหยิน ท่าน…ท่านอย่าทุกข์ใจไปเลย” เมิ่งจิ่นเหยาส่งเสียงออกมาเบา ๆ “หืม?” หนิงตงสงบสติให้มั่นคง และเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นมั่นใจยิ่งขึ้น “ฮูหยินเจ้าคะ ท่านเป็นฮูหยินเอก ไม่ว่าอย่างไรสตรีคนนั้นก็ไม่มีทางจะเหนือกว่าท่านไปได้เจ้าค่ะ ยิ่งไปกว่านั้นนางก็น่าจะแต่งเป็นสะใภ้ของคนอื่นไปแล้วเจ้าค่ะ” เมิ่งจิ่นเหยายกยิ้ม พลางหัวเราะออกมาเบา ๆ “คิดอะไรอยู่? ข้าไม่ได้ทุกข์ใจ” เห็นพวกนางดูเหมือนจะไม่เชื่อ นางก็เสริมขึ้นอีกหนึ่งประโยค “ข้าพูดความจริง ข้ามิได้ทุกข์ใจ” ดูจากประโยคนี้ ไม่ว่าจะฟังอย่างไรกลับยิ่งรู้สึกเหมือนต้องการจะปกปิดบางอย่างไว้ สาวใช้สองคนต่างมองหน้าสบตากัน ก็รู้สึกตรงกันว่าฮูหยินปากไม่ตรงกับใจ ท่านโหวนำของแทนใจที่มิอาจมอบให้แสงจันทรากระจ่างฟ้าออกมาจากห้องเก็บของ และนำไปเก็บไว้ในห้องหนังสือ สิ่งของที่อยู่ในห้องหนังสือนอกจากตำราและสี่สิ่งล้ำค่าแล้ว ก็มีเพียงวัตถุที่ค่อนข้างมีคุณค่าราคาแพง เครื่องประดับศีรษะชุดนั้นท่านโหวหวงแหนดุจ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-06

บทล่าสุด

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 236  

    ชิงชิวรับคำ ก่อนจะล่าถอยไปอย่างรวดเร็ว เมิ่งจิ่นเหยายืนขึ้นมา และหมุนตัวกลับไป มองเขาด้วยแววตาเจือความฉงน และถามว่า “ท่านพี่มีเรื่องใดจะคุยกับข้าหรือ?” กู้จิ่งซีสืบเท้าไปด้านหน้า พลางยื่นกล่องไม้จันทน์ในมือให้นาง พร้อมเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยน “สิ่งนี้มอบให้ฮูหยิน ฮูหยินดูก่อนว่าชอบหรือไม่ชอบ?” ได้ยินเช่นนั้น เมิ่งจิ่นเหยาเหลือบสายตามองเขาปราดหนึ่งด้วยความงุนงง ก่อนจะยื่นมือไปรับกล่องไม้จันทน์มาด้วยความรู้สึกลังเล แม้จะไม่ได้เปิดกล่องออก แต่รู้สึกได้ว่าของน่าจะมีราคามากทีเดียว ไม่เช่นนั้นคงไม่จำเป็นต้องบรรจุมาในกล่องไม้จันทน์ก็ได้ นางเอ่ยถามออกไป “ท่านพี่ สิ่งนี้คืออะไรหรือ?” “ฮูหยินลองดูก่อน” กู้จิ่งซีบอกเชิงว่าให้นางเปิดกล่องออก เห็นเขาไม่ยอมบอก เมิ่งจิ่นเหยาก็ยิ่งสงสัย ประคองกล่องไม้ไปวางไว้บนโต๊ะด้านข้าง จากนั้นก็เปิดกล่องไม้ออก ครั้นหลุบตาลงมอง สายตาของนางพลันนิ่งไปทันที นางจ้องมองของที่อยู่ด้านในด้วยความตื่นเต้นและงงงัน สิ่งนั้นก็คือเครื่องประดับศีรษะทองคำบริสุทธิ์ฝังทับทิม เครื่องประดับศีรษะชุดนี้มีทั้งสิ้นยี่สิบสามชุด และอัญมณีทุกเม็ดมีขนาดเท่าหัวแม่โป้ง มีลวดลายบุปผาโบต

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 235  

    วันรุ่งขึ้น เมิ่งจิ่นเหยาคิดถึงเฉิงจางน้องชายคนรองซึ่งไปอยู่ที่สำนักศึกษาแล้ว ไม่รู้ว่าบัดนี้อยู่ที่สำนักศึกษาแล้วชีวิตความเป็นอยู่เป็นอย่างไรบ้าง ปรับตัวได้บ้างหรือยัง จึงคิดจะเขียนจดหมายถามไถ่สารทุกข์สุกดิบส่งไปถึงน้องรอง ภายในเรือนเวยหรุยเซวียนมีห้องหนังสือ ทว่าเมิ่งจิ่นเหยาเคยเข้าไปที่นั่นเพียงครั้งเดียวก็เมื่อตอนเพิ่งสมรสหมาด ๆ เพราะอยากจะทำความคุ้นเคยกับเรือนเวยหรุยเซวียน ถึงได้เข้าไปดูในห้องหนังสือให้พอผ่านตาสักครั้ง แต่โดยปกติแล้วนางจะไม่เข้าไปที่นั่น และเมื่อจำเป็นต้องตรวจสอบสมุดบัญชีก็จะอยู่ทำงานที่ห้องโถงเล็กแทน วันนี้ เป็นครั้งที่สองที่นางจะเข้าไปที่ห้องหนังสือ ภายในห้องหนังสือ บนโต๊ะเขียนอักษรมีกล่องไม้แดงใบหนึ่งวางอยู่ โดดเด่นเห็นชัดเจน เมื่อเข้าไปด้านในห้องหนังสือ ทอดสายตามองไปก็สามารถเห็นได้ทันที หนิงตงครั้นเห็นกล่องใบนั้น หัวคิ้วพลันขมวดแน่นขึ้นมาโดยสัญชาตญาณ ไฟโทสะไร้ชื่อเรียกลุกโชนขึ้นมาในใจทันที เมื่อนึกขึ้นได้ว่านายหญิงเพิ่งดุด่านางไปแล้วเมื่อคืน ก็ไม่กล้าบุ่มบ่ามเอ่ยวาจาที่ไม่สมควรออกมา เพียงแต่กระซิบด้วยเสียงเบาหวิวว่า “ฮูหยิน กล่องไม้แดงใบนี้ดูคุ้นตา

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 234

    ชิงชิวมองเงาแผ่นหลังของนาง ก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกในใจ ตอนแรกฮูหยินยังบอกว่าหนิงตง จิตใจมั่นคงขึ้นไม่น้อยแล้ว บัดนี้ดูเหมือนว่าจะยังมั่นคงไม่มากพอ ยังคงแสดงอารมณ์ออกมาง่ายดายเกินไปภายหลังจากนั้น เมิ่งจิ่นเหยาก็เรียกหนิงตงมาพบ เพื่อจะตำหนิอย่างจริงจัง ดึงสีหน้าบึ้งตึงพร้อมดุด้วยเสียงขรึม “หนิงตง ปกติข้าตามใจเจ้ามากเกินไปแล้วหรือกระไร? นับวันยิ่งกล้าหาญ ต่อหน้าเจ้านายยังบังอาจไม่เคารพยำเกรง กฎระเบียบที่เจ้าเรียนมาลืมไปหมดแล้วหรือ?”หนิงตงขอบตาแดงก่ำ สะอึกสะอื้นพลางเอ่ยว่า “ฮูหยิน ข้าน้อยรู้สึกหงุดหงิดถะ…ถึงได้ทำไปเช่นนั้นเจ้าค่ะ”เมิ่งจิ่นเหยาสีหน้าเยียบเย็น “ข้ายังไม่โกรธ แล้วเจ้าจะโกรธอะไร?”นางสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง แล้วเอ่ยด้วยเสียงเคร่งขรึมออกมา “อย่าลืมว่าการสมรสครั้งนี้ข้านายหญิงของเจ้าได้มาอย่างไร เขาถูกบังคับให้สมรสกับข้า ก่อนที่เขาจะสมรสกับข้าก็มิได้มีใจให้ข้า จะมีดรุณีที่ใจหมายปองแต่มิได้ครอบครองนั่นก็เป็นเรื่องปกติมิใช่หรือ? แน่นอน ใครขอให้เขาอบรมสั่งสอนบุตรชายไม่ถูกวิธีเล่า ในเมื่อบุตรก่อกรรมทำผิดบิดาย่อมจำเป็นต้องชดใช้ และตัวเขาเองก็มิได้ปฏิเสธจะรับข้าเป็นภรรยาด้วย”

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 233  

    บรรยากาศจมดิ่งสู่ความเงียบสงัด หนิงตงเห็นนายหญิงของตนเองเงียบเชียบไม่เอ่ยวาจา ก็คิดว่านางจะรู้สึกอึดอัดทุกข์ใจ เอ่ยวาจาปลอบโยนเสียงตะกุกตะกัก “ฮูหยิน ท่าน…ท่านอย่าทุกข์ใจไปเลย” เมิ่งจิ่นเหยาส่งเสียงออกมาเบา ๆ “หืม?” หนิงตงสงบสติให้มั่นคง และเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นมั่นใจยิ่งขึ้น “ฮูหยินเจ้าคะ ท่านเป็นฮูหยินเอก ไม่ว่าอย่างไรสตรีคนนั้นก็ไม่มีทางจะเหนือกว่าท่านไปได้เจ้าค่ะ ยิ่งไปกว่านั้นนางก็น่าจะแต่งเป็นสะใภ้ของคนอื่นไปแล้วเจ้าค่ะ” เมิ่งจิ่นเหยายกยิ้ม พลางหัวเราะออกมาเบา ๆ “คิดอะไรอยู่? ข้าไม่ได้ทุกข์ใจ” เห็นพวกนางดูเหมือนจะไม่เชื่อ นางก็เสริมขึ้นอีกหนึ่งประโยค “ข้าพูดความจริง ข้ามิได้ทุกข์ใจ” ดูจากประโยคนี้ ไม่ว่าจะฟังอย่างไรกลับยิ่งรู้สึกเหมือนต้องการจะปกปิดบางอย่างไว้ สาวใช้สองคนต่างมองหน้าสบตากัน ก็รู้สึกตรงกันว่าฮูหยินปากไม่ตรงกับใจ ท่านโหวนำของแทนใจที่มิอาจมอบให้แสงจันทรากระจ่างฟ้าออกมาจากห้องเก็บของ และนำไปเก็บไว้ในห้องหนังสือ สิ่งของที่อยู่ในห้องหนังสือนอกจากตำราและสี่สิ่งล้ำค่าแล้ว ก็มีเพียงวัตถุที่ค่อนข้างมีคุณค่าราคาแพง เครื่องประดับศีรษะชุดนั้นท่านโหวหวงแหนดุจ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 232  

    หนิงตงเห็นเช่นนี้ คิดว่าเขายังต้องการหาของชิ้นอื่นอีก ก็สาวเท้าตามไป กลับคิดไม่ถึงว่าจะได้เห็นกล่องไม้แดงใบนั้นเข้า จึงผงะไปทันใด ในใจสบถออกมาว่าไม่ดีแล้ว ทันใดนั้นเอง หนิงตงได้สติกลับมา กลัวว่าเขาจะเห็นของสิ่งนั้นและจะระลึกถึงคน จะคิดถึงแม่นางคนอื่นแล้วจะลืมนายหญิงของพวกนาง ก็รีบเบี่ยงเบนความสนใจของเขา เปล่งเสียงถามทันที “ท่านโหว ท่านยังประสงค์จะหาของชิ้นใดอีกหรือไม่เจ้าคะ? ข้าน้อยจะได้ช่วยท่านหา” “ไม่ต้องแล้ว ข้าเพียงต้องการตามหาม้วนภาพเขียนอักษรนี้เท่านั้น บัดนี้หาเจอแล้ว” กู้จิ่งซีพูดจบ เขาก็ชำเลืองมองกล่องไม้แดงใบนั้นอีกครั้ง ลังเลอยู่เพียงชั่วอึดใจ จากนั้นก็โค้งเอวลงหยิบไปหยิบกล่องไม้ใบนั้นขึ้นมาและนำออกไปพร้อมกัน การกระทำเช่นนี้ทำให้หนิงตงดวงตาเบิกโพลง นางจ้องมองกล่องไม้แดงตาไม่กะพริบ สมองกลายเป็นสีขาวโพลนไปในชั่วขณะ หากนางจำไม่ผิด นี่คือกล่องที่บรรจุเครื่องประดับศีรษะหยกขาวมันแพะชุดนั้นไว้ และเครื่องประดับศีรษะชุดนี้ก็มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะเป็นของที่ท่านโหวคิดจะนำไปมอบให้คนในดวงใจ ทว่าสุดท้ายก็มอบให้ไม่สำเร็จ จึงได้แต่ทิ้งลืมไว้ในห้องเก็บของ และไม่จดบันทึกไว้ใน

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 231  

    กู้จิ่งซีเห็นแม่นางน้อยยิ้มสดใสเจิดจ้า ดวงตาโค้งงอ นัยน์ตาใสดุจผิวคลื่นกำลังสะท้อนประกายแสง มีชีวิตชีวาและสว่างสุกสกาว มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย พลางเอ่ยด้วยเสียงอบอุ่น “ฮูหยิน ข้ายังมีธุระต้องจัดการ เจ้าเล่นคนเดียวไปก่อน” ได้ยินวาจานั้น เมิ่งจิ่นเหยาหวิดจะกลอกตาใส่เขาอย่างอยู่รอมร่อ ดูคำพูดของเขาสิ ทำอย่างกับเขาจะมาเล่นกับตนเองด้วยอย่างไรอย่างนั้น แม้จะคิดแบบนี้อยู่ในใจ แต่ปากของนางกลับเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยนและเข้าอกเข้าใจ “ในเมื่อท่านพี่ยังมีธุระ เช่นนั้นท่านพี่รีบไปจัดการเถิด แล้วตอนเที่ยงจะกลับมารับประทานอาหารเที่ยงด้วยหรือไม่เจ้าคะ? หากว่ากลับมา ข้าจะได้สั่งให้คนครัวทำอาหารที่ท่านพี่โปรดปรานด้วยสักสองอย่าง” กู้จิ่งซีครุ่นคิด ก็ตอบกลับว่า “ตอนเที่ยงคงไม่มีเวลากลับมา ฮูหยินมิต้องคอยข้า” เขาพูดจบ เห็นแม่นางน้อยยับปากคล้ายจะพูดบางอย่างแต่ก็ชะงักไป จึงเอ่ยเสริมขึ้นอีกประโยค “ตอนเย็นข้าจะรีบกลับมากินข้าวพร้อมฮูหยิน” เมิ่งจิ่นเหยา “…” อันที่จริงไม่ต้องรีบกลับมาเพื่อกินข้าวมื้อเย็นกับนางโดยเฉพาะก็ได้ เพราะนางกินข้าวคนเดียวได้อยู่แล้ว ทว่านางมิได้เอ่ยถ้อยคำเช่นนี้ออกไป เพื่อจะไ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 230

    เมิ่งจิ่นเหยายิ้มอย่างน่าเอ็นดูและไร้เดียงสา “ท่านพะพี่ไงเจ้าคะ ทำไมหรือ?”กู้จิ่งซีจุปากเบา ๆ สองครั้ง และกล่าวอย่างอารมณ์ดีทั้งยังน่าขันว่า “นี่ฮูหยินเห็นข้าเป็นบิดาของเจ้าแล้วหรือ? แม้จะอีกแค่นิดเดียว ข้าก็จะกลายเป็นบิดาจริง ๆ เสียแล้ว แต่ฮูหยินยังคงต้องแบ่งแยกอย่างชัดเจน เจ้าไม่ใช่ลูกสะใภ้ของข้า ลูกเนรคุณของข้านั้นหนีงานแต่งงานในวันนั้นแล้ว”เมิ่งจิ่นเหยาส่ายหน้าอย่างรีบร้อน “ที่ใดกัน สามีก็คือสามี จะกลายเป็นบิดาได้อย่างไร? อีกอย่าง คนเป็นบุตรสาวที่ไหน จะนอนกับบิดาด้วยกันทุกคืนเล่าเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีหนังหน้ายิ้มตาไม่ยิ้มออกมา “ก็ใช่”เมิ่งจิ่นเหยา “....”ปากของนางนี้ยังดี ๆ อยู่ เหตุใดจู่ ๆ ถึงเกือบจะพลาดไปเสียได้เล่า?กู้จิ่งซีมองนางอยู่แวบหนึ่ง สีหน้าก็กลับคืนสู่สภาพเดิม และเปลี่ยนมาเข้าเรื่องกันต่อ “เจ้าไม่รับช่วงอำนาจดูแลเรือนก็เป็นเรื่องที่ดีเรื่องหนึ่ง”เมิ่งจิ่นเหยาไม่รู้เหตุผล “หือ?”กู้จิ่งซีกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “เจ้ายังเด็ก ควรจะอยู่ในวัยที่กิน ดื่ม และสนุกสนาน ไม่ควรถูกผูกมัดด้วยงาน หากรับกุมอำนาจดูแลเรือน คงจะเปลี่ยนมาทำงานหนัก งานประจำวันต่าง ๆ แค่ฟังรายงานจากคน

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 229

    เรือนเวยหรุยเซวียนกู้จิ่งซีพยุงแม่นางน้อยกลับมา เดิมทีเขาคิดว่าเดินแบบนี้มันช้าเกินไป และอยากจะแบกคนกลับมาที่เรือนเวยหรุยเซวียน แต่แม่นางน้อยไม่ยินยอม บอกว่าไม่เหมาะสมเดินอืดอาดยืดยาด ในที่สุดก็กลับมาถึงเรือนเวยหรุยเซวียนเมิ่งจิ่นเหยานั่งอยู่บนเก้าอี้ และพักผ่อนด้วยการอิงพนักพิง นางยังคงเป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าระยะห่างของเรือนเวยหรุยเซวียนกับโถงโซ่วอันนั้นยาวไกลยิ่งนัก และการเดินเช่นนี้ก็เหนื่อยมาก ไม่แปลกที่คนพิการขาจะอิจฉาคนที่ขาคล่องแคล่วว่องไวอย่างยิ่งกู้จิ่งซีนั่งลงด้านข้างนาง เมื่อเห็นนางนั่งหมดแรงและขมวดคิ้วอยู่บนเก้าอี้ ก็ยกยิ้มที่มุมปาก พลางเปลี่ยนมาถามว่า “เหตุใดฮูหยินถึงปฏิเสธ?”เมื่อได้ยิน เมิ่งจิ่นเหยาก็เอียงคอมองเขา และถามกลับว่า “ปฏิเสธอะไรเจ้าคะ? ท่านพี่หมายถึงเรื่องดูแลอำนาจดูแลเรือนหรือ?”กู้จิ่งซีส่งเสียง “อืม” อย่างราบเรียบ และวิเคราะห์อย่างเป็นการว่า “ด้วยความสามารถของฮูหยิน และมีความช่วยเหลือจากพี่สะใภ้ทั้งสองท่าน จะสามารถรับผิดชอบได้อยู่แล้ว เหตุใดถึงต้องปฏิเสธด้วยเล่า?”เมิ่งจิ่นเหยาเลิกคิ้วขึ้น หัวเราะคิกคักและกล่าว “นั่นย่อมเป็นเพราะว่าข้าขี้เกียจน่

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 228

    นางจางกับนางเฉินขานรับด้วยรอยยิ้ม “เจ้าค่ะ ท่านแม่”หลังจากนั้น ทั้งครอบครัวก็พูดคุยกันไปอีกสักพักหนึ่ง เมื่อฮูหยินผู้เฒ่ากู้เริ่มเหนื่อยแล้ว ถึงจะไล่ให้พวกเขาออกมาทุกคนทยอยออกจากโถงโซ่วอันด้วยความคิดที่แตกต่างกันนางจางกับนางเฉินเดินอยู่ด้วยกัน แม้ยามปกติพี่สะใภ้น้องสะใภ้ทั้งสองจะต่อสู้กันทั้งที่แจ้งและที่ลับ แต่เรื่องอย่างวันนี้ ก็มีเพียงบ่นกันนิดหน่อยอยู่สองคน และจะพูดกับเมิ่งจิ่นเหยาไม่ได้นางจางเหลือบมองไปทางเมิ่งจิ่นเหยาที่เดินกับกู้จิ่งซีอีกทางหนึ่ง และถามเสียงเบาว่า “น้องสะใภ้รอง เจ้าว่าวันนี้น้องสะใภ้สามทำเช่นนี้หมายความว่าเช่นไร? ดูจากที่นางทะเลาะกับบ้านมารดาเสียยกใหญ่ ดูไม่เหมือนจะรับผิดชอบอำนาจดูแลเรือนไม่ได้เลยนะ”เมื่อได้ยิน นางเฉินก็หยุดฝีเท้าลงเล็กน้อย พลางเหลือบมองนางอย่างมีความหมายแฝง และตอบกลับว่า “จะสนใจเรื่องที่นางทำเช่นนี้ทำไมกัน? สำหรับพี่สะใภ้ใหญ่แล้ว ผลลัพธ์ถึงจะเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ใช่หรือเจ้าคะ?”สีหน้านางจางแข็งทื่อในทันที และหัวเราะเสียงเบา “หรือว่าสำหรับน้องสะใภ้รอง ผลลัพธ์นี้ไม่ใช่เรื่องดี?”นางเฉินเม้มริมฝีปากและกล่าวเยาะเย้ย “ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่น

DMCA.com Protection Status