แชร์

บทที่ 132

ผู้เขียน: มู่อวิ๋นเฉิง
ก็เมื่อตอนเช้า นางกับนางจาง และนางเฉิน สะใภ้ทั้งสามรวมตัวกันพูดคุยเรื่องสัพเพเหระอยู่ด้วยกัน นางจางกับนางเฉินต่างก็บ่นกับนางว่ากู้ซิวหมิงเหลวไหลเองก็ช่างเถิด ยังมาทำให้พี่น้องต้องลำบากไปด้วย บอกว่าซิวหงกับซิวเหวินยังไม่หมั้นหมาย ตอนนี้มาก่อเรื่องน่าขันเช่นนี้ บ้านอื่นที่มีบุตรีคงหลีกเลี่ยงที่จะคิดมากไม่ได้

ริมฝีปากของกู้ซิวหมิงขยับอยู่ชั่วครู่ เงียบดั่งคนเป็นใบ้ เขาไม่คิดเลยว่าจะเป็นเช่นนี้

เมิ่งจิ่นเหยายิ้มมุมปากพลางพูดว่า “ลูกเอ๋ย ครั้งหน้าก่อนที่จะทำเรื่องโง่เขลา ต้องคิดให้รอบคอบก่อนค่อยทำ อย่าได้ทำเรื่องโง่เง่าอีกเลย ทำตัวเหมือนบุตรคหบดีที่ไม่ได้ความอย่างไรอย่างนั้น ข้ากับบิดาของเจ้าทนขายหน้าผู้อื่นไม่ได้แล้ว”

เมื่อกู้ซิวหมิงได้ฟังประโยคนี้ ก็ราวกับโดนเหยียบหาง เดือดดาลอย่างที่สุด “ผู้ใดเป็นบุตรชายของเจ้า?”

เมิ่งจิ่นเหยากะพริบตาอย่างไร้เดียงสา แย้มยิ้มพลางถามกลับไป “บุตรของข้า ก็คือเจ้ามิใช่หรือ?”

กู้ซิวหมิงยิ่งมีโทสะมากขึ้น โกรธเสียจนใบหน้าบิดเบี้ยว “เจ้ามันสตรีหน้าไม่อาย หากไม่ใช่เพราะเจ้าแต่งงานกับบิดาข้าอย่างหน้าไม่อาย ข้ากับเจ้าจะมีความสัมพันธ์ที่เหลวไหลเช่นนี้หรือ?”

“ล
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 133

    เมื่อครู่ยังอวดดียิ่งนัก พอเห็นบิดาของเขามา ก็เปลี่ยนสีหน้าในทันที ใช้ท่าทีของผู้ที่เป็นเหยื่อมาร้องทุกข์กับบิดาของเขา ทั้ง ๆ ที่คนถูกยั่วให้โมโหเป็นฟืนเป็นไฟคือเขาแท้ ๆ ใครรังแกใครกันแน่?โจวอวิ่นตะลึงงันเล็กน้อย การเปลี่ยนสีหน้าของฮูหยินรวดเร็วเกินไปหน่อยหรือไม่? เพียงแต่ ปฏิกิริยาตอบสนองนี้ของท่านซื่อจื่อช่างเชื่องช้าเหลือเกิน ตอนที่ฮูหยินพูดจาอ่อนโยน ก็ควรจะระแวดระวัง จากนั้นก็แสร้งทำเป็นมารดาเมตตาบุตรกตัญญูด้วยกันกับฮูหยินต่อไป หลังจากที่ท่านโหวผ่านไปแล้วค่อยมาทะเลาะกันต่อกู้จิ่งซีไร้ซึ่งทางเลือก เดิมทีเขาคิดว่าเด็กสองคนนี้น่าจะทะเลาะกันเสร็จแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าเด็กสาวผู้นั้นจะเล่นไม้นี้กับเขาอีก คราวนี้ถึงเขาไม่คิดจะยุ่งก็คงต้องยุ่งแล้วบรรยากาศเงียบงันไปชั่วขณะ กู้ซิวหมิงเหลือบมองเมิ่งจิ่นเหยาด้วยสายตาเชือดเฉือนอย่างไม่สบอารมณ์ สายตาเช่นนั้นราวกับกำลังบอกว่า ‘สตรีชั่วร้าย เจ้าจงใจเป็นแน่!’เมิ่งจิ่นเหยาอ่านแววตาของเขาออก จึงขยิบตาไปทางเขา พลางตอบรับเขาอย่างไร้เสียง ‘ก็จงใจน่ะสิ!’ทว่านางคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่ากู้ซิวหมิงจะขาดความระแวดระวังถึงเพียงนี้ ในขณะที่นางเปลี่ยนท่าทีกะทั

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 134

    กู้จิ่งซีพยักหน้าพลางส่งเสียง “อืม” จากนั้นก็ถามอีกว่า “ยังมีเรื่องอันใดอีกหรือไม่?”“ตอนนี้ยังไม่มีขอรับ ลูกจะกลับไปคัดกฎตระกูลเดี๋ยวนี้ เมื่อคัดเสร็จแล้วจะนำมาให้ท่านพ่อดูขอรับ” กู้ซิวหมิงกล่าวจบ ก็คำนับไปที่กู้จิ่งซีและเมิ่งจิ่นเหยา จากนั้นก็จากไปพอเขาเดินไปแล้ว กู้จิ่งซีก้าวเท้าไปหาเมิ่งจิ่นเหยา แล้วเรียกนางอย่างแผ่วเบา “ฮูหยิน”เมิ่งจิ่นเหยาฝืนยิ้มออกมา พลางเอ่ยออกมาอย่างแจ่มใส “ท่านพี่”“เมื่อครู่เกิดอันใดขึ้น?” กู้จิ่งซีถามอย่างรู้คำตอบดีอยู่แล้วเมิ่งจิ่นเหยากะพริบตาอย่างไร้เดียงสา พลางกล่าวว่า “ท่านพี่ก็เห็นหมดแล้วมิใช่หรือเจ้าคะ? บุตรชายของท่านรังแกข้า” นางถอนหายใจอย่างแผ่วเบาด้วยความเศร้าสลด แสร้งทำเป็นสาวงามผู้อ่อนแอ “เฮ้อ ถึงที่สุดข้าก็มิใช่มารดาของเขา ไม่ขอร้องให้เขาปฏิบัติต่อข้าเหมือนกับปฏิบัติต่อมารดาผู้ให้กำเนิด ทว่าดีร้ายอย่างไรก็ต้องเคารพข้าบางส่วน ทว่าเขากลับพูดจาไม่ดีต่อข้า”เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ มุมปากของกู้จิ่งซีก็กระตุกเล็กน้อย จึงถามไปตามตรงว่า “ที่พวกเจ้าทะเลาะกันเมื่อครู่ผู้ใดชนะงั้นหรือ?”เมิ่งจิ่นเหยาโกหกตาไม่กะพริบ ตอบทันทีโดยไม่ต้องคิด “ก็ต้อง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 135

    หนิงตงกำลังมองเงาร่างของนายและบ่าวสองคนที่เดินจากไป ยังไม่ทันหายจากความหวาดกลัว กล่าวด้วยเสียงกระซิบว่า “ฮูหยิน เมื่อครู่ทำให้ข้าน้อยตกใจแทบแย่เจ้าค่ะ โชคดีที่ท่านโหวไม่ได้ทำอันใดท่าน”เมิ่งจิ่นเหยากลับสงบนิ่ง “บุตรชายของเขามีความผิดอยู่ก่อน ต่อให้ต้องลงโทษ ก็ลงโทษเบากว่าบุตรชายของเขา”ทว่าถึงอย่างนั้น หนิงตงก็ยังคงกังวล จึงกล่าวเตือน “ครั้งหน้าท่านพยายามหลีกเลี่ยงติดต่อกับซื่อจื่อให้มากที่สุดเถิดเจ้าค่ะ เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนหนีการแต่งงานทำให้ฮูหยินกลายเป็นตัวตลก สุดท้ายกลับมาบอกว่าเป็นความผิดของฮูหยิน ผู้ที่เอาแต่โทษฟ้าโทษดิน ปัดความรับผิดชอบเช่นนี้ พบปะให้น้อยลงดีกว่าเจ้าค่ะ ผู้ใดจะรู้ เขาอาจจะเสียสติในวันใดหนึ่งและกัดผู้อื่นไปทั่วอีกหรือไม่”เมิ่งจิ่นเหยาพยักหน้าเล็กน้อย พลางกล่าวอย่างอ่อนโยน “วางใจเถิด ข้าไม่มีเวลาว่างไปหาเรื่องเขาก่อนขนาดนั้น วันนี้พบกันโดยบังเอิญ พูดได้เพียงว่าโชคร้ายเท่านั้น”ก่อนหน้านี้เมิ่งจิ่นเหยาไปพบกู้ซิวหมิงก่อนเองสองครั้ง ต่างก็พาชุนหลิ่วไปด้วย หนิงตงไม่เคยเห็นฉากการเผชิญหน้ากันของเจ้านายตัวเองกับกู้ซิวหมิงมาก่อนเลย เมื่อวันนี้ได้เห็น นางสงสารนายหญิ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 136  

    ชุนหลิ่วขมวดคิ้ว “หลี่อี๋เหนียงผู้นี้ไร้ระเบียบเกินไปแล้ว” เมิ่งจิ่นเหยาเม้มริมฝีปาก “ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด สิ่งนี้จะโทษนางก็ไม่ได้ นางไม่มา ข้าก็สบายใจไป” นางรู้ว่าทั้งหมดนี้ต้องความคิดของกู้ซิวหมิง หลี่หว่านเอ๋อร์เข้าจวนไม่นาน ก่อนเข้าจวนก็มิเคยมีหมอมอคอยชี้แนะระเบียบประเพณี เดาว่าคงไม่เข้าใจกฎของตระกูลใหญ่ ไม่รู้ว่าผู้เป็นอนุภรรยาจะต้องเข้ามาเคารพผู้อาวุโสในยามเช้า ทว่ากู้ซิวหมิงที่รู้เรื่องนี้ดี แต่กลับไม่เตือนหลี่หว่านเอ๋อร์ เห็นได้ชัดว่าเขากลัวว่านางจะหาเรื่องทำให้ให้หลี่หว่านเอ๋อร์อึดอัด ถึงได้ไม่เตือน และเป็นเพราะไม่รู้เรื่องนี้ จึงละเลยการคารวะนางยามเช้าไป ชุนหลิ่วอึดอัดใจ คิดไม่ตกว่าหลี่อี๋เหนียงคนนั้นป้อนยาเสน่ห์อะไรให้ท่านซื่อจื่อกิน ถึงได้ทำให้ท่านซื่อจื่อทอดทิ้งฮูหยินผู้ซึ่งงดงามเพียบพร้อม หนีไปกับหลี่อี๋เหนียงที่ไม่รู้จักมารยาทคนนั้น ก่อเรื่องน่าอับอายใหญ่โตเช่นนั้นขึ้น นางเหลือบสายตามองเมิ่งจิ่นเหยาที่ดูไม่แยแสอะไรทั้งสิ้น ก่อนจะเอ่ยประโยคหนึ่งว่า “ฮูหยินใจดียิ่งนัก” เมิ่งจิ่นเหยาตอบกลับ “หลี่อี๋เหนียงไม่เคยไหว้ฟ้าดิน ไม่เคยไหว้บุพการี มิใช่ลูกสะใภ้โดยชอบธรรมข

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 137  

    ฮูหยินผู้เฒ่ากู้แม้พยายามควบคุมอารมณ์เต็มที่ ทว่าความผิดหวังในใจก็ยังยากจะปิดบัง ผู้น้อยในที่แห่งนี้ล้วนเห็นนางขมวดคิ้วไม่สบอารมณ์ สีหน้าฉายแววผิดหวังเต็มประดา ชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับวิธีการของกู้ซิวหมิงอย่างยิ่งยวด อีกทั้งยังผิดหวังอย่างมาก ทว่าทุกคนก็มิได้แปลกใจกับเรื่องนี้นัก ถึงอย่างไรก่อนที่กู้ซิวหมิงหนีพิธีวิวาห์ ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ก็รักหลานชายคนนี้มากที่สุด ในบรรดาหลานชายทั้งสี่คน ก็ตั้งความหวังกับเขาไว้มากที่สุด บัดนี้ด้วยความประพฤติอันเลวร้ายและอุปนิสัยเอาแต่ใจตนเองของกู้ซิวหมิง หากไม่รู้สึกผิดหวังนั่นก็แปลกแล้ว นางจางเห็นแล้ว แอบรู้สึกดีอยู่ลึก ๆ ในใจ มุมปากกระตุกขึ้นเล็กน้อย และยิ่งรู้สึกว่ากู้ซิวเหวินจะต้องได้เป็นบุตรบุญธรรมของบ้านสามแน่ กู้ซิวหมิงเจ้าเด็กโง่นั่น คงคิดว่าน้องชายสามีไม่สามารถมีทายาทได้ และมีเพียงเขาที่เป็นบุตรชายคนเดียว ช้าเร็วอย่างไรตำแหน่งก็ต้องเป็นของเขากระมัง ถึงได้ไม่เกรงกลัวเพราะมีกำลังหนุนหลัง กล้าทำตัวเอาแต่ใจตนเองเช่นนี้ นางเฉินเหลือบสายตาเห็นรอยยิ้มลาง ๆ คล้ายมีคล้ายไม่มีตรงมุมปากของนางแล้ว ก็เม้มปากเล็กน้อย นึกดูแคลนอยู่ในใจ หญิงชรายังไม่เคยเ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 138  

    เมิ่งจิ่นเหยาถอนหายใจเสียงเบาหวิวออกมาอีกครั้ง “ระยะนี้ท่านพี่มีงานราชการรัดตัว ออกไปแต่เช้าค่ำแล้วจึงกลับ ยามเช้าข้ายังไม่ทันตื่นนอนเขาก็ออกไปแล้ว ตกดึกเห็นเดือนเห็นดาวเต็มฟ้าแล้วจึงกลับ ถึงยามนั้นข้าก็เข้านอนแล้ว ไม่รู้ว่ายามใดเขาจะกลับมาถึง ไว้ท่านพี่พอมีเวลาว่างก่อน ข้าค่อยเอ่ยเรื่องนี้กับท่านพี่อีกครั้งแล้วกัน” นางเฉินค่อยรู้สึกพอใจในยามนี้เอง ก็ผงกศีรษะเบา ๆ “ก็ควรเป็นเช่นนี้ จะปล่อยให้เขาทำตามอำเภอใจไม่ได้เด็ดขาด มิเช่นนั้นแล้วดรุณีจากตระกูลบุญหนักศักดิ์ใหญ่ใดเล่าจะกล้าสมรสกับเขา?” นางเอ่ยพลางก็ชะงักไป ก่อนจะดึงแม่สามีมาพูดถึงตรง ๆ “วันนี้ท่านแม่เพิ่งกลับมาถึง เรื่องเหลวไหลที่ซิวหมิงกระทำในวันนี้ ท่านแม่ยังไม่ทราบ ไว้ท่านแม่รับรู้เรื่องราวแล้ว เดาว่าจะต้องเดือดดาลไม่เบาแน่ หากว่าโกรธจนเสียสุขภาพไปด้วยนั่นจะใช่เรื่องดีหรือ?” เมิ่งจิ่นเหยาผงกศีรษะตอบ “พี่สะใภ้รองวางใจเถิด พรุ่งนี้เป็นวันหยุด ท่านพี่น่าจะมีเวลาว่าแล้ว ถึงยามนั้นข้าจะคุยเขาอีกครั้ง” นางจางอยู่ด้านข้าง ฟังบทสนทนาของพวกนางทั้งสองคน พูดตามความจริงแล้ว วิธีการของกู้ซิวหมิง มากน้อยอย่างไรก็ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงเกี

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 139  

    ณ โถงโซ่วอัน วันนี้เป็นวันหยุดราชการ ประจวบเหมาะกับเป็นวันที่ต้องไปคารวะยามเช้าต่อผู้อาวุโสกู้พอดี ทั้งบ้านใหญ่ บ้านรอง บ้านสามไปถึงโถงโซ่วอันแทบจะเป็นเวลาเดียวกัน ยามนั้นฮูหยินผู้เฒ่ากู้กำลังกินอาหารมื้อเช้าอยู่พอดี กลับเป็นผู้น้อยที่ต้องการแสดงความกตัญญูสุดหัวใจ ปรนนิบัตินางขณะกินอาหาร ทว่านางกลับไม่ต้องการสิ่งเหล่านั้น คิดว่ามีผู้น้อยอยู่ด้วยจะยิ่งวุ่นวาย และรบกวนนางขณะกำลังกินอาหาร จึงสั่งให้พวกเขาทุกคนออกไปคอยตนที่โถงรับรองแทน มีมารดาสามีที่เรื่องน้อยแบบนี้ ถือว่าเป็นวาสนาของลูกสะใภ้แล้ว ผู้อาวุโสของบางตระกูล แม้จะมีสาวใช้คอยปรนนิบัติรับใช้อยู่เต็มห้องแล้ว แต่ก็ยังต้องการให้ลูกสะใภ้เข้ามาปรนนิบัติขณะตื่นนอน ขณะกินอาหารในทุกวัน ตั้งกฎให้ลูกสะใภ้ปฏิบัติตาม ทรมานน่าดูเชียว แต่ผู้อาวุโสของพวกเขา หากคิดจะแสดงความกตัญญูก็แค่เอาใจสักหน่อย นางก็จะบอกว่า “เจ้าแต่งเข้าเรือนมาเป็นสะใภ้ มิใช่คนใช้ เรื่องแบบนี้ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าทำ” และเมื่อเจ้าคิดว่าคนแก่เฒ่าจะต้องรู้สึกเงียบเหงา จึงอยากเข้ามาคารวะยามเช้าให้ได้ทุกวัน คอยอยู่ข้างกายและพูดคุยกับนางเพื่อคลายความอุดอู้ให้แล้ว นางจะยิ่ง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 140  

    และวันนี้ กู้ซิวหมิงกลับพาอนุภรรยาที่ไม่คู่ควรคนนั้นมาด้วย ไม่รู้ว่าเพราะเขาใจใหญ่ หรือเพราะคิดว่าตนเองคือซื่อจื่อ คือหลานชายคนที่ท่านย่ารักสุดดวงใจ แล้วจะได้รับข้อยกเว้น กู้ซิวหมิงเองก็สังเกตเห็นบรรยากาศที่ประหลาดออกไปบ้างแล้ว แต่ก็มิได้เหลียวตามอง น้อมคารวะต่อฮูหยินผู้เฒ่ากู้ด้วยความเคารพนบนอบ “หลานชายคารวะท่านย่า ขอให้ท่านย่ามีความสุขความเจริญ” หลี่อี๋เหนียงถูกสายตาจำนวนมากมองประเมิน ก็รู้สึกวางตัวไม่ถูก เห็นกู้ซิวหมิงทำความเคารพ ก็รีบยอบกายทำความเคารพต่อฮูหยินผู้เฒ่ากู้ด้วยเช่นกัน “หลานสะใภ้คารวะท่านย่า ขอให้ท่านย่ามีความสุขความเจริญ” ครั้นวาจานี้ถูกเอ่ยออกมา บรรยากาศยิ่งประหลาดมากกว่าเก่า อนุภรรยานับเป็นหลานสะใภ้ได้ที่ไหน? มีเพียงภรรยาเอกที่ผ่านพิธีสมรสโดยชอบธรรมแล้วเท่านั้นถึงจะเป็นหลานสะใภ้ที่ถูกต้องตามครรลอง อนุภรรยาแทนตนเองว่าหลานสะใภ้เช่นนี้ เคราะห์ดีแล้วที่ไม่มีคนอื่นอยู่ในโถงรับรองแห่งนี้ มิเช่นนั้นคงต้องอับอายขายหน้า กลายเป็นที่น่าขันของผู้อื่นแน่ ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่กระนั้นก็ยังไว้หน้าหลานชาย มิได้เอ่ยปากตำหนิต่อหน้าทุกคน เพียงแต่เพิกเฉยหลี่หว่านเอ

บทล่าสุด

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 340

    กู้จิ่งซีค่อนข้างประหลาดใจ “เจ้าใช้วิธีใด ถึงทำให้เขารับสารภาพเร็วขนาดนั้น?”ฉีอวิ้นเหวินหยักไหล่ หัวเราะพลางกล่าว “นั่นไม่ใช่ความดีความชอบของข้า เมื่อวานมีแม่นางคนหนึ่งมาพบเขา ไม่รู้พูดอะไร เขาก็รับสารภาพแล้ว”เมื่อได้ยิน กู้จิ่งซีก็ขมวดคิ้วแน่น และสัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติบางอย่าง “แม่นางผู้นั้นรู้ได้อย่างไรว่าเขาถูกจับตัว?”ฉีอวิ้นเหวินเหลือบมองเขาด้วยสายตาแปลก ๆ และถามกลับว่า “โจรขโมยหญิงงามที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ และชั่วร้ายถูกจับตัวได้แล้ว เป็นเรื่องที่ใหญ่มาก เมื่อคืนข่าวนี้แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวงแล้ว หรือว่าเจ้าไม่รู้หรือ? ก็จริง น้องสะใภ้ป่วยแล้ว เจ้าไม่มีกระจิตกระใจจะสนใจเรื่องอื่นก็ปกติ”กู้จิ่งซีปรากฏสายตาที่รู้ทันออกมาฉีอวิ้นเหวินกล่าวอีกว่า “ข้าเห็นแม่นางผู้นั้นแต่งกายเป็นสาวชาวยุทธจักร ซึ่งน่าจะเป็นชาวยุทธจักร และคาดว่าจะมีความเกี่ยวข้องอะไรกับเขา แต่ว่าเรื่องนี้ไม่สำคัญมากนัก เพราะตอนนี้ไขคดีได้ก็พอแล้ว”......จวนฉางซินโหวกู้ซิวหมิงมาคารวะยามเช้าให้เมิ่งจิ่นเหยา เขามาสายก้าวหนึ่ง กู้จิ่งซีเพิ่งออกไป เขาก็เพิ่งจะมาถึงนับตั้งแต่การกักบริเวณสิ้นสุดลง ตราบใดที

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 339

    เมิ่งจิ่นเหยาก็ไม่ปิดบัง และเล่าเรื่องที่พบหญิงวัยกลางคนในวัดหลินอวิ๋นเมื่อวานตอนบ่ายให้ฟังรอบหนึ่งพูดถึงช่วงสุดท้าย นางก็หัวเราะออกมาเบา ๆ “สวรรค์มีตาจริง ๆ จู่ ๆ ข้าก็ฉุกคิดอยากจะไปจุดธูปให้ท่านแม่ที่โถงหว่างเซิงของวัดหลิงอวิ๋น จึงได้พบอดีตบ่าวรับใช้ของท่านแม่ ท่านป้าท่านนั้นป่วยหนักมาก และเหลือเวลาไม่มากแล้ว หากเมื่อวานข้าไม่ได้ไปเจอนางที่วัดหลิงอวิ๋น ความลับนั้นคาดว่าข้าจะไม่มีทางรู้ไปตลอดกาลเจ้าค่ะ”กู้จิ้งซีสีหน้ามืดมนลง พลางละอายใจต่อวิธีที่พ่อตานั้นทำอย่างมาก แม้จะแต่งงานตามคำสั่งของบิดามารดาและการจับคู่ของแม่สื่อ พลางไม่มีความรักระหว่างชายหญิงต่อแม่ยายเขา จะปิดบังความจริงเพราะรู้สึกผิดก็ช่าง ยังปล่อยให้มารดาและแม่เลี้ยงปฏิบัติต่อบุตรสาวที่บริสุทธิ์อย่างรุนแรงอีกเขาเห็นแม่นางน้อยที่โกรธแค้นผสมปนเปกัน ก็ตบหลังมือของแม่นางน้อยเหมือนจะปลอบใจ และกล่าวอย่างเป็นนัยว่า “ฮูหยิน วิญญาณของแม่ยายที่อยู่บนสวรรค์จะไม่ปล่อยพวกเขาไปแน่”เมื่อได้ยิน สีหน้าของเมิ่งจิ่นเหยาก็ชะงักไป พลางสบตาเข้ากับสายตาที่มีความหมายลึกซึ้งของเขา ก็เข้าใจความหมายของเขา และยกรอยยิ้มที่อันตรายขึ้น “จริงด้วย

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 338

    เมิ่งจิ่นเหยาถามเสียงเบาว่า “ท่านหมอ เป็นอย่างไรบ้าง?”หมอประจำจวนเก็บนิ้วมือทั้งสามข้อที่อยู่บนแขนของเมิ่งจิ่นเหยากลับลงไป พลางตอบกลับ “ฮูหยิน ท่านมีปมในใจจนเกิดอาการซึมเศร้า แถมยังได้รับความเย็นเกินไปอีก จึงทำให้จู่ ๆ ก็ไข้ขึ้นสูง และจำเป็นต้องใช้ยาคลายเครียดเสียหน่อยก็จะดีขึ้นขอรับ”เมิ่งจิ่นเหยาพยักหน้า “รบกวนท่านหมอแล้ว”“ไม่รบกวนขอรับ” หมอประจำจวนรีบส่ายหน้า และกล่าวอีกว่า “แต่ว่า ฮูหยินร่างกายอ่อนแอ ควรจะบำรุงร่างกายให้ดีตั้งแต่ยังสาวถึงจะได้นะขอรับ”มิ่งจิ่นเหยาฟังจบ ก็ไม่แปลกใจแม้แต่น้อย เพราะนางรู้มาโดยตลอดว่าตนเองร่างกายอ่อนแอ เจ็บป่วยง่าย โดยเฉพาะช่วงที่อากาศเย็น หากไม่ระวังนิดหน่อยก็จะเป็นหวัด เมื่อก่อนตอนอยู่บ้านมารดา นางไม่มีความพร้อมที่จะดูแลตนเอง ตอนนี้อยู่บ้านสามี นางใส่ใจเรื่องการกินมากขึ้น และได้ดื่มน้ำแกงบำรุงร่างกายอยู่เป็นประจำ ช่วงนี้นางจึงรู้สึกดีมาก สีหน้าก็ดูดีขึ้นแล้วนางกล่าวเสียงอ่อนโยน “ปกติข้าก็ดูแลตนเองอยู่แล้ว รบกวนท่านหมอจัดยาคลายเครียดให้ข้าก็พอ”หมอประจำจวนฟังจบ ก็จ่ายยาคลายเครียดให้นาง และให้สาวใช้ตามเขาไปเอายากลับมาต้มหลังหมอประจำจวนจากไป

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 337

    บนรถม้าชิงชิวกับหนิงตงที่แทบไม่ได้นอนทั้งคืนนั่งพิงกัน และเผลอหลับไปเมิ่งจิ่นเหยาหายป่วยได้ไม่นาน ยังรู้สึกมึนศีรษะ คนทั้งคนก็หมดเรี่ยวแรง จึงเอนหลังพิงผนังรถม้าและหลับตาพักสมองทันใดนั้น รถม้าก็สั่นสะเทือน ท้ายทอยของนางกระแทกเล็กน้อย จึงรีบนั่งตัวตรง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ศีรษะกระแทกอีกกู้จิ่งซีเห็นแม่นางน้อยขมวดคิ้ว พยายามฝืนให้มีชีวิตชีวาขึ้น นั่งตัวหลังตรง ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงยื่นมือโอบนางเข้ามาในอ้อมแขน และให้นางพิงหน้าอกของตนเอง เมื่อสบตาเข้ากับสายตาที่ตกใจของนาง ก็กล่าวด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “หากฮูหยิน อ่อนเพลีย ก็พิงข้าแล้วนอนเสียเถอะ”ตอนนี้เมิ่งจิ่นเหยารู้สึกทั้งตัวไม่มีแรง ศีรษะยังมึน ๆ อยู่ จึงไม่เกรงใจเขา และพิงอยู่บนตัวเขาด้วยความสบายใจอย่าดูถูกแม้กู้จิ่งซีดูจะตัวไม่ใหญ่มาก แต่หน้าอกกว้างใหญ่ พิงอยู่บนตัวเขาอบอุ่นสบายตัว แถมได้กลิ่นดอกกล้วยไม้ที่หอมละมุนจากตัวของเขา ก็รู้สึกสบายใจอย่างอธิบายไม่ถูก แต่กลับไม่มีอาการง่วงเลยบางทีเพราะถูกผู้ชายกอดไว้ในอ้อมแขนเช่นนี้ เลยรู้สึกไม่คุ้นชินหรืออาจเป็นเพราะได้ยินเสียงหัวใจของเขาเต้นตึกตักอยู่ข้างหู มันดังก้องอยู่ที่หู

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 336

    ท่าทางที่ดูป่วยเช่นนี้ ดูน่าเป็นห่วงยิ่งนักคนที่มีไข้ขึ้นสูง ไม่ควรห่มผ้าจนอบอ้าว ไม่เช่นนั้นอาการป่วยจะแย่ลง เขาจึงเปิดผ้าห่มบางออกให้แม่นางน้อยผ่านไปไม่นาน หนิงตงก็ยกอ่างน้ำอุ่นมาด้วยความรีบร้อน โชคดีที่วัดหลิงอวิ๋นมีคนเข้ามาสักการะอย่างเนืองแน่น ปกติจะมีผู้แสวงบุญมาค้างคืน และมีผู้แสวงบุญจำนวนไม่น้อยที่มาจากครอบครัวร่ำรวย ดังนั้นเพื่อความสะดวกสบายของแขก ตอนกลางคืนภายในวัดก็มีกักเก็บน้ำร้อนไว้หนิงตงวางอ่างทองแดง พลางถาม “ท่านโหว น้ำอุ่นยกเข้ามาแล้ว ต้องทำอย่างไรหรือเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีตอบกลับ “เช็ดหน้าผาก คอ รักแร้ และแขนขาให้ฮูหยินเพื่อระบายความร้อน”หนิงตงตอบรับ ยกอ่างทองแดงมาข้างหน้าทันที พลางวางอ่างน้ำไว้บนเก้าอี้ที่อยู่หน้าเตียง และเตรียมจะถอดเสื้อผ้าให้นายหญิง ก็มองไปทางกู้จิ่งซีโดยไม่รู้ตัว พบว่าเขาหันหลังให้พวกนาง นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างโต๊ะน้ำชาเมื่อเห็นดังนั้น หนิงตงก็ตกตะลึงเล็กน้อย และแอบพูดในใจว่า ท่านโหวเป็นสุภาพบุรุษจริง ๆ แม้จะเป็นสามีภรรยากับฮูหยิน ก็ไม่ได้ฉวยโอกาสเอาเปรียบหนิงตงไม่คิดอะไรมาก ก็ถอดเสื้อผ้าให้เมิ่งจิ่นเหยาด้วยความเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว และเช็ดตั

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 335

    ในวินาทีนั้น เมิ่งจิ่นเหยาทำจิตใจให้สงบ ก้มหน้าลงมอง เห็นว่าบาดแผลที่มือซ้ายใช้ผ้าพันแผลพันไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อมองเพียงแวบแรกดูท่าทางเหมือนว่าบาดเจ็บสาหัส จึงกล่าวออกมาอย่างอดไม่ได้ว่า “ตอนนี้เลือดไม่ซึมออกมาแล้ว อันที่จริงไม่พันแผลก็ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ”กู้จิ่งซีเหลือบมองนาง พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ถึงแม้ไม่ใช่บาดแผลสาหัส แต่หากไม่พันแผล เมื่อชนหรือกระแทกเข้าโดยไม่ระวังแล้วเลือดไหลออกมาอีก ไม่เป็นผลดีต่อการฟื้นตัว โดยเฉพาะบาดแผลที่ข้อศอก เนื้อผ้าเสียดสีก็อาจเจ็บได้เช่นกัน”เมิ่งจิ่นเหยาตะลึงเล็กน้อย แล้วพยักหน้าในทันทีหลังจากนั้นไม่นาน นางก็ถูกมือของกู้จิ่งซีดึงดูดความสนใจไป มือคู่นั้นเรียวยาวและขาวสะอาด ข้อต่อชัดเจน ราวกับหยกขาวที่แกะสลักอย่างประณีต ดูแล้วสบายตาสบายใจนักเมื่อหลุดออกจากความคิด นางก็ใจลอยอีกครั้งผ่านไปเป็นเวลานาน กู้จิ่งซีช่วยนางพันแผลจนเสร็จ และปล่อยมือของนาง เมื่อเห็นว่ามือขวาของนางยังยกอยู่ ก็กล่าวว่า “ฮูหยิน เสร็จแล้ว”แต่เมิ่งจิ่นเหยาดูเหมือนจะไม่ได้ยินคำพูดของเขา เขาจึงเรียกอีกครั้ง “ฮูหยิน?”เวลานี้ เมิ่งจิ่นเหยาถึงค่อย ๆ ได้สติกลับมา และพบกับส

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 334

    เขากำลังเตรียมจะปลอบโยนนางสักหลายประโยค ทำให้อารมณ์ของแม่นางน้อยสงบลง แล้วค่อยถามให้ชัดเจนอีกครั้งว่าเกิดอันใดขึ้นกันแน่ ทว่าเวลานี้ หนิงตงได้ยกอ่างน้ำสะอาดเข้ามา เขาจึงกลืนคำพูดที่ติดอยู่ตรงริมฝีปากกลับเข้าไปหนิงตงนำอ่างน้ำมาวางไว้บนโต๊ะ ถามด้วยน้ำเสียงนอบน้อมว่า “นายท่าน ให้ใช้น้ำในอ่างเช่นไรเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีกล่าวกำชับ “ไปหาผ้าสะอาด ๆ มา”หนิงตงรับคำ ไม่นานก็หาผ้าเช็ดหน้าสะอาดที่อยู่ในสัมภาระมาหนึ่งผืน ผ้านี้เตรียมไว้สำหรับให้นายหญิงของนางใช้ล้างหน้ากู้จิ่งซีเหลือบมองไปที่แม่นางน้อย ลังเลอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็รับผ้าเช็ดหน้ามา กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ข้าคนเดียวก็พอแล้ว เจ้าออกไปก่อนเถิด”หนิงตงเหลือบมองนายหญิง เมื่อเห็นว่านายหญิงไม่ได้เอ่ยปากบอกให้นางอยู่ต่อ ก็รับคำแล้วถอยออกไปกู้จิ่งซีกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “มาล้างบาดแผลสักหน่อย ตอนที่เจ้าล้มลงไปเนื้อหนังถลอก แล้วบาดแผลก็เปื้อนฝุ่นด้วย”เมื่อได้ฟังดังนั้น เมิ่งจิ่นเหยาไม่ได้ลังเล ลุกขึ้นแล้วเดินมากู้จิ่งซีดึงมือของนาง ช่วยนางทำความสะอาดบาดแผลที่ฝ่ามือด้วยท่าทีที่อ่อนโยนเมื่อบาดแผลสัมผัสกับน้ำ เมิ่งจิ่นเหยาเจ็บปวดเส

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 333

    กู้จิ่งซีจับจ้องนางอย่างไม่วางตา พลางถามด้วยเสียงอ่อนโยน “ฮูหยิน วันนี้เกิดเรื่องอันใดขึ้นงั้นหรือ?”เมื่อได้ฟังดังนั้น ใบหน้าของเมิ่งจิ่นเหยาก็เต็มไปด้วยความงุนงง พลางถามกลับไปว่า“เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ท่านพี่ก็เห็นหมดแล้วมิใช่หรือเจ้าคะ?”นางกล้าพูดได้เลยว่า นางโตถึงเพียงนี้แล้ว ยังไม่เคยเจอเรื่องที่ตื่นเต้นระทึกขวัญเช่นนี้มาก่อน เพียงชั่วพริบตาเดียวที่รอดพ้นจากความตาย ชีวิตนี้ไม่คิดจะพบเจออีกเป็นครั้งที่สองกู้จิ่งซีเห็นสีหน้าของนางงุนงง ไม่ได้จงใจแสร้งทำเป็นฟังไม่เข้าใจ จึงสัมผัสที่ฝ่ามือของนางอย่างแผ่วเบา พลางถามต่อว่า “เกิดอันใดขึ้นกับมือนี้ของเจ้า? ล้มลงไม่สามารถเกิดบาดแผลเช่นนี้ได้”เมิ่งจิ่นเหยาตกตะลึงไปชั่วขณะ ก้มหน้ามองฝ่ามือของตนเอง บนฝ่ามือยังมีผลงานชิ้นเอกของตนเองเมื่อบ่ายอยู่ เมื่อคิดถึงเรื่องที่พบกับสตรีวัยกลางคนผู้นั้นขึ้นมาได้ ดวงตาของนางก็หม่นลงในฉับพลัน และอยากจะกำมือของตนเองแน่นอีกครั้งโดยไม่รู้ตัวกู้จิ่งซีที่สายตาเฉียบคมและมือไว รีบกุมมือทั้งสองข้างของนางไว้แน่น ขัดขวางการกระทำของนาง เล็บของนางจะได้ไม่บาดบาดแผลและมีเลือดไหลซึมออกมาอีกเล็บของแม่นางน้อยไ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 332

    เมื่อกู้จิ่งซีได้ฟังก็รู้สึกใจอ่อน พลางกล่าวอย่างอ่อนโยน “ให้ข้าดูหน่อย” เมื่อกล่าวจบ เขาก็ยอบกายลง ยกชายกระโปรงของนางขึ้น เตรียมจะดูอาการบาดเจ็บของนาง เมิ่งจิ่นเหยาสีหน้าชะงักค้าง กำลังจะเอ่ยปากขัดขวาง ทว่าเมื่อกลับมาคิดดูอีกทีแล้ว ต่างก็เป็นสามีภรรยาที่นอนหลับอยู่บนเตียงเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องรักษาขอบเขตระหว่างชายหญิงอันใดหลังจากกู้จิ่งซียกชายกระโปรงของนางขึ้นแล้ว มือหนึ่งก็จับไปที่ข้อเท้าขวาของนาง ส่วนอีกข้างม้วนขากางเกงของนางขึ้น เมื่อม้วนขากางเกงไปจนถึงเหนือหัวเข่า ก็จะเห็นได้ว่าตรงหัวเข่าที่ถูกกระแทกตอนล้ม เป็นรอยฟกช้ำไปเรียบร้อยแล้ว ทว่าไม่ได้ร้ายแรงนักกู้จิ่งซีเห็นว่าบาดแผลไม่หนักมาก จึงวางขานางลง แล้วไปดูบาดแผลที่ข้อศอกของนางนางล้มลงไปข้างหน้า บาดแผลตรงข้อศอกจึงชัดเจนมากนัก เสื้อผ้าในฤดูร้อนจะค่อนข้างบางเบา เสื้อผ้าบริเวณข้อศอกล้วนมีร่องรอยขีดข่วนอย่างชัดเจนพอพับแขนเสื้อของนาง ก็เผยให้เห็นแขนที่ขาวราวกับหิมะ เมื่อพลิกข้อศอกก็สามารถมองเห็นได้ว่าผิวหนังถลอกและมีเลือดออกที่แขนทั้งสองข้างของนาง ผิวหนังโดยรอบบวมแดงเล็กน้อย บาดแผลนี้เมื่ออยู่บนมือที่เดิมทีขาวสะอาดไร้ที่ติรา

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status