แชร์

บทที่ 140  

ผู้เขียน: มู่อวิ๋นเฉิง
และวันนี้ กู้ซิวหมิงกลับพาอนุภรรยาที่ไม่คู่ควรคนนั้นมาด้วย ไม่รู้ว่าเพราะเขาใจใหญ่ หรือเพราะคิดว่าตนเองคือซื่อจื่อ คือหลานชายคนที่ท่านย่ารักสุดดวงใจ แล้วจะได้รับข้อยกเว้น

กู้ซิวหมิงเองก็สังเกตเห็นบรรยากาศที่ประหลาดออกไปบ้างแล้ว แต่ก็มิได้เหลียวตามอง น้อมคารวะต่อฮูหยินผู้เฒ่ากู้ด้วยความเคารพนบนอบ “หลานชายคารวะท่านย่า ขอให้ท่านย่ามีความสุขความเจริญ”

หลี่อี๋เหนียงถูกสายตาจำนวนมากมองประเมิน ก็รู้สึกวางตัวไม่ถูก เห็นกู้ซิวหมิงทำความเคารพ ก็รีบยอบกายทำความเคารพต่อฮูหยินผู้เฒ่ากู้ด้วยเช่นกัน “หลานสะใภ้คารวะท่านย่า ขอให้ท่านย่ามีความสุขความเจริญ”

ครั้นวาจานี้ถูกเอ่ยออกมา บรรยากาศยิ่งประหลาดมากกว่าเก่า อนุภรรยานับเป็นหลานสะใภ้ได้ที่ไหน? มีเพียงภรรยาเอกที่ผ่านพิธีสมรสโดยชอบธรรมแล้วเท่านั้นถึงจะเป็นหลานสะใภ้ที่ถูกต้องตามครรลอง อนุภรรยาแทนตนเองว่าหลานสะใภ้เช่นนี้ เคราะห์ดีแล้วที่ไม่มีคนอื่นอยู่ในโถงรับรองแห่งนี้ มิเช่นนั้นคงต้องอับอายขายหน้า กลายเป็นที่น่าขันของผู้อื่นแน่

ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่กระนั้นก็ยังไว้หน้าหลานชาย มิได้เอ่ยปากตำหนิต่อหน้าทุกคน เพียงแต่เพิกเฉยหลี่หว่านเอ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 141  

    ในขณะเดียวกัน คนอื่นก็มองมาทางกู้จิ่งซีเช่นกัน เห็นเขาที่ยามปกติยินดียินร้ายไม่แสดงสีหน้ากำลังดึงหน้าเยือกเย็น ดูไม่โกรธแต่รับรู้ได้ถึงความน่าเกรงขาม แม้กระทั่งเสียงเล็ก ๆ ที่ดังมาจากปลายนิ้วกระทบบนโต๊ะน้ำชาก็ยังทำให้คนอกสั่นขวัญแขวนได้ง่าย ๆ ก็ไม่มีผู้ใดกล้าส่งเสียงรบกวนอารมณ์ขุ่นมัวของเขาอีก เรื่องในวันนี้ เมิ่งจิ่นเหยาเองก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อน คิดไม่ถึงว่ากู้ซิวหมิงที่ได้กอดหญิงงามกลับเรือนแล้วจะหลงระเริงจนลืมตัวเช่นนี้ ถึงขั้นพาหลี่หว่านเอ๋อร์มาให้ผู้อาวุโสพบหน้าทำความรู้จัก และไม่ฉุกคิดเลยสักนิดว่าเรื่องเหลวไหลที่เขาทำลงไปเพื่อหลี่หว่านเอ๋อร์ จะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของตระกูลกู้ เป็นเช่นนี้แล้วพวกผู้อาวุโสจะรู้สึกชมชอบหลี่หว่านเอ๋อร์ได้อย่างไร? ในเมื่อเขาอยากรับหลี่หว่านเอ๋อร์เป็นอนุภรรยาแล้ว ก็ควรจะส่งให้คนไปอบรมสั่งสอนกฎระเบียบให้หลี่หว่านเอ๋อร์ก่อนถึงจะถูกต้องเหมาะสม กลับกระทำเรื่องน่าอับอายอย่างเช่นวันนี้ มีแต่จะยิ่งทำให้ผู้อาวุโสไม่พอใจ บ้านสามยังต้องถูกบ้านใหญ่และบ้านสองเยาะเย้ยถากถาง ผู้เฒ่าก็ยิ่งไม่ถูกชะตากับหญิงคนรักของเขามากขึ้นไปอีก บรรยากาศจมดิ่งเข้าสู่ความเงียบงัน

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 142  

    เขาพูดจบ ก็ผินใบหน้ามองแม่นางข้างกาย ดรุณีน้ำตาคลอเบ้า จ้องมองเขาอย่างอึดอัดสับสน เขาเจ็บปวดหัวใจไม่จบสิ้น ขณะเดียวกันก็สงสารสุดหัวใจ หากมิใช่เพราะเขาบุ่มบ่ามมุทะลุเกินไป วันนี้หว่านเอ๋อร์ก็ไม่ต้องทนกล้ำกลืนกับความไม่เป็นธรรมแล้ว กู้จิ่งซีย่างเท้าไปสองก้าว เห็นบุตรชายไม่ขยับตาม ก็ถามด้วยสีหน้าไม่พอใจ “ยังไม่เดินอีก?” กู้ซิวหมิงเปล่งเสียงรับคำ จากนั้นก็เอ่ยกับหลี่หว่านเอ๋อร์ “หว่านเอ๋อร์ เจ้ากลับไปรอข้าที่เรือนชิงอวี้เซวียนก่อน” หลี่หว่านเอ๋อร์อดทนกลั้นน้ำตาไว้ พยักหน้ารับเบา ๆ จ้องมองเงาแผ่นหลังที่จากไปของสองคนพ่อลูก บัดนี้นางรู้สึกไร้ที่พึ่งพิงอย่างถึงที่สุดแล้ว คงเป็นเพราะเมื่อวานและหลายวันก่อนถูกความรุ่งเรืองมั่งคั่งลวงตา ทำให้หลงคิดไปว่าท่านพี่ซิวหมิงยอมไม่สมรสภรรยาเพื่อนางแล้ว จะไม่มีผู้ใดกล้าข่มเหงรังแกนาง และจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข อยู่ท่ามกลางอาภรณ์แพรพรรณหรูหราและอาหารเลิศรสโอชา มีความมั่งคั่งรุ่งเรืองเคียงข้าง และมีชายหนุ่มคนรักอยู่เคียงคู่ไปตลอดชีวิต และในอนาคตอันใกล้นี้ นางกับท่านพี่ซิวหมิงก็จะให้กำเนิดบุตรธิดาครบถ้วน และมีชีวิตที่เพียบพร้อมสมบูรณ์แบบ คิดไม่ถึ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 143  

    เดิมทีเมิ่งจิ่นเหยาคิดว่าเหตุใดจะต้องสร้างความอึดอัดใจให้สตรีด้วยกัน ในเมื่อพันหมื่นความผิดล้วนอยู่ที่กู้ซิวหมิงที่เป็นตัวปัญหาใหญ่ที่สุด จึงไม่คิดจะทำให้หลี่หว่านเอ๋อร์ต้องลำบากใจมาตั้งแต่ตอนต้นแล้ว แต่ถึงอย่างไรแล้ว นางไม่คิดจะทำให้คนอื่นลำบากใจก็จริง แต่คนอื่นกลับใช้กู้ซิวหมิงมาก่อความรำคาญให้นาง พอพูดแบบนี้แล้ว เหมือนกับว่านางยังคงคิดถึงกู้ซิวหมิงไม่ลืมเลือน อิจฉาริษยาหลี่หว่านเอ๋อร์ ถึงได้หาเรื่องสร้างความอึดอัดใจให้คนอื่น ฟ้าดินเป็นพยาน หากนางคิดจะสร้างความลำบากใจให้หลี่หว่านเอ๋อร์จริง เช่นนั้นก็คงเรียกเจ้าตัวมาตำหนิต่อหน้า ตั้งแต่ที่รู้ว่าหลี่หว่านเอ๋อร์เข้าไปอยู่ในห้องหลักของเรือนชิงอวี้เซวียน หลังจากที่หลี่หว่านเอ๋อร์เข้าจวนมาแล้ว ไยจะต้องรอให้ถึงบัดนี้ด้วย? สีหน้าของนางดูเคร่งขรึมลง ชำเลืองมองหลี่หว่านเอ๋อร์ด้วยสายตาเยือกเย็น พลางเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบว่า “คนที่มีสิทธิ์เรียกข้าว่าท่านแม่ นอกจากกู้ซิวหมิงบุตรชายของข้าแล้ว ก็มีเพียงแค่ฮูหยินของซื่อจื่อที่ผ่านพิธีสมรสอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้วเท่านั้น มิใช่อนุภรรยาของบุตรชายของข้า” สิ้นเสียงของนาง ก็หันไปเอ่ยกับหนิงตงที่อย

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 144  

    หนิงตงได้ยินเจ้านายเอ่ยเช่นนี้ ก็รีบแก้ไขคำพูดทันที “หลี่อี๋เหนียงกับท่านซื่อจื่อเป็นคนประเภทเดียวกัน ไม่แปลกที่จะเข้าขากันได้ดีเจ้าค่ะ” เมิ่งจิ่นเหยาส่งสายตาคาดโทษใส่นางไปหนึ่งที ช่างเป็นเจ้าหนูหัวใสเสียจริง พริบตาเดียวก็รู้ว่าไม่ควรจะเรียกชื่อออกมาตรง ๆ หนิงตงโกรธกรุ่นในใจ ยังคงพึมพำต่อว่า “เป็นอนุของซื่อจื่อ กลับเอาตนเองเสมอฮูหยินซื่อจื่อ ไม่เข้าใจธรรมเนียมประเพณีก็แล้วกันไป แต่ยังไร้ยางอายด้วยนี่สิเจ้าคะ ไม่รู้ว่าพ่อแม่สั่งสอนมาอย่างไร รู้ว่าคุณชายเขาก็มีคู่หมั้นอยู่แล้ว แต่ก็ยังจะหนีตามเขาไปอีก” เมิ่งจิ่นเหยาได้ยินประโยคนี้ พลันชะงักฝีเท้าในทันใด ดึงหน้าขรึม พลางตำหนิด้วยเสียงเข้มว่า “หนิงตง ถ้อยคำเช่นนี้เจ้าอย่าได้พูดออกมาอีก” “เจ้าคะ?” หนิงตงอุทานออกมาอย่างงุนงง ไม่เข้าใจว่าเหตุใดเจ้านายของตนถึงได้เข้มงวดขึ้นมากะทันหัน เมิ่งจิ่นเหยาอธิบาย “พ่อแม่ของหลี่อี๋เหนียงตายไปนานแล้ว ท่านปู่ของนางเป็นคนเลี้ยงดูนางจนเติบใหญ่” ได้ยินเช่นนี้แล้ว หนิงตงเข้าใจทันที หากว่าพ่อแม่ของนางผู้นั้นตายไปนานแล้ว ความจริงก็ไม่สมควรพูดจาลักษณะนี้อย่างเด็ดขาด มิเช่นนั้นก็เหมือนเป็นการสะกิดรอยแผ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 145  

    เมิ่งจิ่นเหยาหลุดหัวเราะออกมาทันที “ไยเจ้าจึงคิดเช่นนี้?” ชุนหลิ่วจิตใจห่อเหี่ยว น้ำเสียงเจือด้วยความน้อยใจ “ก็ท่านสั่งให้ข้าน้อยไปรับใช้ข้างกายหลี่อี๋เหนียงนี่เจ้าคะ” “เจ้าคิดไปถึงไหนแล้ว?” เมิ่งจิ่นเหยาส่ายหน้าเบา ๆ เอ่ยด้วยเสียงอบอุ่น “เจ้าฉลาดเฉลียวออกเพียงนี้ ทำงานได้รอบคอบเหมาะสม ข้าจะทิ้งเจ้าลงหรือ? ข้าเพียงรู้สึกว่าเจ้าเหมาะสมกับหน้าที่นี้มากกว่าคนอื่นก็เท่านั้น ไว้สั่งสอนกฎระเบียบให้หลี่อี๋เหนียงเรียบร้อยแล้ว เจ้ายังต้องกลับมาทำงานที่เรือนเวยหรุยเซวียนเหมือนเดิม” ชุนหลิ่วฟังแล้ว แววตาฉายประกายยินดีออกมา “ฮูหยินจะบอกว่า หากข้าน้อยสอนกฎระเบียบมารยาทให้หลี่อี๋เหนียงเรียบร้อยแล้ว ยังกลับมาปรนนิบัติรับใช้เคียงกายท่านได้ใช่หรือไม่เจ้าคะ?” เมิ่งจิ่นเหยายิ้มก็ถามกลับ “หากมิใช่เช่นนั้นเล่า?” ชุนหลิ่วย้ำกับนางอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ “ตราบใดที่หลี่อี๋เหนียงเรียนรู้มารยาทเรียบร้อยแล้ว ข้าน้อยก็กลับมาได้แล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ?” เมิ่งจิ่นเหยาพยักหน้าน้อย ๆ “ย่อมเป็นเช่นนั้น” หลังได้รับคำตอบที่แน่ชัดแล้ว ชุนหลิ่วผุดยิ้มอย่างเริงร่าทันที นางเป็นสาวใช้ของเรือนเวยหรุยเซวียน เพิ่งไ

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 146  

    หนิงตงหอบหายใจด้วยโทสะ “ฮูหยิน นางทำเกินไปแล้วเจ้าค่ะ ถึงขั้นมาหลอกลวงความรู้สึกของข้าน้อย ทำข้าน้อยรู้สึกผิดกับตนเองอยู่พักหนึ่งเชียว” เมิ่งจิ่นเหยายิ้มพลางเอ่ย “แล้วใครให้เจ้าเฝ้าอิจฉานางทุกวันเล่า?” หนิงตงกะพริบตาปริบ ๆ รีบโน้มน้าวให้เจ้านายเปลี่ยนประเด็นทันที ไม่อยากคิดถึงชุนหลิ่วเจ้าคนโกหกนั่นขึ้นมาอีกแล้ว …… ภายในห้องหนังสือ กู้ซิวหมิงตามบิดาเข้าไปที่ห้องหนังสือด้วยความประหม่า เมื่อเห็นบิดานั่งลง และมองมาทางเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์ หัวใจของเขาพลันบีบรัดแน่นขึ้นมา ไม่กล้าแม้แต่ส่งเสียงหายใจแรง กู้จิ่งซีขมวดหัวคิ้วเล็กน้อย เมื่อก่อนมองเจ้าลูกชายคนนี้แล้วยังรู้สึกว่าใช้ได้พอประมาณ แม้ไม่มีด้านใดโดดเด่นออกมา แต่โดยภาพรวมแล้วก็ดูดี พอจะชื่นชมได้บ้าง แต่บัดนี้แค่เห็นเจ้าลูกชายคนนี้เขาก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันทีแล้ว บิดาและบุตรชายต่างสบตากันในความเงียบงัน แม้เป็นเพียงเสี้ยวขณะสั้น ๆ แต่กลับรู้สึกยาวนานราวหนึ่งชาติภพ กู้ซิวหมิงรับรู้ได้ถึงแรงกดดันอันไร้รูปร่างนี้ ทำให้หัวใจของเขายิ่งรู้สึกวิตกกังวล จนหน้าผากชุ่มเหงื่อแต่ไม่กล้าเลื่อนมือขึ้นไปเช็ด หากถามว่าทั้งตระกูลกู

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 147

    ถ้อยคำนี้เอ่ยออกมา จิตใจของกู้ซิวหมิงสั่นสะท้าน แววตาฉายประกายหวาดผวา พรั่นพรึง เขารีบร้อนส่ายหน้าปฏิเสธ แก้ต่างเพื่อตนเอง “ท่านพ่อ มิใช่เช่นนั้นขอรับ” กู้จิ่งซีมองเขาด้วยสายตาอึมครึม เอ่ยไม่รีบร้อนไม่ยืดยาว “ในเมื่อข้ามีเจ้าเป็นบุตรชายเพียงคนเดียว ทว่าผู้สืบทอดตำแหน่งของจวนโหวก็ใช่จะเป็นของเจ้าคนเดียวเสมอไป และตระกูลกู้ก็ไม่ได้มีเจ้าเป็นเด็กเพียงคนเดียว ในเมื่อเจ้าไม่สามารถรับผิดชอบหน้าที่สำคัญได้ เช่นนั้นก็ให้คนที่ทำได้มารับหน้าที่แทนเสีย” กู้ซิวหมิงหน้าซีดเผือด ในแววตาเต็มไปด้วยความขลาดกลัว สองขาอ่อนระทวย คุกเข่าฟุ่บลงกับพื้น รีบยอมรับผิดทันใด “ท่านพ่อ ลูกสำนึกผิดแล้วจริง ๆ ขอรับ จะไม่มีครั้งต่อไปอีกเด็ดขาด ท่านพ่อได้โปรดเมตตา ให้โอกาสลูกแก้ไขเรื่องผิดพลาดและเริ่มต้นใหม่ด้วยขอรับ” ยามเขาเอ่ยวาจา เสียงสั่นเครือ ก่อนจะถูกรับเป็นลูกบุญธรรม พ่อแม่แท้ ๆ เคยบอกว่าเขาจะได้ไปเป็นซื่อจื่อ เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งจวนโหวในวันข้างหน้า หลังจากถูกรับเป็นบุตรบุญธรรมแล้ว จวนโหวทั้งเบื้องบนเบื้องล่างล้วนแต่ดูแลเอาใจใส่เขาอย่างดีที่สุด ตอนที่เขาเริ่มปรับตัวเข้ากับชีวิตในจวนโหวได้แล้ว ในขณะเดียวกั

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 148  

    นางเอ่ยพลาง ก็ตัดพ้อตนเอง “จริงอยู่ที่นางเป็นหญิงที่มาจากจวนหย่งชางป๋อ มาจากตระกูลขุนนางบุญหนักศักดิ์ใหญ่ มีรูปโฉมงดงามเพริศพริ้ง แต่ข้าเป็นเพียงเด็กสาวกำพร้าที่ไม่มีอะไรเลยคนหนึ่ง ครอบครัวของท่านจะชอบนางมากกว่าก็เป็นเรื่องปกติ” กู้ซิวหมิงแม้รำคาญ แต่เมื่อเห็นดรุณีน้อยน่าเอ็นดูในอ้อมอกของตนเองกำลังร้องไห้ฮือ ๆ ไหล่บางสั่นเทิ้ม เขาก็ใจอ่อนลง ข่มความรู้สึกหงุดหงิดรำคาญไว้ลึกสุดของดวงใจ อดทนเอ่ยวาจาปลอบโยนไปสองประโยค “หว่านเอ๋อร์เจ้าอย่าร้องไห้เลย พวกเขาจะชอบหรือไม่ชอบไม่สำคัญ ตราบใดที่ข้าชอบเจ้าก็เพียงพอแล้ว” แต่ถึงอย่างไรแล้ว หลี่หว่านเอ๋อร์หนนี้กลับมิได้สงบอารมณ์ลงง่ายดายเพียงนั้นแล้ว คำพูดเหล่านี้ไม่ได้ช่วยให้นางรู้สึกดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย ตราบใดที่นางคิดถึงเรื่องน่าอับอายในโถงโซ่วอันที่ตนกระทำเพราะไม่รู้มารยาท สายตาเหล่านั้นยามที่จ้องมองมาทางนาง สายตาที่ชวนให้คิดตามนั่น ทำให้นางรู้สึกอยากจะแทรกแผ่นดินหนี คิดถึงวันข้างหน้าหากตนต้องออกจากเรือนไปข้างนอก และบังเอิญพบคนเหล่านั้นเข้าจะต้องถูกดูหมิ่นดูแคลน นางก็ยิ่งรู้สึกพรั่นพรึงแล้ว นางเงยหน้าขึ้นมองกู้ซิวหมิงช้า ๆ บนหน้าเล็กที่เปื้อน

บทล่าสุด

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 278

    แต่โดยรวมแล้ว หลานสาวคนโตก็ไม่ใช่คนเลวร้ายจนไม่อาจให้อภัยได้ นอกจากรังแกเซวียนหลิงแล้ว ก็ไม่เคยเป็นฝ่ายทำร้ายใคร เพียงแต่คนเป็นบิดามารดาไม่ได้อบรมสั่งสอนให้ดี เลยเลี้ยงเด็กดีในทางที่ผิด หากต่อไปไม่พบเจอกับเรื่องอะไร นิสัยนี้เกรงว่าจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้แล้วหลังจากนั้น ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ก็ชักสายตากลับ และกล่าวด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “เซวียนอี๋ เซวียนหลิงกลับไปก่อนเถอะ”ทันทีที่กู้เซวียนอี๋กับกู้เซวียนหลิงได้ยิน ก็รู้ว่าเหล่าอาวุโสมีเรื่องต้องพูดคุยกัน จึงตอบรับอย่างเชื่อฟัง และออกจากโถงโซ่วอันไปหลังจากนั้น ฮูหยินผู้เฒ่ากู้ก็ไล่สาวใช้ที่ปรนนิบัติให้ออกไป จึงเหลือเพียงเฝิงหมอมอ รวมทั้งลูกสะใภ้อีกสามคนเท่านั้นนางจางอดสงสัยไม่ได้ จึงถาม “ท่านแม่ ท่านมีเรื่องสำคัญอะไรจะปรึกษากับพวกเราหรือเจ้าคะ?”ฮูหยินผู้เฒ่ากู้กล่าวด้วยเสียงอ่อนโยน “สะใภ้ใหญ่ สะใภ้รอง เซวียนอี๋กับเซวียนหลิงเด็กทั้งสองถึงวัยปักปิ่น และถึงวัยที่จะพูดคุยเรื่องแต่งงานได้แล้ว พวกเจ้าเป็นมารดามีบุคคลที่ถูกใจหรือยัง?”เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ นางเฉินก็รีบกล่าวทันที “ท่านแม่ เรื่องงานแต่งของเซวียนหลิง ปีนี้ลูกสะใภ้ให้ความสำคัญอยู่ตลอด

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 277

    ยามดึกสงัด ผู้คนกำลังพักผ่อน เมิ่งจิ่นเหยานอนอยู่บนเตียง เตียงของฤดูร้อนเปลี่ยนเป็นเสื่อหยก เสื่อหยกไม่ได้ทำจากหยก แต่เป็นเสื่อเย็นที่ทำมาจากไม้ไผ่ สามารถลดอุณหภูมิได้ ฤดูร้อนนอนอยู่บนนั้นจะรู้สึกสบายเล็กน้อย หน้าต่างก็เปิดเอาไว้ ลมฤดูร้อนพัดเข้ามาจะได้ขับไล่ความร้อน และภายในห้องไม่ต้องวางกระจกน้ำแข็งก็ไม่รู้สึกร้อนเช่นกันสบโอกาสตอนที่กู้จิ่งซีไปอาบน้ำยังไม่กลับมา เมิ่งจิ่นเหยาคิดสักพัก จึงขยับตัวนอนยังตำแหน่งของกู้จิ่งซี ถึงอย่างไรกู้จิ่งซีก็ยังไม่กลับมา นางถูตัวกับความเย็น ทำให้รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นและความเย็นของเสื่อหยกที่แพร่กระจายออกมา นางสบายตัวจึงหรี่ตาขี้นมาผ่านไปไม่นาน กู้จิ่งซีกลับมา พบว่าแม่นางน้อยที่อยู่บนเตียงหลับไปแล้ว แถมยังนอนอยู่ตรงตำแหน่งของเขาอีกด้วยแม่นางน้อยสวมเสื้อเสื้อผ้าไหมตัวบาง แม้แต่เสื้อด้านในเป็นสีอะไรล้วนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนเขาเห็นแล้ว ก็ละสายตาด้วยสีหน้าที่อึดอัด แต่สุดท้ายกลับไม่กล้าหยิบผ้าห่มไปคลุมให้แม่นางน้อย เพราะครั้งก่อนคลุมให้แล้ว กลับทำให้แม่นางน้อยร้อนจนตื่น แถมยังโกรธและโทษที่เขารบกวนการนอนหลับอีกพวกเขาเป็นสามีภรรยาที่ต้องใช

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 276

    เมิ่งจิ่นเหยามองนางด้วยความตกใจ เมื่อเห็นใบหน้านางมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น และราวกับมีความแค้นอะไรกับกู้ซิวหมิง จึงสับสนเล็กน้อย “เจ้าดูเหมือนดีใจมากเมื่อเห็นเขาโชคร้าย?”ท่านหญิงจิ้งหนิงเชิดริมฝีปาก ด้วยสีหน้าที่ดูแคลน “ข้าก็แค่ไม่ชอบขี้หน้าเขา ชอบทำท่าวางมาดทั้งวัน ดูเหมือนจะเป็นคนดี แต่จริง ๆ แล้วกลับเป็นสุภาพบุรุษจอมปลอม คนอื่นกลับบอกว่าเขาสุภาพอ่อนโยน และมีท่าทางแบบท่านโหว”เมิ่งจิ่นเหยาตกใจ “อาเหยียนสายตาเฉียบคมมาก”ท่านหญิงจิ้งหนิงยิ้มอย่างเขินอาย “ก็พอได้ แต่เพราะข้าเคยเห็นด้านที่ไม่ดีของเขา จึงรู้สึกว่าเขาแตกต่างกับพฤติกรรมที่แสดงออกมาอย่างมาก”ขณะที่นางพูด ก็ดื่มน้ำเชื่อมอีกหนึ่งอึก น้ำเชื่อมที่เย็นหอมหวานเข้าไปในปาก ทำให้รู้สึกสดชื่นไปทั่วทั้งตัว และกล่าวอีกว่า “อย่าเพิ่งกล่าวถึงเขาเลย ดื่มตอนที่มันยังเย็น อีกเดี๋ยวมันร้อนคาดว่าจะไม่อร่อยมากแล้ว”หลังดื่มน้ำเชื่อม ท่านหญิงจิ้งหนิงก็อยู่อีกกว่าครึ่งชั่วยามจึงจะกลับจวนเหลียงอ๋อง ......กู้จิ่งซีเลิกงานกลับมาเมิ่งจิ่นเหยาเห็นเขา ก็เรียกเขาด้วยเสียงอ่อนโยน “ท่านพี่”จากนั้น นางก็สั่งให้หนิงตงยกน้ำเชื่อมลิ้นจี่

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 275

    เวลาเที่ยง ท่านหญิงจิ้งหนิงยังอยู่ที่จวนท่านโหว กินอาหารกลางวันด้วยกันกับเมิ่งจิ่นเหยาเมื่อกินอาหารกลางวันเสร็จแล้ว เมิ่งจิ่นเหยาก็ได้กำชับสาวใช้ให้ทำลิ้นจี่แห้วเย็นในน้ำเชื่อม เมื่อทำเสร็จแล้วก็ส่งไปให้บ้านใหญ่กับบ้านรองสักหน่อยลิ้นจี่ทำให้ร้อนในได้ ทว่าแห้วแก้ร้อนใน ทำน้ำเชื่อมให้อร่อยหวานสดชื่น แช่เย็นก็ยิ่งดี เมื่อกินลงไปทำให้เย็นสดชื่นและหอมหวาน ทั้งยังสามารถดับร้อนได้ด้วย เหมาะที่จะดื่มสิ่งนี้ตอนอากาศร้อนยิ่งนักท่านหญิงจิ้งหนิงดื่มไปหนึ่งคำก็ส่งเสียงถอนหายใจออกมาอย่างสบายใจ “ไม่เลวเลยจริง ๆ ทำไมก่อนหน้านี้ข้าจึงคิดไม่ถึงว่าควรเอามันมาทำเป็นน้ำเชื่อมนะ?”เมิ่งจิ่นเหยาตอบกลับ “อยู่ ๆ ข้าก็เพิ่งนึกได้เช่นเดียวกัน”“ก่อนหน้านี้เจ้ากินลิ้นจี่เช่นนี้ตลอดเลยหรือ?” ท่านหญิงจิ้งหนิงเหลือบมองนางอย่างประหลาดใจ แล้วพยักหน้าอีกครั้ง “เป็นเจ้าที่เข้าใจเสพสุข เช่นนี้อร่อยมากทีเดียว”เมิ่งจิ่นเหยาส่ายศีรษะ ตอบกลับด้วยเสียงอ่อนโยน “ไม่ใช่ ก่อนหน้านี้ไม่เคยกิน เพียงแค่ฉุกคิดขึ้นมาได้จึงอยากลองทำดูเท่านั้น ตอนที่ท่านปู่ยังมีชีวิตอยู่ ข้าเคยกินลิ้นจี่ครั้งเดียว หลังจากนั้นก็เมื่อวานซืนกับเม

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 274

    ท่านหญิงจิ้งหนิงเห็นนางมองดูลิ้นจี่อย่างตะลึงงัน ไม่รู้ว่าเพราะเหตุอันใด จึงกล่าวอย่างไม่ได้สนใจว่า “เจ้าบอกว่าชอบมิใช่หรือ? ข้าได้รับมาจากเสด็จย่าเมื่อวานตอนบ่าย ให้เจ้าทั้งหมดเลย”เมิ่งจิ่นเหยาตกตะลึงเล็กน้อย มิน่าเล่าเมื่อวานนางกินอาหารกลางวันเสร็จแล้วจึงรีบร้อนจากไป ที่แท้ก็เข้าไปในวังนี่เอง ไปหาไทเฮาเพื่อขอลิ้นจี่มาให้นาง ดูแล้วลิ้นจี่นี้น่าจะสักสี่ห้าชั่งได้ ฝ่าบาทพระราชทานให้แก่ขุนนางเพียงแค่หนึ่งชั่งกว่าเท่านั้น สี่ห้าชั่งนี้ช่างล้ำค่ายิ่งนักเมิ่งจิ่นเหยาจ้องมองไปที่สาวน้อยที่อยู่ตรงหน้าอย่างตกอยู่ในภวังค์ หัวใจถูกปกคลุมไปด้วยไออุ่น ภายในใจรู้สึกอบอุ่นนัก จึงถามด้วยเสียงอ่อนโยน “อาเหยียน ให้ข้าหมดแล้ว เจ้ากินอันใด?”ท่านหญิงจิ้งหนิงกล่าวอย่างไม่ใส่ใจนัก “ข้ากินทุกปี ปีนี้กินไปหลายลูกแล้ว กินจนหายอยาก ตอนนี้ไม่ได้สนใจเท่าใดแล้ว พอดีเจ้าชื่นชอบ จึงเอามามอบให้เจ้า”เมิ่งจิ่นเหยาเม้มริมฝีปาก “ขอบใจมากนะอาเหยียน”ท่านหญิงจิ้งหนิงยิ้มอย่างขัดเขิน “ไม่ต้องเกรงใจ ก่อนที่ข้าจะนำมา ได้ใช้น้ำแข็งรักษาความสดไว้ด้วย เจ้าให้คนไปเอาน้ำแข็งมาสักหน่อย มิเช่นนั้นอากาศร้อนแล้ว มันจะเสียได้ง

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 273

    ถือโอกาสที่ตอนนี้แสงอาทิตย์ยังไม่แรงเกินไป เมิ่งจิ่นเหยาพาท่านหญิงจิ้งหนิงไปเดินเล่นภายในจวนเพียงแต่ ดูเหมือนกับท่านหญิงจิ้งหนิงจะคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมภายในจวน จึงรู้ว่าด้านใดมีสะพาน ด้านใดมีศาลา และริมสระน้ำด้านใดเย็นมากกว่ากันเมิ่งจิ่นเหยาประหลาดใจเล็กน้อย “อาเหยียน ดูเหมือนว่าเจ้าจะคุ้นเคยกับจวนท่านโหวอยู่บ้าง”ท่านหญิงจิ้งหนิงตอบตามความจริง “ข้ามาที่จวนฉางซินโหวหลายครั้งแล้ว ตอนที่จัดงานเลี้ยงวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่า ดังนั้นจึงคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมภายในจวนอยู่บ้าง” นางกล่าว แล้วหันไปมองเมิ่งจิ่นเหยา “ใช่แล้ว ตอนที่เจ้าแต่งงาน ข้าก็อยู่ด้วย ข้ามาดื่มสุรามงคลกับท่านแม่”เมิ่งจิ่นเหยาเข้าใจ “ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง”ท่านหญิงจิ้งหนิงกล่าวอีกว่า “วันนี้ข้ามาอย่างหุนหันพลันแล่นเช่นนี้ ยังไม่ได้ไปเยี่ยมคารวะฮูหยินผู้เฒ่าเลย”มาเป็นแขกที่เรือนของผู้อื่น ไปทักทายผู้อาวุโสเสียหน่อย เป็นมารยาทพื้นฐานเมิ่งจิ่นเหยากล่าวตอบ “เช่นนั้นเจ้าก็มาผิดจังหวะแล้วละ เมื่อวานแม่สามีของข้าไปพักอยู่ที่วัดเป็นการชั่วคราว คาดว่าอีกสองสามวันถึงจะกลับมา”ท่านหญิงจิ้งหนิงก็ไม่ได้แปลกใจ เพียงแค่พยักหน

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 272

    กู้จิ่งซีมองใบหน้าที่หลับใหลอย่างสงบของแม่นางน้อย ท่าทางไร้การป้องกันแม้แต่น้อย ทันใดนั้นเขาก็เริ่มรู้สึกว่าตนเองคิดมากเกินไป เดิมทีพวกเขาก็เป็นสามีภรรยากัน ทำตามใจชอบบ้างก็ไม่เป็นไร ระมัดระวังตัวมากเกินไปกลับไม่เหมือนสามีภรรยากันเสียด้วยซ้ำ แม่นางน้อยคิดที่จะใช้ชีวิตร่วมกันกับเขาตลอดไปจริง ๆ ถึงได้เป็นเช่นนี้……วันต่อมาเมิ่งจิ่นเหยาเพิ่งจะกินข้าวเช้าเสร็จได้ไม่นาน กำลังเตรียมตัวไปอ่านหนังสือเพื่อฆ่าเวลาเสียหน่อย ก็มีสาวใช้เข้ามารายงานว่าท่านหญิงจิ้งหนิงมาที่นี่นางตะลึงเล็กน้อย รู้สึกจับต้นจนปลายไม่ถูกนิดหน่อย ไม่รู้ว่าอยู่ ๆ ท่านหญิงจิ้งหนิงมาหานางทำไม จึงรีบกำชับว่า “รีบไปเชิญท่านหญิงจิ้งหนิงเข้ามาเร็วเข้า”ผ่านไปไม่นาน สาวใช้ก็พาท่านหญิงจิ้งหนิงมาที่เรือนเวยหรุยเซวียนเมื่อเมิ่งจิ่นเหยามองเห็นท่านหญิงจิ้งหนิง ก็มองสำรวจอย่างละเอียด เห็นนางดูท่าทางสบายดี และก็ดูไม่ได้มีเรื่องอันใดเช่นกันเมื่อเห็นดังนั้น ท่านหญิงจิ้งหนิงก็ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ น้ำเสียงแฝงไปด้วยความสงสัย “นั่นมันสายตาอันใดของเจ้า? ไม่ยินดีต้อนรับข้ากระนั้นหรือ?”เมิ่งจิ่นเหยาเกรงว่านางจะเข้าใจผิด จึงรีบส่าย

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 271

    เมิ่งจิ่นเหยาลอบมองเขาด้วยสายตาแปลกประหลาด กล่าวคำพูดที่ทำให้ผู้อื่นตกใจไม่หยุด “หรือว่าวันที่อากาศร้อนเช่นนี้ ยังจะให้ข้าปิดไว้อย่างมิดชิดเหมือนตอนฤดูหนาวอีกหรือเจ้าคะ? ในเมื่อท่านใส่ใจกับความเป็นสุภาพบุรุษของตนเอง ไยถึงไม่คิดที่จะปกป้องตัวเองบ้างเล่า? บางทีข้าอาจจะทำอันใดท่านก็ได้นะเจ้าคะ?”นางขมวดคิ้วเล็กน้อย น้ำเสียงแฝงไปด้วยความขุ่นเคือง กำลังโมโหกู้จิ่งซีที่รบกวนการนอนของนาง อยู่ดีไม่ว่าดีมาห่มผ้าห่มให้นาง สุดท้ายทำให้นางร้อนจนตื่น ตอนนี้อยากนอนก็นอนไม่หลับแล้วเพียงแต่คำพูดที่นางพูดเมื่อครู่ล้วนเป็นความจริงทั้งหมด ไม่ต้องพูดว่ากู้จิ่งซีทำไม่ได้ ไม่สามารถที่จะทำอันใดนางได้ แม้ว่ากู้จิ่งซีจะทำได้ นางก็ไม่มีทางปฏิเสธ ถึงอย่างไรตอนนี้ก็เป็นสามีภรรยากันแล้วร่วมเรียงเคียงหมอนมานานถึงเพียงนี้ นับจากนี้ต้องใช้ชีวิตที่เหลือร่วมกัน เพียงแค่นอนหลับเท่านั้นเอง ยังต้องยึดติดว่าสวมเสื้อผ้าหนาพอหรือไม่? เดิมทีฤดูร้อนก็ไม่เหมาะที่จะสวมใส่เสื้อผ้าที่หนาอยู่แล้ว จะอึดอัดและทำให้ป่วยเอาได้เพราะคำพูดนี้ของนาง ในเวลานี้บรรยากาศจึงได้แข็งค้าง กู้จิ่งซีตะลึงงัน การเคลื่อนไหวของพัดก็หยุดชะงักลง ห

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 270

    เคยลิ้มรสชาติของชีวิตที่ขื่นขม พอตอนนี้กำลังมีชีวิตที่ดี กินดีอยู่ดี ยังมีอันใดที่ต้องพิถีพิถันกัน? ตอนนี้เป็นแบบนี้ นางก็พึงพอใจมากแล้วเมื่อกินอาหารเย็นเสร็จ เมิ่งจิ่นเหยาก็เคลื่อนไหวเล็กน้อยอยู่ภายในเรือนเพื่อย่อยอาหาร หลังจากนั้นก็อาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมตัวพักผ่อนว่ากันว่า สามีภรรยาอยู่ร่วมกันมานาน ก็จะยิ่งปลดปล่อยมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ระมัดระวังตัวมากเกินไปเหมือนตอนที่แต่งงานกันใหม่ ๆกู้จิ่งซีรู้สึกว่าคำพูดนี้สมเหตุสมผล ทว่าคนที่ปลดปล่อยไม่ใช่เขา แต่เป็นแม่นางน้อยต่างหาก ตอนที่เพิ่งแต่งงานกันยังระมัดระวังตัว นอนหลับอย่างสงบเสงี่ยม เกรงว่าจะสัมผัสร่างกายของเขาโดยไม่ทันได้ระวังน่าจะเป็นเพราะทุกวันนี้ เขาไม่ได้ทำอันใดที่เกินเลย แม่นางน้อยจึงยิ่งปฏิบัติต่อเขาอย่างวางใจหรือจะบอกว่า แม่นางน้อยไม่ได้มองว่าเขาเป็นบุรุษก็ได้เหมือนดังเช่นตอนนี้ เขาเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ กลับมาที่ห้องนอน ก็มองเห็นแม่นางน้อยกำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง เพราะว่าชอบอากาศหนาว จึงไม่ได้ห่มผ้าห่ม สวมเพียงชุดนอนที่บางเบาเท่านั้น ผ้าที่ทำจากไหมนั้นบางเบามาก ถึงขนาดสามารถมองเห็นชุดซับในสีชมพูรากบัวที่อยู่

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status