ในยามนั้นนั่นเองที่หยางอี้หงเงื้อฝ่ามือขึ้นมาแล้วฟาดเข้าไปที่ใบหน้าของฉางหมิงฟู่ที่ลอยหน้าลอยตากล่าวหานางโดยไม่ยั้งมือถึงหยางอี้หงจะมีครรภ์แก่ใกล้คลอดทว่ากลับเคลื่อนไหวร่างกายคล่องแคล่วนักฉางหมิงฟู่กรีดร้องเสียงดังทั้งยกมือขึ้นมากุมแก้มตนเอง“นังสารเลว พวกเจ้า ๆ จับตัวมันไว้ จับตัวมัน”จี่จินเข้าข
ตกดึกคืนนั้นบังเอิญเกิดเรื่องร้ายแรง เมื่อจู่ ๆ ฮองเฮาเกิดเจ็บครรภ์ขึ้นมากะทันหัน หมอหลวงแทบจะทั้งสำนักถูกเรียกตัวไปถวายการรักษา ทว่าก็ไม่สามารถยับยั้งเรื่องเลวร้ายเอาไว้ได้ เมื่อฮองเฮาได้แท้งเด็กออกมาเรื่องเล่าลือไปถึงตำหนักของฮ่องเต้ หยางอี้หงเองก็ตกใจยิ่งนัก นางเพิ่งมีเรื่องกับฮองเฮาเมื่อตอนบ่าย
อัครมหาเสนาบดีเร่งมาเข้าเฝ้าหลังจากทราบว่าฝ่าบาทเสด็จกลับมาแล้ว เขาคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้แล้วเอ่ยว่า“ฝ่าบาทกระหม่อมสูญเสียหลานคนแรกไปแล้ว พระองค์สูญเสียพระโอรส ทั้งหมดเป็นเพราะสตรีนางนั้นที่ทำร้ายบุตรสาวของกระหม่อม ฝ่าบาทได้โปรดลงโทษนางด้วยพ่ะย่ะค่ะ”จูชางหลางส่ายหน้าทั้งเอ่ยว่า“อัครมหาเสนาบดี เราย
หยางอี้หงลืมตาขึ้น ใบหน้าของนางยังราบเรียบไม่แสดงอาการทุกข์ร้อนอันใด นางส่ายหน้าพร้อมกับตอบเขา“ฝ่าบาทข้าไม่เป็นไรเพคะ ข้ากำลังรอท่านอยู่”จูชางหลางถอดเสื้อคลุมสีเหลืองอร่ามของตนเองออก แล้วคลุมร่างอวบของหยางอี้หงเอาไว้ เขาช้อนมือเข้าใต้ข้อพับของนางแล้วอุ้มนางเอาไว้ในอ้อมแขน หยางอี้หงเองรู้สึกอบอุ่นย
“หม่อมฉันผิดไปแล้วเพคะ”“ไม่เกี่ยวกับเจ้าอย่าได้พูดเช่นนี้อีก ต้องโทษตัวนางที่ครานั้นไม่ถึงขั้นอดอาหารไม่ดื่มยาบำรุงเพื่อเรียกร้องความสนใจ จึงส่งผลในตอนนี้ อย่าโทษตัวเองเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้าเลยสักนิด”หยางอี้หงซึ้งใจยิ่งนัก จูชางหลางปกป้องนางเสมอ นางจูบที่ริมฝีปากของเขาปลุกปลอบ“ฝ่าบาทเองก็อย่าเ
องครักษ์อารักขาหยางอี้หงอยู่ภายนอกด้วยเหตุที่นางกำลังจะคลอดจึงเปิดช่องให้คนร้ายได้ลงมือหลายชั่วยามต่อมากระทั่งเกือบจะฟ้าสาง หยางอี้หงจึงกรีดร้องด้วยความรู้สึกทรมานคล้ายตายทั้งเป็น ในที่สุดทารกก็คลอดออกมาแล้ว“เป็นองค์ชายเพคะ เป็นองค์ชาย”หยางอี้หงดีใจมาก นางไม่ได้หมดสติจี่จินที่คอยบีบมือของนางเอาไว
จี่จินและแม่นมพาทารกน้อยออกไปแล้ว หมอตำแยช่วยกันทำความสะอาดร่างกายและเปลี่ยนอาภรณ์ให้นาง จี่จินตามแม่นมออกไปสายตายังจับจ้องอยู่บนใบหน้าเหี่ยวย่นและแดงก่ำของทารกน้อยก่อนจะเอ่ยถาม“แม่นม ไยองค์ชายร่างกายเหี่ยวย่นเล่า”แม่นมยิ้มแล้วเอ่ยว่า“เด็กแรกคลอดก็เช่นนี้แหละแม่นาง เวลาผ่านไปไม่กี่วันผิวพรรณเต่งต
“พะ พวกเรากำลังสืบหาสาเหตุอยู่ขอรับ”เพียงคำนั้นร่างทั้งร่างของหมอหลวงก็ถูกนางถีบกระเด็น นางอุ้มทารกเอาไว้ในมือแล้วเอ่ยขึ้น“กำลังสืบหาสาเหตุหรือ ข้าเห็นชัดว่าเขาร้องเสียงดังเพียงนั้น เห็นชัดว่าเขาแข็งแรงเพียงใด ทว่าเพียงคลาดสายตาของข้าลูกของข้ากลับไร้ลมหายใจแล้ว ยามนี้พวกเจ้ายังกล้าบอกว่ากำลังสืบหา
ปีค.ศ.1970คุณนายสกุลฉางให้กำเนิดบุตรีคนแรก ผิวขาวราวหยกใบหน้าจิ้มลิ้ม ซินแสทำนายวาสนาสูงส่งยิ่งนัก ทำให้กิจการค้าขายของบิดามารดาเจริญรุ่งเรืองในยามนั้นบิดาได้หมั้นหมายเด็กหญิงเอาไว้กับบุตรชายคนโตของเพื่อนรักแห่งสกุลต้วนต้วนชางหลางเด็กชายอายุราวหกขวบกำลังจ้องมองทารกตัวน้อยที่นอนอยู่ในเปลด้วยความสน
จูชางหลางอุ้มสตรีร่างผอมขึ้นมาวางนางเอาไว้บนตักของเขาโถมร่างกายก้มกอดนางแนบแน่นจนลึกสุดหัวใจ เส้นผมของนางกลายเป็นสีขาวโพลน รวมทั้งผมของเขาเช่นกัน ยามนี้เมื่อใกล้ชิดเส้นผมขาวของคนทั้งคู่กำลังเคลียคลอซึ่งกันและกันโดยไม่อาจแยกแยะว่าเป็นผมของผู้ใดกันแน่จูชางหลางเข้าใจชีวิต มิมีผู้ใดฝืนสังขารของร่างกาย
ตอนพิเศษ ตอนที่ 1ยี่สิบปีต่อมา“ท่านตา ท่านยายแย่แล้วขอรับ”จู่ ๆ ก็มีเด็กผู้หนึ่งวิ่งเข้ามาบอกเขาในเรือนสมุนไพร จูชางหลางที่กำลังนั่งยอง ๆ พร้อมกับใช้พัดโหมไฟให้ลุกโชนเพื่อต้มสมุนไพรให้กับหยางอี้หงถึงกับมือสั่นระริกทำพัดที่อยู่ในมือหลุดลงทันใดเขาวิ่งไปที่เรือนของนางอย่างรวดเร็ว หลายปีมานี้หยางอี้
มู่เหยาทอดสายตามองแผ่นน้ำเบื้องหน้าที่คล้ายกำลังเต้นรำระริกไหวไปตามแสงจันทราแล้วยิ้มงดงาม“ท่านแม่ ขอให้ท่านคุ้มครองให้ข้ามีความสุขด้วยนะเจ้าคะ”เอ่ยคำนี้แล้วนางจึงโปรยดอกไม้ลงไปเบื้องล่าง ก่อนจะเดินกลับลงมายังหมู่บ้านก่อนจะถึงทางเข้าหมู่บ้านนั่นเอง จู่ ๆ มู่เหยาก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือของค
มู่เหยายิ้มไม่หุบ คำชมเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อเอาใจนี้ไม่น่าเชื่อว่าจะส่งผลต่อนางเพียงนี้ "หลานชายช่างปากหวานยิ่งนัก เช่นนี้สตรีใดได้พบคงไม่อาจถอนใจได้ ด้วยใบหน้างดงามเช่นนี้ต่อไปคงทำให้สตรีเสียใจอีกหลายคน"จูอี้หลางส่ายหน้า"ข้าไม่คิดหลอกสตรีใด จิตใจของข้าจะมอบให้กับสตรีที่ข้ารักเพียงผู้เดียวเช่นท่านพ่
เมื่ออยู่กันเพียงลำพังจูชางหลางจึงเอ่ยขึ้นว่า“เจ้าได้พบนางแล้วใช่หรือไม่”จูอี้หลางพยักหน้า“ท่านพ่อ เป็นท่านแม่จริงหรือ”จูชางหลางพยักหน้า“ที่นี่ไกลจากหน้าผาที่แม่เจ้าตกลงมายิ่งนัก พ่อไม่คิดว่านางจะรอดกระทั่งมีคนของหมู่บ้านนายพรานไปพบเข้าระหว่างที่นางลอยไปตามกระแสน้ำ ท่านแม่ของเจ้าลืมทุกเรื่องไปจ
จูอี้หลางขมวดคิ้ว เขาแน่ใจว่านางย่อมคือมารดาของเขา อยากจะบอกออกไปให้รู้แล้วรู้รอดแต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มอย่างไร ดูเหมือนว่าสตรีนางนั้นจะลืมทุกสิ่งทุกอย่างจนหมดสิ้น จูอี้หลางถอนหายใจยาวเขาต้องสนิทกับเด็กคนนี้ให้เร็วที่สุดเพื่อสืบถามเรื่องราวเอาไปบอกบิดา“แล้วพ่อแม่ของเจ้าเล่า”“ท่านพ่อท่านแม่ของข้าหรือ
"ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ต้องรีบปล่อยเขาออกจากเขตหมู่บ้านตามกฎ มิใช่จับเขามามัดเอาไว้เช่นนี้ เห็นท่าแล้วเจ้าอยากได้ม้าของเขาใช่หรือไม่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าตราประจำตัวม้าเป็นตราราชสำนัก เจ้ากำลังนำความเดือดร้อนมาให้คนในหมู่บ้านแล้ว”มู่เยี่ยนลืมคิดถึงเรื่องนี้ไป ดวงตากลมโตตระหนกอย่างเห็นได้ชัด ท่านน้าของนางจ
จูอี้หลางเป็นองค์รัชทายาทผู้สูงศักดิ์ ตั้งแต่เกิดมาทุกคนล้วนนอบน้อมกับเขา นี่จึงเป็นครั้งแรกที่มีคนเรียกเขาว่าเจ้าหน้าขาว ทั้งยังกล้าจับเขามัดอย่างไม่กลัวเกรง ทว่าเห็นท่าทางน่ารักของเด็กหญิงผู้นี้แล้วเขากลับไม่นึกโกรธ ยังนึกชื่นชมในความกล้าหาญของนางด้วยซ้ำ“เช่นนั้นบอกข้ามาก่อนว่าข้าอยู่ที่ใด แล้วเจ