ตอนที่ 21 ข้อแม้ “ทำไมท่านต้องเมตตามันด้วยเจ้าคะ” เสียงกระซิบเอ่ยถามอย่างขัดใจกับคำสั่ง “สูญเสียจริงหรือไม่จริงแล้วอย่างไรเล่า และความบริสุทธิ์ของมันข้ากลับสามารถใช้ประโยชน์ได้” หญิงสาวงดงามที่เสื่อมเสียเกียรติย่อมไม่อาจปีนป่ายขึ้นเป็นหงส์ได้ ทว่ากลับเป็นที่ต้
ตอนที่ 22 แนวทางเดียวกัน ตำหนักฮองเฮา เจ้าของตำหนักละเมียดจิบชาพลางเหลือบตามองรัชทายาทต้าเหว่ย “คุณหนูสามเสิ่นจือเป็นอย่างไรบ้าง” “ท่านแม่ก็ทราบแล้วไยต้องถามลูกอีก” ต้าเหว่ยเอ่ยด้วยน้ำเสียงเนือยไร้ชีวิตชีวา กัวฮองเฮาจึงเอ่ยย้ำ “เสนาบดีเสิ่นมีอำนาจและเส้นสายในราชสำนัก
รุ่งอรุณเช้านี้ของเสิ่นอินไม่เหมือนเดิม นางชำเลืองดูจำนวนบ่าวไพรที่คอยปรนนิบัตินางเพิ่มจำนวนขึ้นด้วยสายตาเรียบเฉย เมื่อวานที่เฉิงอ๋องมาส่งนางที่จวนทำให้นางได้เห็นสีหน้าของผู้คนที่หลากหลาย ยังมีเสนบดีเสิ่นเถียนต้อนรับเฉิงอ๋องอย่างกระตือรือร้นยิ่งกว่าตอนองค์รัชทายาทเสด็จเสียอีก สีหน้าของบิดานางแฝงไป
เมื่อเฉิงอ๋องเดินเข้ามาทุกคนก็ลุกขึ้นทำความเคารพ สักพักเหล่า ซื่อฝูนำโดยเหอซื่อฝูก็เดินตามเข้ามา เหล่าบัณฑิตต่างพากันหันมองหน้ากันอย่างงวยงง เฉิงอ๋องจึงพูดขึ้น “วันนี้ที่เรียกพวกเจ้ามา เพราะฝ่าบาทได้พระราชทานของรางวัลให้กับบัณฑิตที่ช่วยกันเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับการแก้ปัญหาน้
เสิ่นอินเดินนำองค์ชายเก้าเล็กน้อย เมื่อไปถึงห้องเรียนนางก็จัดให้อีกฝ่ายนั่งข้างตนเองโดยไม่ได้เอ่ยถามอะไร เมื่อจัดแจงทุกอย่างเสร็จนางก็หยิบตำราขึ้นมาอ่านรอเวลาเรียนท่าทางเรียบง่ายนั้น กลับเป็นองค์ชายเก้าเองที่รู้สึกอึดอัด “เจ้าไม่สงสัย อยากถามอะไรเกี่ยวกับตัวข้าเลยหรือ” เสิ่นอินป
แม้ต้าจุ้นจะพยายามรักษาใบหน้าให้เรียบเฉยกระนั้นจงถังก็แอบชำเลืองมองเห็นคิ้วที่ขมวดของเด็กหนุ่ม เขาเข้าใจความรู้สึกขององค์ชายเก้าดี ตั้งแต่รับใช้เฉิงอ๋องมาหลายปีก็ไม่คาดคิดจะได้ยินประโยค “พวกเราไปทานข้าวด้วยกันเถอะ” ของเฉิงอ๋องเลย จงถังไม่รอให้เฉิงอ๋องออกคำสั่ง เขาก็ให้คนไปจัดเ
เฉิงอ๋องไม่เอ่ยพูดถึงเรื่องที่สำนักศึกษารับซื่อฝูที่สอบผ่านซิ่วไฉ กลัวจะเป็นแหวกหญ้าให้งูตื่น เมื่ออาหารมาถึงทุกคนก็ต่างนั่งทานอย่างเงียบ จนกระทั่งกินเสร็จเรียบร้อยเขาถึงเอ่ยถามต้าเหยา “ร้านผ้าของเจ้าก่อสร้างเป็นอย่างไรบ้าง” “ใกล้จะเสร็จเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ จริงสิ พี่อี้หยาง
สตรีทั้งสองล้วนอ่อนไหวไปกับคำพูดของเฉิงอ๋องสร้างบรรยากาศให้คนรู้สึกอบอุ่นเคล้าความอ้างว้างและแล้วซูอินก็อดทนไม่ไหวเอ่ยถามขึ้น “หากนางไม่กลับมาแล้วท่านยังจะทำต่อไปหรือเจ้าคะ” เฉิงอ๋องหันกลับมามองซูอินด้วยสายตาหลากหลายความหมายทั้งรักทั้งคะนึงและน้อยใจเขาอยากจะเอื้อมมือไปลูบหัวนางอย่
ผลประกาศทำให้ เด็กสาวตาแดงกร่ำด้วยความดีใจ ครอบครัวก็กล่าวขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า สักพักก็มีเจ้าหน้าเชิญไปยืนหลักฐานที่โต๊ะข้าง ๆ ให้กรอกข้อมูลเป็นบัณฑิตน้อยของสำนักศึกษาต่อไป เมื่อมีคนสมหวังก็ต้องมีคนไม่สมหวัง เสียงยินดีผิดหวังคละปนกันไป กว่าจะครบตามจำนวนก็ทำให้เจ้าหน้าของสำน
ฮองเฮาทราบเรื่องที่องค์หญิงใหญ่จัดงานชมบุปผาขึ้น แม้จะทรงทราบว่าหญิงสาวมีแผนการบางอย่างแต่ก็ไม่ทรงห้ามปราม เพียงแค่ตรัสเตือนเล็กน้อย “องค์หญิงใหญ่ อย่าทรงทำสิ่งใดร้ายแรงเกินไปได้หรือไม่” “ตอนนี้เสด็จพ่อไม่โปรดลูก แต่ก็ไม่ทรงห้ามให้ลูกจัดงานเลี้ยงกระมัง” ฮองเฮาวางจอกชา
จงถังแทบอยากจะเอามือปิดหน้าร้องไห้ ท่านอ๋องท่านจะเก็บอาการบ้างได้หรือไม่ ไม่ว่าผู้ใดได้เห็นรอยยิ้มนี้ย่อมราวถูกมนต์สะกด ซูอินเองก็ไม่หลุดพ้นในการถูกล่อลวงครั้งนี้ นางไม่อาจจะเฉไฉได้อีกว่ารอยยิ้มนั้นยิ้มให้นาง เฉิงอ๋องรู้สึกว่าตนเองออกอาการมากเกินไป จึงรีบตวัดชายเส
แสงยามอรุณฉายส่องเข้ามาบริเวณบ้าน เป็นยามปกติที่ครอบครัวจะร่วมทานข้าวเช้าด้วยกัน สวีซื่อมองบุตรสาวคนเล็กด้วยสายตาปลื้มปริม ทว่ายังแฝงความกังวลใจ “ซูเอ๋อร์ เจ้าต้องไปงานเลี้ยงในวัง เงินขายภาพวาดที่ขายได้ครั้งที่แล้วยังมีเหลือ เจ้าเอาไปซื้ออาภรณ์เครื่องประดับ ถึงไม่อาจสู้เหล่าคุณหนูสูงศั
หลายวันที่ผ่านมา เสิ่นอินได้ตระหนักถึงความสำคัญของการเป็นคนผู้มีอำนาจ แม้กระทั่งบิดานางเสนาบดีเสิ่นผู้ยิ่งใหญ่ยังผูกไมตรีองค์รัชทายาท นางเองก็ย่อมมีหนทางของตนเองเช่นเดียวกัน “ดี...หลังจากวันนี้เจ้าจงมาฝึก 4 จรรยาต้องไม่บกพร่อง” ภายในใจเสิ่นอินกำลังเคร่งเครียด พอได้ยินเช่นนี้ก็ผ
ชีวิตที่เรียบง่ายหาใช่หาได้ง่าย แม้ในภายในใจผู้คนล้วนหาใช่สงบดั่งสายลมใบไม้ผลิ ตำหนักฮองเฮา กัวฮองเฮาหลุบตาเล็กน้อยก่อนจะตรัสเตือนบุตรชาย “องค์รัชทายาท ช่วงนี้ได้กระทำสิ่งใดที่ไม่ได้บอกกล่าวแม่หรือไม่” จอกชาในมือรัชทายาทหยุดชะงักเล็กน้อย พระองค์ยิ้มละมุมพร้อมตรัสเสียงอ
เมื่อทุกคนลงจากรถม้ากำลังจะเตรียมเดินขึ้น วัดแห่งนี้มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก จึงมีบรรดาคุณหนูฮูหยินและชาวบ้านมากหน้าหลายตาพากันมากราบไหว้ขอพร จางซูอินมองเห็นกู้ฟางเสียนยืนปะปนอยู่กับชาวบ้านที่ถอยห่างรอให้พวกนางเดินขึ้นไปก่อน ชายหนุ่มประครองสตรีวัยกลางคนผู้หนึ่งอยู่ หญิงสาวคาดว่าจะเป็นมารดา
เสิ่นอินมองออกไปเห็นเพียงแผ่นหลังของชายหนุ่ม นางพยักหน้าเห็นด้วยกับเสิ่นอิน อย่างไรก็ควรต้องลงไปคารวะ สวีซื่อมองดูเฉิงอ๋องอย่างตกตะลึง นางจำได้ว่าบุคคลตรงหน้าเป็นแม่ทัพที่นำทัพกลับเมืองหลวงหลังชนะศึก แม้จะมองเห็นไกล ๆ นางก็จำได้ไม่ลืม แม่ทัพปีศาจ เทพสงคราม บุรุษที่ใบหน้าดุจกับเทพบุตรทว
ครอบครัวสกุลจางตื่นตั้งแต่เช้า วันนี้เหล่าสตรีตั้งใจจะไปไหว้พระขอพรที่วัดเส้าหลาง “ซูเอ๋อร์ เจ้าบอกแม่ว่าคุณหนูเสิ่นจะไปไหว้พระด้วยใช่หรือไม่” “ท่านแม่ ไม่เพียงคุณหนูเสิ่น องค์หญิงก็จะเสด็จด้วยเจ้าค่ะ” สวีซื่อเอามือทาบอกเล็กน้อย แม้กระทั่งตอนนี้นางก็ยังไม่สามารถทำตั