แชร์

บทที่ 2

ผู้เขียน: ประดับดิน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-17 12:54:17

ช่วงเวลานี้ที่เรือนหลัก สวีเพ่ยเอนกายพูดคุยกับบุตรสาวที่มาเยี่ยมเยือนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม หวังหรูเยว่รินชาให้มารดาแล้วพูดขึ้น “ในเมื่อนางใฝ่ต่ำอยากจะเป็นอนุ...ถึงกลับใช้ความตายเข้าแลก ท่านแม่ก็ควรให้นางสมปราถนา”

สวีเพ่ยรู้ว่าบุตรสาวเอ่ยถึงผู้ใดก็แค่นเสียงกล่าวอย่างเย็นชา

“แต่งออกไปเป็นอนุ แม้กระทั่งสินเดิมก็ไม่จำเป็นต้องจัดเตรียมแล้วเหตุใดแม่จะไม่ยินดี ทว่าตระกูลหวังเป็นตระกูลเก่าแก่มีรากฐานมาหลายปีหากแม่ยินยอมให้นางแต่งออกเป็นอนุจะถูกผู้อาวุโสตำหนิได้”

หวังหรูเยว่หัวเราะร่าขึ้นมา “ท่านแม่ปกครองเรือนด้วยความเมตตา แม้กระทั่งบุตรของอนุก็จัดหาคู่ให้อย่างเหมาะสม แต่ครั้งนี้ก็นับว่าจนใจ...ท่านแม่ไม่มีทางเลือกแล้ว”

สวีเพ่ยยิ้มตอบ “พ่อเจ้ากลับมาเย็นนี้ ข้าจะพูดเรื่องการยกเลิกการหมั้นหมายของหวังชิงหว่านที่ได้ตกลงไปก่อนหน้านี้”

หวังหรูเยว่กุมมือมารดาขึ้นมา “ท่านแม่อย่าเสียใจไปเลยนะเจ้าค่ะ ยังเหลืองานแต่งของน้องอีกหลายคนที่ยังต้องให้ท่านแม่ไปจัดการ ยิ่งพี่ใหญ่ก็ยิ่งเห็นความหวังดีของท่านแม่อย่างแน่นอน”

สวีเพ่ยตบมือบุตรสาวเบา ๆ เพื่อหาคู่ครองที่เหมาะสมจากตระกูลที่ดีให้บุตรชาย นางจำต้องสร้างภาพเป็นฮูหยินที่ใจกว้างและมีเมตตา หากนางจัดการให้บุตรสาวอนุตบแต่งออกไปเป็นอนุจะต้องถูกหาว่าจิตใจคับแคบริษยา บุตรสาวจากตระกูลขุนนางสูงศักดิ์ย่อมต้องไตร่ตรองให้มากหากจะมาเป็นสะใภ้ซึ่งอาจจะทำให้บุตรชายของนางพลาดคู่ครองดี ๆ ไป

นางจัดการคู่หมั้นหมายให้หวังชิงหว่านเป็นขุนนางชั้น 9 แม้จะตำแหน่งไม่สูงนักแต่ก็นับว่าเหมาะสมกับเด็กสาวที่เป็นอนุ ตกแต่งนั่งเกี้ยวออกไปอย่างสมศักดิ์พิธีการไม่ขาดตกบกพร่อง โชคดีที่การเลี้ยงดูที่มาผ่านมาของนางได้ผล เด็กคนนี้จึงเติบโตมาด้วยความโง่เขลาเบาปัญญา ไม่รู้ผิดรู้ชั่ว กลับไม่พอใจหวังอยากจะเป็นอนุผู้อื่น สวีเพ่ยหัวเราะเสียงต่ำในใจ

พอมองออกไปข้างนอกหน้าต่างเห็นแสงแดดเริ่มเบาบางจึงเอ่ยขึ้น “เจ้าออกมาจากจวนหลายชั่วยามแล้ว...สมควรจะกลับได้แล้ว”

หวังหรูเยว่หน้างอพูดขึ้น “ท่านแม่...ไม่ทันไรท่านก็เอ่ยปากไล่ข้าแล้วหรือ”

สวีเพ่ยปัดปอยผมหน้าบุตรสาวเบา ๆ พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เจ้าพึ่งตกแต่งเข้าไป...จะต้องระวังการวางตัวให้มาก”

“ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ....เอาไว้ข้าจะมาเยี่ยมท่านแม่ใหม่นะเจ้าค่ะ” ขณะนั้นม่านกั้นห้องก็ถูกเลิกขึ้นมา บ่าวรับใช้ผู้หนึ่งกล่าวขึ้นอย่างนอบน้อม

“ฮูหยินเจ้าคะ...คุณหนูเจ็ดมาขอคารวะเจ้าค่ะ”

สวีเพ่ยขมวดคิ้ว หวังหรูเยว่ยิ้มเยาะเอ่ยขึ้น “ข้ากำลังจะไปเยี่ยมน้องเจ็ดอยู่พอดี เช่นนั้นท่านแม่ข้าจะออกไปคุยกับน้องสักหน่อยนะเจ้าค่ะ”

สวีเพ่ยพยักหน้าด้วยแววตาอ่อนโยน หวังชิงหว่านเห็นคนที่ออกมาเป็นหวังหรูเยว่ก็รีบยอบกายคารวะทักทาย หวังหรูเยว่พินิจดูสีหน้าของน้องสาว ทั้งที่ซีดไร้สีแต่ไม่ได้ลดความงามของอีกฝ่าย กลับยิ่งขับให้ดูเปราะบางน่าสงสารยิ่งขึ้น ความเกลียดริษยาอีกฝ่ายผุดขึ้นมาผ่านแววตาแวบหนึ่งนางกระพริบตาครู่หนึ่งก่อนจะยกยิ้มผิวเผินแล้วพูดขึ้น

“น้องเจ็ด...ได้ยินว่าเจ้าไม่สบายอยู่ไม่ใช่หรือเหตุใดจึงได้ออกจากเรือนมาเล่า”

หวังชิงหว่านรีบตอบ “พี่รอง...ข้ารู้สึกดีขึ้นมาบ้างแล้ว จึงได้มาคารวะท่านแม่”

หวังหรูเยว่เย้นหยันในใจ พูดขึ้น “เจ้าคงจะมาพูดเรื่องแต่งงาน วางใจเถอะท่านแม่รับปากแล้ว...จะให้เจ้าสมปรารถนา”

หวังชิงหว่านก้มหน้าปิดแววตาตนเอง ทบทวนจากความทรงจำพี่สาวตรงหน้า คนคนนี้ไม่เคยมีความจริงใจต่อนางแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้ไม่อาจจะโต้ตอบอีกฝ่ายจึงได้กลั้นใจเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง “ตอนนี้..ข้าสำนึกผิดแล้ว...ต่อไปจะเชื่อฟังท่านแม่แต่งงานอย่างว่าง่าย”

หวังหรูเยว่เลิกคิ้วขึ้นไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน นางยิ้มมุมปากแววตาเย็นชาพูดขึ้น “เจ้าคงยอมรับเรือนเก่า ๆ ของตระกูลเซียวได้แล้วสินะ ข้านึกว่าเจ้ายังอยากจะอยู่ในจวนแม่ทัพเสียอีก แต่เอาเถอะในเมื่อเจ้าตัดสินใจแล้วช่วงนี้ก็อยู่ที่จวนเก็บช่วงเวลานี้ให้ดี ๆ หลังจากแต่งออกไปแล้วจะกลับมาไม่ได้แล้วนะ”

หวังชิงหว่านข่มอารมณ์เอาไว้ นี้ก็เป็นส่วนหนึ่งแผนยุยงของอีกฝ่าย หลอกให้สาวใช้พานางไปดูเรือนของตระกูลเซียวที่ค่อนข้างทรุดโทรม และหากนำมาเทียบกับจวนแม่ทัพยิ่งเห็นความแตกต่างกัน ส่วนตัวหวังชิงหว่านที่เติบโตในจวนเสนาบดีในฐานะบุตรของอนุ นางก็ไม่เห็นว่าการอยู่ในฐานะนี้จะลำบากอะไร อย่างไรก็อยู่กินก็ยังดีกว่าการเป็นฮูหยินของตระกูลเล็ก ๆ อยู่มาก

แต่การเมียน้อยกับฮูหยินเอก ศักดิ์ศรีมันแตกต่างกันมาก

ทว่าโต้เถียงตอบโต้ไปก็ไร้ประโยชน์ หวังชิงหว่านทำเพียงก้มหน้ายืนนิ่งอยู่เงียบ ๆ หวังหรูเยว่เห็นว่าไม่อาจจะยุแยงอีกฝ่ายได้อีกก็เชิดหน้าเดินออกไป บ่าวที่อยู่หน้าเรือนเห็นหวังหรูเยว่ออกไปแล้วจึงเอ่ยขึ้น

“คุณหนูเจ็ด ฮูหยินรู้สึกไม่สบายวันหลังท่านค่อยมาเถอะ”

นี้เป็นการบอกปัด หวังชิงหว่านก้มหน้าครุ่นคิดจากนั้นก็เงยหน้าขึ้น “ถ้าเช่นนั้น ข้าไม่รบกวนท่านแม่แล้ว”

ในขณะที่หวังชิงหว่านกำลังเดินกลับออกไป นางเห็นบ่าวคนหนึ่งวิ่งเข้าไปในเรือนหลักด้วยท่าทีเร่งรีบแต่ใบหน้าเปื้อนยิ้ม นางครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นก็ทำทีรู้สึกเหนื่อยใจฝีเท้าช้าลงเรื่อย ๆ ในที่สุดก็เจอกับเสนาบดีหวังลู่หาน กำลังเดินเข้ามาในเรือนนางรีบเดินไปคุกเข่าหน้าอีกฝ่ายทันที

หวังลู่หานรู้เรื่องที่บุตรสาวกระโดนน้ำแล้ว เขาปรายตามองด้วยสายตาเอือมระอากล่าวน้ำเสียงเย็นชา “เหตุใดเจ้าเป็นคนไม่รู้ความเช่นนี้”

หวังชิงหว่านรีบหมอบกายลงเงยหน้าขึ้นมองบิดากล่าวเสียงสะอื้น “ท่านพ่อได้โปรดลงโทษลูกเถิด ... ต่อไปข้าจะเชื่อฟังไม่ดื้อดึงเด็ดขาด วันนี้ข้าตั้งใจมาขอรับโทษจากท่านแม่...ดูเหมือนว่าท่านแม่เองก็โกรธเคืองข้าเสียแล้ว ฮื้อ”

เสียงร้องประสานกับแววตาอ้อนวอน ด้วยหวังชิงหว่านมีใบหน้าคล้ายคลึงกับฮูหยินผู้เฒ่าอยู่หลายส่วนอีกทั้งยังงดงามบอบบางช่างเอาใจ เดิมหวังลู่หานก็ลำเอียงเข้าข้างนางมาโดยตลอด ครั้งเห็นนางร้องไห้กล่าวสำนึกผิดก็ทำให้ใจของหวังลู่หานอ่อนยวบลงทันทีกล่าว

“แล้วเรื่องแต่งงานของเจ้าเล่า”

“ข้าย่อมเชื่อฟังบิดามารดา ที่ผ่านมาล้วนเป็นข้าไม่รู้ความโง่เขลา ท่านพ่อต่อไปข้าจะไม่ทำอีกแล้ว”

ขณะนั้นสวีเพ่ยก็เดินมายืนเคียงข้างกับหวังลู่หานสีหน้าอ่อนล้ากล่าวโพล้งออกมาอย่างกลุ้มใจ “ท่านพี่...เด็กคนนี้ช่างดื้อยิ่งหนัก”

หวังชิงหว่านหันไปคำนับให้สวีเพ่ยแล้วพูด “ท่านแม่...ท่านได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วย ข้าผิดไปแล้ว”

สวีเพ่ยเผยสีหน้าจนใจ ทว่าแววตายังเต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตากล่าว “ลุกขึ้นเถอะ..พื้นเย็นไม่ดีต่อสุขภาพ เจ้าพึ่งฟื้นจากไข้ล้มป่วยไปอีกจะลำบาก ในเมื่อเจ้าสำนึกผิดแล้วเรื่องแต่งงานข้าก็จัดการตามเดิม...ไป๋ชิงพาคุณหนูเจ็ดกลับเรือนได้แล้ว”

ไป๋ชิงเดินเข้ามาประครองหวังชิงหว่านให้ลุกขึ้น นางย่อกายคารวะทั้งสองคนก่อนจะค่อย ๆ เดินออกไป

หวังลู่หานมองตามหลังบุตรสาวด้วยสายตาอ่อนใจแล้วหันมากุมมือของสวีเพ่ยขึ้นมากล่าว “ขอบใจฮูหยินมาก...หลายวันที่ข้าไม่อยู่จวนลำบากเจ้าแล้ว”

สวีเพ่ยกล่าวตอบ “ย่อมเป็นหน้าที่ของข้าแต่ข้าจัดการไม่ดีนัก ท่านพี่เดินทางอย่างเหน็ดเหนื่อยกลับต้องมาเจอเรื่องราวให้ต้องกังวลใจอีก”

หวังลู่หานมองฮูหยินด้วยสีหน้าอ่อนโยนกล่าว

“เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น...เข้าเรือนกันเถอะ”

หวังชิงหว่านหันมองกลับมองเห็นทั้งสองคนเคียงคู่กันก็ลอบถอนหายใจ การแต่งงานเช่นนี้นางเองก็ใช่ว่าจะชื่นชอบ แต่หากอยากจะออกไปเริ่มต้นชีวิตแบบไร้ข้อกังวลก็มีเพียงวิธีการนี้

นางเป็นสายลับทุกในสืบข้อมูลบางครั้งก็ไม่มีแผนการให้เลือกมากนัก หนทางนี้นางก็ว่าสะดวกง่ายและปลอดภัย แต่งออกไปแล้วนางก็เป็นคนของตระกูลเซียว ตระกูลเล็ก ๆ ที่ไร้พิษภัยหากอยู่แล้วไม่สบายใจ ก็หาวิธีให้ได้ใบหย่า สตรีที่ถูกหย่าก็เหมือนมียันต์คุ้มกาย ผู้ใดก็ไม่อยากเข้าใกล้ ตอนนั้นนางจะได้โบยบินแบบที่ตนเองต้องการแบบไม่ผิดหลักกฏหมายของแคว้นด้วย

ก็แค่แต่งงาน น่าสนใจดี

นางเองก็ไม่เคยแต่งงานมาก่อน
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    บทที่ 3

    แม้หวังชิงหว่านจะเป็นที่เอ็นดูของบิดาทว่ากลับไร้อิสระอย่างสิ้นเชิง ตอนเช้าต้องไปคารวะฮูหยินที่เรือนใหญ่ ตกบ่ายนั่งปักผ้าอยู่ภายในเรือน ร่างกายของนางอ่อนแอแค่เดินก็เหนื่อยแล้ว อยู่ในจวนใหญ่นางไม่รู้กำลังป้องกันของที่นี่เป็นอย่างไร จึงยังไม่ทำอะไรบุ่มบ่าม นางทั้งเสแสร้งโง่เขลา เสแสร้างจำใจ เสแสร้ง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-17
  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    บทที่ 4

    ตะวันทอแสงอ่อนเข้าผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้องนอนหวังชิงหว่านรู้สึกตัว นางลืมตาขึ้นมาอย่างช้า ๆ ร่างกายเหมือนสูบเรี่ยวแรง เห็นเซียวอี้หยางเปลือยกายนอนอยู่ด้านข้าง เหม่อมองอีกฝ่ายด้วยความเหนื่อยล้าพลางเอือมมือไปสะกิดอีกฝ่าย“ท่านพี่” ด้วยเนื้อเสียงของหญิงสาว เสียงที่เปล่งออกมาดูออดอ้อนด้วยความคำหวาน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-17
  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    บทที่ 5

    เส้นทางขึ้นเขาย่อมไม่ใช่เส้นทางที่เดินได้อย่างเรียบง่าย เซียวอี้หยางเดินนำหน้าโดยมีหวังชิงหว่านเดินเคียงข้างไป ส่วนเด็กทั้งสองเดินรั้งท้าย พวกเขามองดูฝีเท้าจังหวะก้าวเดินของพี่สะใภ้ต่างก็ส่งสายตาคำถาม ลี่อินเอนตัวกระซิบ “พี่สะใภ้ดูจะเหมือนไม่ใช่คนขึ้นเขาครั้งแรก” ลู่อินพยักหน้าเห็นด้ว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-17
  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    บทที่ 6

    “นะ...นางแต่งงานแล้ว..หรือว่า” เกาเวินเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก จางเคอหันมามองสหายขมวดคิ้วเล็กน้อยที่สหายไม่รู้เรื่องราว “นางคือคุณหนูเจ็ดจวนเสนาบดีหวัง”เกาเวินเบิกตากว้างอ้าปากค้างก่อนจะเอ่ย “นับว่านางงามสมควรรำลือ... มิน่าคุณชายรองกัวฉู่เหอจึงได้หลงใหล แต่เพราะนางเป็นบุตรสาวอนุจึงยังไม่ตบแ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-19
  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    บทที่ 7

    ในเรือนสกุลเซียวมีเพียงฮูหยินผู้เฒ่าที่อยู่ในเรือน ส่วนบิดาและมารดายังไม่กลับจากทำนา ทั้งลี่อิน ลู่อันและเซียวอี้หยางก็มีหน้าที่ของตนเอง เหลือเพียงหวังชิงหว่านที่นั่งพักเอื่อยเฉื่อยอยู่ในที่นั่งหน้าเรือน นางเงยหน้ามองท้องฟ้าพลางคิดในใจ “สวรรค์ตอนนี้ข้าเริ่มจับปลาขายแล้วนะ...จากนี้ก็คงจะเป็นปลูก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-19
  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    บทที่ 8

    ลี่อินลากรถลากตามหลังหวังชิงหว่านที่คล้ายกำลังมองหาบางอย่าง นางจึงเอ่ยถาม “พวกเราจะไปไหนต่อหรือเปล่าเจ้าคะ” “ข้าจำเป็นต้องซื้อเสื้อผ้าใหม่ ไปดูร้านผ้าตรงหน้าเถอะ” เอ่ยเสร็จนางก็เดินนำหน้าไปร้านแพรพรรณ หลงจู้เห็นคนเดินเข้ามาก็รีบออกมาต้อนรับ แต่ก็ต้องชะงักในความงามของหวังชิ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-20
  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    บทที่ 9

    คนในสกุลเซียวจะรีบทานข้าวเย็นและเข้านอนแต่หัวค่ำ เพื่อจะได้ตื่นเช้าไปทำนาแตกต่างจากเซียวอี้หยางที่บางวันจะมีสังสรรค์ข้างนอก บางคืนก็จะอ่านหนังสือจนดึก พวกเขาเลยแยกสำรับมาที่เรือนเซียวอี้หยางต่างหากและเซียวฮูหยินก็ไม่เคยจะลืมแยกอาหารดีๆ ไว้สำหรับลูกชายเป็นพิเศษ เรือนหลักสกุลเซียว ในมื้อ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-20
  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    บทที่ 10

    ใบหน้าอี้หยางยังคงประดับรอยยิ้มกล่าว “เมื่อก่อน...ท่านแม่ก็ทำขนมหาบเร่ขาย ล้วนเป็นเงินก้อนนั้นที่ส่งข้าเล่าเรียนจนสอบได้เป็นขุนนาง จึงได้หยุดขายไป”หวังชิงหว่านพยักหน้าเข้าใจบางอย่างแล้วเอ่ยถาม “แล้วทำไมถึงได้หยุดขายเล่า” “ท่านแม่อ้างว่าสุขภาพไม่ดีแล้ว”หวังชิงหว่าน กะพริบตานัยน์ตากระจ่างวูบไห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-20

บทล่าสุด

  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    บทที่ 61

    ตอนที่ 52 ช่วงเวลางดงาม กลิ่นอายฤดูหนาวเริ่มมาเยือนอีกครั้ง ไม่เพียงแต่องุ่นของหวังชิงหว่านออกดอกออกผลเต็มสวน มันฝรั่งก็มีเรื่องราวให้ติดตาม ฮ่องเต้ตั้งชื่อให้ใหม่ว่า อี้โถว หลังจากได้ทดลองปลูกจนมั่นใจแล้วก็นำไปให้เหล่าขุนนางได้ชื่นชมในท้องพระโรง ขันทีหันมันเผาเป็นชิ้นเล็ก ๆ

  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    บทที่ 60

    ตอนที่ 51 สวรรค์ประทานพรท้องฟ้าแสงดาวระยิบระยับแสงจันทร์สาดส่อง สายลมราตรีพัดผ่านผ้าม่านปลิวไสว ในช่วงกระพริบตามีเงาดำสายหนึ่งเคลื่อนไหว มือของหลิวซูชะงักเล็กน้อยจากนั้นก็วางผ้าปักลงแล้วเอ่ยกับสาวใช้“พวกเจ้าไปพักเถอะ...ข้าจะเข้านอนแล้ว” สาวใช้ได้ยินเช่นนั้นก็พากันถอยออกไป แต่ไหนแต่ไรมาหลิวซ

  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    บทที่ 59

    ตอนที่ 50 ชีวิตเรียบง่าย เซียวอี้หยางเดินเข้ามาในโรงเรือนองุ่น ใช้สายตาสำรวจครู่หนึ่งเมื่อมองเห็นร่างอรชนที่กำลังตัดแต่งกิ่งองุ่นอยู่ ก็เดินตรงเข้าไปหา กล่าวด้วยน้ำเสียงห่วงใย “แสงแดดยังเจิดจ้า...น้องหญิงไม่กลัวผิวแห้งกร้านหรือ” หวังชิงหว่านตัดกิ่งองุ่นแล้ววางลงตะก

  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    บทที่ 58

    เมื่อก่อนว่าน้องสาวคนนี้งามแล้วมาตอนนี้แฝงความเย้ายวนกลายเป็นโฉมสะคราญไร้ที่ติ ใบหน้าของหวังชิงหว่านประดับรอยยิ้มน้อย ๆ พอเข้ามาใกล้นางก็เอ่ยทักทายอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงสดใส “คารวะพี่รอง...ได้มีโอกาสต้อนรับท่านข้าดีใจยิ่งนัก” หวังหรูเยว่รู้สึกกระอักกระอ่วนใจเล็กน้อย นา

  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    บทที่ 57

    ตอนที่ 49 แยกย้ายกันไปเติบโต เซียวอี้หยางตื่นแต่งกายเตรียมไปทำงานตั้งแต่เช้ามืดเช่นเคย ชายหนุ่มจัดแต่งดึงอาภรณ์ให้เรียบร้อยรอบหนึ่งก่อนจะเดินไปหอมแก้มหวังชิงหว่านที่ยังนอนอยู่บนเตียงด้วยความรักใคร่ “อืม” หญิงสาวพึมพำเบาๆ รับทราบว่าชายหนุ่มกำลังจะไปทำงานแล้ว ชายหนุ่มลุกขึ

  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    บทที่ 56

    ตอนที่ 48 ไม่เอาได้หรือไม่ หวังหรูเยว่เปิดหนังสือภาพสรุปการปลูกองุ่นด้วยความรู้สึกหวาดหวั่น หวังชิงหว่านส่งมาให้นางเมื่อเช้านี้พร้อมกับเทียบเชิญให้ไปชมต้นองุ่นที่กำลังออกช่อ แม้ใบหน้าของหวังหรูเยว่จะเรียบเฉยทว่ามือกลับสั่นเทาอย่างห้ามไม่อยู่ สาวใช้ลอบมองแล้วเอ่ยอย่างระมัดระ

  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    บทที่ 55

    ตอนที่ 47 มีบางอย่างแฝง เรื่องของกัวฉู่เหอกับซ่งหยวนกลายเป็นเรื่องขบขันพูดคุยสนุกปากของคนในเมืองหลวง ทั้งตระกูลกัว ตระกูลซ่งต่างปิดประตูจวนเงียบไม่ออกมาแก้ต่างหรือให้ข้อมูลอะไร แต่กระนั้นก็ยังมีกระแสข่าวเล็ดรอดออกมา ว่ากัวฉู่เหอถูกส่งไปอยู่ชายแดนให้ท่านแม่ทัพกัวอบรม ส่วนซ่งหยวนก็ถูกส

  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    บทที่ 54

    ตอนที่ 46 คิดไม่ถึง เซียวอี้หยางจูงม้าโดยมีหวังชิงหว่านเดินอยู่เคียงข้าง หญิงสาวเอ่ยถาม “เรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไรคะ” ชายหนุ่มอมยิ้มชำเลืองมอง “นึกว่าน้องหญิงจะยังอยากจะเดาเรื่องราวต่อ” หวังชิงหว่านส่ายหน้า “ท่านพี่เล่ามาเถอะ...แผนซ้อนที่ท่านวางไว้มีอะไรบ้างกั

  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    บทที่ 53

    ตอนที่ 45 ผู้ไม่บริสุทธิ์ หวังชิงหว่านหยิบเนื้อหมูตุ๋นเข้าปาก ความนุ่มอร่อยกลิ่นหอมอบอวลทำให้นางแทบลืมหายใจ “อืม...อร่อยแล้ว..ในที่สุดแม่ครัวคนใหม่ของเราก็ทำอาหารได้อร่อยแล้ว” เซียวอี้หยางยิ้มอย่างเอ็นดูแล้วพูด “เจ้าคงสบายใจเสียที” หวังชิงหว่านพยักหน้ากล่าว

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status