ลี่อินลากรถลากตามหลังหวังชิงหว่านที่คล้ายกำลังมองหาบางอย่าง นางจึงเอ่ยถาม “พวกเราจะไปไหนต่อหรือเปล่าเจ้าคะ” “ข้าจำเป็นต้องซื้อเสื้อผ้าใหม่ ไปดูร้านผ้าตรงหน้าเถอะ” เอ่ยเสร็จนางก็เดินนำหน้าไปร้านแพรพรรณ หลงจู้เห็นคนเดินเข้ามาก็รีบออกมาต้อนรับ แต่ก็ต้องชะงักในความงามของหวังชิ
คนในสกุลเซียวจะรีบทานข้าวเย็นและเข้านอนแต่หัวค่ำ เพื่อจะได้ตื่นเช้าไปทำนาแตกต่างจากเซียวอี้หยางที่บางวันจะมีสังสรรค์ข้างนอก บางคืนก็จะอ่านหนังสือจนดึก พวกเขาเลยแยกสำรับมาที่เรือนเซียวอี้หยางต่างหากและเซียวฮูหยินก็ไม่เคยจะลืมแยกอาหารดีๆ ไว้สำหรับลูกชายเป็นพิเศษ เรือนหลักสกุลเซียว ในมื้อ
ใบหน้าอี้หยางยังคงประดับรอยยิ้มกล่าว “เมื่อก่อน...ท่านแม่ก็ทำขนมหาบเร่ขาย ล้วนเป็นเงินก้อนนั้นที่ส่งข้าเล่าเรียนจนสอบได้เป็นขุนนาง จึงได้หยุดขายไป”หวังชิงหว่านพยักหน้าเข้าใจบางอย่างแล้วเอ่ยถาม “แล้วทำไมถึงได้หยุดขายเล่า” “ท่านแม่อ้างว่าสุขภาพไม่ดีแล้ว”หวังชิงหว่าน กะพริบตานัยน์ตากระจ่างวูบไห
หวังชิงหว่านนึกว่าเซียวอี้หยางจะหมดแรง ใกล้รุ่งเขาได้สติก็เสียบดันเข้ามาจากข้างหลัง ความใหญ่และยังเข้ามากระทันหันทำให้นางกระตุ้นเฮือกร้องอ๊ะขึ้น ความเสียวซ่าแล่นปราดขึ้นมาทำให้ชายหนุ่มไม่สนใจอันใด เขาเริ่มขยับบดเบียดส่วนนั้นก็เปียกแฉะอย่างเร็วเอวของชายหนุ่มเปลี่ยนเป็นดุดัน ความซาบซ่านทำให้หวังช
ตอนที่ 12 เป็นข้าที่ผิด เซียวฮูหยินเห็นอี้หยางยกถ้วยออกมาล้างก็เอ่ยขึ้น “แม่สั่งให้ลี่อินกับลู่อันไปรอพวกเจ้าที่เนินเขาแล้ว” เซียวอี้หยางก้มกล่าวขอบคุณอย่างเขินอายพูดขึ้น “ข้าจะพาชิงหว่านไปซื้อทาสสักสองคน ท่านแม่มีสิ่งใดจะกำชับหรือไม่” “ซื้อทาส?” เซียวฮูหยินเอ่ยเสีย
ตอนที่ 13 ไม่เคยโชคดีสักครั้ง ตอนนี้ใกล้จะเที่ยงแล้ว หวังชิงหว่านเงยหน้ามองท้องฟ้าพลางส่งสายตาขุ่นเคืองมาเซียวอี้หยาง ทว่าชายหนุ่มหาได้สำนึกผิดกล่าว “เจ้าไม่ต้องร้อนใจ ลี่อินกับลู่อัน รู้ว่าพวกเราไปทำธุระ” หวังชิงหว่านดึงสายตากลับ จะกล่าวโทษอีกฝ่ายทั้งหมดไม่ได้ ความจริงนางคว
ตอนที่ 14 แรงได้อีก ได้กินข้าวมื้อเย็นร่วมกันหวังชิงหว่านก็รู้สึกคุ้นเคยกับครอบครัวเซียวมากขึ้น แววตาผู้อาวุโสที่เคยมองนางอย่างด้วยความหวาดระแวงก็ดูเหมือนจะแฝงความเมตตาขึ้นมาหลายส่วน หลังมื้อเย็นเซียวอี้หยางจูงมือนางกลับเรือนแล้วพูดขึ้น “พรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้ากลับไปเยี่ยมบ้านแ
“น้องหญิงข้าทนไม่ไหวแล้ว” ความปวดหนึบทำให้เซียวอี้หยางแทบจะระเบิดอยู่แล้ว ครั้งนี้เขาตั้งใจจะอ่อนโยนกับหญิงสาวให้มาก ให้นางได้อิ่มเอิมมีความสุขที่ได้อยู่ตรงนี้ ไม่อยากให้มองเห็นว่าเขาไปคนไม่รู้จักพอมือใหญ่ที่นวดคลึงเคล้นหน้าอกกำแน่นขึ้นเรื่อย ๆ ร่างกายของชิงหว่านเองก็เรียกร้องการเสียดสีไม่ต่าง
หลายวันที่ผ่านมา เสิ่นอินได้ตระหนักถึงความสำคัญของการเป็นคนผู้มีอำนาจ แม้กระทั่งบิดานางเสนาบดีเสิ่นผู้ยิ่งใหญ่ยังผูกไมตรีองค์รัชทายาท นางเองก็ย่อมมีหนทางของตนเองเช่นเดียวกัน “ดี...หลังจากวันนี้เจ้าจงมาฝึก 4 จรรยาต้องไม่บกพร่อง” ภายในใจเสิ่นอินกำลังเคร่งเครียด พอได้ยินเช่นนี้ก็ผ
ชีวิตที่เรียบง่ายหาใช่หาได้ง่าย แม้ในภายในใจผู้คนล้วนหาใช่สงบดั่งสายลมใบไม้ผลิ ตำหนักฮองเฮา กัวฮองเฮาหลุบตาเล็กน้อยก่อนจะตรัสเตือนบุตรชาย “องค์รัชทายาท ช่วงนี้ได้กระทำสิ่งใดที่ไม่ได้บอกกล่าวแม่หรือไม่” จอกชาในมือรัชทายาทหยุดชะงักเล็กน้อย พระองค์ยิ้มละมุมพร้อมตรัสเสียงอ
เมื่อทุกคนลงจากรถม้ากำลังจะเตรียมเดินขึ้น วัดแห่งนี้มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก จึงมีบรรดาคุณหนูฮูหยินและชาวบ้านมากหน้าหลายตาพากันมากราบไหว้ขอพร จางซูอินมองเห็นกู้ฟางเสียนยืนปะปนอยู่กับชาวบ้านที่ถอยห่างรอให้พวกนางเดินขึ้นไปก่อน ชายหนุ่มประครองสตรีวัยกลางคนผู้หนึ่งอยู่ หญิงสาวคาดว่าจะเป็นมารดา
เสิ่นอินมองออกไปเห็นเพียงแผ่นหลังของชายหนุ่ม นางพยักหน้าเห็นด้วยกับเสิ่นอิน อย่างไรก็ควรต้องลงไปคารวะ สวีซื่อมองดูเฉิงอ๋องอย่างตกตะลึง นางจำได้ว่าบุคคลตรงหน้าเป็นแม่ทัพที่นำทัพกลับเมืองหลวงหลังชนะศึก แม้จะมองเห็นไกล ๆ นางก็จำได้ไม่ลืม แม่ทัพปีศาจ เทพสงคราม บุรุษที่ใบหน้าดุจกับเทพบุตรทว
ครอบครัวสกุลจางตื่นตั้งแต่เช้า วันนี้เหล่าสตรีตั้งใจจะไปไหว้พระขอพรที่วัดเส้าหลาง “ซูเอ๋อร์ เจ้าบอกแม่ว่าคุณหนูเสิ่นจะไปไหว้พระด้วยใช่หรือไม่” “ท่านแม่ ไม่เพียงคุณหนูเสิ่น องค์หญิงก็จะเสด็จด้วยเจ้าค่ะ” สวีซื่อเอามือทาบอกเล็กน้อย แม้กระทั่งตอนนี้นางก็ยังไม่สามารถทำตั
ห้องทรงพระอักษร “เฉิงอ๋อง เข้าวังมาด้วยหรือ” ฮ่องเต้ตรัสเอ่ยด้วยน้ำเสียงระคนแปลกใจ “พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทอีกทั้ง...ยังแสดงออกให้ความสำคัญกับจางซูอินด้วยขอรับ” ขันทีคนสนิทของฮ่องเต้กล่าวรายงานด้วยน้ำเสียงระมัดระวัง “อย่างนั้นรึ หากเป็นเรื่องจริงก็น่ายินดียิ่งนัก”
เสียงม้าควบตามมาข้างหลังพร้อมเสียงทำความเคารพ ซูอินจึงเลิกผ้าม่านขึ้นมองเห็นชายเสื้อสีม่วงอันคุ้นเคย พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นแววตาอันอับอุ่นผสมรอยยิ้มบางของชายหนุ่มทำให้ความประหม่าของนางคล้ายสลายบางเบาแม้กระทั่งตัวเองก็ไม่รู้ตัวไป หญิงสาวคาดเดาว่าชายหนุ่มคงได้รับคำสั่งเช่นกัน เฉิงอ๋องควบม้าข
ทุกคนพยักหน้าด้วยเห็นด้วยกับคำพูดของมารดา “แต่สำนักศึกษาคงไม่สามารถรับเด็ก ๆ ทุกคน ย่อมต้องมีอุปสรรคไม่น้อย ข้าในฐานะบัณฑิตได้รับการช่วยเหลือจากสำนักศึกษามาโดยตลอด ไม่อาจจะนิ่งนอนใจได้เจ้าค่ะ” ตอนแรกซูอินก็หนักใจ คิดไม่ออกว่าจะหาเหตุผลใดมาให้ครอบครัว ทว่าหลังจากได้ยินเฉิงอ๋อ
ในมื้อเช้าบ้านสกุลจางยังคงล้อมวงกินข้าวกันเหมือนเช่นเคย ซูอินจึงถือโอกาสเล่าเรื่องราวที่นางจะไปสมัครเป็นซื่อฝูของสำนักศึกษาให้คนในครอบครัวฟัง “เป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งนัก ทว่าด้วยวัยของเจ้า จะเป็นกดดันตนเองเกินไปหรือไม่ และภายหลังหากถอนตัวจะยิ่งทำให้เสียกำลังใจรึเปล่า” ส