Share

ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ
ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ
Author: ประดับดิน

บทที่ 1

last update Last Updated: 2025-02-17 12:53:57

ภารกิจครั้งนี้ไม่สำเร็จ!!

เสียงระเบิดดังสนั่นต่อเนื่อง เรือเกิดไฟไหม้อย่างรุนแรง ถังชิงหว่านไม่ทันได้ไตร่ตรองหาวิธีเอาตัวรอด แรงกระแทกทำให้ร่างของเธอตกลงไปท้องทะเล แม้เธอจะว่ายน้ำเก่งแค่ไหนน้ำแต่อาการบาดเจ็บที่ขาทำให้เธอไม่สามารถที่จะช่วยเหลือตัวเองได้

หลังจากประเมินสถานการณ์ ถังชิงหว่านก็ไม่หาคิดวิธีรักษาชีวิต เธอสงบจิตใจได้อย่างรวดเร็ว

ทำงานด้านนี้เธอย่อมไม่เคยหวาดกลัวความตาย

ตายไม่เสียดาย แต่เสียดายที่ยังไม่ได้ใช้เงินเก็บเหล่านั้น เดิมคิดว่าอีกสักสี่ห้าปีจะลาออกไปใช้ชีวิต ท่องเที่ยวใช้เงินอย่างซ้อในบาร์โอสต์ซื้อความสุขโดยไม่เสียดาย

แต่ตอนนี้คงไม่มีโอกาสนั้นแล้ว

ก่อนจะสิ้นสติถังชิงหว่านยังตัดพ้อสวรรค์ เธอทำงานด้านความมั่นคงให้คนอื่นได้อยู่อย่างสงบปลอดภัย ทำความดีมากมายขนาดนี้ แต่เธอกลับไม่มีโอกาสได้ใช้ชีวิตแบบนั้นบ้าง หวังว่าชาติหน้าสวรรค์จะชดเชยจุดนี้ให้เธอสักเล็กน้อย

จากนั้นความมืดก็จู่โจมเข้ามา ไม่ทันได้เจ็บปวดมากนัก

ถังชิงหว่านก็หมดสติไป

ณ จวนเสนาบดีหวัง

เรือนเล็ก ๆ แทบจะอยู่ท้ายจวนเด็กสาววัยสิบสี่สิบห้าผู้หนึ่งนอนไร้สติอยู่บนเตียง หมอวัยชราดึงมือออกจากจุดชีพจรสีหน้าดูเคร่งเครียด อนุหลิวลอบมองด้วยใจตื่นตระหนก

“เป็นอย่างไรบ้าง” ฮูหยินหวังเอ่ยถามหมอจ้าวด้วยน้ำเสียงกังวล

“เรียนหวังฮูหยินคุณหนูเจ็ดถูกไอเย็นอย่างหนัก ชีพจรอ่อนแรง ทว่าหากผ่านคืนนี้ไปได้จึงจะนับว่าปลอดภัยขอรับ”

อนุหลิวฟังคำกล่าวนี้แฝงนัยว่าเด็กสาวคนนี้คงมีชีวิตไม่พ้นคืนนี้ ด้วยสีหน้าซีดเซียวไร้วาจา หวังฮูหยินภายในแม้จะไม่เสียใจแต่ใบหน้าก็ยังแสดงความเศร้าโศก กล่าวขอบคุณหมอจ้าวจากนั้นก็หันไปสั่งงานบ่าวไพร่ ให้จัดการสิ่งที่ควรจัดการ อะไรที่จะต้องเตรียมก็ต้องเตรียมเสีย แล้วค่อยมาปลอบอนุหลิวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ข้าผิดเอง...ข้าไม่ควรบีบคั้นนาง” อนุหลิวส่ายหน้าก้มหน้าสะอื้นร้องไห้อยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็เป็นลมหมดสติ หวังฮูหยินจึงเรียกคนให้มาพานางกลับไปพักที่เรือน

นับว่าหมอจ้าวกล่าวไม่ผิด คืนนี้ ณ ช่วงเวลาหนึ่งวิญญาณของถังชิงหว่านได้หลุดลอยออกจากร่างไปแล้ว...เหลือเพียงร่างกายที่ยังมีลมหายใจแผ่วเบา ในช่วงเสี้ยววินาทีก็มีวิญญาณหนึ่งเข้ามาพร้อมกับขุมพลังสายหนึ่งปรับให้ลมหายใจแผ่วเบากลับมาเต้นเป็นจังหวะอย่างมั่นคงอีกครั้ง

ถังชิงหว่านค่อย ๆ ฟื้นขึ้นมาจากความมืดมิดพร้อมความทรงจำที่เหมือนไม่ใช่ของเธอผุดขึ้นมานับไม่ถ้วน

สาวใช้ไป๋ถิงที่เฝ้าอยู่ข้างเตียงเห็นสีหน้าของเด็กสาวดีขึ้น ใจที่เศร้าโศกก็เริ่มมีความหวังนางไปปลุกไป๋ชิงที่เผลอหลับไป

“ไป๋ชิงเจ้าดูสิ คุณหนูเจ็ดน่าจะรอดแล้ว”

ยามเช้า

แสงตะวันยามเช้าทอประกายอบอุ่น แม้ว่าจะมีคุณหนูของจวนใกล้จะสิ้นลมก็ไม่ทำให้คนในเรือนใหญ่อย่างสวีเพ่ยรู้สึกหม่นหมอง นางตื่นขึ้นมาตั้งใจเรียกคนมาสอบถาม การจัดการงานศพก็ต้องประหลาดใจ

“ยังไม่ตายหรือ?”

แม่นมโจวหยักหน้าตอบ

“เจ้าค่ะฮูหยิน...ตอนนี้เหมือนจะได้สติขึ้นมาแล้ว บ่าวเลยให้คนไปตามท่านหมอจ้าวมาตรวจดูอาการ”

สวีเพ่ยหยักหน้าชื่นชมกับความละเอียดรอบคอบของบ่าวคนสติ เบื้องหลังเกลียดชังเพียงใด แต่เบื้องหน้าสวีเพ่ยก็ยังต้องแสดงการเป็นฮูหยินที่ใจกว้างมีเมตตา นางหยิบจอชาขึ้นจิบเบา ๆ ถอนหายใจพลางกล่าว

“น่าเสียดายยิ่งนัก...”

เรือนเล็ก

เดิมถังชิงหว่านได้สติตั้งแต่หมอจ้าวเข้ามาแล้ว ด้วยสัญชาติญาณเธอรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติจึงได้แสร้งทำเป็นเหม่อลอยสะลืมสะลือสติยังเลอะเลือน แต่พอทุกคนออกไป นางจึงได้ลืมตาขึ้นอีกครั้งสาดแววตาคมกริบมองรอบ ๆ ภายในห้องตกแต่งด้วยเครื่องเรือนแบบโบราณทั้งหมด ประมวลกับคำกล่าวของพวกคนเหล่านั้นอีกทั้งเธอยังมีความทรงจำของบางคนอยู่ในหัว

จากเหตุผลทั้งหมดถังชิงหว่านเรียบเรียงเรื่องราวสรุปได้ว่านางมาเกิดใหม่แล้ว แล้วยังเกิดใหม่ในร่างของเด็กสาวหวังชิงหว่านที่ตกน้ำป่วยจนสิ้นลม

แม้ภายในใจถังชิงหว่านเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกในตอนแรกแต่สุดท้ายเธอก็สงบสติได้อย่างรวดเร็ว

เอาเถอะในเมื่อสวรรค์ไม่ดึงความทรงจำเธอกลับ คงมีเจตนาบางอย่าง เธอจะลองใช้ชีวิตในฐานะหวังชิงหว่านให้ดีล่ะกัน

ช่วงบ่ายพอมีแรงขึ้นมาบ้าง หวังชิงหว่านพยายามจะลุกขึ้นนั่ง ไป๋ชิงที่อยู่ใกล้รีบมาดันหลังประคอง

“คุณหนูเหตุใดไม่เรียกใช้บ่าวเจ้าคะ”

“ข้าแค่ต้องการจะลุกขึ้น”

“คุณหนูหิวหรือไม่เจ้าคะ...ข้าได้เตรียมโจ๊กไว้ อุ่นไว้ตลอดเวลาเผื่อท่านตื่น” ไป๋อิงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย

หวังชิงหว่านส่ายหน้า “ข้าขอน้ำดื่มก็พอ”

แต่ไป๋ชิงก็พูดแย้งเสียงแผ่วเบา “กินสักหน่อยเถอะนะเจ้าคะคุณหนู ร่างกายจะได้มีแรงและจะได้ทานยาด้วย” หวังชิงหว่านมองตาไป๋ชิงที่เต็มไปด้วยความห่วงใยจึงพยักหน้า

หลังไป๋ชิงออกไป ผ้าม่านก็ถูกเลิกขึ้นอีกครั้งปรากฏหญิงวัยกลางคนผู้หนึ่ง ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความอิดโรยดวงตาแดงบวมที่ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก กระนั้นก็ไม่อาจลดทอนความงามของนางลงแต่ยิ่งขับความบอบบางน่าทนุถนอมยิ่งกว่าเดิม หวังชิงหว่านรีบทบทวนความทรงจำกับคนผู้นี้

นางคือ อนุหลิว มารดาของนางนั่นเอง

“หว่านเอ๋อร์ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง...เด็กดีเหตุใดเจ้าถึงทำเช่นนี้ หากเจ้าเป็นอะไรไปข้าจะอยู่ได้อย่างไร”

หวังชิงหว่านไม่รู้จะรับมือกับสตรีที่เป็นเช่นบ่อน้ำเช่นนี้อย่างไร โชคดีที่หวังชิงหว่านคนเดิมไม่ได้สนิทสนมกับมารดาตนเองนัก นางจึงเลือกปิดตาลงหลบหลีกการพูดคุย อนุหลิวเห็นเช่นนั้นก็ชะงักตกใจเกรงว่าบุตรสาวจะไม่พอใจตนเองอีก จึงรีบกล่าว

“หว่านเอ๋อร์ เจ้าไม่ต้องกังวลใจอีกต่อไป ฮูหยินรับปากแล้ว เรื่องการแต่งงานครั้งนี้ให้เป็นไปตามที่เจ้าปรารถนา”

ได้ยินเช่นนั้น หวังชิงหว่านก็ลืมตาขึ้น แววตาคมกริบทำให้อนุหลิวตะลึงงันไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงระมัดระวัง

“เอ่อ...แล้ว..หว่านเอ๋อร์ต้องการสิ่งใด ข้าจะไปอ้อนวอนหวังฮูหยินให้เจ้าเอง”

ขืนให้อนุหลิวไปพูดคุยเรื่องอาจจะยิ่งวุ่นวายหวังชิงหว่านหลับตาลงอีกครั้งแล้วพูดขึ้น

“เรื่องนี้...เอาไว้ก่อน ข้าจะตัดสินใจใหม่ภายหลัง”

อนุหลิวได้ยินเช่นนั้นก็รีบพูดคล้อยตาม “นั่นสิ สิ่งที่สำคัญคือสุขภาพตอนนี้ต้องดูแลรักษาตัวเองก่อน” ขณะนั้นไป๋ชิงก็กลับมาพร้อมโจ๊กถ้วยหนึ่ง

อนุหลิวจึงลุกขึ้นพร้อมปรายสายตามมองบุตรสาวอย่างครุ่นคิด แม้ว่าเดิมจะไม่ได้สนิทชิดเชื้อแต่นางก็ไม่เคยรับรู้ถึงความเหินห่างเย็นชาจากบุตรสาวเช่นนี้ คงเป็นเพราะนางไม่ได้เรื่องจนบุตรสาวต้องเรียกร้องด้วยชีวิต เพียงแค่คิดดวงตาก็ร้อนผ่าวขึ้นมา แต่หากยังร้องไห้อีก อนุหลิวเกรงว่าจะยิ่งทำให้บุตรสาวไม่พอใจจึงกล่าวลาออกไปด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย

หวังชิงหว่านชำเลืองมองตามหลังมารดา แผ่นหลังอันบอบบางนั้นนอกจากความอรชนยังมีสะท้อนความอ้างว้างออกมาชัดเจน ไม่รู้ว่าหวังชิงหว่านคนเดิมตาบอดหรืออย่างไรจึงยังอยากจะเป็นอนุผู้อื่นเฉกเช่นมารดาอีก

ช่วงเวลาที่ป่วย แม้ว่าจะมีคนมาที่เยือนที่เรือนแต่ก็แค่พอเป็นพิธี นับว่าได้ยังมีเวลาถังชิงหว่านได้ปรับตัวและได้ทบทวนผู้คนพร้อมกับตัวตนของหวังชิงหว่านที่ตายไปแล้ว หลังจากนอนซมอยู่ภายในเรือน พอร่างกายเริ่มแข็งแรงนางก็อยากจะออกไปชมบ้านเมืองในยุคนี้บ้าง

จึงลองเอ่ยอ้างขึ้นมา

“ไป๋อิง หลังจากที่ข้าป่วย..ชีวิตก้าวได้ก้าวไปประตูผีครึ่งหนึ่งข้าอยากจะไปไหว้พระขอพรเป็นสิริมงคลให้ตัวเองสักครั้ง”

ไป๋อิงได้ยินเช่นนั้นก็หันไปสบตากับไป๋ชิงก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงระวัง “คุณหนูเจ็ด...ตอนนี้ท่านคงไม่คิดจะหาวิธีหนีออกจากจวนนะเจ้าคะ”

เห็นท่าทีแวดระแวงของสาวใช้ หวังชิงหว่านชะงักเล็กน้อยทบทวนความทรงจำก่อนจะถอนหายใจยาว การเปลี่ยนเป็นคนใหม่ไม่ง่ายจริง ๆ ประวัติที่ผ่านมาของหวังชิงหว่านผู้นี้ยากจะทำให้คนอื่นเชื่อใจ นางจึงกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“ถ้าอย่างนั้นก็แล้วไปเถอะ”

ไป๋อิงเห็นสีหน้าหวังชิงหว่านเต็มไปด้วยความน้อยใจ แม้ว่านางจะรู้สึกสงสารแต่ก็ใจอ่อนไม่ได้จึงพูดปลอบโยน

“คุณหนูอดทนอีกสักหน่อยเถอะเจ้าค่ะ...คืนนี้นายท่านก็กลับมาแล้ว ไม่ใช่ฮูหยินบอกว่าหรือ ว่าจะหารือเรื่องงานแต่งงานของท่านใหม่…ท่านต้องได้สมหวังอย่างแน่นอน”

หวังชิงหวานครุ่นคิดด้วยอายุและประเพณีที่นี่คงหลีกเลี่ยงงานแต่งงานไม่ได้ ร่างกายก็แสนจะอ่อนแอแถมยังขาดกำลังสนับสนุน หากต้องการจะออกจากกรงใหญ่นี้คงต้องเป็นการแต่งงานและดีที่สุดคือแต่งกับตระกูลเล็ก ๆ เพื่อที่นางจะได้จัดการได้ง่าย คู่หมั้นที่หวังฮูหยินจัดเตรียมไว้ให้ก็นับว่าดีแล้วจึงพูดออกไป

“ข้าจะไปคารวะฮูหยินเสียหน่อย”

เห็นสายตาที่ไป๋ชิงและไป๋อิงมองหน้ากัน หวังชิงหว่านจึงกล่าวต่อ “วางใจเถอะ...ข้าไม่ก่อเรื่องแล้ว”

หลายวันที่ผ่านมานับว่าหวังชิงหว่านเปลี่ยนไปไม่น้อย อีกอย่างอย่างไรพวกนางก็เป็นแค่บ่าว ไป๋อิงจึงรีบกล่าวขึ้น “คุณหนูคิดมากไปแล้ว บ่าวแค่เห็นว่าคุณหนูพึ่งหายป่วยเกรงว่าหากออกไปเดินตากลมอาจจะทำให้กลับมาไม่สบายอีกได้...ถ้าอย่างนั้นให้บ่าวประครองท่านไปนะเจ้าคะ”

หวังชิงหว่านไหนเลยจะเคยให้คนประครองเดิน นางโบกมือปฏิเสธ “ไม่ต้อง ข้าพอเดินเองได้”

เดินมาสักครู่ใหญ่หวังชิงหว่านก็เข้าใจเหตุใดสาวใช้จึงเกรงว่าจะเจ็บป่วยอีก นางลืมไปเสียสนิท...เพราะเส้นทางเดินมาจากเรือนใหญ่นี้ยาวไกลเกือบจะเป็นกิโล ด้วยร่างกายบอบบางและพึ่งจะหายป่วยทำให้รู้สึกเหนื่อยล้าโดยง่าย ไป๋ชิงสังเกตเห็นสีหน้าของหวังชิงหว่านจึงพูดขึ้น

“คุณหนูพักสักหน่อยไหมเจ้าคะ”

หวังชิงหว่านพยักหน้าจึงเดินเข้าไปนั่งในศาลาเล็ก ๆ แล้วพูดขึ้น “พวกเจ้าทราบหรือไม่ว่าท่านพ่อจะกลับถึงจวนยามใด”

“ท่านเสนาบดีเข้าประตูเมืองหลวงมาแล้วเจ้าค่ะ ตอนนี้ยังอยู่ที่วัง คาดว่าตอนเย็นจึงจะได้กลับจวน”

หวังชิงหว่านผงกศีรษะ นางต้องไปคุยกับหวังฮูหยินก่อนที่บิดาของนางจะกลับถึงจวน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    บทที่ 2

    ช่วงเวลานี้ที่เรือนหลัก สวีเพ่ยเอนกายพูดคุยกับบุตรสาวที่มาเยี่ยมเยือนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม หวังหรูเยว่รินชาให้มารดาแล้วพูดขึ้น “ในเมื่อนางใฝ่ต่ำอยากจะเป็นอนุ...ถึงกลับใช้ความตายเข้าแลก ท่านแม่ก็ควรให้นางสมปราถนา” สวีเพ่ยรู้ว่าบุตรสาวเอ่ยถึงผู้ใดก็แค่นเสียงกล่าวอย่างเย็นชา “แต่งออกไปเป็นอ

    Last Updated : 2025-02-17
  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    บทที่ 3

    แม้หวังชิงหว่านจะเป็นที่เอ็นดูของบิดาทว่ากลับไร้อิสระอย่างสิ้นเชิง ตอนเช้าต้องไปคารวะฮูหยินที่เรือนใหญ่ ตกบ่ายนั่งปักผ้าอยู่ภายในเรือน ร่างกายของนางอ่อนแอแค่เดินก็เหนื่อยแล้ว อยู่ในจวนใหญ่นางไม่รู้กำลังป้องกันของที่นี่เป็นอย่างไร จึงยังไม่ทำอะไรบุ่มบ่าม นางทั้งเสแสร้งโง่เขลา เสแสร้างจำใจ เสแสร้ง

    Last Updated : 2025-02-17
  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    บทที่ 4

    ตะวันทอแสงอ่อนเข้าผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้องนอนหวังชิงหว่านรู้สึกตัว นางลืมตาขึ้นมาอย่างช้า ๆ ร่างกายเหมือนสูบเรี่ยวแรง เห็นเซียวอี้หยางเปลือยกายนอนอยู่ด้านข้าง เหม่อมองอีกฝ่ายด้วยความเหนื่อยล้าพลางเอือมมือไปสะกิดอีกฝ่าย“ท่านพี่” ด้วยเนื้อเสียงของหญิงสาว เสียงที่เปล่งออกมาดูออดอ้อนด้วยความคำหวาน

    Last Updated : 2025-02-17
  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    บทที่ 5

    เส้นทางขึ้นเขาย่อมไม่ใช่เส้นทางที่เดินได้อย่างเรียบง่าย เซียวอี้หยางเดินนำหน้าโดยมีหวังชิงหว่านเดินเคียงข้างไป ส่วนเด็กทั้งสองเดินรั้งท้าย พวกเขามองดูฝีเท้าจังหวะก้าวเดินของพี่สะใภ้ต่างก็ส่งสายตาคำถาม ลี่อินเอนตัวกระซิบ “พี่สะใภ้ดูจะเหมือนไม่ใช่คนขึ้นเขาครั้งแรก” ลู่อินพยักหน้าเห็นด้ว

    Last Updated : 2025-02-17
  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    บทที่ 6

    “นะ...นางแต่งงานแล้ว..หรือว่า” เกาเวินเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก จางเคอหันมามองสหายขมวดคิ้วเล็กน้อยที่สหายไม่รู้เรื่องราว “นางคือคุณหนูเจ็ดจวนเสนาบดีหวัง”เกาเวินเบิกตากว้างอ้าปากค้างก่อนจะเอ่ย “นับว่านางงามสมควรรำลือ... มิน่าคุณชายรองกัวฉู่เหอจึงได้หลงใหล แต่เพราะนางเป็นบุตรสาวอนุจึงยังไม่ตบแ

    Last Updated : 2025-02-19
  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    บทที่ 7

    ในเรือนสกุลเซียวมีเพียงฮูหยินผู้เฒ่าที่อยู่ในเรือน ส่วนบิดาและมารดายังไม่กลับจากทำนา ทั้งลี่อิน ลู่อันและเซียวอี้หยางก็มีหน้าที่ของตนเอง เหลือเพียงหวังชิงหว่านที่นั่งพักเอื่อยเฉื่อยอยู่ในที่นั่งหน้าเรือน นางเงยหน้ามองท้องฟ้าพลางคิดในใจ “สวรรค์ตอนนี้ข้าเริ่มจับปลาขายแล้วนะ...จากนี้ก็คงจะเป็นปลูก

    Last Updated : 2025-02-19
  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    บทที่ 8

    ลี่อินลากรถลากตามหลังหวังชิงหว่านที่คล้ายกำลังมองหาบางอย่าง นางจึงเอ่ยถาม “พวกเราจะไปไหนต่อหรือเปล่าเจ้าคะ” “ข้าจำเป็นต้องซื้อเสื้อผ้าใหม่ ไปดูร้านผ้าตรงหน้าเถอะ” เอ่ยเสร็จนางก็เดินนำหน้าไปร้านแพรพรรณ หลงจู้เห็นคนเดินเข้ามาก็รีบออกมาต้อนรับ แต่ก็ต้องชะงักในความงามของหวังชิ

    Last Updated : 2025-02-20
  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    บทที่ 9

    คนในสกุลเซียวจะรีบทานข้าวเย็นและเข้านอนแต่หัวค่ำ เพื่อจะได้ตื่นเช้าไปทำนาแตกต่างจากเซียวอี้หยางที่บางวันจะมีสังสรรค์ข้างนอก บางคืนก็จะอ่านหนังสือจนดึก พวกเขาเลยแยกสำรับมาที่เรือนเซียวอี้หยางต่างหากและเซียวฮูหยินก็ไม่เคยจะลืมแยกอาหารดีๆ ไว้สำหรับลูกชายเป็นพิเศษ เรือนหลักสกุลเซียว ในมื้อ

    Last Updated : 2025-02-20

Latest chapter

  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    บทที่ 61

    ตอนที่ 52 ช่วงเวลางดงาม กลิ่นอายฤดูหนาวเริ่มมาเยือนอีกครั้ง ไม่เพียงแต่องุ่นของหวังชิงหว่านออกดอกออกผลเต็มสวน มันฝรั่งก็มีเรื่องราวให้ติดตาม ฮ่องเต้ตั้งชื่อให้ใหม่ว่า อี้โถว หลังจากได้ทดลองปลูกจนมั่นใจแล้วก็นำไปให้เหล่าขุนนางได้ชื่นชมในท้องพระโรง ขันทีหันมันเผาเป็นชิ้นเล็ก ๆ

  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    บทที่ 60

    ตอนที่ 51 สวรรค์ประทานพรท้องฟ้าแสงดาวระยิบระยับแสงจันทร์สาดส่อง สายลมราตรีพัดผ่านผ้าม่านปลิวไสว ในช่วงกระพริบตามีเงาดำสายหนึ่งเคลื่อนไหว มือของหลิวซูชะงักเล็กน้อยจากนั้นก็วางผ้าปักลงแล้วเอ่ยกับสาวใช้“พวกเจ้าไปพักเถอะ...ข้าจะเข้านอนแล้ว” สาวใช้ได้ยินเช่นนั้นก็พากันถอยออกไป แต่ไหนแต่ไรมาหลิวซ

  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    บทที่ 59

    ตอนที่ 50 ชีวิตเรียบง่าย เซียวอี้หยางเดินเข้ามาในโรงเรือนองุ่น ใช้สายตาสำรวจครู่หนึ่งเมื่อมองเห็นร่างอรชนที่กำลังตัดแต่งกิ่งองุ่นอยู่ ก็เดินตรงเข้าไปหา กล่าวด้วยน้ำเสียงห่วงใย “แสงแดดยังเจิดจ้า...น้องหญิงไม่กลัวผิวแห้งกร้านหรือ” หวังชิงหว่านตัดกิ่งองุ่นแล้ววางลงตะก

  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    บทที่ 58

    เมื่อก่อนว่าน้องสาวคนนี้งามแล้วมาตอนนี้แฝงความเย้ายวนกลายเป็นโฉมสะคราญไร้ที่ติ ใบหน้าของหวังชิงหว่านประดับรอยยิ้มน้อย ๆ พอเข้ามาใกล้นางก็เอ่ยทักทายอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงสดใส “คารวะพี่รอง...ได้มีโอกาสต้อนรับท่านข้าดีใจยิ่งนัก” หวังหรูเยว่รู้สึกกระอักกระอ่วนใจเล็กน้อย นา

  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    บทที่ 57

    ตอนที่ 49 แยกย้ายกันไปเติบโต เซียวอี้หยางตื่นแต่งกายเตรียมไปทำงานตั้งแต่เช้ามืดเช่นเคย ชายหนุ่มจัดแต่งดึงอาภรณ์ให้เรียบร้อยรอบหนึ่งก่อนจะเดินไปหอมแก้มหวังชิงหว่านที่ยังนอนอยู่บนเตียงด้วยความรักใคร่ “อืม” หญิงสาวพึมพำเบาๆ รับทราบว่าชายหนุ่มกำลังจะไปทำงานแล้ว ชายหนุ่มลุกขึ

  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    บทที่ 56

    ตอนที่ 48 ไม่เอาได้หรือไม่ หวังหรูเยว่เปิดหนังสือภาพสรุปการปลูกองุ่นด้วยความรู้สึกหวาดหวั่น หวังชิงหว่านส่งมาให้นางเมื่อเช้านี้พร้อมกับเทียบเชิญให้ไปชมต้นองุ่นที่กำลังออกช่อ แม้ใบหน้าของหวังหรูเยว่จะเรียบเฉยทว่ามือกลับสั่นเทาอย่างห้ามไม่อยู่ สาวใช้ลอบมองแล้วเอ่ยอย่างระมัดระ

  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    บทที่ 55

    ตอนที่ 47 มีบางอย่างแฝง เรื่องของกัวฉู่เหอกับซ่งหยวนกลายเป็นเรื่องขบขันพูดคุยสนุกปากของคนในเมืองหลวง ทั้งตระกูลกัว ตระกูลซ่งต่างปิดประตูจวนเงียบไม่ออกมาแก้ต่างหรือให้ข้อมูลอะไร แต่กระนั้นก็ยังมีกระแสข่าวเล็ดรอดออกมา ว่ากัวฉู่เหอถูกส่งไปอยู่ชายแดนให้ท่านแม่ทัพกัวอบรม ส่วนซ่งหยวนก็ถูกส

  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    บทที่ 54

    ตอนที่ 46 คิดไม่ถึง เซียวอี้หยางจูงม้าโดยมีหวังชิงหว่านเดินอยู่เคียงข้าง หญิงสาวเอ่ยถาม “เรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไรคะ” ชายหนุ่มอมยิ้มชำเลืองมอง “นึกว่าน้องหญิงจะยังอยากจะเดาเรื่องราวต่อ” หวังชิงหว่านส่ายหน้า “ท่านพี่เล่ามาเถอะ...แผนซ้อนที่ท่านวางไว้มีอะไรบ้างกั

  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    บทที่ 53

    ตอนที่ 45 ผู้ไม่บริสุทธิ์ หวังชิงหว่านหยิบเนื้อหมูตุ๋นเข้าปาก ความนุ่มอร่อยกลิ่นหอมอบอวลทำให้นางแทบลืมหายใจ “อืม...อร่อยแล้ว..ในที่สุดแม่ครัวคนใหม่ของเราก็ทำอาหารได้อร่อยแล้ว” เซียวอี้หยางยิ้มอย่างเอ็นดูแล้วพูด “เจ้าคงสบายใจเสียที” หวังชิงหว่านพยักหน้ากล่าว

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status