Share

ชะตารักฮูหยินจำเป็น
ชะตารักฮูหยินจำเป็น
Author: Shine-Month

ตอนที่ 1 ไม่สนใจ

Author: Shine-Month
last update Last Updated: 2025-01-14 15:34:51

       กองทัพขนาดใหญ่เคลื่อนพลกลับมายังเมืองหลวง หลังจากที่พวกเขาได้ออกรบปกป้องบ้านเมืองเป็นเวลาช้านาน หลังจากที่ถูกแคว้นจ้าวรุกรานทำศึกประชิดแคว้น ทำให้ชินอ๋องอย่าง ‘เหลียงซินเผิง’ ทูลขออนุญาตฮ่องเต้ยกกองทัพไปทำศึกด้วยตนเองโดยมีสหายคู่ใจอย่าง    ‘หวงหยางหมิง’ ที่มีตำแหน่งเป็นรองแม่ทัพประจำกองทัพออกไปรบด้วย

       ศึกนี้กินเวลายาวนานถึงหกปีเพราะนอกจากจะต้องป้องกันชายแดนของตัวเองแล้ว ชัยชนะครั้งนี้ยังทำให้แคว้นจ้าวและชนเผ่าตี๋ที่ยกทัพมาทำศึกกับแคว้นฉินพร้อมกันนั้นยอมศิโรราบแต่โดยดี แคว้นฉินจึงมีชื่อเสียงในการรบและกองทัพที่แข็งแกร่งสะท้านไปทั่วทุกสารทิศ 

       แคว้นหรือชนเผ่าต่าง ๆ ที่ทีแรกตั้งใจจะทำศึกกับแคว้นฉิน ต้องพากันยกทัพกลับถิ่นฐานตัวเองโดยเร็วหลังจากที่รับรู้ว่าแคว้นจ้าวและชนเผ่าตี๋พ่ายแพ้ให้กับแคว้นฉินอย่างย่อยยับ อีกทั้งข่าวลือเรื่องความโหดเหี้ยมของแม่ทัพของชินอ๋อง แต่ผู้ที่มีชื่อเสียงที่โหดเหี้ยมกว่าจนศัตรูขนานนามว่า ‘ปีศาจหน้ากากเหล็ก’ รองแม่ทัพหวงหยางหมิง บุรุษที่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ คอยระวังความปลอดภัยให้ชินอ๋องและฆ่าฟันศัตรูไม่เลือกหน้า ไม่มีคำว่าปรานีให้กับเหล่าศัตรู หวงหยางหมิงตวัดดาบสะบั้นคอศัตรูได้อย่างไม่ลังเล

“ไม่ได้กลับมานาน รู้สึกเหมือนบ้านเมืองของเราจะเปลี่ยนแปลงไปไม่น้อย” ชินอ๋องหันไปคุยกับสหายของตัวเองที่ใส่หน้ากากเหล็กปกปิดครึ่งใบหน้า ตั้งแต่หน้าผากจนถึงจมูก มีเพียงดวงตาและช่วงล่างบริเวณปากเท่านั้นที่โผล่ออกมาให้เห็น

   หวงหยางหมิงพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของชินอ๋อง เขาเองก็จากเมืองหลวงไปนาน กลับมาคราวนี้ดูเมืองหลวงเจริญขึ้นไม่น้อย ดวงตาหันไปมองรอบ ๆ ตัว มองเห็นผู้คนมากหน้าหลายตาที่ออกมาต้อนรับพวกเขา สายตาหลายคู่มองมาด้วยความดีใจและชื่นชม แต่หลายสายตาก็มองมาด้วยความหวาดกลัวเช่นเดียวกัน แต่หวงหยางหมิงเองก็ไม่ได้ใส่ใจกับสายตาผู้คนเหล่านั้น เขาชินแล้วกับสายตาแบบนี้

“กลับมาแล้ว ไม่คิดจะถอดหน้ากากออกรึ”

“ไม่พ่ะย่ะค่ะ”

“แต่ชาวเมืองเขาจะหวาดกลัวเจ้าเอานะ ดูสายตาที่พวกเขามองเจ้าสิ”

“เป็นเช่นนี้ดีแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

 หวงหยางหมิงตอบด้วยน้ำเสียงเหมือนไม่แยแสต่อสิ่งใด จนชินอ๋องอดขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความงุนงงไม่ได้ ที่นี่ไม่ใช่สนามรบ เหตุใดหวงหยางหมิงยังไม่ยอมถอดหน้ากากออกอีก แต่เอาเถิด ในเมื่อเจ้าตัวเขาไม่ต้องการที่จะถอด ตัวเขาเองก็ไม่บังคับซักไซ้ให้มากความ หวงหยางหมิงอาจจะมีเหตุผลบางอย่าง ก็ถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของเจ้าตัวเอง เขาเป็นเพียงนายไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวอยู่แล้ว

จวนตระกูลเซียว

สตรีโฉมสะคราญผู้หนึ่งกำลังนั่งจิบชาเงียบ ๆ ที่ศาลากลางสระบัวในจวน โดยมีบุรุษที่เป็นคู่หมั้นนั่งอยู่เคียงข้าง

“อิงเอ๋อร์ เราต่างหมั้นกันนานแล้ว เหตุใดถึงยังไม่ยอมแต่งเข้าจวนข้าอีก”

 หลี่ซื่อหมิน คู่หมั้นของสตรีโฉมสะคราญอย่าง เซียวเหม่ยอิง เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์เท่าใดนัก เพราะคู่หมั้นของเขาแม้ว่าจะหมั้นกันเป็นเวลานานแล้ว ทว่ายังไร้วี่แววเรื่องการแต่งงาน เวลาเอ่ยถามก็มักจะได้ยินแต่คำตอบเดิม ๆ จนเขาเองก็รู้สึกเบื่อหน่ายไม่น้อย

“ข้ายังเป็นห่วงครอบครัวเจ้าค่ะ” เซียวเหม่ยอิงมักจะตอบเพียงแค่นั้น ไม่ได้อธิบายต่อว่าทำไมหรือเพราะเหตุใด จนหลี่ซื่อหมินรู้สึกรำคาญในคำพูดและกิริยาคู่หมั้นของตัวเอง

   แม้ว่านางจะมีใบหน้าที่งดงาม แต่กลับมีท่าทีที่เฉยชาและใบหน้านิ่งเรียบที่ไม่แสดงออกถึงอารมณ์ใด ๆ จนบางทีหลี่ซื่อหมินคิดว่าเขาคุยกับหุ่นฟางที่เหล่าทหารใช้ฝึกซ้อมมากกว่าคุยกับมนุษย์คนหนึ่งเสียอีก

   หลังจากที่ได้ยินคำตอบที่ไม่ต่างจากเดิม หลี่ซื่อหมินก็ลุกออกไปจากศาลาทันที เพราะขืนให้เขาอยู่ต่อไป เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะคุยอะไรกับเซียวเหม่ยอิงเช่นกัน ตั้งแต่ที่หมั้นหมายกันมา พวกเขาคุยกันจนแทบจะนับคำได้ และนางเองก็ไม่ค่อยออกไปไหนกับเขา ส่วนมากนางจะอยู่แต่ในจวนเสียมากกว่า

   หลี่ซื่อหมินเดินออกมาจากศาลาด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิดรำคาญใจ เขาหันไปดูคู่หมั้นของตัวเองก็เห็นนางนั่งจิบชาอยู่เช่นเดิมไม่เปลี่ยน ยิ่งทำให้หลี่ซื่อหมินนั้นรู้สึกไม่พอใจเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว

“คุณชายหลี่ มาหาท่านพี่หรือเจ้าคะ” เสียงใสของหญิงสาวอีกคนที่เอ่ยทักชายหนุ่ม ทำให้เขาละสายตาจากเซียวเหม่ยอิงแล้วหันมามอง ก็พบกับใบหน้าที่คุ้นเคยยืนยิ้มให้เขาอยู่ เซียวลี่หง น้องสาวแท้ ๆ ของเซียวเหม่ยอิง

“ขอรับ แต่ว่ากำลังจะกลับแล้ว”

“เหตุใดถึงกลับเร็วนักเล่าเจ้าคะ หรือว่าท่านทะเลาะกับท่านพี่อีกแล้ว” เซียวลี่หง เอ่ยถามพร้อมกับสีหน้าที่แสดงถึงความห่วงใย

"..." หลี่ซื่อหมิน

“หากท่านลำบากใจที่จะพูด ไม่ต้องตอบข้าก็ได้นะเจ้าคะ ข้าเพียงแค่ไม่อยากให้ท่านกับท่านพี่ต้องทะเลาะกันแค่นั้นเอง”

  หลี่ซื่อหมินมองสตรีตรงหน้าที่ทำสีหน้าคล้ายสำนึกผิดกับเขา ในใจก็นึกเอ็นดูไม่น้อย เขาอดคิดเปรียบเทียบสองพี่น้องคู่นี้ไม่ได้ คนหนึ่งนิ่งราวน้ำแข็งแต่อีกคนกลับสดใส ไม่ว่าผู้ใดก็ต่างอยากอยู่ด้วย แวบหนึ่งเขาก็คิดว่าหากคู่หมั้นของเขาเป็นเซียวลี่หงก็คงดี เขาคงจะมีความสุขไม่น้อย

  กึก!  เป็นเซียวลี่หงงั้นหรือ?

  หลี่ซื่อหมินถึงกับรีบส่ายหัวเพื่อสลัดความคิดนี้ออกไปจากหัวตัวเอง แล้วเอ่ยถามสตรีตรงหน้าตนที่แต่งตัวงดงามคล้ายจะออกไปด้านนอก

 “แล้วนี่ คุณหนูเล็กจะไปไหนรึขอรับ?”

 “ข้ากำลังจะไปตลาด ไปดูเครื่องประดับใส่ไปงานเลี้ยงที่จะถึงนี้เจ้าค่ะ”

  “งานเลี้ยงที่จะถึงนี้....” หลี่ซื่อหมินทำท่าครุ่นคิด “งานเลี้ยงต้อนรับเหล่ากองทัพของชินอ๋องใช่หรือไม่” หลี่ซื่อหมินเองก็เพิ่งนึกออก เพราะจวนของเขาเองก็ได้รับเทียบเชิญให้ไปร่วมงานเลี้ยงนี้เช่นกัน

   งานเลี้ยงต้อนรับเหล่าทหารที่ไปร่วมออกศึกจนได้รับชัยชนะกลับมา จะมีการเลื่อนยศตำแหน่งในวันงานด้วย

   เซียวลี่หงพยักหน้าพร้อมกับส่งยิ้มให้ “ใช่แล้วเจ้าค่ะ อยู่จวนแล้วข้ารู้สึกเบื่อเล็กน้อย เลยกะว่าจะไปเดินเที่ยวตลาดเสียหน่อย คุณชาย หลี่ไปเดินตลาดกับข้าไหมเจ้าคะ”

   หลี่ซื่อหมินได้ยินเช่นนั้นก็หันไปมองคู่หมั้นของตนเอง ก่อนจะหันมาหาเซียวลี่หงที่ยืนมองเขาอยู่

   “ตกลง” เขาไม่คิดจะปฏิเสธคำชวนของสาวงามอยู่แล้ว เขาเองก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าหากนางรู้ว่าคู่หมั้นของตนมีข่าวลือกับน้องสาวของตนเองจะมีท่าทีเช่นไร นางจะทำสีหน้าอย่างไร จะเย็นชากับเขาไปถึงตอนไหน อยากรู้เหมือนกัน 

   “คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูเล็กกับคุณชายหลี่เดินไปพร้อมกัน บ่าวคิดว่าพวกเขาทั้งคู่ต้องไปด้วยกันแน่นอนเจ้าค่ะ”

   ลี่จินเอ่ยขึ้นมาขณะที่กำลังรินชาให้คุณหนูของตัวเอง แต่เซียวเหม่ยอิงยังไม่มีทีท่าหรือแสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมา นางยังคงนั่งจิบชาเช่นเดิม สายตาจับจ้องไปยังสระบัวเหมือนกำลังมองดูอะไรบางอย่าง

   “ใกล้เวลาอาหารเที่ยงแล้ว ไปเข้าครัวกันเถิด” พูดจบเซียวเหม่ยอิงก็ลุกขึ้นเตรียมตัวไปเข้าครัวทันที

   “เจ้าค่ะ” ลี่จินรับคำและเดินตามหลังคุณหนูตัวเอง

   เป็นภาพเคยชินของเหล่าบรรดาบ่าวไพร่ในจวนตระกูลเซียวที่เห็นคุณหนูใหญ่เข้าครัว ทำอาหารด้วยตัวเองโดยไม่สนใจว่ากลิ่นฟืนไฟหรือกลิ่นอาหารจะติดเสื้อผ้าของตัวเอง หรือนิ้วมือจะโดนมีดบาด หากเป็นคุณหนูท่านอื่นคงขยาดไปแล้ว อย่าว่าแต่เข้าครัวเลย แค่เดินผ่านยังไม่มีคุณหนูคนไหนกล้าเดินผ่าน เพราะพวกนางต่างรักสวยรักงามกันทั้งนั้น แต่กลับตรงข้ามกับคุณหนูใหญ่ตระกูลเซียวผู้นี้ ที่กำลังหมกหมุ่นกับการสับหมูเพื่อเตรียมทำอาหารอย่างตั้งใจ

   ขณะที่ทุกคนกำลังจะรับประทานอาหารกลางวันด้วยกัน เซียวฟู่ซินเห็นว่าบุตรสาวของตนเองหายไปหนึ่งคนก็ได้เอ่ยถามขึ้นมา

  “หงเอ๋อร์ไปไหนรึ?”

  “เห็นลูกบอกไปดูเครื่องประดับใส่ไปงานเลี้ยงที่จะถึงนี้เจ้าค่ะ” ฟางเหนียงตอบสามีตนเอง

  เซียวฟู่ซินพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ดี ๆ ฮูหยินก็ดูแลหงเอ๋อร์เรื่องการแต่งกายด้วยนะอย่าให้บุตรสาวเราน้อยหน้าผู้อื่นเป็นอันขาด”

“ท่านพี่ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้นหรอกเจ้าค่ะ หงเอ๋อร์ทั้งงดงามและเป็นเด็กดี ใคร ๆ ก็ต่างพากันชื่นชมนาง ลูกไม่ทำตัวให้พวกเราผิดหวังอย่างแน่นอน”

   เซียวฟู่ซินยิ้มให้กับฮูหยินของตนหลังจากที่ได้ยินคำตอบ เซียวลี่หงนั้นเป็นเด็กดีจริงๆ เขาไปไหนมาไหนมีแต่คนชื่นชมลูกสาวคนเล็กของเขาว่าเป็นสตรีที่นอกจากรูปลักษณ์หน้าตาจะงดงามแล้ว นิสัยใจคอก็งดงามไม่แพ้หน้าตา เป็นที่รักใคร่ของเหล่าบรรดาคุณหนูในเมืองหลวงยิ่งนัก แต่พอเขาหันไปดูบุตรสาวคนโต ก็อดคิ้วขมวดเข้าหากันไม่ได้ แม้หน้าตาจะงดงามแต่นิสัยนั้นกลับแตกต่าง จนเขาต้องถอนลมหายใจออกมา

   จากนั้นทุกคนก็ลงมือทานอาหารกลางวันกันปกติ เซียวเหม่ยอิงนั่งกินอาหารเงียบ ๆ โดยไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา จนนางอิ่มแล้วก็หยิบผ้าเช็ดมุมปากอย่างเรียบร้อย

  “ข้าอิ่มแล้ว ขอตัวกลับเรือนก่อนนะเจ้าคะ”

  เซียวฟู่ซินกับฟางเหนียงพยักหน้าแทนคำตอบ ทั้งคู่ยังคงทานอาหารต่อ เซียวเหม่ยอิงเองก็กำลังลุกจากโต๊ะอาหารกลับเรือนตัวเอง โดยมีลี่จินเดินตามไม่ห่าง

 “ประเดี๋ยวก่อน” ฟางเหนียงเรียกบุตรสาวตนเอง

 “ท่านแม่มีอะไรหรือเจ้าคะ”

 “บัญชีกิจการและบัญชีภายในจวน เจ้าทำเสร็จแล้วหรือยัง”

 “เหลือเพียงบัญชีภายในจวน ที่เหลือข้าทำเสร็จเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ”

ฟางเหนียงพยักหน้าให้หลังจากได้ยินคำตอบแล้วทานอาหารกับสามีตัวเองต่อ เซียวเหม่ยอิงเห็นว่าไม่มีใครเอ่ยอะไรกับนางแล้ว ก็หันหลังเดินจากไปอย่างเงียบ ๆ

“ไปหยิบบัญชีมาให้ข้าที่เรือนด้วยนะ”

“เจ้าค่ะ” ลี่จินรับคำสั่งคุณหนูตนเอง และเดินจากไปเพื่อไปหยิบบัญชีตามที่ได้รับคำสั่ง

   ภายในเรือนที่เงียบสงัดของเซียวเหม่ยอิง นางนั่งทำบัญชีของจวนอย่างตั้งอกตั้งใจ โดยมีลี่จินสาวใช้ข้างกายคอยฝนหมึกและรินน้ำชาให้ไม่ขาด

   ทีแรก ลี่จินเป็นเพียงเด็กน้อยจรจัดไร้ที่พึ่งพิง บิดาและมารดานั้นติดเหล้า ทำให้ลี่จินต้องจำใจหนีออกมา เร่ร่อนไปทั่วจนพลาดท่าถูกชายกลุ่มหนึ่งกำลังจะจับตัวลี่จินไปขายเป็นทาสให้กับพ่อค้าทาส ขณะที่ลี่จินกำลังดิ้นรนขัดขืนชายกลุ่มนั้นอยู่นั้นก็ปรากฏคุณหนูคนหนึ่งมาพบเข้าเสียก่อน

“เกิดอะไรขึ้นกัน เหตุใดถึงต้องลงไม้ลงมือกันด้วย!” เสียงใส ๆ ของคุณหนูคนนั้นเอ่ยถามเหตุการณ์ตรงหน้า

“ก็นางขัดขืนข้า ข้าก็ต้องสั่งสอนนางเป็นเรื่องธรรมดา” ชายคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหอบ เพราะแรงขัดขืนของลี่จินนั้นไม่น้อยเลย แม้ว่าลี่จินจะมีอายุเพียงสิบหนาวก็ตาม

“ไม่จริงเจ้าค่ะ พวกนี้จะจับตัวข้าไปขายเป็นทาส ทั้ง ๆ ที่ข้าไม่ยินยอม ฮือ ๆ” ลี่จินเอ่ยแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสั่นปนสะอื้น

“เพ้ยยย! นังเด็กคนนี้ เจ้าเป็นเพียงเด็กเร่ร่อนคนหนึ่ง พวกข้าน่ะหวังดีกับเจ้าต่างหาก ไม่อยากให้เจ้านอนหนาวตายข้างทาง รู้ไว้ซะด้วย!”

   พวกเขาจะบอกความจริงได้อย่างไร ว่าแท้จริงแล้วพวกเขาต้องการหาเด็กเร่ร่อนที่ไม่มีบิดามารดานำไปขายแก่พ่อค้าทาสเพื่อนำเงินมาแบ่งกัน

ทว่าเซียวเหม่ยอิงนั้นไม่ได้สนใจแต่อย่างใด นางเดินเข้าไปหาลี่จินที่นั่งก้มหน้าด้วยความสั่นกลัวอยู่คนเดียว

“ข้าเซียวเหม่ยอิง เจ้าอยากไปอยู่กับข้าหรือไม่ ข้าต้องการสาวใช้ข้างกายอยู่พอดี”

น้ำเสียงห่วงใยนั้นเอ่ยถาม ทำให้ลี่จินเองถึงกับเงยหน้าขึ้นมามอง ก็พบกับใบหน้าน้อย ๆ ที่ส่งรอยยิ้มให้นางอยู่อย่างห่วงใย ลี่จินตกอยู่ในภวังค์รอยยิ้มนั้นและพยักหน้าโดยง่าย

“เช่นนั้นไปกันเถิด”

มือน้อยที่ขาวสะอาดยื่นมาหานางอย่างไม่รังเกียจ จนลี่จินถึงกับน้ำตาคลอ เพราะในชีวิตนางผ่านมาสิบหนาว มีแต่คนรังเกียจเพราะนางนั้นเป็นคนจน ตอนนี้ยังเป็นคนจร ผู้คนที่พบเจอต่างพากันสาดน้ำไล่ทั้งนั้น ทว่ายังไม่ทันได้จับมือกัน ก็มีเสียงดังขึ้นมาแทรกเสียก่อน

“จะหนีไปง่าย ๆ เช่นนี้รึ! พวกข้าไม่ยอมหรอกนะ”

พวกเขามีกันตั้งสามคนจึงยืนล้อมเซียวเหม่ยอิงและลี่จินเอาไว้ เพราะยังไงก็เป็นเพียงเด็กผู้หญิงสองคนเท่านั้น 

“หรือว่าเราจะนำเด็กผู้หญิงคนนี้ไปด้วยดี ลูกพี่” ชายคนหนึ่งพูดกับชายที่ตัวใหญ่ที่สุดในกลุ่ม

“นั่นสิ ดูท่าคงขายได้ราคางาม ผิวพรรณก็ดูดีแสดงว่าต้องเป็นลูกหลานคนมีเงินแน่นอน แต่ทำไมถึงมาอยู่คนเดียว”

“สงสัยเป็นเพียงบุตรีอนุภรรยาเป็นแน่ ข้าว่าถ้าเราเอาไปขายเมืองอื่นก็คงไม่มีปัญหาเพราะอย่างไรวันพรุ่งนี้พวกเราก็ต้องเดินทางอยู่แล้ว ลูกพี่คิดว่าอย่างไร”

   ชายตัวใหญ่หรี่ตามองดูเด็กผู้หญิงสองคนที่อยู่ในวงล้อมของเขาอย่างใช้ความคิด จริงอย่างที่ลูกน้องของเขาพูด หากนำไปขายกับพ่อค้าทาสเมืองอื่นคงได้ราคาดีไม่น้อย และยิ่งเป็นเด็กผู้หญิง ถ้านำไปขายหอนางโลมยิ่งได้ราคาดีขึ้นไปอีก อีกอย่างเรื่องการเดินทางไปเมืองอื่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่เพราะพวกเขาเองก็เดินทางบ่อย เปลี่ยนสถานที่ไปเรื่อย ๆ อยู่เป็นประจำ

พอคิดได้อย่างนั้นชายคนที่ตัวใหญ่กว่าก็พยักหน้ากับลูกน้องทั้งสองคน

“เอาตัวไป”

เซียวเหม่ยอิงได้ยินแบบนั้นก็ไม่ได้นึกกลัวแต่อย่างใด แถมยังพูดข่มขู่ด้วยซ้ำ

“หยุดนะ! หากพวกท่านจับตัวพวกข้าไป พวกท่านต้องโดนทหารจับตัวไปส่งทางการอย่างแน่นอน!”

ทั้งสามคนที่ได้ยินคำขู่ของเด็กน้อย ต่างพากันหัวเราะออกมาราวกับเป็นเรื่องตลก

"ฮ่าฮ่าฮ่า นี่นังหนู หากพวกข้ากลัวโดนจับ ข้าคงไม่อยู่มาจนถึงป่านนี้หรอก" ชายคนหนึ่งพูดขึ้นมา พวกเขาไม่ได้กลัวคนของทางการมาเจอสักนิด เพราะพวกเขาย้ายถิ่นฐานไปเรื่อย อีกอย่างพวกเขาจะเน้นจับพวกเด็กเร่ร่อนมากกว่า เพราะไม่มีใครแจ้งกับทางการ ทำให้พวกเขาเหิมเกริมทำผิดเรื่องเดิมซ้ำ ๆ คิดว่าไม่มีใครตามจับตัวพวกเขาได้อย่างแน่นอน

   ตอนนี้เซียวเหม่ยอิงมั่นใจแล้ว ไม่ว่าอย่างไรพวกนี้ก็ไม่ยอมปล่อยนางไปแน่นอน นางมองดูชายทั้งสามคนด้วยสายตาที่หวาดหวั่น เพราะอย่างไรนางก็เป็นเพียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้น อีกอย่างที่ตรงนี้เป็นซอยเปลี่ยว ไม่ค่อยมีผู้คนสัญจร ที่นางมาเจอเหตุการณ์เหล่านี้ เพราะเซียวเหม่ยอิงหนีสาวใช้ออกมา ทำให้เจอเหตุการณ์นี้โดยบังเอิญ

   ยิ่งในซอยเปลี่ยวไร้ผู้คน ชายฉกรรจ์ทั้งสามคนยิ่งชอบใจ พวกเขาค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้ หมายจะจับตัวทั้งสองไปอย่างที่ตั้งใจไว้ ขณะบุรุษทั้งสามคนกำลังจะจับตัวเซียวเหม่ยอิงนั้นเอง

ฉึก ฉึก ฉึก!

อ๊ากกกกกก! เสียงทั้งสามคนร้องพร้อมกันด้วยความเจ็บปวด เพราะพวกเขาโดนธนูลึกลับปักเข้าที่หัวไหล่อย่างจัง ทำให้ทั้งหมดล้มลงพื้นด้วยความเจ็บปวด

“พวกนี้มีหมายจับของทางการ นำตัวพวกนี้ไปเข้าคุกให้หมด!”

ชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนอาชาออกคำสั่งกับผู้ติดตามของตน เหล่าผู้ติดตามรับคำสั่งและรีบนำตัวทั้งสามคนไปขังคุกตามคำสั่งทันที

   ชายหนุ่มคนนั้นมองดูเด็กผู้หญิงสองคนที่นั่งกอดกันด้วยความหวาดกลัว แต่เขาก็ต้องสะดุดกับสายตาของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่มองเขา สายตาที่มองด้วยความแข็งกร้าวแต่ก็สุขุม แม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่น่าหวาดกลัวแต่ก็ยังมีสายตาแบบนี้ เป็นเพียงเด็กผู้หญิงแต่กลับมีสายตาเช่นนี้ ช่างน่าสนใจจริง ๆ...

เมื่อสถานการณ์เป็นปกติแล้ว เซียวเหม่ยอิงมองคนที่อยู่บนหลังม้าที่มีท่าทีน่าเกรงขาม

“ขอบคุณท่านมากนะเจ้าคะ ที่มาช่วยพวกข้าไว้” เซียวเหม่ยอิงย่อกายขอบคุณให้กับชายตรงหน้า

“ไม่เป็นไร ข้าแค่ทำตามหน้าที่ ทีหลังก็อย่าได้เสี่ยงอันตรายแบบนี้อีกก็พอ ไม่รู้หรืออย่างไรว่าเป็นการกระทำที่โง่งม หากพวกข้ามาช่วยไม่ทัน เจ้าก็คงถูกจับตัวไปแล้ว" พูดจบเขาก็ควบม้าจากไป ทิ้งไว้เพียงเด็กสาวที่ยืนมุมปากกระตุกเท่านั้น

   แม้เซียวเหม่ยอิงจะรู้สึกชิงชังกับคำพูดนั้น แต่ที่เขาพูดมานั้นก็จริง มองย้อนกลับไปการกระทำของนางนั้นโง่งมจริง ๆ เพราะความเป็นเด็กที่คิดว่าเอาทางการมาขู่แล้วคนพวกนั้นจะหวั่นเกรงแต่เปล่าเลย พวกนั้นนอกจากจะไม่กลัวแล้วกลับเย้ยหยันเสียด้วยซ้ำ

“ข้าขอโทษท่านนะเจ้าคะ ที่ทำให้ท่านเกือบเดือดร้อนไปด้วย หากท่านไม่มายุ่งกับข้า ถ้า...”

“เจ้าไม่ต้องคิดมาก อีกอย่างข้าก็ปลอดภัยดี” เซียวเหม่ยอิงรับรู้ได้ถึงความกังวลใจนางเอ่ยคำปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“เจ้ามีนามว่าอะไร?”

“ข้า...ข้าไม่มีนามเจ้าค่ะ”

“งั้นข้าจะเรียกเจ้าว่าลี่จินดีหรือไม่ ลี่จิน”

   ลี่จินมองดูคนตรงหน้าจนน้ำตาคลอ เพราะตั้งแต่นางเกิดมา แม้แต่บิดามารดาก็ไม่เคยเรียกชื่อสักครั้ง จนนางเองคิดว่าชีวิตนี้คงไม่มีใครต้องการจะเรียกนางแล้ว

“ไปกันเถิด ไปอยู่กับข้า ไปเป็นสาวใช้ข้างกายข้านะ ลี่จิน”

.......

“ลี่จินเจ้าเป็นอะไรรึ เหตุใดถึงน้ำตาซึมเช่นนี้?” เสียงเรียกของเซียวเหม่ยอิงทำให้ลี่จินหลุดจากเรื่องราวที่คิดถึงในอดีต

“บ่าวคิดถึงเรื่องที่เจอกับคุณหนูวันแรก อดน้ำตาซึมไม่ได้เจ้าค่ะ”

“เรื่องก็ผ่านมานานแล้ว เจ้าควรจะเลิกร้องได้แล้วนะ”

“ต่อให้ถึงช่วงเวลาสุดท้ายของบ่าว บ่าวก็ไม่ลืมบุญคุณที่คุณหนูมอบให้แน่นอนเจ้าค่ะ บ่าวตั้งใจไว้แล้วว่าจะรับใช้คุณหนูจนสิ้นลมหายใจ” ลี่จินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่มุ่งมั่นพร้อมกับยกกำปั้นขึ้นมาคล้ายพร้อมสู้สุดกำลัง เพราะนางได้ตั้งใจอันแน่วแน่แล้วว่าจะจงรักภักดีกับคุณหนูคนนี้ตราบจนช่วงสุดท้ายของชีวิต

   เซียวเหม่ยอิงอดยิ้มตามไปกับการกระทำของคนรับใช้คนสนิท นางเองอดคิดถึงเรื่องวันนั้นตามไม่ได้ ก่อนจะหุบยิ้มลงทันทีเมื่อนึกถึงคำพูดของใครบางคน

  ตั้งแต่เกิดมาจนตอนนี้จะสิบเจ็ดหนาวแล้ว ไม่เคยมีใครว่านางโง่งมแม้แต่คนเดียว มีเพียงชายแปลกหน้าที่แม้แต่นามก็ไม่รู้จักที่ตำหนินางอย่างโจ่งแจ้ง จะตอบกลับก็ไม่ได้เพราะการกระทำตอนนั้นโง่งมจริง ๆ ยิ่งคิดมุมปากเซียวเหม่ยอิงก็ยิ่งกระตุกอย่างอดไม่ได้ ถึงกับทำบัญชีเสร็จในพริบตาเดียวเพื่อระงับอารมณ์ที่ขุ่นเคืองในใจ

“ฮูหยินน่าจะให้คุณหนูเล็กแบ่งเบาหน้าที่ท่านบ้างนะเจ้าคะ สักอย่างก็ยังดี”

ลี่จินเห็นงานที่คุณหนูของตัวเองทำก็อดที่จะพูดขึ้นไม่ได้ งานในจวนตอนนี้ตกเป็นหน้าที่ของคุณหนูใหญ่ทั้งหมด จนนางสงสารคุณหนูจับใจ คุณหนูของตนจะไปเที่ยวตลาดหรือข้างนอกเช่นคุณหนูท่านอื่นก็ไม่ได้ เพราะงานในจวนนั้นรัดตัวไปหมด

“ไม่เป็นไรหรอกแค่นี้เอง อีกอย่างหงเอ๋อร์ยังเด็กนัก”

เด็กที่ไหนกัน! สิบห้าหนาวนี่ไม่เด็กแล้ว!  ลี่จินได้แต่ค้านอยู่ในใจ แต่ไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมา ทำได้เพียงนั่งเก็บของอย่างเงียบ ๆ เพราะตอนนี้คุณหนูของนางนั้นหลับคาโต๊ะไปแล้วเรียบร้อย ลี่จินเห็นสภาพคุณหนูของนางแล้วสงสารจับใจ เงียบเพียงครู่เดียวคุณหนูก็หลับแล้ว สงสัยจะเหนื่อยมากจริง ๆ นางเดินไปประคองตัวเซียวเหม่ยอิงอย่างระมัดระวัง เพื่อพาไปยังเตียงนอนให้คุณหนูของตัวเองนั้นได้นอนหลับสบายที่สุด เพราะนี่คือสิ่งที่นางพอจะช่วยเหลือให้แก่คุณหนูของตนเองได้

Related chapters

  • ชะตารักฮูหยินจำเป็น   ตอนที่ 2 ช่วยเหลือคนปริศนา

    เป็นประจำทุกปีที่เซียวเหม่ยอิงจะขึ้นวัดไปจำศีลภาวนาเป็นเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืนเพื่อระลึกถึงฮูหยินผู้เฒ่าประจำตระกูลเซียวที่ได้เสียไป สมัยที่ฮูหยินผู้เฒ่ายังมีชีวิต เซียวเหม่ยอิงจะสนิทสนมกับท่านย่าของตัวเองเป็นอย่างมาก จนบ่อยครั้งที่เซียวลี่หงออกอาการแง่งอนท่านย่าของตัวเองเพราะคิดว่าท่านย่านั้นลำเอียง รักพี่สาวมากกว่าตน เป็นเหตุให้มารดาต้องคอยเอาอกเอาใจเพื่อไม่ให้บุตรสาวคนเล็กนั้นน้อยเนื้อต่ำใจ เพราะสมัยที่เซียวลี่หงยังเป็นเด็กเล็กนั้น นางมีร่างกายอ่อนแอและล้มป่วยบ่อย เซียวฟู่จินและฟางเหนียงจึงเอาใจใส่เซียวลี่หงเป็นพิเศษ ทำให้เซียวเย่หรือฮูหยินผู้เฒ่าเป็นคนดูแลเซียวเหม่ยอิงมาโดยตลอด เซียวเหม่ยอิงเลยสนิทกับฮูหยินผู้เฒ่ามากกว่าบิดามารดาของตัวเอง พอเซียวเหม่ยอิงไปถึงวัดแล้ว ก็สวดมนต์ภาวนาและทำความสะอาดตามปกติอย่างที่เคยทำ จนถึงยามดึกเป็นเวลาเข้านอน เซียวเหม่ยอิงมองดูพระจันทร์ที่กำลังส่องแสงยามค่ำคืน ใบหน้าเรียวงาม จมูกงามเข้ากับใบหน้า ผมดำยาวสลวยที่ปล่อยให้ยาวเต็มแผ่นหลังเพื่อให้ลี่จินหวีผมได้อย่างสะดวก ขณะที่กำลังมองดูพระจันทร์อย่างเหม่อลอยอยู่นั้น กลับได้ยินเสียงบางอย่างดังไม่ไ

    Last Updated : 2025-01-14
  • ชะตารักฮูหยินจำเป็น   ตอนที่ 3 ฉลองชัยชนะ

    ณ พระราชวัง รถม้าตระกูลเซียวสองคันที่ตามกันมาติด ๆ เซียวฟู่ซินกับฟางเหนียงนั่งรถม้าไปด้วยกัน ส่วนอีกคันก็จะเป็นเซียวเหม่ยอิงและเซียวลี่หงนั่งคู่กันมา ทันทีที่รถม้าทั้งสองคันจอด สายตาหลายคู่ก็จับจ้องมองดูบุคคลที่กำลังจะก้าวลงมาจากรถม้าของตระกูลเซียว คันแรกเป็นเซียวฟู่ซินและฮูหยินของตัวเองที่ลงมาก่อน หลายสายตาจึงจ้องมองดูคันที่สองทันที เพราะเป็นคันที่ได้ขึ้นชื่อว่าสตรีงดงามที่สุดในเมืองหลวงนั่งมา คนแรกก้าวลงมาโดยมีสาวใช้ประคองรอรับอยู่ด้านนอก สายตาบุรุษหลายคนก็พร่ามัวด้วยใบหน้าที่ประดับรอยยิ้มเขินอาย ทำให้ดูบริสุทธิ์ผุดผ่องน่าทะนุถนอม ยิ่งใส่ชุดสีชมพูอ่อนยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ของนางดูใสซื่อยิ่งขึ้นไปอีก เซียวลี่หงหลบสายตาหลายคนที่มองมาด้วยใบหน้าที่เขินอายแล้วค่อย ๆ เดินไปหาบิดามารดาที่ยืนรอนางอยู่ แต่สายตาในงานที่จ้องมองดูเซียวลี่หงกลับต้องพากันเปลี่ยนจุดมองเมื่อมีอีกคนกำลังก้าวลงมาจากรถม้าของตระกูลเซียว ทำเอาเหล่าบุรุษแทบพากันหยุดหายใจ หากเซียวลี่หงงดงามดั่งบุปผาที่น่าทะนุถนอมแล้ว แต่คนที่กำลังก้าวลงมานั้นงดงามอย่างหาได้ยากยิ่ง ดรุณีที่อยู่ในชุดสีขาวปักด้วยด้วยดอกไม้สีน้ำเงินยิ

    Last Updated : 2025-01-14
  • ชะตารักฮูหยินจำเป็น   ตอนที่ 4 หวงหยางหมิง

    จวนท่านแม่ทัพหวงหยางหมิง หลังจากที่หวงหยางหมิงกลับมาถึงจวนของตัวเอง เขาก็ให้คนไปเตรียมของเพื่อที่จะอาบน้ำชำระร่างกายทันที จวนหลังนี้เป็นจวนพระราชทานจากองค์ฮ่องเต้ ตอนที่เขาได้ขึ้นเป็นแม่ทัพพอได้จวนนี้มา หวงหยางหมิงก็ย้ายออกมาจากจวนหลักทันที เพราะเดิมทีหวงหยางหมิงเองก็ไม่ต้องการที่จะอยู่จวนเดิมอยู่แล้วตั้งแต่ที่มารดาของตัวเองเสียชีวิตไป จวนที่มากไปด้วยเล่ห์อุบายของผู้คนในนั้น หวงหยางหมิงสะอิดสะเอียดเกินทน หากให้เขาทนอยู่ในนั้น หวงหยางหมิงเกรงว่าคงได้ฆ่าคนในจวนนั้นหมดอย่างแน่นอน จวนที่ได้รับพระราชทานนี้ค่อนข้างใหญ่ มีเรือนใหญ่และเรือนเล็กแบ่งเป็นสัดส่วน เรือนที่หวงหยางหมิงพักนั้นมีชื่อว่าเรือนจันทรา เป็นเรือนใหญ่ที่สุดและเขาเองก็ชื่นชอบที่สุดด้วย เพราะด้านหลังเรือนนั้นมีสระน้ำขนาดใหญ่ที่เอาไว้ให้เขาได้อาบน้ำชำระร่างกาย สระน้ำนี้ล้อมรอบไปด้วยต้นไผ่เขียวและดอกไม้นานาพรรณ ทำให้สระนี้งดงามเป็นอย่างมาก ที่เด่นชัดเลยในยามค่ำคืน พระจันทร์จะสาดส่องลงมากระทบเป็นเงากับสระน้ำนี้พอดี ทำให้คนที่พบเห็นนั้นเกิดความสบายใจ หวงหยางหมิงเลยตั้งชื่อเรือนจันทรานี้ด้วยตนเอง ร่างกำยำค่อย ๆ ปลดเสื้อผ

    Last Updated : 2025-01-14
  • ชะตารักฮูหยินจำเป็น   ตอนที่ 5 ราชโองการ

    กงกงท่านหนึ่งเดินมาพร้อมกับพานที่มีพระราชโองการมาด้วย กงกงกางราชโองการนั้นออกมาพร้อมกับอ่านด้วยน้ำเสียงดังกังวาน"ตระกูลเซียวรับพระราชโองการ...เซียวฟู่ซินนั้นดำรงตำแหน่งด้วยความชอบธรรม ทั้งยังสั่งสอนบุตรสาวทั้งสองคนให้รู้จักทำความดี มีคุณธรรม เมตตาต่อผู้อื่น มีคุณสมบัติครบถ้วนในสิ่งที่สตรีพึงมี ข้าขอมอบสมรสพระราชทานแก่บุตรสาวของตระกูลเซียวกับแม่ทัพหวงหยางหมิงนับจากนี้อีกสามเดือน จบราชโองการ" หลังจากที่กงกงอ่านพระราชโองการจบแล้ว เซียวฟู่ซินก็ยื่นมือไปรับพระราชโองการด้วยใบหน้าที่แข็งค้างกับเนื้อหาในพระราชโองการที่องค์ฮ่องเต้มอบให้ตน “ขอบพระทัยฝ่าบาท ขอพระองค์อายุยืนหมื่นปี หมื่นหมื่นปี” หลังจากที่กงกงมอบราชโองการให้แล้วเสร็จก็เดินขึ้นรถม้ากลับวังหลวงทันที เพราะภารกิจที่เขาได้รับมอบหมายมาได้บรรลุเรียบร้อยแล้ว คล้อยหลังกงกงจากไป เซียวลี่หงทรุดลงกับพื้นทันที ดวงตางามเก็บน้ำตาไม่อยู่เมื่อได้ยินราชโองการ นางเอื้อมมือไปจับแขนมารดาตัวเองที่ยืนอยู่ข้างๆ“ท่าน.... ทะ ท่านแม่” น้ำเสียงสั่นปนสะอื้นฟางเหนียงรีบโอบกอดบุตรสาวทันที บุตรสาวที่น่ารักของนางเหตุใดถึงน่าสงสารถึงเพียงนี้“โถ่...ห

    Last Updated : 2025-01-14
  • ชะตารักฮูหยินจำเป็น   บทที่ 6 ตัดสินใจ

    “หงเอ๋อร์เจ้าอย่าทำตัวเป็นเด็ก นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะทำตามอำเภอใจได้! เจ้าเตรียมตัวเตรียมใจออกเรือนในอีกสามเดือนเสีย!” เซียวฟู่ซินเอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้ เซียวลี่หงถูกตามใจจนเคยตัวถึงได้มีกิริยาเช่นนี้ แต่ครั้งนี้เขาไม่อาจจะตามใจบุตรสาวอย่างที่เคยทำ เพราะหากขัดก็ถือว่าเป็นกบฏแผ่นดิน ถึงแม้ว่าในพระราชโองการไม่ได้ระบุว่าเป็นเซียวเหม่ยอิงหรือเซียวลี่หง แต่ผู้ใดต่างก็รู้ดีว่าคนที่ต้องแต่งงานกับแม่ทัพหวงหยางหมิงคือเซียวลี่หง เพราะเซียวเหม่ยอิงนั้นมีคู่หมั้นคู่หมายแล้ว“ท่านพ่อ ท่านยอมให้ข้าแต่งกับชายผู้นั้นจริงหรือเจ้าคะ หน้าตาที่แท้จริงของเขาเป็นเช่นไรก็ไม่มีผู้ใดรู้ หากอัปลักษณ์อย่างที่ผู้อื่นบอก ข้า...ข้า” เซียวลี่หงเอ่ยขึ้นทั้งน้ำตา น้ำเสียงของนางตัดพ้ออย่างน่าสงสารเหตุการณ์ที่เหมือนจะสงบลง แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อจู่ ๆ เซียวลี่หงดึงปิ่นปักผมที่ปักอยู่มวยผมมาจี้คอตัวเองด้วยท่าทางที่น่าหวาดกลัว“หากท่านพ่อท่านแม่ให้ข้าไปแต่งงานกับแม่ทัพปีศาจอัปลักษณ์นั่น ข้าขอฆ่าตัวตายตอนนี้เสียดีกว่า!”เซียวลี่หงตัดสินใจแล้ว หากให้นางออกเรือนกับชายที่สวมหน้ากากตลอดเวลา ไม่รู้ว่าภายใต้หน้ากากจ

    Last Updated : 2025-01-14
  • ชะตารักฮูหยินจำเป็น   ตอนที่ 7 จัดเตรียม

    หลังจากเกิดความวุ่นวายมาหลายวัน ความสงบสุขก็กลับมาสู่จวนตระกูลเซียวอีกครั้ง “อิงเอ๋อร์ ขอบใจเจ้ามากที่เจ้าเห็นแก่ตระกูลและน้องของเจ้า หาไม่แล้ว” ทุกครั้งยามหลับตา เซียวเหม่ยอิงยังได้ยินคำพูดในวันนั้นซ้ำไปซ้ำมาไม่รู้จบ กลับมาถึงเรือนลี่จินเองร้องไห้ไม่หยุด เพราะสงสารคุณหนูตัวเอง เซียวเหม่ยอิงนั้นได้แต่ปลอบสาวใช้ตนพร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “เป็นแบบนี้ดีแล้วลี่จิน...” ใช่... แบบนี้น่ะดีแล้ว นางคิดแล้วว่านี่คือทางออกที่ดีที่สุดแล้ว ท่านพ่อท่านแม่ไม่ต้องมานั่งทุกข์ใจ ครอบครัวไม่ต้องโทษข้อหาเป็นกบฏ อีกอย่างแต่งงานกับแม่ทัพหวงหยางหมิงก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ความโหดเหี้ยมที่ผู้คนเล่าลือก็มาจากสนามรบทั้งนั้น ที่หวงหยางหมิงทำไปทั้งหมดเพราะต้องปกป้องบ้านเมือง เซียวเหม่ยอิงนั่งหลับตาคิดถึงเรื่องราวตอนที่นางเอ่ยปากขอบิดามารดาแต่งงานด้วยตนเอง “ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าขอแต่งงานกับแม่ทัพหวงหยางหมิงเองเจ้าค่ะ” สองสามีภรรยาได้ยินเช่นนั้นก็พากันตกตะลึงและตกใจไปตาม ๆ กัน เซียวเหม่ยอิงจึงได้อธิบายถึงเหตุผลที่นางตัดสินใจในครั้งนี้ เพราะว่าหลี่ซื่อหมินได้มาถอนหมั้นกับนางแล้ว ในเมื่อเ

    Last Updated : 2025-01-14
  • ชะตารักฮูหยินจำเป็น   บทที่ 8 แต่งงาน

    พรุ่งนี้ก็ครบกำหนดที่ต้องออกเรือน ตอนนี้จวนตระกูลเซียวกำลังยุ่งอยู่กับเตรียมสินเดิมให้กับคุณหนูใหญ่เซียวเหม่ยอิงนั่งมองชุดแต่งงานสีแดงที่วางอยู่บนเตียงนอนด้วยความรู้สึกที่หลากหลายพรุ่งนี้แล้วที่นางจะแต่งงานพรุ่งนี้แล้วที่นางจะต้องได้ออกจากจวนนี้พรุ่งนี้แล้วที่นางจะเป็นฮูหยินเอกเซียวเหม่ยอิงไม่อาจรับรู้ได้ว่าจวนของท่านแม่ทัพจะเป็นเช่นไรเขาจะดีกับนางเหมือนอย่างที่เขาให้สัญญาในวันนั้นได้หรือไม่'ข้าให้สัญญาในฐานะแม่ทัพ ข้าจะไม่มีวันทำร้ายเจ้า และไม่บังคับจิตใจเจ้าเช่นกัน'คำพูดและสายตาจริงจังในวันนั้น เซียวเหม่ยอิงยังจดจำได้ดีร่างงามเดินออกจากเรือนตนเองไปยังเรือนใหญ่ เพื่อไปหามารดาของตนเอง พอเดินเข้าไปก็เห็นมารดาและน้องสาวของตนนั่งอยู่ด้วยกัน นางคารวะมารดาตนเอง ก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ“พรุ่งนี้ก็ได้แต่งงานแล้ว ตื่นเต้นหรือไม่” ฟางเหนียงเอ่ยถามบุตรสาวตนเอง“ไม่เท่าใดเจ้าค่ะ” ใบหน้างามยกยิ้มเล็กน้อย ต่างจากเซียวลี่หงที่มีสีหน้าไม่พอใจเท่าใดนัก“ข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะ” พูดจบเซียวลี่หงก็ลุกขึ้นเดินออกไปทันที“เฮ้อ สงสัยนางจะทำใจไม่ได้ที่เจ้าแต่งงานแบบนี้” ฟางเหนียงได้แต่ถอนหายใจกับการกระทำขอ

    Last Updated : 2025-01-15
  • ชะตารักฮูหยินจำเป็น   บทที่ 9 เข้าหอ (NC18+)

    ร่างกายของทั้งสองคนแนบชิดติดกัน เซียวเหม่ยอิงเองก็ไม่กล้าสู้หน้าสามีตนเองในตอนนี้เพราะมันน่าอายเกินไป นางทำได้เพียงนั่งนิ่ง ๆ ไม่กล้าขยับร่างกาย เพราะตอนนี้นางรับรู้ได้ว่าบั้นท้ายของนางตอนนี้เหมือนกำลังถูไถกับอะไรบางอย่าง แม้เป็นสตรีในห้องหอ และไม่เคยเห็นภายในร่างกายของบุรุษแต่นางก็ไม่ได้ไร้เดียงสาถึงเพียงนั้น ที่จะไม่รู้ว่าสิ่งที่ถูไถกับบั้นท้ายของนางอยู่นั้นคือสิ่งใด เพราะตอนแต่งงานแม่สื่อก็ได้มอบหนังสือที่เกี่ยวกับหน้าที่ภรรยามาให้นางหนึ่งเล่ม เป็นหนังสือว่าต้องปรนนิบัติสามีอย่างไรและในนั้นเองก็มีภาพวาดให้ดูเช่นกัน หวงหยางหมิงมองดูใบหูของเซียวเหม่ยอิงที่ตอนนี้กำลังแดงระเรื่อ มุมปากก็ยกยิ้มขึ้นมาอย่างพอใจ เมื่อเห็นว่าคนที่นั่งอยู่ตรงหน้านิ่งไป เขาก็ค่อย ๆ คลายมือออกจากเอวของนาง แล้วเปลี่ยนเป็นเอาแขนตนนั้นพาดกับขอบสระแทน ทำให้เซียวเหม่ยอิงลดความเกร็งลงไปได้บ้าง เพราะความอุ่นของน้ำหรือความอุ่นของแผ่นอกที่อยู่หลังของนาง ทำให้เซียวเหม่ยอิงรู้สึกผ่อนคลายจนเอาหัวตัวเองพิงกับอกนั้นคล้ายกับว่าเป็นที่พักพิงอย่างไรอย่างนั้น แต่คนที่ตัวใหญ่กว่าตอนนั้นกำลังอดกลั้นอารมณ์บางอย่างไว้เพราะ

    Last Updated : 2025-01-15

Latest chapter

  • ชะตารักฮูหยินจำเป็น   ตอนที่ 14 ลงโทษ

    หวงหยางหมิงเดินทางมาถึงจวน ก็รีบไปยังศาลากลางสระที่เซียวเหม่ยอิงชอบไปนั่งเป็นประจำ พอไปถึงก็พบว่าฮูหยินของตัวเองหลับทั้ง ๆ ที่ยังนั่ง มือข้างหนึ่งเท้าใบหน้าตนเองไว้ โดยมีลี่จินยืนพัดให้ใกล้ ๆ เพื่อให้คุณหนูตัวเองนั้นหลับพักผ่อนสบายและไม่ร้อนเกินไป ลี่จินเห็นนายของจวนเดินเข้ามาใกล้ก็รีบก้มหัวและกำลังจะเอื้อมมือไปปลุกนายตัวเอง ทว่าหวงหยางหมิงยกมือห้ามเอาไว้ พร้อมกับยื่นมือไปรับพัดจากนางและสะบัดให้ลี่จินไปที่อื่นแทน คนโดนไล่นั้นยื่นพัดให้ด้วยความเต็มใจอย่างยิ่ง พร้อมกับรีบออกจากตรงที่นายของตนอยู่อย่างรวดเร็ว“ข้านึกว่าจะต้องไปตามเจ้าออกมาเหมือนอย่างเคยเสียแล้ว” น้ำเสียงเหนื่อยหน่ายราวกับว่าตนต้องทำสิ่งที่เคยทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า ลี่จินมองดูคนที่ยืนกอดอกที่ทำเสียงเหนื่อยใจกับนางด้วยใบหน้าเบื่อหน่าย นางนั้นคร้านจะใส่ใจ เลยแสร้งเดินหนีไปทางอื่น เพราะไม่อยากเดินผ่านคนที่ยืนกอดอกด้วยท่าทางที่น่าหมั่นไส้ ทว่าคนที่ถูกเมินนั้นถึงกับไปต่อไม่ถูก จางชิงรีบเดินไปขวางทางคนที่เดินหนีเขาทันที“เจ้าจะไปไหน?”ลี่จินมองคนตรงหน้าด้วยใบหน้าที่งุนงง นางไม่เข้าใจว่าจางชิงนั้นต้องการอะไรจากนาง ทั้ง ๆ ที

  • ชะตารักฮูหยินจำเป็น   ตอนที่ 13 ความรู้สึกที่แตกต่าง

    “มานี่” หวงหยางหมิงเอ่ยเรียกฮูหยินของตนเองหลังจากที่กินเกี๊ยวน้ำหมดแล้ว“มีอะไรหรือเจ้าคะ”เซียวเหม่ยอิงงุนงงเล็กน้อย นางกับเขานั่งห่างกันเพียงโต๊ะกั้นกลางเท่านั้น ใช่ว่าจะนั่งห่างไกลกันถึงขนาดจะคุยกันไม่รู้เรื่อง“มานี่ มาใกล้ ๆ” หวงหยางหมิงยังคงย้ำคำเดิมทำให้เซียวเหม่ยอิงต้องลุกเดินไปใกล้ ๆ ตามที่เขาต้องการ พอไปใกล้ตัวแล้วกลับเป็นหวงหยางหมิงดึงตัวให้เซียวเหม่ยอิงนั่งลงบนตักแกร่งของเขา แขนข้างหนึ่งของหวงหยางหมิงกอดเอวบางเอาไว้เพื่อไม่ให้คนบนตักร่วงหล่น ส่วนอีกข้างเอื้อมไปหยิบกล่องที่จางชิงนำมาให้ในตอนแรก เขาเปิดให้เซียวเหม่ยอิงเห็นว่าของที่อยู่ในนั้นคือสิ่งใด“นี่มัน...?” สิ่งที่อยู่ในกล่องคือกำไลวงหนึ่งดูประณีตและงดงาม“คราก่อน ข้าตรวจสอบดูกำไลเดิมของอิงเอ๋อร์เห็นว่าพิษที่อยู่ในนั้นเหมือนจะจางหายไปนานแล้ว ข้าเลยสั่งให้คนของข้าทำขึ้นมาให้ใหม่และใช้งานได้ดีกว่าเดิม กดปุ่มตรงนี้แล้วหมุนไปทางซ้ายจะเป็นเข็มพิษ หากหมุนทางขวาจะเป็นเข็มที่ทำให้ตัวชาประมาณครึ่งชั่วยาม” แววตาที่ดูตื่นเต้นราวกับได้ของเล่นชิ้นใหม่ เพราะการที่จะทำอาวุธลับขึ้นมาแบบนี้ไม่ใช่ว่าผู้ใดก็สามารถทำได้ ต่อให้มีเ

  • ชะตารักฮูหยินจำเป็น   ตอนที่ 12 สายใยที่เบาบาง

    เซียวเหม่ยอิงรับรู้ได้ว่าสามีของนางอารมณ์ไม่ดีเท่าใดนักตั้งแต่ที่กลับมาจากบ้านเดิมของนาง แม้ว่าหวงหยางหมิงไม่แสดงอารมณ์นั้นให้นางเห็นแต่ก็พอจะรับรู้ได้ นางเงยหน้ามองดูคนที่กำลังโอบกอดนาง แต่ใบหน้ากลับเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง“ท่านพี่” หวงหยางหมิงได้ยินน้ำเสียงอ่อนหวานเรียกตนก็ดึงสติตนเองกลับมา เขามองดวงหน้างามที่กำลังสบตากับเขา พลันรู้สึกคันยุบยิบในหัวใจ จนอดใจไม่ไหวที่จะโน้มตัวไปจูบริมฝีปากที่เอ่ยเรียกเขาให้ออกจากภวังค์ คนที่โดนจูบแบบไม่ทันตั้งตัวนั้นได้แต่ทำใจให้ชิน เพราะสามีของนางชอบกินเต้าหู้ไม่เว้นวันเลยจริง ๆ หลังจากที่หวงหยางหมิงจูบจนสมใจอยากแล้ว ก็ถอนริมฝีปากออกอย่างช้า ๆ มองใบหน้าภรรยาของตนก็เห็นว่ามีดวงหน้าที่แดงระเรื่อ มุมปากก็ยกยิ้มขึ้นอย่างพอใจ ภรรยาตัวน้อยทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นมากจริง ๆ นิ้วยาวลูบไล้แผ่นหลังขาวเนียนอย่างอ่อนโยน ก่อนจะเล่าเรื่องบางอย่างเกี่ยวกับตนให้คนเคียงข้างได้ฟัง“เพราะท่านพ่อเป็นขุนนางขั้นสูง ที่จวนข้าจึงมีฮูหยินเอก ฮูหยินรอง อนุและสาวใช้อุ่นเตียงเต็มจวน มีทั้งสตรีที่ได้มาจากราชโองการจากฮ่องเต้อย่างท่านแม่ข้าและความพึงพอใจของตัวท่านพ่อเ

  • ชะตารักฮูหยินจำเป็น   ตอนที่ 11 กลับบ้านเดิม

    ยามเช้าที่เซียวเหม่ยอิงลืมตาตื่น นางรู้สึกไม่คุ้นชินเท่าไหร่นักเมื่อเห็นว่ามีบุรุษนอนอยู่ข้างกาย วันแรกที่อ้อมแขนเคยกอดนางไว้อย่างไร วันนี้ก็ยังคงกอดอยู่แบบนั้น แม้ไม่คุ้นชินแต่ในใจก็รู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด นางค่อย ๆ ขยับร่างกายออกจากอ้อมแขน เพื่อไม่ให้รบกวนคนข้างกายที่ยังนอนหลับอย่างสบายใจ วันนี้เป็นวันที่นางและสามีต้องกลับบ้านเดิมเพื่อไปยกน้ำชาให้กับบิดามารดาทำให้นางต้องตื่นมาแต่งตัวเสียก่อน นางพยายามประคับประคองร่างกายตนเองให้ลุกจากเตียงนอน ขณะที่กำลังจะเดินออกไปตามลี่จินให้มาช่วยนางอาบน้ำแต่งตัวนั้น ร่างของนางกลับถูกรวบขึ้นจากพื้นเสียก่อน“ว้าย! ท่านพี่ ท่านทำอะไรเจ้าคะ”เซียวเหม่ยอิงตกใจเป็นอย่างมาก เพราะไม่รู้ว่าสามีของนางนั้นตื่นตั้งแต่ตอนไหน ซ้ำตอนนี้ยังรวบตัวนางขึ้นมาอีก จนนางต้องเอามือคล้องคอสามีตัวเองไว้เพราะทั้งตกใจและกลัวตก“จะทำอะไรงั้นรึ? ข้าก็จะอาบน้ำให้อิงเอ๋อร์อย่างไรเล่า” มุมปากหวงหยางหมิงยกขึ้นเล็กน้อย“ไม่...ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวข้าให้ลี่จินอาบให้...”เซียวเหม่ยอิงยังพูดไม่จบ ก็โดนสามีที่เอาแต่ใจนั้นพูดแทรกขึ้นก่อน“ให้ผู้อื่นอาบให้ได้อย่างไร ข้าทำให้เจ้า

  • ชะตารักฮูหยินจำเป็น   บทที่ 10 บรรยากาศที่เปลี่ยนไป

    ยามใกล้รุ่งของวันใหม่เซียวเหม่ยอิงค่อย ๆ ลืมตาขึ้นจากการหลับใหล แม้ว่าเมื่อคืนนางนอนเกือบใกล้ฟ้าสางก็ตาม อาจเป็นเพราะความเคยชินตอนอยู่ที่จวนเดิมทำให้ต้องลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างเคยชิน ทันทีที่ลืมตาขึ้นมาก็พบกับใบหน้าของชายผู้หนึ่งที่นอนหันหน้ามาทางนาง ลมหายใจที่สม่ำเสมอหมายถึงกำลังหลับใหลอยู่ แต่ถึงกระนั้นก็ยังกอดนางไว้ในอ้อมแขนไม่ยอมปล่อย เพราะตอนนี้เป็นเวลาใกล้เช้าแล้ว บ่าวรับใช้ในจวนจึงเริ่มพากันจุดคบเพลิงรอบเรือน แสงคบเพลิงที่ส่องสว่างภายนอกเรือนนั้นทำให้มีแสงแทรกเข้ามาภายใน จึงทำให้เซียวเหม่ยอิงได้เห็นใบหน้าที่ไร้หน้ากากปกปิดอีกครั้ง ขนตาที่เป็นแพราวกับสตรี จมูกโด่งสันเข้ากับปากหนา แต่ใบหน้าของนางต้องเห่อร้อนเมื่อเห็นร่องรอยตามร่างกายของสามีนาง คิดถึงค่ำคืนที่ผ่านมา ใบหน้านางยิ่งเห่อร้อนจนแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนีเพราะความเขินอาย ทุกอย่างเป็นเพราะหวงหยางหมิงปล่อยให้นางทำตามอำเภอใจ ถึงได้เกิดร่องรอยพวกนี้“ฮูหยินใช้สายตาหลอกกินเต้าหู้กับข้าตั้งแต่รุ่งสางเลยรึ?” น้ำเสียงงัวเงียเพราะเพิ่งลืมตาตื่น ความจริงหวงหยางหมิงรู้สึกตัวตั้งแต่ตอนที่คนในอ้อมกอดขยับร่างกายแล้ว เพราะสัญช

  • ชะตารักฮูหยินจำเป็น   บทที่ 9 เข้าหอ (NC18+)

    ร่างกายของทั้งสองคนแนบชิดติดกัน เซียวเหม่ยอิงเองก็ไม่กล้าสู้หน้าสามีตนเองในตอนนี้เพราะมันน่าอายเกินไป นางทำได้เพียงนั่งนิ่ง ๆ ไม่กล้าขยับร่างกาย เพราะตอนนี้นางรับรู้ได้ว่าบั้นท้ายของนางตอนนี้เหมือนกำลังถูไถกับอะไรบางอย่าง แม้เป็นสตรีในห้องหอ และไม่เคยเห็นภายในร่างกายของบุรุษแต่นางก็ไม่ได้ไร้เดียงสาถึงเพียงนั้น ที่จะไม่รู้ว่าสิ่งที่ถูไถกับบั้นท้ายของนางอยู่นั้นคือสิ่งใด เพราะตอนแต่งงานแม่สื่อก็ได้มอบหนังสือที่เกี่ยวกับหน้าที่ภรรยามาให้นางหนึ่งเล่ม เป็นหนังสือว่าต้องปรนนิบัติสามีอย่างไรและในนั้นเองก็มีภาพวาดให้ดูเช่นกัน หวงหยางหมิงมองดูใบหูของเซียวเหม่ยอิงที่ตอนนี้กำลังแดงระเรื่อ มุมปากก็ยกยิ้มขึ้นมาอย่างพอใจ เมื่อเห็นว่าคนที่นั่งอยู่ตรงหน้านิ่งไป เขาก็ค่อย ๆ คลายมือออกจากเอวของนาง แล้วเปลี่ยนเป็นเอาแขนตนนั้นพาดกับขอบสระแทน ทำให้เซียวเหม่ยอิงลดความเกร็งลงไปได้บ้าง เพราะความอุ่นของน้ำหรือความอุ่นของแผ่นอกที่อยู่หลังของนาง ทำให้เซียวเหม่ยอิงรู้สึกผ่อนคลายจนเอาหัวตัวเองพิงกับอกนั้นคล้ายกับว่าเป็นที่พักพิงอย่างไรอย่างนั้น แต่คนที่ตัวใหญ่กว่าตอนนั้นกำลังอดกลั้นอารมณ์บางอย่างไว้เพราะ

  • ชะตารักฮูหยินจำเป็น   บทที่ 8 แต่งงาน

    พรุ่งนี้ก็ครบกำหนดที่ต้องออกเรือน ตอนนี้จวนตระกูลเซียวกำลังยุ่งอยู่กับเตรียมสินเดิมให้กับคุณหนูใหญ่เซียวเหม่ยอิงนั่งมองชุดแต่งงานสีแดงที่วางอยู่บนเตียงนอนด้วยความรู้สึกที่หลากหลายพรุ่งนี้แล้วที่นางจะแต่งงานพรุ่งนี้แล้วที่นางจะต้องได้ออกจากจวนนี้พรุ่งนี้แล้วที่นางจะเป็นฮูหยินเอกเซียวเหม่ยอิงไม่อาจรับรู้ได้ว่าจวนของท่านแม่ทัพจะเป็นเช่นไรเขาจะดีกับนางเหมือนอย่างที่เขาให้สัญญาในวันนั้นได้หรือไม่'ข้าให้สัญญาในฐานะแม่ทัพ ข้าจะไม่มีวันทำร้ายเจ้า และไม่บังคับจิตใจเจ้าเช่นกัน'คำพูดและสายตาจริงจังในวันนั้น เซียวเหม่ยอิงยังจดจำได้ดีร่างงามเดินออกจากเรือนตนเองไปยังเรือนใหญ่ เพื่อไปหามารดาของตนเอง พอเดินเข้าไปก็เห็นมารดาและน้องสาวของตนนั่งอยู่ด้วยกัน นางคารวะมารดาตนเอง ก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ“พรุ่งนี้ก็ได้แต่งงานแล้ว ตื่นเต้นหรือไม่” ฟางเหนียงเอ่ยถามบุตรสาวตนเอง“ไม่เท่าใดเจ้าค่ะ” ใบหน้างามยกยิ้มเล็กน้อย ต่างจากเซียวลี่หงที่มีสีหน้าไม่พอใจเท่าใดนัก“ข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะ” พูดจบเซียวลี่หงก็ลุกขึ้นเดินออกไปทันที“เฮ้อ สงสัยนางจะทำใจไม่ได้ที่เจ้าแต่งงานแบบนี้” ฟางเหนียงได้แต่ถอนหายใจกับการกระทำขอ

  • ชะตารักฮูหยินจำเป็น   ตอนที่ 7 จัดเตรียม

    หลังจากเกิดความวุ่นวายมาหลายวัน ความสงบสุขก็กลับมาสู่จวนตระกูลเซียวอีกครั้ง “อิงเอ๋อร์ ขอบใจเจ้ามากที่เจ้าเห็นแก่ตระกูลและน้องของเจ้า หาไม่แล้ว” ทุกครั้งยามหลับตา เซียวเหม่ยอิงยังได้ยินคำพูดในวันนั้นซ้ำไปซ้ำมาไม่รู้จบ กลับมาถึงเรือนลี่จินเองร้องไห้ไม่หยุด เพราะสงสารคุณหนูตัวเอง เซียวเหม่ยอิงนั้นได้แต่ปลอบสาวใช้ตนพร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “เป็นแบบนี้ดีแล้วลี่จิน...” ใช่... แบบนี้น่ะดีแล้ว นางคิดแล้วว่านี่คือทางออกที่ดีที่สุดแล้ว ท่านพ่อท่านแม่ไม่ต้องมานั่งทุกข์ใจ ครอบครัวไม่ต้องโทษข้อหาเป็นกบฏ อีกอย่างแต่งงานกับแม่ทัพหวงหยางหมิงก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ความโหดเหี้ยมที่ผู้คนเล่าลือก็มาจากสนามรบทั้งนั้น ที่หวงหยางหมิงทำไปทั้งหมดเพราะต้องปกป้องบ้านเมือง เซียวเหม่ยอิงนั่งหลับตาคิดถึงเรื่องราวตอนที่นางเอ่ยปากขอบิดามารดาแต่งงานด้วยตนเอง “ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าขอแต่งงานกับแม่ทัพหวงหยางหมิงเองเจ้าค่ะ” สองสามีภรรยาได้ยินเช่นนั้นก็พากันตกตะลึงและตกใจไปตาม ๆ กัน เซียวเหม่ยอิงจึงได้อธิบายถึงเหตุผลที่นางตัดสินใจในครั้งนี้ เพราะว่าหลี่ซื่อหมินได้มาถอนหมั้นกับนางแล้ว ในเมื่อเ

  • ชะตารักฮูหยินจำเป็น   บทที่ 6 ตัดสินใจ

    “หงเอ๋อร์เจ้าอย่าทำตัวเป็นเด็ก นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะทำตามอำเภอใจได้! เจ้าเตรียมตัวเตรียมใจออกเรือนในอีกสามเดือนเสีย!” เซียวฟู่ซินเอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้ เซียวลี่หงถูกตามใจจนเคยตัวถึงได้มีกิริยาเช่นนี้ แต่ครั้งนี้เขาไม่อาจจะตามใจบุตรสาวอย่างที่เคยทำ เพราะหากขัดก็ถือว่าเป็นกบฏแผ่นดิน ถึงแม้ว่าในพระราชโองการไม่ได้ระบุว่าเป็นเซียวเหม่ยอิงหรือเซียวลี่หง แต่ผู้ใดต่างก็รู้ดีว่าคนที่ต้องแต่งงานกับแม่ทัพหวงหยางหมิงคือเซียวลี่หง เพราะเซียวเหม่ยอิงนั้นมีคู่หมั้นคู่หมายแล้ว“ท่านพ่อ ท่านยอมให้ข้าแต่งกับชายผู้นั้นจริงหรือเจ้าคะ หน้าตาที่แท้จริงของเขาเป็นเช่นไรก็ไม่มีผู้ใดรู้ หากอัปลักษณ์อย่างที่ผู้อื่นบอก ข้า...ข้า” เซียวลี่หงเอ่ยขึ้นทั้งน้ำตา น้ำเสียงของนางตัดพ้ออย่างน่าสงสารเหตุการณ์ที่เหมือนจะสงบลง แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อจู่ ๆ เซียวลี่หงดึงปิ่นปักผมที่ปักอยู่มวยผมมาจี้คอตัวเองด้วยท่าทางที่น่าหวาดกลัว“หากท่านพ่อท่านแม่ให้ข้าไปแต่งงานกับแม่ทัพปีศาจอัปลักษณ์นั่น ข้าขอฆ่าตัวตายตอนนี้เสียดีกว่า!”เซียวลี่หงตัดสินใจแล้ว หากให้นางออกเรือนกับชายที่สวมหน้ากากตลอดเวลา ไม่รู้ว่าภายใต้หน้ากากจ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status