บทที่ 2 หมู่บ้านจั๋วมู่หลาง
“ท่านป้าเมื่อไหร่ท่านพี่จิ้นหยางจะฟื้นเสียที นี่ก็หลายชั่วยามแล้วหรือว่าท่านพี่จะจากข้าไปแล้ว” เสียงเจี้ยวจ้าวของใครกันนะมารบกวนฉันแบบนี้รู้มั้ยว่าเวลานี้เป็นเวลาพักผ่อนของฉันโอ๊ยอยากจะบ้าตาย ลี่หยางบ่นพึ่มพำก่อนจะลืมตาขึ้นอย่างล้า ๆ
“โอ๊ะ! ท่านป้าท่านพี่ฟื้นแล้ว ท่านพี่ท่านฟื้นแล้วท่านรู้มั้ยว่าข้าตกใจแค่ไหนที่คิดว่าท่านพี่จะจากไปตอนอายุเพียงเท่านี้ จากนี้ไปท่านพี่ห้ามไปที่แม่น้ำเพียงผู้เดียวอีกนะ” เด็กหนุ่มก้มลงมากอดร่างของลี่หยางทำให้เขาตกใจเพราะไม่เคยพบเจอกับเด็กนี่ัสักครั้งแต่เขาก็ต้องแปลกใจมากกว่าเดิมที่เห็นสภาพบ้านที่เก่าทรุดโทรมทำด้วยไม้คล้ายกระท่อม และเสื้อผ้าที่สวมใส่และต้องแปลกใจอีกครั้งเมื่อเห็นผู้หญิงแก่คนหนึ่งเดินมาหาเขาด้วยรอยยิ้มพร้อมโอบกอด
“จิ้นหยางของข้า โล่งอกไปทีสวรรค์เมตตาเจ้ายิ่งนัก” เธอเข้ามาสวมกอดลี่หยางอีกคนทำให้เขาเริ่มหายใจไม่ออกและตะโกนออกมา
“โอ๊ย! ปล่อยฉันนะ ” ทั้งสองผละออกห่างจากร่างกายของลี่หยางและจ้องมองเขาอย่างแปลกใจ
“เอ๊ะ! เจ้าเป็นอะไรหรือว่าไม่สบายตรงไหนข้าจะไปตามท่านหมอประจำหมู่บ้านมาตรวจเจ้าอีกที นี่เจียวซิ่งเจ้าอยู่นี่กับจิ้นหยางก่อนนะ เดี๋ยวข้ามา” หญิงชราก็ได้เดินออกไป สมองของลี่หยางเริ่มประมวณผลก็ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น เขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าเขานั้นถูกรถชนและกระเด็นตกทะเลหรือว่าที่นี่จะเป็นสวรรค์แต่เอ๊ะสวรรค์เหตุใดถึงเป็นแบบนี้ เจ้าเด็กที่อยู่ตรงหน้าก็จ้องไม่ละสายตา
“นี่นาย ...ที่นี่ไหน ที่นี่ใช่สวรรค์ใช่มั้ย? นายคงจะเป็นผีสินะ”
คำพูดของลี่หยางสร้างความแปลกใจให้เจียวซิ่งยิ่งนักเขาคิ้วขมวดและจับที่ใบหน้าของลี่หยางส่ายไปมา
“ท่านพูดจาแปลกไปหรือว่าน้ำเข้าไปในสมองของท่านถึงได้พูดจาเช่นนี้ จำแม้กระทั่งข้าไม่ได้เช่นนี้ ข้ายังไม่ตายสักหน่อย ที่ ๆ เราอยู่ก็หมู่บ้านจั๋วมู่หลางเป็นบ้านเกิดของท่านพี่ ข้าว่าท่านพี่ต้องมีปัญหาแน่ๆ ” ลี่หยางเบิกตาโพลงโตหากว่าเขาไม่ตายแล้วตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนกันนะ และเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่อยู่นี้ช่างเหมือนกับชุดสมัยโบราณหรือว่าเขานั้นย้อนเวลากลับมา เมื่อคิดได้เช่นนั้นลี่หยางจึงได้ถามเด็กที่นั่งอยู่ต่อหน้าออกไป
“หากฉันไม่ตาย นายไม่ตายแล้วตอนนี้ที่บ้านเมืองใครเป็นคนปกครองรัฐมนตรีชื่อว่าอะไร”
“รัฐมนตรีอะไรของท่านนะข้าไม่เข้าใจ แต่หากท่านถามว่าฮ่องเต้ชื่อว่าอะไรนั้นข้าตอบให้ท่านได้ ตอนนี้ราชวงศ์ซ่งปกครองอยู่ ”
สมองของลี่หยางเริ่มคำนวนหากนี่เป็นราชวงศ์ซ่งก็หมายความว่าเขานั้นได้ตายและทะลุมิติเข้ามา แล้วร่างของชายผู้นี่ก็คงเป็นบุตรของผู้เฒ่าคนเมื่อครู่สินะ
“ไม่จริง ไม่จริงฉันไม่เชื่อ!!!” ลี่หยางใช้มือทั้งสองข้างกุมขมับของตนเองอย่างไม่น่าเชื่อ
“ท่านเป็นอันใด ท่านฟื้นมาก็ดีแล้วท่านป้าเป็นห่วงท่านมากหากไม่มีท่าน ท่านป้าจะอยู่อย่างไร? ท่านพี่ก็รู้ว่าใต้เท้ามู่นั้นขูดรีดเรายิ่งนักยิ่งไม่มีของไปให้อย่างนี้ ท่านป้าก็อาจจะโดนทุบตีได้ โชคดีเหลือเกินที่ท่านฟื้นขึ้นมา” พูดจบเด็กหนุ่มก็ได้กอดลี่หยางด้วยความโล่งใจใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“แล้วทำไมเราต้องกลัวใต้เท้านั้นด้วย ” ลี่หยางยังคงติดคำพูดของตนเอง ที่มาจากอนาคตทำให้เจียวซิ่งถึงกับทำหน้างงไม่เข้าใจเล็กน้อย
“ข้าว่าสมองท่านคงต้องเกิดเรื่องอันใดขึ้นเป็นแน่ ท่านป้าไปตามท่านหมอนานมาเหลือเกิน ” เจียวซิ่งเหลียวออกไปมองด้านนอกเพื่อดูว่าท่านป้าของตนมาถึงหรือยังก็พบว่ากำลังเดินมากับท่านหมอประจำหมู่บ้าน
“ท่านป้ามาแล้ว ” เจียวซิ่งเดินไปรับกล่องเครื่องมือของท่านหมอและเดินเข้ามาด้านในพร้อมกับบอกอาการของลี่หยาง
“ท่านหมอ พี่จิ้นหยางของข้าสมองน่าจะมีปัญหาคำพูดคำจาเขาดูเปลี่ยนไปท่านช่วยตรวจดูให้ด้วยขอรับ” ใบหน้าแสดงความกังวลของหญิงชราหรือท่านแม่ก็ได้พูดขึ้นมานางรีบเดินไปหาบุตรของตนด้วยความห่วงใย
“โธ่! จิ้นหยางของข้า ร่างกายของเจ้าก็บอบบางอยู่แล้ว เจ้าไม่น่าจะออกไปหาปลามาให้ข้าเลยแค่งานที่เจ้าทำอยู่ก็หนักเกินไปแล้ว” แม้ลี่หยางจะยังไม่ค่อยชินนักแต่เขาก็รับรู้ได้ว่าหญิงชราผู้นี้รักและเป็นห่วงเขาอย่างจริงใจ เขาจึงโอบกอดร่างที่ผอมแห้งของท่านแม่ อย่างไม่เคยได้รับไออุ่นมาก่อนในชีวิต นี่เขาจะมีแม่กับเขาจริง ๆ นะหรือ ?
“ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว ฉันจะสบายดีแม่นั่นแหละที่ดูไม่แข็งแรง” คำพูดที่ออกมาจากปากของลี่หยางทำให้หญิงชราตื่นตระหนกที่เห็นอาการของบุตรนั้นแย่กว่าที่คิด นางรีบลุกขึ้นจากเตียงของเขาและรีบใช้ท่านหมอตรวจดูโดยด่วน
“ท่านหมอรีบมาตรวจดูให้ข้าที ข้าว่าน้ำต้องเข้าไปสู่สมองของเขาเป็นแน่”
ท่านหมอไม่รอช้ารีบคว้าเข็มที่ยาวมาก ๆ จนลี่หยางเห็นก็กลัวจนแทบจะวิ่งออกไปด้านนอก เขานึกขึ้นได้นี่มันเป็นเข็มที่ใช้รักษาในสมัยอดีต หากไม่อยากที่จะถูกฝังเข็มเขาต้องปรับตัวและปรับการพูดเป็นการโดยด่วนโชคดีที่ลี่หยางนั้นชอบดูซีรี่ส์จึงไม่ยากที่จะพูดเช่นเดียวกับผู้คนที่นี่
“ท่านแม่ ข้าไม่ได้เป็นอันใด ท่านหมอท่านโปรดวางเข็มลงก่อน ข้าแค่รู้สึกเหมือนจะเป็นไข้เล็กน้อย ท่านช่วยจัดยาและกลับไปเถอะขอรับ แฮะ ๆ” ลี่หยางรีบจับมือของท่านหมอให้เก็บเข็มโดยด่วน
“เอาอย่างที่เจ้าว่าก็ได้ นี่คือยาต้มข้าจะให้เจ้าโดยไม่คิดแม้แต่สลึงเดียว เพราะเจ้าเคยช่วยข้าไว้หลาย ๆ อย่างหากเจ้าสบายดีแล้วก็อย่าลืมไปเก็บยาสมุนไพรมาขายให้กับข้าอีก หากเจ้าไม่อยากได้เบี้ยก็เอาเป็นข้าวสารก็ย่อมได้” ท่านหมอวางยาและเดินออกไป ลี่หยางครุ่นคิดนี่เขาได้ย้อนเวลากลับมาเกิดเป็นคนจนอย่างนั้นหรือ? ขนาดข้าวยังไม่มีจะกิน ทำไมโชคชะตาถึงได้กลั่นแกล้งเขาทุกภพชาติเช่นนี้ ไม่ได้การในเมื่อย้อนมาแล้ว เขาจะลิขิตชะตาชีวิตของตนเองให้มีชีวิตที่ร่ำรวยให้ได้
“หากเจ้าไม่เป็นอันในใดแล้วข้าก็โล่งใจ เช่นนี้เจ้าเองก็นอนพักเถิดนะ ข้าจะออกไปแบกฟืนมาไว้ก่อไฟเสียก่อน” ลี่หยางมองดูรอยเหี่ยวย่นของใบหน้าและตามตัว นางน่าจะอายุไม่ใช่น้อย ๆ เพราะความจนจึงต้องใช้ชีวิตดิ้นรน ลี่หยางคว้ามือที่เหี่ยวหยาบกระด่างของมารดาตนเองมาจับไว้
“ท่านแม่ ข้าจะไปเองท่านพักผ่อนเถอะ ข้าไม่อยากให้ท่านแม่ต้องเหนื่อยอีกต่อไปแล้ว ต่อจากนี้ข้าจะดูแลท่านแม่เอง ”
“ท่านพี่จิ้นหยาง ท่านพึ่งฟื้นนะ จะไปแบกฟืนไหวหรือ ” เจียวซิ่งรีบห้ามปราม ลี่หยางจึงได้ลุกขึ้นและแสดงความแข็งแกร่งให้เจียวซิ่งได้ดูโดยการอุ้มร่างกายของเจียวซิ่งลอยขึ้นกับพื้น
“ท่านพี่ปล่อยข้าลง ข้ากลัวความสูง ” เจียวซิ่งร้องโวกเวกโวยวายออกมาด้วยความกลัวทำให้ท่านแม่ของจิ่นหยางหัวเราะออกมาเมื่อเห็นบุตรชายของตนเองหายดีแล้ว
นางจึงเดินไปหยิบผ้าที่ใช้มัดฟืนเพื่อแบกกลับบ้านให้แก่จิ้นหยาง
จิ้นหยางเดินออกมาด้านนอกเงยหน้ามวลเมฆฟ้ามืดครึ้มเกาะรวมตัวเป็นท้องฟ้าหม่นแสง คล้าย ๆ กับว่ากำลังจะเกิดพายุฝนเช่นนี้เขาจะออกไปตัดฟืนได้อย่างไร เขากำลังหันหลังกลับไปที่กระท่อมเพื่อถอดใจ แต่แล้วเจียวซิ่งก็วิ่งออกมาพร้อมหมวกถักไม้ไผ่
"ท่านพี่ ข้าจะออกไปกับท่านพี่ด้วยกลัวว่าท่านจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น " จิ่นหยางมองด้วยสายตาดีใจเขาพึ่งนึกได้ว่าเขานั้นไม่รู้ว่าป่าที่ไปเอาไม้ฟืนอยู่ที่ใด อย่างน้อยก็มีเจ้าเด็กนี่ตามไปด้วยก็ดีเช่นกัน
"ก็ดีเช่นกันที่มีเจ้าไปด้วย ช่วงนี้ข้าจำไม่ค่อยได้ว่าป่าไปทางใดเจ้านำทางไปแล้วกัน แต่ข้าว่าฝนต้องตกแน่เลยเจ้าดูท้องฟ้านั้นสิ"
"ท่านไม่ต้องกังวลไป หากว่ามีฝนตกระหว่างทางข้าจะพาท่านไปหลบฝนเอง รีบไปเถอะเดี๋ยวจะมืดเสียก่อน" เจียวซิ่งมองไปบนท้องฟ้าและพูดออกมาเพื่อให้จิ้นหยางสบายใจ ทั้งคู่ก็ได้ออกเดินทางยังป่าที่ไม่ห่างไกลจากหมู่บ้านนัก
บทที่ 3 ทำไมต้องกลัวระหว่างทางจิ้นหยางก็ได้ถามเจียวซิ่งเกี่ยวกับใต้เท้ามู่ว่าเหตุใดต้องเกรงกลัวด้วย เจียวซิ่งก็ได้เล่าให้ฟังว่าท่านป้านั้นได้ไปหยิบยืมเมล็ดพันธุ์ข้าวมาปลูกแต่ทว่าไม่มีความรู้แล้วแห้งแล้ง ทำให้ไม่มีผลผลิตและไม่มีข้าวไปคืนท่านใต้เท้าทำให้เขาคิดเป็นจำนวนพร้อมดอกเบี้ยที่มากมายมหาศาล ใต้เท้าเป็นคนมักโลภหากผู้ใดได้ดีก็มักจะกลั่นแกล้ง แต่หากว่าผู้ใดแบ่งผลผลิตให้ก็จะปล่อยผ่าน เป็นอยู่อย่างนี้มาเนิ่นนานทำให้ใต้เท้าผู้นี้ร่ำรวยขึ้นทุกวัน เมื่อจิ้นหยางได้ฟังก็กำหมัดแน่นเช่นนี้ก็ไม่ต่างจากรีดเลือดกับปู“เหอะ เป็นคนเห็นแก่ตัวแก่ได้จริง ๆ ตอนนี้ดูท่าฝนจะตกแล้ว ฉันจะต้องทำทุกอย่างเพื่อหาทางใช้หนี้ใต้เท้ามู่ผู้นี้ให้ได้ ชีวิตของฉันต่อจากนี้จะได้สุขสบาย” จิ้นหยางครุ่นคิดในใจพลางเดินตามหลังเจียวซิ่งไปในป่า ไม่นานนักก็ถึงป่า ไม้แห้งน้อยใหญ่เต็มไปหมดเจียวซิ่งวางผ้ามัดฟืนเอาไว้ที่พื้นก่อนจะเดินเก็บมาใส่ผ้าให้ได้มากที่สุด จิ้นหยางเห็นดังนั้นจึงรีบทำตามเจียวซิ่งโดยไม่รอช้า ในที่สุดทั้งสองก็พากันเดินกลับเรือนครั้นใกล้จะถึงกระท่อมของจิ้นหยางเม็ดฝนเริ่มโปรยปรายลงมาอย่างโหมกระหน่ำ เจียวซิ่งหั
บทที่ 4 ลงมือปลูกผักเสียงนกขับขานร้องส่งกันไปมา แสงสว่างจากดวงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาในกระท่อมแยงตาผู้ที่นอนลับสนิทให้รู้สึกตัว จิ้นหยางลืมตาขึ้นกวาดสายตามองต้องสะดุ้งตกใจอีกครั้งก่อนจะนึกออกได้ว่าตัวเองทะลุมิติมาจากที่อื่น"เฮ้อ! คิดว่าฝันไปเสียอีก คงเป็นฟ้าลิขิตสินะ " จิ้นหยางเอ่ยพลางยันกายลุกขึ้น มองเห็นสตรีที่นอนอยู่บนเตียงยังไม่ตื่นจึงค่อย ๆ ลุกขึ้นไม่ให้เกิดเสียงดังก่อนเข้าไปที่ครัว เพื่อทำอาหารเช้าเมื่อเข้ามาในครัวยามนี้มีเพียงมันเทศเท่านั้นที่เหลืออยู่ นี่คงเป็นอาหารสุดท้ายแล้วสินะ"คงไม่มีทางเลือกแล้วต้องทำอันนี้กินสินะ ว่าแล้วเชียวทำไมเจียวซิ่งถึงได้ไม่อยากกินข้าวเย็นด้วย " จิ้นหยางเอ่ยพึมพัมก่อนจะจัดการนำมันไปเผาเพื่อกินประทังชีวิตเมื่อจัดการมันเสร็จจิ้นหยางได้ออกไปสำรวจบริเวณรอบ ๆ กระท่อม บรรยากาศกำลังเย็นสบายหลังจากที่ฝนตกไปทั้งคืนเช้านี้จึงมีหมอกควันลอยบนท้องฟ้า"พี่จิ้นหยางข้ามาแล้วขอรับ " พลันเสียงของเจียวซิ่งดังขึ้น จิ้นหยางหันขวับไปมองทันที"เจ้าเด็กคนนี้คงจะติดจิ้นหยางนี่มากสินะ ทั้ง ๆ ที่เช้าขนาดนี้ยังเร่งรีบมาที่นี่ แต่ก็ดีเหมือนกันฉันเองจะได้ไม่เหงา " จิ้นหยางพูด
บทที่ 5 ท่านเจ้าเมืองคนใหม่ทั้งสองพากันเดินเข้ามาในตลาดช่างคึกคักตื่นตาตื่นใจของจิ้นหยางเหลือเกิน การที่เขาทะลุมิติมายังที่แห่งนี้ไม่ได้มีเรื่องร้ายอะไรนอกจากความยากจน ที่นี่ทั้งบรรยากาศสิ่งแวดล้อมแตกต่างจากที่เขาอยู่ยิ่งนัก แม้จะลำบากอยู่บ้างแต่เขาสามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว“พี่จิ้นหยางรีบเดินตามข้ามาขอรับ เดินไปอีกไม่ไกลเท่าไหร่จะเจอเรือนของท่านเจ้าเมืองแล้วขอรับเห็นด้านหน้านั้นหรือไม่? ผู้คนจอแจเต็มหน้าเรือนสงสัยจะมาร่วมงานเลี้ยงต้อนรับ ข้าได้ยินมาว่าท่านเจ้าเมืองที่ย้ายมาใหม่มีใบหน้าที่หล่อเหลาข้าชักอยากจะเห็นแล้วสิว่าจะหล่อเท่าข้ามั้ย” จิ้นหยางมองใบหน้าของเจียวซิ่งก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างขบขันในความมั่นอกมั่นใจของเขาเหลือเกิน“พี่จิ้นหยางหัวเราะข้าอย่างนั้นหรือ? ท่านไม่รู้สินะว่าข้านะมีใบหน้าหล่อเหลาที่สุดในหมู่บ้านแห่งนี้แล้ว หากข้าเติบโตอีกสักหน่อยคงจะมีสตรีมากมายเข้าหาจนน่ารำคาญแน่นอน”“ข้ายังไม่ได้ว่าอะไรเจ้าเลยนะ ไหนล่ะทางที่เจ้าจะพาหาเข้าไปหาอาหาร เท่าที่ข้าดูผู้ที่เข้าไปต้องมีเทียบเชิญมิใช่หรือ” สองเท้าก้าวมาถึงหน้าเรือนเห็นคนที่เข้าไปต้องยื่นเทียบเชิญให้แก่บ่าวรับใช้ที่
บทที่ 6 ถูกใจบ่าวใช้หน้าหวาน อวิ้นหลี่ว์ เจ้าเมืองที่ย้ายมาหมู่บ้านแห่งนี้เพราะเขาเบื่อหน่ายเมืองหลวงที่วุ่นวายและบ่าวมากมายรวมถึงเหล่าใต้เท้าที่มักประจบสอพอจึงขอออกมาเป็นเจ้าเมืองที่ชนบทมาอยู่ในที่เงียบสงบ แม้จะทำใจเรื่องงานเลี้ยงฉลองที่น่าเบื่อแต่อย่างไรก็มีเพียงแค่วันเดียวเท่านั้น เขาจึงนั่งร่วมฉลองอยู่กับเหล่าใต้เท้าที่อยู่ในหมู่บ้านนี้รวมถึงเรือนของคนมีฐานะที่เข้ามาแสดงความยินดี ความเบื่อหน่ายที่พบเจออยู่บ่อย ๆ จนเคยชินจู่ ๆ สายตาพลันมองไปเห็นบุรุษใบหน้าหวานแต่งกายเหมือนเป็นบ่าวในเรือนนี้ช่างสะดุดตามากกว่าทุกคนที่เขาเคยพบเจอมา ดวงตากรีดยาวเศร้าหมองแต่ช่างดึงดูดเขายิ่งนัก การแสดงที่อยู่ตรงหน้ายังไม่น่ามองเท่าบ่าวรับใช้ผู้นั้นแม้แต่น้อย ยิ่งยามที่มือเรียวยาวหยิบจับอาหารเข้าปากริมฝีปากอ้ารับอาหารเข้าไปเคี้ยวกินยิ่งทำให้เขาสั่นไหว อยากจะครอบครองร่างกายของบ่าวผู้นี้เหลือเกิน คิดไม่ผิดเลยที่ครั้งนี้เขาย้ายมาอยู่ที่แห่งนี้ ราวกับพบเจอทับทิมแสนงาม ครั้นสายตาของเขาหันไปทางอื่นชั่วครู่หันกลับมาไม่เห็นแม้กระทั่งเงาของบ่าวผู้นั้น อวิ้นหลี่ว์รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ร่ำลาทุกคนให้ทุกคนดื่มด่ำ
บทที่ 7 มาบำเรอข้า“ท่านเจ้าเมืองข้าขออภัยด้วยเพราะข้าซุ่มซ่ามเอง ไม่ทันระวังทำให้หล่นลงมาในอ่างกับท่าน” น้ำเสียงสั่นระรัวรีบเอ่ยบอกพลางยันกายลุกขึ้นแต่ทว่ากลับถูกอวิ้นหลี่ว์ใช้มือจับปลายคางมนให้เงยหน้าขึ้นเพื่อมองให้ชัดเจน ดวงตาของจิ้นหยางช่างดึงดูดเขาเหลือเกิน ริมฝีปากเผยอราวกับยั่วยวนอวิ้นหลี่ว์ให้ลิ้มลอง ร่างกายของเขาอวิ้นหลี่ว์เลือดลมกระฉูดทั่วร่างหากปล่อยบ่าวผู้นี้ออกไปจากอ่างน้ำวันนี้เขาคงนอนไม่หลับแน่ ๆ“ข้ายังไม่ได้ว่าอันใดเจ้าสักนิดอีกอย่างมิใช่เจ้าซุ่มซ่ามแต่เป็นข้าต่างหากที่ทำให้เจ้าลงมาแช่น้ำกับข้าเช่นนี้เจ้าชื่ออันใดหรือ”“เอ่อ...ข้าน้อยมีนามว่าจิ้นหยางขอรับ” เพราะน้ำเสียงที่นุ่มนวลอ่อนหวานกำลังเอ่ยถามทำให้จิ้นหยางไม่ทันได้คิดจึงเอ่ยบอกชื่อตนเองออกไป“ชื่อไพเราะเสียจริง ต่อจากนี้เรียกข้าว่าท่านเจ้าเมืองหลี่ว์ ไหนลองเรียกสิ”“ท่านเจ้าเมืองหลี่ว์” น้ำเสียงสั่นกระเส่าเรียกดวงตาหลุบลงด้วยความเขินอายเมื่อถูกเขาจับปลายคางให้เงยมอง จิ้นหยางใจสั่นไหวเมื่อถูกเขาสัมผัสอย่างอ่อนโยน ทันทีที่ได้ยินเสียงเรียกของจิ้นหยางเจ้าเมืองหลี่ว์มิอาจจะอดกลั่นที่จะครอบครองร่างกายที่อยู่เบื่องหน้
บทที่ 8 กลืนกินกันและกันอวิ้นหลี่ว์ปล่อยมือออกจากแท่งร้อนของจิ้นหยางเงยหน้าขึ้นยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจที่เห็นจิ้นหยางเหนื่อยหอบอยู่ตรงหน้า แต่เขาไม่ให้จิ้นหยางได้พัก จับแขนของจิ้นหยางให้หันมาหาตน“ในเมื่อข้าทำเจ้าเสร็จแล้วถึงตาข้าจะมีความสุขบ้างแล้ว ดูสิมังกรของข้าตั้งผงาดรอเจ้าปรนนิบัติอยู่” จิ้นหยางหมั่นไส้คนตรงหน้าเหลือเกินทำไมเขาถึงได้เอ่ยมาอย่างไม่อายอย่างนี้ จิ้นหยางจ้องมองแท่งร้อนของท่านเจ้าเมืองก่อนจะใช้มือทั้งสองสาวขึ้นลงสายตาจ้องมองใบหน้าของเขา หากเขาตั้งใจทำให้เสร็จคงจะหนีออกไปได้ รีบมาทำให้จบเสียทีไม่เช่นนั้นท่านแม่จะเป็นห่วงเมื่อคิดได้เช่นนั้นจิ้นหยางก้มลงครอบปากสวมแท่งเนื้อลำยาวจนคนถูกกระทำหน้าบิดเบี้ยวแสดงความเสียวซ่านเมื่อปลายลิ้นของจิ้นหยางกวาดตวัดดูดแรง มือขวาของอวิ้นหลี่ว์จับขอบอ่างเพื่อยับยั้งความเสียว อีกข้างยื่นมาจับหัวของจิ้นหยางเอาไว้จิ้นหยางรูดขึ้นรูดลง ใช้ปลายลิ้นตวัดปลายหัวกลมมนก่อนจะก้มดูดเม้นด้วยความแรงมากกว่าเดิม จนอวิ้นหลี่ว์ครวญครางออกมา“ซี้ด ... อ๊าาาลึก ลึกกว่านี้อีกนิด เจ้าใช้ลิ้นได้เก่งเหลือเกินดูดรัดจนข้าปวดไปหมด” เสียงครางกระเส่าของอวิ้นหลี่ว์ทำ
บทที่ 9 ตามจับหนูฝั่งด้านจิ้นหยางเช้าวันนี้เขาตื่นสายกว่าทุกวันเพราะร่างกายที่ผ่านศึกมาถึงสองคราทำให้รู้สึกเจ็บไม่น้อยและเหน็ดเหนื่อยอย่างบอกไม่ถูก แต่แล้วเสียงของเจียวซิ่งได้ดังขึ้นปลุกเขาที่อยู่บนเตียงด้วยความเป็นห่วง“พี่จิ้นหยาง ท่านกลับออกมาได้อย่างไรขอรับถูกจับได้หรือไม่? ข้าเป็นห่วงท่านแทบแย่ เฮ้อ! ข้าคิดว่าท่านต้องถูกทำโทษจึงรีบมาหาท่านแต่เช้าเมื่อเห็นท่านนอนอยู่เช่นนี้ข้าเองก็เบาใจ” จิ้นหยางสะลึมสะลือตื่นขึ้นด้วยน้ำเสียงเจี๊ยวจ้าวของเจียวซิ่ง“นี่เจ้า ...อยากให้ท่านแม่รู้หรือไงว่าไปที่ใดมาถึงได้แหกปากเสียงดังแต่เช้าตรู่เช่นนี้”“ท่านป้าไม่อยู่ในเรือนเสียหน่อยขอรับ อีกอย่างท่านป้าไม่ระแคะระคายที่ท่านกลับมาทีหลังข้าด้วยซ้ำ ท่านรีบบอกข้ามาว่าท่านออกมาจากเรือนท่านเจ้าเมืองได้อย่างไร เขาเรียกท่านไปทำไมกัน” ใบหน้าของเจียวซิ่งคิ้วขมวดเข้าหากันเพ่งมองมายังใบหน้าของจิ้นหยางด้วยความอยากรู้อยากเห็น จิ้นหยางไม่อยากให้เจียวซิ่งรู้ว่าเมื่อคืนนี้เขาพบเจออะไรมาเลยต้องโกหกออกไป เขาลุกขึ้นใช้มือดันหัวของเจียวซิ่งออกห่างก่อนจะต่อว่าเขา“เพราะเจ้าที่ทำให้ข้าลำบาก ต่อจากนี้ข้าจะไม่เชื่อใจเจ้าไปไ
บทที่ 10 ท่านใต้มู่หน้าเหี้ยมใจโหดตะวันเริ่มบ่ายคล้อยจิ้นหยางกับเจียวซิ่งกลับมาจากตัดไม้ไผ่เพื่อนำมาทำเป็นหลักให้แตงกวาเกี่ยวพันขึ้นยามใหญ่เมื่อมาถึงเรือน หน้าเรือนมีต้นไม้ใหญ่พร้อมกับแคร่ไม้ไผ่หนึ่งตัวไว้เป็นที่พักพิงยามร้อน ๆ ทั้งสองจึงพากันมานอนเอนหลังพักผ่อน“ท่านจะรีบไปตัดมาไผ่มาทำไมหรือขอรับ ผักของท่านยังไม่ขึ้นเลยนะขอรับ เราจะไม่เหนื่อยเปล่าหรือ? ”“ข้ามั่นใจอย่างไรแตงกวาของข้าต้องขึ้น เจ้าอย่ามาพูดให้ข้าละเหี่ยใจเช่นนี้สิ”“จริงสิ! พี่จิ้นหยางตอนที่ท่านขัดหลังให้ท่านเจ้าเมืองท่านคงเห็นเรือนร่างเขาหมดทุกจุดแล้วใช่หรือไม่? เช่นนั้นท่านจงตอบข้ามาว่าข้ากับท่านเจ้าเมืองผู้ใดหล่อเหลากว่ากันขอรับ” เมื่อถูกถามใบหน้าของจิ้นหยางแดงระเรื่อครั้นนึกภาพของท่านเจ้าเมืองที่เขาสัมผัสมาแทบทั้งคืน จนต้องลุกขึ้นจากแคร่เดินหนีเจียวซิ่งเพราะกลัวว่าเขาจะเห็นสีหน้าของตนยามนี้“ไม่รู้ ...ไม่มีผู้ใดหล่อเหลาสักคนไปหาท่านแม่ดีกว่าเย็นนี้มีอะไรกินนะ!”“เดี๋ยวสิท่านพี่มาตอบข้าก่อน ว่าผู้ใดหล่อเหลากว่ากัน” เจียวซิ่งลุกขึ้นเดินตามหลังของจิ้นหยางแต่ทว่าเมื่อมาถึงหน้าเรือนกลับเห็นว่ายามนี้มีเกี้ยวมาหยุดเทียบท
บทที่ 16 โชคดีของเราจริง ๆหลังจากที่อวิ้นหลี่ว์กลับไปมารดาของจิ้นหยางรีบเข้ามาพูดคุยกับเขาด้วยความดีใจ"ท่านเจ้าเมืองผู้นี้ช่างเป็นคนดีนัก ช่วยเหลือเราสองแม่ลูกจากใต้เท้าหน้าเลือด จิ้นหยางต่อจากนี้เจ้าจงตอบแทนผู้มีพระคุณเป็นอย่างดีนะ ไม่รู้อีกกี่ชาติถึงจะพบคนเช่นท่านเจ้าเมืองหลี่ว์ นับว่าเป็นความโชคดีของเราแท้ ๆ " จิ้นหยางได้ยินคำพูดของมารดาถึงกับแค้นหัวเราะออกมาในลำคอฮึ ฮึ 'โชคดีของท่านแต่ข้านี่สิต้องคนที่ถูกกระทำ แต่เอาเถอะอย่างไรก็ดีกว่าเป็นหนี้ใต้เท้ามู่ก็แล้วกัน '"ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ ข้าจะสำนึกบุญคุณตอบแทนท่านเจ้าเมืองเป็นอย่างดี โชคดีที่ข้าต่อรองได้และท่านเจ้าเมืองเห็นใจให้ข้าอยู่ดูแลท่านกับแตงกวาในยามเช้า ต่อจากนี้ยามกลางคืนท่านต้องอยู่เพียงลำพังต้องดูแลตนเองให้ดีนะขอรับ ""เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงข้าหรอก เพียงเท่านี้ข้าก็ตายตาหลับแล้ว " สิ้นคำพูดของเหนียงฟางก็เดินเข้าไปในเรือนปล่อยให้จิ้นหยางนั่งอยู่เพียงลำพัง ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นไปรดน้ำแตงกวาที่ตอนนี้กำลังโผล่พ้นดินมาแล้ว ทำให้เขาเริ่มใจชื้นขึ้นมาบ้างและครุ่นคิดค่าตัวเท่าไหร่ในแต่ละคืนถึงจะคุ่มค่าที่ยอมเสียตัว'ค่าแรงสมั
บทที่ 15 ข้อตกลง"ท่านเจ้าเมืองจะลงโทษข้าอย่างไรก็ได้แต่ข้าขอเพียงสิ่งเดียวอย่าบอกเรื่องนี้ต่อมารดาของข้าได้หรือไม่ขอรับ เพียงเท่านี้นางก็มีเรื่องให้ทุกข์ใจมากพอแล้ว "เมื่อมาถึงแคร่อวิ้นหลี่ว์นั่งลงจ้องมองสายตาไปจนทั่วก่อนจะหันมามองคนที่ยืมกุมมือแน่นใบหน้าก้มต่ำกำลังอ้อนวอนเขาอยู่"ให้ลงโทษเจ้าหรือ ข้าย่อมทำเช่นนั้นอยู่แล้วแต่เมื่อคิดว่าคืนนั้นเข้าเองก็ปรนนิบัติข้าเป็นอย่างดีและข้าเองก็พึงพอใจ เรื่องที่เจ้าแอบเข้าไปในเรือนถือว่าหายกัน "อวิ้นหลี่ว์โหยหาคนตรงหน้าจนแทบเก็บอาการไม่อยู่คว้าแขนของเขาให้มานั่งใกล้ ๆ ตนก่อนจะถลกเสื้อขึ้นดูรอยบาดแผลใต้ลมผ้า"ท่านเจ้าเมืองทำอะไรขอรับ ไม่ได้นะที่นี่คนอื่นอยู่มากมายแถมยังอยู่ด้านนอกอีกด้วย " จิ้นหยางสะดุ้งตกใจเมื่อจู่ ๆ เขาถลกเสื้อของจิ้นหยางขึ้นอย่างนี้"เฮ้อ! เจ้าคิดว่าข้ามีแต่ความคิดเช่นนั้นหรือ ข้าแค่ดูบาดแผลของเจ้าเท่านั้นคงจะเจ็บมากสินะ ข้าน่าจะเข้ามาใช้ดาบตัดมือคนที่ทำร้ายเจ้าเสียตั้งแต่แรก ทำไมข้าถึงไม่ทำเช่นนั้นนะ! มาทำให้แขนของเจ้าหลังของเจ้าได้รับรอยพกช้ำเต็มไปหมด ""ท่านเจ้าเมืองรู้ได้อย่างไรว่าข้าได้รับบาดเจ็บอีกอย่างอาหารกับยาสมุนไ
บทที่ 14 เจ้าเป็นคนของข้าหลวนเหยาไปที่โรงครัวแจ้งต่อท่านพ่อครัวให้ทำอาหารบำรุงร่างกายและอาหารเผื่อสำหรับสามคนและขนมหวานห่อไปให้จิ้นหยางไม่ลืมที่จะแจ้งขอยาสมุนไพรอีกด้วย เมื่อได้ของหลวนเหยาก็ควบม้าประจำกายของตนเองไปที่หลังหมู่บ้านทันทียามนี้ท้องฟ้าเริ่มมืดสลัวดวงอาทิตย์ลับลาขอบฟ้า เหนียงฟางมารดาของจิ้นหยางต้มข้าวต้มเสร็จตักมาให้เขาที่เตียงแต่กลับพบว่ายามนี้บุตรชายได้นอนหลับไปแล้ว จึงไม่อยากปลุกหากเขาลุกมาเมื่อไหร่ค่อยหาให้เขากินนางจึงออกมานั่งอยู่ด้านนอกเรือน จ้องมองดูดวงอาทิตย์ตกด้วยหัวใจที่ทุกข์ระทม สายตาว่างเปล่าไปหมดหูพลันได้ยินเสียงฝีเท้าม้ากำลังดิ่งตรงมาทางตนหัวใจของนางเริ่มสั่นไหว กลัวว่าจะเป็นคนของใต้เท้ามู่กลับมาทำร้ายจิ้นหยางอีก นางรีบมองหาไม้มาคว้าไว้เพื่อปกป้องจิ้นหยางเมื่อม้าถูกทำให้หยุดเดินหลวนเหยากระโดดลงมาจากม้ากวาดตามองดูเห็นหญิงชราท่าทางหวาดกลัวเขารีบเข้าไปหาเพื่อแจ้งให้รู้ว่าเขามาดี“ท่านป้า ข้ามาดีขอรับข้ามิได้มีเจตนาอันใดพอดีเจ้านายของข้าให้ข้านำอาหารมาให้ท่านกับจิ้นหยางขอรับ”“เจ้าเป็นคนของใต้เท้ามู่อย่างนั้นหรืออาหารของเจ้าคงใส่ยามาสินะ”“ข้ารู้ว่ายากที่ท่านป้
บทที่ 13 เจ้าหนี้คนใหม่ฝั่งด้านหลวนเหยาได้เดินสำรวจตามที่เจ้าเมืองสั่งการที่นี่การป้องกันความปลอดภัยช่างหละหลวมนักคงเป็นเพราะวางใจไม่คิดจะมีผู้มาทำอะไรได้ จึงไม่ได้เกรงกลัวอันตรายทำให้หลวนเหยาสามารถเดินไปมาอย่างไม่ถูกสายตาจับจ้องหรือสงสัย เมื่อเขาเดินผ่านห้องของนอนของใต้เท้ามู่ได้ยินเสียงสะอึกสะอื้นร้องไห้ เขาจึงแอบแงะหน้าต่างเพื่อมองดูเห็นว่ายามนี้มีสตรีสองนางที่ท่านใต้เท้ามู่พากลับมาจากด้านนอกถูกมัดมือมัดเท้าเอาไว้ไม่ให้หนี สตรีพวกนี้คงไม่พ้นเป็นเครื่องมือปรนเปรอใต้เท้าใจโฉดผู้นี้ หลังจากที่เดินสำรวจจนหมดจึงรีบกลับไปรอเจ้าเมืองอยู่ที่หน้าห้องโถงตามเดิม“นี่ขอรับสัญญาที่จิ้นหยางเป็นหนี้ข้า ในเมื่อท่านใช้หนี้แทนต่อจากนี้เขาคือลูกหนี้ของท่านขอรับ "“ใช่ต่อจากนี้จิ้นหยางคือคนของข้า ยามนี้ท้องฟ้าเริ่มจะคล้อยต่ำแล้วข้าต้องขอตัวกลับเรือนก่อนข้าพึ่งมาไม่กี่วันยังไม่คุ้นชินเส้นทางเดี๋ยวจะหลง ไว้วันหน้าค่อยพบกันใหม่”“เดินทางปลอดภัยนะขอรับ หากชามาถึงข้าจะให้ลี่อินนำไปส่งที่เรือนนะขอรับ เมื่อถึงยามนั้นข้าฝากให้ท่านเจ้าเมืองช่วยเอ็นดูนางด้วย” อวิ้นหลี่ว์ไม่ตอบอันใดลุกขึ้นหยิบ
บทที่ 12 ใช้หนี้แทนมารดาของจิ้นหยางอวิ้นหลี่ว์รออยู่หน้าเรือนไม่นานบ่าวรับใช้มาตามให้ไปพบใต้เท้ามู่ตามที่ต้องการ"ท่านเจ้าเมืองหลี่ว์ ใต้เท้าเรียนเชิญท่านที่ห้องโถงขอรับตามมาด้านนี้ขอรับ " บ่าวรับใช้ผายมือให้อวิ้นหลี่ว์เดินตามตนไปที่ห้องโถง เขาเดินตามไปก่อนจะหันไปสบตากับหลวนเหยาให้ไปเดินตรวจตราดูในเรือนของใต้เท้ามู่เมื่อเดินใกล้ถึงห้องโถงใต้เท้ามู่รีบเดินออกมาต้อนรับด้วยใบหน้าชื่นบาน"ต้องขออภัยท่านเจ้าเมืองที่ให้คอยอยู่หน้าเรือนไม่ได้ออกไปต้อนรับด้วยตนเองขอรับ เชิญด้านนี้ขอรับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ท่านเมืองหลี่ว์มาเยือนถึงที่เรือนเข้าไปดื่มน้ำชาสักจอดแล้วค่อยพูดคุยนะขอรับ โฮ๊ะ ๆ "“มิต้องมากพิธีอะไรหรอก ข้าผ่านมาแถวนี้ผ่านเรือนของท่านจึงเข้ามาแวะเยือนเท่านั้น เรือนของท่านช่างใหญ่โตน่าอยู่จริง ๆ ข้าชักชอบที่นี่มากกว่าเรือนที่ข้าอยู่เสียอีก”“ฮ่า ฮ่า เรือนของข้าไม่ได้ใหญ่เกินกว่าเรือนของท่านเจ้าเมืองเลย” ใต้เท้ามู่เอ่ยพลางพากันเดินเข้าไปที่ห้องโถง อวิ้นหลี่ว์กวาดตามองภายในห้องถูกตกแต่งด้วยของมีค่ามากมาย เงินทองและสิ่งของพวกนี้น่าจะมาจากหยาดเหงื่อของชาวบ้านแน่ ๆ ในเมื่อเขามาเป็นท่านเ
บทที่ 11 บังอาจมาแตะเนื้อต้องตัวคนของข้าฝั่งด้านอวิ้นหลี่ว์หลังจากที่รู้ว่าจิ้นหยางมิใช่บ่าวรับใช้ในเรือนเขารีบเดินทางมาตามที่บ่าวรับใช้บอกพร้อมกับหลวนเหยาที่ตามคอยคุ้มกัน ทั้งสองควบม้าจนมาถึงท้ายหมู่บ้าน เห็นชาวบ้านเดินไปมาจึงได้เอ่ยถามทางไปที่เรือนของจิ้นหยาง เมื่อรู้ก็ได้พากันควบม้าไปทันทีแต่เมื่อมาถึงหน้ากระท่อมหลังหนึ่งที่อยู่บนเขาดูเหมือนจะไม่ใช่เรือนเสียด้วยซ้ำอวิ้นหลี่ว์ไม่คิดเลยว่าจิ้นหยางจะลำบากถึงเพียงนี้แต่ทว่ายามนั้นไม่ได้มีเพียงแค่ชาวบ้านเขามาถึงเห็นเกี้ยวจอดอยู่จึงไม่ได้เข้าไปแอบอยู่หลังต้นไม้เพื่อดูเห็นว่ายามนี้ชายที่เขากำลังตามหากำลังถูกทุบตี ใจของอวิ้นหลี่ว์ร้อนรุ่มไปหมดอยากเข้าไปจัดการบั่นคอของชายที่ลงมือทำร้ายจิ้นหยางแต่ก็ถูกหลวนเหยาห้ามเอาไว้ก่อน“ท่านเจ้าเมืองอย่าได้วู่วามเลยขอรับ อีกอย่างดูเหมือนว่าผู้ที่ถูกทุบตีนั่นคงเป็นจิ้นหยางที่ท่านตามหา แต่ทว่าผู้ที่สั่งการและยืนอยู่ด้านหน้านั้นคือท่านใต้เท้ามู่ขอรับ” ดวงตาของอวิ้นหลี่ว์จ้องเขม็งกัดฟันกรอดจนคนที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ได้ยิน“ใต้เท้ามู่หรือ? ได้ข้าจะไม่วู่วามตามที่เจ้าบอก เจ้าบอกข้าว่าใต้เท้ามู่มีอำนาจทำให้ชาวบ้า
บทที่ 10 ท่านใต้มู่หน้าเหี้ยมใจโหดตะวันเริ่มบ่ายคล้อยจิ้นหยางกับเจียวซิ่งกลับมาจากตัดไม้ไผ่เพื่อนำมาทำเป็นหลักให้แตงกวาเกี่ยวพันขึ้นยามใหญ่เมื่อมาถึงเรือน หน้าเรือนมีต้นไม้ใหญ่พร้อมกับแคร่ไม้ไผ่หนึ่งตัวไว้เป็นที่พักพิงยามร้อน ๆ ทั้งสองจึงพากันมานอนเอนหลังพักผ่อน“ท่านจะรีบไปตัดมาไผ่มาทำไมหรือขอรับ ผักของท่านยังไม่ขึ้นเลยนะขอรับ เราจะไม่เหนื่อยเปล่าหรือ? ”“ข้ามั่นใจอย่างไรแตงกวาของข้าต้องขึ้น เจ้าอย่ามาพูดให้ข้าละเหี่ยใจเช่นนี้สิ”“จริงสิ! พี่จิ้นหยางตอนที่ท่านขัดหลังให้ท่านเจ้าเมืองท่านคงเห็นเรือนร่างเขาหมดทุกจุดแล้วใช่หรือไม่? เช่นนั้นท่านจงตอบข้ามาว่าข้ากับท่านเจ้าเมืองผู้ใดหล่อเหลากว่ากันขอรับ” เมื่อถูกถามใบหน้าของจิ้นหยางแดงระเรื่อครั้นนึกภาพของท่านเจ้าเมืองที่เขาสัมผัสมาแทบทั้งคืน จนต้องลุกขึ้นจากแคร่เดินหนีเจียวซิ่งเพราะกลัวว่าเขาจะเห็นสีหน้าของตนยามนี้“ไม่รู้ ...ไม่มีผู้ใดหล่อเหลาสักคนไปหาท่านแม่ดีกว่าเย็นนี้มีอะไรกินนะ!”“เดี๋ยวสิท่านพี่มาตอบข้าก่อน ว่าผู้ใดหล่อเหลากว่ากัน” เจียวซิ่งลุกขึ้นเดินตามหลังของจิ้นหยางแต่ทว่าเมื่อมาถึงหน้าเรือนกลับเห็นว่ายามนี้มีเกี้ยวมาหยุดเทียบท
บทที่ 9 ตามจับหนูฝั่งด้านจิ้นหยางเช้าวันนี้เขาตื่นสายกว่าทุกวันเพราะร่างกายที่ผ่านศึกมาถึงสองคราทำให้รู้สึกเจ็บไม่น้อยและเหน็ดเหนื่อยอย่างบอกไม่ถูก แต่แล้วเสียงของเจียวซิ่งได้ดังขึ้นปลุกเขาที่อยู่บนเตียงด้วยความเป็นห่วง“พี่จิ้นหยาง ท่านกลับออกมาได้อย่างไรขอรับถูกจับได้หรือไม่? ข้าเป็นห่วงท่านแทบแย่ เฮ้อ! ข้าคิดว่าท่านต้องถูกทำโทษจึงรีบมาหาท่านแต่เช้าเมื่อเห็นท่านนอนอยู่เช่นนี้ข้าเองก็เบาใจ” จิ้นหยางสะลึมสะลือตื่นขึ้นด้วยน้ำเสียงเจี๊ยวจ้าวของเจียวซิ่ง“นี่เจ้า ...อยากให้ท่านแม่รู้หรือไงว่าไปที่ใดมาถึงได้แหกปากเสียงดังแต่เช้าตรู่เช่นนี้”“ท่านป้าไม่อยู่ในเรือนเสียหน่อยขอรับ อีกอย่างท่านป้าไม่ระแคะระคายที่ท่านกลับมาทีหลังข้าด้วยซ้ำ ท่านรีบบอกข้ามาว่าท่านออกมาจากเรือนท่านเจ้าเมืองได้อย่างไร เขาเรียกท่านไปทำไมกัน” ใบหน้าของเจียวซิ่งคิ้วขมวดเข้าหากันเพ่งมองมายังใบหน้าของจิ้นหยางด้วยความอยากรู้อยากเห็น จิ้นหยางไม่อยากให้เจียวซิ่งรู้ว่าเมื่อคืนนี้เขาพบเจออะไรมาเลยต้องโกหกออกไป เขาลุกขึ้นใช้มือดันหัวของเจียวซิ่งออกห่างก่อนจะต่อว่าเขา“เพราะเจ้าที่ทำให้ข้าลำบาก ต่อจากนี้ข้าจะไม่เชื่อใจเจ้าไปไ
บทที่ 8 กลืนกินกันและกันอวิ้นหลี่ว์ปล่อยมือออกจากแท่งร้อนของจิ้นหยางเงยหน้าขึ้นยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจที่เห็นจิ้นหยางเหนื่อยหอบอยู่ตรงหน้า แต่เขาไม่ให้จิ้นหยางได้พัก จับแขนของจิ้นหยางให้หันมาหาตน“ในเมื่อข้าทำเจ้าเสร็จแล้วถึงตาข้าจะมีความสุขบ้างแล้ว ดูสิมังกรของข้าตั้งผงาดรอเจ้าปรนนิบัติอยู่” จิ้นหยางหมั่นไส้คนตรงหน้าเหลือเกินทำไมเขาถึงได้เอ่ยมาอย่างไม่อายอย่างนี้ จิ้นหยางจ้องมองแท่งร้อนของท่านเจ้าเมืองก่อนจะใช้มือทั้งสองสาวขึ้นลงสายตาจ้องมองใบหน้าของเขา หากเขาตั้งใจทำให้เสร็จคงจะหนีออกไปได้ รีบมาทำให้จบเสียทีไม่เช่นนั้นท่านแม่จะเป็นห่วงเมื่อคิดได้เช่นนั้นจิ้นหยางก้มลงครอบปากสวมแท่งเนื้อลำยาวจนคนถูกกระทำหน้าบิดเบี้ยวแสดงความเสียวซ่านเมื่อปลายลิ้นของจิ้นหยางกวาดตวัดดูดแรง มือขวาของอวิ้นหลี่ว์จับขอบอ่างเพื่อยับยั้งความเสียว อีกข้างยื่นมาจับหัวของจิ้นหยางเอาไว้จิ้นหยางรูดขึ้นรูดลง ใช้ปลายลิ้นตวัดปลายหัวกลมมนก่อนจะก้มดูดเม้นด้วยความแรงมากกว่าเดิม จนอวิ้นหลี่ว์ครวญครางออกมา“ซี้ด ... อ๊าาาลึก ลึกกว่านี้อีกนิด เจ้าใช้ลิ้นได้เก่งเหลือเกินดูดรัดจนข้าปวดไปหมด” เสียงครางกระเส่าของอวิ้นหลี่ว์ทำ