บทที่ 9 ตามจับหนูฝั่งด้านจิ้นหยางเช้าวันนี้เขาตื่นสายกว่าทุกวันเพราะร่างกายที่ผ่านศึกมาถึงสองคราทำให้รู้สึกเจ็บไม่น้อยและเหน็ดเหนื่อยอย่างบอกไม่ถูก แต่แล้วเสียงของเจียวซิ่งได้ดังขึ้นปลุกเขาที่อยู่บนเตียงด้วยความเป็นห่วง“พี่จิ้นหยาง ท่านกลับออกมาได้อย่างไรขอรับถูกจับได้หรือไม่? ข้าเป็นห่วงท่านแทบแย่ เฮ้อ! ข้าคิดว่าท่านต้องถูกทำโทษจึงรีบมาหาท่านแต่เช้าเมื่อเห็นท่านนอนอยู่เช่นนี้ข้าเองก็เบาใจ” จิ้นหยางสะลึมสะลือตื่นขึ้นด้วยน้ำเสียงเจี๊ยวจ้าวของเจียวซิ่ง“นี่เจ้า ...อยากให้ท่านแม่รู้หรือไงว่าไปที่ใดมาถึงได้แหกปากเสียงดังแต่เช้าตรู่เช่นนี้”“ท่านป้าไม่อยู่ในเรือนเสียหน่อยขอรับ อีกอย่างท่านป้าไม่ระแคะระคายที่ท่านกลับมาทีหลังข้าด้วยซ้ำ ท่านรีบบอกข้ามาว่าท่านออกมาจากเรือนท่านเจ้าเมืองได้อย่างไร เขาเรียกท่านไปทำไมกัน” ใบหน้าของเจียวซิ่งคิ้วขมวดเข้าหากันเพ่งมองมายังใบหน้าของจิ้นหยางด้วยความอยากรู้อยากเห็น จิ้นหยางไม่อยากให้เจียวซิ่งรู้ว่าเมื่อคืนนี้เขาพบเจออะไรมาเลยต้องโกหกออกไป เขาลุกขึ้นใช้มือดันหัวของเจียวซิ่งออกห่างก่อนจะต่อว่าเขา“เพราะเจ้าที่ทำให้ข้าลำบาก ต่อจากนี้ข้าจะไม่เชื่อใจเจ้าไปไ
บทที่ 10 ท่านใต้มู่หน้าเหี้ยมใจโหดตะวันเริ่มบ่ายคล้อยจิ้นหยางกับเจียวซิ่งกลับมาจากตัดไม้ไผ่เพื่อนำมาทำเป็นหลักให้แตงกวาเกี่ยวพันขึ้นยามใหญ่เมื่อมาถึงเรือน หน้าเรือนมีต้นไม้ใหญ่พร้อมกับแคร่ไม้ไผ่หนึ่งตัวไว้เป็นที่พักพิงยามร้อน ๆ ทั้งสองจึงพากันมานอนเอนหลังพักผ่อน“ท่านจะรีบไปตัดมาไผ่มาทำไมหรือขอรับ ผักของท่านยังไม่ขึ้นเลยนะขอรับ เราจะไม่เหนื่อยเปล่าหรือ? ”“ข้ามั่นใจอย่างไรแตงกวาของข้าต้องขึ้น เจ้าอย่ามาพูดให้ข้าละเหี่ยใจเช่นนี้สิ”“จริงสิ! พี่จิ้นหยางตอนที่ท่านขัดหลังให้ท่านเจ้าเมืองท่านคงเห็นเรือนร่างเขาหมดทุกจุดแล้วใช่หรือไม่? เช่นนั้นท่านจงตอบข้ามาว่าข้ากับท่านเจ้าเมืองผู้ใดหล่อเหลากว่ากันขอรับ” เมื่อถูกถามใบหน้าของจิ้นหยางแดงระเรื่อครั้นนึกภาพของท่านเจ้าเมืองที่เขาสัมผัสมาแทบทั้งคืน จนต้องลุกขึ้นจากแคร่เดินหนีเจียวซิ่งเพราะกลัวว่าเขาจะเห็นสีหน้าของตนยามนี้“ไม่รู้ ...ไม่มีผู้ใดหล่อเหลาสักคนไปหาท่านแม่ดีกว่าเย็นนี้มีอะไรกินนะ!”“เดี๋ยวสิท่านพี่มาตอบข้าก่อน ว่าผู้ใดหล่อเหลากว่ากัน” เจียวซิ่งลุกขึ้นเดินตามหลังของจิ้นหยางแต่ทว่าเมื่อมาถึงหน้าเรือนกลับเห็นว่ายามนี้มีเกี้ยวมาหยุดเทียบท
บทที่ 11 บังอาจมาแตะเนื้อต้องตัวคนของข้าฝั่งด้านอวิ้นหลี่ว์หลังจากที่รู้ว่าจิ้นหยางมิใช่บ่าวรับใช้ในเรือนเขารีบเดินทางมาตามที่บ่าวรับใช้บอกพร้อมกับหลวนเหยาที่ตามคอยคุ้มกัน ทั้งสองควบม้าจนมาถึงท้ายหมู่บ้าน เห็นชาวบ้านเดินไปมาจึงได้เอ่ยถามทางไปที่เรือนของจิ้นหยาง เมื่อรู้ก็ได้พากันควบม้าไปทันทีแต่เมื่อมาถึงหน้ากระท่อมหลังหนึ่งที่อยู่บนเขาดูเหมือนจะไม่ใช่เรือนเสียด้วยซ้ำอวิ้นหลี่ว์ไม่คิดเลยว่าจิ้นหยางจะลำบากถึงเพียงนี้แต่ทว่ายามนั้นไม่ได้มีเพียงแค่ชาวบ้านเขามาถึงเห็นเกี้ยวจอดอยู่จึงไม่ได้เข้าไปแอบอยู่หลังต้นไม้เพื่อดูเห็นว่ายามนี้ชายที่เขากำลังตามหากำลังถูกทุบตี ใจของอวิ้นหลี่ว์ร้อนรุ่มไปหมดอยากเข้าไปจัดการบั่นคอของชายที่ลงมือทำร้ายจิ้นหยางแต่ก็ถูกหลวนเหยาห้ามเอาไว้ก่อน“ท่านเจ้าเมืองอย่าได้วู่วามเลยขอรับ อีกอย่างดูเหมือนว่าผู้ที่ถูกทุบตีนั่นคงเป็นจิ้นหยางที่ท่านตามหา แต่ทว่าผู้ที่สั่งการและยืนอยู่ด้านหน้านั้นคือท่านใต้เท้ามู่ขอรับ” ดวงตาของอวิ้นหลี่ว์จ้องเขม็งกัดฟันกรอดจนคนที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ได้ยิน“ใต้เท้ามู่หรือ? ได้ข้าจะไม่วู่วามตามที่เจ้าบอก เจ้าบอกข้าว่าใต้เท้ามู่มีอำนาจทำให้ชาวบ้า
บทที่ 12 ใช้หนี้แทนมารดาของจิ้นหยางอวิ้นหลี่ว์รออยู่หน้าเรือนไม่นานบ่าวรับใช้มาตามให้ไปพบใต้เท้ามู่ตามที่ต้องการ"ท่านเจ้าเมืองหลี่ว์ ใต้เท้าเรียนเชิญท่านที่ห้องโถงขอรับตามมาด้านนี้ขอรับ " บ่าวรับใช้ผายมือให้อวิ้นหลี่ว์เดินตามตนไปที่ห้องโถง เขาเดินตามไปก่อนจะหันไปสบตากับหลวนเหยาให้ไปเดินตรวจตราดูในเรือนของใต้เท้ามู่เมื่อเดินใกล้ถึงห้องโถงใต้เท้ามู่รีบเดินออกมาต้อนรับด้วยใบหน้าชื่นบาน"ต้องขออภัยท่านเจ้าเมืองที่ให้คอยอยู่หน้าเรือนไม่ได้ออกไปต้อนรับด้วยตนเองขอรับ เชิญด้านนี้ขอรับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ท่านเมืองหลี่ว์มาเยือนถึงที่เรือนเข้าไปดื่มน้ำชาสักจอดแล้วค่อยพูดคุยนะขอรับ โฮ๊ะ ๆ "“มิต้องมากพิธีอะไรหรอก ข้าผ่านมาแถวนี้ผ่านเรือนของท่านจึงเข้ามาแวะเยือนเท่านั้น เรือนของท่านช่างใหญ่โตน่าอยู่จริง ๆ ข้าชักชอบที่นี่มากกว่าเรือนที่ข้าอยู่เสียอีก”“ฮ่า ฮ่า เรือนของข้าไม่ได้ใหญ่เกินกว่าเรือนของท่านเจ้าเมืองเลย” ใต้เท้ามู่เอ่ยพลางพากันเดินเข้าไปที่ห้องโถง อวิ้นหลี่ว์กวาดตามองภายในห้องถูกตกแต่งด้วยของมีค่ามากมาย เงินทองและสิ่งของพวกนี้น่าจะมาจากหยาดเหงื่อของชาวบ้านแน่ ๆ ในเมื่อเขามาเป็นท่านเ
บทที่ 13 เจ้าหนี้คนใหม่ฝั่งด้านหลวนเหยาได้เดินสำรวจตามที่เจ้าเมืองสั่งการที่นี่การป้องกันความปลอดภัยช่างหละหลวมนักคงเป็นเพราะวางใจไม่คิดจะมีผู้มาทำอะไรได้ จึงไม่ได้เกรงกลัวอันตรายทำให้หลวนเหยาสามารถเดินไปมาอย่างไม่ถูกสายตาจับจ้องหรือสงสัย เมื่อเขาเดินผ่านห้องของนอนของใต้เท้ามู่ได้ยินเสียงสะอึกสะอื้นร้องไห้ เขาจึงแอบแงะหน้าต่างเพื่อมองดูเห็นว่ายามนี้มีสตรีสองนางที่ท่านใต้เท้ามู่พากลับมาจากด้านนอกถูกมัดมือมัดเท้าเอาไว้ไม่ให้หนี สตรีพวกนี้คงไม่พ้นเป็นเครื่องมือปรนเปรอใต้เท้าใจโฉดผู้นี้ หลังจากที่เดินสำรวจจนหมดจึงรีบกลับไปรอเจ้าเมืองอยู่ที่หน้าห้องโถงตามเดิม“นี่ขอรับสัญญาที่จิ้นหยางเป็นหนี้ข้า ในเมื่อท่านใช้หนี้แทนต่อจากนี้เขาคือลูกหนี้ของท่านขอรับ "“ใช่ต่อจากนี้จิ้นหยางคือคนของข้า ยามนี้ท้องฟ้าเริ่มจะคล้อยต่ำแล้วข้าต้องขอตัวกลับเรือนก่อนข้าพึ่งมาไม่กี่วันยังไม่คุ้นชินเส้นทางเดี๋ยวจะหลง ไว้วันหน้าค่อยพบกันใหม่”“เดินทางปลอดภัยนะขอรับ หากชามาถึงข้าจะให้ลี่อินนำไปส่งที่เรือนนะขอรับ เมื่อถึงยามนั้นข้าฝากให้ท่านเจ้าเมืองช่วยเอ็นดูนางด้วย” อวิ้นหลี่ว์ไม่ตอบอันใดลุกขึ้นหยิบ
บทที่ 14 เจ้าเป็นคนของข้าหลวนเหยาไปที่โรงครัวแจ้งต่อท่านพ่อครัวให้ทำอาหารบำรุงร่างกายและอาหารเผื่อสำหรับสามคนและขนมหวานห่อไปให้จิ้นหยางไม่ลืมที่จะแจ้งขอยาสมุนไพรอีกด้วย เมื่อได้ของหลวนเหยาก็ควบม้าประจำกายของตนเองไปที่หลังหมู่บ้านทันทียามนี้ท้องฟ้าเริ่มมืดสลัวดวงอาทิตย์ลับลาขอบฟ้า เหนียงฟางมารดาของจิ้นหยางต้มข้าวต้มเสร็จตักมาให้เขาที่เตียงแต่กลับพบว่ายามนี้บุตรชายได้นอนหลับไปแล้ว จึงไม่อยากปลุกหากเขาลุกมาเมื่อไหร่ค่อยหาให้เขากินนางจึงออกมานั่งอยู่ด้านนอกเรือน จ้องมองดูดวงอาทิตย์ตกด้วยหัวใจที่ทุกข์ระทม สายตาว่างเปล่าไปหมดหูพลันได้ยินเสียงฝีเท้าม้ากำลังดิ่งตรงมาทางตนหัวใจของนางเริ่มสั่นไหว กลัวว่าจะเป็นคนของใต้เท้ามู่กลับมาทำร้ายจิ้นหยางอีก นางรีบมองหาไม้มาคว้าไว้เพื่อปกป้องจิ้นหยางเมื่อม้าถูกทำให้หยุดเดินหลวนเหยากระโดดลงมาจากม้ากวาดตามองดูเห็นหญิงชราท่าทางหวาดกลัวเขารีบเข้าไปหาเพื่อแจ้งให้รู้ว่าเขามาดี“ท่านป้า ข้ามาดีขอรับข้ามิได้มีเจตนาอันใดพอดีเจ้านายของข้าให้ข้านำอาหารมาให้ท่านกับจิ้นหยางขอรับ”“เจ้าเป็นคนของใต้เท้ามู่อย่างนั้นหรืออาหารของเจ้าคงใส่ยามาสินะ”“ข้ารู้ว่ายากที่ท่านป้
บทที่ 15 ข้อตกลง"ท่านเจ้าเมืองจะลงโทษข้าอย่างไรก็ได้แต่ข้าขอเพียงสิ่งเดียวอย่าบอกเรื่องนี้ต่อมารดาของข้าได้หรือไม่ขอรับ เพียงเท่านี้นางก็มีเรื่องให้ทุกข์ใจมากพอแล้ว "เมื่อมาถึงแคร่อวิ้นหลี่ว์นั่งลงจ้องมองสายตาไปจนทั่วก่อนจะหันมามองคนที่ยืมกุมมือแน่นใบหน้าก้มต่ำกำลังอ้อนวอนเขาอยู่"ให้ลงโทษเจ้าหรือ ข้าย่อมทำเช่นนั้นอยู่แล้วแต่เมื่อคิดว่าคืนนั้นเข้าเองก็ปรนนิบัติข้าเป็นอย่างดีและข้าเองก็พึงพอใจ เรื่องที่เจ้าแอบเข้าไปในเรือนถือว่าหายกัน "อวิ้นหลี่ว์โหยหาคนตรงหน้าจนแทบเก็บอาการไม่อยู่คว้าแขนของเขาให้มานั่งใกล้ ๆ ตนก่อนจะถลกเสื้อขึ้นดูรอยบาดแผลใต้ลมผ้า"ท่านเจ้าเมืองทำอะไรขอรับ ไม่ได้นะที่นี่คนอื่นอยู่มากมายแถมยังอยู่ด้านนอกอีกด้วย " จิ้นหยางสะดุ้งตกใจเมื่อจู่ ๆ เขาถลกเสื้อของจิ้นหยางขึ้นอย่างนี้"เฮ้อ! เจ้าคิดว่าข้ามีแต่ความคิดเช่นนั้นหรือ ข้าแค่ดูบาดแผลของเจ้าเท่านั้นคงจะเจ็บมากสินะ ข้าน่าจะเข้ามาใช้ดาบตัดมือคนที่ทำร้ายเจ้าเสียตั้งแต่แรก ทำไมข้าถึงไม่ทำเช่นนั้นนะ! มาทำให้แขนของเจ้าหลังของเจ้าได้รับรอยพกช้ำเต็มไปหมด ""ท่านเจ้าเมืองรู้ได้อย่างไรว่าข้าได้รับบาดเจ็บอีกอย่างอาหารกับยาสมุนไ
บทที่ 16 โชคดีของเราจริง ๆหลังจากที่อวิ้นหลี่ว์กลับไปมารดาของจิ้นหยางรีบเข้ามาพูดคุยกับเขาด้วยความดีใจ"ท่านเจ้าเมืองผู้นี้ช่างเป็นคนดีนัก ช่วยเหลือเราสองแม่ลูกจากใต้เท้าหน้าเลือด จิ้นหยางต่อจากนี้เจ้าจงตอบแทนผู้มีพระคุณเป็นอย่างดีนะ ไม่รู้อีกกี่ชาติถึงจะพบคนเช่นท่านเจ้าเมืองหลี่ว์ นับว่าเป็นความโชคดีของเราแท้ ๆ " จิ้นหยางได้ยินคำพูดของมารดาถึงกับแค้นหัวเราะออกมาในลำคอฮึ ฮึ 'โชคดีของท่านแต่ข้านี่สิต้องคนที่ถูกกระทำ แต่เอาเถอะอย่างไรก็ดีกว่าเป็นหนี้ใต้เท้ามู่ก็แล้วกัน '"ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ ข้าจะสำนึกบุญคุณตอบแทนท่านเจ้าเมืองเป็นอย่างดี โชคดีที่ข้าต่อรองได้และท่านเจ้าเมืองเห็นใจให้ข้าอยู่ดูแลท่านกับแตงกวาในยามเช้า ต่อจากนี้ยามกลางคืนท่านต้องอยู่เพียงลำพังต้องดูแลตนเองให้ดีนะขอรับ ""เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงข้าหรอก เพียงเท่านี้ข้าก็ตายตาหลับแล้ว " สิ้นคำพูดของเหนียงฟางก็เดินเข้าไปในเรือนปล่อยให้จิ้นหยางนั่งอยู่เพียงลำพัง ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นไปรดน้ำแตงกวาที่ตอนนี้กำลังโผล่พ้นดินมาแล้ว ทำให้เขาเริ่มใจชื้นขึ้นมาบ้างและครุ่นคิดค่าตัวเท่าไหร่ในแต่ละคืนถึงจะคุ่มค่าที่ยอมเสียตัว'ค่าแรงสมั
บทที่ 16 โชคดีของเราจริง ๆหลังจากที่อวิ้นหลี่ว์กลับไปมารดาของจิ้นหยางรีบเข้ามาพูดคุยกับเขาด้วยความดีใจ"ท่านเจ้าเมืองผู้นี้ช่างเป็นคนดีนัก ช่วยเหลือเราสองแม่ลูกจากใต้เท้าหน้าเลือด จิ้นหยางต่อจากนี้เจ้าจงตอบแทนผู้มีพระคุณเป็นอย่างดีนะ ไม่รู้อีกกี่ชาติถึงจะพบคนเช่นท่านเจ้าเมืองหลี่ว์ นับว่าเป็นความโชคดีของเราแท้ ๆ " จิ้นหยางได้ยินคำพูดของมารดาถึงกับแค้นหัวเราะออกมาในลำคอฮึ ฮึ 'โชคดีของท่านแต่ข้านี่สิต้องคนที่ถูกกระทำ แต่เอาเถอะอย่างไรก็ดีกว่าเป็นหนี้ใต้เท้ามู่ก็แล้วกัน '"ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ ข้าจะสำนึกบุญคุณตอบแทนท่านเจ้าเมืองเป็นอย่างดี โชคดีที่ข้าต่อรองได้และท่านเจ้าเมืองเห็นใจให้ข้าอยู่ดูแลท่านกับแตงกวาในยามเช้า ต่อจากนี้ยามกลางคืนท่านต้องอยู่เพียงลำพังต้องดูแลตนเองให้ดีนะขอรับ ""เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงข้าหรอก เพียงเท่านี้ข้าก็ตายตาหลับแล้ว " สิ้นคำพูดของเหนียงฟางก็เดินเข้าไปในเรือนปล่อยให้จิ้นหยางนั่งอยู่เพียงลำพัง ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นไปรดน้ำแตงกวาที่ตอนนี้กำลังโผล่พ้นดินมาแล้ว ทำให้เขาเริ่มใจชื้นขึ้นมาบ้างและครุ่นคิดค่าตัวเท่าไหร่ในแต่ละคืนถึงจะคุ่มค่าที่ยอมเสียตัว'ค่าแรงสมั
บทที่ 15 ข้อตกลง"ท่านเจ้าเมืองจะลงโทษข้าอย่างไรก็ได้แต่ข้าขอเพียงสิ่งเดียวอย่าบอกเรื่องนี้ต่อมารดาของข้าได้หรือไม่ขอรับ เพียงเท่านี้นางก็มีเรื่องให้ทุกข์ใจมากพอแล้ว "เมื่อมาถึงแคร่อวิ้นหลี่ว์นั่งลงจ้องมองสายตาไปจนทั่วก่อนจะหันมามองคนที่ยืมกุมมือแน่นใบหน้าก้มต่ำกำลังอ้อนวอนเขาอยู่"ให้ลงโทษเจ้าหรือ ข้าย่อมทำเช่นนั้นอยู่แล้วแต่เมื่อคิดว่าคืนนั้นเข้าเองก็ปรนนิบัติข้าเป็นอย่างดีและข้าเองก็พึงพอใจ เรื่องที่เจ้าแอบเข้าไปในเรือนถือว่าหายกัน "อวิ้นหลี่ว์โหยหาคนตรงหน้าจนแทบเก็บอาการไม่อยู่คว้าแขนของเขาให้มานั่งใกล้ ๆ ตนก่อนจะถลกเสื้อขึ้นดูรอยบาดแผลใต้ลมผ้า"ท่านเจ้าเมืองทำอะไรขอรับ ไม่ได้นะที่นี่คนอื่นอยู่มากมายแถมยังอยู่ด้านนอกอีกด้วย " จิ้นหยางสะดุ้งตกใจเมื่อจู่ ๆ เขาถลกเสื้อของจิ้นหยางขึ้นอย่างนี้"เฮ้อ! เจ้าคิดว่าข้ามีแต่ความคิดเช่นนั้นหรือ ข้าแค่ดูบาดแผลของเจ้าเท่านั้นคงจะเจ็บมากสินะ ข้าน่าจะเข้ามาใช้ดาบตัดมือคนที่ทำร้ายเจ้าเสียตั้งแต่แรก ทำไมข้าถึงไม่ทำเช่นนั้นนะ! มาทำให้แขนของเจ้าหลังของเจ้าได้รับรอยพกช้ำเต็มไปหมด ""ท่านเจ้าเมืองรู้ได้อย่างไรว่าข้าได้รับบาดเจ็บอีกอย่างอาหารกับยาสมุนไ
บทที่ 14 เจ้าเป็นคนของข้าหลวนเหยาไปที่โรงครัวแจ้งต่อท่านพ่อครัวให้ทำอาหารบำรุงร่างกายและอาหารเผื่อสำหรับสามคนและขนมหวานห่อไปให้จิ้นหยางไม่ลืมที่จะแจ้งขอยาสมุนไพรอีกด้วย เมื่อได้ของหลวนเหยาก็ควบม้าประจำกายของตนเองไปที่หลังหมู่บ้านทันทียามนี้ท้องฟ้าเริ่มมืดสลัวดวงอาทิตย์ลับลาขอบฟ้า เหนียงฟางมารดาของจิ้นหยางต้มข้าวต้มเสร็จตักมาให้เขาที่เตียงแต่กลับพบว่ายามนี้บุตรชายได้นอนหลับไปแล้ว จึงไม่อยากปลุกหากเขาลุกมาเมื่อไหร่ค่อยหาให้เขากินนางจึงออกมานั่งอยู่ด้านนอกเรือน จ้องมองดูดวงอาทิตย์ตกด้วยหัวใจที่ทุกข์ระทม สายตาว่างเปล่าไปหมดหูพลันได้ยินเสียงฝีเท้าม้ากำลังดิ่งตรงมาทางตนหัวใจของนางเริ่มสั่นไหว กลัวว่าจะเป็นคนของใต้เท้ามู่กลับมาทำร้ายจิ้นหยางอีก นางรีบมองหาไม้มาคว้าไว้เพื่อปกป้องจิ้นหยางเมื่อม้าถูกทำให้หยุดเดินหลวนเหยากระโดดลงมาจากม้ากวาดตามองดูเห็นหญิงชราท่าทางหวาดกลัวเขารีบเข้าไปหาเพื่อแจ้งให้รู้ว่าเขามาดี“ท่านป้า ข้ามาดีขอรับข้ามิได้มีเจตนาอันใดพอดีเจ้านายของข้าให้ข้านำอาหารมาให้ท่านกับจิ้นหยางขอรับ”“เจ้าเป็นคนของใต้เท้ามู่อย่างนั้นหรืออาหารของเจ้าคงใส่ยามาสินะ”“ข้ารู้ว่ายากที่ท่านป้
บทที่ 13 เจ้าหนี้คนใหม่ฝั่งด้านหลวนเหยาได้เดินสำรวจตามที่เจ้าเมืองสั่งการที่นี่การป้องกันความปลอดภัยช่างหละหลวมนักคงเป็นเพราะวางใจไม่คิดจะมีผู้มาทำอะไรได้ จึงไม่ได้เกรงกลัวอันตรายทำให้หลวนเหยาสามารถเดินไปมาอย่างไม่ถูกสายตาจับจ้องหรือสงสัย เมื่อเขาเดินผ่านห้องของนอนของใต้เท้ามู่ได้ยินเสียงสะอึกสะอื้นร้องไห้ เขาจึงแอบแงะหน้าต่างเพื่อมองดูเห็นว่ายามนี้มีสตรีสองนางที่ท่านใต้เท้ามู่พากลับมาจากด้านนอกถูกมัดมือมัดเท้าเอาไว้ไม่ให้หนี สตรีพวกนี้คงไม่พ้นเป็นเครื่องมือปรนเปรอใต้เท้าใจโฉดผู้นี้ หลังจากที่เดินสำรวจจนหมดจึงรีบกลับไปรอเจ้าเมืองอยู่ที่หน้าห้องโถงตามเดิม“นี่ขอรับสัญญาที่จิ้นหยางเป็นหนี้ข้า ในเมื่อท่านใช้หนี้แทนต่อจากนี้เขาคือลูกหนี้ของท่านขอรับ "“ใช่ต่อจากนี้จิ้นหยางคือคนของข้า ยามนี้ท้องฟ้าเริ่มจะคล้อยต่ำแล้วข้าต้องขอตัวกลับเรือนก่อนข้าพึ่งมาไม่กี่วันยังไม่คุ้นชินเส้นทางเดี๋ยวจะหลง ไว้วันหน้าค่อยพบกันใหม่”“เดินทางปลอดภัยนะขอรับ หากชามาถึงข้าจะให้ลี่อินนำไปส่งที่เรือนนะขอรับ เมื่อถึงยามนั้นข้าฝากให้ท่านเจ้าเมืองช่วยเอ็นดูนางด้วย” อวิ้นหลี่ว์ไม่ตอบอันใดลุกขึ้นหยิบ
บทที่ 12 ใช้หนี้แทนมารดาของจิ้นหยางอวิ้นหลี่ว์รออยู่หน้าเรือนไม่นานบ่าวรับใช้มาตามให้ไปพบใต้เท้ามู่ตามที่ต้องการ"ท่านเจ้าเมืองหลี่ว์ ใต้เท้าเรียนเชิญท่านที่ห้องโถงขอรับตามมาด้านนี้ขอรับ " บ่าวรับใช้ผายมือให้อวิ้นหลี่ว์เดินตามตนไปที่ห้องโถง เขาเดินตามไปก่อนจะหันไปสบตากับหลวนเหยาให้ไปเดินตรวจตราดูในเรือนของใต้เท้ามู่เมื่อเดินใกล้ถึงห้องโถงใต้เท้ามู่รีบเดินออกมาต้อนรับด้วยใบหน้าชื่นบาน"ต้องขออภัยท่านเจ้าเมืองที่ให้คอยอยู่หน้าเรือนไม่ได้ออกไปต้อนรับด้วยตนเองขอรับ เชิญด้านนี้ขอรับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ท่านเมืองหลี่ว์มาเยือนถึงที่เรือนเข้าไปดื่มน้ำชาสักจอดแล้วค่อยพูดคุยนะขอรับ โฮ๊ะ ๆ "“มิต้องมากพิธีอะไรหรอก ข้าผ่านมาแถวนี้ผ่านเรือนของท่านจึงเข้ามาแวะเยือนเท่านั้น เรือนของท่านช่างใหญ่โตน่าอยู่จริง ๆ ข้าชักชอบที่นี่มากกว่าเรือนที่ข้าอยู่เสียอีก”“ฮ่า ฮ่า เรือนของข้าไม่ได้ใหญ่เกินกว่าเรือนของท่านเจ้าเมืองเลย” ใต้เท้ามู่เอ่ยพลางพากันเดินเข้าไปที่ห้องโถง อวิ้นหลี่ว์กวาดตามองภายในห้องถูกตกแต่งด้วยของมีค่ามากมาย เงินทองและสิ่งของพวกนี้น่าจะมาจากหยาดเหงื่อของชาวบ้านแน่ ๆ ในเมื่อเขามาเป็นท่านเ
บทที่ 11 บังอาจมาแตะเนื้อต้องตัวคนของข้าฝั่งด้านอวิ้นหลี่ว์หลังจากที่รู้ว่าจิ้นหยางมิใช่บ่าวรับใช้ในเรือนเขารีบเดินทางมาตามที่บ่าวรับใช้บอกพร้อมกับหลวนเหยาที่ตามคอยคุ้มกัน ทั้งสองควบม้าจนมาถึงท้ายหมู่บ้าน เห็นชาวบ้านเดินไปมาจึงได้เอ่ยถามทางไปที่เรือนของจิ้นหยาง เมื่อรู้ก็ได้พากันควบม้าไปทันทีแต่เมื่อมาถึงหน้ากระท่อมหลังหนึ่งที่อยู่บนเขาดูเหมือนจะไม่ใช่เรือนเสียด้วยซ้ำอวิ้นหลี่ว์ไม่คิดเลยว่าจิ้นหยางจะลำบากถึงเพียงนี้แต่ทว่ายามนั้นไม่ได้มีเพียงแค่ชาวบ้านเขามาถึงเห็นเกี้ยวจอดอยู่จึงไม่ได้เข้าไปแอบอยู่หลังต้นไม้เพื่อดูเห็นว่ายามนี้ชายที่เขากำลังตามหากำลังถูกทุบตี ใจของอวิ้นหลี่ว์ร้อนรุ่มไปหมดอยากเข้าไปจัดการบั่นคอของชายที่ลงมือทำร้ายจิ้นหยางแต่ก็ถูกหลวนเหยาห้ามเอาไว้ก่อน“ท่านเจ้าเมืองอย่าได้วู่วามเลยขอรับ อีกอย่างดูเหมือนว่าผู้ที่ถูกทุบตีนั่นคงเป็นจิ้นหยางที่ท่านตามหา แต่ทว่าผู้ที่สั่งการและยืนอยู่ด้านหน้านั้นคือท่านใต้เท้ามู่ขอรับ” ดวงตาของอวิ้นหลี่ว์จ้องเขม็งกัดฟันกรอดจนคนที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ได้ยิน“ใต้เท้ามู่หรือ? ได้ข้าจะไม่วู่วามตามที่เจ้าบอก เจ้าบอกข้าว่าใต้เท้ามู่มีอำนาจทำให้ชาวบ้า
บทที่ 10 ท่านใต้มู่หน้าเหี้ยมใจโหดตะวันเริ่มบ่ายคล้อยจิ้นหยางกับเจียวซิ่งกลับมาจากตัดไม้ไผ่เพื่อนำมาทำเป็นหลักให้แตงกวาเกี่ยวพันขึ้นยามใหญ่เมื่อมาถึงเรือน หน้าเรือนมีต้นไม้ใหญ่พร้อมกับแคร่ไม้ไผ่หนึ่งตัวไว้เป็นที่พักพิงยามร้อน ๆ ทั้งสองจึงพากันมานอนเอนหลังพักผ่อน“ท่านจะรีบไปตัดมาไผ่มาทำไมหรือขอรับ ผักของท่านยังไม่ขึ้นเลยนะขอรับ เราจะไม่เหนื่อยเปล่าหรือ? ”“ข้ามั่นใจอย่างไรแตงกวาของข้าต้องขึ้น เจ้าอย่ามาพูดให้ข้าละเหี่ยใจเช่นนี้สิ”“จริงสิ! พี่จิ้นหยางตอนที่ท่านขัดหลังให้ท่านเจ้าเมืองท่านคงเห็นเรือนร่างเขาหมดทุกจุดแล้วใช่หรือไม่? เช่นนั้นท่านจงตอบข้ามาว่าข้ากับท่านเจ้าเมืองผู้ใดหล่อเหลากว่ากันขอรับ” เมื่อถูกถามใบหน้าของจิ้นหยางแดงระเรื่อครั้นนึกภาพของท่านเจ้าเมืองที่เขาสัมผัสมาแทบทั้งคืน จนต้องลุกขึ้นจากแคร่เดินหนีเจียวซิ่งเพราะกลัวว่าเขาจะเห็นสีหน้าของตนยามนี้“ไม่รู้ ...ไม่มีผู้ใดหล่อเหลาสักคนไปหาท่านแม่ดีกว่าเย็นนี้มีอะไรกินนะ!”“เดี๋ยวสิท่านพี่มาตอบข้าก่อน ว่าผู้ใดหล่อเหลากว่ากัน” เจียวซิ่งลุกขึ้นเดินตามหลังของจิ้นหยางแต่ทว่าเมื่อมาถึงหน้าเรือนกลับเห็นว่ายามนี้มีเกี้ยวมาหยุดเทียบท
บทที่ 9 ตามจับหนูฝั่งด้านจิ้นหยางเช้าวันนี้เขาตื่นสายกว่าทุกวันเพราะร่างกายที่ผ่านศึกมาถึงสองคราทำให้รู้สึกเจ็บไม่น้อยและเหน็ดเหนื่อยอย่างบอกไม่ถูก แต่แล้วเสียงของเจียวซิ่งได้ดังขึ้นปลุกเขาที่อยู่บนเตียงด้วยความเป็นห่วง“พี่จิ้นหยาง ท่านกลับออกมาได้อย่างไรขอรับถูกจับได้หรือไม่? ข้าเป็นห่วงท่านแทบแย่ เฮ้อ! ข้าคิดว่าท่านต้องถูกทำโทษจึงรีบมาหาท่านแต่เช้าเมื่อเห็นท่านนอนอยู่เช่นนี้ข้าเองก็เบาใจ” จิ้นหยางสะลึมสะลือตื่นขึ้นด้วยน้ำเสียงเจี๊ยวจ้าวของเจียวซิ่ง“นี่เจ้า ...อยากให้ท่านแม่รู้หรือไงว่าไปที่ใดมาถึงได้แหกปากเสียงดังแต่เช้าตรู่เช่นนี้”“ท่านป้าไม่อยู่ในเรือนเสียหน่อยขอรับ อีกอย่างท่านป้าไม่ระแคะระคายที่ท่านกลับมาทีหลังข้าด้วยซ้ำ ท่านรีบบอกข้ามาว่าท่านออกมาจากเรือนท่านเจ้าเมืองได้อย่างไร เขาเรียกท่านไปทำไมกัน” ใบหน้าของเจียวซิ่งคิ้วขมวดเข้าหากันเพ่งมองมายังใบหน้าของจิ้นหยางด้วยความอยากรู้อยากเห็น จิ้นหยางไม่อยากให้เจียวซิ่งรู้ว่าเมื่อคืนนี้เขาพบเจออะไรมาเลยต้องโกหกออกไป เขาลุกขึ้นใช้มือดันหัวของเจียวซิ่งออกห่างก่อนจะต่อว่าเขา“เพราะเจ้าที่ทำให้ข้าลำบาก ต่อจากนี้ข้าจะไม่เชื่อใจเจ้าไปไ
บทที่ 8 กลืนกินกันและกันอวิ้นหลี่ว์ปล่อยมือออกจากแท่งร้อนของจิ้นหยางเงยหน้าขึ้นยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจที่เห็นจิ้นหยางเหนื่อยหอบอยู่ตรงหน้า แต่เขาไม่ให้จิ้นหยางได้พัก จับแขนของจิ้นหยางให้หันมาหาตน“ในเมื่อข้าทำเจ้าเสร็จแล้วถึงตาข้าจะมีความสุขบ้างแล้ว ดูสิมังกรของข้าตั้งผงาดรอเจ้าปรนนิบัติอยู่” จิ้นหยางหมั่นไส้คนตรงหน้าเหลือเกินทำไมเขาถึงได้เอ่ยมาอย่างไม่อายอย่างนี้ จิ้นหยางจ้องมองแท่งร้อนของท่านเจ้าเมืองก่อนจะใช้มือทั้งสองสาวขึ้นลงสายตาจ้องมองใบหน้าของเขา หากเขาตั้งใจทำให้เสร็จคงจะหนีออกไปได้ รีบมาทำให้จบเสียทีไม่เช่นนั้นท่านแม่จะเป็นห่วงเมื่อคิดได้เช่นนั้นจิ้นหยางก้มลงครอบปากสวมแท่งเนื้อลำยาวจนคนถูกกระทำหน้าบิดเบี้ยวแสดงความเสียวซ่านเมื่อปลายลิ้นของจิ้นหยางกวาดตวัดดูดแรง มือขวาของอวิ้นหลี่ว์จับขอบอ่างเพื่อยับยั้งความเสียว อีกข้างยื่นมาจับหัวของจิ้นหยางเอาไว้จิ้นหยางรูดขึ้นรูดลง ใช้ปลายลิ้นตวัดปลายหัวกลมมนก่อนจะก้มดูดเม้นด้วยความแรงมากกว่าเดิม จนอวิ้นหลี่ว์ครวญครางออกมา“ซี้ด ... อ๊าาาลึก ลึกกว่านี้อีกนิด เจ้าใช้ลิ้นได้เก่งเหลือเกินดูดรัดจนข้าปวดไปหมด” เสียงครางกระเส่าของอวิ้นหลี่ว์ทำ