อารัญลูบฝ่ามือไปบนผิวเนื้อเนียนนุ่ม ก่อนจะค่อย ๆ เลื่อนลงกลางซอกขาขาว ล้วงควักและทำความสะอาดอย่างเบามือพิมพ์ใจกัดริมฝีปากล่างไว้แน่น เธอกลัวว่าเขาจะทำมันอีก แต่พอเขาเอามือออกจากจุดนั้นของเธอ หญิงสาวถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอกอารัญหัวเราะในลำคอ กับท่าทางของคนตื่นกลัวเสียงหัวเราะเบาแผ่วของเขา ทำให้คนตัวเล็กเงยหน้ามอง แวบหนึ่งที่พิมพ์ใจมองเห็นแววอ่อนโยนในตาคม แต่ก็เพียงแค่แวบเดียวเท่านั้น เธอไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่า ประกายตาอ่อนโยนเมื่อครู่ เป็นเพียงภาพลวงตา หรือว่าเป็นเช่นนั้นจริง ๆ“ใกล้จบหรือยัง”อยู่ดี ๆ เขาก็ทำลายความเงียบ ด้วยคำถามที่เธอไม่คิดว่าเขาจะถาม“ใกล้แล้วค่ะ จบเทอมนี้”“ฉันจะให้เงินเดือนเธอ เดือนละสองแสน เอาไว้เสริมสวย ทำตัวเองให้มันน่ามองน่าเอา ทำตัวให้มันมีชีวิตชีวา ฉันไม่อยากได้นางบำเรอซังกะตาย เห็นแล้วมันหมดอารมณ์”“ค่ะ”“อยากได้รถขับไปเรียนมั้ย”“ไม่ค่ะ พิมพ์นั่งรถไฟฟ้าไปเรียนเองได้ค่ะ”“ก็ดี ไม่เปลือง แต่จำเอาไว้นะว่า ไปเรียนแล้วก็กลับ ห้ามไปเถลไถลที่ไหน อย่าทำให้ฉันโกรธ อย่าทำให้ฉันไม่พอใจ เธอเป็นของฉัน ฉันมีสิทธิ์จะทำอะไรกับเธอก็ได้ ฉันสั่งอะไรเธอก็ต้องทำตาม”“ค่ะ”“ยกก
พิมพ์ใจตื่นขึ้นมาอีกครั้งตอนบ่ายโมง เธอปวดเมื่อยตามเนื้อตัว และเจ็บแสบกลางซอกขา รู้สึกถึงความร้าวระบม จนไม่อยากขยับตัว ไม่อยากจะลุกไปไหน แต่ก็ต้องฝืนร่างกายลุกขึ้นนั่งพิมพ์ใจถอนหายใจบางเบา เธอมองไปรอบกาย ไม่เห็นคนใจร้ายอยู่ในห้องนอนแล้ว แต่พอหญิงสาวจะลงจากเตียง ประตูห้องนอนก็เปิดออก“ตื่นแล้วเหรอ พวกเขาเอาของของเธอมาส่งแล้ว ลุกไปล้างหน้าล้างตา แล้วก็มาจัดของให้เรียบร้อย”“ค่ะ”พิมพ์ใจกัดฟันขยับตัวลงจากเตียง หญิงสาวเดินเชื่องช้าไปยังประตู คนตัวโตที่ยืนกอดอกพิงกรอบประตูอยู่เบี่ยงตัวหลีกทางให้เธอเดินผ่านออกไปตาคมมองตามร่างบางที่สวมเพียงเสื้อยืดสีขาวของเขา เธอเดินช้า และดูเหมือนว่า จะไม่ค่อยสบายตัวเท่าไร อารัญอยากรู้ว่าเธอตัวร้อนไหม เขาจึงเดินตามเธอไป มือหนายื่นออกไปเพื่อจะแตะบ่าบอบบาง แต่เมื่อฉุกคิดบางอย่างได้ เขาก็กำมือแน่น แล้วดึงมือกลับมา ปล่อยให้เธอเดินห่างออกไปพิมพ์ใจใช้เวลาค่อนข้างนานในการเก็บของให้เป็นระเบียบ โดยที่เธอต้องทำเองคนเดียวทั้งหมด เพราะเขาไม่อนุญาตให้ใครเข้ามาในห้องนี้ และเธอจะต้องทำหน้าที่แม่บ้าน เก็บกวาดแ
“จะไปไหน”“เอ่อ…พิมพ์จะไปเก็บเสื้อผ้าให้เสร็จเรียบร้อยค่ะ”“อวดดี ไม่สบายก็กินยา แล้วก็นอนพักผ่อน”เขาพูดพร้อมกับยื่นน้ำและยามาตรงหน้าเธอพิมพ์ใจกำลังจะยื่นมือไปรับ แต่ก็ต้องชะงักไว้เพราะเขาพูดขึ้นมาว่า“อ้าปาก”พิมพ์ใจเหลือบตามองเขาแวบหนึ่ง เห็นสายตาดุของเขาแล้วเธอก็รีบอ้าปากตามที่เขาสั่งอารัญป้อนยาป้อนน้ำคนไข้ เขาบังคับให้เธอกินน้ำจนหมดแก้ว“นอนลงไป ห้ามลุกไปไหน อีกสักพักค่อยตื่นมากินข้าว”“ค่ะ”พิมพ์ใจเอนกายลงนอนตามที่เขาบอก หญิงสาวกำลังจะดึงผ้าห่มมาคลุมกาย แต่คนที่เพิ่งป้อนยาเธอไปเมื่อ ก็เป็นคนจัดการดึงผ้าห่มมาห่มให้เธอก่อน“ขอบคุณค่ะ”อารัญหันหลังให้เธอพอดี ในตอนที่เธอเอ่ยคำขอบคุณ ราวกับว่าเขาไม่อยากฟัง ไม่อยากได้ยินพิมพ์ใจมองตามแผ่นหลังกว้าง ไม่ว่าเขาจะทำให้ด้วยความเต็มใจ หรือว่าทำให้เพราะกลัวว่าเธอจะมานอนตายอยู่ในห้องของเขา แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เธอก็รู้สึกดี ราวกับเศษเสี้ยวความหวานในวันวาน พัดผ่านมาต่อเติมกำลังใจให้เธอในวันที่อ่อนล้าทั้งกายใจ7 ยอมรับ ปรับตัว
คนใจดีจะช่วยทำให้เธอนอนหลับ ล้วงมือลงกลางซอกขาขาว คนนอนไม่หลับตกใจหนีบขาเข้าหากันโดยอัตโนมัติ และหนีบมือเขาไว้แน่น“อ้าขา”พิมพ์ใจถอนหายใจบางเบา เพราะรู้ว่าอยู่ในจุดที่ไม่อาจขัดใจเขาได้ เธอจึงค่อย ๆ กางขาออกกว้างและการที่เธอสวมเพียงเสื้อยืดสีขาวของเขาตัวเดียว มันจึงไม่สามารถปกปิดอะไรได้เลย“อ๊ะ !” พิมพ์ใจสะดุ้งเล็กน้อย ในตอนที่นิ้วกลางเรียวยาวกดลงกลางกลีบเนื้ออ่อนนุ่มบอบช้ำหญิงสาววางสองแขนแนบลำตัว ขยุ้มผ้าปูที่นอนเต็มสองมือ หลับตาแน่น“แตกสักน้ำ แล้วเธอจะหลับสบาย”ตอนแรกพิมพ์ใจนึกว่ามันจะเจ็บ เหมือนตอนที่เขาทำกับเธอเมื่อเช้า แต่พอเขาค่อย ๆ ขยับนิ้วนุ่มนวลเบาแผ่ว กดและคลึงปุ่มเนื้อนุ่มที่ไวต่อสัมผัส มันทำให้เธอวูบวาบ น้ำอุ่นลื่นคัดหลั่งออกมาจนชุ่มฉ่ำเต็มซอกขา“จูบฉัน”พิมพ์ใจขยับตัวหันหน้าเข้าหาร่างใหญ่ ทำตามที่เขาสั่ง หญิงสาวหลับตา ในตอนที่ยื่นปากจิ้มลิ้มเข้าไปใกล้ปากอุ่นร้อน และเป็นฝ่ายเริ่มจูบเขาก่อนอย่างกล้า ๆ กลัว ๆอารัญสอดแขนอีกข้างลงใต้ร่างเล็ก โอบกอดเธอไว้แนบอก ขยับริมฝีปากจูบเธออย่างอ้อยอิ่ง และพร่างพรมนิ้วลงกลางแอ่งเนื้ออุ่นอ้าวจังหวะเนิบช้าความวูบวาบปลาบเสียวกลางซอกขา ทำ
วาสินีไม่ใช่เด็กไร้เดียงสา มองแวบเดียวเธอก็รู้ว่า ลูกเลี้ยงของคุณมานะชัยไม่ใช่เด็กฝึกงานธรรมดาแน่นอนแต่เพราะสถานะระหว่างเธอกับอารัญยังไม่ชัดเจน เธอจึงไม่สามารถต่อว่าอะไรเขาได้ และคนอย่างอารัญ ก็ไม่สยบยอมให้ใครง่าย ๆ ยิ่งไล่จับ เขาก็ยิ่งวิ่งหนี วาสินีจึงยอมที่จะให้มีช่องว่างอยู่อย่างนั้น ดีกว่าตัดขาดกันไปเลย อย่างน้อยอยู่แบบนี้เธอก็ยังมีหวังถึงแม้ผู้ใหญ่จะเกริ่นเรื่องหมั้นหมายของเธอกับเขาแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ยอมตกปากรับคำกับผู้ใหญ่ ทั้งที่ธุรกิจของเขา กับธุรกิจของครอบครัวของเธอ จะเอื้อประโยชน์กันและกัน แต่ดูเหมือนว่า อารัญจะไม่สนใจเลยสักนิด“แล้วเจอกันนะคะ”“ครับ”เมื่อวาสินีเดินออกจากห้องไป อารัญจึงปิดล็อกประตูห้อง แล้วเดินไปหาคนที่เอาแต่นั่งก้มหน้าอยู่ที่โซฟา8 เด็กท่านประธานพิมพ์ใจสะดุ้งตกใจเล็กน้อย ในตอนที่ร่างสูงใหญ่นั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกับเธอ และก็ต้องตกใจมากยิ่งขึ้น เมื่อเขารวบกอดเธอยกขึ้นไปนั่งบนตักแกร่ง แต่ถึงจะตกใจเพียงใด พิมพ์ใจก็ยอมให้เขาทำตามแต่ใจ
หลังจากออกมาจากห้องน้ำแล้ว อารัญแต่งตัวเสร็จก่อน เขาออกจากห้องนอนแล้วเดินเข้าห้องครัว คนที่นอนหลับเต็มอิ่มมาทั้งคืน แต่กลับมาถูกเขาสูบเรี่ยวแรงแต่เช้า กว่าจะแต่งตัวเสร็จแล้วเดินออกมาจากห้องนอน เธอก็พบว่ามีอาหารเช้าตั้งรออยู่บนโต๊ะเรียบร้อยแล้วเธอมองอาหารเช้าบนโต๊ะ มองเลยไปยังคนที่กำลังถอดผ้ากันเปื้อนแขวนไว้กับที่แขวนข้างผนัง ในตอนที่เขาหันกลับมา พิมพ์ใจจึงเอ่ยถามเขาว่า“คุณรัญเป็นคนทำกับข้าวพวกนี้เหรอคะ”คนตัวโตตีหน้าเคร่งขรึม เดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ ก่อนจะตอบด้วยเสียงเข้มดุว่า“แล้วเห็นคนอื่นอยู่ในห้องนี้มั้ยล่ะ”พิมพ์ใจนั่งลงที่เก้าอี้ตรงกันข้ามกับเขา เธอยิ้มอ่อนหวาน“งั้นอาหารเมื่อวานนี้ คุณรัญก็เป็นคนทำเองเหรอคะ”“พูดมาก รีบกิน ฉันจะไปส่งที่มหาวิทยาลัย”“งั้นแผลที่นิ้ว ก็เกิดจากการทำอาหารใช่มั้ยคะ”อารัญจับช้อนส้อมในมือค้างไว้ เขาเงยหน้าขึ้นมองคนช่างซักช่างถาม“เธอจะกินข้าว หรือจะให้ฉันกินเธอ”“กะ…กินข้าวค่ะ”พิมพ์ใจไม่ถามอะไรต่อแล้ว หญิงสาวก้มหน้าก้มตากินข้าว กินไปก็ยิ้มไป หัวใจ
อารัญขยับบั้นเอว เสือกไสแก่นกายเข้าสู่โพรงรักคับแน่น เขาโจนจ้วงด้วยจังหวะถี่กระชั้น กระแทกกระทั้นอย่างรุนแรง บางจังหวะเขาเสยงัด บางทีก็กดแนบแน่น แล้วโม่เอวบดขยี้จนกลีบเนื้อนุ่มแทบแหลกเหลว แล้วจึงถอดถอน ก่อนจะโหมห่มเข้าหาถี่ยิบกายสาวสั่นไหว เต้านมกระเพื่อมไปตามแรงที่สาดส่งมาจากข้างหลัง พิมพ์ใจไม่อาจกลั้นเสียงครวญครางได้เลย หญิงสาวหลับตาส่ายหน้า ครวญครางเสียงสั่นพร่า น้ำหวานหลั่งเต็มร่องรัก จนไหลย้อยลงมาตามต้นขาด้านใน“พี่รัญขา…อ๊า !” พิมพ์ใจดำดิ่งอยู่ในห้วงสวาท เสียวซ่านจนหลงลืมตัวตน เธอถูกอารัญมอมเมาด้วยบทรักเร้าใจอารัญหลุบตามองร่องเนื้อนวลที่อ้าอมรับเอาแก่นกายท่อนใหญ่ของเขา กลีบเนื้อสีสดเบ่งบานชุ่มฉ่ำ กำลังถูกเขากระทำการรุกรานอย่างรุนแรง น้ำอุ่นลื่นเปียกแฉะเต็มซอกขา ยามเขาโถมถั่งอัดลำเนื้อเข้าหา ให้ความรู้สึกอุ่นลื่นและกระชับแน่น เธอตอดรัดความเป็นชายของเขาไปทั้งลำ“พิมพ์…ใกล้แล้วใช่มั้ย”อารัญสะบัดมือฟาดบั้นท้ายหนั่นแน่นจนเกิดรอยแดง เขาบีบขยำจนเนื้อปลิ้นขึ้นมาตามง่ามนิ้วมือพิมพ์ใจสูดปากเจ็บ แต่ความเจ็บนั้นกระตุ้นเร้าให้เธอมีอารมณ์ร่วมไปกับเขามากขึ้นหญิงสาวเหลียวหลังมองสบตาอย่างยั
…พิมพ์ใจรีบก้าวเท้าเดินออกไปจากที่ตรงนั้นเถียงไม่ได้เลย เธอไม่รู้จะเอาอะไรไปเถียงพวกเขา ในเมื่อที่เขาพูด มันคือความจริง ความจริงที่เธอต้องยอมรับว่า เธอขายตัวแลกเงิน แม้จะไม่ใช่การขายโดยตรง แต่การที่เอาตัวเข้าแลก เพื่อให้เขาจ่ายเงินซื้อที่ดินของพ่อเลี้ยงในราคาที่สูงขึ้น ก็ไม่แตกต่างจากการขายตัวเลยวันนี้อารัญเลือกใช้รถตู้คันหรู คนขับรถนำรถมาจอดรอเจ้านายที่หน้าตึกแล้ว เมื่อประตูรถด้านข้างเลื่อนเปิดออก อารัญขยับตัวเบี่ยงออกเล็กน้อยพิมพ์ใจยืนนิ่ง เธอรอให้เขาขึ้นรถไปก่อน ทว่าคนที่เดินมาถึงรถก่อนกลับไม่ขึ้นไป เขาหันไปมองคนที่เดินตามมาด้วยสายตาดุ“ขึ้นรถ”พอเขาบอกเธอขึ้นรถ พิมพ์ใจถึงได้รู้ว่าเขาต้องการให้เธอขึ้นไปก่อน หญิงสาวกระวีกระวาดรีบขึ้นไปนั่งเบาะด้านใน พอคนตัวโตขึ้นมานั่งเบาะข้างกัน ประตูรถจึงปิดลงระหว่างทางกลับคอนโด พิมพ์ใจเลือกที่จะนั่งเงียบ ไม่พูดไม่จาอะไร คำว่าเด็กท่านประธานยังวนเวียนอยู่ในหัวของเธอ แม้ไม่อยากยอมรับ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้เธอเคยได้ยินแต่เรื่องเล่าว่า มีนักศึกษาสาวใช้ร่างกายหาเงิน เพื่อนำมาจ่ายค่าเทอม และเป็นค่าใช้จ่ายระหว่างเรียน ไม่คิดว่าวันหนึ่ง เธอจะมาอยู่ในจ
อารัญไม่สนใจข่าวพวกนั้นหรอก เพราะคนอื่นไม่ได้มาใช้ชีวิตร่วมกับเขากับพิมพ์ใจ แค่ครอบครัวของเราเข้าใจและยอมรับกัน รักและเข้าใจกัน เขาก็ไม่เห็นต้องแคร์คนอื่นเลยเขาแคร์เฉพาะคนที่ยืนข้างกายเขาในตอนนี้ต่างหาก เขาอยากให้เธอมีความสุขในทุกวัน ไม่อยากให้ใครหรืออะไรมาทำให้เธอทุกข์ร้อนใจสักนิด ดังนั้น เมื่อเห็นว่ามีสายตาหลายคู่จับจ้องมาที่เขากับภรรยา อารัญก็กอดเอวบางรั้งเธอมาแนบชิดอย่างปกป้องหวงแหน“ซื้อไว้สักยูนิตดีมั้ยครับ เอาไว้แอบหนีเจ้าพอร์ชไปจู๋จี๋กันสองต่อสอง” อารัญกระซิบถามยิ้ม ๆพิมพ์ใจหันขวับไปมองสบตาสามี เธอขึงตาใส่คนหื่น“พี่รัญ หน้าไม่อาย”“อายทำไมล่ะครับ พี่ชอบ” อารัญบอกพลางทำทีเหลือบตามองไปรอบ ๆ ก่อนจะกระซิบบอกเมียว่า“วิวห้องมุมดีมากเลยนะครับ จัดที่ระเบียงน่าจะฟินมาก โอ๊ย !”คนคิดหื่นกลางวันแสก ๆ โดนเมียหยิกจนต้องร้องโอดโอยเบา ๆ กระนั้นคนถูกเมียหยิกก็ยังยิ้มกรุ้มกริ่มได้การโอบกอดเมียไว้แนบกายตลอดเวลา การส่งสายตาหวานเชื่อมมองกัน และการพูดคุยหัวร่อต่อกระซิกของสามีภรรยา ทำให้คนที่มองพวกเขาตั้งแต่เดินเข้ามาในงานหมั่นไส้วาสินีก็มางานนี้เช่นกัน พอเห็นภาพสวีตของสองคนนั้นแล้วก็อดไม่ได้
เมื่อห้วงเวลาแสนเสียวเบาบาง พิมพ์ใจก็นอนหอบหายใจแรงจนทรวงอกสะท้านขึ้นลงอารัญดูดเนื้อนวลเต็มปาก เขาดื่มด่ำกับความหวานละมุนอย่างพอใจ ก่อนจะไล้เลียไปทั่วทุกซอกหลืบความสาว แล้วจึงค่อย ๆ เลื่อนใบหน้าขึ้นมา เขาพรมจูบเนินเนื้ออวบอูมนวลเนียนไร้พุ่มไหม ก่อนจะค่อย ๆ เลื่อนใบหน้าขึ้นมา เพื่อจูบสลับกับไล้เลียผิวเนียนจากหน้าท้องแบนราบ ขึ้นมาถึงชายโครง ก่อนจะเข้าครอบครองทรวงอกอวบอิ่มด้วยปากร้อนผ้าว ดูดดึง ไล้เลีย จนเมียครางหวิวในลำคอ และเริ่มมีอารมณ์อยากขึ้นมาอีกครั้ง“พิมพ์จ๋า...ขึ้นให้พี่นะครับ”อารัญกระซิบอ้อนเสียงแตกพร่าพิมพ์ใจลืมตาขึ้นสบตาคมเข้ม หญิงสาวผลักอกกว้างเบา ๆ สามีของเธอก็เอนกายลงนอนหงายอย่างเต็มใจอารัญนอนมองเมียป่ายขาคร่อมตัวเขา แล้วหยัดกาย นั่งคุกเข่าคร่อมอยู่ตรงกลางหว่างขา เธอล้วงมือลงจับหัวมนทู่เอามันไปถูไถกลางกลีบเนื้ออ่อนนุ่ม“ซี้ด ! พิมพ์จ๋า...”อารัญครางเสียว แล้วกัดฟันแน่น เขายื่นมือไปจับเอวบางไว้หลวม ๆ มองใบหน้าเมียอย่างแสนรัก แสนเสน่หา อารัญกลั้นหายใจ ในตอนที่เมียจับหัวอวบใหญ่กดลงตรงปากทางแอ่งอุ่นนุ่มลื่น และพอเธอโน้มตัวมาข้างหน้าเล็กน้อย กดสองมือลงบนอกกว้าง แล้วขย่มลงมา
“พี่รัญ...พอแล้ว” พิมพ์ใจทั้งดิ้น ทั้งขำ เธอทุบบ่ากว้างไปหนึ่งที คนขี้แกล้งจึงหยุดอารัญทาบทับตัวเองลงบนเรือนกายเนียนนุ่ม เขาสอดแขนลงใต้แผ่นหลังบาง กกกอดเธอไว้เต็มอ้อมอก และซุกหน้าอยู่ซอกคอหอมกรุ่น“เฮ้อ ! รู้สึกดีจังเลย พี่อยากกอดพิมพ์ไว้แบบนี้ตลอดไป”พิมพ์ใจยิ้มอ่อนหวาน เธอยกแขนขึ้นกอดเขาไว้เต็มวงแขน ตัวเขาใหญ่โตกว่าเธอมาก พอถูกเขาทาบทับและกอดไว้แน่น ๆ แบบนี้ เธอรู้สึกหนักอยู่เหมือนกัน แต่ความรู้สึกอบอุ่นไปทั้งตัวทั้งใจมันมากกว่า“งั้นก็กอดอย่างนี้ไปจนถึงเช้าเลยดีมั้ยคะ”ทำไมจะไม่รู้ว่า สามีอยากทำมากกว่ากอด เพราะตอนนี้ ความเป็นชายของเขาแข็งคึกแนบอยู่กับต้นขาของเธอคนอยากทำมากกว่ากอดรีบพลิกตัวลงนอนหงาย โดยกอดรัดเมียให้มานอนเกยก่ายอยู่บนตัวเขาแทน“อยากทำมากกว่ากอด แต่วันนี้เหนื่อยจังเลยครับ พิมพ์จ๋า พิมพ์ที่รัก ทำให้พี่หน่อยนะครับ”พิมพ์ใจยิ้มอย่างรู้ทัน หญิงสาวลุกขึ้นนั่งคร่อมหน้าท้องแกร่ง เธอไขว้มือลงจับชายกระโปรงชุดนอนแล้วดึงออกทางศีรษะเธอไม่ได้ใส่ชุดชั้นใน ดังนั้น สิ่งที่อารัญเห็นตอนนี้คือ เรือนร่างขาวนวลล้อแสงไฟ กับเต้านมอวบใหญ่ของคุณแม่ลูกหนึ่งแม้น้องพอร์ชจะเลิกกินนมแม่ไปแล้ว
พอได้ไอติมถ้วยเล็กมาแล้ว อารัญก็พาลูกชายไปนั่งรอที่ม้านั่งตัวยาวซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับร้านขนม เขานั่งหันหลังให้ร้าน ใช้ตัวบังลูกชายที่นั่งอยู่บนตัก ป้อนไอติมให้ลูกกินอย่างระมัดระวัง เพราะกลัวว่าจะเลอะ แล้วแม่พิมพ์จะจับได้คุณพ่อรัญยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่เห็นลูกกินอย่างมีความสุข พอลูกชายกินไอติมจนหมดถ้วย เขาจึงเอ่ยถามว่า“อร่อยมั้ยครับ”“อะหย่อยฮับ” น้องพอร์ชเงยหน้าขึ้นมาตอบและยิ้มหวานให้คุณพ่อ“เปื้อนขนาดนี้ เช็ดปากให้ลูกหน่อยมั้ยคะ”เสียงดุ ๆ มาพร้อมกับทิชชูเปียกยื่นมาตรงหน้าคุณพ่อคนตามใจลูกถึงกับใจหายวาบ เขาเงยหน้ามองคุณแม่หน้าหวานแต่ตาดุ แล้วยิ้มแหยให้เธอ“พิมพ์บอกแล้วว่า ช่วงนี้ น้องพอร์ชต้องงดไอติมและเครื่องดื่มเย็น”“กะ...ก็ลูกอยากกิน” ไม่รู้จะเถียงยังไง และก็ไม่รู้จะเอาเหตุผลใดไปเถียงพิมพ์ใจถอนหายใจแรง หญิงสาวเช็ดปากเช็ดแก้มเลอะไอติมของลูกชาย“กลับบ้านกันได้แล้วค่ะ วันนี้ต้องมีคนโดนทำโทษแน่นอน”พิมพ์ใจพูดพร้อมกับส่งสายตาดุให้สามี ก่อนจะหันไปมองลูกชาย แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปากอะไร เจ้าเด็กหัวหมอก็พูดเสียงอ่อนเสียงหวาน“จุนแม่ฮับ จุนแม่คนฉวย จุนแม่ใจดี๊ดีของพอร์ช”พิมพ์ใจถึงกับส่ายหน้ากับ
พิมพ์ใจเดินเข้าไปหยุดอยู่ข้างเก้าอี้ที่สองพ่อลูกนั่งอยู่ เธอยื่นสองมือไปหาลูกชาย เพื่อจะอุ้มไปนั่งรอคุณพ่อที่โซฟา“ไม่อาว...พอร์ชจะอยู่กับจุนพ่อ” เจ้าหนูหันหน้าเข้าหาคุณพ่อ แขนเล็กป้อมกอดลำคอแกร่งไว้แน่น ซุกหน้ากับบ่ากว้าง ไม่ยอมไปหาคุณแม่อารัญกอดลูกชายไว้ด้วยวงแขนข้างหนึ่ง มืออีกข้างลูบศีรษะอย่างรักใคร่เอ็นดูสุดหัวใจ“พี่รัญคะ ส่งลูกมาให้พิมพ์เถอะค่ะ พี่รัญจะได้ทำงาน”“ไม่เป็นไรครับ อีกนิดเดียวก็เสร็จแล้ว พี่อุ้มลูกไว้เอง พิมพ์ไปนั่งรอที่โซฟาเถอะ”พิมพ์ใจถอนหายใจบางเบา พลางคิดในใจว่า ดื้อทั้งพ่อทั้งลูกเลย แต่เธอก็ยอมเดินไปนั่งรอที่โซฟาแต่โดยดี“คุณแม่ไปแล้วครับ”คุณพ่อกระซิบกระซาบบอก น้องพอร์ชจึงค่อย ๆ เหลียวหลังไปมอง พอเห็นว่าคุณแม่ไปนั่งอยู่ตั้งไกลแล้ว เด็กชายก็ยิ้มพอใจ เขาขยับตัวนั่งลงบนตักของคุณพ่อ พิงหลังกับอกอบอุ่นที่เขาชื่นชอบอารัญสอดแขนลงใต้รักแร้คนตัวเล็ก โอบกอดลูกไว้ด้วยแขนข้างหนึ่ง มืออีกข้างก็ตรวจงาน เซ็นเอกสารไปเรื่อย ๆน้องพอร์ชนั่งนิ่ง ไม่ดื้อ ไม่ซน นั่งรอคุณพ่อทำงานอย่างเรียบร้อยครู่เดียวอารัญก็ทำงานเสร็จ เขาจึงอุ้มลูก ลุกขึ้นจากเก้าอี้ และพาเดินไปหาคุณมาที่นั่งอ่า
พอพูดถึงบ้านตัวเอง ใบหน้าของพิมพ์ใจก็หม่นเศร้าลง หญิงสาวมองไปนอกหน้าต่างรถ ถนนเส้นนี้เป็นเส้นที่เธอคุ้นเคย และรถก็กำลังเคลื่อนเข้าใกล้บ้านที่เคยเป็นของครอบครัวเธอ เธออยากเห็นอีกสักครั้ง อยากเห็นบ้านที่เธอเคยพักพิง ที่ที่เคยมีคุณพ่อคุณแม่อยู่ด้วยกัน...อยากเห็นก่อนที่มันจะถูกขายไปเป็นของคนอื่นอารัญกระชับมือนุ่มที่กุมอยู่ เขามองใบหน้าด้านข้างของพิมพ์ใจ เธอกำลังมองออกไปนอกหน้าต่างรถ เขารู้ว่าเธอรอดูตอนที่รถขับผ่านบ้านของเธอ แต่เขาจะไม่ให้รถขับผ่านไปเฉย ๆ เขาจะให้คนขับรถจอด เพื่อเธอจะได้ลงไปดูบ้านหลังเดิมของเธอได้ชัด ๆพิมพ์ใจย่นหัวคิ้วเข้าหากันด้วยความแปลกใจ เมื่อรถตู้จอดที่หน้าประตูรั้วบ้านที่ถูกปิด และมีโซ่กับแม่กุญแจอันใหญ่คล้องไว้ หญิงสาวหันไปมองหน้าคนที่นั่งอยู่ข้างเธออารัญยิ้มอ่อนหวาน ก่อนจะบอกเธอว่า“ลงไปดูใกล้ ๆ มั้ยครับ”“ลงไปดูได้เหรอคะ”เพราะที่ประตูรั้วบ้านมีแผ่นป้ายปิดประกาศเอาไว้ว่า เป็นทรัพย์ของธนาคารแห่งหนึ่ง พิมพ์ใจจึงไม่แน่ใจว่า เธอจะเข้าไปดูใกล้ ๆ ได้จริงเหรอ“ได้สิครับ มาเถอะ พี่พาไปเอง”เมื่อคนขับรถเปิดประตูด้านข้างรถ อารัญลงจากรถก่อน แล้วหันมาประคองคุณแม่ท้องคนสวย
พิมพ์ใจตื่นนานแล้ว แต่เธอยังคงนอนอยู่ท่าเดิม นอนอยู่ในอ้อมกอดอบอุ่นของคนตัวโตหญิงสาวนอนมองหน้าเขาอยู่ครู่ใหญ่ คนที่เหน็ดเหนื่อยจากการทำงานจึงลืมตาขึ้น พอเห็นว่าคนที่เขากกกอดไว้ตื่นก่อนแล้ว เขาก็ยิ้มหวาน แล้วหลับตาลงอีกครั้ง พร้อมกับกระชับวงแขนโอบกอดคุณแม่ตัวเล็กไว้เต็มอ้อมอก“ฮื้อ ! พี่รัญขา ตื่นได้แล้วค่ะ วันนี้มีประชุมนะคะ”คนที่ต้องประชุมถอนหายใจเฮือกใหญ่ และบ่นทั้งที่ยังหลับตาอยู่ว่า“พี่ว่า พี่เปลี่ยนอาชีพไปเป็นชาวสวนดีไหม เราสองคนจะได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลา ตอนเช้ากินข้าวด้วยกัน ตอนสายก็เข้าสวน พี่ดูแลสวนดูแลต้นไม้ ส่วนพิมพ์ก็นั่งใกล้ ๆ คอยเป็นกำลังใจให้พี่ พอกลางวันก็กินข้าวปิ่นโตฝีมือเมีย ตกเย็นก็เดินจูงมือกันกลับบ้าน อาบน้ำ แล้วก็เข้านอนพร้อมกัน แต่เป็นประธานบริษัทเนี่ย ไม่ได้เข้านอนพร้อมเมียเลย พี่กลับถึงบ้านทีไร พิมพ์ก็หลับก่อนทุกที”พิมพ์ใจลูบแก้มท่านประธานบริษัท เธอยิ้มหวานให้กำลังใจเขา“เป็นประธานบริษัทก็กินข้าวปิ่นโตฝีมือเมียได้นะคะ วันนี้พิมพ์จะทำกับข้าว และเอาปิ่นโตมื้อกลางวันไปให้ที่บริษัทนะคะ พอเรากินข้าวเที่ยงด้วยกันเสร็จ จากนั้นพิมพ์ก็จะนั่งให้กำลังใจพี่รัญอยู่ในห้อ
พอเมียทำให้เขาเสียว เขาก็ระบายความเสียวด้วยการบีบขยำบั้นท้ายอวบอัดสองลอนเต็มสองมือ และเมื่ออารมณ์ร้อนแรงพุ่งสูง เขาก็สอดนิ้วกลางผ่านขอบเป้ากางเกงชั้นในตัวบาง ซอกซอนสำรวจแอ่งเนื้ออุ่นลื่นชุ่มฉ่ำพิมพ์ใจเงยหน้าขึ้น ครางแว่วหวาน เธอกดหัวเข่าข้างหนึ่งลงกลางหว่างแกร่ง เท้าบางอีกข้างยืนอยู่บนพื้น เธอแอ่นก้น ยกกระดก และส่ายร่อนรับนิ้วที่ขยับเสียดสีกลางกลีบเนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำ“พี่รัญ…พิมพ์จะเอา”เขาทำให้เธอเสียว กระตุ้นจนเธอร้อนฉ่าไปทั้งตัว ร่องสาวตอดกระตุก เรียกร้องหาความแข็งแกร่งมาเติมเต็มอารัญปลดเข็มขัด แกะกระดุม รูดซิป และปลดปล่อยตัวตนแข็งขึงออกมา“เอาเลย เอาพี่แรง ๆ นะครับ พี่รออยู่”สองสายตาสบประสาน ต่างคนต่างกระหายและโหยหากันและกันพิมพ์ใจขยับหันหลังให้เขา เธอรูดกางเกงชั้นนั้นในลงจนพ้นปลายเท้า แล้วจึงล้วงมือลงกลางหว่างขาแกร่ง จับแก่นกายอวบยาวรูดเบา ๆ แล้วจับตรงส่วนหัวมนทู่จี้จมตรงปากทางร่องสาวอารัญประคองเอวของภรรยาไว้ และจับจ้องมองภาพเร้าใจไม่วางตา หัวมนอวบใหญ่กำลังสอดใส่เข้าไปในร่องอุ่นอ้าว แค่ส่วนหัวจมจ่อมเข้าไป เขาก็เสียวจนต้องกัดฟัน พอพิมพ์ใจขย่มบั้นท้ายลงมา ร่องเนื้ออุ่นอ้าวดูดกลืน
“อย่าทำตาแบบนี้สิครับ พี่กลัว”“อย่างพี่รัญน่ะเหรอคะจะกลัวพิมพ์”“กลัวสิครับ พี่กลัวพิมพ์ไม่รัก กลัวพิมพ์หนีไปไกล ๆ อีก ถ้าเป็นแบบนั้น พี่ต้องใจขาดตายแน่นอน”พิมพ์ใจมองสบตาคู่คม เธอประคองใบหน้าหล่อเหลาไว้ในสองมือ“เราสัญญากันแล้วนี่คะว่า จะไม่พูดถึงเรื่องในอดีตอีก เราจะมีความสุขกับปัจจุบัน รักและหวังดีให้กันในทุก ๆ วัน พี่รัญลืมสัญญาของเราไปแล้วเหรอคะ”เพราะบางเรื่องราวในอดีตไม่น่าจดจำเท่าไรนัก แต่ก็ไม่อาจลบเลือนไปจากความทรงจำได้ หลังจากปรับความเข้าใจกันแล้ว เขาและเธอจึงสัญญากันว่า จะไม่พูดถึงเรื่องในอดีตอีก ไม่ว่าจะไม่พอใจกันมากแค่ไหน ไม่ว่าจะผิดใจกันมากเท่าไร ก็จะไม่รื้อฟื้นมันขึ้นมาอีก ปล่อยให้มันเป็นอดีตไป ให้มันอยู่แค่ในความทรงจำก็พอ“พี่ขอโทษครับ ต่อไปนี้พี่จะไม่พูดถึงอีกแล้ว”อารัญยิ้มเต็มใบหน้า ไม่ว่าเธอต้องการอะไร ไม่ว่าเธออยากให้เขาทำแบบไหน เขาก็ยอมทำให้ทั้งนั้น ยอมให้เธอคนเดียว เพราะอยากให้เธอยิ้มสดใสในทุก ๆ วัน“พิมพ์รักพี่รัญนะคะ”พิมพ์ใจยิ้มอ่อนหวาน นัยน์ตาเป็นประกายสดใส“พี่รักพิมพ์มากกว่า”“พิมพ์รักพี่รัญมากกว่าต่างหาก”อารัญหัวเราะในลำคอ“ไม่เชื่อหรอก”“จริง ๆ นะคะ”“