“จำได้หรือยัง”
เสียงของฟรินช่วยปลุกให้ดาวเหนือตื่นจากภวังค์ ขณะที่กำลังนั่งตบตีกับความคิดของตัวเองอย่างหนัก
“เหนือจำไม่ได้ แล้วก็ไม่เชื่อด้วยว่าฟรินจะทำแบบนั้น” หลังจากคืนนั้นถึงแม้จะสงสัยตัวเองอยู่บ้างแต่ก็ไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นจริง เพราะฟรินคือเพื่อนที่เธอรักและไว้ใจมากที่สุด
แต่…เรื่องราวมันบานปลายจนทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนที่มีมายาวนานเกือบหกปี
“แต่ทำไปแล้ว” ฟรินจ้องมองใบหน้าแสนหวานที่กำลังแสดงความเสียใจออกมาอย่างชัดเจน
“บนรถคันนี้แล้วไปต่ออีกรอบที่บ้านเธอ”
“ทำไมฟรินถึงกล้าทำกับเหนือแบบนั้น”
“แค่เอาเธอต้องใช้ความกล้าด้วยเหรอ ฉันว่าใช้แค่แรงกระแทกอย่างเดียวก็น่าจะพอ”
“ถ้าทำแบบนั้นจริง เท่ากับว่าฟรินฉวยโอกาสตอนเหนือเมา เหนือไม่ได้เต็มใจ”
“เรื่องนั้นฉันไม่สน เพราะถ้าชอบก็จะเอา”
“…..” ดาวเหนือยกมือขึ้นลูบหน้าเพื่อตั้งสติ ฟรินพูดออกมาเหมือนไม่ได้รู้สึกผิดอะไรเลยด้วยซ้ำ
“โดนเอาขนาดนั้น ยอมรับความจริงได้แล้วเหนือ อย่าทำเป็นไม่รู้”
“…..”
“เธอเป็นเมียฉัน”
“เหนือจำไม่ได้จริงๆ”
“ถ้าจำเรื่องคืนนั้นไม่ได้ก็ไม่เป็นไร” นิ้วเรียวเกลี่ยเส้นผมออกจากใบหน้าแสนหวาน แววตาของเธอมันเต็มไปด้วยความลังเลสับสนไม่มั่นใจ
“เดี๋ยวคืนนี้ซ้ำให้อีกรอบ จะได้ไม่ลืม”
“…..”
ดาวเหนือมองไปรอบๆ บริเวณด้วยท่าทางหวาดหวั่น เมื่อรถยนต์คันหรูเคลื่อนตัวเข้ามาจอดในโกดังขนาดใหญ่ ฟรินไม่ได้ไปส่งเธอเหมือนที่คิดไว้
“ไหนบอกจะพากลับบ้านไง แล้วมาที่นี่ทำไม”
“หมายถึงบ้านฉันไม่ใช่บ้านเธอ”
ถึงแม้จะคบกันมาหลายปีแต่ฟรินกับแฟรงก์ยังไม่เคยพาเธอมาที่บ้านเลยสักครั้ง
“แต่เหนือจะกลับบ้าน!”
“ถ้าจะกลับก็กลับเอง ส่วนฉันไม่ไปส่ง มันเสียเวลา” ชายหนุ่มบอกผ่านน้ำเสียงรำคาญ ปรายหางตามองไปยังดาวเหนือที่กำลังหันซ้ายมองขวาอยู่ไม่นิ่งเหมือนคิดหาทางหนี
“เดี๋ยวเหนือกลับเองก็ได้”
“ถ้ากล้าก็ไปสิ อวดเก่งดีนักก็เดินกลับไปเอง”
คนตัวเล็กหยุดชะงักไปชั่วครู่ ไม่คาดคิดว่าเขาจะพูดคำนี้ออกมา ข้างทางทั้งมืดแล้วก็เปลี่ยวจนน่ากลัว แต่ฟรินกลับไล่ให้ไปโดยไม่เป็นห่วงเธอเลยสักนิด
“หรือที่นั่งนิ่งเพราะอยากเรียกร้องความสนใจจากฉัน”
เมื่อได้ยินคำพูดแทงใจเล่านั้น ดาวเหนือจึงเปิดประตูลงจากรถโดยไม่ลังเล รีบเดินหนีออกมา
“อ๊ะ!” แต่เดินไปได้ไม่เท่าไหร่ก็ถูกฉุดกระชากให้กลับมาที่เดิม
“ไม่ให้ไป!”
“ปล่อยนะฟริน” ร่างบางเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มด้วยความน้อยใจ ฟรินเป็นคนออกปากไล่ แต่ตอนนี้กลับวิ่งตามเธอมา
“ตามมาทำไม ไม่ต้องมายุ่งกับเหนือหรอก”
อยากรู้ว่าคนเย็นชาอย่างเขากำลังคิดอะไรอยู่ หรือแค่คิดอยากจะปั่นหัวเธอเล่นๆ เหมือนที่ชอบทำมาโดยตลอด
“นอนด้วยกันที่นี่ เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปส่ง”
“เหนือจะกลับบ้าน”
“ทำไมชอบทำให้หงุดหงิดอยู่เรื่อย”
“ปล่อยเหนือ” ดาวเหนือพยายามสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมแต่กลับถูกเขาบีบแน่นกว่าเดิมจนใบหน้าแสนหวานเบ้เบี้ยวด้วยความเจ็บ
“เจ็บนะฟริน ปล่อย!”
“ถ้าถึงห้องแล้วจะปล่อย”
แกร๊ก! บานประตูถูกเปิดออก พร้อมกับหญิงสาวที่ถูกฉุดลากเข้ามาภายในห้องนอน
“ฟะ…แฟรงก์”
ดาวเหนือร้องเรียกขอความช่วยเหลือเมื่อเห็นแฟรงก์ยืนสูบบุหรี่ที่ริมระเบียง แต่แฟรงก์กลับไม่ได้รู้สึกแปลกใจที่ได้เจอเธอตอนนี้ เพราะรู้ว่าคนอย่างฟรินคงไม่ยอมปล่อยดาวเหนือไปง่ายๆ
“เอาจนได้นะมึง ไปเจอเหนือที่ไหน” แฟรงก์ถอนหายใจลากยาวให้กับความบ้าดีเดือดของน้องชาย นอกจากเรื่องของดาวเหนือก็ไม่เห็นว่ามันจะสนใจเรื่องไหนมากขนาดนี้
“ที่คลับของพ่อไอ้ไค”
“แล้วไม่พาเหนือไปส่งบ้านอ่ะ”
“พรุ่งนี้กูต้องตื่นไปสอบแต่เช้า ขี้เกียจขับรถไปกลับ”
“ไม่มีปัญหาตามมาแน่นะ ไหนบอกพ่อหวงนักหนา” แฟรงก์ยืนกอดอกมองไปทางคนตัวเล็กที่นั่งก้มหน้า ดูก็รู้ได้ทันทีว่าดาวเหนือไม่ได้เต็มใจจะมาที่นี่แต่โดนบังคับ
“กูมีปัญญารับผิดชอบเหนือแล้วกัน”
“แฟรงก์ช่วยไปส่งเหนือหน่อยได้มั้ย”
แฟรงก์มองร่างบางอย่างนึกเห็นใจแต่ช่วยอะไรไม่ได้ ถ้าเสนอตัวเข้าไปยุ่งกับดาวเหนือคงได้มีปัญหากับไอ้ฟรินวุ่นวายมากกว่านี้
“ไอ้แฟรงก์มันไม่ยุ่งเรื่องของฉัน ไม่ต้องไปขอร้องมันให้เสียเวลา”
“…..” ดาวเหนือขยับถอยห่าง เมื่อฟรินเดินเข้าใกล้ด้วยท่าทางคุกคามจนรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย
“เหนือเข้าใจแล้ว ถ้าฟรินอยากให้อยู่ก็จะอยู่ แต่ห้ามทำอะไรเหนือนะ ตกลงมั้ย”
เป็นเพราะไม่อยากให้มีปากเสียงหรือเรื่องราวบานปลายไปมากกว่านี้ จึงจำใจยอมรับอย่างไม่มีทางเลือก
“กลับไปนอนห้องมึงได้แล้ว”
“ไอ้น้องทรยศ เดี๋ยวนี้มึงเห็นผู้หญิงดีกว่าพี่แท้ๆ อย่างกูเหรอ”
“เออ!” ฟรินตอบอย่างนึกรำคาญ ห้องของมันก็มีแต่ชอบมาวุ่นวายขอนอนห้องเดียวกับเขาเกือบทุกคืน
“ไม่ไปเว้ย!”
“อย่ากวนตีนไอ้แฟรงก์”
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ไป”
“แล้วแต่”
“ถ้ามึงกล้าเอากันต่อหน้ากูก็เอาสิ กูจะยืนดูอยู่ตรงนี้แหละ จะอยู่เป็นก้างขวางคอมึง” แฟรงก์ยืนกอดอกอย่างท้าทาย คนดีๆ ที่ไหนจะกล้าทำแบบนั้น
พรึ่บ! ฟรินถอดแว่นสายตาออกจากใบหน้าพร้อมเสื้อยืดที่สวมใส่โยนให้พี่ชายที่ยืนอยู่ทางด้านหลัง
ร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่าโชว์รอยสัก เหลือเพียงกางเกงยีนเอวต่ำสีดำขาดรุ่ยปกปิดท่อนล่างกำยำ
เขาเดินเข้าไปแทรกตัวอยู่กลางหว่างขาของหญิงสาวที่นั่งอยู่บนขอบเตียง ทุกการกระทำล้วนมีสายตาของแฝดพี่คอยยืนมองอยู่ห่างๆ
“เงยหน้าขึ้นมาจะจูบ”
ดาวเหนือทำตามคำสั่ง เงยหน้าขึ้นมองด้วยอาการประหม่า เม้มริมฝีปากแน่นเมื่อปลายจมูกโด่มคมคลอเคลียไปตามพวกแก้มจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นเจือกลิ่นบุหรี่จางๆ
“อืม…” เสียงหวานร้องครางแผ่วเบา เมื่อชายหนุ่มประกบจูบแนบชิด สอดเรียวลิ้นเข้ามาช่วงชิมความหวานในโพรงปาก
เล็บสวยจิกลงบนต้นขาของตัวเองไว้แน่น หลับตานั่งนิ่งยอมให้เขาจูบเนิ่นนาน ก่อนจะถูกผลักราบให้ลงไปนอนแผ่หลาอยู่บนเตียง
ดวงใจดวงน้อยเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกจากอก ไล่สายตามองคนตรงหน้าที่กำลังแกะกระดุมรูดซิปกางเกงออกอย่างไม่อายสายตาของแฟรงก์ที่นั่งกอดอกมองอยู่ด้านหลัง
“ถุงยางที่ฝากไว้อยู่ไหน เอามาสิ”
“…..” แฟรงก์เริ่มหันซ้ายมองขวาอย่างเลิ่กลั่ก อยากจะลุกวิ่งออกไป แต่อีกใจก็อยากรู้ว่ามันจะกล้าทำต่อหน้าเขาหรือเปล่า
อาจจะเป็นเพราะอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เกิดเลยไม่ได้แปลกใจอะไรถ้าสองพี่น้องจะเห็นเรือนร่างที่เปลือยเปล่าของกันและกันมานับไม่ถ้วน
“เงียบคืออะไร หรือไม่อยากให้ใส่”
“ยะ…อยู่ในกระเป๋า”
“หยิบออกมา”
“…..” ดาวเหนือเลื่อนมือที่สั่นเทาควานหากล่องถุงยางอนามัยที่อยู่ในกระเป๋า หยิบมันออกมาแล้วยื่นให้ชายหนุ่ม
เพียงแค่เหลือบไปตรงส่วนแข็งขืนก็รู้สึกจุกแน่นหายใจไม่ออก
“จะทำจริงเหรอ” ดาวเหนือหันมองไปทางแฟรงก์ที่นั่งอยู่ ฟรินกำลังจะทำเรื่องแบบนั้นทั้งๆ ที่มีคนอื่นอยู่ในห้องนี้ ไม่ได้มีกันแค่สองคน
“กำลังจะเอากับฉันแล้วมองคนอื่นทำไม”
เขาไม่ได้สนใจว่าเธอจะคิดยังไง ถ้าอยากได้ก็จะเอา ฝ่ามือหนาเลื่อนไปจับใบหน้าแสนหวานให้หันกลับมามองเขาเพียงคนเดียว
เขารู้จักนิสัยไอ้แฟรงก์ดีกว่าใคร ถ้ามันทนดูไม่ไหวเดี๋ยวก็ออกไปเอง
“อย่าทำได้ไหม เหนือกลัว”
“ทำใจสิ เพราะหลังจากนี้ฉันจะเอาเธอทุกวัน” ชุดเดรสสีชมพูอ่อนถูกถกให้ขึ้นมากองอยู่บนต้นขาขาวเนียน จนเผยให้เห็นกางเกงชั้นในที่เธอสวมใส่
“ฟริน…”
“ไม่ได้ถอด ไอ้แฟรงก์มันไม่เห็นของเธอหรอก”
“…..” ดวงตาคู่สวยเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา เขาโน้มริมฝีปากลงมาจุมพิตที่หน้าผากเบาๆ แล้วเช็ดน้ำตาออกให้
“คนที่จะได้เห็นของเธอมีแค่ฉันคนเดียว ส่วนคนอื่น…ให้มันรอชาติหน้าก็แล้วกัน!”
นิ้วเรียวเกี่ยวกระหวัดกางเกงชั้นในของหญิงสาวออกข้างเพื่อเปิดทาง จับแก่นกายจ่อเข้าที่ร่องแคบแสนหวาน
“ฟริน…”
“ฉันใส่ถุงแล้ว อย่ามางอแงไม่เข้าเรื่อง อ้าขาออก”
“…..” ดาวเหนือนอนนิ่งหุบขาเรียวเข้าหาเอวสอบไว้แน่น ใช้มือดันอกแกร่งให้ถอยห่าง เธอไม่ได้มีอารมณ์ร่วมเลยสักนิด
“ถ้าพูดไม่รู้เรื่องจะได้เอาสดแล้วปล่อยใน ต้องการแบบนั้นใช่มั้ย” คนตัวเล็กส่ายหน้าปฏิเสธค่อยๆ แยกขาออกจากกันเพื่อให้ฟรินได้สอดใส่ตัวตนเข้ามา
“อย่าเกร็ง จะได้ไม่เจ็บ”
“ฮึก!ฟริน…เหนือเจ็บ!”
“ก็บอกแล้วว่าอย่าเกร็ง”
“ไอ้น้องเวร! มะ…มึงจะเอาแบบนี้จริงดิ” แฟรงก์รีบดีดตัวลุกขึ้นจากโซฟาเมื่อทนอยู่ต่อไปไม่ไหว มือไม้สั่นเทาริมฝีปากแห้งผาก ไม่กล้าแม้แต่จะเหลือบสายตามองภาพตรงหน้า
“ถ้าไม่อยากเห็นก็ออกไป หรือถ้าอยากดูก็อยู่เฉยๆ อย่าเสียงดัง”
ปัก! ร่างกายช่วงล่างของดาวเหนือสั่นเกร็งอย่างหนักเมื่อชายหนุ่มดันท่อนเอ็นเข้ามาจนสุดความยาวๆ ก่อนจะขยับช้าๆ เพื่อให้เธอปรับตัว
“เจ็บหรือเปล่า ทนไหวไหม”
“อื้อออ ฟะ…ฟรินพอแล้ว เหนือไม่ไหว”
“มึงมันโรคจิตอะ…ไอ้ฟริน! กูจะฟ้องแม่”
เสียงของแฟรงก์ดังแทรกขึ้นมา ทำเอาฟรินถึงกลับถอนหายใจด้วยความรำคาญ
“งั้นก็รีบไปฟ้องเลย”
แฟรงก์รีบเดินกระทืบเท้าออกจากห้องพร้อมปิดประตูเสียงดังใส่น้องชายด้วยความโมโห
“ไอ้แฟรงก์มันออกไปแล้ว จะขึ้นมาทำเองมั้ย”
“ฟรินทำเจ็บ”
“งั้นขึ้นมาทำเอง”
ร่างเล็กถูกจับพลิกตัวให้ขึ้นมาคร่อมอยู่ด้านบนตามความต้องการของชายหนุ่ม
“ขยับเลยสิ ฉันอยากแตกใส่เธอจะแย่อยู่แล้ว”
ดาวเหนือวางมือลงบนอกแกร่งเพื่อทรงตัว ก้มลงมองใบหน้าคมคายของคนที่เคยขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อนสนิทแต่มาตอนนี้ความสัมพันธ์มันดันลึกซึ้งเกินกว่านั้น
“มองทำไม” ฟรินเลิกคิ้วถาม กระชากคอเสื้อของคนตัวเล็กให้โน้มลงมาหา
“จะให้เหนือเป็นอะไร แล้วจะให้อยู่ในฐานะไหนของฟริน”
“เป็นเพื่อนเหมือนเดิมดีมั้ย เพื่อนกันมันดี”
“ก็แล้วแต่ฟรินจะให้เป็น”
“งั้นก็มาเป็นเมีย”
“อื้อ…อย่าเพิ่งกวนนะฝุ่นพี่ขอนอนก่อน” เสียงหวานเผลอละเมอร้องครางอย่างลืมตัว ขณะที่สัมผัสได้ถึงสิ่งรบกวนในยามนอนหลับ ‘ใต้ฝุ่น’ คือชื่อน้องชายแท้ๆ ของดาวเหนือ “ฝุ่นอะไร ฉันฟริน” กลิ่นน้ำหอมประจำตัวชายหนุ่มช่วยเรียกสติให้คนตัวเล็กปรือตามอง ก่อนจะเห็นใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมาใกล้จนเกือบจะจูบกันอยู่ร่อมร่อ ร่างสูงยืนเปลือยท่อนบน ทรงผมสีดำขลับถูกเสยขึ้นลวกๆ เหมือนคนเพิ่งอาบน้ำเสร็จ บนเรือนร่างสวมใส่เพียงกางเกงยืนสแล็คสีดำสุภาพ “วันนี้ฉันมีสอบตอนเช้า จะพาเธอไปด้วย” “…..” ดาวเหนือก้มมองสภาพร่างกายตัวเองที่สวมใส่เพียงเสื้อยืดตัวโคร่ง ส่วนชุดชั้นในไม่รู้ว่าตอนนี้หายไปอยู่ที่ไหน “ลุกไปอาบน้ำ ถ้าสอบเสร็จแล้วค่อยกลับมานอนต่อ” “…..” เธอยกมือขึ้นทุบหัวตัวเองเบาๆ เพื่อไล่อาการมึนงง แค่ขยับตัวเพียงนิดก็รู้สึกระบมไปทั่วร่างกาย พรึ่บ! ร่างเล็กถูกอุ้มกระเตงขึ้นมาไว้แนบอก แขนเรียวโอบลำคอชายหนุ่มไว้แน่นตามสัญชาตญาณ ฟรินเดินเข้ามาในห้องน้ำ ก่อนจะวางคนตัวเล็กลงหน้ากระจกอย่างเบามือ โดยยืนซ้อนอยู่ทางด้านห
-มหาวิทยาลัย- “นั่งรอตรงนี้ ถ้าสอบเสร็จจะรีบมาหา” “อืม” ดาวเหนือหย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ม้าหินอ่อนหลังตึกคณะ วันนี้เธอไม่มีเรียนแต่กลับถูกฟรินลากให้ตามมาเฝ้าถึงหน้าห้องสอบ เธอสวมใส่เสื้อยืดธรรมดาและกางเกงยีนขาสั้น ผมยาวสลวยถูกถักเปียอย่างเรียบร้อย เลยทำให้ดูแปลกแยกจากนักศึกษาทั่วไป “ห้ามหนีไปไหน รอให้สอบเสร็จแล้วจะไปส่ง” “เหนือรู้แล้ว รีบไปเข้าห้องสอบเถอะ” “ขอกำลังใจหน่อย” ฝ่ามือหนาเลื่อนไปจับท้ายทอยบอบบางให้เงยหน้าขึ้นมาสบตาแล้วจูบเธอเบาๆ โดยไม่แคร์สายตานักศึกษาคนอื่นที่มองมา “พอแล้วฟริน คนมองเยอะแล้ว” “ช่างหัวมัน!” “…..” “ห้องน้ำหลังตึกคณะยังว่าง ลองไปเปลี่ยนบรรยากาศดูหน่อยมั้ย” “รีบไปได้แล้ว อย่ามัวแต่เล่น” “ไม่ได้เล่น ฉันพูดจริง” “ถ้าฟรินไม่รีบไป เหนือจะกลับบ้านจริงๆ แล้วนะ” “โอเค ฉันยอมแล้ว! เอาให้สอบเสร็จจะกลับมาคิดบัญชีย้อนหลัง” “ตั้งใจสอบด้วย” “ถ้าฉันสอบได้จะให้อะไร” “ฟรินเก่งอยู่แล้ว เหนือไม่มีอะไรจะให้หรอก”
“ถ้าฟรินจะทำแบบนั้นก็ได้ แต่เหนือจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับฟรินอีก” ดาวเหนือหันไปสบตากับชายหนุ่ม ดวงตากลมโตสั่นไหวพยายามฝืนกลั้นไม่ให้ร้องไห้ออกมา “ขู่เหรอ?” ร่างสูงรั้งเอวบางให้เข้าหา จับใบหน้าแสนหวานก่อนจะออกแรงบีบด้วยความรู้สึกที่อยากจะคาดเดา “เหนือไม่ได้ขู่แต่พูดจริง” “ถ้าคิดว่าการเขี่ยฉันทิ้งมันง่ายขนาดนั้นก็ลองดูสิ” ดาวเหนือผลักคนตัวโตให้ถอยห่าง ขณะที่ฟรินกำลังจะโน้มริมฝีปากลงมาจูบเธอ โดยไม่แคร์สายตาขององศาหรือนักศึกษาคนอื่นที่กำลังมองมาอย่างให้ความสนใจ “โกรธมากหรือไง ทำไมไม่ยอมให้จูบ” “แล้วสิ่งที่ฟรินทำกับเหนือมันสมควรโกรธมั้ย” น้ำเสียงที่พูดฟังดูตัดพ้อ ฟรินเหมือนต้องการแค่เอาชนะ เขาไม่ได้รู้สึกดีกับเธอจริงๆ “…..” “ตกลงเหนือกับไอ้ฟรินเป็นอะไรกัน” เสียงขององศาพูดแทรกขึ้น ช่วยเรียกความสนใจของชายหนุ่มให้หันไปมอง ฟรินเดินเข้าไปหาโน้มใบหน้าลงไปกระซิบบอกด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน “เหนือเป็นเมียกู” “กูอยากได้ยินจากปากเหนือ ไม่ใช่คนอื่น” “มึงนั่นแหละคนอื่น” “จร
ชายหนุ่มยืนกอดอกจ้องมองดาวเหนือที่กำลังนอนหลับเปลือยกายคว่ำหน้าอยู่บนเตียง เรือนร่างอรชรมีเพียงผ้าห่มผืนหนาปกปิดเอาไว้ “อื้อ…ฟรินพอก่อน เหนือไม่ไหวแล้ว” ร่างเล็กที่นอนคว่ำหน้าสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก เมื่อสัมผัสได้ถึงท่อนเอ็นขนาดใหญ่ที่กำลังสอดใส่เข้ามาในช่องทางคับแน่นจากทางด้านหลังเป็นรอบที่สามของคืนนี้ น้ำสีขาวขุ่นที่ถูกปล่อยเข้าไปก่อนหน้านั้น ค่อยๆ ไหลย้อนทะลักออกจากร่องรักสีหวานยามที่แก่นกายลำใหญ่ขยับเข้าออกด้วยจังหวะเนิบนาบ ใบหน้าคมคายยกยิ้มด้วยความพอใจ เห็นร่องรักของเธอกลืนกินความเป็นชายของเขาจนหมด “ไหวหรือไม่ไหว เดี๋ยวฉันตัดสินใจให้เอง” ปัก! เสียงเนื้อกระทบบั้นท้ายขาวเนียนดังตามแรงกระแทกที่ชายหนุ่มส่งให้ โดยไม่มีทีท่าว่าฟรินจะยอมจบมันง่ายๆ คนตัวเล็กกัดปากแน่นกลั้นเสียงร้องครางยามที่ฝ่ามือหนาสอดเข้าล้วงเข้ามาบีบเคล้นเนินอกขาวเนียน ปลายนิ้วเรียวลูบวนไปยังยอดอกย้ำๆ “บะ…เบากับเหนือหน่อยได้มั้ยฟริน” ดาวเหนือหันกลับไปมองใบหน้าคมคายด้วยสายตาเว้าวอน แต่ฟรินกลับมองว่ามันยั่วยวนจนอดใจไม่ไหว สะบัดเอวส
-สองเดือนผ่านไป- “กี่โมงแล้ว” ดาวเหนือเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสะลึมสะลือ ลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงีย มองเห็นฟรินกำลังนั่งจ้องหน้าจอโน๊ตบุ๊คด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “บ่ายสามสิบห้า” “ทำไมไม่ปลุกเหนือ” “กรนดังซะขนาดนั้น ใครจะไปกล้าปลุก” เขาอมยิ้มเล็กน้อย ก้มมองร่างบางที่กำลังนอนหนุนตักไม่ยอมลุกไปไหน ปลายนิ้วเรียวลูบไล้ไปตามพวงแก้มของหญิงสาวด้วยความอ่อนโยน เขาและเธอให้สถานะคบกันแบบเปิดเผยในฐานะคนรักมาเป็นระยะเวลาสองเดือน “อย่ามาพูดมั่วนะ เหนือไม่เคยนอนกรน” “น้ำลายเปียกกางเกงฉันขนาดนี้ ยังจะมาเถียงอีก” “…..” คนตัวเล็กทำหน้างอ รีบดีดตัวลุกขึ้นนั่ง เผลอจ้องมองไปยังกางเกงสแล็คสีดำของฟรินที่มีรอยเปียกเป็นวงกว้าง “จ้องนานขนาดนั้น ระวังมันตื่นแล้วจะเจ็บตัว” ชายหนุ่มขยับเข้าใกล้จูบเธอเบาๆ ก่อนจะใช้ฟันคมขบกัดริมฝีปากล่างอย่างแรงด้วยความมันเขี้ยว “อื้ออ…เจ็บ” ดาวเหนือสะดุ้งด้วยความเจ็บ สัมผัสได้ถึงกลิ่นคาวเลือดที่ลอยคละคลุ้งอยู่ในโพรงปาก “เหนือไม่ได้มองตรงนั้นของฟรินสักหน่อย” “
-หนึ่งเดือนที่แล้ว- “ได้ข่าวว่าไอรินดาวอักษรตามจีบมึงเหรอไอ้แว่น” “…..” ฟรินไม่ได้ตอบคำถาม ริมฝีปากคาบมวนบุหรี่ นั่งหลับตาเอนหลังพิงโซฟาพร้อมครุ่นคิดอะไรบางอย่าง “เอ้า! ไอ้เวร กูถามไม่ได้ยินหรือไง” เจย์เดนตะโกนถามด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิมแข่งกับเสียงเพลงรอบข้าง “ไม่รู้ดิ ไม่ได้สนใจ” “ไอรินออกตัวแรงจะตายว่าชอบมึง คนเขารู้ทั้งมหาลัย ว่าแต่มึงไม่รู้เรื่องอะไรบ้างหรือไง” คัมภีร์มองไปทางเพื่อนชายที่นั่งทำท่าทางไม่รู้ร้อนรู้หนาว ไอ้ฟรินมันเสน่ห์แรงเกินใคร สาวสวยในมหาลัยต่างแวะเวียนมาขายขนมจีบกันทั้งนั้น “รู้แล้วไง” “สวย หมวย เอ็กซ์ขนาดนั้น มึงไม่สนใจจริงดิ” “แบบนั้นมันไม่ชอบหรอก ไอ้แว่นมันชอบแบบหัวอ่อน หลอกง่ายดูติ๋มๆ เหมือนยัยดาวเหนืออ่ะ” ไคโรพูดแทรกขึ้น ก่อนจะเลิกคิ้วยิ้มยั่วประสาทมองหน้าฟริน “หุบปากไอ้สัดไค!” “พูดแทงใจดำอ่ะดิ แตะนิดแตะหน่อยไม่ได้เลยนะคนนี้อ่ะ” “…..” “สรุปเอาไงอ่ะ ถ้าไม่จริงจังกับดาวเหนือกูจะได้เอาต่อได้นะไม่ติดอยู่แล้ว” “ก็เอาดิ” ฟรินดับมวนบุหรี
ติ๊ง~ ดาวเหนือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดอ่าน หลังจากได้ยินเสียงข้อความแจ้งเตือน ใบหน้าแสนหวานเผยรอยยิ้มบาง เมื่อเห็นว่าคนที่ส่งข้อความมาหาคือ ‘ฟริน’ แฟนหนุ่มที่คบหาดูใจกันมาเป็นระยะเวลาเกือบครึ่งปีแล้ว ฟริน : มาหาหน่อย รอที่เดิม ดาวเหนือ : ตอนเย็นค่อยเจอกันได้มั้ย ฟริน : อยากเจอตอนนี้ ดาวเหนือ : คิดถึงเหนือใช่มั้ย ฟริน : อืม ดาวเหนือ : ถ้าไม่ตอบไม่ไป ฟริน : คิดถึง ดาวเหนือ : คิดถึงแค่ไหน ฟริน : รีบมาอย่าลีลา ดาวเหนือ : บอกเหนือมาก่อนสิ ฟริน : คิดถึงมาก ดาวเหนือกดอ่านข้อความด้วยหัวใจพองโต รีบเก็บข้าวของใส่กระเป๋าสะพายเตรียมตัวไปหาตามที่นัดหมาย “เดี๋ยวฉันมานะ” “จะไปไหน” มินดารีบคว้าแขนของเพื่อนสนิทที่จู๋ๆ ก็ลุกพรวดพราดออกไปไม่บอกไม่กล่าว “ไปหาฟรินที่ห้องสมุด” “แกติดมันหรือมันติดแก” มินดาถอนหายใจกลอกตามอง ไม่มีเลยสักวันที่สองคนนี้จะห่างกันได้ ถ้าเหนือไม่ไปหา ฟรินจะส่งข้อความหรือไม่ก็โทรมาตามทุกวัน “ไม่เห็นห
ครืด…สมาร์ตโฟนแผดเสียงร้องดังนานนับชั่วโมงเมื่อมีสายเรียกเข้า ดาวเหนือเหลือบสายตามองเพียงนิด ก่อนจะเห็นรายชื่อของฟรินปรากฏอยู่บนหน้าจอ เขาพยายามส่งข้อความและติดต่อโทรหาเธอหลายสาย แต่สิ่งที่ทำคือปล่อยมันไว้แบบนั้น! ‘27สายไม่ได้รับ’ ‘12ข้อความยังไม่ได้อ่าน’ ร่างบางกดฟังคลิปเสียงย้ำๆ เพื่อเตือนใจตัวเองว่าที่ผ่านมามันเป็นแค่เรื่องหลอกลวงจากผู้ชายที่เธอรักจนหมดหัวใจ คนตัวเล็กนั่งทอดสายตาเหม่อมองไปบนท้องฟ้าที่มืดสนิท มีเพียงแสงดาวที่สาดส่องระยิบระยับพอให้เห็นแค่ลางๆ เธอนั่งอยู่ตรงนี้ไม่ยอมลุกไปไหนตั้งแต่บ่ายจนถึงดึก “ดึกแล้วนะหนู ยังไม่กลับบ้านอีกเหรอ?” “…..” ดาวเหนือดึงสติกลับคืนมายกแขนเสื้อขึ้นปาดน้ำตาออกจากใบหน้าแบบลวกๆ หญิงวัยกลางคนเดินเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง เธอเป็นเจ้าหน้าที่ดูแลสวนสาธารณะแห่งนี้ สังเกตเห็นดาวเหนือมานั่งใจลอยคนเดียวตั้งแต่บ่ายจนถึงมืดค่ำ “เป็นผู้หญิงมานั่งที่มืดๆ คนเดียวมันอันตรายนะ บ้านอยู่ไหนล่ะ เดี๋ยวป้าไปส่ง” “ขอบคุณค่ะป้า แต่หนูขอนั่งตรงนี้อีกสักหน่อย เ
“อืม…” แสงแดดสาดกระทบเข้ามาภายในห้องนอน ช่วยปลุกคนที่หลับอยู่ให้รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา “อรุณสวัสดิ์” ดาวเหนือขยับพลิกตัวไปมา ก่อนจะลืมตาขึ้นมองเมื่อถูกหอมแก้มซ้ำแล้วซ้ำอีก “สายมากแล้ว วันนี้ไม่ไปทำงานเหรอคะ” “ให้ป๋าไปดูงานแทน วันนี้เลยมีเวลาว่างทั้งวัน” “ชนินทร์งอแงไหมคะ” หญิงสาวหยัดตัวลุกขึ้นนั่ง เอนหลังพิงหัวเตียง มองดูลูกชายคนเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดของสามี “อยู่กับป๊าเป็นเด็กดี ไม่งอแงเลยครับ” “ปะ…ป๊า~” ชนินทร์ในวัยสิบเดือนเริ่มส่งเสียงเจื้อยแจ้ว วางหน้าซบลงบนลาดไหล่ของผู้เป็นพ่ออย่างออดอ้อน “ว่าไงสุดหล่อ อ้อนป๊าทำไม” “ป๊า~” “อยากมีลูกอีกสักสิบคน” ไม่พูดเปล่า แต่ยังปรายสายตามองไปทางภรรยาด้วยสีหน้าจริงจัง “เพ้อเจ้อ” “ถ้าเธอไม่หนีไปทำหมัน ป่านนี้คงกำลังท้องลูกฉันอยู่” “ใจคอไม่คิดจะให้พักบ้างเลยหรือไง เหนือเป็นคนนะ ไม่ใช่แม่วัว” ดาวเหนือถอนหายใจลากยาวด้วยความท้อใจ เพราะวันๆ ฟรินเอาแต่คิดหมกมุ่นอยู่กับเธอ ต่อให้เวลาจะผ่านไปนานกี่วัน กี่เดือน หรือกี่ปี เข
“ทำไมที่คอของแม่มีรอยแดง” ดาวเหนือหยุดชะงัก รีบดึงคอเสื้อขึ้นมาปิดลำคอ หลังจากได้ยินคำถามของลูกสาว “ป๊าทำเอง” ฟรินรีบออกรับแทน พลางไล่สายตามองปฏิกิริยาของภรรยา “ป๊ากับแม่ทะเลาะกันเหรอ บีบคอแม่ทำไม” “ป๊าไม่ได้บีบคอแม่ ป๊าแค่จุ๊บแรงๆ” “แล้วแม่เจ็บไหม” ลูกสาวคนโตหันมาถามผู้เป็นแม่อย่างไร้เดียงสา “จะ…เจ็บค่ะ” ดาวเหนือพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะหันไปถลึงตาใส่สามีด้วยความไม่พอใจ “ทีหลังป๊าห้ามจุ๊บแม่แรงนะ ศุกร์ให้จุ๊บเบาๆ ก็พอ” “งั้นคราวหน้าป๊าจะจุ๊บเบาๆ” “ฟรินนั่งคุยกับลูกไปก่อนนะ เดี๋ยวเหนือจะเข้าครัวไปหยิบจานผลไม้มาให้” “อย่าไปนาน…คิดถึง” ดึงมือของหญิงสาวมาหอมซ้ำไปซ้ำมา รู้ตัวว่าเสพติด รู้ว่าคลั่งเธอมาก แต่ก็หยุดพฤติกรรมเหล่านี้ไม่ได้ “ปัญญาอ่อนฉิบหาย” แฟรงก์ที่นั่งเงียบอยู่นาน เบะปากมองคว่ำด้วยความรำคาญใจ สองผัวเมียคู่นี้มันยอมกันที่ไหน ไอ้แว่นมันคิดจะทำอะไรก็ทำโดยไม่สนสถานที่หรือผู้คน “สาธุ…กูขอให้เหนือมีผัวใหม่ในเร็วๆ นี้ จะได้หลุดพ้นจากคนประสาทอย่างมึง”
“นิ่งเฉยอยู่ทำไม หรืออยากใช้มากกว่าปาก?” ดาวเหนือคุกเข่าลงตรงหน้า เลื่อนสองมือเข้าไปถอดกางเกงของชายหนุ่มออกอย่างรู้งาน ดวงตาคู่สวยไหวสั่น มองความเป็นชายที่กำลังขยายตัว ถึงแม้จะเห็นอยู่แทบทุกวันแต่หัวใจยังคงเต้นแรงทุกครั้ง ปากบางครอบลงบนแก่นกายอย่างละเมียดละไม เรียวลิ้นอุ่นเลียวนไปทั่วบริเวณส่วนปลาย ก่อนจะออกแรงดูดเบาๆ สัมผัสได้ถึงน้ำสีใสที่ไหลซึมเปียกแฉะไปทั่วริมฝีปาก ฟรินก้มลงมองการกระทำของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยา ท่าทางไม่ประสีประสาแต่เขากลับมองว่ามันน่าหลงไหลจนโงหัวไม่ขึ้น “แค่เห็นหน้าเหนือก็เหมือนจะแตก” “อึก…” ใบหน้าแสนหวานเบ้เบี้ยว เมื่อแก่นกายขยายใหญ่คับริมฝีปากจนเธอเริ่มรู้สึกหายใจติดขัด ปลายนิ้วเรียวเกลี่ยพวงแก้มแดงระเรื่ออย่างนึกเอ็นดู ภาพที่เธอกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเป็นสิ่งที่เขาอยากเห็นมากที่สุด มือสากเลื่อนเข้าไปจับศีรษะของหญิงสาวไว้มั่น ก่อนจะอัดกระแทกความเป็นชายเข้าออกในโพรงปากเล็กตามจังหวะที่ต้องการซ้ำแล้วซ้ำอีก “อยากให้แตกใส่ตรงไหน” “แล้วแต่ฟรินจะทำ”
“ชนินทร์น่ารักจังเลย หนูขอจับน้องได้มั้ยคะ” ดาวศุกร์เกาะขอบเตียงเขย่งปลายเท้าขึ้นมองน้องชายด้วยความตื่นเต้น “ได้ค่ะ จับน้องเบาๆ นะคะ” “ศุกร์รักน้องค่ะแม่” ดาวศุกร์เผยรอยยิ้มกว้างอย่างมีความสุขเมื่อมองเห็นน้องชายตัวจิ๋ว “เป็นพี่น้องต้องรักกันนะคะ” “ถ้าศุกร์โต เดี๋ยวศุกร์จะเป็นคนเลี้ยงน้องแทนแม่กับป๊าเอง” เพราะเห็นว่าป๊าทำงานหนักเลยอยากแบ่งเบาภาระช่วยดูแลแม่กับน้อง “ลูกสาวของแม่คนนี้เก่งที่สุดเลยค่ะ” “ป๊าแฟรงก์เคยสอน บอกว่าถ้าศุกร์เป็นเด็กดีจะมีแต่คนรักเรา” เด็กน้อยยืดอกพูดด้วยความภาคภูมิใจ เพราะถ้าดื้อมากๆ จะโดนป๊าแฟรงก์ดึงหู “ใช่แล้วค่ะ ถ้าหนูเป็นเด็กดี ทุกคนจะรักหนู” “ศุกร์สัญญาเลยว่าจะไม่ดื้อไม่ซน ป๊ากับแม่จะได้รักศุกร์มากๆ” โชคดีที่ดาวศุกร์เป็นเด็กเลี้ยงง่าย อาจจะซุกซนไปบ้างตามวัยแต่มีจิตใจดี ชอบสงสารและช่วยเหลือคนอื่นอยู่เป็นประจำ “…..” “เอาอีกดิไอ้แว่น” แฟรงก์สะกิดน้องชายเบาๆ เพื่อให้หันมองลูกทั้งสามคนที่กำลังวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน “อะไร?”
“ทำไมวันนี้คนสวยตื่นเช้า ไม่นอนต่ออีกสักหน่อยเหรอ” ชายหนุ่มเดินเข้าไปสวมกอดคนตัวเล็กไว้แน่นจากทางด้าน โน้มริมฝีปากพรมจูบที่ลำคอขาวเบาๆ ด้วยความหวงแหน วันนี้ดาวเหนือตื่นเช้ากำลังยืนดูพระอาทิตย์ขึ้นอยู่ริมระเบียงห้องของบ้านพัก “อยากดูพระอาทิตย์ขึ้นค่ะ” “สวยมาก” “ใช่ค่ะ สวยมากเลย” “ไม่ได้หมายถึงพระอาทิตย์ แต่ฉันหมายถึงเธอ” ปลายนิ้วเรียวลูบไล้พวงแก้มอมชมพูอย่างอ่อนโยน “ตื่นมาก็อ้อนเมียแต่เช้าเลยนะคะ” เขย่งปลายเท้าขึ้นไปหอมแก้มของสามีเบาๆ “อยากทำมากว่าอ้อนอีก” “…..” ใบหน้าแสนหวานเห่อร้อนด้วยความเขินอาย ขยับถอยหนีแต่ฟริน ยังคงเดินตามไม่ห่างไปไหน “อยากย้ายมาอยู่ที่นี่มั้ย เธอจะได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นทุกวัน” “เหนือชอบที่นี่ แต่ฟรินเองก็ยังมีธุรกิจและลูกน้องที่ต้องดูแล เอาไว้ก่อนก็ได้ค่ะ” “ขอแค่บอกมาคำเดียว เดี๋ยวที่เหลือฉันจัดการเอง” อะไรที่เป็นความสุขของลูกกับเมียเขายินดีทำให้แบบไม่มีข้อแม้ “คงต้องถามลูกๆ ก่อนว่าอยากมาอยู่ที่นี่ไหม เหนือแล้วแต่ลูก” “ส่วนฉั
“กินผักเยอะๆ หลานแฟรงก์จะได้แข็งแรง” แฟรงก์ยื่นจานผักและผลไม้ให้หญิงสาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ดาวเหนือท้องแก่ใกล้คลอดจำเป็นต้องกินแต่ของที่มีประโยชน์ “เหนือว่าคนนี้ต้องตัวโตมากแน่เลย” คนตัวเล็กเผยรอยยิ้มบางๆ อย่างมีความสุข ทุกคนในครอบครัวล้วนแต่เฝ้ารอที่จะได้เห็นหน้าสมาชิกใหม่ “ตัวโตก็ดีแล้ว จะได้ดูแลปกป้องพี่สาวได้” “ศุกร์ดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องให้ใครมาปกป้องหรอก” ดาวศุกร์พูดขึ้นลอยๆ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาทานอาหารในจานของตัวเอง “ตัวแค่นี้อย่าทำซ่าส์นะศุกร์” “ก็ป๊าฟรินเป็นคนสอนหนูเองว่าให้ลูกเข้มแข็ง” “สภาพอย่างไอ้แว่นเนี่ยนะจะมาเข้มแข็ง ตอนโดนเมียทิ้งร้องไห้จะเป็นจะตาย” แฟรงก์หรี่สายตามองหน้าน้องชายอย่างเอือมๆ “ป๊าต้องไปนั่งเฝ้านอนเฝ้า อดหลับอดนอน จนจะเป็นบ้าตามมันไปอีกคน” “กูอยู่ของกูดีๆ ไอ้แฟรงก์ อย่ามาลามปาม” คนที่ถูกกล่าวหา เกิดอาการร้อนตัวรีบพูดแทรกขึ้น เขาอุตส่าห์นั่งเงียบๆ แต่ก็ก็ยังมิวายโดนพูดจากระแทกแดกดัน “กูพูดความจริงทั้งนั้น มึงรับไม่ได้เหรอ” “แล้วเมียของป๊าเ
“ทำไมหน้ามึงโทรมขนาดนี้ ขอบตาดำอย่างกับหมีแพนด้า ไปอดหลับอดนอนมาจากไหน” แฟรงก์จับหน้าน้องชายฝาแฝดหันซ้ายหันขวา ไม่รู้ว่าไอ้แว่นมันมัวแต่ทำงานหนักหรือเอาแต่คิดเรื่องเมีย ถึงได้อดหลับอดนอน “ถึงเราจะเป็นผู้ชาย ก็ต้องดูแลตัวเองนะน้องรัก อย่าปล่อยตัวให้โทรมเหมือนผีดิบจำศิลแบบนี้” ตบบ่าแฝดน้องเบาๆ ถึงจะเป็นแฝดหน้าตาคล้ายกันก็จริง แต่คนอื่นมักจะพูดอยู่เสมอว่าเขาน่ะหล่อกว่าไอ้แว่นเป็นไหนๆ “เลิกวุ่นวายได้แล้วแฟรงก์ ถอยไปไกลๆ กูจะทำงาน” ฟรินปัดป่ายมือพี่ชายออกจากใบหน้าด้วยความรำคาญ จะให้เอาเวลาที่ไหนไปดูแลตัวเองแบบมัน ไอ้แฟรงก์มันเข้าคลินิกเสริมความงามกับแม่ทุกเดือน นั่งๆ นอนๆอยู่แต่ในร่ม เคยออกแดดที่ไหนกัน ส่วนเขาแค่ก้มหน้าทำงานก็หมดเวลาไปเกือบวัน “พักเรื่องงานเอาไว้ก่อน ไปรับลูกที่โรงเรียนกัน” “แต่อีกครึ่งชั่วโมงกูต้องเข้าประชุม” “มึงเห็นงานสำคัญกว่าลูกหรือไง” แฟรงก์ยืนเท้าเอวมองหน้าน้องชายอย่างไม่สบอารมณ์ “เรื่องงานเอาไว้ค่อยทำก็ได้ ยังไงเรื่องลูกก็ต้องมาก่อนเสมอ” ในหัวสมองของไอ้แว่น
“ทานอีกนิดสิเหนือ ผลไม้มันมีประโยชน์นะ” “เหนืออิ่มแล้วค่ะแม่” ดาวเหนือบอกอย่างเกรงใจ แม่สามีและทุกคนในครอบครัววรางกูรดูแลและรักเธอมากเสมือนเป็นญาติแท้ๆ ด้วยอีกคน “งั้นดื่มนมอีกสักหน่อย หลานแม่จะได้แข็งแรง” พอรู้ว่าได้หลานชายถึงกลับหัวใจพองโต อะไรที่ว่าดีก็หาประเคนมาให้ลูกสะใภ้แทบทุกอย่าง “ขอบคุณค่ะ” “ถ้าอยากกินอะไรให้บอกแม่นะ คนกำลังท้องต้องเลือกกินแต่สิ่งที่มีประโยชน์” ปาลินลูบศีรษะของดาวเหนือด้วยความรักใคร่เอ็นดู ถ้าลูกชายรักใครเธอก็รักด้วย “ค่ะแม่” “อิจฉาซ้อจริงๆ ผัวก็หลงจนหัวปักหัวปำ แถมแม่ผัวยังรักพร้อมยอมยกสมบัติให้อีก” หมวยเฟย์ที่นั่งเงียบอยู่นานพูดแทรกขึ้น ก่อนจะปรายสายตามองไปยังผู้เป็นแม่ที่เอาอกเอาใจลูกสะใภ้จนออกหน้าออกตา เจ๊ปาลินเห่อหลานชายคนนี้ยิ่งกว่าอะไรดี เตรียมของรับขวัญไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ “งั้นก็ดูไว้เป็นตัวอย่าง ถ้าแกจะมีผัวต้องหาให้ดีกว่าพวกเฮียสองคนนะรู้ไหม” แฟรงก์บอกน้องสาวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ผู้ชายสมัยนี้มันไว้ใจได้ที่ไหน “พวกสันดานเจ้าชู้หลายใจ อย่าไปคิดจะเ
“ป๊า!” ‘ชารา’ แฝดผู้พี่วิ่งเข้ามาในห้องทำงานของผู้เป็นพ่อด้วยความคุ้นเคย ด้านล่างเป็นออฟฟิศขนาดใหญ่ ส่วนชั้นบนเป็นที่อยู่อาศัยของครอบครัว “ว่าไงครับ?” “เห็นชุดเจ้าหญิงสโนว์ไวท์ของชารามั้ยคะ” เด็กน้อยยืนกอดอกถามด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้ว สามารถเรียกรอยยิ้มจากคนเป็นพ่อได้เป็นอย่างดี “ป๊าพับเก็บไว้ให้อยู่ในลิ้นชัก หนูลองไปหาดูนะ” “ขอบคุณค่ะ ชารารักป๊า” ชาราเดินเข้าหา เขย่งปลายเท้าขึ้นไปหอมแก้มผู้เป็นพ่อที่นั่งทำงานอยู่ “ป๊าก็รักลูกเหมือนกัน” แกร๊ก… บานประตูห้องทำงานถูกเปิดออกอีกครั้งพร้อมดาวเหนือและดาวศุกร์ที่เดินเข้ามาใหม่ ภาพวุ่นวายเล่านี้เป็นสิ่งที่บุรินทร์วัชร์มักจะได้เห็นเป็นประจำอยู่ทุกวัน “เหนือจะพาดาวศุกร์ออกไปซื้อของที่ห้างใกล้บ้าน ฟรินจะเอาอะไรไหม” “รอก่อนได้มั้ย เลิกงานแล้วค่อยไปพร้อมกัน” “ไม่เป็นไร ไปแค่แป๊บเดียวเดี๋ยวก็กลับแล้วค่ะ” “ท้องอยู่…ไม่อยากให้ไปไหนมาไหนโดยที่ไม่มีฉันไปด้วย เป็นห่วง” ท้องของดาวเหนือเริ่มขยายใหญ่จนเห็นได้ชัด เวลาจะไปไหนมาไห