ติ๊ง~ ดาวเหนือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดอ่าน หลังจากได้ยินเสียงข้อความแจ้งเตือน
ใบหน้าแสนหวานเผยรอยยิ้มบาง เมื่อเห็นว่าคนที่ส่งข้อความมาหาคือ ‘ฟริน’ แฟนหนุ่มที่คบหาดูใจกันมาเป็นระยะเวลาเกือบครึ่งปีแล้ว
ฟริน : มาหาหน่อย รอที่เดิม
ดาวเหนือ : ตอนเย็นค่อยเจอกันได้มั้ย
ฟริน : อยากเจอตอนนี้
ดาวเหนือ : คิดถึงเหนือใช่มั้ย
ฟริน : อืม
ดาวเหนือ : ถ้าไม่ตอบไม่ไป
ฟริน : คิดถึง
ดาวเหนือ : คิดถึงแค่ไหน
ฟริน : รีบมาอย่าลีลา
ดาวเหนือ : บอกเหนือมาก่อนสิ
ฟริน : คิดถึงมาก
ดาวเหนือกดอ่านข้อความด้วยหัวใจพองโต รีบเก็บข้าวของใส่กระเป๋าสะพายเตรียมตัวไปหาตามที่นัดหมาย
“เดี๋ยวฉันมานะ”
“จะไปไหน” มินดารีบคว้าแขนของเพื่อนสนิทที่จู๋ๆ ก็ลุกพรวดพราดออกไปไม่บอกไม่กล่าว
“ไปหาฟรินที่ห้องสมุด”
“แกติดมันหรือมันติดแก” มินดาถอนหายใจกลอกตามอง ไม่มีเลยสักวันที่สองคนนี้จะห่างกันได้ ถ้าเหนือไม่ไปหา ฟรินจะส่งข้อความหรือไม่ก็โทรมาตามทุกวัน
“ไม่เห็นหน้ากันครึ่งวันแล้วมันจะตายหรือยังไง คลั่งรักทั้งผัวทั้งเมีย”
“ตัวติดกันอย่างกับปลาท่องโก๋” เจ้าขาพูดกระแหนะกระแหนสมทบ จะว่าหมั่นไส้ก็ได้เพราะที่ผ่านมาเพื่อนเธอรักฟรินยิ่งกว่าอะไร ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ยอมให้ได้ทุกอย่าง
“…..”
“หายไปอยู่ด้วยกันทีไร กลับมามีรอยแดงทุกที มันจะหวงอะไรแกขนาดนั้น” มินดามองไปยังรอยคริสมาร์กจางๆ บนลำคอของเพื่อนสนิทที่ฟรินได้ทำรอยแสดงความเป็นเจ้าของ
“จะไปก็รีบไป ขืนชักช้าเดี๋ยวมันก็โผล่หน้ามาตรงนี้หรอก”
“…..”
“เหนือมาแล้ววว รอนานมั้ย” หญิงสาวรีบวิ่งเข้าไปกอดคอชายหนุ่มไว้แน่นจากทางด้านหลัง
ใบหน้าคมคายเงยหน้าขึ้นมองคนที่ใหม่ ก่อนจะก้มลงมองนาฬิกาข้อมือ
“ช้าไปหกนาที มัวทำอะไรอยู่”
“แวะเข้าห้องน้ำมา แค่นี้ต้องจับเวลาด้วยเหรอ” ดาวเหนือขยับเข้าใกล้ ด้วยความอยากรู้ เมื่อเห็นว่าฟรินกำลังใจจดจ่อทำบางสิ่งบางอย่างในโน๊ตบุ๊คด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ฟรินทำอะไรอยู่ ขอดูหน่อย”
“ทำรายงานให้เธอนั่นแหละ ลืมไปแล้วหรือไง” ปลายจมูกโด่งคมคลอเคลียพวงแก้มอมชมพูของหญิงสาวเบาๆ ยามที่คนตัวเล็กขยับใบหน้าเข้าหา
“แอบแต๊ะอั๋งเหนือเหรอ”
“แต๊ะอั๋งอะไร มากกว่านี้ยังทำมาแล้ว”
“ไม่ต้องพูด”
“มานั่งบนตักมั้ย จะได้จูบถนัดๆ”
“ไม่ต้องมาสนใจเหนือ ทำงานของตัวเองไปเถอะ”
ดาวเหนือเลือกที่จะหย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ข้างกัน ท้าวแขนลงบนโต๊ะจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของแฟนหนุ่ม
“มีผู้ชายมาวุ่นวายกับเธอบ้างหรือเปล่า?”
“ไม่มี”
“ถ้าฉันรู้ทีหลังมันเจ็บหนักนะ” ฟรินบอกด้วยน้ำเรียบนิ่ง จ้องมองด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา แต่เธอกลับรู้สึกได้ถึงความเด็ดขาดจากคำพูดพวกนี้
“ก็พูดจริง ไม่มีใครยุ่งกับเหนือหรอก”
คนตัวเล็กกำชายกระโปรงนักศึกไว้แน่นยามที่เขาโน้มริมฝีปากลงมาขบกัดที่ลำคอก่อนจะออกแรงดูดจนเกิดรอยช้ำ
“ฟะ…ฟริน”
“เห็นว่ารอยมันเริ่มจางแล้ว แค่อยากซ้ำรอยเดิมให้”
“…..”
“ไม่ต้องมามองแบบนั้น”
“เกินไปแล้วน่ะสิ”
“ไม่รู้หรือไงว่าผัวเธอมันโรคจิต”
“…..”
“ถ้าไม่พอใจเดี๋ยวให้ดูดคืน เอามั้ยล่ะ”
“ไม่ทำหรอก เหนือไม่ได้โรคจิตเหมือนฟรินสักหน่อย”
“เย็นนี้ไปดูหนังกันมั้ย” ที่ถามแบบนี้เพราะเขามีงานเร่งด่วนที่ต้องรีบทำส่งอาจารย์เลยทำให้ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลาว่าง
“ไปดูที่ห้องฉันสิ”
“มันจะไม่ได้ดูหนังน่ะสิ”
“ดูเหมือนจะฉลาดขึ้นนะ” ฟรินหัวเราะเบาๆ ในลำคออย่างนึกเอ็นดู ใช้ปลายนิ้วเรียวลูบไล้ริมฝีปากบางเบาๆ เดี๋ยวนี้ดาวเหนือเริ่มรู้ทันเขามากขึ้นแล้วสิ
“จะบอกว่าเหนือโง่ใช่มั้ย”
“แล้วคิดว่าตัวเองโง่มั้ย”
“ก็คงโง่แหละ ถึงโดนฟรินหลอกอยู่บ่อยๆ” ที่ผ่านมาตามแผนเขาไม่ค่อยทัน เลยถูกฟรินลวงไปเชือดถึงห้องอยู่บ่อยๆ
“เลิกเรียนแล้วรีบมา เดี๋ยววันนี้จะพาไปดูหนัง”
“ดูหนังแน่นะฟริน?” ดาวเหนือทำเสียงล้อเลียนหรี่สายตามองอย่างไม่ไว้ใจ
“อืม คำไหนคำนั้น”
“ไม่เชื่อหรอก คำพูดฟรินมันเชื่อไม่ได้”
“ดูหนังเสร็จแล้วค่อยไปเอากันต่อ ต้องให้พูดแบบนี้ใช่มั้ย”
-หลังเลิกเรียน-
“เดี๋ยวก่อนเหนือ”
ดาวเหนือหยุดชะงักหลังจากได้ยินเสียงเรียกที่คุ้นเคยเคย
“องศามีอะไรหรือเปล่า พอดีเหนือกำลังรีบ” คนตัวเล็กเอ่ยถามอย่างสงสัยเมื่อองศาเดินมาขวางหน้าไว้
“บังเอิญผ่านมา เลยแวะมาเข้าทักทาย ว่าแต่เหนือกำลังจะไปไหน”
“มีนัดกับฟรินน่ะ”
“ตั้งแต่ไปคบกับไอ้ฟริน เหนือไม่ค่อยคุยกับเราเลยนะ พยายามหลบหน้าเราตลอดเลย”
ความจริงก็ไม่ได้อยากทำแบบนี้ แต่ไม่มีทางเลือก และเธอก็ไม่อยากทำให้ใครมีปัญหาเลยคิดจะหลีกเลี่ยงเพราะรู้ว่าองศากับฟรินไม่ค่อยถูกใจกัน
“เหนือขอโทษนะองศา เหนือไม่อยากมีปัญหากับฟริน”
ไม่ใช่แค่เธอ แต่องศาอาจจะพาลเดือดร้อนไปด้วย ยังไงองศาก็เป็นเพื่อนเธอเหมือนกัน
“องศาเข้าใจเหนือใช่มั้ย”
“เข้าใจ เรามันแค่เพื่อน จะไปสำคัญเท่าแฟนแบบไอ้ฟรินได้ไง” องศาพูดเสียงเบามองดาวเหนือด้วยความรู้สึกมากมาย รู้อยู่เต็มอกว่าเธอรักมัน แต่เขาก็รักเธอไม่แพ้ใคร!
“เหนือยังรู้สึกดีกับองศาเหมือนเดิม เรายังเป็นเพื่อนกันได้ใช่ไหม”
“วันไหนว่างแวะไปกินข้าวกับเราหน่อยสิ เรามีเรื่องอยากจะเล่าให้เหนือฟังเยอะแยะเลย”
“เรื่องอะไร”
“เรื่องสำคัญ”
“มันเป็นเรื่องของเหนือเหรอ”
“จะว่าแบบนั้นก็ได้ เพราะมันเกี่ยวกับเหนือ เกี่ยวกับไอ้ฟรินด้วย”
คิ้วสวยขมวดเข้าพอหากันด้วยความสงสัยพอได้ยินชื่อของแฟนหนุ่ม แล้วฟรินเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้
“องศาหมายถึงเรื่องอะไร”
“ถ้าเหนืออยากรู้ต้องมาหาเรา จะได้ตาสว่างสักที”
“มีอะไรก็พูดมาเลยได้มั้ย เหนือรอฟังอยู่”
“ไอ้ฟรินมันไม่ได้รักเหนือ”
“…..” ดาวเหนือยืนฟังในสิ่งที่องศากำลังจะบอกเธอ
“มันแค่อยากเอาชนะเรา มันไม่ได้จริงจังกับเหนือเลยนะ”
“เหนือไม่รู้ว่าที่องศาพูดแบบนี้เพราะต้องการอะไร” ดวงตาคู่สวยเริ่มสั่นไหวสับสน ที่ผ่านมาฟรินก็ดูรักเธอ ไม่อยากเชื่อว่าเขาจะทำแบบนั้น
“เราไม่ได้โกหกนะ เราพูดจริง แค่ไม่อยากให้เหนือโดนมันหลอก คนอย่างไอ้ฟรินมันไม่เคยรักใคร”
“เหนือขอตัวก่อนนะ”
“ถ้าเหนือไม่เชื่อ เรามีหลักฐาน”
“หลักฐานอะไร” สองขาเรียวหยุดนิ่ง ค่อยๆ หันหลังกลับไปมองเพื่อนชายอย่างต้องการคำตอบก่อนที่องศาจะเปิดคลิปเสียงแล้วยืนให้คนตัวเล็กที่ยืนอยู่
‘เหนือเป็นยังไงบ้าง คงสบายดีใช่มั้ย’
‘ถามหาเมียชาวบ้านกูว่ามันเสียมารยาทไปหน่อยนะ’
‘กับคนอย่างมึงมันก็ไม่น่ามีมารยาทด้วยเท่าไหร่หรอก’
‘นอกจากปากเก่งแล้วมึงยังมีอะไรที่เก่งอีกบ้าง หรือว่าเก่งแค่ปาก’
‘…..’
‘แต่ดูแล้วคงเก่งแค่ปาก! ขนาดคนที่มึงรักนักรักหนา กูยังแย่งเอามาทำเมียได้เลย’
‘ดาวเหนือไม่เกี่ยว’
‘พอดีว่าอยากให้เกี่ยว’
‘ถ้ามึงกับเพื่อนมึงไม่ใช่วิธีสกปรกแบบนั้น ดาวเหนือคงไม่มีวันยอมแน่ๆ’
‘มึงก็เคยคิดจะใช้วิธีสกปรกแบบนี้กับเหนือเหมือนกันลืมไปแล้วเหรอ ถือว่าหายกัน ของแบบนี้ใครดีใครได้’
‘กูรู้มึงไม่ได้จริงจังกับเธอมึงแค่อยากเอาชนะกู เลิกยุ่งกับเหนือซะ!’ ‘ตอนนี้ยังไม่เบื่อ ไว้ถ้ากูเบื่อเมื่อไหร่จะบอกแล้วกัน ถนัดกินของเหลือจากกูอยู่แล้วนิ’
ครืด…สมาร์ตโฟนแผดเสียงร้องดังนานนับชั่วโมงเมื่อมีสายเรียกเข้า ดาวเหนือเหลือบสายตามองเพียงนิด ก่อนจะเห็นรายชื่อของฟรินปรากฏอยู่บนหน้าจอ เขาพยายามส่งข้อความและติดต่อโทรหาเธอหลายสาย แต่สิ่งที่ทำคือปล่อยมันไว้แบบนั้น! ‘27สายไม่ได้รับ’ ‘12ข้อความยังไม่ได้อ่าน’ ร่างบางกดฟังคลิปเสียงย้ำๆ เพื่อเตือนใจตัวเองว่าที่ผ่านมามันเป็นแค่เรื่องหลอกลวงจากผู้ชายที่เธอรักจนหมดหัวใจ คนตัวเล็กนั่งทอดสายตาเหม่อมองไปบนท้องฟ้าที่มืดสนิท มีเพียงแสงดาวที่สาดส่องระยิบระยับพอให้เห็นแค่ลางๆ เธอนั่งอยู่ตรงนี้ไม่ยอมลุกไปไหนตั้งแต่บ่ายจนถึงดึก “ดึกแล้วนะหนู ยังไม่กลับบ้านอีกเหรอ?” “…..” ดาวเหนือดึงสติกลับคืนมายกแขนเสื้อขึ้นปาดน้ำตาออกจากใบหน้าแบบลวกๆ หญิงวัยกลางคนเดินเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง เธอเป็นเจ้าหน้าที่ดูแลสวนสาธารณะแห่งนี้ สังเกตเห็นดาวเหนือมานั่งใจลอยคนเดียวตั้งแต่บ่ายจนถึงมืดค่ำ “เป็นผู้หญิงมานั่งที่มืดๆ คนเดียวมันอันตรายนะ บ้านอยู่ไหนล่ะ เดี๋ยวป้าไปส่ง” “ขอบคุณค่ะป้า แต่หนูขอนั่งตรงนี้อีกสักหน่อย เ
แกร๊ก…บานประตูห้องนอนถูกเปิดออก เฟย์วารีบยกมือขึ้นปิดจมูกหลังจากได้กลิ่นฉุนของควันบุหรี่ลอยเตะจมูกเข้าอย่างจัง “เฮียฟริน แม่ให้มาตามไปกินข้าว” “เฮียยังไม่หิว” ฟรินตอบกลับแค่นั้น ก่อนจะดับมวนบุหรี่ที่อยู่ในมือเมื่อเห็นน้องสาวเดินเข้ามาใกล้ “ทำหน้าเหมือนโลกจะแตก เฮียเป็นอะไร ไม่สบายเหรอ” เฟย์วาเดินเข้าไปถามพี่ชาย หลังจากที่สังเกตเห็นความผิดปกติมาหลายวัน “เปล่า” “เฮียมีเรื่องไม่สบายใจเหรอ” “มีเรื่องต้องคิดนิดหน่อย” เฟย์วาหย่อนตัวนั่งลงบนขอบเตียงข้างพี่ชาย พักนี้เขาคอยหลบหน้าหลบตาอยู่แต่ในห้อง ขนาดอยู่บ้านเดียวกันแท้ๆ แต่แทบจะไม่ได้คุยกันเลย “ทะเลาะกับซ้อใช่มั้ย ทำไมหลายวันมานี้ถึงไม่เห็นพาซ้อมาบ้างเลย” “…..” “ซ้อแค่งอนใช่มั้ย ถ้างั้นเฮียรีบไปง้อเลย” ที่ผ่านมาฟรินมักจะพาดาวเหนือมาค้างที่บ้านทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่อาทิตย์ที่ผ่านมากลับไม่เห็น “ยังไงพี่สะใภ้ของหมวยต้องเป็นซ้อคนเดียว ถ้าเป็นคนอื่นหมวยไม่เอานะ” “อืม เฮียก็ไม่เอาคนอื่นเหมือนกัน” “ไอ้แว่นกู
“พวกแกรู้ข่าวไอ้องศาหรือยัง” เจ้าขารีบวิ่งเข้ามารายงานกับกลุ่มเพื่อนสนิทด้วยท่าทางเหนื่อยหอบ คนในมหาลัยเขาลือกันให้หนาหูว่าองศากำลังเจ็บหนักเพราะถูกทำร้าย “อะไรของแกเจ้าขา” มินดาถามอย่างให้ความสนใจ ถ้าเจ้าขากระตือรือร้นขนาดนี้คงเป็นเรื่องสำคัญ “แล้วแกล่ะเหนือรู้ข่าวหรือยัง” “ข่าวอะไร” “เอ้า! ทำไมไม่รู้อ่ะ มันเกี่ยวกับแฟนแกด้วยนะ” ดาวเหนือหยุดนิ่งชั่วขณะ เมื่อได้ยินในสิ่งที่เจ้าขาบอก เธอละสายตาจากงานที่ทำ เริ่มให้ความสนใจหลังจากได้ยินว่าฟรินมีส่วนเกี่ยวข้อง “มีอะไร มันเกิดอะไรขึ้น” “เห็นเขาบอกกันว่าไอ้องศาโดนฟรินตามไปกระทืบคาห้องน้ำที่คลับเมื่อคืน ตอนนี้นอนหยอดข้าวต้มอยู่โรงพยาบาล” “จริงเหรอเหนือ” มินดาหันไปถามเพื่อนสนิท เรื่องใหญ่ขนาดนี้ยังไงดาวเหนือก็ต้องรู้ “มะ…ไม่รู้เหมือนกัน” เจ้าตัวส่ายหน้าปฏิเสธ เธอไม่เคยรู้เรื่องนี้และไม่คิดมาก่อนว่าฟรินจะทำแบบนั้น “เป็นแฟนกันภาษาอะไรไม่รู้เรื่อง” “…..” ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่น ครุ่นคิดอย่างหนักว่าเหตุการณ์ที่เกิ
ตุบ! ดาวเหนือยกมือกุมท้องด้วยความจุกแน่น เมื่อถูกแฟนหนุ่มเหวี่ยงขึ้นมาบนเตียงนอนอย่างแรงแบบไม่ทันตั้งตัวจนกระโปรงนักศึกษาร่นขึ้นโชว์ต้นขาขาวเนียน ก่อนที่จะถูกฟรินกระชากข้อเท้าให้เข้าหา ดวงตาคู่สวยมองการกระทำของคนตรงหน้าด้วยความหวาดกลัว เธอไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อนเลย “อย่าทำแบบนี้กับเหนือนะฟริน” “แล้วจะให้ทำยังไง ไหนลองบอกมา” ฟรินถอดแว่นตาออกจากใบหน้าแล้วโยนมันทิ้งแบบไม่สบอารมณ์ เลื่อนมือไปปลดกระดุมนักศึกษาออกทีละเม็ดพร้อมจ้องหน้าเธอไปด้วย “พูดมาว่าต้องการแบบไหน” “ไม่อยากให้ฟรินทำแบบนี้” เสียงหวานสั่นเครือยามมองเห็นเรือนร่างท่อนบนที่เปลือยเปล่าอัดแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อ ส่วนท่อนล่างสวมกางเกงสแล็คสีดำสุภาพ อีกทั้งรอยสักที่ทำให้ดูน่าเกรงขามเพิ่มขึ้นอีก “หมายถึงไม่อยากเอากับฉัน?” “เหนือไม่ได้เต็มใจ” “แล้วทำไมถึงไม่เต็มใจ” “…..” ร่างบางขยับถอยห่างจนแผ่นหลังแนบชิดกับหัวเตียง ขณะที่ใบหน้าหล่อเหลาโน้มต่ำลงมาใกล้สัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนของกันและกัน “อย่าทำเหมือนไม่เคย ทั้งๆ ที่โดนฉันเ
ดวงตากลมโตเหม่อเลื่อนลอยมองบนเพดานสีขาวด้วยสายตาพร่ามัว ร่างของเธอขยับเคลื่อนไหวตามแรงที่ชายหนุ่มส่งให้อย่างหนักหน่วง น้ำรักขาวขุ่นที่ถูกปล่อยเข้ามาก่อนหน้านั้นค่อยๆ ย้อนทะลักออกจากช่องทางสีหวานไหลเลอะผ้าปูที่นอนหยดแล้วหยดเล่า ยิ่งตอกย้ำว่าสิ่งที่ทำเหมือนต้องการผูกมัดชีวิตเธอให้ยึดติดอยู่กับเขาตลอดไป “ฟริน…” เอ่ยเรียกชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ใช้เรี่ยวแรงที่มีผลักเขาให้ถอยห่างแต่กลับไม่ได้ช่วยอะไร “เหนือเจ็บ หยุดได้แล้ว” ใบหน้าคมคายโน้มลงประกบจูบแนบชิดปิดเสียงร้องคราง สอดเรียวลิ้นเข้าช่วงชิงความหวานในโพรงปากเล็ก “แม้แต่หน้าฉันก็ไม่อยากมองแล้วหรือไง” “เหนือเกลียดฟริน” “ออนท็อปหน่อยมั้ย จะได้เลิกปากดี” สิ้นประโยคนั้น ร่างของดาวเหนือถูกพลิกให้ขึ้นมานั่งคร่อมอยู่ด้านบนแบบไม่ได้เต็มใจ เธอจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาอย่างโกรธเคือง “ขยับสิ ทำเหมือนที่เคยทำ” “เหนือไม่ทำ” “อย่าอวดเก่ง ตราบใดที่-วยฉันมันยังคาอยู่ในตัวของเธอ” “อ๊ะ!” ปัก! หญิงสาวยกมือกุม
“เป็นยังไงบ้างเหนือ” ดาวเหนือรู้สึกตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดร้าวตามตัวอย่างหนัก ศีรษะยังคงหนักอึ้งราวกับถูกค้อนทุบซ้ำแล้วซ้ำอีก “แฟรงก์เหรอ” ถามน้ำเสียงแผ่วเบามองเห็นชายหนุ่มยืนเฝ้าอยู่ข้างเตียงผู้ป่วยของโรงพยาบาล “แฟรงก์เอง“ แฟรงก์ยื่นมือเข้าไปลูบศีรษะของคนตัวเล็กอย่างอ่อนโยน ดาวเหนือเป็นผู้หญิงตัวเล็กบอบบาง แต่น้องชายกลับไม่ได้ทะนุถนอมเธอเลยสักนิด “เหนือไม่สบาย แฟรงก์เลยพามาโรงพยาบาล รู้สึกดีขึ้นมั้ย” “ขอบคุณนะ ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว” “ร่างกายเหนืออ่อนเพลีย หมอบอกต้องนอนให้น้ำเกลือดูอาการสักสองสามวัน” “…..” ดวงตาคู่สวยวาดสายตามองไปรอบบริเวณห้อง ก่อนจะแน่ใจว่าในห้องนี้มีเพียงแค่เธอกับแฟรงก์แค่สองคน “ไอ้ฟรินไม่ได้มา แฟรงก์มาคนเดียว” แค่เห็นสายตาหวาดระแวงก็รู้ว่าคนตัวเล็กกำลังคิดอะไรอยู่ “มีปัญหาอะไรกัน ทำไมไอ้แว่นถึงได้เป็นบ้าขนาดนี้” “เหนือไม่อยากพูดถึงเขา อย่าพูดถึงเขาได้ไหม” เพียงแค่นึกถึงใบหน้าของผู้ชายใจร้ายคนนั้น หัวใจดวงน้อยเริ่มบีบรัดแน่น ขอบตาร้อนผ่าวคล้ายกำลังจะร้องไห้อย
หมับ! ร่างบางกลั้นเสียงสะอื้นจนตัวสั่น ฟรินเลื่อนมือมาบีบลำคอของเธออย่างแรงก่อนจะดันแผ่นหลังให้ติดกับเบาะรถ “เอากับมันกี่ครั้งแล้ว” ขบกรามกัดฟันแน่น มือของเขาสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้เมื่อนึกเห็นภาพที่เธอนอนใต้ร่างของผู้ชายคนใหม่ ร้องครางชื่อคนอื่นที่ไม่ใช่เขา “เหนือเจ็บ…” “ที่อยากเลิกกับฉันเพราะมันใช่ไหม” “ฮึก…ฟริน เหนือหายใจไม่ออกนะ” ดาวเหนือรีบสูดอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่เมื่อเขายอมปล่อยให้เป็นอิสระ มองไปทางชายหนุ่มด้วยท่าทางตื่นกลัว ขณะที่เขากำลังคิดจะทำบางสิ่งบางอย่าง “ฟะ…ฟริน! จะทำอะไร” “อยากรู้เหมือนกันว่าผัวเก่าอย่างฉัน กับผัวใหม่แบบไอ้เวรนั่น! ใครมันจะถึงใจเธอมากกว่ากัน” “…..”-เหตุการณ์ในอดีต- ‘เมื่อวานไปซื้ออะไรมา?’ ฟรินเอ่ยถามหลังจากมีข้อความแจ้งเตือนว่าดาวเหนือเอาบัตรเครดิตไปรูดซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งจำนวนเงินมากถึงหกแสน ‘เหนือ…’ คนตัวเล็กเลิ่กลั่กเพราะคนที่เอาไปใช้คือแม่ของเธอ โดยที่ฟรินเองก็ไม่เคยรู้เรื่องนี้ ‘แค่ถามดู ไม่ได้ว่าอะไร’
“มานั่งทำอะไรตรงนี้” ดาวเหนือสะดุ้งรีบยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา หันมองไปยังคนที่เพิ่งมาใหม่ “น้าเปรม” เปรมคือสามีใหม่ของแม่ มีศักดิ์เป็นพ่อเลี้ยงที่มีอายุห่างจากเธอแค่ไม่กี่สิบปี “ร้องไห้ด้วยเหรอ ทะเลาะกับแม่มาอีกล่ะสิ” “…..” คนตัวเล็กขยับถอยหนีเมื่อเปรมพยามจะจับมือถือแขน “เดี๋ยวน้าเช็ดน้ำตาให้นะ” “ไม่เป็นไรค่ะ เหนือขอตัวก่อนนะคะ” เมื่อเห็นท่าทางไม่ดี จึงรีบปลีกตัวหนีออกมาแต่เปรมกลับคว้าแขนเธอไว้ได้ทัน “เดี๋ยวก่อนสิ! อยู่คุยกับน้าก่อน” “น้าเปรม! ปล่อยเหนือ ถ้าแม่มาเห็นมันจะดูไม่ดี” ดาวเหนือสะบัดแขนออกจากการเกาะกุม ในขณะที่เปรมใช้มือลูบไล้ไปตามต้นแขนจนร่างบางตัวสั่นระริกด้วยความกลัว “แม่เขาไม่อยู่ เหนือไม่ต้องกลัวหรอก” “…..” “อยู่คุยกับน้าก่อนสิ” “มึงมีอะไรจะคุยกับพี่กูไม่ทราบ” เปรมยอมปล่อยให้เธอเป็นอิสระเมื่อได้ยินเสียงของใต้ฝุ่นดังขัดจังหวะ ดาวเหนือเป็นหญิงสาว ผิวพรรณหน้าตาดี สัดส่วนก็ถือว่าเข้าขั้นใช้ได้ ใครบ้างจะอดใจไหวแต่เสียทีที่โดนแฟนหนุ่
“อืม…” แสงแดดสาดกระทบเข้ามาภายในห้องนอน ช่วยปลุกคนที่หลับอยู่ให้รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา “อรุณสวัสดิ์” ดาวเหนือขยับพลิกตัวไปมา ก่อนจะลืมตาขึ้นมองเมื่อถูกหอมแก้มซ้ำแล้วซ้ำอีก “สายมากแล้ว วันนี้ไม่ไปทำงานเหรอคะ” “ให้ป๋าไปดูงานแทน วันนี้เลยมีเวลาว่างทั้งวัน” “ชนินทร์งอแงไหมคะ” หญิงสาวหยัดตัวลุกขึ้นนั่ง เอนหลังพิงหัวเตียง มองดูลูกชายคนเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดของสามี “อยู่กับป๊าเป็นเด็กดี ไม่งอแงเลยครับ” “ปะ…ป๊า~” ชนินทร์ในวัยสิบเดือนเริ่มส่งเสียงเจื้อยแจ้ว วางหน้าซบลงบนลาดไหล่ของผู้เป็นพ่ออย่างออดอ้อน “ว่าไงสุดหล่อ อ้อนป๊าทำไม” “ป๊า~” “อยากมีลูกอีกสักสิบคน” ไม่พูดเปล่า แต่ยังปรายสายตามองไปทางภรรยาด้วยสีหน้าจริงจัง “เพ้อเจ้อ” “ถ้าเธอไม่หนีไปทำหมัน ป่านนี้คงกำลังท้องลูกฉันอยู่” “ใจคอไม่คิดจะให้พักบ้างเลยหรือไง เหนือเป็นคนนะ ไม่ใช่แม่วัว” ดาวเหนือถอนหายใจลากยาวด้วยความท้อใจ เพราะวันๆ ฟรินเอาแต่คิดหมกมุ่นอยู่กับเธอ ต่อให้เวลาจะผ่านไปนานกี่วัน กี่เดือน หรือกี่ปี เข
“ทำไมที่คอของแม่มีรอยแดง” ดาวเหนือหยุดชะงัก รีบดึงคอเสื้อขึ้นมาปิดลำคอ หลังจากได้ยินคำถามของลูกสาว “ป๊าทำเอง” ฟรินรีบออกรับแทน พลางไล่สายตามองปฏิกิริยาของภรรยา “ป๊ากับแม่ทะเลาะกันเหรอ บีบคอแม่ทำไม” “ป๊าไม่ได้บีบคอแม่ ป๊าแค่จุ๊บแรงๆ” “แล้วแม่เจ็บไหม” ลูกสาวคนโตหันมาถามผู้เป็นแม่อย่างไร้เดียงสา “จะ…เจ็บค่ะ” ดาวเหนือพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะหันไปถลึงตาใส่สามีด้วยความไม่พอใจ “ทีหลังป๊าห้ามจุ๊บแม่แรงนะ ศุกร์ให้จุ๊บเบาๆ ก็พอ” “งั้นคราวหน้าป๊าจะจุ๊บเบาๆ” “ฟรินนั่งคุยกับลูกไปก่อนนะ เดี๋ยวเหนือจะเข้าครัวไปหยิบจานผลไม้มาให้” “อย่าไปนาน…คิดถึง” ดึงมือของหญิงสาวมาหอมซ้ำไปซ้ำมา รู้ตัวว่าเสพติด รู้ว่าคลั่งเธอมาก แต่ก็หยุดพฤติกรรมเหล่านี้ไม่ได้ “ปัญญาอ่อนฉิบหาย” แฟรงก์ที่นั่งเงียบอยู่นาน เบะปากมองคว่ำด้วยความรำคาญใจ สองผัวเมียคู่นี้มันยอมกันที่ไหน ไอ้แว่นมันคิดจะทำอะไรก็ทำโดยไม่สนสถานที่หรือผู้คน “สาธุ…กูขอให้เหนือมีผัวใหม่ในเร็วๆ นี้ จะได้หลุดพ้นจากคนประสาทอย่างมึง”
“นิ่งเฉยอยู่ทำไม หรืออยากใช้มากกว่าปาก?” ดาวเหนือคุกเข่าลงตรงหน้า เลื่อนสองมือเข้าไปถอดกางเกงของชายหนุ่มออกอย่างรู้งาน ดวงตาคู่สวยไหวสั่น มองความเป็นชายที่กำลังขยายตัว ถึงแม้จะเห็นอยู่แทบทุกวันแต่หัวใจยังคงเต้นแรงทุกครั้ง ปากบางครอบลงบนแก่นกายอย่างละเมียดละไม เรียวลิ้นอุ่นเลียวนไปทั่วบริเวณส่วนปลาย ก่อนจะออกแรงดูดเบาๆ สัมผัสได้ถึงน้ำสีใสที่ไหลซึมเปียกแฉะไปทั่วริมฝีปาก ฟรินก้มลงมองการกระทำของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยา ท่าทางไม่ประสีประสาแต่เขากลับมองว่ามันน่าหลงไหลจนโงหัวไม่ขึ้น “แค่เห็นหน้าเหนือก็เหมือนจะแตก” “อึก…” ใบหน้าแสนหวานเบ้เบี้ยว เมื่อแก่นกายขยายใหญ่คับริมฝีปากจนเธอเริ่มรู้สึกหายใจติดขัด ปลายนิ้วเรียวเกลี่ยพวงแก้มแดงระเรื่ออย่างนึกเอ็นดู ภาพที่เธอกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเป็นสิ่งที่เขาอยากเห็นมากที่สุด มือสากเลื่อนเข้าไปจับศีรษะของหญิงสาวไว้มั่น ก่อนจะอัดกระแทกความเป็นชายเข้าออกในโพรงปากเล็กตามจังหวะที่ต้องการซ้ำแล้วซ้ำอีก “อยากให้แตกใส่ตรงไหน” “แล้วแต่ฟรินจะทำ”
“ชนินทร์น่ารักจังเลย หนูขอจับน้องได้มั้ยคะ” ดาวศุกร์เกาะขอบเตียงเขย่งปลายเท้าขึ้นมองน้องชายด้วยความตื่นเต้น “ได้ค่ะ จับน้องเบาๆ นะคะ” “ศุกร์รักน้องค่ะแม่” ดาวศุกร์เผยรอยยิ้มกว้างอย่างมีความสุขเมื่อมองเห็นน้องชายตัวจิ๋ว “เป็นพี่น้องต้องรักกันนะคะ” “ถ้าศุกร์โต เดี๋ยวศุกร์จะเป็นคนเลี้ยงน้องแทนแม่กับป๊าเอง” เพราะเห็นว่าป๊าทำงานหนักเลยอยากแบ่งเบาภาระช่วยดูแลแม่กับน้อง “ลูกสาวของแม่คนนี้เก่งที่สุดเลยค่ะ” “ป๊าแฟรงก์เคยสอน บอกว่าถ้าศุกร์เป็นเด็กดีจะมีแต่คนรักเรา” เด็กน้อยยืดอกพูดด้วยความภาคภูมิใจ เพราะถ้าดื้อมากๆ จะโดนป๊าแฟรงก์ดึงหู “ใช่แล้วค่ะ ถ้าหนูเป็นเด็กดี ทุกคนจะรักหนู” “ศุกร์สัญญาเลยว่าจะไม่ดื้อไม่ซน ป๊ากับแม่จะได้รักศุกร์มากๆ” โชคดีที่ดาวศุกร์เป็นเด็กเลี้ยงง่าย อาจจะซุกซนไปบ้างตามวัยแต่มีจิตใจดี ชอบสงสารและช่วยเหลือคนอื่นอยู่เป็นประจำ “…..” “เอาอีกดิไอ้แว่น” แฟรงก์สะกิดน้องชายเบาๆ เพื่อให้หันมองลูกทั้งสามคนที่กำลังวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน “อะไร?”
“ทำไมวันนี้คนสวยตื่นเช้า ไม่นอนต่ออีกสักหน่อยเหรอ” ชายหนุ่มเดินเข้าไปสวมกอดคนตัวเล็กไว้แน่นจากทางด้าน โน้มริมฝีปากพรมจูบที่ลำคอขาวเบาๆ ด้วยความหวงแหน วันนี้ดาวเหนือตื่นเช้ากำลังยืนดูพระอาทิตย์ขึ้นอยู่ริมระเบียงห้องของบ้านพัก “อยากดูพระอาทิตย์ขึ้นค่ะ” “สวยมาก” “ใช่ค่ะ สวยมากเลย” “ไม่ได้หมายถึงพระอาทิตย์ แต่ฉันหมายถึงเธอ” ปลายนิ้วเรียวลูบไล้พวงแก้มอมชมพูอย่างอ่อนโยน “ตื่นมาก็อ้อนเมียแต่เช้าเลยนะคะ” เขย่งปลายเท้าขึ้นไปหอมแก้มของสามีเบาๆ “อยากทำมากว่าอ้อนอีก” “…..” ใบหน้าแสนหวานเห่อร้อนด้วยความเขินอาย ขยับถอยหนีแต่ฟริน ยังคงเดินตามไม่ห่างไปไหน “อยากย้ายมาอยู่ที่นี่มั้ย เธอจะได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นทุกวัน” “เหนือชอบที่นี่ แต่ฟรินเองก็ยังมีธุรกิจและลูกน้องที่ต้องดูแล เอาไว้ก่อนก็ได้ค่ะ” “ขอแค่บอกมาคำเดียว เดี๋ยวที่เหลือฉันจัดการเอง” อะไรที่เป็นความสุขของลูกกับเมียเขายินดีทำให้แบบไม่มีข้อแม้ “คงต้องถามลูกๆ ก่อนว่าอยากมาอยู่ที่นี่ไหม เหนือแล้วแต่ลูก” “ส่วนฉั
“กินผักเยอะๆ หลานแฟรงก์จะได้แข็งแรง” แฟรงก์ยื่นจานผักและผลไม้ให้หญิงสาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ดาวเหนือท้องแก่ใกล้คลอดจำเป็นต้องกินแต่ของที่มีประโยชน์ “เหนือว่าคนนี้ต้องตัวโตมากแน่เลย” คนตัวเล็กเผยรอยยิ้มบางๆ อย่างมีความสุข ทุกคนในครอบครัวล้วนแต่เฝ้ารอที่จะได้เห็นหน้าสมาชิกใหม่ “ตัวโตก็ดีแล้ว จะได้ดูแลปกป้องพี่สาวได้” “ศุกร์ดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องให้ใครมาปกป้องหรอก” ดาวศุกร์พูดขึ้นลอยๆ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาทานอาหารในจานของตัวเอง “ตัวแค่นี้อย่าทำซ่าส์นะศุกร์” “ก็ป๊าฟรินเป็นคนสอนหนูเองว่าให้ลูกเข้มแข็ง” “สภาพอย่างไอ้แว่นเนี่ยนะจะมาเข้มแข็ง ตอนโดนเมียทิ้งร้องไห้จะเป็นจะตาย” แฟรงก์หรี่สายตามองหน้าน้องชายอย่างเอือมๆ “ป๊าต้องไปนั่งเฝ้านอนเฝ้า อดหลับอดนอน จนจะเป็นบ้าตามมันไปอีกคน” “กูอยู่ของกูดีๆ ไอ้แฟรงก์ อย่ามาลามปาม” คนที่ถูกกล่าวหา เกิดอาการร้อนตัวรีบพูดแทรกขึ้น เขาอุตส่าห์นั่งเงียบๆ แต่ก็ก็ยังมิวายโดนพูดจากระแทกแดกดัน “กูพูดความจริงทั้งนั้น มึงรับไม่ได้เหรอ” “แล้วเมียของป๊าเ
“ทำไมหน้ามึงโทรมขนาดนี้ ขอบตาดำอย่างกับหมีแพนด้า ไปอดหลับอดนอนมาจากไหน” แฟรงก์จับหน้าน้องชายฝาแฝดหันซ้ายหันขวา ไม่รู้ว่าไอ้แว่นมันมัวแต่ทำงานหนักหรือเอาแต่คิดเรื่องเมีย ถึงได้อดหลับอดนอน “ถึงเราจะเป็นผู้ชาย ก็ต้องดูแลตัวเองนะน้องรัก อย่าปล่อยตัวให้โทรมเหมือนผีดิบจำศิลแบบนี้” ตบบ่าแฝดน้องเบาๆ ถึงจะเป็นแฝดหน้าตาคล้ายกันก็จริง แต่คนอื่นมักจะพูดอยู่เสมอว่าเขาน่ะหล่อกว่าไอ้แว่นเป็นไหนๆ “เลิกวุ่นวายได้แล้วแฟรงก์ ถอยไปไกลๆ กูจะทำงาน” ฟรินปัดป่ายมือพี่ชายออกจากใบหน้าด้วยความรำคาญ จะให้เอาเวลาที่ไหนไปดูแลตัวเองแบบมัน ไอ้แฟรงก์มันเข้าคลินิกเสริมความงามกับแม่ทุกเดือน นั่งๆ นอนๆอยู่แต่ในร่ม เคยออกแดดที่ไหนกัน ส่วนเขาแค่ก้มหน้าทำงานก็หมดเวลาไปเกือบวัน “พักเรื่องงานเอาไว้ก่อน ไปรับลูกที่โรงเรียนกัน” “แต่อีกครึ่งชั่วโมงกูต้องเข้าประชุม” “มึงเห็นงานสำคัญกว่าลูกหรือไง” แฟรงก์ยืนเท้าเอวมองหน้าน้องชายอย่างไม่สบอารมณ์ “เรื่องงานเอาไว้ค่อยทำก็ได้ ยังไงเรื่องลูกก็ต้องมาก่อนเสมอ” ในหัวสมองของไอ้แว่น
“ทานอีกนิดสิเหนือ ผลไม้มันมีประโยชน์นะ” “เหนืออิ่มแล้วค่ะแม่” ดาวเหนือบอกอย่างเกรงใจ แม่สามีและทุกคนในครอบครัววรางกูรดูแลและรักเธอมากเสมือนเป็นญาติแท้ๆ ด้วยอีกคน “งั้นดื่มนมอีกสักหน่อย หลานแม่จะได้แข็งแรง” พอรู้ว่าได้หลานชายถึงกลับหัวใจพองโต อะไรที่ว่าดีก็หาประเคนมาให้ลูกสะใภ้แทบทุกอย่าง “ขอบคุณค่ะ” “ถ้าอยากกินอะไรให้บอกแม่นะ คนกำลังท้องต้องเลือกกินแต่สิ่งที่มีประโยชน์” ปาลินลูบศีรษะของดาวเหนือด้วยความรักใคร่เอ็นดู ถ้าลูกชายรักใครเธอก็รักด้วย “ค่ะแม่” “อิจฉาซ้อจริงๆ ผัวก็หลงจนหัวปักหัวปำ แถมแม่ผัวยังรักพร้อมยอมยกสมบัติให้อีก” หมวยเฟย์ที่นั่งเงียบอยู่นานพูดแทรกขึ้น ก่อนจะปรายสายตามองไปยังผู้เป็นแม่ที่เอาอกเอาใจลูกสะใภ้จนออกหน้าออกตา เจ๊ปาลินเห่อหลานชายคนนี้ยิ่งกว่าอะไรดี เตรียมของรับขวัญไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ “งั้นก็ดูไว้เป็นตัวอย่าง ถ้าแกจะมีผัวต้องหาให้ดีกว่าพวกเฮียสองคนนะรู้ไหม” แฟรงก์บอกน้องสาวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ผู้ชายสมัยนี้มันไว้ใจได้ที่ไหน “พวกสันดานเจ้าชู้หลายใจ อย่าไปคิดจะเ
“ป๊า!” ‘ชารา’ แฝดผู้พี่วิ่งเข้ามาในห้องทำงานของผู้เป็นพ่อด้วยความคุ้นเคย ด้านล่างเป็นออฟฟิศขนาดใหญ่ ส่วนชั้นบนเป็นที่อยู่อาศัยของครอบครัว “ว่าไงครับ?” “เห็นชุดเจ้าหญิงสโนว์ไวท์ของชารามั้ยคะ” เด็กน้อยยืนกอดอกถามด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้ว สามารถเรียกรอยยิ้มจากคนเป็นพ่อได้เป็นอย่างดี “ป๊าพับเก็บไว้ให้อยู่ในลิ้นชัก หนูลองไปหาดูนะ” “ขอบคุณค่ะ ชารารักป๊า” ชาราเดินเข้าหา เขย่งปลายเท้าขึ้นไปหอมแก้มผู้เป็นพ่อที่นั่งทำงานอยู่ “ป๊าก็รักลูกเหมือนกัน” แกร๊ก… บานประตูห้องทำงานถูกเปิดออกอีกครั้งพร้อมดาวเหนือและดาวศุกร์ที่เดินเข้ามาใหม่ ภาพวุ่นวายเล่านี้เป็นสิ่งที่บุรินทร์วัชร์มักจะได้เห็นเป็นประจำอยู่ทุกวัน “เหนือจะพาดาวศุกร์ออกไปซื้อของที่ห้างใกล้บ้าน ฟรินจะเอาอะไรไหม” “รอก่อนได้มั้ย เลิกงานแล้วค่อยไปพร้อมกัน” “ไม่เป็นไร ไปแค่แป๊บเดียวเดี๋ยวก็กลับแล้วค่ะ” “ท้องอยู่…ไม่อยากให้ไปไหนมาไหนโดยที่ไม่มีฉันไปด้วย เป็นห่วง” ท้องของดาวเหนือเริ่มขยายใหญ่จนเห็นได้ชัด เวลาจะไปไหนมาไห