“อ่า ไม่ไหวแล้ว อินทร์ร้อน อื้อ อินทร์ไม่ไหวแล้วนะคะ อ่า อื้อ”
“อ่า ผัวรู้ว่าหนูอินทร์ไม่ไหว ตอนนี้คุณเทือกก็จะแตกแล้ว แต่เราจะแตกเสียวพร้อมกันทูนหัว โอว์ เสียว”
พั่บ! พั่บ! พั่บ!
หนึ่งคนเปลือยหนึ่งคนยังมีเสื้อผ้าครบมีเพียงแค่เป้ากลางหว่างขาที่เปิดเผยให้ได้ออกมาหายใจกินน้ำน้อยในถ้ำน้อยของสาวเจ้า เอวสอบไหวโยกเร่ากดคลึงหนักหน่วงไหวโยกเร่าเสียวซ่านดุดันอย่างชำนาญ ส่วนคนไร้ประสบการณ์ก็ทำหน้าที่ไหวเคลื่อนโยกตามแม้จะไม่รู้ว่าตัวเองเด้งถูกจังหวะไหมแต่เธอก็ร้องกระเส่าทุกครั้งยามเขาสอดกายลึกคลึงในร่าง
“โอว์ ทูนหัวของคุณเทือก อ่า”
เวลาผ่านไปตีสามจนเวลาผับปิด เหล่าบรรดาเพื่อนต่างโทรหาเพื่อนรักอย่างองค์อินทร์ เพราะตั้งแต่บอกว่าจะไปตามเพื่อนในกลุ่มที่ไปเข้าห้องน้ำ คนไม่เคยมาเที่ยวผับอย่างองค์อินทร์ไม่รู้จะเดินหลงไปไหน แถมกระเป๋าสะพายยังอยู่ หรือว่าหนีกลับไปแล้ว แต่หนีกลับก็ควรจะบอก แถมเพื่อนที่ไปเข้าห้องน้ำก็กลับมานานแล้วจนตอนนี้ผับปิด ผับแห่งนี้เป็นผับที่มีแต่เหล้าไฮโซเซเลปมาเที่ยวกัน และชั้นใต้ดินก็เป็นที่ผู้ชายที่ต้องการระบายความต้องการมาใช้สอย จะเรียกว่าซ่องก็ว่าได้ แต่ทุกอย่างถูกกฎหมาย และได้ยินว่าเจ้าของกิจการที่นี่หล่อมาก เป็นผู้ชายที่สาวๆ ทุกคนอยากนอนด้วย แต่ไม่เคยมีใครได้เห็นหน้าเขา มีแต่เพียงเสียงเล่าลือมาให้ได้กรี๊ด
“กระเป๋ายัยอินทร์ยังอยู่ จะโทรไปที่บ้านแม่ก็คงนอนแล้ว” หนึ่งในเพื่อนขององค์อินทร์เอ่ยเมื่อออกมายืนกันหน้าผับจะกลับ
“ยัยอินทร์คงกลับแล้วแหละ ไม่น่าจะอยู่หรอก ที่นี่คนเยอะมีแต่พวกขี้เหล้า แถมยังเหม็นบุหรี่ คนดีอย่างเพื่อนเราคงไม่ทนหรอก” อีกคนพูดขึ้น
“ก็จริง แต่กระเป๋ายังอยู่นะ แถมตอนนั้นก็เห็นบอกว่าจะไปตามยัยตาลด้วย” มณีรัตน์เอ่ย
“แต่ตาลไม่เห็นยัยอินทร์ตามไปห้องน้ำนะ” พุฒตาลเอ่ยบ้าง
“เราก็ไปตามหาอินทร์นะ แต่ไม่เห็นอินทร์” โยธาเอ่ยบ้าง
“คงไม่มีอะไรหรอก อินทร์มันคนดีคงไม่โชคร้ายโดนผู้ชายในผับลวนลามหรอก” อิทธิพลเอ่ยบ้าง
“ขอให้เป็นแบบนั้น งั้นเรากลับกันเถอะ เดี๋ยวโยไปเอารถนะ” โยธาเอยขึ้นแม้จะยังเป็นห่วงองค์อินทร์
“อือ คนดีๆ อย่างยัยอินทร์ไม่โชคร้ายหรอก กลับกันเถอะ ตอนสายค่อยโทรเช็กไปที่บ้านก็ได้ แล้วกระเป๋าของยัยอินทร์ล่ะทำไง” มณีรัตน์เอ่ย
“เดี๋ยวตอนสายโยแวะเอากระเป๋าไปให้เอง” โยธาเอ่ยอาสาก่อนที่เพื่อนทุกคนจะพยักหน้ารับรู้ แล้วโยธาก็เดินแยกไปยังลานจอดรถเพื่อขับรถมารับเพื่อนๆ ที่หน้าผับ
ร่างเล็กปวดเมื่อยไปทั้งตัวกว่าคนเลวชาติชั่วจะถอดถอนกายออกห่าง เธอมองเขาที่แทบจะไม่ได้แก้เสื้อผ้า แต่เธอแม้แต่เสื้อผ้าก็ขาดใส่กลับไม่ได้ เรี่ยวแรงจะลุกก็ไม่มี เขาทำอย่างที่พูด ถ้าเดินคงขาถ่างแน่นอน เธอเม้มปากแน่นกลืนความเจ็บปวดตรงกลางลำตัวของตัวเองขยับลุกขึ้นนั่งพิงโซฟา พร้อมกอดปิดหน้าอกตัวเองไว้ สองขายกไขว้ปิดความเป็นสาว
หึหึ
“ไม่ต้องอายแล้ว เนี่ยเราก็ผัวเมียกันแล้ว” เขาบอกเธอแล้วก็มองไปยังผิวสีน้ำผึ้งที่เต็มไปด้วยรอยขบของฟันหน้าตัวเอง
“สารเลว!”
“เมื่อกี้ยังครางคุณเทือก ตอนนี้เป็นคนสารเลวไปซะแล้ว ช่างเถอะ ตอนนี้อิ่มอยู่ แล้วเนี่ยกลับไปได้แล้ว” พูดจบก็เดินไปหยิบโทรศัพท์ส่วนตัวที่โต๊ะทำงานมาต่อสายหาไอ้ผาดกับไอ้ขาบคนของตนที่ให้ไปสืบประวัติของหญิงสาว
“อืม” เขาครางรับปลายสาย แค่นั้นก็เดินไปหยิบเสื้อผ้าตัวเองที่มีติดอยู่ในห้องมาให้เธอใส่
“ใส่ซะ แล้วก็กลับได้แล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นความซวยเธอก็แล้วกันเด็กน้อย แต่จะว่าซวยก็ไม่ใช่ เพราะได้นอนกับฉันเชียวนะ”
ตอนนี้รู้แล้วว่าตนเข้าใจผิดจริงๆ สาวเจ้าไม่ได้จะมาขโมยของ เธอหลงทางมาจริงๆ เธอเป็นลูกค้าที่มาเที่ยวกับกลุ่มเพื่อน และประวัติของเธอไอ้ผาดจะเอาเข้ามาให้อ่านที่หลัง
“ก็ฉันบอกแล้วว่าไม่ได้ขโมย ไม่ใช่ขโมย แต่คุณก็ไม่เชื่อแล้วยังข่มขืนฉันอีก คนเลว!” เธอกำเสื้อเชิ้ตสีดำที่เขาโยนมาให้แน่น
“จะว่าแบบนั้นก็ไม่ได้นะ ก็เธออยากเข้ามาในห้องทำงานฉันเอง แล้วจะให้เชื่อได้ยังว่าไม่ใช่ขโมย ฉันมีศัตรูเยอะแยะก็ต้องระแวงกันบ้างแหละ” บอกแล้วก็เดินเป่าปากอารมณ์ดีไปนั่งลงยังเก้าอี้ทำงานของตน
“แต่งตัวซะ เดี๋ยวคนของฉันจะพาเธอออกไปข้างนอก และอย่าหลงมาอีกล่ะ ขอบใจนะสำหรับพรหมจรรย์ที่มอบให้ ฉันชอบมันมาก”
พูดพร้อมกับดึงลิ้นชักออกมาแล้วหยิบสมุดเช็คออกมาเปิดเซ็นเงินจำนวนหนึ่งแล้วฉีกออกแล้วลุกขึ้นเดินไปหาเธอพร้อมยื่นให้
“ฉันไม่เอาเปรียบเธอหรอกอินทร์ เนี่ยขวัญถุง” เขาส่งให้เธอและเธอก็รับไปพร้อมมองเงินจำนวนหกหลักแล้วเม้มปากแน่น พร้อมฉีกมันทิ้งต่อหน้าเขา
“สารเลว! เงินชั้นต่ำของคนเลวอย่างคุณฉันไม่ต้องการ” โยนเช็คที่ฉีกทิ้งใส่หน้าเขาพร้อมฝืนกัดฟันพาร่างกายตัวเองลุกขึ้น แม้ขาจะยังสั่นอยู่แต่ก็พยายามไม่อ่อนแอให้เขาหัวเราะเยาะหยันตน
“อวดดี ไม่เอาก็ไม่เป็นไร ดีเหมือนกันได้ของฟรีมีคุณภาพ” พูดพร้อมกับหมุนตัวเดินกลับไปนั่งที่เดิม ไม่สนใจเด็กอวดดีที่กำลังแต่งตัวในตอนนี้
“หวังว่าจะไม่ได้เจอกันอีก แกมันตายไปก็ไม่ได้ไปเกิดใหม่หรอก ขอให้แกตกนรกไม่ได้ผุดได้เกิด คนบาปชั่วช้าอย่างแกมันไม่ควรจะอยู่หายใจให้เปลืองอากาศ”
“หรืออยากได้อีกถึงได้ด่าผัวคนแรกแบบนี้ฮึ” คลังแสงไม่รู้สึกโกรธกับคำสาปแช่งของหล่อน เพราะคำสาปแช่งแค่นี้มันน้อยไปด้วยซ้ำ ตลอดชีวิตของเขาได้รับฟังมาตลอด ชีวิตของเขามันไม่ได้สวยหรูอย่างฉากหน้าที่ทุกคนรู้จักหรอก เขามันต่ำช้า มันคือคนบาป และที่สำคัญเขาไร้หัวใจไร้ความรู้สึกกับคู่นอน และเธอเองก็เหมือนกัน ควรเป็นแบบพวกหล่อนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต แต่แปลกทำไมหัวใจที่ตายด้านถึงได้เต้นผิดปกติยามได้โอบกอดหล่อน
“ไปได้แล้ว แต่งตัวเสร็จก็ไสหัวไปได้แล้ว ไม่อยากเจอหน้า เบื่อ” เมื่อเห็นว่าเธอแต่งตัวเรียบร้อยแล้วก็ไล่ทันที พร้อมกับประตูห้องทำงานเปิดกว้างออก ไอ้ผาดก็เดินเข้ามาโค้งคำนับเจ้านายเหมือนทุกครั้ง
“พาหล่อนไปส่งหน้าผับได้แล้ว”
สั่งไอ้ผาดแล้วไอ้ผาดก็เดินมากระชากแขนเล็กของเธอดึงลากออกไป ไม่สนใจว่าเธอจะเป็นยังไง องค์อินทร์เดินไปตามแรงลากของคนแปลกหน้าที่เป็นลูกน้องของเขาอีกครั้ง คนที่จับล็อกเธอก่อนหน้าและตอนนี้เขาก็กำลังจะพาเธอออกไปจากที่โสมมแห่งนี้
“ฉันเดินเองได้”
เพล้ง! เสียงแก้วใสๆ ในมือถูกปาลงพื้นอย่างไม่ไยดี พร้อมกับร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง สาวเท้าหนักๆ ไปยังเป้าหมายที่ถูกจับกดคุกเข่าอยู่กับพื้นตรงหน้าตัวเอง พอเดินไปถึงก็ใช้เท้าใหญ่ยกขึ้นไปแตะคางเล็กแล้วใช้เท้านั่นดันคางมนให้แหงนเงยขึ้นมาสบตาตัวเอง ดวงตาสีทมิฬจ้องไปมองไปยังดวงตาของกวางน้อยที่นั่งสั่นเทาตรงหน้าตัวเองพร้อมแสยะยกยิ้มสมเพชให้หล่อน “คิดผิดแล้วที่มาขโมยของของคนอย่างฉัน” น้ำเสียงแหบกระด้างดังออกมาพร้อมกับเท้าที่ดันคางเล็กยกลง กลับมายืนประคองร่างสูงใหญ่ตัวเอง “ฉันไม่ได้ขโมย” หล่อนตอบกลับเสียงสั่น พร้อมกับก้มหลบตาสีทมิฬน่ากลัวคู่นั้นของเขา หึหึ “บอกมาใครจ้างเธอมาขโมยของฉัน” ยังคงเชื่อ เสียงห้าวดุดันที่ดังในตอนนี้คือเสียงของพระเจ้าของความบาปทั้งปวงบนโลกนี้ นายเทือก คลังแสง คอนแวนต์ วัย 39 ย่าง 40 ปี เจ้าของธุรกิจมืดและทรงอิทธิพลที่สุดของน่านฟ้าเมืองไทยก็ว่าได้ เขามีผับ ซ่อง กาสิโน และค้าขายอาวุธ แม้จะเป็นธุรกิจมืด แต่เขาก็เสียภาษีตามกฎหมาย “ไอ้ผาดไอ้ขาบมันติดต่อกลับมารึยัง” เมื่อกวางน้อยไม่ยอมตอบก็ถามคนของตัวเองที่เป็นคนกดไหล่ล
เสียงเสื้อฉีกขาดพร้อมเสียงกรีดร้องตกใจของเธอดังขึ้นและพยายามดิ้นหนี แต่เอวเล็กก็ถูกแขนแข็งแรงของคนต่ำช้ากอดรัดรั้งไว้แน่น “ก็บอกว่าจะค้นหาความจริงเอง ขโมยไม่ขโมยเดี๋ยวรู้กัน” จากที่สัมผัสบีบขยำก่อนหน้าว่าอวบนุ่มแล้วมาเห็นของจริงที่ดุนดันในยกทรงสีเนื้อยิ่งทำให้เขาตกใจกับความสวยงาม รูปทรงของมันสวยน่าค้นหาที่สุด “คุณจะข่มขืนฉันไม่ได้นะ” เธอบอกเขาพร้อมปัดมือใหญ่ที่กำลังวนเวียนกับหน้าอกตัวเองออก อีกมือก็ดันหน้าอกแข็งแรงไว้เพื่อไม่ให้ตัวเองแนบเนื้ออกไปเบียดถูกับหน้าอกของเขา “คำว่าข่มขืนใช้กับฉันไม่ได้หรอกนะ” น้ำคำหยาบคายดังออกมาจากริมฝีปากหนาได้รูปองค์อินทร์ คำฝอย หรืออินทร์ วัย 22 ปี ที่เพิ่งเรียนจบเมื่อสองวันก่อน เธอเป็นนักศึกษาจบใหม่ที่ยังว่างงานแต่ก็ต้องมาเจอเหตุการณ์ร้ายๆ แบบตอนนี้ในวันที่มาเลี้ยงฉลองเรียนจบกับกลุ่มเพื่อนที่ผับดังในย่านหนึ่งของกรุงเทพฯ ตอนนี้เธอไม่รู้หรอกว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น ทำไมชีวิตถึงได้ซวยอะไรแบบนี้ มาเจอกับคนถ่อยต่ำช้าเช่นนี้ได้ เธอก็ทำบุญใส่บาตรทุกเช้า ทำไมบุญกุศลไม่ส่งผลให้ชีวิตเธอเจอแต่คนดีๆ เลย ทำไมต้องส่งคนบาปดั่งเดรัจฉานมา
“อ่า อื้อ” ทันทีที่ปากหนาผละออก องค์อินทร์ก็หอบหายใจแรงทันที เพราะเมื่อกี้เธอนึกว่าตัวเองจะตายเพราะจูบแล้ว และหล่อนก็รวบรวมเรี่ยวแรงที่มีอันน้อยนิดกับสติที่ยังเหลือดีอยู่ยกมือฟาดไปยังบ้องหูของเขาเผียะ!โอ้ย!คนที่กำลังหลงมัวเมาไปกับผิวสีน้ำผึ้งยามกระทบแสงไฟร้องโอดครวญเจ็บกกหูที่ถูกฟาดตบทันที ความไม่คาดคิดและไม่ได้ตั้งตัวทำให้หลบหนีไม่ทันกรอด!เสียงขบกรามแกร่งแน่นดังลอดออกมาจากริมฝีปากจ้องมองคนใต้ร่าง ตอนนี้เขาหูอื้อไปหมด หล่อนกล้ามาก กล้ามากที่ตบบ้องหูเขาแบบนี้ เกิดมาไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าทำแบบนี้ ขนาดแม่ที่เลี้ยงดูแลเขามายังไม่เคยทำกับเขาแบบนี้“ปล่อยฉันไปเถอะนะ” องค์อินทร์อ้อนวอนพร้อมกับจับท่อนแข็งแรงที่เท้ากับโซฟากักร่างตัวเองไว้“บุกรุกห้องทำงานฉัน ตบบ้องหูฉันจนอื้อชาขนาดนี้ยังคิดว่าจะปล่อยไปไหนได้อีกเหรอ ถ้าวันนี้กูไม่เอาจนขาถ่างคลานออกจากห้องอย่ามาเรียกกูว่าไอ้เทือก!” สิ้นเสียงหยาบกระด้างก็มีเสียงกรีดร้องดังตามมาเมื่อเขาใช้สองมือกอบกุมสองเต้าของเธอแล้วบีบเคล้นเอาแต่ใจ หาได้ถนอมและอ่อนโยน“อ่ะ เจ็บนะ ฉันเจ็บ ได้โปรด...ได้โปรดหยุดเถอะ อือ ฮือๆๆ” องค์อินทร์จับมือใหญ่ที่กำหน้าอก
องค์อินทร์นอนนิ่งผ่อนคลายอย่างคนต่ำทรามบอก เธอพยายามไม่สนใจความเจ็บปวดที่สอดแทรกฝากตัวกลางลำตัวของตัวเองในตอนนี้ ทั้งเจ็บทั้งอึดอัดกลางร่าง อยากจะผลักดันเขาหนี ทำไมชีวิตของเธอต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้ มาเจอคนเลว มาเจอขยะของสังคม มาเจอคนถ่อยหยาบช้าแบบนี้ “เจ็บ! ” “ชูว์! ผ่อนคลายเด็กน้อย...อ่า ไม่ไหวแล้ว ถ้ายังนิ่งแบบนี้คนที่จะตายคือฉันไม่ใช่เธอ อ่า ว่าแต่ชื่ออะไรเราน่ะ”อยากเรียกชื่อของหล่อนเหลือเกินจึงถาม ปกติแล้วเขาไม่เคยรู้สึกใส่ใจกับคนที่จะนอนด้วย แต่กับคนผิวสีน้ำผึ้งแสนยั่วยวนคนนี้มันชวนให้อยากรู้จัก และยิ่งได้รับความคับแน่นของหล่อนตอนนี้ยิ่งทำให้เขารู้สึกว่าต้องการมากกว่านี้ จึงเริ่มขยับโยกเร่าเคลื่อนไหวเอวสอบ สองมือใหญ่กดหัวไหล่เล็กและลูบไล้มากอบกุมหน้าอกอวบบีบขยุ้มขยำไปตามจังหวะเคลื่อนไหวร่างใหญ่ “อ่ะ เจ็บนะ อ่า คนระยำ! อ่ะ อื้อ”องค์อินทร์กัดปากแน่น เจ็บแสบกลางร่างยามเขาเคลื่อนไหวกระแทกกาย เธอเจ็บทุกครั้งยามเขาเคลื่อนไหวขูดไถสอดลึกเข้ามาจุกลิ้นปี่ตน “อ่า ปากดีเหลือเกินแมวขโมยของฉัน อ่า แน่นเหลือเกิน อืม ชื่ออะไรบอกผัวหน่อยสิเด็กน้อย อ่า อยากเอาแ
“อ่า ไม่ไหวแล้ว อินทร์ร้อน อื้อ อินทร์ไม่ไหวแล้วนะคะ อ่า อื้อ” “อ่า ผัวรู้ว่าหนูอินทร์ไม่ไหว ตอนนี้คุณเทือกก็จะแตกแล้ว แต่เราจะแตกเสียวพร้อมกันทูนหัว โอว์ เสียว” พั่บ! พั่บ! พั่บ! หนึ่งคนเปลือยหนึ่งคนยังมีเสื้อผ้าครบมีเพียงแค่เป้ากลางหว่างขาที่เปิดเผยให้ได้ออกมาหายใจกินน้ำน้อยในถ้ำน้อยของสาวเจ้า เอวสอบไหวโยกเร่ากดคลึงหนักหน่วงไหวโยกเร่าเสียวซ่านดุดันอย่างชำนาญ ส่วนคนไร้ประสบการณ์ก็ทำหน้าที่ไหวเคลื่อนโยกตามแม้จะไม่รู้ว่าตัวเองเด้งถูกจังหวะไหมแต่เธอก็ร้องกระเส่าทุกครั้งยามเขาสอดกายลึกคลึงในร่าง “โอว์ ทูนหัวของคุณเทือก อ่า” เวลาผ่านไปตีสามจนเวลาผับปิด เหล่าบรรดาเพื่อนต่างโทรหาเพื่อนรักอย่างองค์อินทร์ เพราะตั้งแต่บอกว่าจะไปตามเพื่อนในกลุ่มที่ไปเข้าห้องน้ำ คนไม่เคยมาเที่ยวผับ
องค์อินทร์นอนนิ่งผ่อนคลายอย่างคนต่ำทรามบอก เธอพยายามไม่สนใจความเจ็บปวดที่สอดแทรกฝากตัวกลางลำตัวของตัวเองในตอนนี้ ทั้งเจ็บทั้งอึดอัดกลางร่าง อยากจะผลักดันเขาหนี ทำไมชีวิตของเธอต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้ มาเจอคนเลว มาเจอขยะของสังคม มาเจอคนถ่อยหยาบช้าแบบนี้ “เจ็บ! ” “ชูว์! ผ่อนคลายเด็กน้อย...อ่า ไม่ไหวแล้ว ถ้ายังนิ่งแบบนี้คนที่จะตายคือฉันไม่ใช่เธอ อ่า ว่าแต่ชื่ออะไรเราน่ะ”อยากเรียกชื่อของหล่อนเหลือเกินจึงถาม ปกติแล้วเขาไม่เคยรู้สึกใส่ใจกับคนที่จะนอนด้วย แต่กับคนผิวสีน้ำผึ้งแสนยั่วยวนคนนี้มันชวนให้อยากรู้จัก และยิ่งได้รับความคับแน่นของหล่อนตอนนี้ยิ่งทำให้เขารู้สึกว่าต้องการมากกว่านี้ จึงเริ่มขยับโยกเร่าเคลื่อนไหวเอวสอบ สองมือใหญ่กดหัวไหล่เล็กและลูบไล้มากอบกุมหน้าอกอวบบีบขยุ้มขยำไปตามจังหวะเคลื่อนไหวร่างใหญ่ “อ่ะ เจ็บนะ อ่า คนระยำ! อ่ะ อื้อ”องค์อินทร์กัดปากแน่น เจ็บแสบกลางร่างยามเขาเคลื่อนไหวกระแทกกาย เธอเจ็บทุกครั้งยามเขาเคลื่อนไหวขูดไถสอดลึกเข้ามาจุกลิ้นปี่ตน “อ่า ปากดีเหลือเกินแมวขโมยของฉัน อ่า แน่นเหลือเกิน อืม ชื่ออะไรบอกผัวหน่อยสิเด็กน้อย อ่า อยากเอาแ
“อ่า อื้อ” ทันทีที่ปากหนาผละออก องค์อินทร์ก็หอบหายใจแรงทันที เพราะเมื่อกี้เธอนึกว่าตัวเองจะตายเพราะจูบแล้ว และหล่อนก็รวบรวมเรี่ยวแรงที่มีอันน้อยนิดกับสติที่ยังเหลือดีอยู่ยกมือฟาดไปยังบ้องหูของเขาเผียะ!โอ้ย!คนที่กำลังหลงมัวเมาไปกับผิวสีน้ำผึ้งยามกระทบแสงไฟร้องโอดครวญเจ็บกกหูที่ถูกฟาดตบทันที ความไม่คาดคิดและไม่ได้ตั้งตัวทำให้หลบหนีไม่ทันกรอด!เสียงขบกรามแกร่งแน่นดังลอดออกมาจากริมฝีปากจ้องมองคนใต้ร่าง ตอนนี้เขาหูอื้อไปหมด หล่อนกล้ามาก กล้ามากที่ตบบ้องหูเขาแบบนี้ เกิดมาไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าทำแบบนี้ ขนาดแม่ที่เลี้ยงดูแลเขามายังไม่เคยทำกับเขาแบบนี้“ปล่อยฉันไปเถอะนะ” องค์อินทร์อ้อนวอนพร้อมกับจับท่อนแข็งแรงที่เท้ากับโซฟากักร่างตัวเองไว้“บุกรุกห้องทำงานฉัน ตบบ้องหูฉันจนอื้อชาขนาดนี้ยังคิดว่าจะปล่อยไปไหนได้อีกเหรอ ถ้าวันนี้กูไม่เอาจนขาถ่างคลานออกจากห้องอย่ามาเรียกกูว่าไอ้เทือก!” สิ้นเสียงหยาบกระด้างก็มีเสียงกรีดร้องดังตามมาเมื่อเขาใช้สองมือกอบกุมสองเต้าของเธอแล้วบีบเคล้นเอาแต่ใจ หาได้ถนอมและอ่อนโยน“อ่ะ เจ็บนะ ฉันเจ็บ ได้โปรด...ได้โปรดหยุดเถอะ อือ ฮือๆๆ” องค์อินทร์จับมือใหญ่ที่กำหน้าอก
เสียงเสื้อฉีกขาดพร้อมเสียงกรีดร้องตกใจของเธอดังขึ้นและพยายามดิ้นหนี แต่เอวเล็กก็ถูกแขนแข็งแรงของคนต่ำช้ากอดรัดรั้งไว้แน่น “ก็บอกว่าจะค้นหาความจริงเอง ขโมยไม่ขโมยเดี๋ยวรู้กัน” จากที่สัมผัสบีบขยำก่อนหน้าว่าอวบนุ่มแล้วมาเห็นของจริงที่ดุนดันในยกทรงสีเนื้อยิ่งทำให้เขาตกใจกับความสวยงาม รูปทรงของมันสวยน่าค้นหาที่สุด “คุณจะข่มขืนฉันไม่ได้นะ” เธอบอกเขาพร้อมปัดมือใหญ่ที่กำลังวนเวียนกับหน้าอกตัวเองออก อีกมือก็ดันหน้าอกแข็งแรงไว้เพื่อไม่ให้ตัวเองแนบเนื้ออกไปเบียดถูกับหน้าอกของเขา “คำว่าข่มขืนใช้กับฉันไม่ได้หรอกนะ” น้ำคำหยาบคายดังออกมาจากริมฝีปากหนาได้รูปองค์อินทร์ คำฝอย หรืออินทร์ วัย 22 ปี ที่เพิ่งเรียนจบเมื่อสองวันก่อน เธอเป็นนักศึกษาจบใหม่ที่ยังว่างงานแต่ก็ต้องมาเจอเหตุการณ์ร้ายๆ แบบตอนนี้ในวันที่มาเลี้ยงฉลองเรียนจบกับกลุ่มเพื่อนที่ผับดังในย่านหนึ่งของกรุงเทพฯ ตอนนี้เธอไม่รู้หรอกว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น ทำไมชีวิตถึงได้ซวยอะไรแบบนี้ มาเจอกับคนถ่อยต่ำช้าเช่นนี้ได้ เธอก็ทำบุญใส่บาตรทุกเช้า ทำไมบุญกุศลไม่ส่งผลให้ชีวิตเธอเจอแต่คนดีๆ เลย ทำไมต้องส่งคนบาปดั่งเดรัจฉานมา
เพล้ง! เสียงแก้วใสๆ ในมือถูกปาลงพื้นอย่างไม่ไยดี พร้อมกับร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง สาวเท้าหนักๆ ไปยังเป้าหมายที่ถูกจับกดคุกเข่าอยู่กับพื้นตรงหน้าตัวเอง พอเดินไปถึงก็ใช้เท้าใหญ่ยกขึ้นไปแตะคางเล็กแล้วใช้เท้านั่นดันคางมนให้แหงนเงยขึ้นมาสบตาตัวเอง ดวงตาสีทมิฬจ้องไปมองไปยังดวงตาของกวางน้อยที่นั่งสั่นเทาตรงหน้าตัวเองพร้อมแสยะยกยิ้มสมเพชให้หล่อน “คิดผิดแล้วที่มาขโมยของของคนอย่างฉัน” น้ำเสียงแหบกระด้างดังออกมาพร้อมกับเท้าที่ดันคางเล็กยกลง กลับมายืนประคองร่างสูงใหญ่ตัวเอง “ฉันไม่ได้ขโมย” หล่อนตอบกลับเสียงสั่น พร้อมกับก้มหลบตาสีทมิฬน่ากลัวคู่นั้นของเขา หึหึ “บอกมาใครจ้างเธอมาขโมยของฉัน” ยังคงเชื่อ เสียงห้าวดุดันที่ดังในตอนนี้คือเสียงของพระเจ้าของความบาปทั้งปวงบนโลกนี้ นายเทือก คลังแสง คอนแวนต์ วัย 39 ย่าง 40 ปี เจ้าของธุรกิจมืดและทรงอิทธิพลที่สุดของน่านฟ้าเมืองไทยก็ว่าได้ เขามีผับ ซ่อง กาสิโน และค้าขายอาวุธ แม้จะเป็นธุรกิจมืด แต่เขาก็เสียภาษีตามกฎหมาย “ไอ้ผาดไอ้ขาบมันติดต่อกลับมารึยัง” เมื่อกวางน้อยไม่ยอมตอบก็ถามคนของตัวเองที่เป็นคนกดไหล่ล