เหวินชางกล่าวจบก็เดินออกมาจากตรงนั้น พอดีเจอกับเย่วหลีที่ไปเอาหญ้าให้วัวเพราะพรุ่งนี้ต้องอาศัยพวกมันชักลากท่อนไม้ที่จะนำมาเผาถ่าน เหวินชางถอนหายใจก่อนจะทักทายนาง"อาเย่ว....เจอกันสักทีเจ้าสบายดีหรือไม่""อืม"สีหน้าไม่ยอนดียินร้ายแค่อย่างใด เหวินชางยิ้มหม่นหมองก่อนจะเอ่ยถาม"เจ้ารังเกียจข้าหรือ...อาเย่วคือว่าข้า...""ท่านลุง....ข้าชื่อเย่วหลี ....จางเย่วหลี...อีกอย่างข้าไม่ได้รังเกียจท่านข้าแค่รู้สึกว่าพวกท่านน่ารำคาญนิดหน่อย"เหวินชางสำลักน้ำลายทันที ท่านลุงเชียวหรือเขาแก่กว่าท่านอ๋องเพียงแค่สามปีเองนะ เด็กน้อยคนนี้ช่างน่าตีนัก"เจ้าเรียกข้าท่านอาหรือท่านน้าจะดีกว่าไหมเด็กน้อย เจ้าเรียกข้าท่านลุง ฟังดูแล้วเหมือนข้าเป็นตาแก่ผมขาว""ท่านอายุสี่สิบสองแล้ว หากบิดาข้ายังอยู่เขาก็อายุเท่าท่านอ๋องเป็นน้องท่านสามปี เรียกท่านว่าท่านลุงไม่มีสิ่งใดเกินไปหรอก ข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะเดี๋ยวพี่รองเรียกหา ใกล้ได้เวลามื้อค่ำแล้ว"จางเย่วหลีเดินไปทางเรือนหลัก เหวินชางหงุดหงิดนัก ให้ตายสิมิใช่ว่าเขาไม่เคยถูกเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกับนางเรียกว่าท่านลุงมาก่อน แต่เหตุใดพอออกจากปากนางเขารู้สึกเจ็บจี๊ดไม่น้อย
ส่วนจางจื่อเหยียนแค่อาศัยความหน้าด้านและฐานะของตาเฒ่านี่เป็นไม้กันหมาให้นาง นางรู้ดีว่าจ้าวเฉิงคิดอย่างไรกับนาง บางครั้งเขาก็ล้ำเส้นเกินไป แต่ว่าเหลาสุราของเขาทำเงินให้นางไม่น้อยนางจึงไม่อยากแตกหัก ไว้วันไหนหมดประโยชน์ค่อยกระทืบสั่งสอนก็ยังไม่สาย จางจื่อเหยียนเอ่ยแนะนำคนข้างกับพี่น้องสกุลจ้าว"คุณชายใหญ่ คุณชายรองนี่คือบิดาของจื่อห่าวเจ้าค่ะ"ทั้งสองพี่น้องได้แต่อ้าปากค้าง บิดาของบุตรชายนาง งั้นเขาก็คือสามีของนางน่ะสิ เขาทั้งรูปงามดูดีมีราศี,ราสียิ่งนัก เพียงแค่อาภรณ์ที่เขาสวมใส่พับหนึ่งก็สองพันตำลึงแล้ว หยกพกชิ้นนั้นราคาเกือบสองล้านตำลึง แม้ว่าจ้าวเฉิงรู้สึกสู้ยากนิดๆ แต่เขาไม่ยอมแพ้แน่นอน สามปีที่รู้จักนางๆไม่เคยเอ่ยถึงสามีสักคำ อยู่ๆก็มีสามีโผล่มาแปลว่าสถานการณ์ของทั้งคู่ไม่ได้หวานชื่นนัก ดูแล้วเขายังมีหวัง จ้าวเฉิงจึงเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ"เอ่อ...เถ้าแก่จางคนผู้นี้คือสามีท่านจริงๆหรือ ข้ารู้จักท่านมาสามปีแล้วเหตุใดมิเคยได้ยินท่านกล่าวถึงสักครั้ง"จางจื่อเหยียนเริ่มรำคาญจ้าวเฉิงแล้วกับความล้ำเส้นเรื่องส่วนตัวของนางทุกครั้ง นางถอนหายใจกำลังจะเอ่ยแต่เว่ยเซียวหยางเอ่ยขึ้นเสียก่อน
จางจื่อเหยียนมองหน้าเว่ยเซียวหยางก่อนจะถอนหายใจ คนหน้ามึนนี่แสดงเก่งนัก ตาแก่เว่ยข้ายังมีเรื่องตกลงกับท่านอยู่นะ ทางด้านจ้าวเฉิงที่กำลังจะขึ้นรถม้าที่เพิ่งมาถึงก็ชะงักทันที ท่านอ๋องเช่นนั้นหรือ จ้าวเฉิงหยุดเท้าก่อนจะหันมาเอ่ยถามเว่ยเซียวหยางที่กำลังจะเดินเข้าบ้าน"พี่ชายท่านนี้มิทราบว่าผู้แซ่จ้าวคนนี้ขอทราบนามท่านได้หรือไม่ เผื่อภายภาคหน้ามีโอกาสได้พบกันจะได้ทักทาย""อ่อๆๆ...ข้าแซ่เว่ยนามว่า เว่ย..เซียว..หยาง..คุณชายจ้าวกลับดีๆไม่ส่งล่ะ เมียจ๋าเข้าบ้านกันได้เวลามื้อค่ำแล้ว""ว้าย" เว่ยเซียวหยาวช้อนอุ้มจางจื่อเหยียนโดยที่ไม่สนใจสายตาของพี่น้องสกุลจ้าวหรือท่าย่าหลี่ที่ยืนอ้าปากค้างแต่อย่างใด เขาพาเมียเข้าบ้านหน้าตาเฉย จ้าวเฉิงกำลังยืนคิด แต่น้องชายกลับเอ่ยออกมาก่อน"เว่ยเซียวหยางเช่นนั้นหรือ เขาคือท่านอ๋องปีศาจแห่งเป่ยฉี เป็นเขาจริงๆมิน่าหยกพกนั้นถึงได้ดูมีราคายิ่งนัก พี่ใหญ่ท่านอย่าได้ยุ่งเกี่ยวกับเถ้าแก่จางอีกเลย ท่านอ๋องรับสั่งเมื่อสักครูหากใครวุ่นวายกับพระนางให้จับไปโยนทิ้งที่คุกร้างสกุลเว่ยให้หมด"จ้าวเฉิงหดคอทันที ว่ากันว่าชินอ๋องรังเกียจสตรีมิใช่หรือ เหตุใดถึงได้มีพระชายาอีกทั้ง
จางจื่อเหยียนไม่กินข้าวเย็นเพราะถูกสามีตัวดีหลอกให้ลงนามในสัญญานางกำลังโมโหเขา ผู้ชายคนนี้ทั้งเจ้าเล่ห์ทั้งเหลี่ยมจัดนางตามแทบไม่ทันเลย ขนาดเคยทำงานอยู่หน่วยข่าวกรองมาหลายปีเจอทั้งคนร้ายเจอทั้งข่าวลวงยังวิเคราะห์ได้แต่พอมาอยู่นี่กลับไม่ทันเหลี่ยมอีตาบ้านี่เลยมิหนำซ้ำเขาหน้าหนายิ่งนักอีกทั้งบุตรชายของนางก็หลงคารมของเขานึกอยากได้น้องชายน้องสาวมาเป็นเพื่อนเล่นขึ้นมาอีก ทั้งๆที่เมื่อก่อนไม่เคยเรียกร้องอะไรเลย แต่จางจื่อเหยียนไม่โทษบุตรชายเพราะว่านางเคยเป็นครูประถมมาก่อนอีกทั้งยังเลี้ยงหลานถึงสองคน จื่อห่าวคือเด็กเก็บความรู้สึกเก่งยิ่งนัก และที่สำคัญอาทรใส่ใจคนรอบข้างเสมอหลังจากที่ทุกคนจัดการมื้อคำแล้ว จางเย่วเล่อก็ทำบะหมี่ไข่มาให้นางชามหนึ่ง ก่อนจะมาเคาะประตูเรียก"น้องรอง..พี่ใหญ่เองเปิดประตูเถอะ""เจ้าค่ะ" จางจื่อเหยียนลุกไปเปิดประตูก็เห็นพี่ใหญ่ของนางถือชามบะหมี่มาให้ จางเย่วเล่อรู้ดีคุณหนูของนางเป็นคนขี้เกรงใจแต่ไหนแต่ไร แม้ว่าทุกวันนี้นางจะเก่งกล้าขึ้นแต่ก็ยังมีความเกรงใจผู้อื่นอยู่เหมือนเดิม จางจื่อเหยียนเปิดประตูออกมาก็เห็นพี่ใหญ่ของนางถือชามบะหมี่อยู่ จางจื่อเหยียนจึงรับเอามา จา
จางจื่อเหยียนที่กำลังจะประตูออกไปเรียกเสี่ยวฉุนแต่กลับถูกคนตัวโตอุ้มจนตัวลอยจนต้องร้องอุทานออกมา เว่ยเซียวหยางลงจากเตียงเขาก้าวทีเดียวก็ถึงตัวนางทันที เขาอุ้มนางมานอนบนเตียงให้นางนอนตรงกลาง ส่วนตัวเขานอนด้านนอกกอดนางเอาไว้ จางจื่อเหยียนผลักเขาออกแต่กลับไร้ประโยชน์เขาไม่สะเทือนเลยด้วยซ้ำ คนตัวเล็กโมโหใช้มือน้อยๆทุบเขาไม่หยุดในเมื่อทำร้ายร่างกายไม่ได้นางก็ใช้วาจาแทน จางจื่อเหยียนเอ่ยปากต่อว่าเขาทันที"ตาแก่เว่ย..ปล่อยข้านะท่านมันคนหน้าด้าน ถ้าเป็นข้าคนเขาขับไล่ไสส่งเพียงนี้ข้าไม่หน้าด้านอยู่แล้ว อื้อ"เว่ยเซียวหยางก้มลงมาใช้ริมฝีปากหยักได้รูปของเขาปิดปากนางทันทีเขาจูบนางไม่ให้ต่อว่าอะไรอีก เมียจะทุบจะตีหรือด่าอะไรเขาไม่ว่า แต่เมียเรียกเขาตาแก่เขารับไม่ได้มันเจ็บจี๊ดทันทีที่เขาจูบนางจนพอใจก็ละริมฝีปากออกมาก่อนจะก้มลงไปใหม่ แต่จางจื่อเหยียนยกมือขึ้นแต่เว่ยเซียวหยางรู้ทันจะสับต้นคอเขาอีกหรือเมียจ๋าเจ้าทำได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้นแหละ เว่ยเซียวหยางใช้มือหนาเพียงข้าเดียวรวบข้อมือสองข้างของนางแล้วจับชูขึ้นเหนือศีรษะ ใบหน้าคมก้มลงมากระซิบข้างหู"ถ้าพลาดให้เจ้าลงมือกับพี่ได้อีกก็ไม่ใช่เว่ยเซียวห
เว่ยเซียวหยางออกมานั่งกลางลาน อากาศที่ปิงเหอเย็นมากนักแต่กลับไม่หนาวเหน็บเท่าในใจของเขายามนี้ ภาพนั้นตามมาหลอกหลอนเขาทุกราตรี เขามิเคยได้หลับลงสักคืน ร่างสูงนั่งตากลมร่างกายไร้ความรู้สึกหนาวเย็น เพราะยามนี้ใจเขามันหนาวเหน็บเกินกว่าจะรับรู้สิ่งใด จางจื่อเหยียนเดินออกมาดูเห็นไหล่หนากำลังสั่นไหว"ร้องไห้หรือ.......ผู้ชายตัวโตมานั่งร้องไห้เขามีเรื่องอะไรให้เสียใจกัน เว่ยเซียวหยางยังมีเรื่องอะไรที่ทำให้ท่านร้องไห้ได้ถึงเพียงนี้"จางจื่อเหยียนเดินไปหาเขาก่อนจะเอามือแตะที่บ่าแล้วเอ่ยเรียก"ท่านอ๋อง.......ทรงเป็นอะไรกันแน่เพคะ""เสี่ยวเหยียน...ไปนอนเถอะพี่ไม่เป็นอะไรอย่ากังวลเลย""แน่ใจนะเพคะ.หากไม่อยากบอกหม่อมฉันก็ไม่บังคับฝืนใจ เรื่องของเรายังมีเวลาอีกสามเดือนหากทรงคิดว่าหม่อมฉันเป็นคนอื่นแปลว่าเราคงต้องพิจารณาเรื่องแต่งงานใหม่"จางจื่อเหยียนอยากรู้ว่าเขาร้องไห้ทำไมจึงเอาเรื่องแต่งงานมาอ้าง หากเขาต้องการใช้ชีวิตกับนางจริงๆไม่ควรมีเรื่องปิดบังแต่แรก เว่ยเซียวหยางรั้งนางมานั่งบนตัก จางจื่อเหยียนที่ตอนนี้ตกใจ เขาร้องไห้จริงๆไม่ใช่แค่เรียกร้องความสนใจ นิ้วโป้งทั้งสองข้างกรีดเช็ดน้ำตาให้เขาอย่าง
สองแม่ลูกเดินไปหาหลี่ฉุนเคาะประตูเบาๆเขาก็ออกมา เห็นเจ้าตัวน้อยถือหมอนกับผ้าห่มก็รีบเข้ามาอุ้มทันที เขาหลงรักเจ้าตัวน้อยนี่จริงๆน้องชายเขาจากไปเพราะโรคระบาดจื่อห่าวจึงเหมือนดวงใจเสี่ยวฉุน ไม่ว่าพี่สาวจื่อเหยียนจะไปที่ไหนขอแค่เขาได้เลี้ยงดูเด็กคนนี้เขายอมฝ่าฟันหลี่ฉุนอุ้มจื่อห่าวกำลังจะเข้าห้อง ก็เห็นเหวินชางที่เพิ่งออกมาจากห้องเล็กของท่านแม่จื่อห่าวจึงเอ่ยทักทาย"อรุณสวัสดิ์ท่านตาเหวินชางขอรับ"เหวินเปียวอมยิ้ม ท่านตาเหวินชาง ฮ่าๆๆดีนะที่เขาอ่อนกว่าท่านอ๋องไม่เช่นนั้นคงได้เป็นท่านตากันทุกคน จางจื่อเหยียนไม่ขำนางจึงเอ่ยกับบุตรชาย"จื่อห่าว ลูกต้องเรียกท่านลุงมิใช่ท่านตา""แต่ว่า...ท่านแม่ของต้าหนิวเรียกท่านตาสามว่าท่านลุง ต้าหนิวเรียกท่านสามว่าท่านตา ท่านแม่เองก็เรียกท่านตาเหวินทั้งสองว่าท่านลุงนี่ขอรับ" จางจื่อเหยียนยิ้มให้ทั้งสองคนอย่างลุแก่โทษก่อนจะเอ่ยกับทุกคน"เอาล่ะๆสองน้าหลานไปนอนเถอะ กลางยามอิ๋นอากาศยิ่งเย็นลงอีก ท่านลุงเหวินทั้งสองบ้านข้ามีรถม้าท่านไปตำบลตอนสว่างแล้วเถอะ ไปตอนนี้ใครจะเปิดร้านขายของให้พวกท่านกัน"เหวินชางกับเหวินเปียวรับปากนางก่อนจะกลับไปยังกระโจมที่พัก จางจื่
ยามเฉินแล้วแต่คนในห้องเล็กยังไม่ออกมา จางจื่อห่าวไม่อยากรบกวนท่านแม่ เพราะท่านแม่บอกว่าท่านพ่อไม่ค่อยสบายเขาจึงล้างหน้าบ้วนปากแล้วไปนั่งให้ท่านย่าหลี่ป้อนโจ๊ก จางเย่วเล่อนำอาหารที่องครักษ์ไปซื้อมาจัดใส่จาน ทุกอย่างเรียบร้อยดีก็จัดเตรียมไว้ให้ทั้งสองคนที่ยังไม่ตื่นจางเย่วเล่อเตรียมของที่จะขึ้นเขาวันนี้นางจึงเดินไปที่โรงเรือนเก็บเครื่องมือ มีบางคนเดินตามมาทันทีทร่นางเปิดประตูโรงเรือนเขาก็แทรกตัวเข้ามาก่อนจะปิดแล้วลงกลอนด้านในทันที จางเย่วเลอ่เห็นคนที่ตามมาก็หน้างอง้ำก่อนจะเอ่ยต่อว่า"เหวินเปียวท่านออกไปนะ""คิดถึงจะลงแดงแล้วเย่วเล่อจ๋า"จางเย่วหลีที่ตอนนี้ถูกเหวินชางปล้ำจูบอย่างลงโทษที่บนเขา เขาพานางมายังป้อมปราการของสกุลเว่ยที่มีอยู่ทั่วไป อุ้มนางเข้าห้องโดยที่ทหารเฝ้าป้อมเองก็ไม่กล้าไต่ถาม คุณชายเหวินสองพี่น้องไม่ใช่คนที่ควรมีเรื่องด้วย"อย่ามาพูดจาหวานเลี่ยนออกไปเลยนะ"เหวินเปียวไม่ได้ฟังที่หญิงสาวเอ่ยสักนิด เขารวบเอวบางได้ก็จับมานั่งตัก ครั้งนี้ไม่จวบจ้างหยาบคายเหวินเปียวเปลี่ยนวิธีร้องขอสตรีที่เขาหลงรัก เหวินเปียวรู้ว่านางใจแข็งนัก ที่ผ่านมาเขาผิดเอง แต่ตอนนี้เขาจะไม่ทำเช่นนั้นอีก
หลี่ผิงอันมาส่งเหวินเมิ่งหรูกลับจวนเหวิน สวนทางกับขบวนของราชครูหยางที่มาสู่ขอเว่ยซูหนีว์ให้กับหยางตงหยาง ทั้งสี่คนหมั้นหมายจ้าวสาวของตนเองเรียบร้อยแล้ว เด็กสาวทั้งสี่ถูกเข้มงวดให้เรียนการเรือน และการปกครองเรือนเพราะอีกสองเดือนพวกเขาจะต้องแต่งงานแล้วทั้งสี่ตระกูลตกลงแต่งงานพร้อมกันวันเดียวกัน ทางด้านนักพรตทำนายฤกษ์ให้แล้วเรียบร้อย เว่ยเซียวหยางที่ปรับปรุงจวนนอกเมืองอยู่ก็กอดเมียรักที่ตามมาดูด้วย จวนกว้างกว่าพันหมู่จางจื่อเหยียนนำผลไม้มาลงปลูก ตามหาต้นชาชั้นดีบนภูเขามาปลูก ดอกไม่หลากหลายพันธุ์ เหมยกุ้ยสายพันธุ์เลื้อยบ่าวทำค่างให้เกาะเกี่ยวไปตามชอบรั้วยิ่งมองยิ่งงามมากนัก ด้านหลังสุดทำโรงเรือนเพราะอยู่ใกล้เชิงเขา เว่ยเซียวหยางตามใจพระชายาของตน นางเปิดโรงเรียนสอนเด็กๆมิได้ต้องการเงินทอง แต่เพื่อให้บิดามารดาเด็กเหล่านั้นได้ไปทำมาหากินสะดวกไม่ต้องกังวลเรื่องบุตร"เสี่ยวเหยียน..อยากได้อะไรเพิ่มเติมหรือไม่""ไม่เพคะ..เด็กๆเล่าไปเที่ยวเล่นบนเขายังไม่กลับมาอีกหรือ""ปล่อยพวกเขาเถอะ อีกสองเดือนก็แต่งงานกันแล้ว พวกเขาแปดคนคงรู้ตัวว่าต้องทำอย่างไร ว่าแต่เมียพี่เหนื่อยหรือไม่""ไม่เหนื่อยเพคะ กล่
ยามเฉินเหวินเมิ่งหรูตื่นมาล้างหน้าบ้วนปาก วันนี้นางมิต้องไปสำนักศึกษาท่านแม่บอกว่าจะมีเรื่องสำคัญให้นางอยู่บ้าน ทางด้านเหวินลี่ซินเองก็อยู่บ้านเช่นกัน สองคนพี่น้องได้แต่มองหน้ากันไปมา"ชิงชิงไปสืบมาหน่อยวันนี้ที่จวนมีเรื่องอันใด""คุณหนู..ท่านแม่คาดโทษท่านอยู่นะเจ้าคะ""หึ..ไม่สนใจหรอก อยู่ๆจะให้ข้าแต่งกับตาแก่ที่ไหนก็ไม่รู้ ข้าจะไปหาพี่เมิ่งหรู""เจ้าจะไปทำไมหรือ""ข้าจะหนีออกจากบ้าน หึ"เหวินลี่ซินชะงักเพราะเสียงที่ถามนางกลับมามิใช่เสียงของชิงชิง เหวินลี่ซินหันกลับไปก็เจอกับเว่ยจื่อห่าวยืนอยู่ ชิงชิงไปไหนแล้ว ดรุณีน้อยลุกขึ้นทันที นางไม่อยากมองหน้าคนใจร้ายคนนี้ เพราะเขามาฟ้องนางจึงถูกลงโทษคุกเข่าสามวัน ท่านแม่ยังให้สวดมนต์กินเจอีกเพื่อให้จิตใจสงบ หึ..สงบกับผีบรรพบุรุษน่ะสิ นางหิวจนแทบจะจับพี่สาวกินได้อยู่แล้ว เหวินลี่ซินเอ่ยอย่างไม่พอใจทันที"ท่านมาทำไมอาจารย์เว่ย""โอ้ว..สรรพนามเปลี่ยนไวจังลูกศิษย์ของข้า มิเรียกพี่จื่อห่าวแล้วหรือ""ไม่ล่ะ เราไม่ได้สนิทกันถึงเพียงนั้น"เว่ยจื่อห่าวอมยิ้มก่อนจะเดินมาหาคนตัวเล็กที่นั่งหน้างอแก้มป่องอยู่ เขานั่งลงข้างๆก่อนจะโอบไหล่บางมาหา บรรจงหอมแก้ม
ในห้องเหวินเมิ่งหรูนอนพลิกกายไปมา นางไม่อยากคิดถึงคนใจร้ายคนนั้นอีก หลี่ผิงอันคนใจดำเสียแรงที่นางทุ่มเทนางรักเขาแต่เขา ต่อไปอย่าหวัง แต่งงานกับเขาหรือไม่มีทางเสียหรอก นางจะไปให้เขายกเลิกการหมั้นหมายครั้งนี้"หึ..แต่งให้ท่านหรือไม่มีทาง ครั้งก่อนท่านผลักไสข้ามิใช่หรือ คนใจดำ"คนตัวเล็กข่มตาหลับไปแล้วแต่คนตัวโตยังไม่นอนเขากำลังคิดถึงเรื่องเมื่อสามเดือนก่อน ที่แม่ตัวดีก่อเรื่องขึ้นมาสามเดือนก่อนหน้าเหลาสุราเถาจิ่วจางเย่วหลีที่เปิดเหลาสุรากำลังนั่งนับเงินอยู่ วันนี้ต้องไปจัดการคิดบัญชีคำนวณส่วนแบ่งกับร้านย่อยต่างๆที่มารับสุราของนางไปขาย มีบางร้านเบี้ยวไม่จ่าย ร้านไหนกำไรน้อยนางให้ทยอย แต่ถ้าใครเบี้ยวนางก็ไม่เอาไว้เช่นกัน จางเย่วหลีเลี้ยงคนของตนเองไว้พอสมควรนางไม่ออยากใช้คนของสามี เหวินชางเป็นเจ้ากรมกลาโหม ทุกก้าวต้องระมัดระวัง นางไม่อยากให้พวกหัวเก่าเอาเรื่องเหล่านี้ไปหาเรื่องสามีในท้องพระโรงได้ เจ้าตัวดีเหวินเมิ่งหรูวันนี้ไม่ไปเรียนหนังสือ ขอนอนอยู่ที่จวนแต่ตกบ่ายกลับมาเสนอหน้าที่ร้านน่าตียิ่งนักหลี่ผิงอันพาลูกน้องที่ทำผลงานได้ดีครั้งที่แล้วปราบปรามพวกโจรขโมยเด็กและค้ามนุษย์ได้ยกกลุ่
เด็กทั้งสี่คนถูกลงโทษให้คุกเข่าที่หอบรรพบุรุษของแต่ละจวนเป็นเวลาสามวัน จากนั้นพวกนางต้องคัดกฎสกุลของตนเอง เหวินชางที่กำลังกลับมาจากไปทำงานให้ฝ่าบาทมาถึงเมืองหลวงก็นั่งที่โรงน้ำชา เขาสวมหมวกฟางเอาไว้ยังไม่ได้ถอดออกมาเสี่ยวเอ้อรีบมารับหน้าก่อนจะถามเขาว่ารับสิ่งใด เขาสั่งน้ำชาหนึ่งกาพร้อมกับอาหารสามสี่จาน แม้จะคิดถึงจางเย่วหลีกับบุตรสาวและบุตรชายแต่ลูกน้องยังไม่ได้กินข้าวจำต้องหยุดรั้งที่ร้านอาหาร กระทั่งมีบางอย่างเข้าหูเขา"นี่เจ้ารู้ไหม..ผู้ตรวจการหลี่สามวันก่อนอุ้มสตรีงดงามออกมาจากตรอกหลังตลาดด้วยล่ะ""หา..ได้ยินว่าที่บ้านเขาไร้สาวใช้ข้ายังนึกว่าเขาจะชอบบุรุษด้วยกันเสียอีก""ได้ยินว่าสตรีคนนั้นอ่อนระโหยโรยแรงจนเดินไม่ไหว ไม่รู้เข้าไปทำอันใดในตรอกแห่งนั้นกัน ฮ่าๆๆๆ""ชู่..จุ๊ๆๆ...อย่าเสียงดังไป สตรีที่ใต้เท้าหลี่อุ้มออกมาคือคุณหนูเหวินบุตรสาวคนโตเจ้ากรมกลาโหมเหวินชาง คุณหนูเหวินเมิ่งหรูน่ะ""ห๊า..จุ๊ๆๆ เช่นนั้นอาจไม่มีอะไรพวกเขาเป็นน้าหลานกัน""น้าหลานอันใด พวกเขาไม่มีสัมพันธ์ทางสายเลือดสักหน่อย""ฺฮ่าๆๆ เรื่องนี้คนซุบซิบกันทั่วเมืองหลวง เกรงว่าคุณหนูเหวินคนนั้นคงได้แต่แต่งกับชายแก่หร
เหวินเมิ่งหรูวิ่งแยกออกมาอีกทาง ตอนนี้นางแทบจะถอดรองเท้าวิ่งด้วยซ้ำ เมื่อมาถึงตรอกทางแยกนางจึงเลือกตรอกที่ไปคนละทางกับสำนักศึกษา วิ่งจนมาเกือบพ้นปากตรอกก็ขนเข้ากับอะไรบ้างอย่างที่แข็งๆ เหวินเมิ่งหรูเจ็บจนแทบน้ำตาร่วง นางตวาดออกมาทันที"โอ๊ย เดินดูทางสิวะ ข้ารีบไม่เห็นหรือไง"ร่างเล็กคลำจมูกตนเองนางเจ็บมาก คนตัวสูงที่ยืนมองนางอยู่ก็ข่มอารมณ์ก่อนจะเอ่ยออกมา"โอ่ว..รีบมากไหมเหวินเมิ่งหรู เรียนหนักจนหัวหูมีแต่เศษดินเศษหญ้าเชียวหรือ อีกอย่างทางนี้คนละทางกับสำนักศึกษานี่"เหวินเมิ่งหรูจำเสียงเขาได้ทันที ให้ตายสิเขาไม่ได้อยู่กับเจ้าหน้าที่พวกนั้นบนเขาหรือ นางถึงกับลอบกลืนน้ำลายก่อนจะเงยหน้า นางเอ่ยตะกุกตะกัก"ทะ ท่านน้าคือว่าข้าๆ ว้าย" หลี่ผิงอันจับสาวน้อยแบกขึ้นบ่าทันที"ท่านน้าท่านทำอะไร แบกข้าทำไม่ปล่อยข้าลงนะ ตาเฒ่าหลี่ โอ๊ยยย เจ็บนะท่านตีก้นข้าทำไมเพียะ เพียะ เพียะ หลี่ผิงอันฟาดก้นนางไม่นับเลยทีเดียว ปากคอเราะรายวาจาน่าเกลียดเหลือทน เหวินเมิ่งหรูร้องไห้ออกมา นางถูกเขาแบกจนห้อยหัวลงมา สายตามองเห็นแต่พื้นอิฐของถนนในเมืองหลวง ไม่กล้าเอ่ยอันใดอีกเลย เขาใจร้ายท่านพ่อกับท่านแม่ยังไม่เคยตีนาง
ทั้งสี่สาวเข้าเรียนปกติ จนกระทั่งพักกลางวันเมื่อกินข้าวกันเรียบร้อยแล้วก็เริ่มกระซิบกระซาบกันปากต่อปาก เว่ยซูหนีว์เดินออกไปก่อนตามด้วยน้องสาว เหวินเมิ่งหรูไปหาท่านลุงที่ตรอกตรงข้ามกับสำนักศึกษาก่อนจะรับเอากระบอกไม้ไผ่มาสี่อันไม่นานเด็กในสำนักศึกษากว่าสามสิบคนก็มาอยู่บนเนินเขาหลังสำนัก โจวผิงบุตรชายคหบดีของเมืองหลวงเอากระบอกไม้ไผ่ของตนเองออกมา จากนั้นเด็กๆก็เริ่มวางเดิมพัน"พวกเจ้าพนันข้างไหนกันมาๆข้าวางข้างคุณชายโจว""ข้าวางข้างท่านหญิง""มาๆวางๆเริ่มที่สองร้อยอีแปะพวกเจ้าวางเท่าไหร่""ข้าห้าร้อยอีแปะ""ข้าแปดร้อย""ข้าหนึ่งตำลึง""ข้าลงสองร้อยตำลึง"เมื่อวางเดิมพันเรียบร้อยทั้งสองคนก็เริ่มเปิดกระบอกไม้ไผ่ที่เจาะรูเอาไว้เทเอาจิ้งหรีดออกมาลงในสนามที่พวกเขาสร้างวเอาไว้ เมื่อทั้งสองตัวลงมาเจอก็นก็เริ่มสู้กันเอาเป็นเอาตาย เด็กๆส่งเสียงฌอลั่น จิ้งหรีดของเว่ยซูถิงกำลังจะแพ้ พวกนางลุ้นจนตัวเกร็ง สุดท้ายโจวผิงก็ชนะ"เอาใหม่ ตานี้เอาของข้า โจวผิงเจ้าจะลงอีกไหมกลัวหรือเปล่า""เหอะคุณหนูเหวิน ท่านดูถูกใครกันมาสิเอาของท่านออกมา""หึข้าไม่เอาเปรียบเจ้าจะเปลี่ยนตัวไหม"เหวินเมิ่งหรูกอดอกยืนเดาะปาก
ใบไม้ผลัดเปลี่ยนฤดูกาลหมุนเวียน บัดนี้รัชทายาทมีอายุยี่สิบเอ็ดชันษาแล้ว ฮ่องเต้มักให้พระองค์ทรงว่าราชการแทนในบางครั้งเพื่อฝึกปรือเขา เช่นเรื่องเกี่ยวกับการออกข้อสอบเพื่อหาขุนนางน้ำดีในอนาคต วันนี้รัชทายาทอยู่ที่จวนหลี่เพื่อหารือกับหลี่ผิงอันเว่ยจื่อห่าวเป็นอาจารย์ที่สำนักศึกษาหลวง หูเกอเป็นรองผู้พิพากษาศาลปกครอง ทั้งสี่คนนับว่าเป็นสหายร่วมเรียนด้วยกันมา ท่านย่าหลี่ยังแข็งแรงดี หลี่ผิงอันจากรองผู้ตรวจการตอนนี้เขากลายเป็นผู้ตรวจการในวัยเพียงสามสิบห้าปีเท่านั้นด้วยความเถรตรงและเป็นขุนนางที่ซื่อตรงบรรดาขุนนางด้วยกันยังไม่กล้ามีเรื่องกับเขา ท่านย่าทำขนมเพื่อมาเลี้ยงบรรดาคนที่มาหารืองาน เว่ยเซียวหยางปล่อยให้บุตรชายได้เติบโตจัดการเรื่องราวต่างๆเอง"ท่านน้าขอรับ ได้ข่าวว่าพักนี้ลูกศิษย์สำนักศึกษามักจะพากันหนีเรียนอยู่เรื่อยๆ"จางจื่อห่าวเอ่ยแก่หลี่ผิงอัน เขาถอนหายใจเรื่องนี้ทางสำนักศึกษาแจ้งแก่หน่วยเขามาหลายครั้งแล้ว เว่ยจื่อห่าวแม้ว่าจะเข้มงวดแต่อีกสถานะหนึ่งเขาคือรองผู้พิพากษาศาลต้าหลี่ จะมาสอนสัปดาห์ละสามวันเท่านั้น รอจนกว่าสำนักศึกษาจะได้อาจารย์มาเพิ่ม ซึ่งท่านมหาราชครูกำลังเฟ้นหาบัณฑิต
เวลาผ่านไปอีกหนึ่งเดือนจางจื่อเหยียนให้กำเนิดบุตรชายคนสุดท้องออกมา นางขอร้องให้หมอหลวงฝังเข็มคุมกำเนิดให้นาง เพราะเลี้ยงไม่ไหวแล้วลูกดกเกินไปแล้ว เว่ยเซียวหยางเดินเข้ามาในห้องอยู่เดือนก่อนจะนั่งลงข้างๆบนเตียง เห็นเมียนอนหลับอยู่ก็ห่มผ้าให้นางแล้วจุมพิตหน้าผากเปียกชื้นเบาๆ"เด็กดีของพี่ขอบคุณเจ้ามากที่ให้กำเนิดของขวัญล้ำค่าทั้งเจ็ดคนให้พี่""อืม.."จางจื่อเหยียนรู้สึกตัวจึงลืมตาขึ้นมาก่อนจะยิ้มให้สามี"ท่านอ๋อง...ทรงกลับมาจากเข้าเฝ้าแล้วหรือเพคะ เหนื่อยหรือไม่""ไม่หรอก วันนี้เป็นเช่นไรบ้างอีกเจ็ดวันก็ออกเดือนแล้วอยากไปเที่ยวไหนหรือไม่""ไม่เพคะ อีกสองเดือนต้องไปอี้โจวแล้วทรงเตรียมตัวหรือยังเพคะ""เรียบร้อยแล้ว เสี่ยวเหยียนของพี่เจ้าไม่ได้ไปอี้โจวมาสามปีแล้ว อยากไปหมู่บ้านปิงเหอหรือไม่ พี่จะพาไป""เพคะ ลำบากพระองค์แล้ว""เว่ยเซียวหยางไม่สนใจเรื่องกฎเกณฑ์เขาทอดกายลงข้างๆนางกอดนางแล้วลูบหลังให้ จางจื่อเหยียนหลับไปเพราะความเพลียกระทั่งถึงมื้อค่ำบ่าวจึงมาตามท่านอ๋องและนำโจ๊กมาให้พระชายา เว่ยเซียวหยางออกไปรับโจ๊กมาเอง ก่อนจะนั่งป้อนภรรยาตนเองจางจื่อเหยียนก็ยอมให้เขาป้อนแต่โดยดีเด็กๆดีใจที่จ
สิบสองปีผ่านไปเว่ยเซียวหยางในวัยห้าสิบเอ็ดปีจางจื่อเหยียนในวัยยี่สิบแปดปีที่นับวันยิ่งงามมากนักเว่ยซูหนีว์กับเว่ยซูถิงตอนนี้เจ็ดขวบแล้ว เว่ยลู่เสียนห้าขวบเว่ยซิงอีกับเว่ยซีฮวนสามขวบ และจางจื่อเหยียนกำลังท้องคนที่เจ็ดอยู่ ซึ่งก็ใกล้คลอดแล้วเช่นกัน เว่ยเซียวหยางไม่ผิดคำพูดเขารับขวัญลูกคนละสองล้านตำลึงทองเท่ากับสิบล้านตำเงินซึ่งมากกว่าที่เคยบอกไว้ ตอนนี้พระชายาถือว่าเป็นภรรยาขุนนางที่ร่ำรวยที่สุดในแคว้น ยังไม่รวมเงินทองที่นางทำการค้าอีกนับไม่ถ้วนจางเย่วหลีเองก็อายุยี่สิบห้าปีนางกับเหวินชางในวัยห้าสิบสามปีมีบุตรสาวสองคนบุตรชายสองคน นางเปิดเหลาสุราอย่างที่ตั้งใจ ทางด้านสกุลจ้าวมาทำการค้าที่เมืองหลวงเป็นคู่ค้ากับนาง เดือนหนึ่งจางเย่วหลีมีรายได้กว่าเจ็ดหมื่นถึงหนึ่งแสนตำลึง เหวินชางที่มีตำแหน่งเป็นถึงเจ้ากรมไม่อยากให้เมียทำงานมากนัก แต่นางหรือจะฟังยิ่งนานวันจากสตรีอ่อนหวานที่ขี้อายตั้งแต่คุมเหลาสุรานางก็แกร่งขึ้น ใครมาอาละวาดนางก็ตีกลับจนหมดส่วนจางเย่วเล่อนั้นไม่ต้องกังวลใดๆเดิมก็ตาต่อตาฟันต่อฟันอยู่แล้ว นางแกกว่าจางจื่อเหยียนหนึ่งปีวัยยี่สิบเก้าสามีเหวินเปียวอายุปีนี้ก็ห้าสิบพอดี สามคนพี