อรุณนภาเห็นชูเท็นโดจิก็รู้สึกโล่งอกแต่ก็แอบโกรธเขาอยู่เหมือนกันที่เขามาสาย อาทิตย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ราชินีตะวันมีสีหน้าผิดหวังเล็กน้อย จริง ๆ นางอยากจะตัดสินสิทธิ์ชูเท็นโดจิให้แพ้ไปเลย แต่หากทำแบบนั้น คงจะโดนทั้งอาณาจักรครหาได้ เลยไม่พูดอะไรปล่อยให้การประลองดำเนินต่อไป ชูเท็นโดจิหันมายิ้มให้กับอรุณนภา และไม่ได้สนใจยุรนันท์เท่าไหร่ แถมยังยกเหล้าขึ้นดื่มต่อหน้าต่อตา ยุรนันท์กัดฟัน กรอด ๆ ด้วยความโกรธ“ไอ้คนไร้มารยาท ทำไมถึงได้มาช้า !” แต่ชูเท็นโดจิทำเหมือนไม่ได้ยิน เขายกเหล้าขึ้นดื่มอย่างสบายอารมณ์“จะช้า จะเร็วมันสำคัญตรงไหน ยังไงซะแกก็ต้อง แพ้ !” ชูเท็นโดจิพูดจบก็ยกเหล้าขึ้นดื่มอีก ยุรนันท์ยิ่งโมโหจัดเขาจึงท้าว่า“ถ้าเจ้าแพ้ข้า เจ้าต้องไสหัวออกไปจากนรสิงฆ์นครตลอดชีวิต แต่ถ้าข้าแพ้ ข้าก็จะยอมออกจากนรสิงฆ์นครเช่นกัน” มีเสียงฮื่อฮาดังขึ้น ชูเท็นโดจิยกเหล้าขึ้นดื่ม แล้วพูดเสียงดังว่า“ก็ได้ข้ารับคำท้า”สัญญาณเริ่มการต่อสู้เริ่มขึ้น ชูเท็นโดจิออกหมัดก่อน แต่อีกฝ่ายหลบได้ และออกหมัดสวนไป ชูเท็นโดจิหลบได้ แต่เขารู้สึกถึงแรงลมจากหมัด รู้เลยว่าถ้าโดนเข้าไปจัง ๆ เขาได้เจ็บหนักแน่ ยั
ชูเท็นโดจิจับทางได้จึงคว้าข้อมือ ยุรนันท์เอาไว้ทัน และกระหน่ำหมัดใส่เขาไม่หยุด ยุรนันท์เจ็บหนัก เขาสลัดมือให้หลุด แล้วถอยมายังไม่ทันได้ตั้งตัวชูเท็นโดจิก็เขามาจับร่างของเขาทุ่มข้ามหัวลงไปกระแทกกับพื้นเสียงดังสนั่น ชูเท็นโดจิ ชูมือเป็นสัญญาณว่าตัวเองชนะแล้ว แต่เขารับรู้สึกจิตสังหารเลยหันไปดูยุรนันท์ลุกขึ้นมาเขากลายเป็นนรสิงฆ์เต็มขั้น รูปร่างเขาตอนนี้ดูสูงใหญ่ หัวกลายเป็นสิง มีเขี้ยวเล็บที่ ดูน่ากลัว เขาคำรามเสียงดังก้อง และเขาประชิดตัวตบกรงเล็บมา ชูเท็นโดจิตั้งรับแต่เขาถูกตบกระเด็น“ยุรนันท์แปลงร่างแล้ว เจ้าชูเท็นโดจิไม่รอดแน่” ราชินีย์ตะวันเอ่ยขึ้น อรุณนภาหน้าเสียอยากจะบอกให้ชูเท็นโดจิยอมแพ้ไปซะเพื่อรักษาชีวิต แต่ราชาสุริยะที่นิ่งมานานกลับบอกนางว่า“ดูสายตาเขาสิ”อรุณนภามองไปสายตาของชูเท็นโดจิ นางเห็นความมุ่งมั่ง ที่จะเอาชนะให้ นางจึงตัดสินใจตะโกนเสียงดังไปว่า “สู้เขานะชูเท็นโดจิ !”ชูเท็นโดจิได้ยินเขาก็มีกำลังใจมาขึ้นมาและเข้าไปต่อสู่กับยุรนันท์ทันที เขารวมพลังไปที่หมัดและชกเข้าไปเต็ม ๆ ที่หน้าของยุรนันท์แต่อีกฝ่ายไม่สะดุ้งสะเทือนเลยสักนิด แถมยังตบกรงเล็บใส่ ชูเท็นโดจิหล
ณ เมือง ชิจา ประเทศญี่ปุ่น สมัยเฮอัน บ้านเมืองที่เคยสงบสุข ยามนี้กลับถูกปกคลุมด้วยบรรยากาศสับสนวุ่นวาย เหล่าซามูไรกระจายตัวทั่วเมือง ออกคำสั่ง กวาดต้อนชาวบ้านให้เข้าไปหลบในบ้านของตน เพื่อให้รอดพ้นจากภัยร้ายที่ชายชาตินักรบยังหวาดหวั่น แม่ทัพร่างใหญ่จดจ้องไปยังแผ่นดินกว้างเบื้องหน้า ใบหน้ากร้านแดดเขม็งตึงด้วยความเครียดและหวาดหวั่น สักพักชายร่างอ้วนเตี้ยก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหา “ท่านแม่ทัพ แน่ใจแล้วเหรอขอรับว่ามันจะมา"แม่ทัพพยักหน้าแล้วพูดว่า “แน่สิขอรับ สายรายงานมาแล้ว อีกอย่างท่านผู้ว่าก็รู้นี่ ว่าที่นี่เป็นบ้านเกิดมัน” ผู้ว่าหน้าเสีย แม่ทัพจึงบอกกับเขาว่า“แต่ไม่ต้องกลัวไปหรอกขอรับ ทหารที่ข้าพามาเนี่ยจัดการมันได้แน่ ๆ อีกอย่างพวกนักบวชก็เตรียมตัวพร้อมแล้ว อย่าได้กังวลไป ตอนนี้ให้ทุกคนไปหลบในบ้าน รอให้สงบก่อนแล้วค่อยออกมาก็ได้”ผู้ว่าพยักหน้า ที่กำแพงเมือง เหล่านักรบซามูไรเตรียมพร้อม หลายคนเริ่มมีท่าทางหวาดกลัว บางคนกำเครื่องรางที่ติดตัวมาด้วยแน่น บางคนก็สวดภาวนาตามความเชื่อของตนเอง แม่ทัพเดินตรวจทัพแล้วก็ถอนใจ จะโทษทหารเหล่านี้คงไม่ได้ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาต้องม
“เป็นไงได้ กระบองนั้นทำจากไม้เนื้อแข็ง ขนาดขวานยังฟันแทบไม่เข้า” แม่ทัพพูดขึ้น“อย่าเอาพลังแขนของสหายข้าไปเทียบกับมนุษย์สิ” เสียงของอิบารากิโดจิดังขึ้นจากด้านหลัง แม่ทัพเหวี่ยงดาบไปแต่อิบารากิโดจิหลบได้อีก “เลิกกวนประสาทข้าสักที ไอ้เขาเดียว” พูดจบเขาก็ฟาดฟันดาบใส่อิบารากิโดจิแต่ อีกฝ่ายหลบได้อย่างว่องไวซูโคกิที่เสียอาวุธไปนั้น จึงใช้ทักษะการต่อสู้แบบซูโม่แทน ชูเท็นโดจิก็รับมือแบบชูโม่ทั้งสองออกแรงดันหมายจะทำให้อีกฝ่ายหนึ่งล้มลง แต่ซูโคกิออกแรงไปมากเท่าไหร่ชูเท็นโดจิก็ไม่สะเทือนเลย ในที่สุดก็เขาก็เป็นคนที่ต้องกระเด็น จึงตัดสินใจรวมพลังทั้งหมดไปที่ฝ่ามือหมายจะซัดให้กระเด็น ชูเท็นโดจิชกสวนกลับมา“อ๊าก !” เสียงร้องโหยหวนของซูโคกิดังขึ้นมา แรงกระแทกเมื่อครู่ทำให้กระดูกมือของเขาแตก และยังไม่ทันไรก็ถูกชูเท็นโดจิทุบเข้าที่หัว ความเจ็บปวดเข้ามาอีกครั้งแต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรต่อ ก็ถูกทุบซ้ำไปอีกครั้ง มันเป็นการทุบซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนร่างของซูโคกิจมดินและกองเลือดของตัวเองตายส่วนอิบารากิโดจินั้น ต่อสู้กับแม่ทัพซึ่งในเชิงดาบนั้น เขาถือว่าเป็นหนึ่งในแผ่นดินเลยก็ว่าได้ แต่ความเร็วของอิบารากิโดจิมั
พวกออร์คที่บุกมาล้วนสวมเกราะที่หนาและหนัก มีอาวุธครบมือซึ่งอาวุธทุกชิ้นนั้นล้วนมีขนาดใหญ่ แต่ชูเท็นโดจิกับอิบารากิโดจิเมื่อเห็นเหล่าออร์คก็พร้อมใจกันหัวเราะเสียงดัง จนทุกคนหันมามองเป็นตาเดียว อรุณนภาทำหน้าไม่ถูก ปกติใครที่เจอพวกออร์คที่มีอาวุธครบมือแบบนี้ต้องกลัวจนตัวสั่น แต่เจ้าสองตัวนี้กลับหัวเราะราวกับมีเรื่องสนุกสนานตรงหน้าออร์คตนหนึ่งตะโกนถาม “หัวเราะอะไรวะไอ้ตัวมีเขา”แต่สองอสูรยังไม่เลิกหัวเราะ จนเหล่าออร์ค เริ่มหงุดหงิด ชูเท็นโดจิยกเหล้าขึ้นดื่มแล้วพูดว่า “เกิดมาไม่เคยเห็นตัวอะไร ที่อุบาทว์ขนาดนี้มาก่อนเลยว่ะ แบบเหมือนไม่เต็มใจเกิด”“ใช่สหายข้า” อิบารากิโดจิพูดและยังหัวเราะต่อไป ออร์คตนหนึ่งได้ยินก็ไม่พอใจวิ่งเข้าใส่และ ฟาดค้อนศึกใส่ชูเท็นโดจิ เขาไม่คิดจะหลบเพราะประเมินกำลังของอีกฝ่ายไว้ต่ำมาก จึงรับการโจมตีเข้าไป เต็ม ๆ เขากระเด็นและกระอักเลือดออกมา คราวนี้เป็นพวกออร์คเองที่พร้อมใจกันหัวเราะ“แกทำอะไรสหายข้า !” อิบารากิโดจิข่วนเจ้าออร์คเข้าที่หน้าเลือดไหลอาบ และรีบไปดูชูเท็นโดจิ นั่นคือสัญญาณแห่งสงคราม พวกออร์คทั้งหลายเข้าโจมตี อรุณนภาใช้ดาบคู่เข้าต่อสู้ ส่วนศุ
ชูเท็นโดจิเห็นเพื่อนรักต้องมาสู้กับราฟก็กัดฟันด้วยความโกรธ แต่ว่าตอนนี้เขายกแขนยังแทบไม่ได้ แต่ก็แข็งใจพยายามลุกขึ้นมา“อย่าเพิ่งขยับ” เสียงของอาทิตย์ดังขึ้นมา ชูเท็นโดจิหันมามองตาขวาง อาทิตย์ชักหวั่น ๆ แต่ก็แข็งใจเดินเข้าไปหา“จะทำอะไร !”“ข้ารักษาท่านได้” ชูเท็นโดจิมองอาทิตย์ ศุภมิตรได้ยินแบบนั้นก็รีบท้วงทันที“เฮ้ย! คิดอะไรอยู่เนี่ย ไปรักษามันเกิดมันแว้งกัดเราขึ้นมาเล่า”“แล้วเรามีทางอื่นหรือไงกัน ท่านศุภมิตร”อาทิตย์พูดทำให้ศุภมิตรพูดไม่ออก แม้ชูเท็นโดจิจะไม่ค่อยเชื่อใจอาทิตย์เท่าไหร่ แต่เห็นว่า อิบารากิโดจิต่อสู้แล้วตนเองมานอนเหมือนศพแบบนี้ไม่ใช่เรื่องดีแน่ เขาเลยต้องตัดสินใจ“รีบทำเลย” เมื่อได้ยินเช่นนั้น อาทิตย์ก็รีบลงมือทันที เขามือไม้สั่นร่ายมนตร์ ตะกุกตะกัก เกิดแสงสว่างวาบขึ้นมา ชูเท็นโดจิลุกขึ้นมาได้อีกครั้งความเจ็บปวดและบาดแผลหายไปหมด “อิบารากิ ถอย !” ชูเท็นโดจิตะโกน อิบารากิโดจิรีบถอยออกมา อรุณนภาเห็นอิบารากิโดจิถอยก็ทำตาม ชูเท็นโดจิวิ่งเข้าใส่ราฟ อีกฝ่ายเหวี่ยงค้อนมาแต่ชูเท็นโดจิหลบได้และพ่นไฟ ราฟหลบได้และเคลื่อนไหวมาอยู่ด้านหลังของชูเท็นโดจิ เงื้อค้อนคู่ขึ้นหมายจะฟาดป
ณ หมู่บ้านเกษตรกรรมแห่งหนึ่งบรรยากาศเงียบสงบเหล่าชาวนากำลังเกี่ยวข้าวในนา ซึ่งแปลกมากเพราะปกติ เวลาเกี่ยวข้าวกันนั้นชาวนาจะต้องร้องเพลงกันอย่างสนุกสนาน ให้สมกับที่เหนื่อยกันมานาน แต่คราวนี้หลายคนมีสีหน้าอมทุกข์ บางคนมีน้ำตาไหลออกมา ชายสูงวัยคนหนึ่งเห็นหลายคนเป็นเช่นนี้ก็เลยพูดขึ้นมา“นี่เกี่ยวข้าวในนา แท้ ๆ นะโว้ย อย่ามาทำหน้าเศร้าสิวะ”“โธ่! พ่อผู้ใหญ่พูดมันง่าย พวกเราก็รู้อยู่แล้วนี่ว่าเกี่ยวไปเนี่ยพวกเราก็ไม่ได้กิน ทั้งที่เหนื่อยกันมาแทบตาย” หนึ่งในชาวนาพูดขึ้นน้ำตาเขาเริ่มไหลออกมา ผู้ใหญ่บ้านถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วพูดว่า“คิดว่าข้าไม่รู้สึกอะไรหรือไงกันวะ แต่เอ็งก็รู้นี่ ไปสู้กับพวกมันก็เหมือนกับฆ่าตัวตายเปล่า”ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรกันต่อ เสียงระฆังก็ดังขึ้นมาเป็นสัญญาณว่าสิ่งพวกเขาไม่อยากเจอกำลังจะมาถึงแล้ว พวกออร์คกลุ่มใหญ่กำลังเคลื่อนพลมา หัวหน้าของพวกมันเป็นออร์ค มีรูปร่างอ้วนเตี้ยกว่าพวกออร์ค ตนอื่น แต่ถ้ายืนเทียบกับมนุษย์แล้วมันก็ยังตัวใหญ่อยู่ดี หัวโล้น มีตาโตเท่าไข่ห่าน มีฟันล่างยาวเลยปากออกมา มันนั่งบนเสลี่ยง ชาวบ้านนำอาหารมากองตรงหน้าของมัน เจ้าออร์คเตี้ย
ขณะเดินทางไม่มีใครพูดอะไรกันเลย ทำให้บรรยากาศชวนให้อึดอัด ชูเท็นโดจิฮัมเพลงมาตลอดทาง ทำให้อรุณนภาเริ่มจะรู้สึกรำคาญ แต่อยู่ ๆ เขาก็หยุดฮัมเพลง แล้วหันไปทางอิบารากิโดจิ “เจ้าหิวมั้ย อิบารากิ”“นิดหน่อย สหายข้า แต่จะว่าไปนะเราก็ไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เข้ามาที่นี่แล้ว” ชูเท็นโดจิพยักหน้า อาทิตย์เลยออกความเห็นว่า“เราหาอะไรกินกันก่อนดีกว่ามั้ยขอรับ” ทุกคนเห็นด้วย อรุณนภาเอาเสบียงออกมาเป็นกล้วย ชูเท็น โดจิยกเหล้าขึ้นดื่มแล้วพูดว่า “นี่เป็นลิงกันหรือไง กินแต่กล้วยเนี่ย”“ท่านศุภมิตรเป็นนักบวชไม่กินเนื้อนะขอรับ” อาทิตย์บอก ชูเท็นโดจิส่ายหัวแล้วบอกว่า “พอดีข้าไม่ใช่นักบวชอยากกินก็กินไปคนเดียวเถอะ” ชูเท็นโดจิเดินไปในป่า โดยมีอิบารากิโดจิตามไปด้วย ทั้งสองหายไปพักใหญ่ ก็ได้ไก่ป่ามาสี่ตัว จัดการถอนขนและโยนให้สองพี่น้องคนละตัว และทั้งสองกำลังจะกิน อรุณนภารีบร้องห้าม“เฮ้ย ๆ จะทำอะไร”“ก็กินไง หรือเจ้าไม่หิว” อิบารากิโดจิบอก อรุณนภาทำหน้าเหมือนจะเป็นลม “นี่พวกเจ้าน่ะมาจากไหน ถึงกินอาหารแบบนี้ลง จะกินก็กินให้มันดี ๆ หน่อยสิ” พูดจบเธอก็แย่งไก่มาจากทั้งสอง ชูเท็นโดจิกับ อิบารากิโดจิมองหน้ากันท
ชูเท็นโดจิจับทางได้จึงคว้าข้อมือ ยุรนันท์เอาไว้ทัน และกระหน่ำหมัดใส่เขาไม่หยุด ยุรนันท์เจ็บหนัก เขาสลัดมือให้หลุด แล้วถอยมายังไม่ทันได้ตั้งตัวชูเท็นโดจิก็เขามาจับร่างของเขาทุ่มข้ามหัวลงไปกระแทกกับพื้นเสียงดังสนั่น ชูเท็นโดจิ ชูมือเป็นสัญญาณว่าตัวเองชนะแล้ว แต่เขารับรู้สึกจิตสังหารเลยหันไปดูยุรนันท์ลุกขึ้นมาเขากลายเป็นนรสิงฆ์เต็มขั้น รูปร่างเขาตอนนี้ดูสูงใหญ่ หัวกลายเป็นสิง มีเขี้ยวเล็บที่ ดูน่ากลัว เขาคำรามเสียงดังก้อง และเขาประชิดตัวตบกรงเล็บมา ชูเท็นโดจิตั้งรับแต่เขาถูกตบกระเด็น“ยุรนันท์แปลงร่างแล้ว เจ้าชูเท็นโดจิไม่รอดแน่” ราชินีย์ตะวันเอ่ยขึ้น อรุณนภาหน้าเสียอยากจะบอกให้ชูเท็นโดจิยอมแพ้ไปซะเพื่อรักษาชีวิต แต่ราชาสุริยะที่นิ่งมานานกลับบอกนางว่า“ดูสายตาเขาสิ”อรุณนภามองไปสายตาของชูเท็นโดจิ นางเห็นความมุ่งมั่ง ที่จะเอาชนะให้ นางจึงตัดสินใจตะโกนเสียงดังไปว่า “สู้เขานะชูเท็นโดจิ !”ชูเท็นโดจิได้ยินเขาก็มีกำลังใจมาขึ้นมาและเข้าไปต่อสู่กับยุรนันท์ทันที เขารวมพลังไปที่หมัดและชกเข้าไปเต็ม ๆ ที่หน้าของยุรนันท์แต่อีกฝ่ายไม่สะดุ้งสะเทือนเลยสักนิด แถมยังตบกรงเล็บใส่ ชูเท็นโดจิหล
อรุณนภาเห็นชูเท็นโดจิก็รู้สึกโล่งอกแต่ก็แอบโกรธเขาอยู่เหมือนกันที่เขามาสาย อาทิตย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ราชินีตะวันมีสีหน้าผิดหวังเล็กน้อย จริง ๆ นางอยากจะตัดสินสิทธิ์ชูเท็นโดจิให้แพ้ไปเลย แต่หากทำแบบนั้น คงจะโดนทั้งอาณาจักรครหาได้ เลยไม่พูดอะไรปล่อยให้การประลองดำเนินต่อไป ชูเท็นโดจิหันมายิ้มให้กับอรุณนภา และไม่ได้สนใจยุรนันท์เท่าไหร่ แถมยังยกเหล้าขึ้นดื่มต่อหน้าต่อตา ยุรนันท์กัดฟัน กรอด ๆ ด้วยความโกรธ“ไอ้คนไร้มารยาท ทำไมถึงได้มาช้า !” แต่ชูเท็นโดจิทำเหมือนไม่ได้ยิน เขายกเหล้าขึ้นดื่มอย่างสบายอารมณ์“จะช้า จะเร็วมันสำคัญตรงไหน ยังไงซะแกก็ต้อง แพ้ !” ชูเท็นโดจิพูดจบก็ยกเหล้าขึ้นดื่มอีก ยุรนันท์ยิ่งโมโหจัดเขาจึงท้าว่า“ถ้าเจ้าแพ้ข้า เจ้าต้องไสหัวออกไปจากนรสิงฆ์นครตลอดชีวิต แต่ถ้าข้าแพ้ ข้าก็จะยอมออกจากนรสิงฆ์นครเช่นกัน” มีเสียงฮื่อฮาดังขึ้น ชูเท็นโดจิยกเหล้าขึ้นดื่ม แล้วพูดเสียงดังว่า“ก็ได้ข้ารับคำท้า”สัญญาณเริ่มการต่อสู้เริ่มขึ้น ชูเท็นโดจิออกหมัดก่อน แต่อีกฝ่ายหลบได้ และออกหมัดสวนไป ชูเท็นโดจิหลบได้ แต่เขารู้สึกถึงแรงลมจากหมัด รู้เลยว่าถ้าโดนเข้าไปจัง ๆ เขาได้เจ็บหนักแน่ ยั
“ข้ายังจำท่าของเจ้าได้ คราวนี้อย่าหวังว่าข้าจะแพ้ !” ชูเท็นโดจิออกหมัดไป อีกฝ่ายใช้มือปัดการโจมตีและสวนกลับด้วยการกระแทกศอก แต่คราวนี้ชูเท็นโดจิหลบได้และเหวี่ยงหมัดสวนไป อมเรศวรหลบไม่ทันโดนเข้าเต็ม ๆ หน้า ชูเท็นโดจิยังคงออกหมัดมา หมายจะโจมตีอีกครั้งแต่คราวนี้อมเรศวรก้มตัวหลบและชกหมัดขวาไปเป้าหมายคือปลายคางแต่ชูเท็นโดจิเอามือไปรับหมัดเอาได้และชกเข้าที่แขนทำให้อมเรศวรต้องรีบถอยออกมา เขาต้องการหยุดการต่อสู้โดยเร็วจึงตัดสินใช้เพลงแตะแต่ว่าชูเท็นโดจิจับขาเขาเอาไว้ เหวี่ยงร่างของอมเรศวรลอยไปเขาล้มลงไปกระแทกพื้น อมเรศวรลุกไม่ขึ้นอีกแล้ว เท่ากับว่าชูเท็นโดจิชนะ เขาเดินไปหาอมเรศวรประคองให้ลุกขึ้นและถามว่า“เจ้าไม่ได้ออมมือใช่มั้ย”“เปล่า เลยเจ้าอ่านทางมวยข้าได้แล้ว ข้าถึงได้แพ้” หลังจากที่อมเรศวรแพ้ไปแล้ว เจ้าชายเมืองอื่นก็รีบถอนตัวไปเกือบหมด เพราะเห็นฝีมือของชูเท็นโดจิแล้วไม่อยากเสี่ยงต่อสู้ด้วย เหลือแต่มารุตกับยุรนันท์เท่านั้น ซึ่งยุรนันท์ได้เข้าไปรอรอบชิงเลยด้วยความช่วยเหลือของราชินีตะวัน แถมในตอนแรกนางจะให้ชูเท็นโดจิต่อสู้เลยด้วยซ้ำแต่มารุตบอกว่า“ให้เขาไปพักก่อน ไม่งั้นมันไม่
“สหายข้า” เสียงของอิบารากิโดจิเรียกชูเท็นโดจิจากภวังค์ เพื่อนรักของเขาอยู่ตรงหน้า ในยามนี้เหลือเพียงแขนซ้ายเท่านั้น “มีอะไรอิบารากิ” ชูเท็นโดจิกำลังจะยกเหล้าขึ้นดื่ม แต่อิบารากิโดจิห้ามเอาไว้ “หยุดกินได้แล้ว สหายข้า”ชูเท็นโดจิแปลกใจมาก อิบารากิโดจิ ไม่เคยห้ามเขาเลย เวลาจะทำอะไร แต่วันนี้กลับห้ามไม่ให้ดื่มเหล้า “ห้ามข้าทำไม” “เจ้าดูสภาพตัวเองหรือเปล่า นี่ไม่ใช่ตัวเจ้าที่ข้ารู้จัก” อิบารากิโดจิพูด“ช่างข้าสิ” ชูเท็นโดจิสะบัดมือออก และยกเหล้าขึ้นดื่ม แต่อิบารากิโดจิปัดมือเขา“หยุดซะที แต่ก่อนเจ้าเป็นนักสู้ แต่ตอนนี้เมาเหมือนหมาไม่มีผิด”“หุปปากไปเลย แกจะเข้าใจอะไร” ชูเท็นโดจิ จะยกเหล้าขึ้นดื่ม อิบารากิโดจิใช้มือปัด ทำให้ชูเท็นโดจิเริ่มโมโห“อย่ามายุ่งกับข้า เดี๋ยวก็ได้เสียแขนอีกข้างหรอก”“อย่างเจ้าตอนนี้ ตบแมลงยังไม่ตายเลยมั้ง” อิบารากิโดจิพูดเย้ย ชูเท็นโดจิได้ยินก็เลือดขึ้นหน้า เขาออกหมัดไป อิบารากิโดจิแม้จะมีแขนเดียว แต่ความเร็วของเขายังเท่าเดิม ทำให้ชูเท็นโดจิชกพลาด แขนเสื้อของอิบารากิโดจิฟาดหน้าเขา ทำให้เขาได้สติถ้าอิบารากิโดจิมีแขนข้างนี้ ตาเข
“ขอร้อง ล่ะ!” มัน เน้นเสียงตรงคำว่า ล่ะ ทำให้เกิดคลื่นเสียงมาทำให้ชูเท็นโดจิเสียหลัก การอนรีบลุกขึ้นมาและกำลังจะหนีแต่ ชูเท็นโดจิตั้งตัวได้กระโดดไปดักหน้าการอนเอาไว้ และทุบหัวของการอสด้วยสองมือร่างของการอนค่อย ๆ จมลงไปในดินจนเหลือแต่หัว กระดูกทั้งตัวแหลก ชูเท็นโดจิทุบซ้ำไปอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้หัวของมันแหลกไปแล้ว“การอนตาย แล้ว !” ชูเท็นโดจิประกาศเสียงดังลั่นหลังจากที่การอนตายพวกออร์คก็ถูกสังหารไปจนหมด อรุณนภา กับ อาทิตย์รีบไปตามหาพ่อกับแม่ ซึ่งก็พบว่า ยุรนันท์พาทั้งสองออกมาแล้ว ราชาสุริยะนั้นได้บาดเจ็บหนัก ส่วนราชินีตะวันปลอดภัยดี ทุกคนเข้าไปกอดกันด้วยความรัก และร้องไห้ออกมาด้วยซาบซึ้งในใจ ชูเท็นโดจิเดินมาเห็นภาพนี้เขาก็ยิ้มออกมา อรุณนภาเห็นชูเท็นโดจิก็วิ่งเข้าไปกอดเขา“เจ้ากลับมา เจ้ากลับมา” อรุณนภาพูดทั้งน้ำตา ชูเท็นโดจิกอดนาง“ข้ากลับมาแล้วว่าแต่มีเหล้ากินมั้ยเนี่ย” เมื่อได้ยินเช่นนั้นนางก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้ นางจึงตะโกนชื่อของเขา หลังจากนั้นทุกคนก็ตะโกนตาม“ชูเท็นโดจิ ชูเท็นโดจิ” เสียงเรียกชื่อเขาดังไปหมด แต่มันไม่ได้ดังด้วยความหวดกลัวเหมือนกับทุกครั้ง หากแต่เต็มไปด้วยความช
การอนแม้จะรู้สึกถึงพลังที่เพิ่มขึ้นของชูเท็นโดจิ ก็หาได้กลัวไม่ มันเข้าโจมตีชูเท็นโดจิด้วยการกระหน่ำหมัด แต่กลายเป็นว่า ชูเท็นโดจิหลบหมัดทั้งหมดได้ และคว้าข้อมือของการอนเอาไว้ออกแรงบีบอย่างแรง จนการอนร้องลั่งด้วยความเจ็บปวด เมื่อสลัดออกมาได้ ก็พบข้อมือมีรอยไหม้เป็นรูปมืออยู่ นั่นทำให้มันตกตะลึง จึงตัดสินรวมพลังไปที่ฝ่ามือและกระแทกใส่ชูเท็นโดจิ แต่กลายเป็นว่าครั้งนี้เขาไม่สะเทือนเลย แถมยังชกการอนกระเด็น“บังอาจมาทำร้ายอรุณนภา ข้าจะฆ่าเจ้าซะ !” ชูเท็นโดจิหยิบหินที่พื้นมาซัดออกไป การอนเอามือปัดแต่ครั้งนี้หินทะลุมือของมันเป็นรู ชูเท็นโดจิเขามาประชิดตัวพ่นไฟใส่ร่างของการอนมันร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด อย่างที่มันไม่เคยเจอมาก่อน“เคยใช้แต่ตัวปลอมสินะ งั้นก็มาเจอกับความเจ็บปวดของจริง เป็นยังไงล่ะ” ชูเท็นโดจิชกซ้ำร่าง การอนกระเด็น ล้มลงไปฝ่ายของการอนเมื่อเห็นนายล้มลงไปแล้วกำลังใจก็เริ่มเสีย ทำให้ฝ่ายต่อต้าน เริ่มมีกำลังใจมากขึ้น แต่มันเร็วไปที่จะดีใจ การอนลุกขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ร่างของมันกลับเป็นร่างแรก แถมอาการบาดเจ็บลดลงไปมาก“ไม่คิดเลยนะว่าจะเจอคนที่ทำให้ข้าเจ็บได้ งั้นก็หายไปซะ !” ร
“ข้าไม่ชอบอยู่ในเงาใคร โดยเฉพาะไอ้พวกที่ชอบสร้างตัวปลอม !” ชูเท็นโดจิพูดเสียงดังลั่นการอนส่ายหน้าแล้วจุ๊ปาก“จุ๊ ๆ แกคิดผิด แล้ว!” มันเน้นเสียงตรงคำว่าแล้ว เกิดคลื่นเสียงมากระแทกร่างของชูเท็นโดจิกระเด็นอีกครั้งหนึ่ง แล้วการอนก็ผิวปากเสียงร้องดังขึ้นมามันเหมือนกับเสียงไก่ สัตว์ประหลาดตัวหนึ่งสูงแค่เอวของชูเท็นโดจิ รูปร่างของมันเหมือนไก่แต่มีเกล็ดเหมือนงูและคอยาว มีหัวเป็นไก่และมีหางเหมือนกับงู มันส่งเสียงแหลมทำจนแสบหู“บาซิลิสก์ ฆ่ามัน ” การอนออกคำสั่ง“อย่ามาล้อเล่นกับข้า มาสู้กันเดี๋ยวนี้” ชูเท็นโดจิกำลังวิ่งเข้าหาการอน บาซิลิสก์มายืนขว้างหน้าของเขาและส่งเสียงขู่เหมือนงู“หลีกไป” ชูเท็นโดจิตะโกนเสียงดังลั่นบาซิลิสก์เข้าโจมตีด้วยการจิกทันที ชูเท็นโดจิหลบได้ แรงจิกของมันทำให้เสาเป็นรู และมันยังโจมตีไม่หยุด ชูเท็นโดจิรีบพ่นไฟสวนไปแต่มันกระโดดสูงและร่อนลงมาเอาสองขากระหน่ำแตะหน้าของชูเท็นโดจิ มันมีเล็บอันแหลมคมทำให้หน้าเขาเป็นรอยข่วย รู้สึกเจ็บปวดมาก มันแค่รอยข่วนเท่านั้น ทำไมเขาถึงได้เจ็บขนาดนี้ คิดได้อย่างเดียว เจ้าตัวประหลาดนี่มีพิษ ! ยังไม่ทันได้ตั้งตัวเขาก็โดนกระหน่ำจิกไปอีกหลายแผ
ขณะที่กำลังวิ่งไปนั้น อิบารากิโดจิเกิดนึกช่วงเวลาที่เขาอยู่กับลายขึ้นมา ไม่ว่าเขาจะร้ายกับลายแค่ไหนลายก็ไม่เคยโกรธเขาเลย ไม่ยอมไปไหน ฝีมือของไดเขาก็รู้ดีว่ามีขนาดไหน จะปล่อยให้ลายตายโดยไม่ช่วยอะไรเลย เขาทำไม่ได้ จึงหยุดวิ่งและตัดสินใจ“สหายข้า ข้าขอโทษ”อิบารากิโดจิตัดสินใจวิ่งกลับไป ลายต่อสู้กับได เขาแทบจะทำอะไรไม่ได้เลย ดาบสองเล่มของไดเคลื่อนไหวเหมือนมีชีวิต ลายเหมือนกับสู้กับนักดาบเก่ง ๆ พร้อมกันสองคน อิบารากิโดจิปรากกฎตัวขึ้นมาปัดดาบทิ้งทั้งสองเล่ม“เจ้ากลับมาทำไม” ลายถามด้วยความตกใจ“ข้าไม่รู้ แต่ข้าจะยอมให้เจ้าตายโดยที่ข้าไม่ช่วยไม่ได้”ยังไม่ทันที่จะพูดอะไรกันต่อ ดาบก็เข้ามาโจมตี ทั้งสองรับมือดาบกันคนละเล่ม ไดเห็นว่าอิบารากิโดจิมีฝีมือที่จะรับมือดาบได้อย่างสูสี จึงเสกดาบออกมาอีกเล่ม และสั่งให้เข้าไปโจมตีอิบารากิโดจิ เมื่อต้องรับมือดาบสองเล่มพร้อมกัน อิบรากิโดจิทำได้แค่หลบ ไม่มีโอกาสโจมตีสวนได้เลย ลายอยากไปช่วยแต่ลำพังเขายังเอาตัวแทบไม่รอด ไดเสกดาบมาอีกเล่มและสั่งให้เข้าไปโจมตีลายทันที ซึ่งเป้าหมายไม่ทันระวังตัวจึงโดนดาบแทงสีข้างเลือดไหลอาบ และถูกดาบทั้ง
“พอได้แล้ว” อรุณนภาตะโกนขึ้นมา ทั้งสองหยุดการโต้เถียงทันที อรุณนภานิ่งคิด การอยู่แบบนี้ก็เหมือนกับตายอย่างที่ ชูเท็นโดจิพูด แต่การให้คนไปออกรบก็ไม่ใช่ความคิดที่ฉลาด“เจ้าไม่เคยขอความช่วยเหลือจากเมืองอื่นเลยเหรอ” อิบารากิโดจิพูดขึ้นมา“ข้าก็อยากจะทำเช่นนั้นเหมือนกัน แต่พวกมันปิดทางเข้าออกไว้เกือบหมด พวกเราพยายามแล้ว” ยุรนันท์พูดขึ้นมา“ข้าว่าข้ามีทางนะขอรับ” ศุภมิตรพูดขึ้นมา“ยังไงเหรอท่านนักสิทธิ์น้อย” ยุรนันท์รีบถาม ศุภมิตรนิ่งไปสักพักแล้วก็พูดขึ้นมา“ช่วงที่พวกเราไปอยู่กับศุกราจารย์ ท่านให้ข้าอ่านคัมภีร์ เปิดประตูมิติ ข้าจะลองส่งกระแสจิตไปหาทุกคนเราเคยเจอ พวกเขาอาจมาช่วย”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ยุรนันท์ก็ขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด แล้วเขาก็พูดขึ้นมาว่า“มันออกจะเกินตัวท่านไปนะขอรับ ท่านยังไม่ได้ฤาษีที่มีตบะแก่กล้ามากพอ จะเปิดประตูมิติให้ทหารทั้งกองทัพออกมาได้ขนาดนั้นได้หรือขอรับ”ศุภมิตรนิ่งคิด จริงของยุรนันท์ ที่เป็นการเสี่ยงแบบสุด ๆ แม้แต่ชีวิตของเขาก็อาจจะต้องจบสิ้น ทำให้เขาเริ่มลังเล แต่ชูเท็นโดจิกลับพูดว่า“อย่าได้มาดูถูกนักสิทธิ์น้อยผู้นี้ ท่านมีความสามารถเกินตัวแบบที่พวกท่านคาดไม่ถึ