Share

บทที่ 2 เช่าคอนโดมิเนียม

“ทางมหาวิทยาลัยให้หนูลงไปรายงานตัวเดือนหน้า แม่ดีใจไหม”

“ดีใจสิลูก แม่ดีใจมาก” แม่คว้าฉันไปกอด เราสองคนกอดกันตัวกลม ฉันนี่แทบจะอิ่มทิพย์ก็ว่าได้ มันตื้นตัน มันดีใจจนอธิบายไม่ถูก ความเหนื่อยล้าจากการอ่านหนังสือมาตลอด มาวันนี้มันหายไปจนหมดสิ้น 

และแล้วก็มาถึงวันเดินทาง เมื่อคืนฉันนอนแทบไม่หลับเลยก็ว่าได้ กระทั่งลงรถทัวร์ที่หมอชิต คนที่มารับกลับทำให้หัวใจของฉันเต้นแรงมาก เกือบปีแล้วที่ไม่ได้เจอหน้าอาปัถย์ คิดถึงจนอยากกระโดดกอด แต่ก็คงได้แค่คิดในใจเท่านั้น

อาปัถย์มารับฉันคงเพราะคุยกับแม่ สองคนนี้เห็นคุยกันตลอด เพราะบ่อยครั้งที่อาปัถย์มักจะโทรศัพท์ไปหาแม่ฉันและคุยกันอยู่นานสองนาน แม่สนิทกับอาปัถย์มาก น่าจะมากกว่าน้องชายแท้ๆ ของแม่ด้วยซ้ำ 

“อาดีใจด้วยนะเวียงพิงค์ เก่งนะตัวแค่นี้”

“ค่ะ” ฉันตอบรับเพียงแค่สั้นๆ เพราะไม่รู้จะพูดอะไร แต่ใจนั้นเต้นโครมคราม ดีใจที่เขารู้ว่าฉันสอบได้

“มา…เราช่วยถือกระเป๋า” อาปัถย์เดินเข้าไปช่วยแม่ฉันถือกระเป๋า ส่วนของฉันคือเป้ที่ฉันสะพายติดตัวไว้ จากนั้นก็พาฉันกับแม่ไปที่รถ

แม้สรรพนามที่แม่กับอาปัถย์ใช้เรียกกันมันจะต่างไปจากญาติคนอื่นๆ แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจ นั่นเพราะแม่พูดเสมอๆ ว่าอาปัถย์คืออาของฉัน และฉันก็เชื่อแบบนั้น จึงไม่ถามเซ้าซี้ 

อาปัถย์พาฉันกับแม่ไปกินข้าวก่อน เสร็จก็ขับพาไปที่บ้านของอาปัถย์เอง โดยบอกให้ฉันกับแม่พักผ่อนกันก่อน นอนค้างที่นี่สักคืน พรุ่งนี้ถ้าจะไปหาห้องเช่าก็จะพาไปหา

บ้านของอาปัถย์นั้นสวย เพราะเป็นบ้านใหม่ ที่ถูกออกแบบและตกแต่งไว้เป็นอย่างดี รอบๆ บ้านมีสวนกับบ่อปลาขนาดเล็กด้วย ทำให้บรรยากาศดูร่มรื่นไม่น้อยเลย 

“แก้วกับลูก จะอยู่กับเราที่บ้านก็ได้นะ” 

“ไม่ได้หรอก”

“ทำไมจะไม่ได้”

“เราเกรงใจ อีกอย่างปัถย์เองก็มีแฟนอยู่แล้วด้วย ขืนเราหอบลูกมาอยู่ เดี๋ยวแฟนปัถย์จะอึดอัดไปด้วย คนแถวนี้จะหาว่าปัถย์แอบซุกลูกซุกเมียไว้อีก”

“เราไม่ถือ ก็เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ มีอะไรที่เราพอจะช่วยได้ เรายินดี”

“แค่ที่ผ่านๆ มาปัถย์ช่วยรับฟังเรื่องราวของเราก็มากพอแล้ว”

“แก้ว”

“ขอบใจในมิตรภาพนะปัถย์ ขอบใจที่เราเป็นเพื่อนกัน”

“เป็นเพื่อนแต่ให้ลูกเรียกเราว่าอา แทนที่จะเป็นพี่ปัถย์ มันน่านัก”

“ไม่ให้เรียกลุงปัถย์ก็ดีถมไปแล้ว” 

“งั้นแค่อาก็คงพอ” นี่คือประโยคที่ฉันบังเอิญผ่านมาได้ยินแม่กับอาปัถย์คุยกัน ฉันแอบยิ้ม นั่นเพราะตอนนี้รู้ความจริงว่าอาปัถย์ไม่ใช่ญาติทางสายเลือดของฉัน เพราะความที่เข้าใจว่าอาปัถย์เป็นญาติมาโดยตลอด ฉันก็เลยพยายามตัดใจ เลิกชอบ แม้จะทำไม่ได้ก็พยายามเก็บซ่อนความรู้สึกผิดของตัวเองไว้เพียงคนเดียว

แต่ตอนนี้ฉันกลับโล่งอก ยิ้มแก้มแตกอยู่ตรงบันไดเหมือนคนบ้า ก่อนที่ความจริงอีกอย่างจะทำให้ใจฉันมันห่อเหี่ยวอีกครั้ง ที่ได้รู้ว่าตอนนี้อาปัถย์มีคนรักอยู่แล้ว ได้แต่ยืนเงียบๆ ฟังพวกเขาคุยกัน 

 

วันรุ่งขึ้น อาปัถย์พาฉันกับแม่ไปหาห้องเช่า เราไปดูกันมาหลายที่ ก่อนที่ฉันกับแม่จะตกลงเช่าคอนโดมิเนียมที่อาปัถย์แนะนำ แม้อยู่ห่างจากมหาวิทยาลัยมาสักหน่อย แต่ราคาถูกและห้องก็สะอาด คอนโดมิเนียมเองก็น่าอยู่มากด้วย เพราะคอนโดมิเนียมที่ใกล้ๆ มหาวิทยาลัยราคาเช่ามันแพงมาก แพงกว่าราคาเช่าตึกแถวของแม่ฉันเสียอีก 

ฉันต้องเรียนรู้การเอาตัวรอด ต้องจำสายรถประจำทางและมีอะไรอีกหลายๆ อย่างที่ฉันต้องทำ ฉันกับแม่อยู่ที่บ้านอาปัถย์อีกสองวันก็นั่งรถทัวร์กลับเชียงราย แต่ละวันที่ผ่านไปมันไวมาก เผลอแป๊บเดียวก็ถึงวันรายงานตัวที่มหาวิทยาลัยของฉันแล้ว

ฉันกับแม่มาถึงกรุงเทพฯ ในตอนสาย นั่งรถแท็กซี่ไปยังคอนโดมิเนียมที่เช่าไว้แล้วเอง เพราะแม่บอกว่าวันนี้อาปัถย์มีประชุม ก็เลยมารับไม่ได้ ฉันไม่ได้ว่าอะไร เพราะแค่ได้มาอยู่ใกล้ๆ หัวใจฉันมันก็พองโตมากแล้ว 

และเย็นนั้นอาปัถย์ก็มารับฉันกับแม่ไปกินข้าว อาปัถย์มีของขวัญให้ฉัน นั่นคือชุดเครื่องเขียนกับกระเป๋า ซึ่งฉันสัญญาว่าจะไม่มีวันใช้มันเด็ดขาด 

“ตั้งใจเรียนรู้ไหมเวียงพิงค์ เรียนแทนแม่เขาด้วย”

“ค่ะ…อาปัถย์” ฉันเอ่ยรับคำอย่างไม่ลังเล ก่อนจะหันไปคว้ามือแม่มากุมไว้ นั่นเพราะฉันรู้ว่าแม่ไม่มีโอกาสได้เรียนต่อ

 

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status