"เป็นเช่นไรเล่าเถียนชี นางอยู่ที่นี่นานกว่าสองชั่วยาม เจ้าแพ้แล้ว" เถียนหยาเอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มกริ่ม
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเดิมพันกับเถียนชีแล้วเป็นฝ่ายชนะ คาดไม่ถึงว่าสตรีนางนี้สามารถอยู่กับจอมมารฮวาเทียนจิ้งนานกว่าสตรีนางอื่น เดิมทีหากเจ้าสาวบรรณาการใดถูกส่งเข้ามา แทบไม่ถึงหนึ่งชั่วยามด้วยซ้ำ พวกนางก็ถูกส่งตัวกลับ เถียนหยาเกรงว่าคุณหนูลี่เหยาเหยาผู้นี้คงมีสิ่งน่าสนใจไม่มากก็น้อยเป็นแน่
แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่เคยเห็นว่าผู้เป็นนายเก็บสตรีนางใดไว้ข้างกายสักราย"แพ้ก็แพ้สิ เอาไปผลึกแก้วห้วงเวลาสามชิ้น"
เถียนหยาเอื้อมมือเข้ารับของวิเศษจากสหายด้วยท่าทีกระหยิ่มยิ้มย่อง "ขอบใจ"
เถียนชี "นายท่านให้เจ้าเป็นฝ่ายส่งนาง อีกเดี๋ยวข้าจะตามนายท่านไปยังหอฝึกปราณ นางฟื้นแล้วก็เร่งพานางออกไปเล่า"
เถียนหยา "ข้ารู้แล้วนา เดี๋ยวนี้เจ้าช่างขี้บ่นอย่างกับมารดาของข้า"
"ชิ เจ้ามารปากดี" เถียนชีจึงหมุนกายพลันหายวับออกจากหอนอนชั่วพริบตา
"อื้อ...ปวดหัวจัง" เสียงเล็กเอ่ยกระท่อนกระแท่นดังเบาหวิว
เถียนหยาที่ยืนเฝ้าอยู่ด้านหน้ามานานจึงสาวเท้าเข้ามาด้านใน "คุณหนูฟื้นแล้วหรือขอรับ"
ลี่เหยาเหยาพยายามปรับรูม่านตาของตนให้เป็นปกติ พลางกะพริบถี่ ๆ เพื่อขับไล่ม่านหมอกให้สามารถมองชัดยิ่งขึ้น "เจ้าเป็นใครอีกเล่า"
"ข้าคือองครักษ์มือซ้ายของท่านจอมมาร หากท่านฟื้นแล้วนายท่านให้ส่งคุณหนูกลับโดยเร็ว"
"เขาล่ะ"
"หมายถึงนายท่านหรือขอรับ"
"อืม..." ลี่เหยาเหยาพยักหน้าหงึกหงัก นางพยายามพยุงร่างของตนขึ้นอย่างทุลักทุเล
"นายท่านมีราชกิจล้นพ้น ไม่สะดวกส่งคุณหนูขอรับ"
"แล้วใครอยากให้เขาไปส่งกันเล่า คนเผด็จการ โอ๊ะ!" ลี่เหยาเหยาก่นด่าสาปแช่งด้วยสีหน้าหม่นทะมึน ทว่าบริเวณลำคอของนางกลับเกิดอาการเจ็บหน่วงขึ้นมาเสียอย่างนั้น ฝ่ามือนุ่มจึงเอื้อมสัมผัสช่วงลำคอที่ยังทิ้งร่องรอยเขี้ยวแหลมคมเอาไว้
เถียนหยามองการกระทำของลี่เหยาเหยาตาปริบ ๆ เขาสังเกตเห็นรอยแดงบนต้นคอเด่นชัด และพบว่าร่างของสตรีสวมเพียงอาภรณ์ผืนบางปกปิดเอาไว้เท่านั้น ใบหน้าชายหนุ่มจึงรู้สึกร้อนซ่านขึ้นทันควัน เมื่อฉุกนึกได้เช่นนั้นเถียนหยาจึงเร่งหันหลังให้กับหญิงสาวเป็นพัลวัน
"อะ...แฮ่ม คุณหนูหากท่านแต่งกายเรียบร้อยแล้วก็ตามข้าออกมานะขอรับ ข้าจะไปส่ง"
ลี่เหยาเหยามองท่าทีกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของบุรุษเบื้องหน้าด้วยความฉงน ใบหน้างามเหยเกจากอาการเจ็บแปลบ
"เข้าใจแล้ว ขอบคุณนะ"
เถียนหยาจึงสาวเท้าเดินออกไปเบื้องหน้า คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันด้วยอย่างงุนงง ร่องรอยบนลำคอเช่นนั้น ไม่คิดว่านายของเขาจะกล้าลงมือด้วยตนเองจริง ๆ เดิมทีจอมมารแทบไม่แตะต้องเรือนร่างของสตรีนางใดด้วยซ้ำ
"เรียบร้อยแล้ว"
ลี่เหยาเหยามาหยุดยืนเบื้องหลังของเถียนหยาตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบ ชายหนุ่มหลุดจากภวังค์ พลางค้อมศีรษะให้อีกฝ่ายเล็กน้อย แม้จะเรียกว่าสตรีที่เข้ามาคือเจ้าสาวบรรณาการ หากแต่การเป็นเจ้าสาวจึงต้องนับว่าไม่ต่างจากการแต่งงานและร่วมเป็นภรรยาของท่านจอมมาร เพียงแต่สตรีทุกนางยังไม่เคยถูกแตะต้อง เว้นเพียงการกรีดโลหิตของตนเพื่อส่งมอบให้แก่ฮวาเทียนจิ้งก็เพียงเท่านั้น หลังจากเรียบร้อยแล้ว จอมมารจะให้เถียนหยา หรือไม่ก็เถียนชี เป็นฝ่ายส่งพวกนางเหล่านั้นกลับไปยังถิ่นที่ตนจากมา
ทว่าหลายปีมานี้เถียนหยาได้ยินเรื่องราวหนาหู แต่เนื่องจากพวกเขาไม่ได้ใส่ใจความเป็นมาของสตรีเหล่านั้น นัก จึงไม่รู้ความกระจ่างชัดว่าแท้จริงแล้วพวกนางไปถึงบ้านของตนหรือไม่ ทุกคนล้วนร่ำลือว่านายของเขาช่างมีจิตอำมหิต หญิงสาวทุกรายที่ถูกส่งเข้ามายังหุบเขาลึกลับของจอมมารวิหคทองล้วนถูกฆ่าตายทั้งหมด ทั้งที่ตนและเถียนชีมาส่งหญิงสาวออกไปทุกครา ที่น่าแปลกกว่านั้น ฮวาเทียนจิ้งกลับไม่เคยเดือดเนื้อร้อนใจต่อคำครหา เพียงปล่อยให้ข่าวโคมลอยดังกระฉ่อนไปทั่วโดยไม่คิดแยแสหรือแก้ต่างแต่อย่างใด
เถียนหยาส่งลี่เหยาเหยาไว้บริเวณท้ายหุบเขาเช่นที่เคยทำ แล้วจึงกล่าวลา หนทางข้างนอกล้วนต้องเป็นนางที่บากบั่นไปด้วยตนเองแล้ว เขาไม่สะดวกย่างกรายออกจากหุบเขาลึกลับ เพราะอาจเผลอข้ามแดนไปรบกวนจอมมารวิหคเงินเอาได้ พวกเขาทั้งสองเผ่าล้วนไม่มีความบาดหมางให้ต้องรบรากันมาเนิ่นนานแล้วหากไม่มีฝ่ายใดล้ำเส้น ซ้ำยังร่วมทำพันธสัญญาสงบสงครามนับหลายพันปี
"เดี๋ยว!" ลี่เหยาเหยาร้องทัดทานขึ้น เมื่อเห็นว่าเถียนหยาตั้งท่าจากตนไป
"คุณหนูมีสิ่งใดหรือขอรับ" เถียนหยาหมุนกายกลับ พลันเอ่ยถามด้วยสีหน้างุนงง
ปกติแล้วหากเขามาส่งสตรีเหล่านั้น ล้วนวิ่งหนีตนให้จ้าละหวั่น รีบถอยห่างจากเขาเสียจนหัวซุกหัวซุน สตรีนางนี้แปลกโดยแท้ นอกจากจะไม่หวั่นเกรง ยังกล้าเอ่ยรั้งตนเอาไว้เสียด้วย
"คือว่า...ฉัน เอ่อ...ข้าไม่มีบ้านให้กลับ"
"ไม่มีบ้านให้กลับหรือ" เถียนหยาเลิกคิ้ว
"อือ อือ" ลี่เหยาเหยาพยักหน้าหงึกหงัก
หลังจากนางได้ออกมาจากคฤหาสน์จอมมาร นั่นจึงทำให้ลี่เหยาเหยานั้นเข้าใจถึงสถานการณ์อย่างแจ่มชัด เธอได้หลุดเข้ามายังโลกอีกใบโดยไม่ทันรู้ตัว ร่างที่เธอเข้ามาอยู่ก็ไม่รู้ว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร หรืออาจเป็นสตรีนางใดที่ตายไปแล้วยังโลกใบนี้หรือไม่ ลี่เหยาเหยาทราบเพียงยามนี้ความกลัวเริ่มกัดกร่อนจิตใจของนางแล้ว มองไปทางใดก็พบแต่ผืนป่า อย่างน้อย ๆ ชายผู้นี้ควรไปส่งตนให้ถึงหมู่บ้าน หรือพื้นที่ที่มีผู้คนสักแห่งหรือไม่
"คุณหนูข้าต้องขออภัย ข้าส่งท่านได้เพียงเท่านี้ เส้นทางข้างหน้าต้องลำบากท่านแล้ว เช่นนั้นเห็นแก่ท่านช่างดูแตกต่างและน่าเวทนายิ่ง ท่านรับสิ่งนี้ไปเถิด"
เถียนหยายื่นของประหลาดบางสิ่งให้แก่นาง ลี่เหยาเหยาเพ่งมองของสิ่งนั้นด้วยความฉงน "นี่คืออะไรหรือ"
"นี่คือปีกวิหคทอง หากท่านพบเจอกับอันตรายก็ใช้สิ่งนี้ขับไล่เสีย ข้าคงช่วยท่านได้เพียงเท่านี้จริง ๆ"
กล่าวจบเถียนหยาจึงหายวับจากไปโดยไม่ทันให้อีกฝ่ายเอ่ยถามสิ่งใดอีก
"อะ...อ้าว ไปแล้วเหรอ" ลี่เหยาเหยาเศร้าสลดลง พลางเหลียวมองซ้ายขวา
"ที่นี่มีแต่ป่า แล้วจะออกไปยังไง น่ากลัวชะมัด ฮวาเทียนจิ้งคนใจแคบ" ลี่เหยาเหยาต่อว่าอีกฝ่ายกระปอดกระแปด แล้วจึงตัดสินใจมุ่งหน้าเดินไปทางทิศตะวันออก ถึงอย่างไรการเดินป่าที่ดีที่สุดก็ควรเดินไปในทางทิศนี้ เพื่อป้องกันการหลงทาง
เดินมาได้สักระยะลี่เหยาเหยารู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลอยู่บ้าง ในป่าช่างเงียบสงัดและน่าหวาดหวั่น
"ฮือ จะใช่ผีป่าหรือเปล่าเนี่ย"
ลี่เหยาเหยาพยายามรวบรวมสติ ภายในมือกำปีกวิหคทองของเถียนหยาเอาไว้แน่น เมื่อนางรู้สึกคล้ายมีสายตาจับจ้องมาที่ตน แม้ไม่ทราบวิธีใช้งานที่แท้จริงก็ตาม
อยู่ ๆ กลับมีชายฉกรรจ์ราวห้าคนวิ่งกรูเข้ามาปิดล้อมลี่เหยาเหยาเอาไว้ เท้าเรียวชะงักงัน ร่างกายของนางเริ่มสั่นเทา "พวกคุณเป็นใคร"
"นายหญิงบอกว่าให้ฆ่านางซะ" เสียงทุ้มดังขึ้น
ลี่เหยาเหยาเบิกดวงตากว้าง โพล่งออกมาอย่างนึกขลาดกลัว "จะบ้าหรือยังไง ข้ายังไม่เคยมีความบาดหมางใจกับใครที่นี่เลย"
ชายเหล่านั้นไม่ได้สนใจต่อคำพูดของลี่เหยาเหยาแม้
แต่น้อย กลับยังคงเอ่ยปรึกษากันอย่างออกรสออกชาติ"เจ้าดูร่างนุ่มนิ่มนี่สิ หากฆ่านางเลยไม่น่าเสียดายหรอกหรือ เล่นสนุกกับนางก่อนสักสองสามชั่วยามนายหญิงไม่มีทางจับได้อย่างแน่นอน"
"ห้ะ...คิดทำอะไร หยาบช้าที่สุด ถอยออกไปนะ!"
ลี่เหยาเหยาเอ่ยด้วยความตื่นตระหนก เท้าเรียวพยายามถอยหลัง ทว่าด้านหลังก็ถูกล้อมเอาไว้ ด้านหน้าล้วนไม่ต่าง ชายร่างกำยำย่างกรายเข้ามาหานางเชื่องช้า วงล้อมเริ่มแคบลงเรื่อย ๆ
ทำไงดีเหยาเหยา ปีกนกไร้สาระนี่ช่วยอะไรได้บ้างนะ
ลี่เหยาเหยากำสิ่งที่เถียนหยาให้มาอย่างเหนียวแน่น ความหวาดกลัวทำให้แรงในการบีบมากขึ้นเสียจนเลือดซิบ
"คุณหนูคนสวย อย่าได้คิดหนีหรือต่อต้านให้เปลืองแรงเลย หากท่านไม่อยากเจ็บตัวก็อยู่นิ่ง ๆ ให้พวกข้าจับเสียดี ๆ"
"ไร้สาระ!"
"ตัวแค่นี้เก่งเสียจริง"
จู่ ๆ บุรุษสองด้านซ้ายขวาพลันวิ่งกรูเข้ามาจับแขนของลี่เหยาเหยาเอาไว้
"ช่วยด้วย ช่วยด้วยค่ะ"
เพียะ!
"หุบปาก"
ลี่เหยาเหยาถูกฝ่ามือกว้างฟาดลงมายังใบหน้าขาวผ่องเสียจนโลหิตไหลซึมลงขอบปาก ซ้ำยังถูกชายผู้นั้นบีบบี้ปลายคางด้วยฝ่ามือหยาบกร้าน บังคับให้นางต้องแหงนเงยใบหน้าขึ้น กล่าวด้วยน้ำเสียงประดุจผู้วิกลจริต
"เก่งนักหรือ"
ลี่เหยาเหยาถ่มถุยน้ำลายเข้าหน้าอีกฝ่าย
"หน้าตัวเมีย"
หมัดของบุรุษจึงชกเข้ายังบริเวณท้องของเธอด้วยความรุนแรง ลี่เหยาเหยารู้สึกทั้งเจ็บและจุก ไม่มีแล้วหนทางรอดชีวิต หากต้องแบกรับความอัปยศ ลี่เหยาเหยาขอตายอีกครั้งแล้วอย่าได้ล่องลอยไปที่แห่งใดอีกเลย
อึ้ก!
ฮวาเทียนจิ้งกระอักโลหิตออกมา พลางยกมือขึ้นลูบใบหน้าและบริเวณท้องของตน
"นายท่านเกิดสิ่งใดขึ้น!"
เถียนชีตื่นตกใจ วิ่งรี่เข้ามาประคองผู้เป็นนาย ฝ่ามือกว้างยกขึ้นเพื่อปราม ทว่าลำแสงสีแดงสายหนึ่งกลับสาดสะท้อนเข้าดวงตาของเขา
"นะ...นี่มัน พันธผูกจิต"
"หืม..." ฮวาเทียนจิ้ง มองตามสีหน้าตื่นตระหนกของเถียนชี ข้อมือแกร่งมีรอยบากเส้นหนึ่งปรากฏขึ้น
นัยน์ตาสีแดงฉานเบิกกว้าง "สตรีจอมเจ้าเล่ห์ ไปนำตัวนางกลับมา!"
"อ้าว เถียนชีนี่เจ้าจะไปที่ใดเล่า" เถียนหยาเพิ่งกลับมาถึงเห็นว่าเถียนชีเร่งร้อนเดินดุ่ม ๆ ออกจากหอฝึกปราณจึงเอ่ยถามด้วยสีหน้างุนงง"มาก็ดี เจ้าเอาคุณหนูลี่เหยาเหยาคนนั้นไปส่งไว้ที่ใดกันเล่า""ข้าก็ส่งนางไว้ที่เดิมนั่นแหละ เจ้าจะโวยวายเพื่อสิ่งใด""นายท่านเผลอไปทำพันธผูกจิตกับนางตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่ทราบ ยามนี้นางคงได้รับบาดเจ็บ รีบออกไปตามหานางเร็วเข้า!""ห้ะ!! มิน่าเล่า ปกติข้าไม่เคยเห็นนายท่านสัมผัสร่างกายผู้ใดเลย แต่เมื่อสักครู่ข้าเห็น เอ่อ..." เถียนหยากล่าวกระอักกระอ่วน"เห็นอะไรเล่า ไยมัวอมพะนำ" เถียนชีเอ่ยด้วยความหงุดหงิด"ก็รอยที่คอของนาง...""อย่างนี้นี่เอง แต่โดยปกติหากไม่มีอาคมร่วมด้วย หากเพียงแค่สัมผัสต้นคอเท่านั้นไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน คุณหนูผู้นี้มีที่มาที่ไปอย่างไรกันเล่า"บุรุษทั้งสองสนทนากันอย่างพะว้าพะวัง พลันหายวับออกจากคฤหาสน์วิหคทองด้วยความเร่งร้อนลี่เหยาเหยาถูกแบกขึ้นบ่า ภาพเบื้องหน้าของนางกลับด้านเสียจนน่าเวียนศีรษะ จาก
นัยน์ตาคู่งามเปิดปรือขึ้นท่ามกลางความสลัว ลี่เหยาเหยารู้สึกว่ากายของตนปวดหนึบไปเสียหมดที่ไหนนะ เราตายอีกรอบแล้วหรือเปล่า"ฟื้นแล้วอย่างนั้นหรือ"ลี่เหยาเหยาพยายามกวาดสายตามองไปยังต้นเสียงที่เอ่ยขึ้น นางกะพริบดวงตาถี่เอ๋...หมอนี่อีกแล้วเหรอ"ฟื้นแล้วก็ลุกขึ้นมา อย่ามัวนอนกินบ้านกินเมือง""นะ...น้ำ" เสียงเล็กพยายามร้องขอ ลี่เหยาเหยารู้สึกว่าตอนนี้ลำคอช่างแห้งผากเหลือเกินฮวาเทียนจิ้งจึงลุกขึ้น และหยิบป้านชาลายวิจิตรพลางรินน้ำชาอุ่น ๆ ลงไปอย่างไม่เร่งร้อน "ข้าจะถามเจ้าเพียงหนึ่งคำถาม"เอาอีกแล้ว เจอหน้าทีไรเป็นต้องมีเรื่องโน่นนี่ลี่เหยาเหยาเอื้อมมือเพื่อรับจอกน้ำชาด้วยอาการสั่นเทา เมื่ออีกฝ่ายเห็นว่านางไร้เรี่ยวแรงเช่นนั้น จึงยอบกายลงเชื่องช้า และพยุงร่างของสตรีด้วยความจำใจ ถึงอย่างไรนางก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าสาวของเขา แม้จะแตะเนื้อต้องตัวกัน หรืออยู่ในห้องเพียงลำพังคงไม่เกิดความเสียหายใดแก่นางมากไปกว่านี้หรอกกระมัง
เพราะบุตรสาวของอนุผู้นี้ช่างใจกล้าเหนือสตรี ซ้ำยังชอบแต่งกายผิดจารีตประเพณีไม่เคารพกฎเกณฑ์ นางจึงถูกส่งไปสำนึกตนยังชานเมืองทุรกันดาร เคราะห์ซ้ำกรรมซัดเมื่อบ้านเดิมที่หญิงสาวถูกส่งตัวไปเป็นเผ่าบูชาจอมมารวิหคทอง ทุก ๆ สิบปีจะต้องมีการส่งตัวเจ้าสาวบรรณาการให้แก่จอมมารในดินแดนลึกลับ คาดไม่ถึงว่าชะตาเกิดของนางจะขึ้นตรงกับเนตรหายนะของปีที่สิบนี้เข้าอย่างพอดี ทั้งหมู่บ้านล้วนร่ำลือว่า บุตรีเสนาบดีใหญ่และอนุที่สิ้นใจไปแล้วล้วนเป็นที่ชิงชัง แม้นางหายตัวไปคงไม่มีผู้ใดให้ความสำคัญ ในคืนที่เกิดพายุลมฝนกรรโชกอย่างหนัก ร่างบอบบางกลับนอนขดกายอยู่บนแคร่ไม้เก่าในห้องเก็บฟืน นางเป็นคุณหนูรองลูกของเสนาบดีก็จริงอยู่ ทว่าเมื่อถูกส่งเข้ามาเพื่อสำนึกตนยังสถานที่แห่งนี้ กลับไม่มีผู้ใดสนใจไยดี ซ้ำยังถูกกลั่นแกล้งจากบ่าวไพร่สารพัด ผู้คนเหล่านี้หาได้เกรงกลัวคุณหนูรองเช่นนาง ซ้ำยังประณามว่านางคือ บุตรีนอกคอกผู้ที่บิดาแสนเกลียดชัง การที่ถูกส่งมายังสถานที่เช่นนั้นหมายถึงว่านางได้โดนตัดหางปล่อยวัดแล้ว ปัง! เสียงบานประตูถูกกระแทกจนเปิดออก นัยน์ตาคู่งามเปิดกว้างมองผ่านความมืดสลัว นางชินและชากับเหตุการณ์เช่นนี้เสีย
"เอ๋…นี่มันที่ไหนนะ" ลี่เหยาเหยาลืมตาขึ้นท่ามกลางความสลัว ใบหูของเธอคล้ายได้ยินเสียงคลื่นกำลังซัดสาด ร่างกายแข็งทื่อเสียจนไม่อาจขยับ"เราตายแล้วอย่างนั้นเหรอ หรือว่านี่คือโรงพยาบาล" ดวงตากลมโตกะพริบถี่ ทว่ากลับยังคงมองไม่เห็นสิ่งใด เพียงรู้สึกคล้ายใบหน้าของตนมีบางสิ่งมาบดบังเสียจนน่าอึดอัด "อะไรเนี่ย? เสี่ยวผิง""…""เสี่ยวผิง""…"มีเพียงเสียงเงียบสงัดตอบรับกลับมา ลี่เหยาเหยาจึงถอดใจ พลางพ่นลมหายใจออกเชื่องช้า หลับดวงตาลงอีกหน"สงสัยเรากำลังฝันแหง ปวดหัวจัง นอนต่ออีกหน่อยก็แล้วกัน เดี๋ยวตื่นขึ้นอีกทีก็เช้าแล้ว ช่างเถอะ" ด้วยความเหนื่อยล้าและรู้สึกไร้เรี่ยวแรง ลี่เหยาเหยาจึงผล็อยหลับลงในที่สุด เรือลำเล็กเคลื่อนตัวอย่างเชื่องช้าไปเรื่อย ๆ ท่ามกลางความอนธการโดยรอบ ร่างหญิงสาวนอนทอดกายอยู่ด้านใน ลมหายใจของนางเข้าออกสม่ำเสมอ ห่างออกไปไม่กี่ลี้[1] มีสายตาสองคู่กำลังกวาดมองมายังตัวเรือที่ลอยแล่นอยู่บนผิวน้ำด้วยความสนอกสนใจ "เถียนชีเจ้าเห็นแล้วหรือไม่" เสียงทุ้มเอ่ยพลางเพ่งสายตามองไปยังเบื้องหน้าท้องน้ำอันไกลโพ้น "ข้าเห็นแล้ว สายตาของเจ้าช่างไม่ได้เรื่องยิ่งนัก เราไปรับพระชายา
ลี่เหยาเหยาสะดุ้งโหยง พยายามกล่อมใจตัวเองต้องไม่มีอะไรเป็นแน่ อาจเป็นกองถ่ายละครแห่งใดแห่งหนึ่ง ทว่าภายในใจของนางกลับร้องตะโกนเสียงดังระงม ลี่เหยาเหยาเธอตายไปนานแล้ว ที่แห่งนี้ไม่ใช่ที่ที่เธอควรอยู่ลี่เหยาเหยาพยายามสลัดความคิดสับสนมึนงงนั้นทิ้งไป พลางแหงนหน้ามองคนร่างสูงที่ยืนขึงดวงตาสีแดงฉานมองมาที่ตน น้ำเสียงที่พยายามเอ่ยออกมาจึงดูกระท่อนกระแท่นอยู่ไม่น้อย "ฉันอยากอาบน้ำ ที่นี่มีห้องน้ำหรือเปล่า" "หืม…" "อะ…เอ่อ คือว่าตอนนี้ฉันตัวเหม็นจริง ๆ นั่นแหละ ดูเหมือนจะหมดสตินอนไม่รู้สึกตัวหลายวัน แค่ขออาบน้ำแป๊บเดียว หลังจากนั้นนายจะสอบสวน หรือจะฆ่าจะแกงก็ตามใจ" ลี่เหยาเหยาพยายามอธิบาย และกดข่มความขลาดกลัวพลางกล่าววาจาละมุนละม่อมแท้จริงแล้วลี่เหยาเหยาอยากรู้ยิ่งนักว่าที่แห่งนี้คือที่ใด อย่างน้อย ๆ หากได้ออกไปสำรวจด้านนอกอาจจะพอหาหนทางหลบหนีออกไปได้คงไม่ใช่พวกขบวนการค้ามนุษย์หรอกนะ"มากความเสียจริง แค่นำโลหิตเจ้ามาแล้วไสหัวออกจากเมืองของข้าก็พอ" ลี่เหยาเหยาพ่นลมหายใจด้วยความเหนื่อยหน่าย "แล้วจะกลับยังไง ยังไม่รู้เลยว่าที่นี่คือที่ไหน"นัยน์ตาคมกริบกวาดมองคนบนเตียงด้วยสีหน้าเคร่งขร
สตรีใบหน้าหวานสวมเครื่องแต่งกายของเจ้าสาว แดนมาร กลิ่นกายหอมกรุ่นล่องลอยเข้ามาแตะโพรงจมูกผู้ที่นั่งเคร่งขรึมอยู่มุมห้อง เขาจึงแหงนเงยใบหน้าของตนขึ้นเชื่องช้า เพียงแวบเดียวที่ความรู้สึกภายในใจราวเต้นกระหน่ำ ทว่าครู่ถัดมาอาการเช่นนั้นพลันมลายหายไป ร่างสูงสาวเท้าเข้ามาเบื้องหน้าเชื่องช้า ดวงตาดุดันเพ่งมองหญิงสาวด้วยความเกรี้ยวกราด"แต่งกายเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร เจ้าคงไม่คิดว่า ข้าจะรับเป็นชายาจริง ๆ ใช่หรือไม่" เสียงทุ้มกล่าวลอดไรฟัน ฝ่ามือกว้างคว้าหมับไปยังลำคอระหงลี่เหยาเหยากระอักไอออกมาเสียจนใบหน้าแดงก่ำ ร่างบอบบางถูกอีกฝ่ายยกขึ้นเหนือพื้น หญิงสาวพยายามดีดแข้งดีดขาของตนเพื่อเอาตัวรอด สีหน้าของนางตอนนี้เริ่มไม่สู้ดีนัก ฝ่ามือน้อย ๆ ยกขึ้นตบตี ตะปบแกะให้อีกฝ่ายผ่อนปรนแรงลงราว ลูกแมวขาดอากาศหายใจ"ปะ...ปล่อยนะ"ประมุขแดนมารเห็นว่าลี่เหยาเหยาเริ่มไม่ไหว เขาจึงเหวี่ยงกายคนตัวเล็กในชุดเจ้าสาวลงบนเตียงนอน อย่างไม่สนใจไยดี พลางจ้องอีกฝ่ายเขม็ง "เจ้ากล้าดีอย่างไร จึงหยิบชุดนี้ขึ้นมาใส่""ฉัน.
นัยน์ตาคู่งามเปิดปรือขึ้นท่ามกลางความสลัว ลี่เหยาเหยารู้สึกว่ากายของตนปวดหนึบไปเสียหมดที่ไหนนะ เราตายอีกรอบแล้วหรือเปล่า"ฟื้นแล้วอย่างนั้นหรือ"ลี่เหยาเหยาพยายามกวาดสายตามองไปยังต้นเสียงที่เอ่ยขึ้น นางกะพริบดวงตาถี่เอ๋...หมอนี่อีกแล้วเหรอ"ฟื้นแล้วก็ลุกขึ้นมา อย่ามัวนอนกินบ้านกินเมือง""นะ...น้ำ" เสียงเล็กพยายามร้องขอ ลี่เหยาเหยารู้สึกว่าตอนนี้ลำคอช่างแห้งผากเหลือเกินฮวาเทียนจิ้งจึงลุกขึ้น และหยิบป้านชาลายวิจิตรพลางรินน้ำชาอุ่น ๆ ลงไปอย่างไม่เร่งร้อน "ข้าจะถามเจ้าเพียงหนึ่งคำถาม"เอาอีกแล้ว เจอหน้าทีไรเป็นต้องมีเรื่องโน่นนี่ลี่เหยาเหยาเอื้อมมือเพื่อรับจอกน้ำชาด้วยอาการสั่นเทา เมื่ออีกฝ่ายเห็นว่านางไร้เรี่ยวแรงเช่นนั้น จึงยอบกายลงเชื่องช้า และพยุงร่างของสตรีด้วยความจำใจ ถึงอย่างไรนางก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าสาวของเขา แม้จะแตะเนื้อต้องตัวกัน หรืออยู่ในห้องเพียงลำพังคงไม่เกิดความเสียหายใดแก่นางมากไปกว่านี้หรอกกระมัง
"อ้าว เถียนชีนี่เจ้าจะไปที่ใดเล่า" เถียนหยาเพิ่งกลับมาถึงเห็นว่าเถียนชีเร่งร้อนเดินดุ่ม ๆ ออกจากหอฝึกปราณจึงเอ่ยถามด้วยสีหน้างุนงง"มาก็ดี เจ้าเอาคุณหนูลี่เหยาเหยาคนนั้นไปส่งไว้ที่ใดกันเล่า""ข้าก็ส่งนางไว้ที่เดิมนั่นแหละ เจ้าจะโวยวายเพื่อสิ่งใด""นายท่านเผลอไปทำพันธผูกจิตกับนางตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่ทราบ ยามนี้นางคงได้รับบาดเจ็บ รีบออกไปตามหานางเร็วเข้า!""ห้ะ!! มิน่าเล่า ปกติข้าไม่เคยเห็นนายท่านสัมผัสร่างกายผู้ใดเลย แต่เมื่อสักครู่ข้าเห็น เอ่อ..." เถียนหยากล่าวกระอักกระอ่วน"เห็นอะไรเล่า ไยมัวอมพะนำ" เถียนชีเอ่ยด้วยความหงุดหงิด"ก็รอยที่คอของนาง...""อย่างนี้นี่เอง แต่โดยปกติหากไม่มีอาคมร่วมด้วย หากเพียงแค่สัมผัสต้นคอเท่านั้นไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน คุณหนูผู้นี้มีที่มาที่ไปอย่างไรกันเล่า"บุรุษทั้งสองสนทนากันอย่างพะว้าพะวัง พลันหายวับออกจากคฤหาสน์วิหคทองด้วยความเร่งร้อนลี่เหยาเหยาถูกแบกขึ้นบ่า ภาพเบื้องหน้าของนางกลับด้านเสียจนน่าเวียนศีรษะ จาก
"เป็นเช่นไรเล่าเถียนชี นางอยู่ที่นี่นานกว่าสองชั่วยาม เจ้าแพ้แล้ว" เถียนหยาเอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มกริ่มนี่เป็นครั้งแรกที่เขาเดิมพันกับเถียนชีแล้วเป็นฝ่ายชนะ คาดไม่ถึงว่าสตรีนางนี้สามารถอยู่กับจอมมารฮวาเทียนจิ้งนานกว่าสตรีนางอื่น เดิมทีหากเจ้าสาวบรรณาการใดถูกส่งเข้ามา แทบไม่ถึงหนึ่งชั่วยามด้วยซ้ำพวกนางก็ถูกส่งตัวกลับ เถียนหยาเกรงว่าคุณหนูลี่เหยาเหยาผู้นี้คงมีสิ่งน่าสนใจไม่มากก็น้อยเป็นแน่ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่เคยเห็นว่าผู้เป็นนายเก็บสตรีนางใดไว้ข้างกายสักราย"แพ้ก็แพ้สิ เอาไปผลึกแก้วห้วงเวลาสามชิ้น"เถียนหยาเอื้อมมือเข้ารับของวิเศษจากสหายด้วยท่าทีกระหยิ่มยิ้มย่อง "ขอบใจ"เถียนชี "นายท่านให้เจ้าเป็นฝ่ายส่งนาง อีกเดี๋ยวข้าจะตามนายท่านไปยังหอฝึกปราณ นางฟื้นแล้วก็เร่งพานางออกไปเล่า"เถียนหยา "ข้ารู้แล้วนา เดี๋ยวนี้เจ้าช่างขี้บ่นอย่างกับมารดาของข้า""ชิ เจ้ามารปากดี"เถียนชีจึงหมุนกายพลันหายวับออกจากหอนอนชั่วพริบตา"อื้อ...ปวดหัวจัง" เสียงเล็กเอ่ยกระท่อนกระแท่นดังเบาหวิว&n
สตรีใบหน้าหวานสวมเครื่องแต่งกายของเจ้าสาว แดนมาร กลิ่นกายหอมกรุ่นล่องลอยเข้ามาแตะโพรงจมูกผู้ที่นั่งเคร่งขรึมอยู่มุมห้อง เขาจึงแหงนเงยใบหน้าของตนขึ้นเชื่องช้า เพียงแวบเดียวที่ความรู้สึกภายในใจราวเต้นกระหน่ำ ทว่าครู่ถัดมาอาการเช่นนั้นพลันมลายหายไป ร่างสูงสาวเท้าเข้ามาเบื้องหน้าเชื่องช้า ดวงตาดุดันเพ่งมองหญิงสาวด้วยความเกรี้ยวกราด"แต่งกายเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร เจ้าคงไม่คิดว่า ข้าจะรับเป็นชายาจริง ๆ ใช่หรือไม่" เสียงทุ้มกล่าวลอดไรฟัน ฝ่ามือกว้างคว้าหมับไปยังลำคอระหงลี่เหยาเหยากระอักไอออกมาเสียจนใบหน้าแดงก่ำ ร่างบอบบางถูกอีกฝ่ายยกขึ้นเหนือพื้น หญิงสาวพยายามดีดแข้งดีดขาของตนเพื่อเอาตัวรอด สีหน้าของนางตอนนี้เริ่มไม่สู้ดีนัก ฝ่ามือน้อย ๆ ยกขึ้นตบตี ตะปบแกะให้อีกฝ่ายผ่อนปรนแรงลงราว ลูกแมวขาดอากาศหายใจ"ปะ...ปล่อยนะ"ประมุขแดนมารเห็นว่าลี่เหยาเหยาเริ่มไม่ไหว เขาจึงเหวี่ยงกายคนตัวเล็กในชุดเจ้าสาวลงบนเตียงนอน อย่างไม่สนใจไยดี พลางจ้องอีกฝ่ายเขม็ง "เจ้ากล้าดีอย่างไร จึงหยิบชุดนี้ขึ้นมาใส่""ฉัน.
ลี่เหยาเหยาสะดุ้งโหยง พยายามกล่อมใจตัวเองต้องไม่มีอะไรเป็นแน่ อาจเป็นกองถ่ายละครแห่งใดแห่งหนึ่ง ทว่าภายในใจของนางกลับร้องตะโกนเสียงดังระงม ลี่เหยาเหยาเธอตายไปนานแล้ว ที่แห่งนี้ไม่ใช่ที่ที่เธอควรอยู่ลี่เหยาเหยาพยายามสลัดความคิดสับสนมึนงงนั้นทิ้งไป พลางแหงนหน้ามองคนร่างสูงที่ยืนขึงดวงตาสีแดงฉานมองมาที่ตน น้ำเสียงที่พยายามเอ่ยออกมาจึงดูกระท่อนกระแท่นอยู่ไม่น้อย "ฉันอยากอาบน้ำ ที่นี่มีห้องน้ำหรือเปล่า" "หืม…" "อะ…เอ่อ คือว่าตอนนี้ฉันตัวเหม็นจริง ๆ นั่นแหละ ดูเหมือนจะหมดสตินอนไม่รู้สึกตัวหลายวัน แค่ขออาบน้ำแป๊บเดียว หลังจากนั้นนายจะสอบสวน หรือจะฆ่าจะแกงก็ตามใจ" ลี่เหยาเหยาพยายามอธิบาย และกดข่มความขลาดกลัวพลางกล่าววาจาละมุนละม่อมแท้จริงแล้วลี่เหยาเหยาอยากรู้ยิ่งนักว่าที่แห่งนี้คือที่ใด อย่างน้อย ๆ หากได้ออกไปสำรวจด้านนอกอาจจะพอหาหนทางหลบหนีออกไปได้คงไม่ใช่พวกขบวนการค้ามนุษย์หรอกนะ"มากความเสียจริง แค่นำโลหิตเจ้ามาแล้วไสหัวออกจากเมืองของข้าก็พอ" ลี่เหยาเหยาพ่นลมหายใจด้วยความเหนื่อยหน่าย "แล้วจะกลับยังไง ยังไม่รู้เลยว่าที่นี่คือที่ไหน"นัยน์ตาคมกริบกวาดมองคนบนเตียงด้วยสีหน้าเคร่งขร
"เอ๋…นี่มันที่ไหนนะ" ลี่เหยาเหยาลืมตาขึ้นท่ามกลางความสลัว ใบหูของเธอคล้ายได้ยินเสียงคลื่นกำลังซัดสาด ร่างกายแข็งทื่อเสียจนไม่อาจขยับ"เราตายแล้วอย่างนั้นเหรอ หรือว่านี่คือโรงพยาบาล" ดวงตากลมโตกะพริบถี่ ทว่ากลับยังคงมองไม่เห็นสิ่งใด เพียงรู้สึกคล้ายใบหน้าของตนมีบางสิ่งมาบดบังเสียจนน่าอึดอัด "อะไรเนี่ย? เสี่ยวผิง""…""เสี่ยวผิง""…"มีเพียงเสียงเงียบสงัดตอบรับกลับมา ลี่เหยาเหยาจึงถอดใจ พลางพ่นลมหายใจออกเชื่องช้า หลับดวงตาลงอีกหน"สงสัยเรากำลังฝันแหง ปวดหัวจัง นอนต่ออีกหน่อยก็แล้วกัน เดี๋ยวตื่นขึ้นอีกทีก็เช้าแล้ว ช่างเถอะ" ด้วยความเหนื่อยล้าและรู้สึกไร้เรี่ยวแรง ลี่เหยาเหยาจึงผล็อยหลับลงในที่สุด เรือลำเล็กเคลื่อนตัวอย่างเชื่องช้าไปเรื่อย ๆ ท่ามกลางความอนธการโดยรอบ ร่างหญิงสาวนอนทอดกายอยู่ด้านใน ลมหายใจของนางเข้าออกสม่ำเสมอ ห่างออกไปไม่กี่ลี้[1] มีสายตาสองคู่กำลังกวาดมองมายังตัวเรือที่ลอยแล่นอยู่บนผิวน้ำด้วยความสนอกสนใจ "เถียนชีเจ้าเห็นแล้วหรือไม่" เสียงทุ้มเอ่ยพลางเพ่งสายตามองไปยังเบื้องหน้าท้องน้ำอันไกลโพ้น "ข้าเห็นแล้ว สายตาของเจ้าช่างไม่ได้เรื่องยิ่งนัก เราไปรับพระชายา
เพราะบุตรสาวของอนุผู้นี้ช่างใจกล้าเหนือสตรี ซ้ำยังชอบแต่งกายผิดจารีตประเพณีไม่เคารพกฎเกณฑ์ นางจึงถูกส่งไปสำนึกตนยังชานเมืองทุรกันดาร เคราะห์ซ้ำกรรมซัดเมื่อบ้านเดิมที่หญิงสาวถูกส่งตัวไปเป็นเผ่าบูชาจอมมารวิหคทอง ทุก ๆ สิบปีจะต้องมีการส่งตัวเจ้าสาวบรรณาการให้แก่จอมมารในดินแดนลึกลับ คาดไม่ถึงว่าชะตาเกิดของนางจะขึ้นตรงกับเนตรหายนะของปีที่สิบนี้เข้าอย่างพอดี ทั้งหมู่บ้านล้วนร่ำลือว่า บุตรีเสนาบดีใหญ่และอนุที่สิ้นใจไปแล้วล้วนเป็นที่ชิงชัง แม้นางหายตัวไปคงไม่มีผู้ใดให้ความสำคัญ ในคืนที่เกิดพายุลมฝนกรรโชกอย่างหนัก ร่างบอบบางกลับนอนขดกายอยู่บนแคร่ไม้เก่าในห้องเก็บฟืน นางเป็นคุณหนูรองลูกของเสนาบดีก็จริงอยู่ ทว่าเมื่อถูกส่งเข้ามาเพื่อสำนึกตนยังสถานที่แห่งนี้ กลับไม่มีผู้ใดสนใจไยดี ซ้ำยังถูกกลั่นแกล้งจากบ่าวไพร่สารพัด ผู้คนเหล่านี้หาได้เกรงกลัวคุณหนูรองเช่นนาง ซ้ำยังประณามว่านางคือ บุตรีนอกคอกผู้ที่บิดาแสนเกลียดชัง การที่ถูกส่งมายังสถานที่เช่นนั้นหมายถึงว่านางได้โดนตัดหางปล่อยวัดแล้ว ปัง! เสียงบานประตูถูกกระแทกจนเปิดออก นัยน์ตาคู่งามเปิดกว้างมองผ่านความมืดสลัว นางชินและชากับเหตุการณ์เช่นนี้เสีย