“โอ้โห นี่หมาจรจัดที่ไหนมันเห่าหอนกันเนี่ย ถ้ายังกล้าเห่าอีกคำเดียว ฉันจะสับแกเป็นชิ้น ๆ แล้วเอาไปเป็นอาหารแมว” คุณชายเล็กหลินพูดอย่างไม่พอใจ กู้ชิงหลินเหลือบมองหลี่โม่อย่างร้ายกาจทีหนึ่งก่อนจะถลึงตาใส่ฉินจี้เย่ “คุณชายสาม เมื่อกี้นี้เจ้าหมาจรจัดนั่นมันตบฉัน ดูหน้าฉันสิคะ ยังมีรอยที่ถูกเขาตบอยู่เลย คุณต้องแก้แค้นให้ฉันนะคะ!” “วางใจได้ ฉันจะจัดการเจ้าหมาจรจัดนั่นแน่นอน ไอ้สกุลฉิน อย่านึกว่าตัวเองเก่งกาจอะไรนักเลย ตระกูลฉินของพวกแกไม่อยู่ในสายตาฉันเลยสักนิด ถ้ารู้จักดูสถานการณ์ก็คุกเข่าขอความเมตตาซะ เผื่อฉันใจดี อาจจะไว้ชีวิตสุนัขของแกก็ได้” คุณชายเล็กหลินมองฉินจี้เย่ด้วยสายตาเหยียดหยาม วางแผนจะใช้ฉินจี้เย่มาสร้างชื่อเสียงบารมี ฉินจี้เย่ยกมือขึ้นมาตั้งท่า พวกบอดี้การ์ดที่อารักขาอยู่ไม่ไกลออกไปพากันพุ่งเข้ามา “ฮ่าฮ่าฮ่า” คุณชายสามหลินหัวเราะลั่นอย่างบ้าระห่ำ ก่อนจะหันไปชักปืนอย่างองอาจแล้วเหนี่ยวไกใส่บอดี้การ์ดที่พุ่งเข้ามา ปัง ปัง ปัง! ทุกนัดที่คุณชายสามหลินยิงออกไป ก็จะมีบอดี้การ์ดหนึ่งคนถูกยิงล้มลงกับพื้น ในเวลาเพียงพริบตาเหล่าบอดี้การ์ดใต้บังคับบัญชาของฉินจี้เย่ก็ไ
กู้หยุนหลานพอใจกับคำตอบของหลี่โม่มาก เธอจับแขนของหลี่โม่เบา ๆ เมื่อเห็นหลี่โม่มองมาที่ตนเอง กู้หยุนหลานจึงเผยใบหน้ายิ้มแย้มให้แก่เขา หลี่โม่ยิ้มออกมาอย่างดีใจ แล้วโน้มหัวเข้าไปคิดจะจูบกู้หยุนหลานสักหน่อย แต่กลับถูกกู้หยุนหลานเบือนหน้าหลบไปเสียก่อน เมื่อเห็นหลี่โม่กับกู้หยุนหลานแสดงความรักหวานชื่นกันต่อหน้าสาธารณะ เฉินเสี่ยวถง กู้ชิงหลิน และคุณชายสามหลินก็เกิดคลื่นลูกใหญ่ซัดกระหน่ำอยู่ภายในใจ “กู้หยุนหลานเธอมันนังสารเลวไร้ยางอาย ยังไม่รีบเข้ามาปรนนิบัติคุณชายสามอีก!” กู้ชิงหลินตะโกนลั่นด้วยความโมโห คุณชายสามหลินแค่นเสียงอย่างเย็นชา แล้วมองไปที่หลี่โม่ด้วยสายตาเย็นยะเยือก “แกก็คือหลี่โม่ไอ้ขยะที่เกาะผู้หญิงกินนั่นสินะ? คลานมาแล้วเห่าเหมือนหมาสิ ไม่แน่ว่าฉันอาจจะยังเก็บแกมาเป็นหมาเฝ้าบ้านก็ได้ แต่ถ้าแกไม่ยอมทำตามดี ๆ ล่ะก็ หึหึ...” หลี่โม่ชำเลืองมองคุณชายสามหลิน แล้วส่ายหัวพลางพูดว่า “นายก็ช่างเป็นคนที่ไร้ความกลัวเพราะโง่เขลาจริง ๆ นึกว่าทำเป็นเท่แล้วมันจะเท่จริงงั้นเหรอ? งี่เง่าชะมัด” “กล้าดียังไงมาบอกว่าฉันงี่เง่าวะ คลานมาให้ฉันอัดซะดี ๆ ไอ้ขยะ!” คุณชายสามหลินพูดอย่างโหดเห
ฉินจี้เย่ทุ่มสุดตัว เขาเข้าใจดีว่าสิ่งที่ตนต้องการนั้นคือแสดงฝีมือ ขอเพียงการแสดงของตนสร้างความประทับใจให้หลี่โม่ได้ เขาก็ไม่มีทางตายอย่างแน่นอน ไม่เพียงจะไม่ตายเท่านั้น เขายังสามารถเข้าไปอยู่ในสายตาของหลี่โม่ได้ หากกลายเป็นลูกน้องที่อยู่รอบกายหลี่โม่ได้ก็คงไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน ฉินจี้เย่ที่จมูกเขียวหน้าบวมไปหมด และมีเลือดไหลออกจากหน้าผากไม่หยุด ใช้กำลังทั้งหมดในร่างกายพยุงตัวเองเหยียดตัวยืนตรง หากสู้ตอนนี้ก็คงสู้ไม่ไหวแล้วแน่นอน ที่เขาทำได้ก็แค่วางมาดเท่านั้น คุณชายเศรษฐีที่มามุงดูไม่น้อยต่างตกตะลึงกับท่าทางของฉินจี้เย่ พวกเขาต่างไม่เข้าใจว่าฉินจี้เย่ถูกอัดจนเป็นสภาพนั้นแล้ว ทำไมถึงยังยืนหยัดจะขวางทางไว้อีก หรือว่าฉินจี้เย่คิดจะปกป้องหลี่โม่จนตัวตายจริง ๆ ? อย่างนั้นแล้วหลี่โม่มีดีอะไรถึงสามารถทำให้ฉินจี้เย่เป็นแบบนี้ได้? “เหล่าฉินจะมาไม้ไหนอีก ถึงจะเป็นสุนัขรับใช้จริง แต่ถูกทุบตีจนกลายเป็นแบบนี้แล้ว เจ้านายก็ควรออกหน้าได้แล้วสิ ทำไมหลี่โม่ถึงยังนั่งนิ่งอยู่อีก คงไม่ได้จะมองเหล่าฉินตายไปทั้งอย่างนี้หรอกนะ” “วันนี้มันพลิกโลกเลยจริง ๆ ฉินจี้เย่สมองเพี้ยนไปแล้วหรือเปล่า หลี
ทันทีที่หลอดบินออกไป เปลือกตาของลุงฝูก็กระตุก แววตาเผยความตกตะลึงออกมา การดีดหลอดพลาสติกให้พุ่งออกไปตรง ๆ เป็นเรื่องยากมาก แต่การทำให้ความเร็วสูงจนแทบจะมองไม่เห็นเลยนั้นยากเสียยิ่งกว่ายาก ฟุ่บ หลอดแทงเข้าไปที่เข่าของชายฉกรรจ์ที่กำลังจะเตะเป้าของฉินจี้เย่ หลอดที่แต่เดิมแล้วอ่อนยวบ ในตอนนี้กลับแทงเข้ากระดูกเข่าราวกับเหล็กเส้น "อ๊าก!" ชายฉกรรจ์ส่งเสียงร้องลั่น เขาหงายหลังล้มลงกับพื้น มือทั้งสองข้างกุมหัวเข่าแล้วดิ้นไปกับพื้นด้วยความเจ็บปวด "เข่าฉัน!" คุณชายเล็กหลินและคนอื่น ๆ ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อได้ยินเสียงร้องของชายฉกรรจ์ พวกเขาถึงเพิ่งสังเกตเห็นหลอดปักอยู่ในเข่าของเขา ดวงตาของทุกคนพลันเบิกกว้างในทันที ทุกคนต่างคิดไม่ออกว่าหลอดแทงเข้าไปในเข่าได้อย่างไร และที่สำคัญคือเขาไม่เห็นด้วยซ้ำว่าใครเป็นคนทำ ฉินจี้เย่ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและรู้ว่าหลี่โม่ได้ช่วยตนเอาไว้แล้ว เมื่อผ่อนลมหายใจออกมา ฉินจี้เย่ก็พลันรู้สึกถึงความเจ็บปวดอย่างรุนแรงทั่วร่าง ความเจ็บปวดที่ถูกความตึงเครียดกดเอาไว้เมื่อครู่นี้ ซัดกระหน่ำใส่สมองของฉินจี้เย่ราวกับกระแสน้ำเชี่ยวกราด ประสาทรับรู้ทน
เฉินเสี่ยวถงได้ตัดสินใจลงไปโดยไม่ต้องคิดไตร่ตรองมากมาย ไม่ว่าจะเป็นผลประโยชน์หรือความสุขในอนาคต เฉินเสี่ยวถงก็รู้สึกว่าการเดิมพันกับหลี่โม่นั้นน่าเชื่อถือมากกว่าการเดิมพันกับราชินีมังกรมาก หลี่โม่รู้สึกได้ถึงสัมผัสอันน่าขนลุกที่หลัง เขาขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อยและพูดเสียงทุ้มเข้ม "ถ้าคุณกลัวก็ไปนั่งด้วยกันกับภรรยาผมเถอะ" กู้หยุนหลานเอื้อมมือมาวางบนมือของเฉินเสี่ยวถงและพูดอย่างนุ่มนวล "ไม่ต้องกลัวนะ ถ้ากลัวก็จับมือของฉันเอาไว้" “ไม่ เขา เขาทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัยมากกว่า” เฉินเสี่ยวถงเอ่ยอย่างน่าสงสาร หลี่โม่ยิ้มแหยพลางส่ายหน้า “คุณไม่จำเป็นต้องจับผมไว้ก็ปลอดภัยมากเหมือนกัน แต่ถ้าคุณจับผมอยู่แบบนี้ มันจะกลายเป็นไม่ปลอดภัยไปได้นะ” "ทะ-ทำไมล่ะ?" “เพราะผมกลัวภรรยา เรื่องที่ภรรยาของผมไม่ชอบผมก็จะไม่ทำ อย่างเช่น สิ่งที่คุณทำอยู่ตอนนี้อาจทำให้ภรรยาของผมไม่ชอบใจ” หลี่โม่พูดอย่างจริงจัง กู้หยุนหลานมองค้อนหลี่โม่เล็กน้อยและอดไม่ได้ที่จะเอามือป้องปากหัวเราะขึ้นมา ในใจเฉินเสี่ยวถงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ที่แล้วมาพวกผู้ชายพอเห็นตนก็ราวกับวิญญาณหลุดออกจากร่างแล้ว แต่ตอนนี้เธอเข้าหาออดอ้อนไปก
กู้ชิงหลินตกใจจนหดตัวอยู่ในอ้อมแขนของคุณชายเล็กหลินและถามอย่างหวาดกลัว “คุณชายสาม นี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้นคะ พวกเราควรทำยังไง?”“เหอะ ๆ ไม่ต้องกังวล ก็แต่ยอดฝีมือกังฟูเท่านั้นเอง รอบตัวฉันก็มีคนที่เก่ง ๆ อยู่!”สิ้นเสียงคุณชายเล็กหลิน ชายวัยกลางคนที่ใส่ชุดออกกำลังกายสีขาวก็ปรากฏตัวอยู่ด้านหลังคุณชายเล็กหลินชายวัยกลางคนมีคิ้วคมและดวงตาสดใส ดวงตาทั้งสองข้างของเขาเป็นประกาย ขมับของเขานูนสูง ดูมีพลัง“ลุงเป้า ต้องพึ่งลุงแล้ว” คุณชายเล็กหลินกระซิบลุงเป้าพยักหน้ายิ้ม ๆ ไปยืนข้างหน้าคุณชายสามหลิน ประเมินลุงฝูที่อยู่ตรงข้ามลุงฝูหยุดฝีเท้า มองลุงเป้าอย่างระมัดระวัง สีหน้าค่อนข้างหนักใจหลี่โม่เงยหน้ามองเฉินเสี่ยวถงแล้วพูด “พ่อบ้านของคุณเก่งนะ แต่ทำไมผมไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของตระกูลเฉินเลยล่ะ?”“ตระกูลของเราไม่ได้อยู่ที่นี่ ลุงฝูอยู่ในบ้านก็อยู่ในระดับธรรมดา คนที่เก่งกว่าเขามีเยอะมาก ฉันมาที่นี่เพราะหนีการแต่งงานมา ดังนั้นคุณไม่เคยได้ยินชื่อตระกูลฉันก็เป็นเรื่องปกติ”เฉินเสี่ยวถงพูดโกหก หลี่โม่ยิ้มเล็กน้อยไม่ฟังคำพูดของเฉินเสี่ยวถง แต่กู้หยุนหลานให้ความสนใจคำพูดของเฉินเสี่ยวถง ดึงเฉิ
พวกคนรวยพอจะมีประสบการณ์อยู่บ้าง แค่เห็นทักษะของลุงฝูเมื่อกี้ ก็รู้แล้วว่านี่แหละคือลูกน้องที่ตระกูลร่ำรวยมีอิทธิพลถึงจะมีได้อย่างแท้จริงปกติแล้วยอดฝีมือที่สามารถมีทักษะนี้ได้ ไม่มีทางอยู่ในครอบครัวคนรวยทั่วไปแน่นอนตอนที่พวกบ้านคนรวยกำลังกังวลกันอยู่นั้น คนจำนวนมากกำลังครุ่นคิดถึงตัวตนของหลี่โม่ เพราะว่าแม้ว่าหลี่โม่จะไม่ได้แสดงตัว เป็นเหมือนมนุษย์ล่องหน แต่เฉินเสี่ยวถงที่สามารถมีคนรับใช้อย่างลุงฝูได้ ทำไมถึงหลบหลังหลี่โม่ได้ล่ะ?คำถามเกิดขึ้นในใจของทุกคน แต่ไม่มีใครรู้คำตอบที่แท้จริงเมื่อเห็นพลังกระทืบเท้าของลุงเป้า ลุงฝูก็ตะคอกอย่างเย็นชา “หึ! คิดว่าทำแบบนี้ก็ทำให้ผู้คนหวาดกลัวได้แล้วเหรอ ให้ฉันดูหน่อยสิว่าพลังคงต้งเจ็ดทำลายล้างของแกมันเป็นยังไง!”“เอ๊ะ คิดไม่ถึงว่าจะมองทิศทางของฉันออก อายุของคนแก่ ๆ อย่างแกนี่ยังถือว่าไม่ได้แก่กะโหลกกะลานะ!”“อวดดี!”ลุงฝูโมโหมาก เหวี่ยงหมัดทั้งสองข้างเข้าใส่ลุงเป้าลุงเป้าไม่แสดงความอ่อนแอใด ๆ เขาก้าวไปข้างหน้าสู้กับลุงฝูความเร็วของทั้งสองเร็วมาก ๆ ไม่นานก็กลายเป็นแสงเส้นสีขาวกับสีดำอย่างละเส้น ระหว่างที่แสงทั้งสองเส้นเกี่ยวพันกันนั้น
สีหน้าของกู้หยุนหลานไม่สู้ดี ไม่คิดว่ากู้ชิงหลินจะชั่วร้ายขนาดนี้หลี่โม่ลูบที่หลังมือของกู้หยุนหลานเบาๆ “อย่าโกรธเลย ไม่คุ้มหรอก”“อืม ฉันไม่โกรธ แค่ไม่เข้าใจว่าทำไม ทุกคนจะทำดี ๆ กันไม่ได้เหรอ เป็นครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น”“ครอบครัวเดียวกันแล้วยังไง มันก็มักจะมีคนโลภ มักจะมีคนขี้อิจฉา ขอแค่มีความปรารถนา มันก็เกิดความชั่วร้ายขึ้นได้ ”หลี่โม่พูดเสร็จก็ยืนขึ้น มือทั้งสองไพล่หลังแล้วเดินไปทางลุงเป้า “แกเตรียมจะจับฉันเหรอ?”“เหอะ ๆ ใช่สิ หรือว่าแกอยากจะมอบตัวเองล่ะ? แบบนั้นก็จะดีมากเลย”ลุงเป้าพูดยิ้ม ๆ ไม่ได้สนใจหลี่โม่เลย“คนกาก ๆ อย่างแกไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน หลินเสินหม่าคนนั้นกำลังมา นายยังมียอดฝีมือติดตามอีกไหม เรียกออกมาสู้กับฉันหน่อย” หลี่โม่พูดอย่างเฉียบคมสีหน้าลุงเป้าเปลี่ยนเป็นดูไม่สู้ดีอย่างมากทันที คิดว่าหลี่โม่ไม่ได้สนใจตัวเองเลยสักนิด“แกพูดโอ้อวดไม่ละอายเลยนะ!”ลุงเป้าเหวี่ยงหมัดไปอย่างโมโห วางแผนว่าหมัดนี้จะต้องล้มหลี่โม่ได้ ให้หลี่โม่ได้รู้ความเก่งกาจของตัวเองหลี่โม่ส่ายหน้าอย่างดูถูก ยื่นนิ้วไปชี้ที่หมัดของลุงเป้า“แกเคยได้ยินฌานหนึ่งดรรชนีไหม? ฉันมีทักษะกา