ครึ่งชั่วโมงต่อมา หัวหน้าจางพาลูกน้องไปยืนอยู่หน้ารถตู้ที่พาเฉินฟู่ไป ค้นหาดูรอบ ๆ รถตู้ แต่ก็ไม่พบเบาะแสใด ๆ เลย“ตรวจสอบกล้องวงจรปิดของสนามบินหรือยัง?!”หัวหน้าจางตะโกนเสียงดัง“ตรวจสอบแล้วครับ คนขับรถหิ้วถุงหลากสีนั่นไปที่ทางพิเศษตรงไปขึ้นเครื่องบินส่วนตัวครับ แล้วเครื่องบินส่วนตัวลำนั้นก็ออกเดินทางไปแล้วด้วย จุดหมายคืออีกฝั่งของมหาสมุทรครับ”หัวหน้าจางฟังแล้วก็สบถในใจ แล้วตะลึงไปทันที“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย! ขโมยร่างของเฉินฟู่ แล้วส่งไปยังอีกฝั่งหนึ่งของมหาสมุทรด้วยเครื่องบินส่วนตัว? ให้ตายเถอะ ฟังยังไงก็ดูประหลาด”บ่นพึมพำอยู่ครู่หนึ่ง หัวหน้าจางที่ทำอะไรไม่ถูกก็หยิบมือถือของเขาออกมาต่อสายหาหลี่โม่ บอกเรื่องที่เกิดขึ้นให้หลี่โม่ฟัง“ขอโทษจริง ๆ นะครับ เป็นเพราะลูกน้องของผมมันไร้ประโยชน์เกินไป ผมไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ผมก็มืดแปดด้านเหมือนกัน คิดไม่ออกว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่” หัวหน้าจางอธิบายอย่างอึดอัด“ไม่เป็นไร ปล่อยพวกมันไปเถอะ ต้องขอบคุณด้วยครับ คุณลำบากแย่” หลี่โม่พูดเรียบ ๆ“นี่เป็นสิ่งที่ผมควรทำอยู่แล้ว งั้นทำยังไงดี ช่วงนี้ผมให้ส่งคนไปปกป้องคุณอย่าง
คฤหาสน์จิงเฉิงราชินีมังกรนอนอยู่บนเตียงอย่างเกียจคร้าน “พวกต่างชาติพวกนั้นมีความเคลื่อนไหวอะไรบ้าง ฉันรอดูว่าพวกเขาจะจัดการกับหลี่โม่อยู่”“เคลตี้กรรมการบริหารของการจัดแข่งมวยใต้ดินนานาชาติเซ็นสัญญากับชูจงเทียนแล้วครับ การแข่งขันมวยใต้ดินนานาชาติจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการในสัปดาห์หน้า” จางเต๋ออู่โค้งคำนับราวกับเป็นคนรับใช้แล้วพูด“ช้าจริง ๆ ทางเหล่าปาก็ไม่แน่ว่าจะพึ่งพาได้หรือเปล่า ส่งคนของเราไปอยู่ข้างกายหลี่โม่ดีกว่า” ราชินีมังกรพูดเรียบ ๆ“จัดคนไปที่กิจการของตระกูลกู้แล้วครับ เรารู้ความเคลื่อนไหวของหลี่โม่ได้”ราชินีมังกรมองจางเต๋ออู่ด้วยสายตาของมึนงง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “นายโง่หรือเปล่า สิ่งที่ฉันต้องการคือกุญแจ! ไม่ใช่ความเคลื่อนไหวของหลี่โม่ คนที่นายส่งเข้าไปจะหากุญแจให้ฉันได้ไหม!”เหงื่อเย็นผุดขึ้นที่หน้าผากของจางเต๋ออู่ทันที เขาก้มหน้าไม่รู้ว่าจะตอบราชินีมังกรอย่างไร“ไร้ประโยชน์จริง ๆ !”ราชินีมังกรหยิบแก้วไวน์แดงในมือ แล้วเทไวน์แดงของโรมาเนกองติมูลค่ากว่าหนึ่งหมื่นในแก้วลงบนใบหน้าของจางเต๋ออู่ไวน์สีแดงสดไหลลงแก้มของจางเต๋ออู่ แขนทั้งสองข้างของเขาสั่นเล็กน้อย
“ชิ”สวีอวิ๋นอวิ๋นส่งเสียงดูถูก นั่งลงตรงข้ามกู้หยุนหลานแล้วพูด “เขาจะทำอะไรได้ ตอนนี้พวกเราในโซลมีใครบ้างที่ไม่รู้ว่าเขาเกาะผู้หญิงกินน่ะ”“พอแล้วอวิ๋นอวิ๋น เธอรอฉันสักครู่นะ เสร็จงานตรงนี้เราก็ไปกันได้แล้ว”สวีอวิ๋นอวิ๋นมองชุดของกู้หยุนหลาน จากนั้นมองชุดของหลี่โม่ แล้วพูดอย่างประหลาดใจ “พวกเธอคงจะไม่แต่งตัวแบบนี้ไปใช่ไหม คืนนี้เป็นงานเลี้ยงกลางคืนที่โรงกลั่นไวน์นะ ไม่ใช่มีแค่พวกเราคนรวยรุ่นที่สองจากโซล ฉันได้ยินมาว่ามีกลุ่มธุรกิจต่างประเทศมาด้วย หยุนหลาน ยังไงเธอก็ต้องใส่ชุดราตรีเซ็กซี่สิ”“ไหล่ของเธอ หลังของเธอ ถ้าไม่โชว์ให้คนอื่นเห็นหน่อยมันน่าเสียดายเกินไป ถ้าเธอใส่ชุดราตรีสีเพลิงล่ะก็ มันจะกลายเป็นไฮไลท์ของงานเลี้ยงอย่างแน่นอน บางทีเธออาจจะได้ธุรกิจขนาดใหญ่หลายงานเลยก็ได้นะ”สวีอวิ๋นอวิ๋นพูดจบก็ลุกขึ้นยืนและถอดเสื้อโค้ดตัวนอกที่สวมอยู่ออก เผยให้เห็นชุดราตรีผ่าหลังเป็นตัววีสุดเซ็กซี่ที่เธอสวมใส่อยู่ชุดราตรีเน้นรูปร่างที่เป็นสัดเป็นส่วนของสวีอวิ๋นอวิ๋นได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทรงตัววีลึกที่ด้านหน้าและด้านหลังที่เปิดเผยก็ยิ่งสะดุดตามากเธอหมุนตัวตรงหน้าของกู้หยุนหลาน มือขวาเท้าสะโ
กู้หยุนหลานจ้องสวีอวิ๋นอวิ๋น เป็นสัญญาณให้สวีอวิ๋นอวิ๋นไม่ต้องพูดถึงเรื่องในอดีตสวีอวิ๋นอวิ๋นเบ้ปากเชิดหน้าพูด “เธอจ้องฉันทำไม สิ่งที่ฉันพูดคือความจริง เธอคิดดูเอาเองสิ พวกคนรวยที่มาจีบเธอตอนนั้น คนไหนบ้างที่ไม่มีทรัพย์สินของครอบครัวเกินพันล้าน คนที่ทรัพย์สินครอบครัวไม่ถึงพันล้านก็ละอายใจที่จะพูดคุยกับเธอกัน”“เธอบอกมาสิว่าทำไมสุดท้ายแล้วเธอถึงมาแต่งงานกับคนจนอย่างหลี่โม่ ตอนนั้นฉันคิดว่าเธอหาโล่กำบัง พอใช้เสร็จแล้วจะเขี่ยทิ้ง ตอนนี้มาเห็นว่าพวกเธอรักกันจริง ๆ มันทำให้ฉันประหลาดใจนะ”“อวิ๋นอวิ๋น ถ้าเธอยังพูดถึงเรื่องพวกนี้อีกพวกเราจะไม่ไปงานเลี้ยงแล้วนะ เธอหาคนอื่นไปช่วยเธอเถอะ” กู้หยุนหลานพูดด้วยสีหน้าเย็นชาสวีอวิ๋นอวิ๋นสายตาร้อนรนขึ้นมาทันที รีบจับแขนของกู้หยุนหลานไว้แล้วทำท่าอ้อน ๆ“ไม่นะ ฉันไม่พูดแล้วก็ได้ ถ้าเธอไม่ช่วยฉัน ก็ไม่มีใครช่วยฉันได้แล้ว ถ้าไปหาคนอื่น ก็กลัวว่าพวกเธอจะมาแย่งชิงกับฉัน มีแต่พวกผู้หญิงไม่ดีทั้งนั้น ยังไงหยุนหลานกับฉันก็เป็นเพื่อนซี้ปึกกันนะ”กู้หยุนหลานมองสวีอวิ๋นอวิ๋นอย่างจนใจ ส่งมือถือกลับไปแล้วพูด “ครั้งนี้ฉันจะช่วยเธอ แต่ถ้าครั้งหน้ามีเรื่องแบบนี
สวีอวิ๋นอวิ๋นทำปากมุ่ย หน้าของเธอเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “หยุนหลาน เธอปกป้องเขาแบบนี้ เป็นเพราะเธอเห็นว่าเขาน่าสงสารก็เลยใจดีใช่ไหม เธอเลี้ยงดูเขาเหมือนลูกชายเธอเลย”“มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิดนะ หลี่โม่เขาเป็นคนที่มีความสามารถ เพียงแต่เขาไม่แสดงออกเท่านั้นเอง” กู้หยุนหลานพยายามโต้เถียงให้หลี่โม่หลี่โม่เป็นใครกันแน่ กู้หยุนหลานก็ยังไม่เข้าใจ แต่หลังจากผ่านเรื่องราวกันมามากมายขนาดนี้ กู้หยุนหลานรู้ได้ว่าเขาเป็นคนดีมากแน่นอนบางทีเงิน ชื่อเสียง และอำนาจอาจจะไม่มีความหมายสำหรับหลี่โม่ แต่กู้หยุนหลานคิดว่าหากหลี่โม่ต้องการ สิ่งเหล่านั้นอาจหามาได้ง่ายมาก ๆ สำหรับเขาเดิมทีสวีอวิ๋นอวิ๋นคิดจะอดทนไว้ไม่พูด ถึงอย่างไรการหลอกล่อให้กู้หยุนหลานไปที่งานเลี้ยงโรงกลั่นไวน์ต่างหากที่เป็นเรื่องจริงจัง ขอแค่กู้หยุนหลานไปถึงที่นั่น สวีอวิ๋นอวิ๋นก็จะได้ผลประโยชน์มากมายเลยแต่พอได้ยินกู้หยุนหลานบอกว่าหลี่โม่ไม่ได้แสดงความสามารถออกมา สวีอวิ๋นอวิ๋นก็อดไม่ได้ “หยุนหลาน เธอโกหกแค่เพราะจะปกป้องเขาเนี่ยนะ มันเกินไปหน่อยไหม นี่เธอยังคิดว่าฉันเป็นเพื่อนซี้ของเธอหรือเปล่า? ฉันแค่ล้อเล่นว่าสามีของเธอเป็นคนไร้ประโยช
สวีอวิ๋นอวิ๋นถูกคำพูดของหลี่ทำให้เธอโกรธจนร้องไห้ออกมา จนต้องเปลี่ยนให้กู้หยุนหลานมานั่งที่คนขับแล้วขับรถต่อ คราวนี้รถเงียบลง สวีอวิ๋นอวิ๋นปิดปากไม่พูดจา บรรยากาศในรถก็ดีขึ้นมากรถบีเอ็มดับเบิ้ลยูจอดอยู่ที่ลานจอดรถนอกโรงกลั่นไวน์แล้ว ตอนนี้มีรถหรูจอดอยู่เต็มไปหมด รถบีเอ็มดับเบิ้ลยูไฟฟ์ซีรี่ส์ของสวีอวิ๋นอวิ๋นก็อยู่ในระดับล่างสุดของรถที่นี่พอลงจากรถ สวีอวิ๋นอวิ๋นก็มองรถหรูรอบตัวด้วยความงุนงง “ปอร์เช่ เฟอรารี่ แลมโบกินี่ บูกัตติเวย์รอน พระเจ้า!”มองรถหรูเหล่านี้ สวีอวิ๋นอวิ๋นก็ดูเหมือนจะเห็นทายาทคนรวยรุ่นที่สองที่เปล่งประกายขึ้นมาเลย อารมณ์ของเธอก็พลุ่งพล่าน รีบหยิบกระจกแต่งหน้าออกจากกระเป๋ามาส่องดูเมื่อเห็นว่าขอบตาของเธอแดงและบวมเล็กน้อย สวีอวิ๋นอวิ๋นก็มองหลี่โม่ตาแข็ง คิดว่าทั้งหมดเป็นเพราะหลี่โม่“ฉันเติมหน้าก่อน รอแป๊บนะ”สวีอวิ๋นอวิ๋นพูดจบก็กลับไปที่รถ แล้วเริ่มแต่งหน้าอย่างรวดเร็วหลี่โม่กับกู้หยุนหลานยืนอยู่ด้วยกัน มองรถหรูที่อยู่รอบ ๆ โดยที่ในใจไม่มีความรู้สึกอะไรเลย“เดี๋ยวคุณคุยกับอวิ๋นอวิ๋นน้อยลงหน่อยนะคะ อย่าไปทำให้อวิ๋นอวิ๋นโกรธจนร้องไห้ ยังไงเราก็มาเพื่อช่วยเหลือ
สวีอวิ๋นอวิ๋นอยู่ในรถมองเหม่อเลย รอกระทั่งสองคนนั้นวิ่งหนีไป สวีอวิ๋นอวิ๋นจึงได้รีบวิ่งออกมาราวกับแมวถูกเหยียบหาง“หลี่โม่!”สวีอวิ๋นอวิ๋นโบกมือด้วยความโกรธ “นายรู้ไหมว่าพวกเขาเป็นใคร? นายกล้าดียังไงไปมีเรื่องกับพวกเขา? นายเจอหายนะครั้งใหญ่แล้วล่ะ!”“พวกเขาเป็นใคร? ไม่เคยเจอมาก่อนเลย ไม่รู้จักด้วย”“นายตาบอดเหรอ! พวกเขาเป็นคุณชายรองคุณชายเล็กของบ้านตระกูลฉิน! ตระกูลฉินที่เมืองหลวง!” สวีอวิ๋นอวิ๋นตะโกนอย่างโกรธ ๆไปหาเรื่องคุณชายของตระกูลฉินที่เมืองหลวง สำหรับสวีอวิ๋นอวิ๋นแล้วเป็นเรื่องที่ไม่กล้าจินตนาการเลย ต่อให้เป็นคนรวยในกรุงโซลแต่พอเจอคุณชายตระกูลฉินก็ต้องก้มหน้าโค้งให้พวกเขากันหมด“อ๋อ งั้นก็ไม่มีอะไรต้องกังวลแล้ว” หลี่โม่พูดเรียบ ๆ สวีอวิ๋นอวิ๋นมองหลี่โม่อย่างแปลกใจและคิดว่า 'หลี่โม่โง่หรือเปล่า ยังจะพูดมาได้ว่าไม่มีอะไรต้องกังวล หมอนี่มองตัวเองเป็นราชาจริง ๆ !'“นายยังจะไม่กังวลอีก ตระกูลฉินที่เมืองหลวงมีอิทธิพลมากแค่ไหนรู้ไหม?! แค่ตระกูลฉินกระทืบเท้า ทั้งกรุงโซลก็สั่นสะเทือนแล้ว!”“อวิ๋นอวิ๋น เธอไม่ต้องไปกังวลเรื่องเขาเลย ถ้าเขาก่อปัญหาก็ให้เขาจัดการเอง”กู้หยุนหลานป
คุณชายรองฉินรีบเดินเข้าไปตรงหน้าของหลี่โม่ แล้วโบกมือแรง ๆ พวกบอดี้การ์ดก็เข้าไปล้อมหลี่โม่กับกู้หยุนหลานทันที“ฮ่าฮ่าฮ่า ไอ้ลูกหมา ตอนนี้กลัวแล้วล่ะสิ? เมื่อกี้ตอนที่ทำฉันแกดูหยิ่งมากเลยนี่ ตอนนี้เปลี่ยนไปแล้วงั้นเหรอ? ถึงเวลาที่ฉันจะหยิ่งบ้างแล้ว!”คุณชายเล็กฉินเดินเข้าไปข้าง ๆ คุณชายรองฉิน หรี่ตามองกู้หยุนหลาน มองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า จนน้ำลายแทบไหลออกมาแล้ว“หึหึ สาวสวยคนนี้ยังดูธรรมชาติจริง ๆ นะ ไม่เหมือนไปทำศัลยกรรมที่ไหนเลย แต่เธอดีกว่านางแบบสาวหน้าแดงพวกนั้นเป็นพันเท่า ฉันไม่คิดว่าจะมีคนสวยแบบนี้ในโซล”ฉินจี้เย่แอบถอนหายใจในใจ มองไปที่น้องชายทั้งสองของเขา ราวกับว่าเขาเห็นตัวเองเมื่อไม่นานมานี้ หาเรื่องใครไม่หา ไปมีเรื่องกับหลี่โม่ นี่ไม่ใช่ว่าเป็นการรีบหาความตายเหรอฉินจี้เย่ยืนอยู่ด้านหลังน้องชายทั้งสอง มองหลี่โม่ด้วยสายตาขอโทษ ขณะที่เขากำลังจะจัดการน้องชายงี่เง่าสองคน ฉินจี้เย่ส่ายหัวเล็กน้อยเมื่อเห็นหลี่โม่ฉินจี้เย่ที่เตรียมจะเตะออกไปรีบหยุดการกระทำทันที เขายืนอยู่ข้างหลังน้องทั้งสองคนอย่างเงียบ ๆ รอคำสั่งของหลี่โม่พวกคนอยากรู้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ สวีอวิ๋นอวิ๋นที่อยู่ใน