กู้หยุนหลานจ้องสวีอวิ๋นอวิ๋น เป็นสัญญาณให้สวีอวิ๋นอวิ๋นไม่ต้องพูดถึงเรื่องในอดีตสวีอวิ๋นอวิ๋นเบ้ปากเชิดหน้าพูด “เธอจ้องฉันทำไม สิ่งที่ฉันพูดคือความจริง เธอคิดดูเอาเองสิ พวกคนรวยที่มาจีบเธอตอนนั้น คนไหนบ้างที่ไม่มีทรัพย์สินของครอบครัวเกินพันล้าน คนที่ทรัพย์สินครอบครัวไม่ถึงพันล้านก็ละอายใจที่จะพูดคุยกับเธอกัน”“เธอบอกมาสิว่าทำไมสุดท้ายแล้วเธอถึงมาแต่งงานกับคนจนอย่างหลี่โม่ ตอนนั้นฉันคิดว่าเธอหาโล่กำบัง พอใช้เสร็จแล้วจะเขี่ยทิ้ง ตอนนี้มาเห็นว่าพวกเธอรักกันจริง ๆ มันทำให้ฉันประหลาดใจนะ”“อวิ๋นอวิ๋น ถ้าเธอยังพูดถึงเรื่องพวกนี้อีกพวกเราจะไม่ไปงานเลี้ยงแล้วนะ เธอหาคนอื่นไปช่วยเธอเถอะ” กู้หยุนหลานพูดด้วยสีหน้าเย็นชาสวีอวิ๋นอวิ๋นสายตาร้อนรนขึ้นมาทันที รีบจับแขนของกู้หยุนหลานไว้แล้วทำท่าอ้อน ๆ“ไม่นะ ฉันไม่พูดแล้วก็ได้ ถ้าเธอไม่ช่วยฉัน ก็ไม่มีใครช่วยฉันได้แล้ว ถ้าไปหาคนอื่น ก็กลัวว่าพวกเธอจะมาแย่งชิงกับฉัน มีแต่พวกผู้หญิงไม่ดีทั้งนั้น ยังไงหยุนหลานกับฉันก็เป็นเพื่อนซี้ปึกกันนะ”กู้หยุนหลานมองสวีอวิ๋นอวิ๋นอย่างจนใจ ส่งมือถือกลับไปแล้วพูด “ครั้งนี้ฉันจะช่วยเธอ แต่ถ้าครั้งหน้ามีเรื่องแบบนี
สวีอวิ๋นอวิ๋นทำปากมุ่ย หน้าของเธอเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “หยุนหลาน เธอปกป้องเขาแบบนี้ เป็นเพราะเธอเห็นว่าเขาน่าสงสารก็เลยใจดีใช่ไหม เธอเลี้ยงดูเขาเหมือนลูกชายเธอเลย”“มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิดนะ หลี่โม่เขาเป็นคนที่มีความสามารถ เพียงแต่เขาไม่แสดงออกเท่านั้นเอง” กู้หยุนหลานพยายามโต้เถียงให้หลี่โม่หลี่โม่เป็นใครกันแน่ กู้หยุนหลานก็ยังไม่เข้าใจ แต่หลังจากผ่านเรื่องราวกันมามากมายขนาดนี้ กู้หยุนหลานรู้ได้ว่าเขาเป็นคนดีมากแน่นอนบางทีเงิน ชื่อเสียง และอำนาจอาจจะไม่มีความหมายสำหรับหลี่โม่ แต่กู้หยุนหลานคิดว่าหากหลี่โม่ต้องการ สิ่งเหล่านั้นอาจหามาได้ง่ายมาก ๆ สำหรับเขาเดิมทีสวีอวิ๋นอวิ๋นคิดจะอดทนไว้ไม่พูด ถึงอย่างไรการหลอกล่อให้กู้หยุนหลานไปที่งานเลี้ยงโรงกลั่นไวน์ต่างหากที่เป็นเรื่องจริงจัง ขอแค่กู้หยุนหลานไปถึงที่นั่น สวีอวิ๋นอวิ๋นก็จะได้ผลประโยชน์มากมายเลยแต่พอได้ยินกู้หยุนหลานบอกว่าหลี่โม่ไม่ได้แสดงความสามารถออกมา สวีอวิ๋นอวิ๋นก็อดไม่ได้ “หยุนหลาน เธอโกหกแค่เพราะจะปกป้องเขาเนี่ยนะ มันเกินไปหน่อยไหม นี่เธอยังคิดว่าฉันเป็นเพื่อนซี้ของเธอหรือเปล่า? ฉันแค่ล้อเล่นว่าสามีของเธอเป็นคนไร้ประโยช
สวีอวิ๋นอวิ๋นถูกคำพูดของหลี่ทำให้เธอโกรธจนร้องไห้ออกมา จนต้องเปลี่ยนให้กู้หยุนหลานมานั่งที่คนขับแล้วขับรถต่อ คราวนี้รถเงียบลง สวีอวิ๋นอวิ๋นปิดปากไม่พูดจา บรรยากาศในรถก็ดีขึ้นมากรถบีเอ็มดับเบิ้ลยูจอดอยู่ที่ลานจอดรถนอกโรงกลั่นไวน์แล้ว ตอนนี้มีรถหรูจอดอยู่เต็มไปหมด รถบีเอ็มดับเบิ้ลยูไฟฟ์ซีรี่ส์ของสวีอวิ๋นอวิ๋นก็อยู่ในระดับล่างสุดของรถที่นี่พอลงจากรถ สวีอวิ๋นอวิ๋นก็มองรถหรูรอบตัวด้วยความงุนงง “ปอร์เช่ เฟอรารี่ แลมโบกินี่ บูกัตติเวย์รอน พระเจ้า!”มองรถหรูเหล่านี้ สวีอวิ๋นอวิ๋นก็ดูเหมือนจะเห็นทายาทคนรวยรุ่นที่สองที่เปล่งประกายขึ้นมาเลย อารมณ์ของเธอก็พลุ่งพล่าน รีบหยิบกระจกแต่งหน้าออกจากกระเป๋ามาส่องดูเมื่อเห็นว่าขอบตาของเธอแดงและบวมเล็กน้อย สวีอวิ๋นอวิ๋นก็มองหลี่โม่ตาแข็ง คิดว่าทั้งหมดเป็นเพราะหลี่โม่“ฉันเติมหน้าก่อน รอแป๊บนะ”สวีอวิ๋นอวิ๋นพูดจบก็กลับไปที่รถ แล้วเริ่มแต่งหน้าอย่างรวดเร็วหลี่โม่กับกู้หยุนหลานยืนอยู่ด้วยกัน มองรถหรูที่อยู่รอบ ๆ โดยที่ในใจไม่มีความรู้สึกอะไรเลย“เดี๋ยวคุณคุยกับอวิ๋นอวิ๋นน้อยลงหน่อยนะคะ อย่าไปทำให้อวิ๋นอวิ๋นโกรธจนร้องไห้ ยังไงเราก็มาเพื่อช่วยเหลือ
สวีอวิ๋นอวิ๋นอยู่ในรถมองเหม่อเลย รอกระทั่งสองคนนั้นวิ่งหนีไป สวีอวิ๋นอวิ๋นจึงได้รีบวิ่งออกมาราวกับแมวถูกเหยียบหาง“หลี่โม่!”สวีอวิ๋นอวิ๋นโบกมือด้วยความโกรธ “นายรู้ไหมว่าพวกเขาเป็นใคร? นายกล้าดียังไงไปมีเรื่องกับพวกเขา? นายเจอหายนะครั้งใหญ่แล้วล่ะ!”“พวกเขาเป็นใคร? ไม่เคยเจอมาก่อนเลย ไม่รู้จักด้วย”“นายตาบอดเหรอ! พวกเขาเป็นคุณชายรองคุณชายเล็กของบ้านตระกูลฉิน! ตระกูลฉินที่เมืองหลวง!” สวีอวิ๋นอวิ๋นตะโกนอย่างโกรธ ๆไปหาเรื่องคุณชายของตระกูลฉินที่เมืองหลวง สำหรับสวีอวิ๋นอวิ๋นแล้วเป็นเรื่องที่ไม่กล้าจินตนาการเลย ต่อให้เป็นคนรวยในกรุงโซลแต่พอเจอคุณชายตระกูลฉินก็ต้องก้มหน้าโค้งให้พวกเขากันหมด“อ๋อ งั้นก็ไม่มีอะไรต้องกังวลแล้ว” หลี่โม่พูดเรียบ ๆ สวีอวิ๋นอวิ๋นมองหลี่โม่อย่างแปลกใจและคิดว่า 'หลี่โม่โง่หรือเปล่า ยังจะพูดมาได้ว่าไม่มีอะไรต้องกังวล หมอนี่มองตัวเองเป็นราชาจริง ๆ !'“นายยังจะไม่กังวลอีก ตระกูลฉินที่เมืองหลวงมีอิทธิพลมากแค่ไหนรู้ไหม?! แค่ตระกูลฉินกระทืบเท้า ทั้งกรุงโซลก็สั่นสะเทือนแล้ว!”“อวิ๋นอวิ๋น เธอไม่ต้องไปกังวลเรื่องเขาเลย ถ้าเขาก่อปัญหาก็ให้เขาจัดการเอง”กู้หยุนหลานป
คุณชายรองฉินรีบเดินเข้าไปตรงหน้าของหลี่โม่ แล้วโบกมือแรง ๆ พวกบอดี้การ์ดก็เข้าไปล้อมหลี่โม่กับกู้หยุนหลานทันที“ฮ่าฮ่าฮ่า ไอ้ลูกหมา ตอนนี้กลัวแล้วล่ะสิ? เมื่อกี้ตอนที่ทำฉันแกดูหยิ่งมากเลยนี่ ตอนนี้เปลี่ยนไปแล้วงั้นเหรอ? ถึงเวลาที่ฉันจะหยิ่งบ้างแล้ว!”คุณชายเล็กฉินเดินเข้าไปข้าง ๆ คุณชายรองฉิน หรี่ตามองกู้หยุนหลาน มองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า จนน้ำลายแทบไหลออกมาแล้ว“หึหึ สาวสวยคนนี้ยังดูธรรมชาติจริง ๆ นะ ไม่เหมือนไปทำศัลยกรรมที่ไหนเลย แต่เธอดีกว่านางแบบสาวหน้าแดงพวกนั้นเป็นพันเท่า ฉันไม่คิดว่าจะมีคนสวยแบบนี้ในโซล”ฉินจี้เย่แอบถอนหายใจในใจ มองไปที่น้องชายทั้งสองของเขา ราวกับว่าเขาเห็นตัวเองเมื่อไม่นานมานี้ หาเรื่องใครไม่หา ไปมีเรื่องกับหลี่โม่ นี่ไม่ใช่ว่าเป็นการรีบหาความตายเหรอฉินจี้เย่ยืนอยู่ด้านหลังน้องชายทั้งสอง มองหลี่โม่ด้วยสายตาขอโทษ ขณะที่เขากำลังจะจัดการน้องชายงี่เง่าสองคน ฉินจี้เย่ส่ายหัวเล็กน้อยเมื่อเห็นหลี่โม่ฉินจี้เย่ที่เตรียมจะเตะออกไปรีบหยุดการกระทำทันที เขายืนอยู่ข้างหลังน้องทั้งสองคนอย่างเงียบ ๆ รอคำสั่งของหลี่โม่พวกคนอยากรู้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ สวีอวิ๋นอวิ๋นที่อยู่ใน
ฉินจี้เย่ทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ ถ้าให้พวกบอดี้การ์ดแตะต้องแม้แต่เส้นขนของหลี่โม่ เรื่องนี้จะไม่จบง่าย ๆ แน่นั่นมันหลี่โม่ที่กล้าต่อยกระทั่งท่านปานะ!วันนั้นท่านปาถูกตีอย่างแรงขนาดนั้น คนเก่ง ๆ อย่างหลี่โม่พูดว่าจะต่อยก็ต่อยเลย ตระกูลฉินเทียบไม่ได้แม้แต่เส้นขนของท่านปาเลยด้วยซ้ำ แล้วจะมีความสามารถไปสู้กับหลี่โม่ได้อย่างไรพวกคนที่ดูอยู่ก็อึ้งเช่นกัน มองฉินจี้เย่อย่างแปลกใจ ไม่เข้าใจว่าฉินจี้เย่เป็นบ้าอะไร ทำไมจู่ ๆ ถึงลงมือทำร้ายคนของตัวเองพวกบอดี้การ์ดหยุดการลงมือไว้แล้วมองฉินจี้เย่กับอย่างมึนงง ไม่รู้ว่าควรจะจับหลี่โม่หรือควรทำอย่างไรดี“คะ คุณชายใหญ่ นี่คุณ?” หัวหน้าบอดี้การ์ดพยักหน้าถามอย่างจริงจัง“พี่ใหญ่ พี่บ้าไปแล้วเหรอ มาเตะพวกเราทำไม!”คุณชายรองฉินจ้องฉินจี้เย่อย่างโกรธมาก รู้สึกว่าตัวเองเสียหน้าต่อหน้าคนเยอะ“พวกแกไปจับสองคนนี่มาเป็นกระสอบทรายสิ”ฉินจี้เย่ชี้ไปที่น้องชายแล้วพูดกับบอดี้การ์ด“เห้อ!”ทุกคนสูดลมหายใจพร้อมกันและเสียงดังมาก ๆ ก็เกิดขึ้นพร้อมกัน“นี่มันอะไรกัน คนที่อายุมากและไม่มีความปรานีอย่างฉินจี้เย่นั้น ไม่มีทางทำแบบนี้โดยไม่มีเหตุผลหรอกนะ”“การตีน้อ
“ซ้อมมัน! ซ้อมให้หนัก! ซ้อมให้ตาย!” ฉินจี้เย่เอ่ยอย่างโหดเหี้ยม “พี่ใหญ่ พี่บ้าไปแล้วเหรอ ให้คนมาซ้อมพวกเราทำไมเนี่ย?!” คุณชายรองฉินถามด้วยความตื่นตระหนก "แกยังกล้าถามว่าทำไมอีกเหรอ? พวกแกไปล่วงเกินคุณหลี่ก็คือการรนหาที่ตายแล้ว! อัดไอ้พวกเด็กนี่ให้กระดูกหักให้หมดทั้งร่างซะ!" หลังจากฉินจี้เย่พูดจบก็ทำให้เป็นตัวอย่างก่อน พลันเหวี่ยงกำปั้นเข้าใส่ไหล่ของน้องชายจอมงี่เง่าทั้งสองคน หมัดอันหนักหน่วง ชกใส่จนคุณชายรองฉินและคุณชายเล็กฉินกรีดร้องคร่ำครวญ “ทำแบบนี้เนี่ย เร็ว ๆ เข้า” หลังจากทำการสาธิตเสร็จแล้ว ฉินจี้เย่ถลึงตามองไปที่พวกบอดี้การ์ดแล้วพูดขึ้น เหล่าบอดี้การ์ดกัดฟันฝืนลงมือ ทุบตีคุณชายรองฉินและคุณชายเล็กฉินอย่างรุนแรง พวกชาวบ้านกินเผือกต่างหวาดหวั่นพรั่นพรึง การลงไม้ลงมือกับพี่น้งของตัวเองอย่างโหดเหี้ยมแบบนี้ หากไม่มีเหตุผลที่เพียงพอมันก็คงไม่ใช่เรื่องที่เข้าท่าอย่างแน่นอน ท่ามกลางสายตาของพวกชาวบ้านกินเผือก ฉินจี้เย่ก็เดินไปหาหลี่โม่ ก่อนจะโค้งตัวคำนับทำมุม 110 องศาให้กับหลี่โม่ อีกแค่นิดเดียวหัวของเขาก็จะชนกับปลายเท้าอยู่แล้ว "คุณหลี่ ผมขออภัยแทนน้องชายงี่เง่าท
เมื่อเห็นเหล่าลูกเศรษฐีรอบตัวถอยห่างกู้ชิงหลินก็ยิ่งโมโหมากกว่าเดิม เธอชี้ไปที่หลี่โม่แล้วเอ่ยตะคอก “หลี่โม่ ไอ้ขยะนี่ แกยังกล้ามาจองหองที่นี่อีกงั้นเหรอ?!” “กู้ชิงหลิน?” หลี่โม่มองกู้ชิงหลินเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจ จากนั้นจึงมองเห็นว่าสวีอวิ๋นอวิ๋นอยู่ด้วยกันกับกู้ชิงหลิน ทันใดนั้นก็พลันเข้าใจขึ้นมา กู้หยุนหลานเองก็เห็นกู้ชิงหลินอยู่กับสวีอวิ๋นอวิ๋นเช่นกัน เธอมองไปยังสวีอวิ๋นอวิ๋นด้วยสายตาที่ผิดหวังแล้วถอนหายใจ สวีอวิ๋นอวิ๋นผงะไปเล็กน้อย รู้ว่าตนถูกเปิดโปงแล้ว หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งสวีอวิ๋นอวิ๋นก็วิ่งหนีออกไปจากข้างกายกู้ชิงหลิน เมื่อวิ่งมาหากู้หยุนหลาน สวีอวิ๋นอวิ๋นก็ดึงแขนของกู้หยุนหลานแล้วพูดว่า “หยุนหลาน เธอเข้าใจผิดแล้ว ตอนที่กู้ชิงหลินมาดูเรื่องวุ่นวายพวกเราก็บังเอิญเจอกัน เมื่อกี้คนเบียดเสียดกันเลยเบียดพวกเรามายืนด้วยกันน่ะ” “หึ” กู้หยุนหลานหัวเราะอย่างเย็นชาเล็กน้อย แล้วดึงแขนของตนที่สวีอวิ๋นอวิ๋นจับอยู่กลับมา สวีอวิ๋นอวิ๋นรู้สึกโมโหขึ้นมาเล็กน้อย ทว่าเมื่อสายตามองไปยังหลี่โม่ สวีอวิ๋นอวิ๋นก็ข่มความขุ่นเคืองในใจเอาไว้ “หยุนหลาน เธอเชื่อฉันเถอะนะ ฉันรู้ว่าเมื่