เมื่อเห็นเหล่าลูกเศรษฐีรอบตัวถอยห่างกู้ชิงหลินก็ยิ่งโมโหมากกว่าเดิม เธอชี้ไปที่หลี่โม่แล้วเอ่ยตะคอก “หลี่โม่ ไอ้ขยะนี่ แกยังกล้ามาจองหองที่นี่อีกงั้นเหรอ?!” “กู้ชิงหลิน?” หลี่โม่มองกู้ชิงหลินเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจ จากนั้นจึงมองเห็นว่าสวีอวิ๋นอวิ๋นอยู่ด้วยกันกับกู้ชิงหลิน ทันใดนั้นก็พลันเข้าใจขึ้นมา กู้หยุนหลานเองก็เห็นกู้ชิงหลินอยู่กับสวีอวิ๋นอวิ๋นเช่นกัน เธอมองไปยังสวีอวิ๋นอวิ๋นด้วยสายตาที่ผิดหวังแล้วถอนหายใจ สวีอวิ๋นอวิ๋นผงะไปเล็กน้อย รู้ว่าตนถูกเปิดโปงแล้ว หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งสวีอวิ๋นอวิ๋นก็วิ่งหนีออกไปจากข้างกายกู้ชิงหลิน เมื่อวิ่งมาหากู้หยุนหลาน สวีอวิ๋นอวิ๋นก็ดึงแขนของกู้หยุนหลานแล้วพูดว่า “หยุนหลาน เธอเข้าใจผิดแล้ว ตอนที่กู้ชิงหลินมาดูเรื่องวุ่นวายพวกเราก็บังเอิญเจอกัน เมื่อกี้คนเบียดเสียดกันเลยเบียดพวกเรามายืนด้วยกันน่ะ” “หึ” กู้หยุนหลานหัวเราะอย่างเย็นชาเล็กน้อย แล้วดึงแขนของตนที่สวีอวิ๋นอวิ๋นจับอยู่กลับมา สวีอวิ๋นอวิ๋นรู้สึกโมโหขึ้นมาเล็กน้อย ทว่าเมื่อสายตามองไปยังหลี่โม่ สวีอวิ๋นอวิ๋นก็ข่มความขุ่นเคืองในใจเอาไว้ “หยุนหลาน เธอเชื่อฉันเถอะนะ ฉันรู้ว่าเมื่
เมื่อเห็นกู้ชิงหลินวิ่งเตลิดหนีไปทั้งน้ำตา สวีอวิ๋นอวิ๋นก็รู้สึกตื่นตระหนกอย่างยิ่ง สายตาที่มองไปยังหลี่โม่พลันแปลกประหลาดไปทันที ทั้งหมดนี้เป็นภาพลวงตาใช่ไหม? หลี่โม่ ไอ้ขยะนี่ จู่ ๆ มันจะไปทรงพลังอำนาจขึ้นมาได้ยังไง นี่มันไม่เหมือนกับที่คิดเอาไว้เลยสักนิด! สวีอวิ๋นอวิ๋นตกอยู่ในความสับสนมึนงง เรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ทำให้เธอตระหนกตกใจมากเกินไปจริง ๆ พวกลูกเศรษฐีไม่น้อยที่มามุงดูต่างรีบกรูกันเข้ามา ต้องการที่จะทักทายหลี่โม่ ไม่ว่าจะสามารถสร้างความสัมพันธ์กับหลี่โม่ได้หรือไม่ อย่างไรก็ต้องเสนอหน้าเข้าไปทำความรู้จักก่อน ต่อไปหากบังเอิญพบกับหลี่โม่อีกครั้งจะได้มีเรื่องให้คุยสานสัมพันธ์ได้ “คุณหลี่ ผมคือเฉินเซี่ยงหนานจากตระกูลเฉิน เป็นเกียรติจริง ๆ ที่ได้พบคุณ พวกเรามานั่งดื่มด้วยกันสักแก้วสิครับ” “ผมคือจางเทียนซิงจากตระกูลจาง ผมกับพี่ฉินต่างก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ต่อไปคุณหลี่เองก็เป็นเพื่อนผมเหมือนกัน ยังไงขอเชิญคุณหลี่นั่งลงคุยกันสักหน่อยนะครับ” หลี่โม่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่รู้สึกสนใจคุณชายเศรษฐีที่กรูกันเข้ามาเหล่านั้นแม้แต่น้อย แล้วดึงกู้หยุนหลานเดินไปที่เงียบ ๆ อีกด้
เมื่อนึกถึงฉากที่หลี่โม่จัดการท่านปาขึ้นมา ฉินจี้เย่ก็ยิ่งรู้สึกว่าตนทำถูกต้องแล้ว ต่อให้ถูกไล่ออกจากตระกูลฉิน เขาก็จะเป็นสุนัขรับใช้ของหลี่โม่! ...... กู้ชิงหลินร้องไห้ดั่งดอกสาลี่ต้องหยาดฝน เพื่อนสนิทสองสามคนต่างห้อมล้อมตัวกู้ชิงหลินเอาไว้แล้วแสดงความเห็นอกเห็นใจต่อเรื่องที่เธอเจอ “ชิงหลิน เธออย่าร้องเลยนะ รีบเช็ดน้ำตาแล้วเติมเครื่องสำอางดีกว่า ไอ้สารเลวหลี่โม่นั่นโอหังเกินไปแล้ว เดี๋ยวพวกเราหาคนไปล้างแค้นมันกัน” “คุณชายใหญ่ตระกูลฉินนั่นเพี้ยนไปแล้วหรือเปล่า ไปช่วยหลี่โม่เสียได้ ฉันล่ะไม่เข้าใจจริง ๆ ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น” กู้ชิงหลินเช็ดน้ำตาแล้วยิ้มอย่างเย็นชาพลางพูดขึ้น “พวกเธอคอยดูไว้ คนที่ฉันจะไปหาต้องจัดการพวกมันได้แน่นอน ไอ้คุณชายใหญ่ตระกูลฉินบ้านั่นมันสมองกลวง! แล้วยังมีไอ้ขยะหลี่โม่นั่นด้วย คอยดูเถอะ ฉันจะทำให้มันคุกเข่าลงกับพื้นแล้วก้มหัวขอขมาฉัน!” “ชิงหลินเธอรู้จักคนใหญ่คนโตที่ไหนงั้นเหรอ? ไม่เห็นเคยได้ยินเธอพูดถึงเลย นี่เธอจะอุบไว้กินคนเดียวเลยไม่ยอมแนะนำให้พวกเรารู้จักหรือไงกัน” “ไม่ใช่แบบนั้น เขาไม่ได้ชอบฉันเสียหน่อย คนที่เขาหมายตาคือกู้หยุนหลาน นังสารเล
คุณชายเล็กหลินนั่งอยู่บนโซฟาอย่างเกียจคร้าน กลุ่มสาวงามพราวเสน่ห์กำลังเต้นรำให้คุณชายเล็กหลินดู เอวที่เรียวบางขยับอย่างพลิ้วไหว ขาขาวนวลที่เต้นขึ้นลงสามารถดึงดูดสายตาคนมากมาย คุณชายเล็กหลินโยกแก้วไวน์แดงอย่างมีความสุขแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม "เต้นได้ไม่เลว เอาไปเลยคนละแสนหยวน" “ขอบคุณค่ะคุณชายสาม” กลุ่มสาวงามเอ่ยขอบคุณ จากนั้นจึงกรูกันเข้าไปข้างกายคุณชายเล็กหลิน เพื่อช่วยนวดคลึงให้คุณชายเล็กหลิน “ฮ่าฮ่าฮ่า แม่นกน้อยทั้งหลาย วันนี้อย่าคิดทำให้ฉันร่วมเตียงกับพวกเธอเลย เพราะวันนี้ฉันจองสาวสวยคนหนึ่งเอาไว้แล้ว” คุณชายเล็กหลินนึกถึงกู้หยุนหลาน แววตาของเขาพลันวาบประกายแปลก ๆ ออกมา "คุณชายสาม เมินพวกเราสาว ๆ ได้ยังไงกันคะ? ถึงคุณจะหาสาวงามดีเลิศแค่ไหน พวกเราเองก็สามารถช่วยคุณชายสามผลัก ๆ โยก ๆ ให้ได้เหมือนกัน ต้องทำให้คุณรู้สึกสุขสุดยอดแน่นอน” "แม่นกน้อยอย่างพวกเธอนี่ช่างเล่นจังนะ แต่นั่นจะเป็นเรื่องราวหลังจากนั้น สุภาพสตรีผู้ไร้เดียงสา มีไม่กี่คนหรอกที่เล่นได้อย่างบ้าคลั่งขนาดนั้นทันที” เหล่าสาวงามอดไม่ได้ที่จะทำหน้ามุ่ยขึ้นมาอย่างออดอ้อน แต่ท่าทีของคุณชายเล็กหลินนั้นมั่นคงอย่างย
"สวัสดีค่ะคุณชายสาม ฉันคือกู้ชิงหลินค่ะ” กู้ชิงหลินพูดพลางโค้งคำนับเล็กน้อย “ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่ต้องเกร็ง ฉันไม่ได้จะกินเธอซะหน่อย กู้หยุนหลานมาแล้วใช่ไหม พาฉันไปหาหล่อนเลยสิ” “คุณชายสาม เมื่อกี้นี้เกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อยน่ะค่ะ เป็นเรื่องที่ฉันคาดไม่ถึง ตอนนี้ฉินจี้เย่คุณชายใหญ่ตระกูลฉินแห่งเมืองหลวงกำลังคุ้มครองพวกเขาอยู่ หากท่านต้องการพาตัวกู้หยุนหลานไป เกรงว่าคงต้องผ่านด่านฉินจี้เย่ไปเสียก่อนค่ะ” กู้ชิงหลินคิดว่าควรอธิบายเรื่องราวให้ชัดเจนก่อน จะมีความมั่นใจที่จะต่อกรกับฉินจี้เย่หรือไม่ ล้วนขึ้นอยู่กับการไตร่ตรองของคุณชายเล็กหลิน คุณชายเล็กหลินหัวเราะเล็กน้อยอย่างดูแคลน “ฉินจี้เย่? เจ้าลูกหมานั่น วัน ๆ เอาแต่คลุกคลีอยู่กับพวกชั้นต่ำ แค่คุมพวกนักฆ่าได้ไม่กี่คนก็นึกไปว่าตัวเองดีเด่นนักหนา เขาไม่ได้อยู่ในสายตาของฉันหรอก พวกตระกูลที่นี่ของพวกเธอมันก็เศษเดนทั้งนั้น” “ถ้าตระกูลกระจอกพวกนั้นไปถึงถิ่นของเรา คงอยู่ได้ไม่ถึงสามวัน ก็ต้องตายเรียบกันทั้งตระกูลแน่นอน เธอไม่ต้องกังวลหรอกว่าฉันจะเอาชนะไอ้คนสกุลฉินไม่ได้ เมื่อกี้นี้เธอถูกรังแกมาอย่างนั้นใช่ไหม? ฉันจะทำให้ไอ้สกุลฉินนั่นมันคุกเข
เฉินเสี่ยวถงสวมเสื้อผ้าสวยงามหรูหรา นั่งอยู่ในรถโรลส์รอยซ์และมองไปทางประตูของโรงกลั่นไวน์ด้วยท่าทีนิ่งสงบ เฉินเสี่ยวถงที่ในใจไม่มีทั้งความสุขและเศร้านั้นยอมรับชะตากรรมที่เป็นเพียงของเล่นของตนเองไปนานแล้ว ไม่ว่าจะกลายเป็นของเล่นของจางเต๋ออู่ หรือถูกราชินีมังกรเฉดหัวทิ้ง หรือให้ตนไปยั่วยวนหลี่โม่ สำหรับเฉินเสี่ยวถงแล้วมันก็ไม่แตกต่างกัน มันก็แค่การปรนนิบัติผู้ชายเท่านั้น ปรนนิบัติใครก็ไม่สำคัญ และไม่สำคัญด้วยว่าอีกฝ่ายที่ปรนนิบัตินั้นจะหน้าตาดีหรืออัปลักษณ์ เฉินเสี่ยวถงเพียงแค่อยากมีชีวิตอยู่ การที่สามารถมีชีวิตอยู่ได้นั้นเป็นความหมายในการชีวิตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว ถึงกับที่ความคาดหวังและอุดมคตินั้น เป็นสิ่งที่เธอไม่กล้าและไม่สามารถที่จะปรารถนาถึงมันได้เลย ชายวัยกลางคนที่สวมเครื่องแบบพ่อบ้านนั่งอยู่ข้าง ๆ เฉินเสี่ยวถง เมื่อมองใบหน้าอันงดงามน่าหลงใหลของเฉินเสี่ยวถง ในใจก็เกิดความเสียดายขึ้นมาเล็กน้อย “เสี่ยวถง ราชินีมังกรบอกแล้ว ว่าตราบใดที่เธอทำเรื่องนี้ได้ดี หลังจากนี้จะปล่อยครอบครัวของเธอ อีกทั้งให้อิสระกับเธอด้วย” เฉินเสี่ยวถงดวงตาเป็นประกายชั่วขณะ ก่อนที่แววตาของเธอก็หม
ทั้งสองเดินตามกันไปยังตำแหน่งของหลี่โม่ เหล่าคุณชายเศรษฐีมองตามทิศทางที่เฉินเสี่ยวถงเดินไป แล้วพากันเบิกตาจ้องมองอย่างตกตะลึง หลี่โม่กับกู้หยุนหลานที่นั่งอยู่ด้วยกันพูดคุยกันเสียงเบา ฉินจี้เย่นั่งอยู่ตรงข้ามพวกเขาทั้งสอง ถูกเมินเฉยราวกับอากาศธาตุ ทว่าฉินจี้เย่ก็ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนั้น แค่สามารถนั่งร่วมโต๊ะกับหลี่โม่ได้ก็เป็นการพัฒนาอันยิ่งใหญ่แล้ว ขณะที่ฉินจี้เย่กำลังทำจิตปล่อยวางพยายามทำให้ตัวเองโปร่งใสอยู่นั้นเอง เงาร่างของเฉินเสี่ยวถงก็เข้าสู่คลองสายตาของฉินจี้เย่ ทันใดนั้นการหายใจของฉินจี้เย่ก็ถี่รัวขึ้นมา เมื่อมองเฉินเสี่ยวถงที่ราวกับเดินออกมาจากม้วนภาพวาด ฉินจี้เย่ก็รู้สึกว่าตัวเองถูกเจ้าเด็กน้อยกามเทพยิงศรใส่เข้าแล้ว รักแรกพบ จะต้องเป็นรักแรกพบแน่นอน! ฉินจี้เย่ที่กำลังตื่นเต้นลุกขึ้นยืนอย่างลนลาน จนหัวเข่ากระแทกกับโต๊ะด้วยความรีบร้อน ปึง โต๊ะสั่นคลอนไปมา จนแก้วไวน์และจานผลไม้บนเกือบจะล้มระเนระนาด หลี่โม่ประคองแก้วเอาไว้ แล้วพูดกับฉินจี้เย่อย่างค่อนข้างไม่พอใจ “นายทำอะไรของนาย โรคฮีสทีเรียอะไรกำเริบหรือไง” “ขอโทษครับ ขอโทษครับ ผม ผมเป็นอะไรไปนะ ช่างสวยมากจริง
ฉินจี้เย่นั่งประจำที่ สายตาเอาแต่ลอยไปทางเฉินเสี่ยวถง ท่าทางของเขาราวกับวิญญาณไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หลี่โม่ยิ้มพลางเอ่ยขึ้น “ถ้านายชอบเธอก็เข้าไปสารภาพเลยสิ เอาแต่แอบมองอยู่แบบนี้จะไปมีความหมายอะไรเล่า” “คือว่าผม เมื่อกี้ผมก็ไปแล้วนี่ครับ แต่ แต่ว่า......” ฉินจี้เย่ในตอนนี้ไร้ซึ่งความสง่าน่าเกรงขามของคุณชายใหญ่แห่งตระกูลฉินอีกแล้ว กลับกันเหมือนเป็นเด็กหนุ่มที่เพิ่งมีความรักเสียมากกว่า พอเห็นผู้หญิงที่ทำให้ใจสั่นไหวก็ทำอะไรไม่ถูกขึ้นมา กู้หยุนหลานหัวเราะเบา ๆ แล้วขยับเข้าไปกระซิบข้างหูหลี่โม่ “แล้วคุณล่ะ ไม่ใจสั่นสักหน่อยเลยเหรอ?” “ไม่มีทางแน่นอนอยู่แล้ว หัวใจของผมมีแต่คุณเท่านั้น ใส่ใครอื่นเข้าไปไม่ได้อีกแล้ว” หลี่โม่พูดอย่างจริงจัง เฉินเสี่ยวถงเงี่ยหูฟังบทสนทนาของพวกหลี่โม่ เมื่อได้ยินหลี่โม่พูดว่าใจเขาใส่ใครอื่นเข้าไปไม่ได้อีก เฉินเสี่ยวถงก็กัดฟันแน่น 'ใส่ใครอื่นเข้าไปไม่ได้บ้าบออะไร คำพูดของผู้ชายมันหลอกลวงทั้งนั้น ฉันจะต้องล่อนายมาติดกับให้ได้ ถึงตอนนั้นคอยดูซิว่าในใจของนายจะยังใส่คนอื่นเข้าไปได้อีกไหม!' เฉินเสี่ยวถงนั้นแต่เดิมเห็นการยั่วยวนหลี่โม่เป็นเพียงภารกิจเท่