เมื่อนึกถึงฉากที่หลี่โม่จัดการท่านปาขึ้นมา ฉินจี้เย่ก็ยิ่งรู้สึกว่าตนทำถูกต้องแล้ว ต่อให้ถูกไล่ออกจากตระกูลฉิน เขาก็จะเป็นสุนัขรับใช้ของหลี่โม่! ...... กู้ชิงหลินร้องไห้ดั่งดอกสาลี่ต้องหยาดฝน เพื่อนสนิทสองสามคนต่างห้อมล้อมตัวกู้ชิงหลินเอาไว้แล้วแสดงความเห็นอกเห็นใจต่อเรื่องที่เธอเจอ “ชิงหลิน เธออย่าร้องเลยนะ รีบเช็ดน้ำตาแล้วเติมเครื่องสำอางดีกว่า ไอ้สารเลวหลี่โม่นั่นโอหังเกินไปแล้ว เดี๋ยวพวกเราหาคนไปล้างแค้นมันกัน” “คุณชายใหญ่ตระกูลฉินนั่นเพี้ยนไปแล้วหรือเปล่า ไปช่วยหลี่โม่เสียได้ ฉันล่ะไม่เข้าใจจริง ๆ ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น” กู้ชิงหลินเช็ดน้ำตาแล้วยิ้มอย่างเย็นชาพลางพูดขึ้น “พวกเธอคอยดูไว้ คนที่ฉันจะไปหาต้องจัดการพวกมันได้แน่นอน ไอ้คุณชายใหญ่ตระกูลฉินบ้านั่นมันสมองกลวง! แล้วยังมีไอ้ขยะหลี่โม่นั่นด้วย คอยดูเถอะ ฉันจะทำให้มันคุกเข่าลงกับพื้นแล้วก้มหัวขอขมาฉัน!” “ชิงหลินเธอรู้จักคนใหญ่คนโตที่ไหนงั้นเหรอ? ไม่เห็นเคยได้ยินเธอพูดถึงเลย นี่เธอจะอุบไว้กินคนเดียวเลยไม่ยอมแนะนำให้พวกเรารู้จักหรือไงกัน” “ไม่ใช่แบบนั้น เขาไม่ได้ชอบฉันเสียหน่อย คนที่เขาหมายตาคือกู้หยุนหลาน นังสารเล
คุณชายเล็กหลินนั่งอยู่บนโซฟาอย่างเกียจคร้าน กลุ่มสาวงามพราวเสน่ห์กำลังเต้นรำให้คุณชายเล็กหลินดู เอวที่เรียวบางขยับอย่างพลิ้วไหว ขาขาวนวลที่เต้นขึ้นลงสามารถดึงดูดสายตาคนมากมาย คุณชายเล็กหลินโยกแก้วไวน์แดงอย่างมีความสุขแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม "เต้นได้ไม่เลว เอาไปเลยคนละแสนหยวน" “ขอบคุณค่ะคุณชายสาม” กลุ่มสาวงามเอ่ยขอบคุณ จากนั้นจึงกรูกันเข้าไปข้างกายคุณชายเล็กหลิน เพื่อช่วยนวดคลึงให้คุณชายเล็กหลิน “ฮ่าฮ่าฮ่า แม่นกน้อยทั้งหลาย วันนี้อย่าคิดทำให้ฉันร่วมเตียงกับพวกเธอเลย เพราะวันนี้ฉันจองสาวสวยคนหนึ่งเอาไว้แล้ว” คุณชายเล็กหลินนึกถึงกู้หยุนหลาน แววตาของเขาพลันวาบประกายแปลก ๆ ออกมา "คุณชายสาม เมินพวกเราสาว ๆ ได้ยังไงกันคะ? ถึงคุณจะหาสาวงามดีเลิศแค่ไหน พวกเราเองก็สามารถช่วยคุณชายสามผลัก ๆ โยก ๆ ให้ได้เหมือนกัน ต้องทำให้คุณรู้สึกสุขสุดยอดแน่นอน” "แม่นกน้อยอย่างพวกเธอนี่ช่างเล่นจังนะ แต่นั่นจะเป็นเรื่องราวหลังจากนั้น สุภาพสตรีผู้ไร้เดียงสา มีไม่กี่คนหรอกที่เล่นได้อย่างบ้าคลั่งขนาดนั้นทันที” เหล่าสาวงามอดไม่ได้ที่จะทำหน้ามุ่ยขึ้นมาอย่างออดอ้อน แต่ท่าทีของคุณชายเล็กหลินนั้นมั่นคงอย่างย
"สวัสดีค่ะคุณชายสาม ฉันคือกู้ชิงหลินค่ะ” กู้ชิงหลินพูดพลางโค้งคำนับเล็กน้อย “ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่ต้องเกร็ง ฉันไม่ได้จะกินเธอซะหน่อย กู้หยุนหลานมาแล้วใช่ไหม พาฉันไปหาหล่อนเลยสิ” “คุณชายสาม เมื่อกี้นี้เกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อยน่ะค่ะ เป็นเรื่องที่ฉันคาดไม่ถึง ตอนนี้ฉินจี้เย่คุณชายใหญ่ตระกูลฉินแห่งเมืองหลวงกำลังคุ้มครองพวกเขาอยู่ หากท่านต้องการพาตัวกู้หยุนหลานไป เกรงว่าคงต้องผ่านด่านฉินจี้เย่ไปเสียก่อนค่ะ” กู้ชิงหลินคิดว่าควรอธิบายเรื่องราวให้ชัดเจนก่อน จะมีความมั่นใจที่จะต่อกรกับฉินจี้เย่หรือไม่ ล้วนขึ้นอยู่กับการไตร่ตรองของคุณชายเล็กหลิน คุณชายเล็กหลินหัวเราะเล็กน้อยอย่างดูแคลน “ฉินจี้เย่? เจ้าลูกหมานั่น วัน ๆ เอาแต่คลุกคลีอยู่กับพวกชั้นต่ำ แค่คุมพวกนักฆ่าได้ไม่กี่คนก็นึกไปว่าตัวเองดีเด่นนักหนา เขาไม่ได้อยู่ในสายตาของฉันหรอก พวกตระกูลที่นี่ของพวกเธอมันก็เศษเดนทั้งนั้น” “ถ้าตระกูลกระจอกพวกนั้นไปถึงถิ่นของเรา คงอยู่ได้ไม่ถึงสามวัน ก็ต้องตายเรียบกันทั้งตระกูลแน่นอน เธอไม่ต้องกังวลหรอกว่าฉันจะเอาชนะไอ้คนสกุลฉินไม่ได้ เมื่อกี้นี้เธอถูกรังแกมาอย่างนั้นใช่ไหม? ฉันจะทำให้ไอ้สกุลฉินนั่นมันคุกเข
เฉินเสี่ยวถงสวมเสื้อผ้าสวยงามหรูหรา นั่งอยู่ในรถโรลส์รอยซ์และมองไปทางประตูของโรงกลั่นไวน์ด้วยท่าทีนิ่งสงบ เฉินเสี่ยวถงที่ในใจไม่มีทั้งความสุขและเศร้านั้นยอมรับชะตากรรมที่เป็นเพียงของเล่นของตนเองไปนานแล้ว ไม่ว่าจะกลายเป็นของเล่นของจางเต๋ออู่ หรือถูกราชินีมังกรเฉดหัวทิ้ง หรือให้ตนไปยั่วยวนหลี่โม่ สำหรับเฉินเสี่ยวถงแล้วมันก็ไม่แตกต่างกัน มันก็แค่การปรนนิบัติผู้ชายเท่านั้น ปรนนิบัติใครก็ไม่สำคัญ และไม่สำคัญด้วยว่าอีกฝ่ายที่ปรนนิบัตินั้นจะหน้าตาดีหรืออัปลักษณ์ เฉินเสี่ยวถงเพียงแค่อยากมีชีวิตอยู่ การที่สามารถมีชีวิตอยู่ได้นั้นเป็นความหมายในการชีวิตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว ถึงกับที่ความคาดหวังและอุดมคตินั้น เป็นสิ่งที่เธอไม่กล้าและไม่สามารถที่จะปรารถนาถึงมันได้เลย ชายวัยกลางคนที่สวมเครื่องแบบพ่อบ้านนั่งอยู่ข้าง ๆ เฉินเสี่ยวถง เมื่อมองใบหน้าอันงดงามน่าหลงใหลของเฉินเสี่ยวถง ในใจก็เกิดความเสียดายขึ้นมาเล็กน้อย “เสี่ยวถง ราชินีมังกรบอกแล้ว ว่าตราบใดที่เธอทำเรื่องนี้ได้ดี หลังจากนี้จะปล่อยครอบครัวของเธอ อีกทั้งให้อิสระกับเธอด้วย” เฉินเสี่ยวถงดวงตาเป็นประกายชั่วขณะ ก่อนที่แววตาของเธอก็หม
ทั้งสองเดินตามกันไปยังตำแหน่งของหลี่โม่ เหล่าคุณชายเศรษฐีมองตามทิศทางที่เฉินเสี่ยวถงเดินไป แล้วพากันเบิกตาจ้องมองอย่างตกตะลึง หลี่โม่กับกู้หยุนหลานที่นั่งอยู่ด้วยกันพูดคุยกันเสียงเบา ฉินจี้เย่นั่งอยู่ตรงข้ามพวกเขาทั้งสอง ถูกเมินเฉยราวกับอากาศธาตุ ทว่าฉินจี้เย่ก็ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนั้น แค่สามารถนั่งร่วมโต๊ะกับหลี่โม่ได้ก็เป็นการพัฒนาอันยิ่งใหญ่แล้ว ขณะที่ฉินจี้เย่กำลังทำจิตปล่อยวางพยายามทำให้ตัวเองโปร่งใสอยู่นั้นเอง เงาร่างของเฉินเสี่ยวถงก็เข้าสู่คลองสายตาของฉินจี้เย่ ทันใดนั้นการหายใจของฉินจี้เย่ก็ถี่รัวขึ้นมา เมื่อมองเฉินเสี่ยวถงที่ราวกับเดินออกมาจากม้วนภาพวาด ฉินจี้เย่ก็รู้สึกว่าตัวเองถูกเจ้าเด็กน้อยกามเทพยิงศรใส่เข้าแล้ว รักแรกพบ จะต้องเป็นรักแรกพบแน่นอน! ฉินจี้เย่ที่กำลังตื่นเต้นลุกขึ้นยืนอย่างลนลาน จนหัวเข่ากระแทกกับโต๊ะด้วยความรีบร้อน ปึง โต๊ะสั่นคลอนไปมา จนแก้วไวน์และจานผลไม้บนเกือบจะล้มระเนระนาด หลี่โม่ประคองแก้วเอาไว้ แล้วพูดกับฉินจี้เย่อย่างค่อนข้างไม่พอใจ “นายทำอะไรของนาย โรคฮีสทีเรียอะไรกำเริบหรือไง” “ขอโทษครับ ขอโทษครับ ผม ผมเป็นอะไรไปนะ ช่างสวยมากจริง
ฉินจี้เย่นั่งประจำที่ สายตาเอาแต่ลอยไปทางเฉินเสี่ยวถง ท่าทางของเขาราวกับวิญญาณไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หลี่โม่ยิ้มพลางเอ่ยขึ้น “ถ้านายชอบเธอก็เข้าไปสารภาพเลยสิ เอาแต่แอบมองอยู่แบบนี้จะไปมีความหมายอะไรเล่า” “คือว่าผม เมื่อกี้ผมก็ไปแล้วนี่ครับ แต่ แต่ว่า......” ฉินจี้เย่ในตอนนี้ไร้ซึ่งความสง่าน่าเกรงขามของคุณชายใหญ่แห่งตระกูลฉินอีกแล้ว กลับกันเหมือนเป็นเด็กหนุ่มที่เพิ่งมีความรักเสียมากกว่า พอเห็นผู้หญิงที่ทำให้ใจสั่นไหวก็ทำอะไรไม่ถูกขึ้นมา กู้หยุนหลานหัวเราะเบา ๆ แล้วขยับเข้าไปกระซิบข้างหูหลี่โม่ “แล้วคุณล่ะ ไม่ใจสั่นสักหน่อยเลยเหรอ?” “ไม่มีทางแน่นอนอยู่แล้ว หัวใจของผมมีแต่คุณเท่านั้น ใส่ใครอื่นเข้าไปไม่ได้อีกแล้ว” หลี่โม่พูดอย่างจริงจัง เฉินเสี่ยวถงเงี่ยหูฟังบทสนทนาของพวกหลี่โม่ เมื่อได้ยินหลี่โม่พูดว่าใจเขาใส่ใครอื่นเข้าไปไม่ได้อีก เฉินเสี่ยวถงก็กัดฟันแน่น 'ใส่ใครอื่นเข้าไปไม่ได้บ้าบออะไร คำพูดของผู้ชายมันหลอกลวงทั้งนั้น ฉันจะต้องล่อนายมาติดกับให้ได้ ถึงตอนนั้นคอยดูซิว่าในใจของนายจะยังใส่คนอื่นเข้าไปได้อีกไหม!' เฉินเสี่ยวถงนั้นแต่เดิมเห็นการยั่วยวนหลี่โม่เป็นเพียงภารกิจเท่
หลังจากที่ทั้งสองแต่งตัวเสร็จ ก็เดินควงแขนกันออกไป กลุ่มลูกน้องเดินล้อมรอบตัวคุณชายเล็กหลินและกู้ชิงหลินไปทางลานด้านหน้าของโรงกลั่นไวน์ ในตอนที่คุณชายเล็กหลินปรากฏตัว พลันเกิดความสั่นสะเทือนในหมู่คุณชายเศรษฐีไม่น้อย เหล่าคุณชายเศรษฐีจากเมืองเช่นฉู่โจวและกรุงโซลมองไปทางคุณชายเล็กหลินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวั่นกลัว บุคคลมีชื่อเสียงดั่งต้นไม้มีร่ำเงา แม้ตระกูลหลินจะไม่ได้อยู่ที่เมืองนี้ แต่ก็ไม่อาจขวางกั้นตำนานเรื่องเล่าของตระกูลหลินได้ คนที่เคยได้ยินเรื่องราวของตระกูลหลินต่างรู้ถึงความโหดเหี้ยมของตระกูลหลิน อีกอย่างตระกูลหลินเดิมทีก็ไม่ได้ทำธุรกิจที่ขาวสะอาดอยู่แล้ว ดังนั้นเหล่าคุณชายเศรษฐีบางกลุ่มจึงจงใจรักษาระยะห่างกับคุณชายเล็กหลิน เมื่อเห็นคุณชายเล็กหลินเดินไปยังทิศทางของหลี่โม่ เหล่าคุณชายเศรษฐีก็ต่างรู้ว่ากำลังจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น “ให้ตายเถอะ อีกเดี๋ยวน่ากลัวว่าคงจะมีเรื่องใหญ่แน่ ทางที่หลี่โม่อยู่นั่นมีสาวงามชั้นยอดอยู่ถึงสองคน เกรงว่าคุณชายเล็กหลินจะต้องพาคนไปชิงสาวงามแน่นอน” “ที่ข้าง ๆ คุณชายเล็กหลินนั่นคือกู้ชิงหลินที่ถูกตบไม่กี้นี้ไม่ใช่เหรอ กู้ชิงหลินคนนี้ไม่ธ
“โอ้โห นี่หมาจรจัดที่ไหนมันเห่าหอนกันเนี่ย ถ้ายังกล้าเห่าอีกคำเดียว ฉันจะสับแกเป็นชิ้น ๆ แล้วเอาไปเป็นอาหารแมว” คุณชายเล็กหลินพูดอย่างไม่พอใจ กู้ชิงหลินเหลือบมองหลี่โม่อย่างร้ายกาจทีหนึ่งก่อนจะถลึงตาใส่ฉินจี้เย่ “คุณชายสาม เมื่อกี้นี้เจ้าหมาจรจัดนั่นมันตบฉัน ดูหน้าฉันสิคะ ยังมีรอยที่ถูกเขาตบอยู่เลย คุณต้องแก้แค้นให้ฉันนะคะ!” “วางใจได้ ฉันจะจัดการเจ้าหมาจรจัดนั่นแน่นอน ไอ้สกุลฉิน อย่านึกว่าตัวเองเก่งกาจอะไรนักเลย ตระกูลฉินของพวกแกไม่อยู่ในสายตาฉันเลยสักนิด ถ้ารู้จักดูสถานการณ์ก็คุกเข่าขอความเมตตาซะ เผื่อฉันใจดี อาจจะไว้ชีวิตสุนัขของแกก็ได้” คุณชายเล็กหลินมองฉินจี้เย่ด้วยสายตาเหยียดหยาม วางแผนจะใช้ฉินจี้เย่มาสร้างชื่อเสียงบารมี ฉินจี้เย่ยกมือขึ้นมาตั้งท่า พวกบอดี้การ์ดที่อารักขาอยู่ไม่ไกลออกไปพากันพุ่งเข้ามา “ฮ่าฮ่าฮ่า” คุณชายสามหลินหัวเราะลั่นอย่างบ้าระห่ำ ก่อนจะหันไปชักปืนอย่างองอาจแล้วเหนี่ยวไกใส่บอดี้การ์ดที่พุ่งเข้ามา ปัง ปัง ปัง! ทุกนัดที่คุณชายสามหลินยิงออกไป ก็จะมีบอดี้การ์ดหนึ่งคนถูกยิงล้มลงกับพื้น ในเวลาเพียงพริบตาเหล่าบอดี้การ์ดใต้บังคับบัญชาของฉินจี้เย่ก็ไ
คังหย่งอันกดหมายเลขของคังหย่งเฉียน แล้วพูดเสียงเข้ม "หย่งเฉียน ฉันได้ยินมาว่า แกกับเหวินซินมีปัญหากันเรื่องวิลล่าบนยอดเขาเหรอ?" “พี่ใหญ่ มีปัญหากันน่ะสิ ศิษย์พี่เกิ่งยังถูกทำร้ายจนเข่าหักแล้ว! ศิษย์พี่เกิ่งติดต่อกับอาจารย์โอวหยางไปแล้ว เรื่องนี้อภัยให้ไม่ได้แน่นอน!” คังหย่งเฉียนโกรธแค้นคังเหวินซิน ถ้าไม่ใช่เพราะคังเหวินซินพาหลี่โม่ไปที่นั่น เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น แต่ในเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว คังหย่งเฉียนเองก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ทำได้เพียงเอาความโมโหไปลงที่คังเหวินซินเท่านั้น “หย่งเฉียน ไม่ว่ายังไงก็ตาม แกต้องรับรองความปลอดภัยของเหวินซิน ฉันไม่สนว่า อาจารย์โอวหยางพวกเขาจะทำอะไรกับเพื่อนของเหวินซิน แต่พวกเขาจะทำร้ายเหวินซินไม่ได้เด็ดขาด!” “พี่ใหญ่ ฉันไม่กล้ารับประกันหรอก รับประกันได้แค่ลูกชายของพี่จะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงตายเท่านั้น ถ้าอาจารย์โอวหยางต้องการลงโทษลูกชายของพี่จริง ๆ ฉันจะไปขวางได้ยังไง ฉันขวางไม่ได้หรอก ไม่กล้าขวางด้วย!" คังหย่งอันขมวดคิ้วแน่น หากคังหย่งเฉียนอยู่ต่อหน้าคังหย่งอันในตอนนี้ คังหย่งอันจะต้องตบเขาให้ตายคามือแน่นอน “หย่งเฉียน! แกเป็นอาข
“ไอ้บัดซบเอ๊ย! ใครกล้ามาต่อกรกับฉันโอวหยางจื้อ มันผู้นั้นจะต้องตาย!” โอวหยางจื้อพึมพำอย่างด้วยความอาฆาตแค้น แล้วสั่งให้ลูกศิษย์ไปจองตั๋วเครื่องบิน ...... คังเหวินซินมาส่งหลี่โม่และคนอื่น ๆ ที่บ้าน หลังจากมองดูทั้งสามเดินเข้าไปข้างในแล้ว จึงสตาร์ทรถและขับออกไปอย่างช้า ๆ “อาเล็กถูกจัดการจนหมดท่าแล้ว ต้องบอกพ่อสักคำไหมนะ อาเล็กจะได้ไปตีไข่ใส่สีอีก” หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง คังเหวินซินก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดหมายเลขพ่อของเขาคังหย่งอัน “ฮัลโหล พ่อครับ ผมเพิ่งจะขายวิลล่าบนยอดเขาที่สวนหนานชุ่ยให้เพื่อผมไป ขายราคาต้นทุนน่ะครับ” คังหย่งอันขมวดคิ้ว "นั่นเป็นวิลล่าที่อาเล็กของแกจะเอาไม่ใช่เหรอ แกเอาไปให้เพื่อนได้ยังไง? ผู้จัดการฝ่ายขายว่ายังไงบ้าง?" คังเหวินซินอึ้งครู่หนึ่ง รู้สึกถึงความผิดปกติในคำพูดของคังหย่งอัน "พ่อ พ่อรู้ได้ยังไงว่าอาเล็กอยากได้วิลล่านั่น?” “อาเล็กของแกเคยบอกพ่อว่า วิลล่าหลังนั้นเป็นของขวัญที่เขาจะเก็บไว้ให้กับปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ในต่างประเทศโอวหยางจื้อ แกคงเคยได้ยินเกี่ยวกับโอวหยางจื้อมาบ้างใช่ไหม? เขาเคยรับหน้าที่เป็นผู้กำกับฉากแอ็คชั่นให้กับภาพย
ในแผนกดูแลพิเศษของโรงพยาบาล คังหย่งเฉียนและคนอื่น ๆ นั่งล้อมรอบเตียง มองดูพี่เกิ่งค่อย ๆ ฟื้นคืนสติ เข่าที่หักของพี่เกิ่งได้รับการผ่าตัดแล้ว แต่หลังการผ่าตัด พี่เกิ่งจะได้แต่นั่งอยู่บนรถเข็นเท่านั้น “ซี๊ด ขากับเข่าฉันเป็นยังไงบ้าง?” พี่เกิ่งถามอย่างร้อนใจ “ศิษย์พี่ไม่ต้องกังวล ผ่าตัดเสร็จแล้ว เพียงแต่ระดับการรักษาของที่นี่ยังต่ำไปหน่อย หลังจากฟื้นตัวแล้วพี่ต้องนั่งรถเข็น” คังหย่งเฉียนพูดเสียงเบาหวิว “ไอ้บัดซบ! ฉันไม่อยากนั่งรถเข็น! ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้!” พี่เกิ่งคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว รู้สึกเลวร้ายไปทั้งร่างกาย ชีวิตบนรถเข็น ไม่ใช่ชีวิตที่พี่เกิ่งต้องการเลย ถ้าต้องนั่งรถเข็นแล้ว ต่อไปจะฝึกศิลปะการต่อสู้ หรือออกไปรังแกคนอื่นอย่างไร แล้วจะไปจีบสาว ๆ ได้อย่างไร! “ฉันจะย้ายโรงพยาบาล ฉันจะไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุด!” “พี่เกิ่งอย่าเพิ่งตื่นตูม หมอบอกว่า รอพี่ฟื้นตัวดีแล้ว ก็สามารถทำการผ่าตัดครั้งที่สองในโรงพยาบาลที่ดีกว่านี้เพื่อเปลี่ยนข้อต่อเทียมได้” คังหย่งเฉียนปลอบใจพี่เกิ่งไปพลางก็ขยิบตาให้กับพวกพี่น้องคนอื่น ๆ ส่งสัญญาณให้พวกเขารีบมาช่วยกันโน้มน้าว ศิษย์พี่ห
พี่เกิ่งร้องโหยหวนออกมา รู้สึกว่าขาซ้ายพลิกกลับไปด้านหลัง พลันสูญเสียการทรงตัวและล้มหงายไปข้างหลังทันที พลั่ก พี่เกิ่งล้มหงายลงกับพื้น ปากก็ร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา คังหย่งเฉียนถูกกระตุ้นด้วยเสียงร้องของพี่เกิ่งจนตัวสั่นไปทั้งตัว เสียงวิ้ง ๆ ที่ดังอยู่ในหัวยิ่งชัดเจนขึ้นมาทันใด คังหย่งเฉียนกุมใบหน้าที่บวมแดงไปครึ่งหนึ่งมองไปทางศิษย์พี่เกิ่ง ดวงตาของคังหย่งเฉียนก็แทบจะหลุดออกจากเบ้า ศิษย์พี่เกิ่งที่คังหย่งเฉียนเคยคิดว่า แข็งแกร่งไร้เทียมทานนั้น ตอนนี้กำลังร้องคร่ำครวญราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังจะตาย เมื่อมองขาขวาของพี่เกิ่งหักงอในองศาที่ผิดธรรมชาติ คังหย่งเฉียนก็รู้สึกว่า เลือดทั่วร่างกายเย็นเฉียบขึ้นมา นี่เป็นเรื่องที่มนุษย์สามารถทำได้อย่างนั้นเหรอ? นี่เป็นผลลัพธ์ที่สามารถใช้กำปั้นทำได้เหรอ? นี่มันซูเปอร์ไซย่าในตำนานหรืออย่างไรกัน?! พวกศิษย์น้องของพี่เกิ่งหลายคนต่างหวาดกลัวกับความเผด็จการของหลี่โม่ ทั้งกลุ่มพลันหมดความโอหังไปโดยสิ้นเชิง พวกเขาลากพี่เกิ่งขึ้นมาจากพื้นแล้ววิ่งตะบึงออกไปข้างนอกอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่คำพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี้คือศิษย์
คังเหวินซินรออยู่สามวินาที แต่ละวินาทีราวกับยาวนานเป็นปี รออยู่นานฝ่ามือของพี่เกิ่งก็ยังไม่ตบลงมาสักที คังเหวินซินจึงลืมตาขึ้น เมื่อเอียงหน้ามองเห็นฝ่ามือของพี่เกิ่งอยู่ห่างจากหน้าตนแค่เฉียดฉิว หัวใจของคังเหวินซินแทบจะกระโดดออกมาจากปาก หลังจากที่เห็นข้อมือของพี่เกิ่งถูกหลี่โม่คว้าไว้ คังเหวินซินถึงได้รู้สึกว่า หัวใจของตัวเองกลับเข้าที่ได้แล้ว คังเหวินซินที่สงบลงแล้ว รีบถอยไปหลบด้านหลังหลี่โม่ แล้วร้องตะโกนด้วยน้ำตาแห่งความซาบซึ้ง "อาจารย์!" “นายอย่าร้องไห้น่าสมเพชนักสิ มันทำฉันขายหน้านะ” หลี่โม่พูดด้วยรอยยิ้ม คังเหวินซินตะลีตะลานเช็ดเบ้าตา ไม่ยอมให้ตัวเองร้องไห้ออกมา พี่เกิ่งจ้องมองหลี่โม่อย่างโมโห แอบพยายามดึงข้อมือของตัวเองกลับมาอย่างลับ ๆ แต่ไม่ว่าพี่เกิ่งจะพยายามออกแรงแค่ไหน มือของหลี่โม่ก็ราวกับคีมปากเสือหนีบข้อมือของพี่เกิ่งเอาไว้แน่น จนข้อมือของพี่เกิ่งไม่มีทางสลัดหลุดได้เลย “ปล่อยมือฉัน!” พี่เกิ่งตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยว “แกบอกให้ปล่อยก็ต้องปล่อยเหรอ? แกน่าจะอธิบายเรื่องที่จะลงไม้ลงมือกับลูกศิษย์ฉันเมื่อกี้นี้มาสักหน่อยไหม?” หลี่โม่พูดอย่างเย็นชา คังเหวินซินส
กู้หยุนหลานมองไปยังหลี่โม่อย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นหลี่โม่ขยิบตาให้ เธอจึงไม่พูดอะไรและเก็บความสงสัยไว้ในใจ ผู้จัดการหวังโบกมือให้พนักงานขายสาว พนักงานสาวที่ถือสัญญาอยู่แล้วเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว “ผู้จัดการหวัง นี่เป็นสัญญาของวิลล่ายอดเขาค่ะ แต่ราคานี้มัน…” สีหน้าของพนักงานสาวดูบูดเบี้ยวเล็กน้อย ถ้าขายวิลล่านี้ออกไปในราคาต้นทุน เธอคงไม่ได้รับค่าคอมมิชชั่นเลยสักแดง! ที่ผ่านมาเศรษฐีในเมืองฮั่นจำนวนมากต่างก็ถูกใจวิลล่าแห่งนี้ แต่เพราะมีการปิดกั้นการซื้อขาย เลยไม่ได้ขายอย่างเป็นทางการ เดิมทีพวกพนักงานสาวนั้นเตรียมพร้อมที่จะทำกำไรมหาศาลด้วยการขายวิลล่าหลังนี้หลังจากที่เปิดการขายแล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ความฝันของพวกเธอกำลังจะมลายหายไปซะแล้ว “พวกเธอมีสิทธิ์พูดงั้นเหรอ? นี่คือการตัดสินใจของคุณชายใหญ่!” ผู้จัดการหวังตำหนิพนักงานขายสาว พนักงานสาวหดคอและปิดปากเงียบไม่กล้าพูดอีก ผู้จัดการหวังเปิดสัญญาตรวจดู หลังจากยืนยันความถูกต้องแล้ว เขาก็ถือสัญญาเดินไปหาหลี่โม่ “อ่านสัญญาดูก่อนนะครับ หากไม่มีปัญหาอะไร เราจะไปเซ็นสัญญาที่สำนักงานของผมกัน ผมไม่สามารถนำตราประทับอะไรพวกนั้นพกติดต
“คุณชาย อย่ามาขู่ผมเลยครับ ผมไม่กลัวหรอกนะ สิ่งที่ผมพูดไปเมื่อครู่ล้วนมีเหตุมีผล หากไม่เชื่อก็ถามซินแสที่มาดูฮวงจุ้ยให้ได้เลยครับ คำพูดพวกนี้เขาเป็นคนพูดเองกับปากทั้งนั้น” ผู้จัดการหวังแข็งขืน ไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย หลี่โม่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม "เหวินซิน อย่าหุนหันพลันแล่น ผู้จัดการหวังพูดถูกแล้ว คนที่โชคชะตาบารมีไม่ถึง ไม่มีทางข่มพลังฮวงจุ้ยอันยอดเยี่ยมได้แน่นอน” คังเหวินซินพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม "อาจารย์พูดถูกแล้วครับ แต่ด้วยบารมีของอาจารย์ จะต้องสามารถข่มมันได้อย่างแน่นอน พวกเรามาดูกันดีกว่า ที่นี่ล้วนได้รับการตกแต่งอย่างดี คุณหิ้วกระเป๋าเข้ามาอยู่ได้เลย เหลือแค่ดูว่าวิลล่าหลังนี้ถูกใจคุณหรือเปล่าก็พอครับ” เมื่อเห็นคังเหวินซินพยายามเอาอกเอาใจหลี่โม่ ผู้จัดการหวังก็เกิดความสงสัยเล็กน้อย หรือว่าตนจะมองผิดไป? ผู้ชายที่สวมเสื้อผ้าแผงลอยทั้งตัวคนนี้ เป็นคุณชายเศรษฐีที่มาลองสัมผัสประสบการณ์ชีวิตงั้นเหรอ? ไม่อย่างนั้นทำไมคุณชายของตนถึงได้ไปประจบเอาใจเขาขนาดนี้กัน? “คุณชาย ท่านนี้คืออาจารย์ของคุณเหรอครับ?” ผู้จัดการหวังถามอย่างสงสัย “นี่คืออาจารย์ของฉันหลี่โม่ นายสุภาพกับอาจารย์ของฉัน
“ไอ้สารเลวคนไหนไม่ดูตาม้าตาเรือ กล้ามาแย่งวิลล่าของอาจารย์ พวกแกยังมัวแต่กินอะไรกันอีก ไปดูด้วยกัน จัดการไอ้พวกสารเลวนั่นซะ” “ศิษย์พี่เกิ่งพูดถูก พวกเราทุกคนต้องไปดูด้วยกัน บ้านของอาจารย์ต้องดีที่สุดเท่านั้น จะผิดพลาดไม่ได้แม้แต่นิดเดียว” ศิษย์พี่เกิ่งและคนอื่น ๆ พากันลุกขึ้นทีละคน เมื่อเห็นเช่นนี้คังหย่งเฉียนก็เรียกให้พนักงานคิดเงินทันที แล้วจึงพาพวกของศิษย์พี่เกิ่งมุ่งตรงไปยังสวนหนานชุ่ย ... รถเมอร์เซเดสเบนซ์ขับเข้าไปในสวนหนานชุ่ย และขับตรงไปตามทางขึ้นยอดเขา ใกล้กับยอดเขาของเขาหนานชุ่ยนั้นมีที่ราบอยู่บริเวณหนึ่ง ที่ราบนี้ถูกนำมาใช้สร้างวิลล่า พร้อมทั้งปลูกต้นไม้พืชพรรณเขียวชอุ่มรอบ ๆ วิลล่าอีกด้วย ด้านหน้าวิลล่ายังมีลำธารที่ไหลมาจากยอดเขา ทำให้ฮวงจุ้ยของวิลล่านี้ยอดเยี่ยมมากไร้ที่ติ หน้าน้ำหลังเขา ตำแหน่งปากมังกรจัดวางฮวงจุ้ยอย่างดี ทำให้วิลล่าบนยอดเขาหลังนี้เลิศล้ำไม่มีใครเทียม รถเมอร์เซเดสเบนซ์จอดสนิทหน้าประตูวิลล่ายอดเขา ผู้จัดการหวังและพนักงานขายสาวสองคนยืนรอที่ประตูวิลล่าอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นรถเบนซ์จอดนิ่ง ผู้จัดการหวังก็รีบวิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปช่วยเปิดประตูรถ
ผู้จัดการหวังหยิบบุหรี่ออกมาคาบที่มุมปาก เตรียมจะสูบบุหรี่เพื่อสงบสติอารมณ์ คำขอของคังเหวินซินทำให้ผู้จัดการหวังตั้งตัวไม่ติด การจะดูบ้านมันไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้าอีกฝ่ายถูกใจขึ้นมาจริง ๆ จะทำอย่างไรล่ะ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เรื่องราคาต้นทุนหรือเปล่า ถ้าคังหย่งเฉียนเข้ามาครอบครองวิลล่าหลังนี้ เขาก็คงไม่ได้เงินเลยสักแดงเดียว พอนึกถึงคังหย่งเฉียนขึ้นมาผู้จัดการหวังรู้สึกปวดจี๊ด ๆ ขึ้นมา เจ้านั่นเป็นปีศาจเจ้าสำราญแห่งตระกูลคัง วัน ๆ เอาแต่เกียจคร้าน กินดื่มเที่ยวเล่น ยิ่งกว่านั้นยังคบค้ากับพวกอันธพาล ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสตระกูลคังก็ยังถูกคังหย่งเฉียนยั่วโมโหจนเส้นเลือดในสมองตีบ แทบทุกคนในตระกูลคังล้วนทำเป็นไม่สนใจคังหย่งเฉียน ตราบใดที่คังหย่งเฉียนไม่ได้ก่อปัญหา ก็ไม่มีใครสนใจว่า คังหย่งเฉียนจะทำอะไร ถ้าหากยกวิลล่าให้เพื่อนของคังเหวินซินจริง ๆ คังหย่งเฉียนคงจะพาคนมาสับเขาเป็นชิ้น ๆ ถึงที่แน่ หลังจากสูบบุหรี่หมดมวน ผู้จัดการหวังก็ขยี้ก้นบุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่ รู้สึกว่ายังไงก็ควรแจ้งให้คังหย่งเฉียนรู้สักหน่อย ส่วนคังหย่งเฉียนจะต่อสู้กับคังเหวินซินอย่างไรนั้นก็เป็นเรื่องระหว่างพวกเขา