"สวัสดีค่ะคุณชายสาม ฉันคือกู้ชิงหลินค่ะ” กู้ชิงหลินพูดพลางโค้งคำนับเล็กน้อย “ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่ต้องเกร็ง ฉันไม่ได้จะกินเธอซะหน่อย กู้หยุนหลานมาแล้วใช่ไหม พาฉันไปหาหล่อนเลยสิ” “คุณชายสาม เมื่อกี้นี้เกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อยน่ะค่ะ เป็นเรื่องที่ฉันคาดไม่ถึง ตอนนี้ฉินจี้เย่คุณชายใหญ่ตระกูลฉินแห่งเมืองหลวงกำลังคุ้มครองพวกเขาอยู่ หากท่านต้องการพาตัวกู้หยุนหลานไป เกรงว่าคงต้องผ่านด่านฉินจี้เย่ไปเสียก่อนค่ะ” กู้ชิงหลินคิดว่าควรอธิบายเรื่องราวให้ชัดเจนก่อน จะมีความมั่นใจที่จะต่อกรกับฉินจี้เย่หรือไม่ ล้วนขึ้นอยู่กับการไตร่ตรองของคุณชายเล็กหลิน คุณชายเล็กหลินหัวเราะเล็กน้อยอย่างดูแคลน “ฉินจี้เย่? เจ้าลูกหมานั่น วัน ๆ เอาแต่คลุกคลีอยู่กับพวกชั้นต่ำ แค่คุมพวกนักฆ่าได้ไม่กี่คนก็นึกไปว่าตัวเองดีเด่นนักหนา เขาไม่ได้อยู่ในสายตาของฉันหรอก พวกตระกูลที่นี่ของพวกเธอมันก็เศษเดนทั้งนั้น” “ถ้าตระกูลกระจอกพวกนั้นไปถึงถิ่นของเรา คงอยู่ได้ไม่ถึงสามวัน ก็ต้องตายเรียบกันทั้งตระกูลแน่นอน เธอไม่ต้องกังวลหรอกว่าฉันจะเอาชนะไอ้คนสกุลฉินไม่ได้ เมื่อกี้นี้เธอถูกรังแกมาอย่างนั้นใช่ไหม? ฉันจะทำให้ไอ้สกุลฉินนั่นมันคุกเข
เฉินเสี่ยวถงสวมเสื้อผ้าสวยงามหรูหรา นั่งอยู่ในรถโรลส์รอยซ์และมองไปทางประตูของโรงกลั่นไวน์ด้วยท่าทีนิ่งสงบ เฉินเสี่ยวถงที่ในใจไม่มีทั้งความสุขและเศร้านั้นยอมรับชะตากรรมที่เป็นเพียงของเล่นของตนเองไปนานแล้ว ไม่ว่าจะกลายเป็นของเล่นของจางเต๋ออู่ หรือถูกราชินีมังกรเฉดหัวทิ้ง หรือให้ตนไปยั่วยวนหลี่โม่ สำหรับเฉินเสี่ยวถงแล้วมันก็ไม่แตกต่างกัน มันก็แค่การปรนนิบัติผู้ชายเท่านั้น ปรนนิบัติใครก็ไม่สำคัญ และไม่สำคัญด้วยว่าอีกฝ่ายที่ปรนนิบัตินั้นจะหน้าตาดีหรืออัปลักษณ์ เฉินเสี่ยวถงเพียงแค่อยากมีชีวิตอยู่ การที่สามารถมีชีวิตอยู่ได้นั้นเป็นความหมายในการชีวิตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว ถึงกับที่ความคาดหวังและอุดมคตินั้น เป็นสิ่งที่เธอไม่กล้าและไม่สามารถที่จะปรารถนาถึงมันได้เลย ชายวัยกลางคนที่สวมเครื่องแบบพ่อบ้านนั่งอยู่ข้าง ๆ เฉินเสี่ยวถง เมื่อมองใบหน้าอันงดงามน่าหลงใหลของเฉินเสี่ยวถง ในใจก็เกิดความเสียดายขึ้นมาเล็กน้อย “เสี่ยวถง ราชินีมังกรบอกแล้ว ว่าตราบใดที่เธอทำเรื่องนี้ได้ดี หลังจากนี้จะปล่อยครอบครัวของเธอ อีกทั้งให้อิสระกับเธอด้วย” เฉินเสี่ยวถงดวงตาเป็นประกายชั่วขณะ ก่อนที่แววตาของเธอก็หม
ทั้งสองเดินตามกันไปยังตำแหน่งของหลี่โม่ เหล่าคุณชายเศรษฐีมองตามทิศทางที่เฉินเสี่ยวถงเดินไป แล้วพากันเบิกตาจ้องมองอย่างตกตะลึง หลี่โม่กับกู้หยุนหลานที่นั่งอยู่ด้วยกันพูดคุยกันเสียงเบา ฉินจี้เย่นั่งอยู่ตรงข้ามพวกเขาทั้งสอง ถูกเมินเฉยราวกับอากาศธาตุ ทว่าฉินจี้เย่ก็ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนั้น แค่สามารถนั่งร่วมโต๊ะกับหลี่โม่ได้ก็เป็นการพัฒนาอันยิ่งใหญ่แล้ว ขณะที่ฉินจี้เย่กำลังทำจิตปล่อยวางพยายามทำให้ตัวเองโปร่งใสอยู่นั้นเอง เงาร่างของเฉินเสี่ยวถงก็เข้าสู่คลองสายตาของฉินจี้เย่ ทันใดนั้นการหายใจของฉินจี้เย่ก็ถี่รัวขึ้นมา เมื่อมองเฉินเสี่ยวถงที่ราวกับเดินออกมาจากม้วนภาพวาด ฉินจี้เย่ก็รู้สึกว่าตัวเองถูกเจ้าเด็กน้อยกามเทพยิงศรใส่เข้าแล้ว รักแรกพบ จะต้องเป็นรักแรกพบแน่นอน! ฉินจี้เย่ที่กำลังตื่นเต้นลุกขึ้นยืนอย่างลนลาน จนหัวเข่ากระแทกกับโต๊ะด้วยความรีบร้อน ปึง โต๊ะสั่นคลอนไปมา จนแก้วไวน์และจานผลไม้บนเกือบจะล้มระเนระนาด หลี่โม่ประคองแก้วเอาไว้ แล้วพูดกับฉินจี้เย่อย่างค่อนข้างไม่พอใจ “นายทำอะไรของนาย โรคฮีสทีเรียอะไรกำเริบหรือไง” “ขอโทษครับ ขอโทษครับ ผม ผมเป็นอะไรไปนะ ช่างสวยมากจริง
ฉินจี้เย่นั่งประจำที่ สายตาเอาแต่ลอยไปทางเฉินเสี่ยวถง ท่าทางของเขาราวกับวิญญาณไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หลี่โม่ยิ้มพลางเอ่ยขึ้น “ถ้านายชอบเธอก็เข้าไปสารภาพเลยสิ เอาแต่แอบมองอยู่แบบนี้จะไปมีความหมายอะไรเล่า” “คือว่าผม เมื่อกี้ผมก็ไปแล้วนี่ครับ แต่ แต่ว่า......” ฉินจี้เย่ในตอนนี้ไร้ซึ่งความสง่าน่าเกรงขามของคุณชายใหญ่แห่งตระกูลฉินอีกแล้ว กลับกันเหมือนเป็นเด็กหนุ่มที่เพิ่งมีความรักเสียมากกว่า พอเห็นผู้หญิงที่ทำให้ใจสั่นไหวก็ทำอะไรไม่ถูกขึ้นมา กู้หยุนหลานหัวเราะเบา ๆ แล้วขยับเข้าไปกระซิบข้างหูหลี่โม่ “แล้วคุณล่ะ ไม่ใจสั่นสักหน่อยเลยเหรอ?” “ไม่มีทางแน่นอนอยู่แล้ว หัวใจของผมมีแต่คุณเท่านั้น ใส่ใครอื่นเข้าไปไม่ได้อีกแล้ว” หลี่โม่พูดอย่างจริงจัง เฉินเสี่ยวถงเงี่ยหูฟังบทสนทนาของพวกหลี่โม่ เมื่อได้ยินหลี่โม่พูดว่าใจเขาใส่ใครอื่นเข้าไปไม่ได้อีก เฉินเสี่ยวถงก็กัดฟันแน่น 'ใส่ใครอื่นเข้าไปไม่ได้บ้าบออะไร คำพูดของผู้ชายมันหลอกลวงทั้งนั้น ฉันจะต้องล่อนายมาติดกับให้ได้ ถึงตอนนั้นคอยดูซิว่าในใจของนายจะยังใส่คนอื่นเข้าไปได้อีกไหม!' เฉินเสี่ยวถงนั้นแต่เดิมเห็นการยั่วยวนหลี่โม่เป็นเพียงภารกิจเท่
หลังจากที่ทั้งสองแต่งตัวเสร็จ ก็เดินควงแขนกันออกไป กลุ่มลูกน้องเดินล้อมรอบตัวคุณชายเล็กหลินและกู้ชิงหลินไปทางลานด้านหน้าของโรงกลั่นไวน์ ในตอนที่คุณชายเล็กหลินปรากฏตัว พลันเกิดความสั่นสะเทือนในหมู่คุณชายเศรษฐีไม่น้อย เหล่าคุณชายเศรษฐีจากเมืองเช่นฉู่โจวและกรุงโซลมองไปทางคุณชายเล็กหลินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวั่นกลัว บุคคลมีชื่อเสียงดั่งต้นไม้มีร่ำเงา แม้ตระกูลหลินจะไม่ได้อยู่ที่เมืองนี้ แต่ก็ไม่อาจขวางกั้นตำนานเรื่องเล่าของตระกูลหลินได้ คนที่เคยได้ยินเรื่องราวของตระกูลหลินต่างรู้ถึงความโหดเหี้ยมของตระกูลหลิน อีกอย่างตระกูลหลินเดิมทีก็ไม่ได้ทำธุรกิจที่ขาวสะอาดอยู่แล้ว ดังนั้นเหล่าคุณชายเศรษฐีบางกลุ่มจึงจงใจรักษาระยะห่างกับคุณชายเล็กหลิน เมื่อเห็นคุณชายเล็กหลินเดินไปยังทิศทางของหลี่โม่ เหล่าคุณชายเศรษฐีก็ต่างรู้ว่ากำลังจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น “ให้ตายเถอะ อีกเดี๋ยวน่ากลัวว่าคงจะมีเรื่องใหญ่แน่ ทางที่หลี่โม่อยู่นั่นมีสาวงามชั้นยอดอยู่ถึงสองคน เกรงว่าคุณชายเล็กหลินจะต้องพาคนไปชิงสาวงามแน่นอน” “ที่ข้าง ๆ คุณชายเล็กหลินนั่นคือกู้ชิงหลินที่ถูกตบไม่กี้นี้ไม่ใช่เหรอ กู้ชิงหลินคนนี้ไม่ธ
“โอ้โห นี่หมาจรจัดที่ไหนมันเห่าหอนกันเนี่ย ถ้ายังกล้าเห่าอีกคำเดียว ฉันจะสับแกเป็นชิ้น ๆ แล้วเอาไปเป็นอาหารแมว” คุณชายเล็กหลินพูดอย่างไม่พอใจ กู้ชิงหลินเหลือบมองหลี่โม่อย่างร้ายกาจทีหนึ่งก่อนจะถลึงตาใส่ฉินจี้เย่ “คุณชายสาม เมื่อกี้นี้เจ้าหมาจรจัดนั่นมันตบฉัน ดูหน้าฉันสิคะ ยังมีรอยที่ถูกเขาตบอยู่เลย คุณต้องแก้แค้นให้ฉันนะคะ!” “วางใจได้ ฉันจะจัดการเจ้าหมาจรจัดนั่นแน่นอน ไอ้สกุลฉิน อย่านึกว่าตัวเองเก่งกาจอะไรนักเลย ตระกูลฉินของพวกแกไม่อยู่ในสายตาฉันเลยสักนิด ถ้ารู้จักดูสถานการณ์ก็คุกเข่าขอความเมตตาซะ เผื่อฉันใจดี อาจจะไว้ชีวิตสุนัขของแกก็ได้” คุณชายเล็กหลินมองฉินจี้เย่ด้วยสายตาเหยียดหยาม วางแผนจะใช้ฉินจี้เย่มาสร้างชื่อเสียงบารมี ฉินจี้เย่ยกมือขึ้นมาตั้งท่า พวกบอดี้การ์ดที่อารักขาอยู่ไม่ไกลออกไปพากันพุ่งเข้ามา “ฮ่าฮ่าฮ่า” คุณชายสามหลินหัวเราะลั่นอย่างบ้าระห่ำ ก่อนจะหันไปชักปืนอย่างองอาจแล้วเหนี่ยวไกใส่บอดี้การ์ดที่พุ่งเข้ามา ปัง ปัง ปัง! ทุกนัดที่คุณชายสามหลินยิงออกไป ก็จะมีบอดี้การ์ดหนึ่งคนถูกยิงล้มลงกับพื้น ในเวลาเพียงพริบตาเหล่าบอดี้การ์ดใต้บังคับบัญชาของฉินจี้เย่ก็ไ
กู้หยุนหลานพอใจกับคำตอบของหลี่โม่มาก เธอจับแขนของหลี่โม่เบา ๆ เมื่อเห็นหลี่โม่มองมาที่ตนเอง กู้หยุนหลานจึงเผยใบหน้ายิ้มแย้มให้แก่เขา หลี่โม่ยิ้มออกมาอย่างดีใจ แล้วโน้มหัวเข้าไปคิดจะจูบกู้หยุนหลานสักหน่อย แต่กลับถูกกู้หยุนหลานเบือนหน้าหลบไปเสียก่อน เมื่อเห็นหลี่โม่กับกู้หยุนหลานแสดงความรักหวานชื่นกันต่อหน้าสาธารณะ เฉินเสี่ยวถง กู้ชิงหลิน และคุณชายสามหลินก็เกิดคลื่นลูกใหญ่ซัดกระหน่ำอยู่ภายในใจ “กู้หยุนหลานเธอมันนังสารเลวไร้ยางอาย ยังไม่รีบเข้ามาปรนนิบัติคุณชายสามอีก!” กู้ชิงหลินตะโกนลั่นด้วยความโมโห คุณชายสามหลินแค่นเสียงอย่างเย็นชา แล้วมองไปที่หลี่โม่ด้วยสายตาเย็นยะเยือก “แกก็คือหลี่โม่ไอ้ขยะที่เกาะผู้หญิงกินนั่นสินะ? คลานมาแล้วเห่าเหมือนหมาสิ ไม่แน่ว่าฉันอาจจะยังเก็บแกมาเป็นหมาเฝ้าบ้านก็ได้ แต่ถ้าแกไม่ยอมทำตามดี ๆ ล่ะก็ หึหึ...” หลี่โม่ชำเลืองมองคุณชายสามหลิน แล้วส่ายหัวพลางพูดว่า “นายก็ช่างเป็นคนที่ไร้ความกลัวเพราะโง่เขลาจริง ๆ นึกว่าทำเป็นเท่แล้วมันจะเท่จริงงั้นเหรอ? งี่เง่าชะมัด” “กล้าดียังไงมาบอกว่าฉันงี่เง่าวะ คลานมาให้ฉันอัดซะดี ๆ ไอ้ขยะ!” คุณชายสามหลินพูดอย่างโหดเห
ฉินจี้เย่ทุ่มสุดตัว เขาเข้าใจดีว่าสิ่งที่ตนต้องการนั้นคือแสดงฝีมือ ขอเพียงการแสดงของตนสร้างความประทับใจให้หลี่โม่ได้ เขาก็ไม่มีทางตายอย่างแน่นอน ไม่เพียงจะไม่ตายเท่านั้น เขายังสามารถเข้าไปอยู่ในสายตาของหลี่โม่ได้ หากกลายเป็นลูกน้องที่อยู่รอบกายหลี่โม่ได้ก็คงไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน ฉินจี้เย่ที่จมูกเขียวหน้าบวมไปหมด และมีเลือดไหลออกจากหน้าผากไม่หยุด ใช้กำลังทั้งหมดในร่างกายพยุงตัวเองเหยียดตัวยืนตรง หากสู้ตอนนี้ก็คงสู้ไม่ไหวแล้วแน่นอน ที่เขาทำได้ก็แค่วางมาดเท่านั้น คุณชายเศรษฐีที่มามุงดูไม่น้อยต่างตกตะลึงกับท่าทางของฉินจี้เย่ พวกเขาต่างไม่เข้าใจว่าฉินจี้เย่ถูกอัดจนเป็นสภาพนั้นแล้ว ทำไมถึงยังยืนหยัดจะขวางทางไว้อีก หรือว่าฉินจี้เย่คิดจะปกป้องหลี่โม่จนตัวตายจริง ๆ ? อย่างนั้นแล้วหลี่โม่มีดีอะไรถึงสามารถทำให้ฉินจี้เย่เป็นแบบนี้ได้? “เหล่าฉินจะมาไม้ไหนอีก ถึงจะเป็นสุนัขรับใช้จริง แต่ถูกทุบตีจนกลายเป็นแบบนี้แล้ว เจ้านายก็ควรออกหน้าได้แล้วสิ ทำไมหลี่โม่ถึงยังนั่งนิ่งอยู่อีก คงไม่ได้จะมองเหล่าฉินตายไปทั้งอย่างนี้หรอกนะ” “วันนี้มันพลิกโลกเลยจริง ๆ ฉินจี้เย่สมองเพี้ยนไปแล้วหรือเปล่า หลี