สวีอวิ๋นอวิ๋นอยู่ในรถมองเหม่อเลย รอกระทั่งสองคนนั้นวิ่งหนีไป สวีอวิ๋นอวิ๋นจึงได้รีบวิ่งออกมาราวกับแมวถูกเหยียบหาง“หลี่โม่!”สวีอวิ๋นอวิ๋นโบกมือด้วยความโกรธ “นายรู้ไหมว่าพวกเขาเป็นใคร? นายกล้าดียังไงไปมีเรื่องกับพวกเขา? นายเจอหายนะครั้งใหญ่แล้วล่ะ!”“พวกเขาเป็นใคร? ไม่เคยเจอมาก่อนเลย ไม่รู้จักด้วย”“นายตาบอดเหรอ! พวกเขาเป็นคุณชายรองคุณชายเล็กของบ้านตระกูลฉิน! ตระกูลฉินที่เมืองหลวง!” สวีอวิ๋นอวิ๋นตะโกนอย่างโกรธ ๆไปหาเรื่องคุณชายของตระกูลฉินที่เมืองหลวง สำหรับสวีอวิ๋นอวิ๋นแล้วเป็นเรื่องที่ไม่กล้าจินตนาการเลย ต่อให้เป็นคนรวยในกรุงโซลแต่พอเจอคุณชายตระกูลฉินก็ต้องก้มหน้าโค้งให้พวกเขากันหมด“อ๋อ งั้นก็ไม่มีอะไรต้องกังวลแล้ว” หลี่โม่พูดเรียบ ๆ สวีอวิ๋นอวิ๋นมองหลี่โม่อย่างแปลกใจและคิดว่า 'หลี่โม่โง่หรือเปล่า ยังจะพูดมาได้ว่าไม่มีอะไรต้องกังวล หมอนี่มองตัวเองเป็นราชาจริง ๆ !'“นายยังจะไม่กังวลอีก ตระกูลฉินที่เมืองหลวงมีอิทธิพลมากแค่ไหนรู้ไหม?! แค่ตระกูลฉินกระทืบเท้า ทั้งกรุงโซลก็สั่นสะเทือนแล้ว!”“อวิ๋นอวิ๋น เธอไม่ต้องไปกังวลเรื่องเขาเลย ถ้าเขาก่อปัญหาก็ให้เขาจัดการเอง”กู้หยุนหลานป
คุณชายรองฉินรีบเดินเข้าไปตรงหน้าของหลี่โม่ แล้วโบกมือแรง ๆ พวกบอดี้การ์ดก็เข้าไปล้อมหลี่โม่กับกู้หยุนหลานทันที“ฮ่าฮ่าฮ่า ไอ้ลูกหมา ตอนนี้กลัวแล้วล่ะสิ? เมื่อกี้ตอนที่ทำฉันแกดูหยิ่งมากเลยนี่ ตอนนี้เปลี่ยนไปแล้วงั้นเหรอ? ถึงเวลาที่ฉันจะหยิ่งบ้างแล้ว!”คุณชายเล็กฉินเดินเข้าไปข้าง ๆ คุณชายรองฉิน หรี่ตามองกู้หยุนหลาน มองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า จนน้ำลายแทบไหลออกมาแล้ว“หึหึ สาวสวยคนนี้ยังดูธรรมชาติจริง ๆ นะ ไม่เหมือนไปทำศัลยกรรมที่ไหนเลย แต่เธอดีกว่านางแบบสาวหน้าแดงพวกนั้นเป็นพันเท่า ฉันไม่คิดว่าจะมีคนสวยแบบนี้ในโซล”ฉินจี้เย่แอบถอนหายใจในใจ มองไปที่น้องชายทั้งสองของเขา ราวกับว่าเขาเห็นตัวเองเมื่อไม่นานมานี้ หาเรื่องใครไม่หา ไปมีเรื่องกับหลี่โม่ นี่ไม่ใช่ว่าเป็นการรีบหาความตายเหรอฉินจี้เย่ยืนอยู่ด้านหลังน้องชายทั้งสอง มองหลี่โม่ด้วยสายตาขอโทษ ขณะที่เขากำลังจะจัดการน้องชายงี่เง่าสองคน ฉินจี้เย่ส่ายหัวเล็กน้อยเมื่อเห็นหลี่โม่ฉินจี้เย่ที่เตรียมจะเตะออกไปรีบหยุดการกระทำทันที เขายืนอยู่ข้างหลังน้องทั้งสองคนอย่างเงียบ ๆ รอคำสั่งของหลี่โม่พวกคนอยากรู้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ สวีอวิ๋นอวิ๋นที่อยู่ใน
ฉินจี้เย่ทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ ถ้าให้พวกบอดี้การ์ดแตะต้องแม้แต่เส้นขนของหลี่โม่ เรื่องนี้จะไม่จบง่าย ๆ แน่นั่นมันหลี่โม่ที่กล้าต่อยกระทั่งท่านปานะ!วันนั้นท่านปาถูกตีอย่างแรงขนาดนั้น คนเก่ง ๆ อย่างหลี่โม่พูดว่าจะต่อยก็ต่อยเลย ตระกูลฉินเทียบไม่ได้แม้แต่เส้นขนของท่านปาเลยด้วยซ้ำ แล้วจะมีความสามารถไปสู้กับหลี่โม่ได้อย่างไรพวกคนที่ดูอยู่ก็อึ้งเช่นกัน มองฉินจี้เย่อย่างแปลกใจ ไม่เข้าใจว่าฉินจี้เย่เป็นบ้าอะไร ทำไมจู่ ๆ ถึงลงมือทำร้ายคนของตัวเองพวกบอดี้การ์ดหยุดการลงมือไว้แล้วมองฉินจี้เย่กับอย่างมึนงง ไม่รู้ว่าควรจะจับหลี่โม่หรือควรทำอย่างไรดี“คะ คุณชายใหญ่ นี่คุณ?” หัวหน้าบอดี้การ์ดพยักหน้าถามอย่างจริงจัง“พี่ใหญ่ พี่บ้าไปแล้วเหรอ มาเตะพวกเราทำไม!”คุณชายรองฉินจ้องฉินจี้เย่อย่างโกรธมาก รู้สึกว่าตัวเองเสียหน้าต่อหน้าคนเยอะ“พวกแกไปจับสองคนนี่มาเป็นกระสอบทรายสิ”ฉินจี้เย่ชี้ไปที่น้องชายแล้วพูดกับบอดี้การ์ด“เห้อ!”ทุกคนสูดลมหายใจพร้อมกันและเสียงดังมาก ๆ ก็เกิดขึ้นพร้อมกัน“นี่มันอะไรกัน คนที่อายุมากและไม่มีความปรานีอย่างฉินจี้เย่นั้น ไม่มีทางทำแบบนี้โดยไม่มีเหตุผลหรอกนะ”“การตีน้อ
“ซ้อมมัน! ซ้อมให้หนัก! ซ้อมให้ตาย!” ฉินจี้เย่เอ่ยอย่างโหดเหี้ยม “พี่ใหญ่ พี่บ้าไปแล้วเหรอ ให้คนมาซ้อมพวกเราทำไมเนี่ย?!” คุณชายรองฉินถามด้วยความตื่นตระหนก "แกยังกล้าถามว่าทำไมอีกเหรอ? พวกแกไปล่วงเกินคุณหลี่ก็คือการรนหาที่ตายแล้ว! อัดไอ้พวกเด็กนี่ให้กระดูกหักให้หมดทั้งร่างซะ!" หลังจากฉินจี้เย่พูดจบก็ทำให้เป็นตัวอย่างก่อน พลันเหวี่ยงกำปั้นเข้าใส่ไหล่ของน้องชายจอมงี่เง่าทั้งสองคน หมัดอันหนักหน่วง ชกใส่จนคุณชายรองฉินและคุณชายเล็กฉินกรีดร้องคร่ำครวญ “ทำแบบนี้เนี่ย เร็ว ๆ เข้า” หลังจากทำการสาธิตเสร็จแล้ว ฉินจี้เย่ถลึงตามองไปที่พวกบอดี้การ์ดแล้วพูดขึ้น เหล่าบอดี้การ์ดกัดฟันฝืนลงมือ ทุบตีคุณชายรองฉินและคุณชายเล็กฉินอย่างรุนแรง พวกชาวบ้านกินเผือกต่างหวาดหวั่นพรั่นพรึง การลงไม้ลงมือกับพี่น้งของตัวเองอย่างโหดเหี้ยมแบบนี้ หากไม่มีเหตุผลที่เพียงพอมันก็คงไม่ใช่เรื่องที่เข้าท่าอย่างแน่นอน ท่ามกลางสายตาของพวกชาวบ้านกินเผือก ฉินจี้เย่ก็เดินไปหาหลี่โม่ ก่อนจะโค้งตัวคำนับทำมุม 110 องศาให้กับหลี่โม่ อีกแค่นิดเดียวหัวของเขาก็จะชนกับปลายเท้าอยู่แล้ว "คุณหลี่ ผมขออภัยแทนน้องชายงี่เง่าท
เมื่อเห็นเหล่าลูกเศรษฐีรอบตัวถอยห่างกู้ชิงหลินก็ยิ่งโมโหมากกว่าเดิม เธอชี้ไปที่หลี่โม่แล้วเอ่ยตะคอก “หลี่โม่ ไอ้ขยะนี่ แกยังกล้ามาจองหองที่นี่อีกงั้นเหรอ?!” “กู้ชิงหลิน?” หลี่โม่มองกู้ชิงหลินเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจ จากนั้นจึงมองเห็นว่าสวีอวิ๋นอวิ๋นอยู่ด้วยกันกับกู้ชิงหลิน ทันใดนั้นก็พลันเข้าใจขึ้นมา กู้หยุนหลานเองก็เห็นกู้ชิงหลินอยู่กับสวีอวิ๋นอวิ๋นเช่นกัน เธอมองไปยังสวีอวิ๋นอวิ๋นด้วยสายตาที่ผิดหวังแล้วถอนหายใจ สวีอวิ๋นอวิ๋นผงะไปเล็กน้อย รู้ว่าตนถูกเปิดโปงแล้ว หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งสวีอวิ๋นอวิ๋นก็วิ่งหนีออกไปจากข้างกายกู้ชิงหลิน เมื่อวิ่งมาหากู้หยุนหลาน สวีอวิ๋นอวิ๋นก็ดึงแขนของกู้หยุนหลานแล้วพูดว่า “หยุนหลาน เธอเข้าใจผิดแล้ว ตอนที่กู้ชิงหลินมาดูเรื่องวุ่นวายพวกเราก็บังเอิญเจอกัน เมื่อกี้คนเบียดเสียดกันเลยเบียดพวกเรามายืนด้วยกันน่ะ” “หึ” กู้หยุนหลานหัวเราะอย่างเย็นชาเล็กน้อย แล้วดึงแขนของตนที่สวีอวิ๋นอวิ๋นจับอยู่กลับมา สวีอวิ๋นอวิ๋นรู้สึกโมโหขึ้นมาเล็กน้อย ทว่าเมื่อสายตามองไปยังหลี่โม่ สวีอวิ๋นอวิ๋นก็ข่มความขุ่นเคืองในใจเอาไว้ “หยุนหลาน เธอเชื่อฉันเถอะนะ ฉันรู้ว่าเมื่
เมื่อเห็นกู้ชิงหลินวิ่งเตลิดหนีไปทั้งน้ำตา สวีอวิ๋นอวิ๋นก็รู้สึกตื่นตระหนกอย่างยิ่ง สายตาที่มองไปยังหลี่โม่พลันแปลกประหลาดไปทันที ทั้งหมดนี้เป็นภาพลวงตาใช่ไหม? หลี่โม่ ไอ้ขยะนี่ จู่ ๆ มันจะไปทรงพลังอำนาจขึ้นมาได้ยังไง นี่มันไม่เหมือนกับที่คิดเอาไว้เลยสักนิด! สวีอวิ๋นอวิ๋นตกอยู่ในความสับสนมึนงง เรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ทำให้เธอตระหนกตกใจมากเกินไปจริง ๆ พวกลูกเศรษฐีไม่น้อยที่มามุงดูต่างรีบกรูกันเข้ามา ต้องการที่จะทักทายหลี่โม่ ไม่ว่าจะสามารถสร้างความสัมพันธ์กับหลี่โม่ได้หรือไม่ อย่างไรก็ต้องเสนอหน้าเข้าไปทำความรู้จักก่อน ต่อไปหากบังเอิญพบกับหลี่โม่อีกครั้งจะได้มีเรื่องให้คุยสานสัมพันธ์ได้ “คุณหลี่ ผมคือเฉินเซี่ยงหนานจากตระกูลเฉิน เป็นเกียรติจริง ๆ ที่ได้พบคุณ พวกเรามานั่งดื่มด้วยกันสักแก้วสิครับ” “ผมคือจางเทียนซิงจากตระกูลจาง ผมกับพี่ฉินต่างก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ต่อไปคุณหลี่เองก็เป็นเพื่อนผมเหมือนกัน ยังไงขอเชิญคุณหลี่นั่งลงคุยกันสักหน่อยนะครับ” หลี่โม่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่รู้สึกสนใจคุณชายเศรษฐีที่กรูกันเข้ามาเหล่านั้นแม้แต่น้อย แล้วดึงกู้หยุนหลานเดินไปที่เงียบ ๆ อีกด้
เมื่อนึกถึงฉากที่หลี่โม่จัดการท่านปาขึ้นมา ฉินจี้เย่ก็ยิ่งรู้สึกว่าตนทำถูกต้องแล้ว ต่อให้ถูกไล่ออกจากตระกูลฉิน เขาก็จะเป็นสุนัขรับใช้ของหลี่โม่! ...... กู้ชิงหลินร้องไห้ดั่งดอกสาลี่ต้องหยาดฝน เพื่อนสนิทสองสามคนต่างห้อมล้อมตัวกู้ชิงหลินเอาไว้แล้วแสดงความเห็นอกเห็นใจต่อเรื่องที่เธอเจอ “ชิงหลิน เธออย่าร้องเลยนะ รีบเช็ดน้ำตาแล้วเติมเครื่องสำอางดีกว่า ไอ้สารเลวหลี่โม่นั่นโอหังเกินไปแล้ว เดี๋ยวพวกเราหาคนไปล้างแค้นมันกัน” “คุณชายใหญ่ตระกูลฉินนั่นเพี้ยนไปแล้วหรือเปล่า ไปช่วยหลี่โม่เสียได้ ฉันล่ะไม่เข้าใจจริง ๆ ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น” กู้ชิงหลินเช็ดน้ำตาแล้วยิ้มอย่างเย็นชาพลางพูดขึ้น “พวกเธอคอยดูไว้ คนที่ฉันจะไปหาต้องจัดการพวกมันได้แน่นอน ไอ้คุณชายใหญ่ตระกูลฉินบ้านั่นมันสมองกลวง! แล้วยังมีไอ้ขยะหลี่โม่นั่นด้วย คอยดูเถอะ ฉันจะทำให้มันคุกเข่าลงกับพื้นแล้วก้มหัวขอขมาฉัน!” “ชิงหลินเธอรู้จักคนใหญ่คนโตที่ไหนงั้นเหรอ? ไม่เห็นเคยได้ยินเธอพูดถึงเลย นี่เธอจะอุบไว้กินคนเดียวเลยไม่ยอมแนะนำให้พวกเรารู้จักหรือไงกัน” “ไม่ใช่แบบนั้น เขาไม่ได้ชอบฉันเสียหน่อย คนที่เขาหมายตาคือกู้หยุนหลาน นังสารเล
คุณชายเล็กหลินนั่งอยู่บนโซฟาอย่างเกียจคร้าน กลุ่มสาวงามพราวเสน่ห์กำลังเต้นรำให้คุณชายเล็กหลินดู เอวที่เรียวบางขยับอย่างพลิ้วไหว ขาขาวนวลที่เต้นขึ้นลงสามารถดึงดูดสายตาคนมากมาย คุณชายเล็กหลินโยกแก้วไวน์แดงอย่างมีความสุขแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม "เต้นได้ไม่เลว เอาไปเลยคนละแสนหยวน" “ขอบคุณค่ะคุณชายสาม” กลุ่มสาวงามเอ่ยขอบคุณ จากนั้นจึงกรูกันเข้าไปข้างกายคุณชายเล็กหลิน เพื่อช่วยนวดคลึงให้คุณชายเล็กหลิน “ฮ่าฮ่าฮ่า แม่นกน้อยทั้งหลาย วันนี้อย่าคิดทำให้ฉันร่วมเตียงกับพวกเธอเลย เพราะวันนี้ฉันจองสาวสวยคนหนึ่งเอาไว้แล้ว” คุณชายเล็กหลินนึกถึงกู้หยุนหลาน แววตาของเขาพลันวาบประกายแปลก ๆ ออกมา "คุณชายสาม เมินพวกเราสาว ๆ ได้ยังไงกันคะ? ถึงคุณจะหาสาวงามดีเลิศแค่ไหน พวกเราเองก็สามารถช่วยคุณชายสามผลัก ๆ โยก ๆ ให้ได้เหมือนกัน ต้องทำให้คุณรู้สึกสุขสุดยอดแน่นอน” "แม่นกน้อยอย่างพวกเธอนี่ช่างเล่นจังนะ แต่นั่นจะเป็นเรื่องราวหลังจากนั้น สุภาพสตรีผู้ไร้เดียงสา มีไม่กี่คนหรอกที่เล่นได้อย่างบ้าคลั่งขนาดนั้นทันที” เหล่าสาวงามอดไม่ได้ที่จะทำหน้ามุ่ยขึ้นมาอย่างออดอ้อน แต่ท่าทีของคุณชายเล็กหลินนั้นมั่นคงอย่างย