“คุณคิดว่าไงล่ะ?” หลี่โม่ยิ้มพลางพูดเย่จงเทียนก้าวไปทางหลี่โม่ ส่ายหน้าแล้วพูด “พูดตามตรง ฉันมองแกไม่ออกเลยว่ะ ฉันรู้สึกว่าแกไม่น่าจะว่าง่าย ฉันก็เลยตัดสินใจให้ของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ กับแก หวังว่าแกจะให้ความร่วมมืออย่างดี"คุณจะลองดูก็ได้ว่าผใจะให้ความร่วมมือดี ๆ ไหม”หลี่โม่นั่งอย่างเหนื่อยหน่าย ไม่ได้แสดงท่าทางว่าจะลงมือเลยแม้แต่น้อย แต่คำที่พูดออกมากลับทำให้ทุกคนรู้สึกว่าหลี่โม่ไม่ยอมให้จับแต่โดยดีแน่ ๆ พวกทหารรับจ้างค่อย ๆ หันปากกระบอกปืน ลำแสงสีแดงจำนวนมากกว่ายี่สิบอันไปรวมกันอยู่บนร่างท่อนบนของหลี่โม่ ถ้าเป็นคนอื่นที่เจอเหตุการณ์แบบนี้ก็คงจะตกใจกลัวจนแย่แล้ว แต่หลี่โม่มองไปที่เย่จงเทียนอย่างไม่สะทกสะท้านอะไรกับการถูกลำแสงสีแดงเล็งมาเลยแม้แต่น้อยฉินจี้เย่ที่อยู่ด้านข้างมอง กังวลว่าพวกคนใหญ่คนโตทะเลาะกันแล้วจะเดือดร้อนผู้น้อย เขาจึงรีบหันไปมองบอดี้การ์ดมองบอดี้การ์ดที่ทยอยถอยหลังไป ฉินจี้เย่ก็มีความคิดจะฆ่า “ตอนที่พวกแกถอยหลังไม่นึกถึงฉันบ้างหรือไงวะ! รีบพาฉันถอยไปที่ปลอดภัยสิ ขาของฉันเป็นตะคริวแล้วโว้ย!”ขาของฉินจี้เย่เป็นตะคริว อยากจะเดินไปก็เดินไม่ไหวทำได้แค่เรียกพวกบ
พวกทหารรับจ้างเริ่มดำเนินการ คิดจะช่วยเย่จงเทียนออกมา หลี่โม่พูดอย่างเย็นชา “อย่าขยับ ถ้าพวกแกขยับแม้แต่นิดเดียวเขาตายแน่”“อย่าขยับ ทุกคนอย่าขยับ ฟังที่เขาพูด” เย่จงเทียนพูดเวยเสียงแหบพร่าพวกทหารรับจ้างหยุดทุกอย่างแล้วมองหลี่โม่อย่างโหดเหี้ยมพวกฉินจี้เย่กับเว่ยหย่งมองตรงไป พวกเขามองไม่ทันว่าหลี่โม่จับเย่จงเทียนได้อย่างไร เห็นแค่หลี่โม่ขยับตัวเย่จงเทียนก็คุกเข่าลงไปแล้ว“เมื่อกี้ไอ้คนนามสกุลหลี่มันทำยังไงนะ เด็กนี่มันมีที่มาแบบไหนกันแน่”เว่ยหย่งริมฝีปากสั่น ถามอย่างกลัว ๆ อยู่ในใจแต่ไม่มีใครตอบคำถามของเว่ยหย่งได้เลย เวลานั้นการกระทำของหลี่โม่เป็นราวกับปริศนา ไม่มีใครมองได้ทันเลยฉินจี้เย่ถอยหลังไปสองก้าวแล้วพูดเสียงเบาอย่างตกใจ “นี่ฉันไปหาเรื่องคนมีฝีมือเข้าเหรอเนี่ย ทีแรกคิดว่าเป็นพวกไม่เอาไหน ไม่คิดว่าเป็นราชาของราชาอีกที หมอนี่มันจะให้คนมีชีวิตต่อไปได้ยังไงกัน”ความรู้สึกเสียใจอย่างถึงที่สุดเต็มเปี่ยมอยู่ในใจเขา ภายใต้ความลุกลี้ลุกลนนั้น ฉินจี้เย่กังวลมาก ๆ ว่าหลี่โม่จะมาคิดบัญชีกับตนเองภายหลังฉินจี้เย่คิดจนเข้าใจแล้ว คาดว่าหลี่โม่น่าจะมีความคิดที่จะลอบสังหารท่านปา ดัง
“แกรู้เหรอว่าเมื่อเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ทั้งในและนอกเครื่องแบบในป่าต้องทำยังไงถึงจะจัดการได้? แกรู้เหรอว่าถ้าเจออาวุธหนักแล้วต้องทำยังไงถึงจะจัดการได้ ถ้ามีมือปืนต้องจัดการยังไง? แผนการรบควรต้องละเอียดแค่ไหนและแผนการป้องกันอีก?”เย่จงเทียนยิ่งพูดเสียงยิ่งดังขึ้น สุดท้ายก็จ้องหลี่โม่ด้วยสายตาดุ ๆ แบบสัตว์ร้าย “แกไม่เข้าใจอะไรเลย แล้วยังจะอยากได้อำนาจสั่งการที่นี่น่ะเหรอ! จะเอาไปทำบ้าอะไร!”หลี่โม่มองเย่จงเทียนนิ่ง ๆ ยิ้มแล้วยกมือขึ้นตบหน้าเย่จงเทียนเพียะเสียงตบดังก้องไปทั่วทั้งโรงงานร้าง ทุกคนมองหลี่โม่เงียบ ๆ ราวกับเห็นราชาปีศาจกลุ่มคนพวกนี้เห็นคนเลือดจนชินแล้ว ทั้งทหารรับจ้างและนักฆ่าที่ไม่รู้ว่าฆ่าคนมาตั้งเท่าไหร่ แต่เวลานี้ล้วนขี้ขลาดอย่างประหลาดรอยมือปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเย่จงเทียน เขาเอียงหัวถุยเลือดในปากออกมา“มือแกหนักใช้ได้นี่ ถึงแกจะฆ่าฉันวันนี้ ฉันก็ยังจะพูดว่าแกมันสั่งการไม่เป็น ถึงแกจะฆ่าฉัน ฉันก็จะไม่ยอมให้แกส่งพี่น้องของฉันไปตาย!”“คุณคิดมากไปแล้ว ไม่เห็นต้องซับซ้อนขนาดนั้นเลย” หลี่โม่พูดเรียบ ๆเย่จงเทียนตะลึงพร้อมขมวดคิ้วมองหลี่โม่ คิดไม่ตกว่าคำพูดของหลี่โม
“ได้”หลี่โม่ควักมือถือออกมาต่อสายหาเบอร์ของเฉียนฝูน้ำเสียงนอบน้อมของเฉียนฝูดังมาจากโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว “เจ้าชายมังกร คุณมีอะไรจะสั่งครับ”“ผมอยากเจอเหล่าปา” หลี่โม่พูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เฉียนฝูตกใจมาก พูดอย่างลนลาน “เจ้าชายมังกร เรื่องนี้ล้อเล่นไม่ได้นะครับ เหล่าปาเป็นราวเหล็กของราชินีมังกร จุดประสงค์ที่มาครั้งนี้ยังไม่รู้แน่ชัด เขาพาคนมาไม่น้อยเลย”“วางใจได้ ทางนี้ผมมีแผน ขอแค่คุณให้เขามาเจอผมก็พอแล้ว เดี๋ยวผมจะส่งตำแหน่งให้”เห็นท่าทีหลี่โม่เฉียบขาด เฉียนฝูจะห้ามปรามไว้คงไม่ดี “งั้นก็ได้ครับ คุณชายต้องระวังเรื่องความปลอดภัยนะครับ เดี๋ยวผมส่งกำลังพลไป”“ไม่รีบ คุณให้เหล่าปามาก่อน”หลี่โม่วางสาย จากนั้นก็ส่งตำแหน่งที่อยู่ให้เฉียนฝูพวกเย่จงเทียนได้ยินกันหมดต่างก็มึนงง ท่านปาที่เรียกกันทั่วไปพอออกจากปากหลี่โม่กลายเป็นเหล่าปา?หลี่โม่คนนี้มีตัวตนอย่างไรกันแน่ จากวิธีเรียกที่หลี่โม่เรียกท่านปาว่าเหล่าปาแล้ว เขาน่าจะเป็นคนรุ่นเดียวกับท่านปา!“เสแสร้งเก่งจริง ๆ ท่านปาเป็นหนึ่งในแปดราชามังกรของแดนมังกร แกเรียกเขาว่าเหล่าปา แกคิดว่าแกเป็นหัวใจสำคัญของแดนมังกรเหรอ!”“การเสแสร้ง
ท่านปากอดสาวงามทั้งซ้ายทั้งขวาอยู่ในห้องใต้ดินของคฤหาสน์ ช่วงเวลาที่อยู่กรุงโซล เพื่อความปลอดภัย ท่านปาไม่ออกจากบ้านเลยแล้วอยู่แต่ในห้องใต้ดินที่ปลอดภัยที่สุด มีหลี่โม่อยู่ที่กรุงโซล แม้ว่าท่านปาจะดูถูกหลี่โม่แต่ทีมคุ้มกันแดนมังกรข้างกายหลี่โม่ก็ยังคงป้องกันอยู่ในขณะที่ท่านปากอดสาวสวยสองคนอยู่นั้นเขากลับจิตใจว้าวุ่น ในใจรู้สึกไม่สงบ รู้สึกว่าจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นเห็นสีหน้าท่านปาเคร่งเครียด สาวสวยคนหนึ่งก็ถือแก้วเหล้าไปใกล้ปากของท่านปา “ท่านคะ ดื่มหน่อยสิคะ ดื่มแล้วจะได้สบายใจ”ท่านปายิ้มกอดสาวสวยแล้วพูด “ใช้แก้วดื่มมันไม่สนุก ใช้ปากเล็ก ๆ ของเธอป้อนฉันสิ”“ท่านนี่ร้ายกาจจริง ๆ ”สาวสวยพูดอ่อนช้อย ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มหนึ่งอึก จากนั้นก็นำปากแดง ๆ บอบบางเข้าไปใกล้ริมฝีปากของท่านปาในตอนที่ท่านปากำลังจะจิบเหล้าจากปากสาวสวยนั้น พลันเสียงมือถือก็ดังขึ้นตัวเขาหยุดไปเล็กน้อย ท่านปาผลักสาวสวยออกไปอย่างหยาบคาย “ใครโทรมาวะ กล้ามาทำฉันเสียอารมณ์”หยิบมือถือมาดูหน้าจอ เห็นหน้าจอขึ้นเป็นชื่อเฉียนฝู ท่านปาขมวดคิ้วมุ่น“ไอ้นี่ โทรมาหาฉันทำไม”ท่านปาบ่นพึมพำ ลังเลอยู่สักพัก ในตอนที่โทรศั
“ครับ”ลูกน้องหยิบโแล็ปท็อปออกมา เริ่มเข้าสู่ระบบค้นหากล้องวงจรปิดของเมือง ตรวจสอบหลี่โม่รวมถึงทิศทางของผู้คุ้มกันแดนมังกรด้วยไม่นานข้อมูลก็สรุปและตำแหน่งของหลี่โม่ก็ปรากฏออกมา“หลี่โม่อยู่ที่โรงงานร้างแห่งหนึ่งแถวชานเมือง โรงงานร้างนี้เป็นของตระกูลฉินที่เมืองหลวง จากข้อมูลแสดงให้เห็นว่าโรงงานร้างนั้นถูกใช้เป็นที่กบดานของนักฆ่าและทหารรับจ้าง”“กล้องวงจรปิดเมืองที่อยู่แถว ๆ โรงงานร้างเผยให้เห็นว่าคนที่เข้าไปกลุ่มแรกวันนี้คือฉินจี้เย่กับบอดี้การ์ดของเขา กลุ่มที่สองคือนักฆ่าสิบกว่าคน กลุ่มที่สามคือหลี่โม่คนเดียว และสุดท้ายคือเย่จงเทียนราชาทหารเทียนหนานที่พาทีมทหารรับจ้างมาด้วยครับ”“ตำแหน่งที่ผู้คุ้มกันแดนมังกรอยู่ตอนนี้ ห่างจากหลี่โม่ยี่สิบกว่ากิโลเมตร จากข้อมูลตัดสินได้ว่าพวกเขาน่าจะกำลังคุ้มกันกู้หยุนหลานภรรยาของหลี่โม่”เขาอ่านข้อมูลออกมาทีละบรรทัด ท่านปาสูบบุหรี่แล้วครุ่นคิดอย่างเงียบ ๆ “ผู้คุ้มกันแดนมังกรไม่ได้อยู่ข้างกาย แต่กลับไปอยู่กับกลุ่มนักฆ่ากับทหารรับจ้าง หรือว่าเขาคิดจะพึ่งนักฆ่ากับทหารรับจ้างมาจัดการฉัน? ช่างอ่อนต่อโลกจริง ๆ ฉันว่าเขาเป็นคนไร้ประโยชน์ในเมืองมังกรท
เหลียงอวี้เป็นนินจาแห่งแดนซากุระ ท่านปาจ่ายเงินไปก้อนโตจึงได้เหลียงอวี้มาเป็นบอดี้การ์ดอยู่ข้างกายเขาเงาเทา ๆ เมื่อกี้ที่เหมือนเงาของท่านปา เป็นเคล็ดลับในวิชานินจาของแดนซากุระ เงาเทา ๆ นั้นในช่วงเวลาสำคัญสามารถช่วยป้องกันการโจมตีท่านปาได้ เท่ากับว่าท่านปามีชีวิตเพิ่มอีกหนึ่งชีวิตแต่เคล็ดลับที่แสดงออกไปนั้น ทำให้เหลียงอวี้อ่อนแอมาก สีหน้าของเธอกลายเป็นขาวซีดเดินไปถึงมุมของคฤหาสน์ขึ้นไปนั่งในรถเอสยูวีคันหนึ่ง เหลียงอวี้พักผ่อนไปสักพักแล้วจึงขับรถตามขบวนรถของท่านปาไปท่านปาหลับตาสงบสติอยู่ในรถ ในใจคิดว่าอีกสักครู่จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นจากแผนการที่ลูกน้องกำหนดไว้ อีกสักพักไปครอบครองจุดครอบคลุมของโรงงานร้างก่อน หลังจากยึดพื้นที่ที่ได้เปรียบได้แล้ว จึงจะคุ้มกันท่านปาเข้าไปในโรงงานร้างได้ ......ในโรงงานร้างฉินจี้เย่ดูเวลา ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว"นายคงไม่ให้พวกฉันรออยู่ที่นี่หนึ่งวันหรอกนะ นี่มันใกล้จะผ่านไปหนึ่งชั่วโมงแล้ว ทางท่านปาไม่เห็นมีความเคลื่อนไหวอะไรเลย”เย่จงเทียนยิ้มเย็นชาแล้วพูด “ไอ้ปัญญาอ่อนนี่ต้องฝันกลางวันอยู่แน่ ๆ ถึงจะรอยันเที่ยงคืน ท่านปาก็ไม่มีทางมาที่นี่
“ท่านปายังมาไม่ถึง จะถือว่านายชนะได้ยังไง นับถือสมองทึ่ไม่ปกติของนายจริง ๆ ”“อีกเดี๋ยวเขาคงไม่คิดว่าเขาเป็นพระผู้ช่วยชีวิตแบบพระพุทธเจ้าอะไรแบบนั้นหรอกเหรอ คนแบบนี้น่าจะส่งเข้าโรงพยาบาลประสาทจริง ๆ”“ถ้าไม่ใช่เพราะสู้เขาไม่ได้ ฉันก็อยากจะอัดเขาแรง ๆ สักที ทำให้เขารู้ว่าเลือดตกยางออกมันเป็นยังไง”กลุ่มคนพวกนั้นพูดไปด่าไป คิดว่าหลี่โม่เสียสติจนเกิดภาพหลอน เอาแต่พูดเรื่องไร้สาระเต็มไปหมดหลี่โม่ส่ายหัว มองฉินจี้เย่อย่างไม่พอใจ “นายส่งคนไปดูที่อยู่ของท่านปาเหรอ? ถ้าส่งคนไปก็ไปถาม ถ้าไม่ได้ส่งคนไปก็รีบส่งไปสิ” ฉินจี้เย่อึ้งเพิ่งนึกได้ว่าไม่ได้ส่งคนไปจับตาดูที่ที่อยู่ของท่านปน เขาคิดว่าตลอดว่าท่านปาไม่มีทางออกมา เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ยามที่ลาดตระเวนพบเข้า ดังนั้นจึงไม่ได้ส่งคนไปคอยจับตาดู“ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ส่งคนไปคอยดู แต่มีความจำเป็นต้องไปคอยเฝ้าด้วยเหรอ ท่านปาไม่มีทางออกนอกคฤหาสน์หรอก นายอย่าฝันเลย!” พูดจบ มือถือของฉินจี้เย่ก็ดังขึ้นเขาควักมือถือออกมารับสาย หลังจากที่ฉินจี้เย่ส่งเสียงอืมสองครั้งก็เบิกตาโต“แกไม่ได้มองผิดใช่ไหม ขบวนรถท่านปากำลังขับมาทางนี้แล้ว?”ฉินจี้เย่ตะโกนอ