ซีเหมินจือเผิงกุมต้นขาที่ถูกยิงเอาไว้ และร้องเสียงโหยหวนเหมือนหมูถูกเชือด ในใจคร่ำครวญว่าชีวิตตนช่างอาภัพ แอบอยู่ในมุมกำแพงแล้วแท้ ๆ ทำไมถึงยังถูกปืนยิงได้อีก หลี่โม่หรี่ตา พลุ่งเข้าไปพร้อมกับกู้หยุนหลานในอ้อมแขน ขาข้างหนึ่งเตะปืนในมือของจางจงหยางออก ส่วนอีกข้างเหยียบที่คอของจางจงหยาง ในตอนที่จางจงหยางถูกหลี่โม่ควบคุมอยู่ พวกลูกน้องถึงเพิ่งจะได้สติกลับมา พลันพากันเงื้อมีดดาบในมือมุ่งไปยังหลี่โม่ “เอาเท้าของแกออกไปเดี๋ยวนี้ อย่าแตะต้องลูกพี่ของเรา!” “แกอยากตายนักใช่ไหม ถึงกล้าลงมือกับลูกพี่ของเรา ถ้าแกกล้าแตะต้องลูกพี่ของเราแม้แต่นิดเดียว พวกเราจะฆ่าเจ้าพวกนี้ซะ!” พวกลูกน้องของจางจงหยางต่างก็ตื่นตระหนกเล็กน้อย แม้ว่าปากจะส่งเสียงโวยวาย แต่ในใจนึกอยากจะถอยขึ้นมาแล้ว เขตอิทธิพลของจินไห่ก็ไม่มีแล้ว ตอนนี้ลูกพี่ใหญ่ก็ยังถูกเหยียบไว้อีก ไม่ว่าจะดูอข่งไรก็คงจะพินาศกันหมดแน่ กู้เจี้ยนหมินและหวังฟางมองท่าทางองอาจกล้าหาญของหลี่โม่ในยามนี้ ดวงตาเบิกโพลงจนแทบจะถลน ปากของทั้งสองส่งเสียงอ้ำอึ้ง อยากจะพูดแต่ก็ยังคงพูดไม่ออก กู้หยุนหลานถอนหายใจโล่งอก หลังจากที่ความกังวลหายไป เธอก็พลันค
จางจงหยางที่แต่เดิมร้องขอชีวิตกับหลี่โม่นั้น เมื่อได้ยินคำพูดของหัวหน้ามือปราบ ก็พลันตัวแข็งทื่อไปทั้งร่าง เขาคิดว่าหลี่โม่เป็นคนสร้างเรื่องบ้า ๆ ทั้งหมดนี่ ทำไมสุดท้ายถึงมีคุณซีเหมินนั่นโผล่ขึ้นมาได้ จางจงหยางสับสนงุนงงด้วยคำพูดเดียวของหัวหน้ามือปราบ หลี่โม่มองหัวหน้ามือปราบเล็กน้อยอย่างพึงพอใจ พวกเขาล้วนเป็นคนที่หลี่โม่ให้ผู้พิทักษ์แดนมังกรจัดเตรียมมาผ่านทางสัญญาณมือ ตั้งแต่การขุดรากถอนโคนอำนาจของจางจงหยางที่จินไห่ จนถึงช่วงเวลาในการปรากฏตัวของมือปราบกรุงโซล ทั้งหมดล้วนถูกผู้พิทักษ์แดนมังกรจัดวางไว้อย่างดี เมื่อเห็นหลี่โม่เผยสายตาพึงพอใจ เลือดอันเร่าร้อนในหัวใจของหัวหน้ามือปราบก็พลันสูบฉีด ดูเหมือนว่าการเลื่อนขั้นขึ้นเงินเดือนและขึ้นไปยังจุดสูงสุดของชีวิตอยู่ไม่ไกลแล้ว พวกของจางจงหยางถูกมือปราบนำตัวไป หลี่โม่ดึงกู้หยุนหลานไปดูสถานการณ์ของกู้เจี้ยนกั๋วและหวังฟาง ซีเหมินจือเผิงที่ตกอยู่ในความงุนงงได้สติกลับมาด้วยความเจ็บปวดจากแผลถูกยิง เขาเช็ดน้ำตาแล้วพูดกับหัวหน้ามือปราบ “ขอบคุณพวกคุณมากที่ช่วยชีวิตผม ช่วยพาผมกับแม่ไปส่งโรงพยาบาลก่อนได้ไหมครับ” หัวหน้ามือปราบเอ่ยด้วยรอยย
...... กู้เจี้ยนหมินและหวังฟางมาตรวจอาการที่โรงพยาบาล เพียงแค่ตื่นตระหนกมากไปหน่อยเท่านั้น ไม่ได้มีอาการอย่างอื่น หลังจากชูจงเทียนส่งหลี่โม่และครอบครัวกลับบ้านแล้วเขาก็จากไป กู้เจี้ยนหมินและหวังฟางนั่งลงบนโซฟาอย่างหมดแรง มองไปยังหลี่โม่ด้วยสายตาสับสน การแสดงออกของหลี่โม่เมื่อครู่ทำให้ทั้งสองคนรู้สึกประหลาดใจ ทว่าเพราะมือปราบบุกเข้ามาแล้วบอกว่ามาเพื่อช่วยซีเหมินจือเผิง จึงไม่ได้ให้ทั้งสองตกละลึงไปกว่านั้น “หลี่โม่ เรื่องวันนี้มันเกิดอะไรขึ้น แกไปยั่วโมโหจางจงหยางคนนั้นมางั้นเหรอ?” กู้เจี้ยนหมินถามด้วยเสียงแหบแห้ง “พ่อ ก็เป็นเรื่องที่จินไห่ครั้งนั้นนั่นแหละ จางจงหยางจะช่วยเฝิงจื่อไฉจับตัวหนู ชูจงเทียนช่วงหลี่โม่ขัดขวางพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงกลายเป็นศัตรูกัน” กู้หยุนหลานช่วยพูดแทนหลี่โม่ กู้เจี้ยนหมินขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาถอนหายใจแล้วเอ่ย “ช่างสร้างปัญหาเก่งจริง ๆ สรุปแล้วเรื่องที่จินไห่มันจบแล้วหรือยัง เจ้าขยะนี่ยังไปหาเรื่องใครมาอีกไหม?!” กู้หยุนหลานตะลึงไปเล็กน้อย เธอครุ่นคิดอยู่ในใจ คิดว่าทั้งพวกจางจงหยางและเฝิงจื่อไฉพ่ายแพ้ย่อยยับไปแล้ว เรื่องราวก็คงจะจบลงแล้วล่ะ แต
สองวันต่อมา ในห้องประชุม กู้ซิ่งเหว่ยมองเอกสารในมืออย่างภาคภูมิใจ นี่คือเอกสารความร่วมมือที่ซีเหมินจือเผิงให้คนมาส่งให้หลังจากที่ให้ลูกน้องมาติดต่อกับกู้ซิ่งเหว่ยแล้ว หลังจากที่ซีเหมินจือเผิงออกจากโรงพยาบาลก็ไตร่ตรองอยู่นาน รู้สึกว่าการที่จะกู้หน้ากลับมา เขาต้องลงมือจากภายในตระกูลกู้ ต้องให้คนตระกูลกู้ทั้งหมดมายืนอยู่ข้างตน ถึงตอนนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์คนใกล้ชิดตีตัวออกห่าง กู้หยุนหลานต้องเลือกที่จะทอดทิ้งหลี่โม่แน่ หากต้องการทำให้คนในตระกูลทั้งหมดมาอยู่ข้างเดียวกับตน การใช้ความร่วมมือทางผลประโยชน์ ย่อมรวดเร็วและสะดวกที่สุดอยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้จึงเกิดฉากที่กู้ซิ่งเหว่ยกำลังภูมิอกภูมิใจเช่นในปัจจุบัน กู้เจี้ยนกั๋วกระแอมไอเล็กน้อย สายตากวาดมองตั้งแต่ใบหน้าของกู้เจี้ยนเจียง กู้หยุนหลานและกู้ชิงหลินแสดงถึงอำนาจและตำแหน่งสถานะของตนอย่างเด่นชัด “ความก้าวหน้าของบริษัทในช่วงนี้ค่อนข้างไม่เป็นที่น่าพอใจสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะในเรื่องสัญญาสั่งซื้อรอบใหม่ ไม่เพียงไม่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แต่ยังพบว่าลดลงด้วย หยุนหลาน นี่เธอจัดการยังไงของเธอ!” กู้เจี้ยนกั๋วพูดพร้อมกับตบโต
เมื่อเห็นกู้หยุนหลานขมวดคิ้วด้วยความลำบากใจ กู้ซิ่งเหว่ยก็ยิ่งยิ้มหน้าระรื่นขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับว่าดอกเบญจมาศบานอยู่บนใบหน้าของเขา “ฉันขอแนะนำให้นายระมัดระวังกับการร่วมธุรกิจครั้งนี้ ซีเหมินจือเผิงเขา......” กู้หยุนหลานเกิดความลังเลไม่ได้พูดต่อ หากเธอยังคงพูดต่อไปอีก มันจะโยงไปไปถึงเรื่องของซีเหมินจือเผิงกับหลี่โม่ ถ้าหากให้คนตระกูลกู้ได้ยินเข้าล่ะก็ จะต้องเกิดข่าวซุบซิบนินทากันอีกแน่ “เฮอะ!” กู้ซิ่งเหว่ยแค่นเสียงอย่างเย็นชา แล้วเอ่ยอย่างไม่พอใจ “ระมัดระวัง? สัญญาที่เป็นประโยชน์ต่อพวกเราขนาดนี้ยังต้องระวังอะไรอีก เธอคงไม่ได้อิจฉากัน ก็เลยอยากขัดขวางข้อตกลงระหว่างฉันกับซีเหมินจือเผิงหรอกนะ เธอฝันไปเถอะ!” “หึหึ คนบางคนก็แค่พวกชอบเสแสร้ง ซิ่งเหว่ย นายต้องเข้าใจหน่อย หยุนหลานจะเลียแข้งเลียขาใครข้างนอกก็ได้ทั้งนั้น แต่เห็นพวกเราเลียแข้งเลียขาบ้างเป็นไม่ได้ ใช่ไหมจ๊ะ หยุนหลาน” กู้ชิงหลินมองไปที่กู้หยุนหลานด้วยความเหยียดหยาม กู้หยุนหลานเม้มปากแน่นด้วยความโมโห และเอนตัวพิงกับพนักเก้าอี้อย่างอ่อนแรง “ไม่จำเป็นต้องสนใจความเห็นของหยุนหลานหรอกน่า นี่เป็นเรื่องดีที่จะเป็นประโยชน์ต่อต
กู้หยุนหลานเย็บวาบขึ้นมาในใจ เธอเข้าใจเจตนาของซีเหมินจือเผิงแล้ว เขาจะใช้การเจรจาความร่วมมือนี้เป็นเครื่องมือเพื่อทำให้หลี่โม่อับอายต่อหน้าทุกคน “วันนี้หลี่โม่ไม่สบาย ต้องพักฟื้นอยู่ที่บ้าน มาไม่ได้หรอก” กู้หยุนหลานหาข้ออ้างมาพูด “ไอ้ขยะของเธอเป็นผู้ดีขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ถึงกับต้องพักฟื้นอยู่บ้าน ฉันไม่มีเวลาจะพักด้วยซ้ำ แล้วมันจะพักฟื้นบ้าบออะไร!” “ไอ้ขยะของเธอต่อให้คลานก็ต้องคลานมาให้ได้ ถ้าทำให้การเจรจากับคุณซีเหมินต้องหยุดชะงัก พวกแกทั้งครอบครัวก็ไม่มีปัญญารับผิดชอบไหว!” “เธอจะเรียกไม่เรียก ถ้าเธอไม่เรียกไอ้ขยะของพวกเธอมา พวกเราจะโทรไปเรียกมันเอง เชื่อสิ ถ้าไอ้ขยะของเธอได้ยินว่าเกิดเรื่องขึ้นกับเธอ มันจะต้องรีบวิ่งมาเร็วยิ่งกว่าหมาแน่” สมาชิกตระกูลกู้ต่างพูดอย่างถากถางดูถูก โดยไม่ไว้หน้ากู้หยุนหลานเลยแม้แต่น้อย กู้หยุนหลานรู้ว่ากำลังแขนไม่อาจบิดงอต้นขา ต่อให้ตนไม่โทรหาหลี่โม่ คนอื่น ๆ ก็คงหาข้ออ้างหลอกให้หลี่โม่มาหาอยู่ดี กู้หยุนหลานหยิบโทรศัพท์ออกมาอย่างไม่มีทางเลี่ยง เธอต่อสายหาหลี่โม่ “ซีเหมินจือเผิงจะมาเจรจราความร่วมมือที่บริษัท และชี้เจาะจงให้เรียกคุณมา
"อำนาจในมือของคุณชายหลี่นั้นทรงพลังมาก ฉันเดาว่าครั้งนี้เป็นการทดสอบความจริงใจของพวกเราในการที่จะขอโทษ พวกเราต้องทำทุกอย่างให้ออกสวยงามที่สุด พวกเราต้องหาบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเวชภัณฑ์ระดับนานาชาติมาร่วมมือกับตระกูลกู้"นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในจินไห่พูดคุยกัน และพวกเขามีแผนในเบื้องต้นกันแล้วเหอลี่หัวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นมองไปที่ลู่เจี้ยนปิน "ท่านลู่ ผมรู้ว่าท่านมีเครือข่ายกว้างขวาง เมื่อก่อนลูกหลานของเราเคยดูถูกท่าน เพียงแค่ต้องการให้ท่านอดทน ครั้งนี้เรามีปัญหา ท่านต้องช่วยเราเอาชนะให้ได้ ต่อไปร้อยละ 10 ของหุ้นบริษัทของเราจะมอบให้ท่าน”10% ของส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทอสังหาริมทรัพย์เหล่านี้ไม่ใช่จำนวนเล็กน้อย แม้ว่าบริษัทอสังหาริมทรัพย์เหล่านี้ล้วนเป็นองค์กรท้องถิ่นในจินไห่ แต่สินทรัพย์ของแต่ละบริษัทคาดว่าจะมีมูลค่าหลายพันล้าน"ผมไม่ต้องการส่วนได้ส่วนเสีย เว้นแต่พวกคุณขอโทษคุณชายหลี่ด้วยความจริงใจ หากผมยอมรับส่วนแบ่งจากพวกคุณ คุณชายหลี่จะเข้าใจผมผิดได้"ลู่เจี้ยนปินพูดด้วยรอยยิ้มเหอลี่หัวและคนอื่น ๆ ตกตะลึงไปชั่วขณะ พวกเขาไม่คาดคิดว่าลู่เจี้ยนปินจะไม่ต้องการ ต่อให้จะส่งส่
ซีเหมินจือเผิงเดินเข้าไปในห้องประชุมของบริษัทพร้อมด้วยการคุ้มกันของบอดี้การ์ด กู้เจี้ยนกั๋วและคนอื่น ๆ ยืนอยู่ที่ประตูห้องประชุมด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าเพื่อทักทายเขา"ยินดีต้อนรับการมาเยือนของท่านประธานซีเหมินครับ" กู้เจี้ยนกั๋วพูดด้วยสีหน้าประจบสอพลอซีเหมินจือเผิงไม่สนใจกู้เจี้ยนกั๋ว แต่มองหากู้หยุนหลานและหลี่โม่ท่ามกลางสมาชิกในตระกูลกู้เมื่อเห็นกู้หยุนหลานและหลี่โม่ยืนอยู่ที่ปลายแถว ซีเหมินจือเผิงก็แสดงรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา“เข้าไปคุยเรื่องงานให้เป็นเรื่องเป็นราวเถอะ” ซีเหมินจือเผิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชากู้เจี้ยนกั๋วไม่กล้าที่จะประมาท และยินดีต้อนรับซีเหมินจือเผิงเข้ามาในห้องประชุมจากนั้นพูดกับกู้หยุนหลานว่า "หยุนหลานรีบรินชาให้ประธานซีเหมินสิ"กู้เจี้ยนกั๋วซึ่งคาดเดาความตั้งใจของซีเหมินจือเผิงได้จึงผลักกู้หยุนหลานออกไปโดยไม่ลังเลแม้ว่ากู้หยุนหลานจะไม่เต็มใจ แต่เธอก็ทนได้ เธอเดินไปยังตู้ที่มุมห้องประชุม จัดชุดน้ำชาออกมาและเริ่มชงซีเหมินจือเผิงและกู้เจี้ยนกั๋วนั่งหันหน้าเข้าหากัน ทุกคนในตระกูลกู้และลูกน้องของซีเหมินจือเผิงก็นั่งลงเช่นกัน ส่วนหลี่โม่ก็นั่งอยู่ตรงมุมห้องกู้หยุ
คังหย่งอันกดหมายเลขของคังหย่งเฉียน แล้วพูดเสียงเข้ม "หย่งเฉียน ฉันได้ยินมาว่า แกกับเหวินซินมีปัญหากันเรื่องวิลล่าบนยอดเขาเหรอ?" “พี่ใหญ่ มีปัญหากันน่ะสิ ศิษย์พี่เกิ่งยังถูกทำร้ายจนเข่าหักแล้ว! ศิษย์พี่เกิ่งติดต่อกับอาจารย์โอวหยางไปแล้ว เรื่องนี้อภัยให้ไม่ได้แน่นอน!” คังหย่งเฉียนโกรธแค้นคังเหวินซิน ถ้าไม่ใช่เพราะคังเหวินซินพาหลี่โม่ไปที่นั่น เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น แต่ในเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว คังหย่งเฉียนเองก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ทำได้เพียงเอาความโมโหไปลงที่คังเหวินซินเท่านั้น “หย่งเฉียน ไม่ว่ายังไงก็ตาม แกต้องรับรองความปลอดภัยของเหวินซิน ฉันไม่สนว่า อาจารย์โอวหยางพวกเขาจะทำอะไรกับเพื่อนของเหวินซิน แต่พวกเขาจะทำร้ายเหวินซินไม่ได้เด็ดขาด!” “พี่ใหญ่ ฉันไม่กล้ารับประกันหรอก รับประกันได้แค่ลูกชายของพี่จะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงตายเท่านั้น ถ้าอาจารย์โอวหยางต้องการลงโทษลูกชายของพี่จริง ๆ ฉันจะไปขวางได้ยังไง ฉันขวางไม่ได้หรอก ไม่กล้าขวางด้วย!" คังหย่งอันขมวดคิ้วแน่น หากคังหย่งเฉียนอยู่ต่อหน้าคังหย่งอันในตอนนี้ คังหย่งอันจะต้องตบเขาให้ตายคามือแน่นอน “หย่งเฉียน! แกเป็นอาข
“ไอ้บัดซบเอ๊ย! ใครกล้ามาต่อกรกับฉันโอวหยางจื้อ มันผู้นั้นจะต้องตาย!” โอวหยางจื้อพึมพำอย่างด้วยความอาฆาตแค้น แล้วสั่งให้ลูกศิษย์ไปจองตั๋วเครื่องบิน ...... คังเหวินซินมาส่งหลี่โม่และคนอื่น ๆ ที่บ้าน หลังจากมองดูทั้งสามเดินเข้าไปข้างในแล้ว จึงสตาร์ทรถและขับออกไปอย่างช้า ๆ “อาเล็กถูกจัดการจนหมดท่าแล้ว ต้องบอกพ่อสักคำไหมนะ อาเล็กจะได้ไปตีไข่ใส่สีอีก” หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง คังเหวินซินก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดหมายเลขพ่อของเขาคังหย่งอัน “ฮัลโหล พ่อครับ ผมเพิ่งจะขายวิลล่าบนยอดเขาที่สวนหนานชุ่ยให้เพื่อผมไป ขายราคาต้นทุนน่ะครับ” คังหย่งอันขมวดคิ้ว "นั่นเป็นวิลล่าที่อาเล็กของแกจะเอาไม่ใช่เหรอ แกเอาไปให้เพื่อนได้ยังไง? ผู้จัดการฝ่ายขายว่ายังไงบ้าง?" คังเหวินซินอึ้งครู่หนึ่ง รู้สึกถึงความผิดปกติในคำพูดของคังหย่งอัน "พ่อ พ่อรู้ได้ยังไงว่าอาเล็กอยากได้วิลล่านั่น?” “อาเล็กของแกเคยบอกพ่อว่า วิลล่าหลังนั้นเป็นของขวัญที่เขาจะเก็บไว้ให้กับปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ในต่างประเทศโอวหยางจื้อ แกคงเคยได้ยินเกี่ยวกับโอวหยางจื้อมาบ้างใช่ไหม? เขาเคยรับหน้าที่เป็นผู้กำกับฉากแอ็คชั่นให้กับภาพย
ในแผนกดูแลพิเศษของโรงพยาบาล คังหย่งเฉียนและคนอื่น ๆ นั่งล้อมรอบเตียง มองดูพี่เกิ่งค่อย ๆ ฟื้นคืนสติ เข่าที่หักของพี่เกิ่งได้รับการผ่าตัดแล้ว แต่หลังการผ่าตัด พี่เกิ่งจะได้แต่นั่งอยู่บนรถเข็นเท่านั้น “ซี๊ด ขากับเข่าฉันเป็นยังไงบ้าง?” พี่เกิ่งถามอย่างร้อนใจ “ศิษย์พี่ไม่ต้องกังวล ผ่าตัดเสร็จแล้ว เพียงแต่ระดับการรักษาของที่นี่ยังต่ำไปหน่อย หลังจากฟื้นตัวแล้วพี่ต้องนั่งรถเข็น” คังหย่งเฉียนพูดเสียงเบาหวิว “ไอ้บัดซบ! ฉันไม่อยากนั่งรถเข็น! ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้!” พี่เกิ่งคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว รู้สึกเลวร้ายไปทั้งร่างกาย ชีวิตบนรถเข็น ไม่ใช่ชีวิตที่พี่เกิ่งต้องการเลย ถ้าต้องนั่งรถเข็นแล้ว ต่อไปจะฝึกศิลปะการต่อสู้ หรือออกไปรังแกคนอื่นอย่างไร แล้วจะไปจีบสาว ๆ ได้อย่างไร! “ฉันจะย้ายโรงพยาบาล ฉันจะไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุด!” “พี่เกิ่งอย่าเพิ่งตื่นตูม หมอบอกว่า รอพี่ฟื้นตัวดีแล้ว ก็สามารถทำการผ่าตัดครั้งที่สองในโรงพยาบาลที่ดีกว่านี้เพื่อเปลี่ยนข้อต่อเทียมได้” คังหย่งเฉียนปลอบใจพี่เกิ่งไปพลางก็ขยิบตาให้กับพวกพี่น้องคนอื่น ๆ ส่งสัญญาณให้พวกเขารีบมาช่วยกันโน้มน้าว ศิษย์พี่ห
พี่เกิ่งร้องโหยหวนออกมา รู้สึกว่าขาซ้ายพลิกกลับไปด้านหลัง พลันสูญเสียการทรงตัวและล้มหงายไปข้างหลังทันที พลั่ก พี่เกิ่งล้มหงายลงกับพื้น ปากก็ร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา คังหย่งเฉียนถูกกระตุ้นด้วยเสียงร้องของพี่เกิ่งจนตัวสั่นไปทั้งตัว เสียงวิ้ง ๆ ที่ดังอยู่ในหัวยิ่งชัดเจนขึ้นมาทันใด คังหย่งเฉียนกุมใบหน้าที่บวมแดงไปครึ่งหนึ่งมองไปทางศิษย์พี่เกิ่ง ดวงตาของคังหย่งเฉียนก็แทบจะหลุดออกจากเบ้า ศิษย์พี่เกิ่งที่คังหย่งเฉียนเคยคิดว่า แข็งแกร่งไร้เทียมทานนั้น ตอนนี้กำลังร้องคร่ำครวญราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังจะตาย เมื่อมองขาขวาของพี่เกิ่งหักงอในองศาที่ผิดธรรมชาติ คังหย่งเฉียนก็รู้สึกว่า เลือดทั่วร่างกายเย็นเฉียบขึ้นมา นี่เป็นเรื่องที่มนุษย์สามารถทำได้อย่างนั้นเหรอ? นี่เป็นผลลัพธ์ที่สามารถใช้กำปั้นทำได้เหรอ? นี่มันซูเปอร์ไซย่าในตำนานหรืออย่างไรกัน?! พวกศิษย์น้องของพี่เกิ่งหลายคนต่างหวาดกลัวกับความเผด็จการของหลี่โม่ ทั้งกลุ่มพลันหมดความโอหังไปโดยสิ้นเชิง พวกเขาลากพี่เกิ่งขึ้นมาจากพื้นแล้ววิ่งตะบึงออกไปข้างนอกอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่คำพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี้คือศิษย์
คังเหวินซินรออยู่สามวินาที แต่ละวินาทีราวกับยาวนานเป็นปี รออยู่นานฝ่ามือของพี่เกิ่งก็ยังไม่ตบลงมาสักที คังเหวินซินจึงลืมตาขึ้น เมื่อเอียงหน้ามองเห็นฝ่ามือของพี่เกิ่งอยู่ห่างจากหน้าตนแค่เฉียดฉิว หัวใจของคังเหวินซินแทบจะกระโดดออกมาจากปาก หลังจากที่เห็นข้อมือของพี่เกิ่งถูกหลี่โม่คว้าไว้ คังเหวินซินถึงได้รู้สึกว่า หัวใจของตัวเองกลับเข้าที่ได้แล้ว คังเหวินซินที่สงบลงแล้ว รีบถอยไปหลบด้านหลังหลี่โม่ แล้วร้องตะโกนด้วยน้ำตาแห่งความซาบซึ้ง "อาจารย์!" “นายอย่าร้องไห้น่าสมเพชนักสิ มันทำฉันขายหน้านะ” หลี่โม่พูดด้วยรอยยิ้ม คังเหวินซินตะลีตะลานเช็ดเบ้าตา ไม่ยอมให้ตัวเองร้องไห้ออกมา พี่เกิ่งจ้องมองหลี่โม่อย่างโมโห แอบพยายามดึงข้อมือของตัวเองกลับมาอย่างลับ ๆ แต่ไม่ว่าพี่เกิ่งจะพยายามออกแรงแค่ไหน มือของหลี่โม่ก็ราวกับคีมปากเสือหนีบข้อมือของพี่เกิ่งเอาไว้แน่น จนข้อมือของพี่เกิ่งไม่มีทางสลัดหลุดได้เลย “ปล่อยมือฉัน!” พี่เกิ่งตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยว “แกบอกให้ปล่อยก็ต้องปล่อยเหรอ? แกน่าจะอธิบายเรื่องที่จะลงไม้ลงมือกับลูกศิษย์ฉันเมื่อกี้นี้มาสักหน่อยไหม?” หลี่โม่พูดอย่างเย็นชา คังเหวินซินส
กู้หยุนหลานมองไปยังหลี่โม่อย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นหลี่โม่ขยิบตาให้ เธอจึงไม่พูดอะไรและเก็บความสงสัยไว้ในใจ ผู้จัดการหวังโบกมือให้พนักงานขายสาว พนักงานสาวที่ถือสัญญาอยู่แล้วเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว “ผู้จัดการหวัง นี่เป็นสัญญาของวิลล่ายอดเขาค่ะ แต่ราคานี้มัน…” สีหน้าของพนักงานสาวดูบูดเบี้ยวเล็กน้อย ถ้าขายวิลล่านี้ออกไปในราคาต้นทุน เธอคงไม่ได้รับค่าคอมมิชชั่นเลยสักแดง! ที่ผ่านมาเศรษฐีในเมืองฮั่นจำนวนมากต่างก็ถูกใจวิลล่าแห่งนี้ แต่เพราะมีการปิดกั้นการซื้อขาย เลยไม่ได้ขายอย่างเป็นทางการ เดิมทีพวกพนักงานสาวนั้นเตรียมพร้อมที่จะทำกำไรมหาศาลด้วยการขายวิลล่าหลังนี้หลังจากที่เปิดการขายแล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ความฝันของพวกเธอกำลังจะมลายหายไปซะแล้ว “พวกเธอมีสิทธิ์พูดงั้นเหรอ? นี่คือการตัดสินใจของคุณชายใหญ่!” ผู้จัดการหวังตำหนิพนักงานขายสาว พนักงานสาวหดคอและปิดปากเงียบไม่กล้าพูดอีก ผู้จัดการหวังเปิดสัญญาตรวจดู หลังจากยืนยันความถูกต้องแล้ว เขาก็ถือสัญญาเดินไปหาหลี่โม่ “อ่านสัญญาดูก่อนนะครับ หากไม่มีปัญหาอะไร เราจะไปเซ็นสัญญาที่สำนักงานของผมกัน ผมไม่สามารถนำตราประทับอะไรพวกนั้นพกติดต
“คุณชาย อย่ามาขู่ผมเลยครับ ผมไม่กลัวหรอกนะ สิ่งที่ผมพูดไปเมื่อครู่ล้วนมีเหตุมีผล หากไม่เชื่อก็ถามซินแสที่มาดูฮวงจุ้ยให้ได้เลยครับ คำพูดพวกนี้เขาเป็นคนพูดเองกับปากทั้งนั้น” ผู้จัดการหวังแข็งขืน ไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย หลี่โม่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม "เหวินซิน อย่าหุนหันพลันแล่น ผู้จัดการหวังพูดถูกแล้ว คนที่โชคชะตาบารมีไม่ถึง ไม่มีทางข่มพลังฮวงจุ้ยอันยอดเยี่ยมได้แน่นอน” คังเหวินซินพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม "อาจารย์พูดถูกแล้วครับ แต่ด้วยบารมีของอาจารย์ จะต้องสามารถข่มมันได้อย่างแน่นอน พวกเรามาดูกันดีกว่า ที่นี่ล้วนได้รับการตกแต่งอย่างดี คุณหิ้วกระเป๋าเข้ามาอยู่ได้เลย เหลือแค่ดูว่าวิลล่าหลังนี้ถูกใจคุณหรือเปล่าก็พอครับ” เมื่อเห็นคังเหวินซินพยายามเอาอกเอาใจหลี่โม่ ผู้จัดการหวังก็เกิดความสงสัยเล็กน้อย หรือว่าตนจะมองผิดไป? ผู้ชายที่สวมเสื้อผ้าแผงลอยทั้งตัวคนนี้ เป็นคุณชายเศรษฐีที่มาลองสัมผัสประสบการณ์ชีวิตงั้นเหรอ? ไม่อย่างนั้นทำไมคุณชายของตนถึงได้ไปประจบเอาใจเขาขนาดนี้กัน? “คุณชาย ท่านนี้คืออาจารย์ของคุณเหรอครับ?” ผู้จัดการหวังถามอย่างสงสัย “นี่คืออาจารย์ของฉันหลี่โม่ นายสุภาพกับอาจารย์ของฉัน
“ไอ้สารเลวคนไหนไม่ดูตาม้าตาเรือ กล้ามาแย่งวิลล่าของอาจารย์ พวกแกยังมัวแต่กินอะไรกันอีก ไปดูด้วยกัน จัดการไอ้พวกสารเลวนั่นซะ” “ศิษย์พี่เกิ่งพูดถูก พวกเราทุกคนต้องไปดูด้วยกัน บ้านของอาจารย์ต้องดีที่สุดเท่านั้น จะผิดพลาดไม่ได้แม้แต่นิดเดียว” ศิษย์พี่เกิ่งและคนอื่น ๆ พากันลุกขึ้นทีละคน เมื่อเห็นเช่นนี้คังหย่งเฉียนก็เรียกให้พนักงานคิดเงินทันที แล้วจึงพาพวกของศิษย์พี่เกิ่งมุ่งตรงไปยังสวนหนานชุ่ย ... รถเมอร์เซเดสเบนซ์ขับเข้าไปในสวนหนานชุ่ย และขับตรงไปตามทางขึ้นยอดเขา ใกล้กับยอดเขาของเขาหนานชุ่ยนั้นมีที่ราบอยู่บริเวณหนึ่ง ที่ราบนี้ถูกนำมาใช้สร้างวิลล่า พร้อมทั้งปลูกต้นไม้พืชพรรณเขียวชอุ่มรอบ ๆ วิลล่าอีกด้วย ด้านหน้าวิลล่ายังมีลำธารที่ไหลมาจากยอดเขา ทำให้ฮวงจุ้ยของวิลล่านี้ยอดเยี่ยมมากไร้ที่ติ หน้าน้ำหลังเขา ตำแหน่งปากมังกรจัดวางฮวงจุ้ยอย่างดี ทำให้วิลล่าบนยอดเขาหลังนี้เลิศล้ำไม่มีใครเทียม รถเมอร์เซเดสเบนซ์จอดสนิทหน้าประตูวิลล่ายอดเขา ผู้จัดการหวังและพนักงานขายสาวสองคนยืนรอที่ประตูวิลล่าอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นรถเบนซ์จอดนิ่ง ผู้จัดการหวังก็รีบวิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปช่วยเปิดประตูรถ
ผู้จัดการหวังหยิบบุหรี่ออกมาคาบที่มุมปาก เตรียมจะสูบบุหรี่เพื่อสงบสติอารมณ์ คำขอของคังเหวินซินทำให้ผู้จัดการหวังตั้งตัวไม่ติด การจะดูบ้านมันไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้าอีกฝ่ายถูกใจขึ้นมาจริง ๆ จะทำอย่างไรล่ะ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เรื่องราคาต้นทุนหรือเปล่า ถ้าคังหย่งเฉียนเข้ามาครอบครองวิลล่าหลังนี้ เขาก็คงไม่ได้เงินเลยสักแดงเดียว พอนึกถึงคังหย่งเฉียนขึ้นมาผู้จัดการหวังรู้สึกปวดจี๊ด ๆ ขึ้นมา เจ้านั่นเป็นปีศาจเจ้าสำราญแห่งตระกูลคัง วัน ๆ เอาแต่เกียจคร้าน กินดื่มเที่ยวเล่น ยิ่งกว่านั้นยังคบค้ากับพวกอันธพาล ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสตระกูลคังก็ยังถูกคังหย่งเฉียนยั่วโมโหจนเส้นเลือดในสมองตีบ แทบทุกคนในตระกูลคังล้วนทำเป็นไม่สนใจคังหย่งเฉียน ตราบใดที่คังหย่งเฉียนไม่ได้ก่อปัญหา ก็ไม่มีใครสนใจว่า คังหย่งเฉียนจะทำอะไร ถ้าหากยกวิลล่าให้เพื่อนของคังเหวินซินจริง ๆ คังหย่งเฉียนคงจะพาคนมาสับเขาเป็นชิ้น ๆ ถึงที่แน่ หลังจากสูบบุหรี่หมดมวน ผู้จัดการหวังก็ขยี้ก้นบุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่ รู้สึกว่ายังไงก็ควรแจ้งให้คังหย่งเฉียนรู้สักหน่อย ส่วนคังหย่งเฉียนจะต่อสู้กับคังเหวินซินอย่างไรนั้นก็เป็นเรื่องระหว่างพวกเขา