ทั้งหวังฟางและกู้เจี้ยนหมินหัวหดและก้มหน้าลง พวกเขาไม่สามารถเอ่ยปากพูดอะไรอะไรได้เลย สองสามีภรรยาคิดว่านี่มันเป็นการเสียหน้าสุด ๆ ทั้งหมดเป็นเพราะหลี่โม่ไร้ประโยชน์ทำอะไรไม่ได้ ดังนั้นทั้งหวังฟางและกู้เจี้ยนหมินก็ไม่สามารถหักล้างคำพูดเหล่านี้ได้ หวังจงฉวนแสดงรอยยิ้มของผู้ชนะ แต่ก็ไม่ได้ต่อปากต่อคำกันต่อ และกลับไปเริ่มดื่มไวน์ต่อเพื่อขับเคลื่อนบรรยากาศของงานเลี้ยง มีหวังจงฉวนเป็นผู้ขับเคลื่อนบรรยากาศของงานเลี้ยงวันเกิด ทำให้ทั้งงานมีชีวิตชีวาขึ้น แขกและญาติพี่น้องมีช่วงเวลาที่ดี และผู้คนต่างพูดเยินยอให้ถูกใจคุณปู่หวัง หลังจากดื่มไวน์และลิ้มรสอาหารไปแล้วเล็กน้อย หวังจงเหิงและหวังจงเฉิงที่ดื่มไปมากเล็กน้อย ทั้งสองมองหน้ากันแล้วหันไปมองที่ที่หลี่โม่และกู้หยุนหลานอยู่ตรงนั้นพร้อมกัน ด้วยฤทธิ์สุราและความนึกคิดอยากหาความสนุก ทั้งสองจึงมีความคิดที่จะเล่นพิเรน หวังจงเหิงหยิบแก้วไวน์กับไวน์ขึ้นมาหนึ่งขวดและไปทางหลี่โม่ หวังจงเฉิงรีบตามมาด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ยบนใบหน้าของ “คนไร้ค่า นายไม่รู้จักมารยาทเลย ในฐานะน้องเขยของเรา นายไม่รู้หรือว่าต้องดื่มไวน์กี่แก้วเราถึงจะได้เป็นพี่น้องกัน? นี
“ฉันขอแนะนำให้แกทำตัวดี ๆ เข้าไว้จะดีกว่านะ นี่ไม่ใช่ที่ที่แกจะมาทำตัวยังไงก็ได้ตามอำเภอใจ ให้พวกเรากรอกไวน์ใส่ปากแกซะดี ๆ ไม่อย่างนั้นชีวิตแกลำบากแน่” จากนั้นหวังจงเฉิงก็ขู่ ความอดทนของหลี่โม่หมดลง ในขณะที่เขากำลังจะจัดการไอ้สองคนปากดีนั้นด้วยกำปั้น พ่อบ้านก็รีบเข้าไปในห้องโถงกลาง "คุณท่าน คุณเหวินมาแล้วครับ! หวู่เต้าเหวินอยู่ที่นี่แล้ว คุณเหวินส่งต้นศุภโชคคู่ทองและเงินมาให้หนึ่งคู่เพื่อแสดงความยินดีกับคุณปู่ในวันเกิด" งานเลี้ยงวันเกิดที่มีชีวิตชีวาและวุ่นวายไปด้วยเสียงแขกเหรื่อในงานก็เงียบลงในทันที! หลังจากเงียบไปสามวินาทีเสียงเอะอะก็ดังขึ้น ราวกับว่าตอนนี้มีคนกดปุ่มหยุดความเงียบไว้ชั่วคราว แขกทุกคนต่างตกใจกับการมาถึงของหวู่เต้าเหวิน และพวกเขาทั้งหมดก็เริ่มพูดคุยกันอย่างตื่นเต้น"หวู่เต้าเหวิน คือบุคคลอันดับหนึ่งในอุตสาหกรรมการจัดเลี้ยงในกรุงโซล คุณเหวินนั้นยอดเยี่ยมมาก" "ฉันได้ยินมาว่า คุณเหวินเป็นหนึ่งในสี่วีรบุรุษแห่งกรุงโซล ไม่เพียงแต่เขามีธุรกิจใหญ่โตเท่านั้น แต่เขามีอำนาจล้นฟ้าเลยแหละ" "มีงานเลี้ยงของบุคคลผู้ทรงอำนาจและผู้มั่งคั่งตั้งกี่งานที่จัดขึ้นในห้องโถงทา
คุณปู่หวังรู้สึกว้าวุ่นเล็กน้อยเพราะเขาเชิญหวู่เต้าเหวินมานั่งที่โต๊ะหลัก แต่หวู่เต้าเหวินไม่ตอบสนองเลย เห็นได้ชัดเลยว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาฉลองวันเกิด นอกจากนี้ท่าทางที่หวู่เต้าเหวินมองไปรอบ ๆ ราวกับว่าเขากำลังมองหาใครสักคน คุณปู่หวังคาดเดาในใจไปต่าง ๆ นานา ตามหาคู่อริอยู่หรือเปล่า? หรือกำลังมองหาเพื่อน? หรือว่าจะมาหา... ขณะที่คุณปู่หวังกำลังทำอะไรไม่ถูก หวู่เต้าเหวินก็เห็นหลี่โม่นั่งอยู่ที่มุม เมื่อเห็นร่างของหลี่โม่ รอยยิ้มอันอ่อนน้อมก็ฉายขึ้นบนใบหน้าของหวู่เต้าเหวิน เขาผลักหวังจินซานออกไปข้าง ๆ แล้วเดินไปหาหลี่โม่ “คุณเหวิน คุณกำลัง...” คุณปู่หวังเห็นว่าหวู่เต้าเหวินเดินจากไปแล้วหลังจากเพิ่งพูดได้ครึ่งประโยค ดังนั้นเขาจึงได้แต่พาลูก ๆ หลาน ๆ เดินไปเร็ว ๆ เพื่อให้ทันหวู่เต้าเหวิน ตระกูลหวังไม่สามารถที่จะล่วงเกินคนใหญ่คนโตคนนี้ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงระมัดระวังการกระทำเป็นอย่างมาก แต่เมื่อเห็นว่าหวู่เต้าเหวินกำลังเดินไปหาหลี่โม่ คุณปู่หวังและคนอื่น ๆ ต่างก็เบิกตากว้างอย่างคิดไม่ออกว่าหวู่เต้าเหวินกำลังจะทำอะไร หวู่เต้าเหวินเดินตรงเข้าไปหาหลี่โม่แล้วยืนนิ่ง จากนั้นโ
ในขณะที่ทุกคนเงียบและงุนงง พ่อบ้านก็รีบวิ่งพุ่งเข้ามาอีกรอบทันที“คุณท่านครับ คุณหลง! เฉียวเจิ้งหลงส่งพืชอายุวัฒนะร้อยปีเพื่อฉลองวันเกิดของคุณท่านครับ”ว้าว!ทุกคนใรงานต่างอ้าปากค้าง!สีหน้าทุกคนต่างตกตะลึง!คุณปู่หวังหันกลับมาช้าๆพร้อมสีหน้าแปลก ๆหวู่เต้าเหวินมาโดยไม่ได้รับเชิญก็ทำให้คุณปู่หวังประหลาดใจมากแล้ว หนำซ้ำตอนนี้เฉียวเจิ้งหลงก็มาโดยไม่ได้รับเชิญอีก นี่มันเกิดอะไรขึ้นหวังจินซานพูดด้วยเสียงทุ้มว่า “เรายังไม่ได้เชิญเขา มีใครเชิญมาไหมครับ?”หวังจินไห่และคนอื่น ๆ ต่างส่ายหัวทีละคน คุณปู่หวังขมวดคิ้วและพูดว่า “ในเมื่อแขกผู้มีเกียรติมาถึงประตู เราก็ต้องต้อนรับพวกเขา ไปทักทายพวกเขากับปู่หน่อยซิ”ขณะที่คุณปู่หวังเดินไปที่ทางเข้าห้องโถง เฉียวเจิ้งหลงก็เดินเข้ามาพอดีเฉียวเจิ้งหลงโบกมือให้คุณปู่หวังอย่างสบาย ๆ “คุณปู่หวังมีความสุขและมีอายุที่ยืนยาว ขอแสดงความยินดีด้วย”“ขอบคุณคุณหลงที่นี่นะครับ เชิญคุณหลงมานั่งที่โต๊ะหลักเถอะครับ”คุณปู่หวังกล่าวด้วยรอยยิ้มทั่วใบหน้าของเขาทว่าเฉียวเจิ้งหลงไม่ได้สนใจคำพูดของคุณปู่หวังเลย แต่กลับมองไปรอบ ๆ ราวกับกำลังมองหาบางสิ่งเมื่อมอ
คุณหลงจะคีบอาหารให้หลี่โม่?สมาชิกในตระกูลหวังต่างพากันปวดหัวและรู้สึกแย่ไปหมดเมื่อได้ยินคำพูดของเฉียวเจิ้งหลงนี่มันบ้ายิ่งกว่าให้หนูไปเป็นเพื่อนเจ้าสาวของแมวเสียอีก!หลี่โม่มีสิทธิ์อะไร?เขาเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ มีสิทธิ์อะไรที่จะให้คุณหลงคีบอาหารให้เขา!คนไร้ประโยชน์อย่างเขาจะได้รับเกียรติเช่นนี้ได้อย่างไร!แม้แต่คนทั้งกรุงโซลก็ไม่มีใครกล้าให้คุณปู่คีบอาหารให้!สมาชิกตระกูลหวังต่างว้าวุ่นและพวกเขาทั้งหมดต่างมองไปที่หลี่โม่ด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อแขกเหรื่อยิ่งตกใจมากอย่างอธิบายไม่ถูกพร้อมทั้งมองหลี่โม่ด้วยสายตาประหลาดใจ ทุกคนไม่สามารถเข้าใจได้ว่าเขาคิดที่จะทำอะไรกันแน่“นี่มันมากเกินไปหรือเปล่า ว่ากันว่าหลี่โม่เป็นแมงดาเกาะผู้หญิงกินที่ไร้ประโยชน์ไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมคุณหลงและคุณเหวินถึงเคารพเขาขนาดนี้ล่ะ?”“มันคงเป็นเรื่องบังเอิญถ้าจะบอกว่ามีคนหนึ่งที่เคารพเขา แต่ทั้งคุณหลงและคุณเหวินต่างให้ความเคารพขนาดนี้ แสดงว่ามันต้องมีสาเหตุที่แท้จริง”“ทั้งคุณหลงและคุณเหวินต่างเรียกเขาว่าคุณชายหลี่ พวกคุณลองคิดดูสิว่าคนที่ให้ของขวัญวันเกิดสุดพิเศษเมื่อกี้นี้ก็คือคุณชายหลี่เช่นกัน เป็
หวังฟางและกู้เจี้ยนหมินอยู่ข้างหลังสุด พวกเขาต่างหันไปมองหลี่โม่ซ้ำแล้วซ้ำแล้วอย่างกับเห็นผีหวังฟางรู้ดีว่าลูกเขยของตัวเองไร้ประโยชน์แค่ไหน แต่ทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าดูน่าอัศจรรย์มาก นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!หลี่โม่ทำให้เฉียวเจิ้งหลงและหวู่เต้าเหวินเคารพขนาดนั้นได้อย่างไร!กู้หยุนหลานมองไปที่หลี่โม่ซึ่งกำลังจดจ่อกับการทานอาหารโดยไม่สนใจอะไร มีแสงแปลก ๆ ส่องประกายในดวงตาเธอความสงสัยก่อนหน้านี้หลายส่วนรวมกันอยู่ในใจของกู้หยุนหลาน และหลังจากรวบรวมแล้วเธอก็เกิดความสงสัยมากขึ้นหลี่โม่เป็นใครกันแน่?ก่อนที่กู้หยุนหลานจะคิดออก ชูจงเทียนก็ได้เข้ามาในห้องโถงกลางแล้ว“คุณปู่หวัง ดูเหมือนคุณยังแข็งแรงดีอยู่เลยนะครับ ผมขออวยพรให้คุณมีอายุยืนยาวและสมดั่งปรารถนา”ชูจงเทียนโค้งไหว้พร้อมกล่าวคำอวยพรวันเกิดแล้วเริ่มมองไปรอบ ๆลูกน้องสองคนตาเฉียบคมที่ติดตามชูจงเทียนเห็นร่างของหลี่โม่ทันทีและกระซิบว่า “เทียนเย่ คุณชายหลี่อยู่ตรงนั้นครับ”เมื่อชูจงเทียนเห็นร่างของหลี่โม่ รอยยิ้มที่แสดงความเคารพหลี่โม่ก็ปรากฏบนใบหน้า“คุณเทียนเย่ เชิญมานั่งที่โต๊ะหลักเลยครับ”คุณปู่หวังพูดซ้ำหลายครั้งด้วยความ
แขกเงียบไปครู่หนึ่งและทุกคนมองไปที่หวังจงเหิงด้วยสายตาที่โง่เขลาเรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว หวังจงเหิงผู้นี้ยังกล้าไปหาเรื่องกับหลี่โม่ นี่มันรนหาที่ตายชัด ๆ !ในใจของหวังจงเหิงมีแต่ความเกลียดชังและความเกลียดชังที่ไม่มีที่สิ้นสุดต่อหลี่โม่หากไม่สามารถทำลายภาพลักษณ์ของหลี่โม่ได้ หวังจงเหิงเข้าใจดีว่าสถานะของตัวเองจะลดลงอย่างมากนี่เป็นเรื่องหลอกลวงทั้งสิ้น!หลี่โม่เป็นคนขอให้ชูจงเทียนและคนอื่นๆ มาแสดง!ปีศาจตัวน้อยในใจของหวังจงเหิงกำลังคำรามในขณะนี้ หวังจงเหิงคิดว่าตัวเองเป็นนักสู้ที่กล้าหาญและกำลังจะเปิดเผยตัวตนที่น่าเกลียดของปีศาจและกลายเป็นฮีโร่ที่ทุกคนชื่นชมทว่าในวินาทีถัดมา ลูกน้องของชูจงเทียนก็ตบหน้าหวังจงเหิงอย่างดุเดือด“เพียะ!”ตบจนหูแทบดับ หลังจากที่ตบหน้ามือแล้วตามด้วยหลังมือ แก้มทั้งสองข้างของหวังจงเหิงพองขึ้นทันที“แล้วแกมันตัวอะไร ถึงกล้าตะโกนใส่หน้าคุณชายหลี่แบบนี้!”ลูกน้องด่าเสียงดังเจ็บแสบแก้วหูในใจของหวังจงเหิงมีเสียงน้ำแข็งแตกเป็นเสี่ยง ๆ และความฝันที่จะเป็นฮีโร่ในก่อนหน้านี้ก็หายวับไปในทันทีการตบหูดับทำให้จินตนาการของหวังจงเหิงแตกสลายและทำให้หวังจงเหิง
คุณปู่หวังเดินไปหาหลี่โม่อย่างตัวสั่น หวังจินชานและคนอื่น ๆ ก็เดินตามไป“ในเมื่อเทียนเย่ คุณหลงและคุณเหวินต่างก็นั่งอยู่ที่โต๊ะนี้ คนแก่อย่างผมคงจะต้องนั่งเป็นคนสุดท้าย”คุณปู่หวังรู้ดีแก่ใจ ในเมื่อชูจงเทียนและคนอื่น ๆ มาที่นี่เพื่อหลี่โม่และคิดว่าที่ที่หลี่โม่นั่งอยู่คือโต๊ะหลัก ถ้าอย่างนั้นคุณปู่หวังจึงไม่กล้าขอนั่งที่โต๊ะหลักตามสัญชาตญาณและยอมเป็นผู้น้อยที่นั่งสุดท้ายถ้าหากเปลี่ยนเป็นได้พบกับชูจงเทียนและอีกสองคนในโอกาสอื่น คุณปู่หวังจะไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะนั่งในที่นั่งสุดท้ายด้วยซ้ำคุณปู่หวังดึงเก้าอี้ออกมาและนั่งลงแต่โดยดี เขามองไปที่ชูจงเทียนและอีกทั้งสองด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า เขาต้องแสดงสีหน้าที่ดีต่อหน้าหลี่โม่ แต่คุณปู่หวังยังคงไม่สามารถระงับใบหน้านั้นไว้ได้ชั่วขณะหนึ่งชูจงเทียนทั้งสามคนไม่ได้สนใจคุณปู่หวังเลยเพราะความสนใจพุ่งไปที่หลี่โม่หมดแล้วหลี่โม่รู้สึกทำตัวไม่ถูกมากที่ถูกชูจงเทียนทั้งสามคนเฝ้ามอง บวกกับความจริงที่ว่าทุกคนในตระกูลหวังต่างจ้องมองเขาโดยยืนอยู่ข้างหลังคุณปู่หวัง ซึ่งให้หลี่โม่ไม่มีอารมณ์ที่จะทานอีกแล้ว“ผมรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย หยุนหลานและผมขอตัวกลับก่
คังหย่งอันกดหมายเลขของคังหย่งเฉียน แล้วพูดเสียงเข้ม "หย่งเฉียน ฉันได้ยินมาว่า แกกับเหวินซินมีปัญหากันเรื่องวิลล่าบนยอดเขาเหรอ?" “พี่ใหญ่ มีปัญหากันน่ะสิ ศิษย์พี่เกิ่งยังถูกทำร้ายจนเข่าหักแล้ว! ศิษย์พี่เกิ่งติดต่อกับอาจารย์โอวหยางไปแล้ว เรื่องนี้อภัยให้ไม่ได้แน่นอน!” คังหย่งเฉียนโกรธแค้นคังเหวินซิน ถ้าไม่ใช่เพราะคังเหวินซินพาหลี่โม่ไปที่นั่น เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น แต่ในเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว คังหย่งเฉียนเองก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ทำได้เพียงเอาความโมโหไปลงที่คังเหวินซินเท่านั้น “หย่งเฉียน ไม่ว่ายังไงก็ตาม แกต้องรับรองความปลอดภัยของเหวินซิน ฉันไม่สนว่า อาจารย์โอวหยางพวกเขาจะทำอะไรกับเพื่อนของเหวินซิน แต่พวกเขาจะทำร้ายเหวินซินไม่ได้เด็ดขาด!” “พี่ใหญ่ ฉันไม่กล้ารับประกันหรอก รับประกันได้แค่ลูกชายของพี่จะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงตายเท่านั้น ถ้าอาจารย์โอวหยางต้องการลงโทษลูกชายของพี่จริง ๆ ฉันจะไปขวางได้ยังไง ฉันขวางไม่ได้หรอก ไม่กล้าขวางด้วย!" คังหย่งอันขมวดคิ้วแน่น หากคังหย่งเฉียนอยู่ต่อหน้าคังหย่งอันในตอนนี้ คังหย่งอันจะต้องตบเขาให้ตายคามือแน่นอน “หย่งเฉียน! แกเป็นอาข
“ไอ้บัดซบเอ๊ย! ใครกล้ามาต่อกรกับฉันโอวหยางจื้อ มันผู้นั้นจะต้องตาย!” โอวหยางจื้อพึมพำอย่างด้วยความอาฆาตแค้น แล้วสั่งให้ลูกศิษย์ไปจองตั๋วเครื่องบิน ...... คังเหวินซินมาส่งหลี่โม่และคนอื่น ๆ ที่บ้าน หลังจากมองดูทั้งสามเดินเข้าไปข้างในแล้ว จึงสตาร์ทรถและขับออกไปอย่างช้า ๆ “อาเล็กถูกจัดการจนหมดท่าแล้ว ต้องบอกพ่อสักคำไหมนะ อาเล็กจะได้ไปตีไข่ใส่สีอีก” หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง คังเหวินซินก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดหมายเลขพ่อของเขาคังหย่งอัน “ฮัลโหล พ่อครับ ผมเพิ่งจะขายวิลล่าบนยอดเขาที่สวนหนานชุ่ยให้เพื่อผมไป ขายราคาต้นทุนน่ะครับ” คังหย่งอันขมวดคิ้ว "นั่นเป็นวิลล่าที่อาเล็กของแกจะเอาไม่ใช่เหรอ แกเอาไปให้เพื่อนได้ยังไง? ผู้จัดการฝ่ายขายว่ายังไงบ้าง?" คังเหวินซินอึ้งครู่หนึ่ง รู้สึกถึงความผิดปกติในคำพูดของคังหย่งอัน "พ่อ พ่อรู้ได้ยังไงว่าอาเล็กอยากได้วิลล่านั่น?” “อาเล็กของแกเคยบอกพ่อว่า วิลล่าหลังนั้นเป็นของขวัญที่เขาจะเก็บไว้ให้กับปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ในต่างประเทศโอวหยางจื้อ แกคงเคยได้ยินเกี่ยวกับโอวหยางจื้อมาบ้างใช่ไหม? เขาเคยรับหน้าที่เป็นผู้กำกับฉากแอ็คชั่นให้กับภาพย
ในแผนกดูแลพิเศษของโรงพยาบาล คังหย่งเฉียนและคนอื่น ๆ นั่งล้อมรอบเตียง มองดูพี่เกิ่งค่อย ๆ ฟื้นคืนสติ เข่าที่หักของพี่เกิ่งได้รับการผ่าตัดแล้ว แต่หลังการผ่าตัด พี่เกิ่งจะได้แต่นั่งอยู่บนรถเข็นเท่านั้น “ซี๊ด ขากับเข่าฉันเป็นยังไงบ้าง?” พี่เกิ่งถามอย่างร้อนใจ “ศิษย์พี่ไม่ต้องกังวล ผ่าตัดเสร็จแล้ว เพียงแต่ระดับการรักษาของที่นี่ยังต่ำไปหน่อย หลังจากฟื้นตัวแล้วพี่ต้องนั่งรถเข็น” คังหย่งเฉียนพูดเสียงเบาหวิว “ไอ้บัดซบ! ฉันไม่อยากนั่งรถเข็น! ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้!” พี่เกิ่งคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว รู้สึกเลวร้ายไปทั้งร่างกาย ชีวิตบนรถเข็น ไม่ใช่ชีวิตที่พี่เกิ่งต้องการเลย ถ้าต้องนั่งรถเข็นแล้ว ต่อไปจะฝึกศิลปะการต่อสู้ หรือออกไปรังแกคนอื่นอย่างไร แล้วจะไปจีบสาว ๆ ได้อย่างไร! “ฉันจะย้ายโรงพยาบาล ฉันจะไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุด!” “พี่เกิ่งอย่าเพิ่งตื่นตูม หมอบอกว่า รอพี่ฟื้นตัวดีแล้ว ก็สามารถทำการผ่าตัดครั้งที่สองในโรงพยาบาลที่ดีกว่านี้เพื่อเปลี่ยนข้อต่อเทียมได้” คังหย่งเฉียนปลอบใจพี่เกิ่งไปพลางก็ขยิบตาให้กับพวกพี่น้องคนอื่น ๆ ส่งสัญญาณให้พวกเขารีบมาช่วยกันโน้มน้าว ศิษย์พี่ห
พี่เกิ่งร้องโหยหวนออกมา รู้สึกว่าขาซ้ายพลิกกลับไปด้านหลัง พลันสูญเสียการทรงตัวและล้มหงายไปข้างหลังทันที พลั่ก พี่เกิ่งล้มหงายลงกับพื้น ปากก็ร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา คังหย่งเฉียนถูกกระตุ้นด้วยเสียงร้องของพี่เกิ่งจนตัวสั่นไปทั้งตัว เสียงวิ้ง ๆ ที่ดังอยู่ในหัวยิ่งชัดเจนขึ้นมาทันใด คังหย่งเฉียนกุมใบหน้าที่บวมแดงไปครึ่งหนึ่งมองไปทางศิษย์พี่เกิ่ง ดวงตาของคังหย่งเฉียนก็แทบจะหลุดออกจากเบ้า ศิษย์พี่เกิ่งที่คังหย่งเฉียนเคยคิดว่า แข็งแกร่งไร้เทียมทานนั้น ตอนนี้กำลังร้องคร่ำครวญราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังจะตาย เมื่อมองขาขวาของพี่เกิ่งหักงอในองศาที่ผิดธรรมชาติ คังหย่งเฉียนก็รู้สึกว่า เลือดทั่วร่างกายเย็นเฉียบขึ้นมา นี่เป็นเรื่องที่มนุษย์สามารถทำได้อย่างนั้นเหรอ? นี่เป็นผลลัพธ์ที่สามารถใช้กำปั้นทำได้เหรอ? นี่มันซูเปอร์ไซย่าในตำนานหรืออย่างไรกัน?! พวกศิษย์น้องของพี่เกิ่งหลายคนต่างหวาดกลัวกับความเผด็จการของหลี่โม่ ทั้งกลุ่มพลันหมดความโอหังไปโดยสิ้นเชิง พวกเขาลากพี่เกิ่งขึ้นมาจากพื้นแล้ววิ่งตะบึงออกไปข้างนอกอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่คำพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี้คือศิษย์
คังเหวินซินรออยู่สามวินาที แต่ละวินาทีราวกับยาวนานเป็นปี รออยู่นานฝ่ามือของพี่เกิ่งก็ยังไม่ตบลงมาสักที คังเหวินซินจึงลืมตาขึ้น เมื่อเอียงหน้ามองเห็นฝ่ามือของพี่เกิ่งอยู่ห่างจากหน้าตนแค่เฉียดฉิว หัวใจของคังเหวินซินแทบจะกระโดดออกมาจากปาก หลังจากที่เห็นข้อมือของพี่เกิ่งถูกหลี่โม่คว้าไว้ คังเหวินซินถึงได้รู้สึกว่า หัวใจของตัวเองกลับเข้าที่ได้แล้ว คังเหวินซินที่สงบลงแล้ว รีบถอยไปหลบด้านหลังหลี่โม่ แล้วร้องตะโกนด้วยน้ำตาแห่งความซาบซึ้ง "อาจารย์!" “นายอย่าร้องไห้น่าสมเพชนักสิ มันทำฉันขายหน้านะ” หลี่โม่พูดด้วยรอยยิ้ม คังเหวินซินตะลีตะลานเช็ดเบ้าตา ไม่ยอมให้ตัวเองร้องไห้ออกมา พี่เกิ่งจ้องมองหลี่โม่อย่างโมโห แอบพยายามดึงข้อมือของตัวเองกลับมาอย่างลับ ๆ แต่ไม่ว่าพี่เกิ่งจะพยายามออกแรงแค่ไหน มือของหลี่โม่ก็ราวกับคีมปากเสือหนีบข้อมือของพี่เกิ่งเอาไว้แน่น จนข้อมือของพี่เกิ่งไม่มีทางสลัดหลุดได้เลย “ปล่อยมือฉัน!” พี่เกิ่งตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยว “แกบอกให้ปล่อยก็ต้องปล่อยเหรอ? แกน่าจะอธิบายเรื่องที่จะลงไม้ลงมือกับลูกศิษย์ฉันเมื่อกี้นี้มาสักหน่อยไหม?” หลี่โม่พูดอย่างเย็นชา คังเหวินซินส
กู้หยุนหลานมองไปยังหลี่โม่อย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นหลี่โม่ขยิบตาให้ เธอจึงไม่พูดอะไรและเก็บความสงสัยไว้ในใจ ผู้จัดการหวังโบกมือให้พนักงานขายสาว พนักงานสาวที่ถือสัญญาอยู่แล้วเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว “ผู้จัดการหวัง นี่เป็นสัญญาของวิลล่ายอดเขาค่ะ แต่ราคานี้มัน…” สีหน้าของพนักงานสาวดูบูดเบี้ยวเล็กน้อย ถ้าขายวิลล่านี้ออกไปในราคาต้นทุน เธอคงไม่ได้รับค่าคอมมิชชั่นเลยสักแดง! ที่ผ่านมาเศรษฐีในเมืองฮั่นจำนวนมากต่างก็ถูกใจวิลล่าแห่งนี้ แต่เพราะมีการปิดกั้นการซื้อขาย เลยไม่ได้ขายอย่างเป็นทางการ เดิมทีพวกพนักงานสาวนั้นเตรียมพร้อมที่จะทำกำไรมหาศาลด้วยการขายวิลล่าหลังนี้หลังจากที่เปิดการขายแล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ความฝันของพวกเธอกำลังจะมลายหายไปซะแล้ว “พวกเธอมีสิทธิ์พูดงั้นเหรอ? นี่คือการตัดสินใจของคุณชายใหญ่!” ผู้จัดการหวังตำหนิพนักงานขายสาว พนักงานสาวหดคอและปิดปากเงียบไม่กล้าพูดอีก ผู้จัดการหวังเปิดสัญญาตรวจดู หลังจากยืนยันความถูกต้องแล้ว เขาก็ถือสัญญาเดินไปหาหลี่โม่ “อ่านสัญญาดูก่อนนะครับ หากไม่มีปัญหาอะไร เราจะไปเซ็นสัญญาที่สำนักงานของผมกัน ผมไม่สามารถนำตราประทับอะไรพวกนั้นพกติดต
“คุณชาย อย่ามาขู่ผมเลยครับ ผมไม่กลัวหรอกนะ สิ่งที่ผมพูดไปเมื่อครู่ล้วนมีเหตุมีผล หากไม่เชื่อก็ถามซินแสที่มาดูฮวงจุ้ยให้ได้เลยครับ คำพูดพวกนี้เขาเป็นคนพูดเองกับปากทั้งนั้น” ผู้จัดการหวังแข็งขืน ไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย หลี่โม่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม "เหวินซิน อย่าหุนหันพลันแล่น ผู้จัดการหวังพูดถูกแล้ว คนที่โชคชะตาบารมีไม่ถึง ไม่มีทางข่มพลังฮวงจุ้ยอันยอดเยี่ยมได้แน่นอน” คังเหวินซินพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม "อาจารย์พูดถูกแล้วครับ แต่ด้วยบารมีของอาจารย์ จะต้องสามารถข่มมันได้อย่างแน่นอน พวกเรามาดูกันดีกว่า ที่นี่ล้วนได้รับการตกแต่งอย่างดี คุณหิ้วกระเป๋าเข้ามาอยู่ได้เลย เหลือแค่ดูว่าวิลล่าหลังนี้ถูกใจคุณหรือเปล่าก็พอครับ” เมื่อเห็นคังเหวินซินพยายามเอาอกเอาใจหลี่โม่ ผู้จัดการหวังก็เกิดความสงสัยเล็กน้อย หรือว่าตนจะมองผิดไป? ผู้ชายที่สวมเสื้อผ้าแผงลอยทั้งตัวคนนี้ เป็นคุณชายเศรษฐีที่มาลองสัมผัสประสบการณ์ชีวิตงั้นเหรอ? ไม่อย่างนั้นทำไมคุณชายของตนถึงได้ไปประจบเอาใจเขาขนาดนี้กัน? “คุณชาย ท่านนี้คืออาจารย์ของคุณเหรอครับ?” ผู้จัดการหวังถามอย่างสงสัย “นี่คืออาจารย์ของฉันหลี่โม่ นายสุภาพกับอาจารย์ของฉัน
“ไอ้สารเลวคนไหนไม่ดูตาม้าตาเรือ กล้ามาแย่งวิลล่าของอาจารย์ พวกแกยังมัวแต่กินอะไรกันอีก ไปดูด้วยกัน จัดการไอ้พวกสารเลวนั่นซะ” “ศิษย์พี่เกิ่งพูดถูก พวกเราทุกคนต้องไปดูด้วยกัน บ้านของอาจารย์ต้องดีที่สุดเท่านั้น จะผิดพลาดไม่ได้แม้แต่นิดเดียว” ศิษย์พี่เกิ่งและคนอื่น ๆ พากันลุกขึ้นทีละคน เมื่อเห็นเช่นนี้คังหย่งเฉียนก็เรียกให้พนักงานคิดเงินทันที แล้วจึงพาพวกของศิษย์พี่เกิ่งมุ่งตรงไปยังสวนหนานชุ่ย ... รถเมอร์เซเดสเบนซ์ขับเข้าไปในสวนหนานชุ่ย และขับตรงไปตามทางขึ้นยอดเขา ใกล้กับยอดเขาของเขาหนานชุ่ยนั้นมีที่ราบอยู่บริเวณหนึ่ง ที่ราบนี้ถูกนำมาใช้สร้างวิลล่า พร้อมทั้งปลูกต้นไม้พืชพรรณเขียวชอุ่มรอบ ๆ วิลล่าอีกด้วย ด้านหน้าวิลล่ายังมีลำธารที่ไหลมาจากยอดเขา ทำให้ฮวงจุ้ยของวิลล่านี้ยอดเยี่ยมมากไร้ที่ติ หน้าน้ำหลังเขา ตำแหน่งปากมังกรจัดวางฮวงจุ้ยอย่างดี ทำให้วิลล่าบนยอดเขาหลังนี้เลิศล้ำไม่มีใครเทียม รถเมอร์เซเดสเบนซ์จอดสนิทหน้าประตูวิลล่ายอดเขา ผู้จัดการหวังและพนักงานขายสาวสองคนยืนรอที่ประตูวิลล่าอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นรถเบนซ์จอดนิ่ง ผู้จัดการหวังก็รีบวิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปช่วยเปิดประตูรถ
ผู้จัดการหวังหยิบบุหรี่ออกมาคาบที่มุมปาก เตรียมจะสูบบุหรี่เพื่อสงบสติอารมณ์ คำขอของคังเหวินซินทำให้ผู้จัดการหวังตั้งตัวไม่ติด การจะดูบ้านมันไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้าอีกฝ่ายถูกใจขึ้นมาจริง ๆ จะทำอย่างไรล่ะ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เรื่องราคาต้นทุนหรือเปล่า ถ้าคังหย่งเฉียนเข้ามาครอบครองวิลล่าหลังนี้ เขาก็คงไม่ได้เงินเลยสักแดงเดียว พอนึกถึงคังหย่งเฉียนขึ้นมาผู้จัดการหวังรู้สึกปวดจี๊ด ๆ ขึ้นมา เจ้านั่นเป็นปีศาจเจ้าสำราญแห่งตระกูลคัง วัน ๆ เอาแต่เกียจคร้าน กินดื่มเที่ยวเล่น ยิ่งกว่านั้นยังคบค้ากับพวกอันธพาล ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสตระกูลคังก็ยังถูกคังหย่งเฉียนยั่วโมโหจนเส้นเลือดในสมองตีบ แทบทุกคนในตระกูลคังล้วนทำเป็นไม่สนใจคังหย่งเฉียน ตราบใดที่คังหย่งเฉียนไม่ได้ก่อปัญหา ก็ไม่มีใครสนใจว่า คังหย่งเฉียนจะทำอะไร ถ้าหากยกวิลล่าให้เพื่อนของคังเหวินซินจริง ๆ คังหย่งเฉียนคงจะพาคนมาสับเขาเป็นชิ้น ๆ ถึงที่แน่ หลังจากสูบบุหรี่หมดมวน ผู้จัดการหวังก็ขยี้ก้นบุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่ รู้สึกว่ายังไงก็ควรแจ้งให้คังหย่งเฉียนรู้สักหน่อย ส่วนคังหย่งเฉียนจะต่อสู้กับคังเหวินซินอย่างไรนั้นก็เป็นเรื่องระหว่างพวกเขา