แขกเงียบไปครู่หนึ่งและทุกคนมองไปที่หวังจงเหิงด้วยสายตาที่โง่เขลาเรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว หวังจงเหิงผู้นี้ยังกล้าไปหาเรื่องกับหลี่โม่ นี่มันรนหาที่ตายชัด ๆ !ในใจของหวังจงเหิงมีแต่ความเกลียดชังและความเกลียดชังที่ไม่มีที่สิ้นสุดต่อหลี่โม่หากไม่สามารถทำลายภาพลักษณ์ของหลี่โม่ได้ หวังจงเหิงเข้าใจดีว่าสถานะของตัวเองจะลดลงอย่างมากนี่เป็นเรื่องหลอกลวงทั้งสิ้น!หลี่โม่เป็นคนขอให้ชูจงเทียนและคนอื่นๆ มาแสดง!ปีศาจตัวน้อยในใจของหวังจงเหิงกำลังคำรามในขณะนี้ หวังจงเหิงคิดว่าตัวเองเป็นนักสู้ที่กล้าหาญและกำลังจะเปิดเผยตัวตนที่น่าเกลียดของปีศาจและกลายเป็นฮีโร่ที่ทุกคนชื่นชมทว่าในวินาทีถัดมา ลูกน้องของชูจงเทียนก็ตบหน้าหวังจงเหิงอย่างดุเดือด“เพียะ!”ตบจนหูแทบดับ หลังจากที่ตบหน้ามือแล้วตามด้วยหลังมือ แก้มทั้งสองข้างของหวังจงเหิงพองขึ้นทันที“แล้วแกมันตัวอะไร ถึงกล้าตะโกนใส่หน้าคุณชายหลี่แบบนี้!”ลูกน้องด่าเสียงดังเจ็บแสบแก้วหูในใจของหวังจงเหิงมีเสียงน้ำแข็งแตกเป็นเสี่ยง ๆ และความฝันที่จะเป็นฮีโร่ในก่อนหน้านี้ก็หายวับไปในทันทีการตบหูดับทำให้จินตนาการของหวังจงเหิงแตกสลายและทำให้หวังจงเหิง
คุณปู่หวังเดินไปหาหลี่โม่อย่างตัวสั่น หวังจินชานและคนอื่น ๆ ก็เดินตามไป“ในเมื่อเทียนเย่ คุณหลงและคุณเหวินต่างก็นั่งอยู่ที่โต๊ะนี้ คนแก่อย่างผมคงจะต้องนั่งเป็นคนสุดท้าย”คุณปู่หวังรู้ดีแก่ใจ ในเมื่อชูจงเทียนและคนอื่น ๆ มาที่นี่เพื่อหลี่โม่และคิดว่าที่ที่หลี่โม่นั่งอยู่คือโต๊ะหลัก ถ้าอย่างนั้นคุณปู่หวังจึงไม่กล้าขอนั่งที่โต๊ะหลักตามสัญชาตญาณและยอมเป็นผู้น้อยที่นั่งสุดท้ายถ้าหากเปลี่ยนเป็นได้พบกับชูจงเทียนและอีกสองคนในโอกาสอื่น คุณปู่หวังจะไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะนั่งในที่นั่งสุดท้ายด้วยซ้ำคุณปู่หวังดึงเก้าอี้ออกมาและนั่งลงแต่โดยดี เขามองไปที่ชูจงเทียนและอีกทั้งสองด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า เขาต้องแสดงสีหน้าที่ดีต่อหน้าหลี่โม่ แต่คุณปู่หวังยังคงไม่สามารถระงับใบหน้านั้นไว้ได้ชั่วขณะหนึ่งชูจงเทียนทั้งสามคนไม่ได้สนใจคุณปู่หวังเลยเพราะความสนใจพุ่งไปที่หลี่โม่หมดแล้วหลี่โม่รู้สึกทำตัวไม่ถูกมากที่ถูกชูจงเทียนทั้งสามคนเฝ้ามอง บวกกับความจริงที่ว่าทุกคนในตระกูลหวังต่างจ้องมองเขาโดยยืนอยู่ข้างหลังคุณปู่หวัง ซึ่งให้หลี่โม่ไม่มีอารมณ์ที่จะทานอีกแล้ว“ผมรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย หยุนหลานและผมขอตัวกลับก่
เมื่อเห็นท่าทางที่จริงจังของกู้หยุนหลาน หลี่โม่ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งและกำลังจะเล่าเรื่องทั้งหมดทันใดนั้น!จู่ ๆ ก็มีรถโรลส์-รอยซ์ แฟนธอมจอดข้าง ๆ ทั้งสองคน เฉียนฝูเปิดประตูและลงมาจากรถเฉียนฝูมองไปที่หลี่โม่พร้อมรอยยิ้มแล้วเดินไปข้าง ๆ ทั้งสองคน “คุณชายหลี่ครับ ขอบคุณคุณชายหลี่ที่ช่วยเหลือในครั้งก่อนที่ทำให้ผมทำงานได้เสร็จไวมาก ผมได้ยินมาว่าคุณชายหลีมาร่วมงานวันเกิดของคุณปู่หวัง ผมเลยตัดสินใจเตรียมของเล็ก ๆ น้อย ๆ มาให้”กู้หยุนหลานมองไปที่เฉียนฝูอย่างสงสัย จากนั้นมองไปที่หลี่โม่และถามอย่างสงสัย “คุณเตรียมอะไรไว้เหรอคะ?”“ผมช่วยคุณชายหลี่จัดเตรียมของขวัญวันเกิดให้คุณปู่หวัง แต่ผมก็ไม่รู้ความตั้งใจของคุณชายหลี่ ผมก็เลยไม่ได้ลงนามคุณชายหลี่ไป และลงนามไปแค่ว่าเป็นคุณชายหลี่”“ที่สำคัญชูจงเทียน เฉียวเจิ้งหลงและหวู่เต้าเหวินต่างก็เป็นเพื่อนของผม ผมเลยเชิญให้พวกเขามาช่วยสนับสนุนและทำให้บรรยากาศดีขึ้น ไม่ทราบว่าคุณชายหลี่พอใจกับการจัดเตรียมของผมไหมครับ?”คำพูดของเฉียนฝูเป็นตุเป็นตะ กู้หยุนหลานเกือบจะเชื่อในสิ่งที่เฉียนฝูพูดแล้วแต่เมื่อนึกถึงของขวัญวันเกิดสุดพิเศษที่ลงนามโดยคุณชายหลี่
“แล้วผมจะกลับไปจัดการให้เรียบร้อย”เมื่อเฉียนฝูเตรียมตัวจะจากไป สายตาก็มองไปที่หลี่โม่ ทันใดนั้นก็รู้ว่าหลี่โม่และกู้หยุนหลายไม่เคยขับรถ ดังนั้นเขาจึงหัวเราะเสียงดัง "คุณชายหลี่ คุณหนูหยุนหลาน ผมจะกลับแล้ว ให้ผมไปส่งพวกคุณระหว่างทางไหมครับ?"หลี่โม่เหลือบมองไปที่กู้หยุนหลาน กู้หยุนหลานรู้สึกสงสัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างหลี่โม่และเฉียนฝู จึงอยากที่จะสังเกตการณ์อยู่ใกล้ ๆ ดังนั้นเธอจึงพยักหน้าและตกลงตามข้อเสนอของเฉียนฝูเฉียนฝูและหลี่โม่เดินไปที่รถโรลส์-รอยซ์แฟนทอมพร้อมกัน หลี่โม่รีบเดินไปเปิดประตูรถก่อน เพราะกลัวว่าเฉียนฝูจะมาช่วยเปิดประตูรถให้ สิ่งนี้ยิ่งทำให้กู้หยุนหลานสงสัยเมื่อหลี่โม่ กู้หยุนหลาน เฉียนฝูขึ้นกำลังจะขึ้นไปนั่งในรถกลับมาที่ทุกคนในครอบครัวของตระกูลหวัง พวกเขาก็ตระหนักว่าควรจะออกมาส่งแขกผู้มีเกียรติกลับ เขาจึงรีบไล่แขกหลายคนออกมา แขกหลายคนไม่รู้จึงเดินตามออกมาอย่างเร่งรีบเมื่อทุกคนออกมาจากบ้าน มองเห็นหลี่โม่ กู้หยุนหลาน และเฉียนฝูยืนอยู่ข้างรถหรูโรลส์-รอยซ์แฟนทอมด้วยกัน หลี่โม่ก็เปิดประตูรถ"นี่เหรอรถโรลส์ รอยซ์? นี่หรือรถหรูระดับท็อป ดูไม่แตกต่างจากรถโรลส์
แขกแต่ละคนต่างพากันพูดคุยถึงตัวตนของเฉียนฝูกันทีละคน และเมื่อพวกเขามองไปที่เฉียนฝูแววตาของพวกเขาก็เปลี่ยนเป็นประกาย เหมือนกับหมาป่าที่กำลังหิวโหยเมื่อเห็นเนื้อแดง พวกเขาแต่ะละคนต้องการที่จะกระโจนเข้าไปกอดที่ต้นขาของเฉียนฝูอย่าว่าแต่การได้กอดต้นขาเลย แค่ได้สัมผัมเพียงนิ้วเท้าของเฉียนฝู ก็สามารถมีชีวิตที่มีสุขสบายและมีความสุขได้ไปทั้งชาติ"การที่สามารถพบท่านประธานเฉียนที่นี่ได้ จะต้องรีบเข้าไปทำความรู้จักเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดี"“ขอแค่ได้คุยกับท่านประธานเฉียนสักคำสองคำ ก็ถือเป็นพรสำหรับคุณและฉันแล้ว ยิ่งถ้าหากสร้างความประทับใจที่ดีต่อท่านประธานเฉียนได้ ก็คงจะยิ่งตื่นเต้นจนนอนไม่หลับทั้งคืนแน่เลย""รีบเข้าไปทักทายท่านประธานเฉียนกันเถอะ ช้าไปจะไม่มีที่ยืนนะ ทุกคนเร็วเข้า"แขกทุกคนพร้อมที่จะเคลื่อนไหวแล้ว คุณปู่หวังก็ลุกลี้ลุกลนอย่างกับไฟจะไหม้บ้าน และพูดด้วยความตื่นเต้นว่า "พวกแกยังจะมัวใจเย็นกันอีก รีบพาฉันไปที่นั่น ฉันจะเข้าไปทักทายท่านประธานเฉียนหวังจินซาน หวังจินไห่ช่วยกันพยุงคุณปู่หวังเดินอย่างรวดเร็วไปตรงไปที่เฉียนฝูหวังจงฉวน หวังจงเหิง หวังจงเฉิงสีหน้าของพวกเขาเริ่มแสด
"แกยังกล้าพูดจายโสกับพวกฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะพวกฉันทุกคนมีจิตใจเคารพคนแก่และรักเด็กล่ะก็ ฉันจะอัดแกให้เละจนไม่มีใครจำแกได้เลย"หวังจงเหิงและหวังจงเฉิงยังคงพูดจาอย่างไร้ยางอาย คุณปู่หวังที่ยืนอยู่ไม่ไกลตกใจมากจนเกือบจะหมดสติ แต่พวกเขายังคงพึมพำต่อไปไม่หยุด "อุบาท ใครช่างกล้าเลี้ยงไอ้อุบาทสองตัวนี้ให้โตมาได้กัน!"หนังตาของหวังจินซานและหวังจินไห่กระตุก แก้มของพวกเขาก็กระตุกหนุบ ๆ และเลือดทั่วร่างกายของพวกเขากำลังจะแข็งตัวแขกที่อยู่ด้านข้างทุกคนมองไปที่สมาชิกของตระกูลหวังด้วยสายตาแปลก ๆ รู้สึกว่าตระกูลหวังครั้งนี้จะต้องเจอกับศึกหนัก ทำให้หวู่เต้าเหวินขุ่นเคืองพวกเขายังคงหาวิธีชดเชยได้ แต่ทำให้เฉียนฝูขุ่นเคือง กลัวว่าตระกูลหวังจะถูกกำจัดได้ในชั่วพริบตาเดียว"นี่หลานชายของตระกูลหวังเป็นบ้าอะไร ทำไมกล้าพูดแบบนั้นกับท่านประธานเฉียน พวกเราอย่าไปยุ่งกับเรื่องนี้เลยดีกว่า""ฉันว่าสถานการณ์ไม่น่าจะดี ท่านประธานเฉียนมีสถานะสูงส่ง ทำไมเขาถึงเก็บอาการโกรธนี้ไว้ได้”"ตระกูลหวังได้ก่อหายนะแล้วในครั้งนี้ วันนี้จากงานเลี้ยงวันเกิดคงได้เปลี่ยนเป็นงานศพ"แขกต่างกำลังซุบซิบและพูดคุยกัน หลายคนเริ่มถอยห่
ร่างกายของหวังจงเหิงและหวังจงเฉิงเริ่มแกว่งไปแกว่งมาชั่วขณะหนึ่ง ทั้งคู่เริ่มทำอะไรไม่ถูกคุกเข่าต่อเฉียนฝูยังพอทน เพราะด้วยสถานะของเฉียนฝูแล้วยังพอเป็นไปได้ แต่จะให้คุกเข่าต่อหลี่โม่ ทั้งคู่รู้สึกไม่เต็มใจอย่างมากเมื่อเห็นทั้งคู่เอาแต่ก้มหน้าไม่ขยับหรือพูดอะไร เฉียนฝูก็พูดด้วยนำเสียงเย้ยหยัน "พวกแกหลังแข็งกันมากใช่ไหม?"คุณปู่หวังเริ่มตื่นตระหนกตกใจ เมื่อรู้ว่าเฉียนฝูกำลังจะโกรธ"พวกแกสองคนจะนิ่งเฉยอยู่ทำไม รีบขอโทษหลี่โม่เร็วเข้าสิ!" คุณปู่หวังกัดฟันพูดแม้ว่าในใจคุณปู่หวังจะไม่เห็นด้วย แต่สถานการณ์พาไป เมื่อกี้ต่อให้จะต้องตบจนฟันหลุดหมดปากก็ต้องจำใจทำหวังจงเหิงและหวังจงเฉิงคุกเข่าต่อหลี่โม่ด้วยความไม่เต็มใจ “ขอโทษ พวกเราผิดไปแล้ว เมื่อกี้พวกเราพูดไปโดยไม่ได้คิด ช่วยยกโทษให้พวกเราด้วย”กู้หยุนหลานดึงหลี่โม่เบา ๆ เพื่อบอกให้หลี่โม่พอได้แล้วหลี่โม่พยักหน้าอย่างช้า ๆ พูดด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก "ฉันยกโทษให้พวกนาย ลุกขึ้นเถอะ"หวังจงเหิงและหวังจงเฉิงในใจเต็มไปด้วยความโกรธแค้น ทั้งสองค่อย ๆ ยืนขึ้นไปหลบอยู่ข้างหลังญาติ และรู้สึกอับอายขายหน้าที่สุด“แม่งเอ๊ย ไอ้ไร้ประโยชน์นี
หวังจงเหิงและหวังจงเฉิงกลายเป็นประติมากรรมทรายอย่างสมบูรณ์ เมื่อเห็นแขกจำนวนมากทำหน้าไม่พอใจใส่พวกเขา ในใจพวกเขาก็เต็มไปด้วยความกลัว"จงเฉิง นี่พวกเราตาฝาดไปใช่ไหม คนพวกนี้ที่แท้ไปประจบประแจงพวกนั้น แต่เมื่อกี้พวกเรากลับด่าทอเสีย ๆ หาย ๆ… แล้วพวกเราจะอยู่ต่อไปยังไง"หวังจงเหิงรู้สึกไม่สบายใจ ในใจคิดว่าถ้าหลี่โม่และเฉียนฝูสั่งให้จัดการฆ่าหวังจงเหิงให้ตายแล้วล่ะก็ คนรอบข้างทุกคนก็คงจะรีบกรูกันเข้ามาฆ่าเขาในเวลาพร้อมกันหวังจงเฉิงกลืนน้ำลายสองครั้งและพูดด้วยความไม่แน่ใจ "เมื่อกี้พวกเราก็คุกเข่าขอโทษไปแล้วนี่ คงจะไม่มีอะไรแล้วล่ะ อีกอย่างไอ้โง่หลี่โม่มันคงไม่ใจร้ายกับพวกเราขนาดนั้นหรอก" "ฉันก็คิดไม่ออกเหมือนกัน คิดว่าเมื่อกี้จะจัดการกับมันได้แล้วเชียว ไม่คิดว่าจะมาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้"หวังจงเหิงและหวังจงเฉิงเต็มไปด้วยความสับสน และจิตใจของพวกเขาก็ค่อย ๆเข้าสู่การครุ่นคิด โดยสงสัยว่าหลี่โม่ทำทั้งหมดนี้ได้อย่างไรหวังจินซานกลับมามีสติอีกครั้งและดึงหวังฟางเข้ามาถามว่า "เสี่ยวฟาง นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับลูกเขยของเธอ ?""ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ก็แค่เคยเห็นมันและเฉียนฝูอยู่ด้วยกันครั้งเดีย
คังหย่งอันกดหมายเลขของคังหย่งเฉียน แล้วพูดเสียงเข้ม "หย่งเฉียน ฉันได้ยินมาว่า แกกับเหวินซินมีปัญหากันเรื่องวิลล่าบนยอดเขาเหรอ?" “พี่ใหญ่ มีปัญหากันน่ะสิ ศิษย์พี่เกิ่งยังถูกทำร้ายจนเข่าหักแล้ว! ศิษย์พี่เกิ่งติดต่อกับอาจารย์โอวหยางไปแล้ว เรื่องนี้อภัยให้ไม่ได้แน่นอน!” คังหย่งเฉียนโกรธแค้นคังเหวินซิน ถ้าไม่ใช่เพราะคังเหวินซินพาหลี่โม่ไปที่นั่น เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น แต่ในเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว คังหย่งเฉียนเองก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ทำได้เพียงเอาความโมโหไปลงที่คังเหวินซินเท่านั้น “หย่งเฉียน ไม่ว่ายังไงก็ตาม แกต้องรับรองความปลอดภัยของเหวินซิน ฉันไม่สนว่า อาจารย์โอวหยางพวกเขาจะทำอะไรกับเพื่อนของเหวินซิน แต่พวกเขาจะทำร้ายเหวินซินไม่ได้เด็ดขาด!” “พี่ใหญ่ ฉันไม่กล้ารับประกันหรอก รับประกันได้แค่ลูกชายของพี่จะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงตายเท่านั้น ถ้าอาจารย์โอวหยางต้องการลงโทษลูกชายของพี่จริง ๆ ฉันจะไปขวางได้ยังไง ฉันขวางไม่ได้หรอก ไม่กล้าขวางด้วย!" คังหย่งอันขมวดคิ้วแน่น หากคังหย่งเฉียนอยู่ต่อหน้าคังหย่งอันในตอนนี้ คังหย่งอันจะต้องตบเขาให้ตายคามือแน่นอน “หย่งเฉียน! แกเป็นอาข
“ไอ้บัดซบเอ๊ย! ใครกล้ามาต่อกรกับฉันโอวหยางจื้อ มันผู้นั้นจะต้องตาย!” โอวหยางจื้อพึมพำอย่างด้วยความอาฆาตแค้น แล้วสั่งให้ลูกศิษย์ไปจองตั๋วเครื่องบิน ...... คังเหวินซินมาส่งหลี่โม่และคนอื่น ๆ ที่บ้าน หลังจากมองดูทั้งสามเดินเข้าไปข้างในแล้ว จึงสตาร์ทรถและขับออกไปอย่างช้า ๆ “อาเล็กถูกจัดการจนหมดท่าแล้ว ต้องบอกพ่อสักคำไหมนะ อาเล็กจะได้ไปตีไข่ใส่สีอีก” หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง คังเหวินซินก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดหมายเลขพ่อของเขาคังหย่งอัน “ฮัลโหล พ่อครับ ผมเพิ่งจะขายวิลล่าบนยอดเขาที่สวนหนานชุ่ยให้เพื่อผมไป ขายราคาต้นทุนน่ะครับ” คังหย่งอันขมวดคิ้ว "นั่นเป็นวิลล่าที่อาเล็กของแกจะเอาไม่ใช่เหรอ แกเอาไปให้เพื่อนได้ยังไง? ผู้จัดการฝ่ายขายว่ายังไงบ้าง?" คังเหวินซินอึ้งครู่หนึ่ง รู้สึกถึงความผิดปกติในคำพูดของคังหย่งอัน "พ่อ พ่อรู้ได้ยังไงว่าอาเล็กอยากได้วิลล่านั่น?” “อาเล็กของแกเคยบอกพ่อว่า วิลล่าหลังนั้นเป็นของขวัญที่เขาจะเก็บไว้ให้กับปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ในต่างประเทศโอวหยางจื้อ แกคงเคยได้ยินเกี่ยวกับโอวหยางจื้อมาบ้างใช่ไหม? เขาเคยรับหน้าที่เป็นผู้กำกับฉากแอ็คชั่นให้กับภาพย
ในแผนกดูแลพิเศษของโรงพยาบาล คังหย่งเฉียนและคนอื่น ๆ นั่งล้อมรอบเตียง มองดูพี่เกิ่งค่อย ๆ ฟื้นคืนสติ เข่าที่หักของพี่เกิ่งได้รับการผ่าตัดแล้ว แต่หลังการผ่าตัด พี่เกิ่งจะได้แต่นั่งอยู่บนรถเข็นเท่านั้น “ซี๊ด ขากับเข่าฉันเป็นยังไงบ้าง?” พี่เกิ่งถามอย่างร้อนใจ “ศิษย์พี่ไม่ต้องกังวล ผ่าตัดเสร็จแล้ว เพียงแต่ระดับการรักษาของที่นี่ยังต่ำไปหน่อย หลังจากฟื้นตัวแล้วพี่ต้องนั่งรถเข็น” คังหย่งเฉียนพูดเสียงเบาหวิว “ไอ้บัดซบ! ฉันไม่อยากนั่งรถเข็น! ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้!” พี่เกิ่งคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว รู้สึกเลวร้ายไปทั้งร่างกาย ชีวิตบนรถเข็น ไม่ใช่ชีวิตที่พี่เกิ่งต้องการเลย ถ้าต้องนั่งรถเข็นแล้ว ต่อไปจะฝึกศิลปะการต่อสู้ หรือออกไปรังแกคนอื่นอย่างไร แล้วจะไปจีบสาว ๆ ได้อย่างไร! “ฉันจะย้ายโรงพยาบาล ฉันจะไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุด!” “พี่เกิ่งอย่าเพิ่งตื่นตูม หมอบอกว่า รอพี่ฟื้นตัวดีแล้ว ก็สามารถทำการผ่าตัดครั้งที่สองในโรงพยาบาลที่ดีกว่านี้เพื่อเปลี่ยนข้อต่อเทียมได้” คังหย่งเฉียนปลอบใจพี่เกิ่งไปพลางก็ขยิบตาให้กับพวกพี่น้องคนอื่น ๆ ส่งสัญญาณให้พวกเขารีบมาช่วยกันโน้มน้าว ศิษย์พี่ห
พี่เกิ่งร้องโหยหวนออกมา รู้สึกว่าขาซ้ายพลิกกลับไปด้านหลัง พลันสูญเสียการทรงตัวและล้มหงายไปข้างหลังทันที พลั่ก พี่เกิ่งล้มหงายลงกับพื้น ปากก็ร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา คังหย่งเฉียนถูกกระตุ้นด้วยเสียงร้องของพี่เกิ่งจนตัวสั่นไปทั้งตัว เสียงวิ้ง ๆ ที่ดังอยู่ในหัวยิ่งชัดเจนขึ้นมาทันใด คังหย่งเฉียนกุมใบหน้าที่บวมแดงไปครึ่งหนึ่งมองไปทางศิษย์พี่เกิ่ง ดวงตาของคังหย่งเฉียนก็แทบจะหลุดออกจากเบ้า ศิษย์พี่เกิ่งที่คังหย่งเฉียนเคยคิดว่า แข็งแกร่งไร้เทียมทานนั้น ตอนนี้กำลังร้องคร่ำครวญราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังจะตาย เมื่อมองขาขวาของพี่เกิ่งหักงอในองศาที่ผิดธรรมชาติ คังหย่งเฉียนก็รู้สึกว่า เลือดทั่วร่างกายเย็นเฉียบขึ้นมา นี่เป็นเรื่องที่มนุษย์สามารถทำได้อย่างนั้นเหรอ? นี่เป็นผลลัพธ์ที่สามารถใช้กำปั้นทำได้เหรอ? นี่มันซูเปอร์ไซย่าในตำนานหรืออย่างไรกัน?! พวกศิษย์น้องของพี่เกิ่งหลายคนต่างหวาดกลัวกับความเผด็จการของหลี่โม่ ทั้งกลุ่มพลันหมดความโอหังไปโดยสิ้นเชิง พวกเขาลากพี่เกิ่งขึ้นมาจากพื้นแล้ววิ่งตะบึงออกไปข้างนอกอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่คำพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี้คือศิษย์
คังเหวินซินรออยู่สามวินาที แต่ละวินาทีราวกับยาวนานเป็นปี รออยู่นานฝ่ามือของพี่เกิ่งก็ยังไม่ตบลงมาสักที คังเหวินซินจึงลืมตาขึ้น เมื่อเอียงหน้ามองเห็นฝ่ามือของพี่เกิ่งอยู่ห่างจากหน้าตนแค่เฉียดฉิว หัวใจของคังเหวินซินแทบจะกระโดดออกมาจากปาก หลังจากที่เห็นข้อมือของพี่เกิ่งถูกหลี่โม่คว้าไว้ คังเหวินซินถึงได้รู้สึกว่า หัวใจของตัวเองกลับเข้าที่ได้แล้ว คังเหวินซินที่สงบลงแล้ว รีบถอยไปหลบด้านหลังหลี่โม่ แล้วร้องตะโกนด้วยน้ำตาแห่งความซาบซึ้ง "อาจารย์!" “นายอย่าร้องไห้น่าสมเพชนักสิ มันทำฉันขายหน้านะ” หลี่โม่พูดด้วยรอยยิ้ม คังเหวินซินตะลีตะลานเช็ดเบ้าตา ไม่ยอมให้ตัวเองร้องไห้ออกมา พี่เกิ่งจ้องมองหลี่โม่อย่างโมโห แอบพยายามดึงข้อมือของตัวเองกลับมาอย่างลับ ๆ แต่ไม่ว่าพี่เกิ่งจะพยายามออกแรงแค่ไหน มือของหลี่โม่ก็ราวกับคีมปากเสือหนีบข้อมือของพี่เกิ่งเอาไว้แน่น จนข้อมือของพี่เกิ่งไม่มีทางสลัดหลุดได้เลย “ปล่อยมือฉัน!” พี่เกิ่งตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยว “แกบอกให้ปล่อยก็ต้องปล่อยเหรอ? แกน่าจะอธิบายเรื่องที่จะลงไม้ลงมือกับลูกศิษย์ฉันเมื่อกี้นี้มาสักหน่อยไหม?” หลี่โม่พูดอย่างเย็นชา คังเหวินซินส
กู้หยุนหลานมองไปยังหลี่โม่อย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นหลี่โม่ขยิบตาให้ เธอจึงไม่พูดอะไรและเก็บความสงสัยไว้ในใจ ผู้จัดการหวังโบกมือให้พนักงานขายสาว พนักงานสาวที่ถือสัญญาอยู่แล้วเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว “ผู้จัดการหวัง นี่เป็นสัญญาของวิลล่ายอดเขาค่ะ แต่ราคานี้มัน…” สีหน้าของพนักงานสาวดูบูดเบี้ยวเล็กน้อย ถ้าขายวิลล่านี้ออกไปในราคาต้นทุน เธอคงไม่ได้รับค่าคอมมิชชั่นเลยสักแดง! ที่ผ่านมาเศรษฐีในเมืองฮั่นจำนวนมากต่างก็ถูกใจวิลล่าแห่งนี้ แต่เพราะมีการปิดกั้นการซื้อขาย เลยไม่ได้ขายอย่างเป็นทางการ เดิมทีพวกพนักงานสาวนั้นเตรียมพร้อมที่จะทำกำไรมหาศาลด้วยการขายวิลล่าหลังนี้หลังจากที่เปิดการขายแล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ความฝันของพวกเธอกำลังจะมลายหายไปซะแล้ว “พวกเธอมีสิทธิ์พูดงั้นเหรอ? นี่คือการตัดสินใจของคุณชายใหญ่!” ผู้จัดการหวังตำหนิพนักงานขายสาว พนักงานสาวหดคอและปิดปากเงียบไม่กล้าพูดอีก ผู้จัดการหวังเปิดสัญญาตรวจดู หลังจากยืนยันความถูกต้องแล้ว เขาก็ถือสัญญาเดินไปหาหลี่โม่ “อ่านสัญญาดูก่อนนะครับ หากไม่มีปัญหาอะไร เราจะไปเซ็นสัญญาที่สำนักงานของผมกัน ผมไม่สามารถนำตราประทับอะไรพวกนั้นพกติดต
“คุณชาย อย่ามาขู่ผมเลยครับ ผมไม่กลัวหรอกนะ สิ่งที่ผมพูดไปเมื่อครู่ล้วนมีเหตุมีผล หากไม่เชื่อก็ถามซินแสที่มาดูฮวงจุ้ยให้ได้เลยครับ คำพูดพวกนี้เขาเป็นคนพูดเองกับปากทั้งนั้น” ผู้จัดการหวังแข็งขืน ไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย หลี่โม่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม "เหวินซิน อย่าหุนหันพลันแล่น ผู้จัดการหวังพูดถูกแล้ว คนที่โชคชะตาบารมีไม่ถึง ไม่มีทางข่มพลังฮวงจุ้ยอันยอดเยี่ยมได้แน่นอน” คังเหวินซินพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม "อาจารย์พูดถูกแล้วครับ แต่ด้วยบารมีของอาจารย์ จะต้องสามารถข่มมันได้อย่างแน่นอน พวกเรามาดูกันดีกว่า ที่นี่ล้วนได้รับการตกแต่งอย่างดี คุณหิ้วกระเป๋าเข้ามาอยู่ได้เลย เหลือแค่ดูว่าวิลล่าหลังนี้ถูกใจคุณหรือเปล่าก็พอครับ” เมื่อเห็นคังเหวินซินพยายามเอาอกเอาใจหลี่โม่ ผู้จัดการหวังก็เกิดความสงสัยเล็กน้อย หรือว่าตนจะมองผิดไป? ผู้ชายที่สวมเสื้อผ้าแผงลอยทั้งตัวคนนี้ เป็นคุณชายเศรษฐีที่มาลองสัมผัสประสบการณ์ชีวิตงั้นเหรอ? ไม่อย่างนั้นทำไมคุณชายของตนถึงได้ไปประจบเอาใจเขาขนาดนี้กัน? “คุณชาย ท่านนี้คืออาจารย์ของคุณเหรอครับ?” ผู้จัดการหวังถามอย่างสงสัย “นี่คืออาจารย์ของฉันหลี่โม่ นายสุภาพกับอาจารย์ของฉัน
“ไอ้สารเลวคนไหนไม่ดูตาม้าตาเรือ กล้ามาแย่งวิลล่าของอาจารย์ พวกแกยังมัวแต่กินอะไรกันอีก ไปดูด้วยกัน จัดการไอ้พวกสารเลวนั่นซะ” “ศิษย์พี่เกิ่งพูดถูก พวกเราทุกคนต้องไปดูด้วยกัน บ้านของอาจารย์ต้องดีที่สุดเท่านั้น จะผิดพลาดไม่ได้แม้แต่นิดเดียว” ศิษย์พี่เกิ่งและคนอื่น ๆ พากันลุกขึ้นทีละคน เมื่อเห็นเช่นนี้คังหย่งเฉียนก็เรียกให้พนักงานคิดเงินทันที แล้วจึงพาพวกของศิษย์พี่เกิ่งมุ่งตรงไปยังสวนหนานชุ่ย ... รถเมอร์เซเดสเบนซ์ขับเข้าไปในสวนหนานชุ่ย และขับตรงไปตามทางขึ้นยอดเขา ใกล้กับยอดเขาของเขาหนานชุ่ยนั้นมีที่ราบอยู่บริเวณหนึ่ง ที่ราบนี้ถูกนำมาใช้สร้างวิลล่า พร้อมทั้งปลูกต้นไม้พืชพรรณเขียวชอุ่มรอบ ๆ วิลล่าอีกด้วย ด้านหน้าวิลล่ายังมีลำธารที่ไหลมาจากยอดเขา ทำให้ฮวงจุ้ยของวิลล่านี้ยอดเยี่ยมมากไร้ที่ติ หน้าน้ำหลังเขา ตำแหน่งปากมังกรจัดวางฮวงจุ้ยอย่างดี ทำให้วิลล่าบนยอดเขาหลังนี้เลิศล้ำไม่มีใครเทียม รถเมอร์เซเดสเบนซ์จอดสนิทหน้าประตูวิลล่ายอดเขา ผู้จัดการหวังและพนักงานขายสาวสองคนยืนรอที่ประตูวิลล่าอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นรถเบนซ์จอดนิ่ง ผู้จัดการหวังก็รีบวิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปช่วยเปิดประตูรถ
ผู้จัดการหวังหยิบบุหรี่ออกมาคาบที่มุมปาก เตรียมจะสูบบุหรี่เพื่อสงบสติอารมณ์ คำขอของคังเหวินซินทำให้ผู้จัดการหวังตั้งตัวไม่ติด การจะดูบ้านมันไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้าอีกฝ่ายถูกใจขึ้นมาจริง ๆ จะทำอย่างไรล่ะ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เรื่องราคาต้นทุนหรือเปล่า ถ้าคังหย่งเฉียนเข้ามาครอบครองวิลล่าหลังนี้ เขาก็คงไม่ได้เงินเลยสักแดงเดียว พอนึกถึงคังหย่งเฉียนขึ้นมาผู้จัดการหวังรู้สึกปวดจี๊ด ๆ ขึ้นมา เจ้านั่นเป็นปีศาจเจ้าสำราญแห่งตระกูลคัง วัน ๆ เอาแต่เกียจคร้าน กินดื่มเที่ยวเล่น ยิ่งกว่านั้นยังคบค้ากับพวกอันธพาล ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสตระกูลคังก็ยังถูกคังหย่งเฉียนยั่วโมโหจนเส้นเลือดในสมองตีบ แทบทุกคนในตระกูลคังล้วนทำเป็นไม่สนใจคังหย่งเฉียน ตราบใดที่คังหย่งเฉียนไม่ได้ก่อปัญหา ก็ไม่มีใครสนใจว่า คังหย่งเฉียนจะทำอะไร ถ้าหากยกวิลล่าให้เพื่อนของคังเหวินซินจริง ๆ คังหย่งเฉียนคงจะพาคนมาสับเขาเป็นชิ้น ๆ ถึงที่แน่ หลังจากสูบบุหรี่หมดมวน ผู้จัดการหวังก็ขยี้ก้นบุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่ รู้สึกว่ายังไงก็ควรแจ้งให้คังหย่งเฉียนรู้สักหน่อย ส่วนคังหย่งเฉียนจะต่อสู้กับคังเหวินซินอย่างไรนั้นก็เป็นเรื่องระหว่างพวกเขา