ร่างกายของหวังจงเหิงและหวังจงเฉิงเริ่มแกว่งไปแกว่งมาชั่วขณะหนึ่ง ทั้งคู่เริ่มทำอะไรไม่ถูกคุกเข่าต่อเฉียนฝูยังพอทน เพราะด้วยสถานะของเฉียนฝูแล้วยังพอเป็นไปได้ แต่จะให้คุกเข่าต่อหลี่โม่ ทั้งคู่รู้สึกไม่เต็มใจอย่างมากเมื่อเห็นทั้งคู่เอาแต่ก้มหน้าไม่ขยับหรือพูดอะไร เฉียนฝูก็พูดด้วยนำเสียงเย้ยหยัน "พวกแกหลังแข็งกันมากใช่ไหม?"คุณปู่หวังเริ่มตื่นตระหนกตกใจ เมื่อรู้ว่าเฉียนฝูกำลังจะโกรธ"พวกแกสองคนจะนิ่งเฉยอยู่ทำไม รีบขอโทษหลี่โม่เร็วเข้าสิ!" คุณปู่หวังกัดฟันพูดแม้ว่าในใจคุณปู่หวังจะไม่เห็นด้วย แต่สถานการณ์พาไป เมื่อกี้ต่อให้จะต้องตบจนฟันหลุดหมดปากก็ต้องจำใจทำหวังจงเหิงและหวังจงเฉิงคุกเข่าต่อหลี่โม่ด้วยความไม่เต็มใจ “ขอโทษ พวกเราผิดไปแล้ว เมื่อกี้พวกเราพูดไปโดยไม่ได้คิด ช่วยยกโทษให้พวกเราด้วย”กู้หยุนหลานดึงหลี่โม่เบา ๆ เพื่อบอกให้หลี่โม่พอได้แล้วหลี่โม่พยักหน้าอย่างช้า ๆ พูดด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก "ฉันยกโทษให้พวกนาย ลุกขึ้นเถอะ"หวังจงเหิงและหวังจงเฉิงในใจเต็มไปด้วยความโกรธแค้น ทั้งสองค่อย ๆ ยืนขึ้นไปหลบอยู่ข้างหลังญาติ และรู้สึกอับอายขายหน้าที่สุด“แม่งเอ๊ย ไอ้ไร้ประโยชน์นี
หวังจงเหิงและหวังจงเฉิงกลายเป็นประติมากรรมทรายอย่างสมบูรณ์ เมื่อเห็นแขกจำนวนมากทำหน้าไม่พอใจใส่พวกเขา ในใจพวกเขาก็เต็มไปด้วยความกลัว"จงเฉิง นี่พวกเราตาฝาดไปใช่ไหม คนพวกนี้ที่แท้ไปประจบประแจงพวกนั้น แต่เมื่อกี้พวกเรากลับด่าทอเสีย ๆ หาย ๆ… แล้วพวกเราจะอยู่ต่อไปยังไง"หวังจงเหิงรู้สึกไม่สบายใจ ในใจคิดว่าถ้าหลี่โม่และเฉียนฝูสั่งให้จัดการฆ่าหวังจงเหิงให้ตายแล้วล่ะก็ คนรอบข้างทุกคนก็คงจะรีบกรูกันเข้ามาฆ่าเขาในเวลาพร้อมกันหวังจงเฉิงกลืนน้ำลายสองครั้งและพูดด้วยความไม่แน่ใจ "เมื่อกี้พวกเราก็คุกเข่าขอโทษไปแล้วนี่ คงจะไม่มีอะไรแล้วล่ะ อีกอย่างไอ้โง่หลี่โม่มันคงไม่ใจร้ายกับพวกเราขนาดนั้นหรอก" "ฉันก็คิดไม่ออกเหมือนกัน คิดว่าเมื่อกี้จะจัดการกับมันได้แล้วเชียว ไม่คิดว่าจะมาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้"หวังจงเหิงและหวังจงเฉิงเต็มไปด้วยความสับสน และจิตใจของพวกเขาก็ค่อย ๆเข้าสู่การครุ่นคิด โดยสงสัยว่าหลี่โม่ทำทั้งหมดนี้ได้อย่างไรหวังจินซานกลับมามีสติอีกครั้งและดึงหวังฟางเข้ามาถามว่า "เสี่ยวฟาง นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับลูกเขยของเธอ ?""ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ก็แค่เคยเห็นมันและเฉียนฝูอยู่ด้วยกันครั้งเดีย
กู้เจี้ยนหมินทำเป็นหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมา นั่งลงทำท่าทางสบาย ๆ แต่หูของเขาผึ่งออกกว้างเพื่อรอฟังคำตอบของหลี่โม่อย่างตั้งใจ กู้หยุนหลานนั่งลงบนโซฟาแลเจ้องมองที่หลี่โม่ด้วยแววตาที่สวยงามหลี่โม่รินน้ำไปพลางพูดไปพลาง "ก็แค่เมื่อก่อนตอนอยู่ที่โรงพยาบาลเคยช่วยเหลือเขานิดหน่อย ผมก็ไม่ได้คิดอะไร แต่เฉียนฝูรู้สึกขอบคุณและพูดอยู่เสมอว่าเขาอยากจะตอบแทนผมบ้าง"หวังฟางพยายามใช้สายตาจับผิดหลี่โม่ มองดูหลี่โม่กำลังอธิบาย หวังฟางจึงรีบถามว่า "แล้วแกไปช่วยอะไรเขา ? เขาถึงได้รู้สึกเป็นบุญคุณขนาดนั้น มีอะไรที่แกจะไปช่วยเขาได้?""ตอนที่ผมเจอเขาครั้งล่าสุด หลานชายตัวน้อยของเฉียนฝูกำลังร้องไห้อย่างหนักในโรงพยาบาล ผมก็แค่แกล้งหลานของเขา หลานของเขาก็หยุดร้องไห้ คุณแม่ก็น่าจะรู้ว่าคนแก่ส่วนมากทนไม่ได้ที่จะเห็นหลานตัวเองร้องไห้ วันนั้นเฉียนฝูก็เลยขอร้องให้ผมอยู่เป็นเพื่อนหลานชายของเขาที่โรงพยาบาลทั้งวัน จนกว่าหมอจะตรวจและรักษาเสร็จ" หลี่โม่อธิบายเพียงเท่านี้หวังฟางเงียบไปครู่หนึ่งหลังจากฟังจบ เขาคิดว่าหลี่โม่ถูกชะตากับเด็กจริง ๆ และเป็นธรรมชาติของคนแก่จะรักหลานชายของตัวเอง เรื่องทั้งหมดนี้ดูแล้วก็สมเหต
คลับหวงเจียอันดับ 1 ในเมืองหลวงในกล่องที่หรูหราอลังการ ซูเหวินปินนั่งไขว่ห้างและจุดซิการ์อยู่ในมือ"ซิการ์ยอดนิยมใหม่ล่าสุดของฮาวานา เหล่าไป่ นายลองดูสักหน่อยสิ"เหล่าไป่นั่งตรงข้ามกับซูเหวินปิน ใบหน้าของเขามีแผลเป็นเหมือนตะขาบที่ดุร้าย บนหัวโล้นของเขาก็มีแผลเป็นจุด ๆ หกจุดรอบหัวของเขาเหล่าไป่เป็นนักเลงที่ตระเวนไปทั่วเพื่อก่ออาชญากรรม เขาเคยบวชเป็นพระในวัดเติงเฟิงเส้าหลิน แต่เขาทนไม่ได้กับกฎและข้อบังคับที่เคร่งครัด ดังนั้นเขาจึงพาพี่น้องสองสามคนลงจากภูเขา และเปลี่ยนอาชีพเป็นอันทพาลเรื่องที่เหล่าไป่เป็นพระหรือไม่นั้น ไม่มีใครรู้แน่ชัด แต่ซูเหวินปินรู้ดีว่า กังฟูของเหล่าไป่นั้นไม่ธรรมดา แต่เป็นกังฟูที่เป็นกังฟูอย่างแท้จริง"ซิการ์คือสิ่งที่พวกคนรวยชอบสูบกัน ส่วนคนจนอย่างผมก็ยังชอบสูบหงต้าซานอยู่ดี"เหล่าไป่หยิบหงต้าซานออกมาแล้วใส่เข้าไปในปาก "คุณอยากมีอะไรก็รีบพูดมา นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราพบกัน คุณรู้เบื้องลึกของผม ส่วนผมก็รู้จุดแข็งของคุณ"ซูเหวินปินอมยิ้ม หยิบเอกสารออกมาแล้วโยนให้เหล่าไป่เหล่าไป่หยิบเอกสารขึ้นมาดูแล้วดูอีก ทั้งหมดมีแต่เรื่องเกี่ยวกับหลี่โม่ ด้านหลังมีการแน
เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น แสงสีแดงทองจะสะท้อนในก้อนเมฆบนท้องฟ้า ซึ่งทำให้คนที่มองดูเต็มไปด้วยความหวังกู้หยุนหลานขับรถตรงไปที่บริษัท เมื่อถึงชั้นล่างของบริษัท เธอก็ประหลายใจมากที่เห็นประตูกระจกนิรภัยของบริษัท ถูกคนตีจนแตกละเอียด เกิดเรื่องแล้ว !นี่คือสิ่งแรกที่กู้หยุนหลานคิดกู้หยุนหลานไม่คิดอะไรมาก เธอรีบลงจากรถและเข้าไปในบริษัท บริษัทอยู่ในสภาพที่ยุ่งเหยิง มีร่องรอยของการถูกทุบตีทุกที่หัวใจของกู้หยุนหลานเริ่มเย็นเป็นน้ำแข็ง รู้ว่านี้ไม่ใช่เรื่องเล็กอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นบริษัทจะไม่ถูกทำลายได้ขนาดนี้ และคนที่ทำเรื่องนี้จะต้องเป็นคนที่เลวทรามมากกู้หยุนหลานหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา กำลังจะโทรหาผู้รักษาความปลอดภัย เธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินอยู่ข้างหลังเธอเมื่อหันหน้าดูด้วยความตกใจ กู้หยุนหลานก็เห็นร่างของเหล่าไป่เหล่าไป่เปิดปากยิ้มกว้าง และรอยแผลเป็นรูปตะขาบบนใบหน้าของเขาก็โค้ง ราวกับว่ามันมีชีวิตขึ้นมายังไงยังงั้น"คนสวย เธอก็คือกู้หยุนหลานสินะ ฉันมารอเธอตั้งนานแล้ว""นาย นายเป็นใคร ทำไมต้องมาทำลายบริษัทของพวกเรา!" กู้หยุนหลานพูดไปพร้อมกับถอยหลังไป มือที่จับมือถือสั่นไปหมด พ
กู้หยุนหลานบังคับให้ตัวเองถามอย่างใจเย็น"แม่คนสวย แกไม่รู้จริงเหรอว่าเพราะอะไร?"เหล่าไป่นั่งบนเก้าอี้พูดด้วยรอยยิ้ม และรับบุหรี่หงต้าซานจากลูกน้องของเขา "คนอื่นเป็นขุนนางที่ขี้ลืม แต่พอมาที่นี่กลับได้เจอคนสวยที่ขี้ลืมซะแล้ว""ฉันไม่รู้จักพวกนาย สรุปพวกนายเป็นใคร ทำแบบนี้ทำไม!" กู้หยุนหลานถามด้วยเสียงดัง"เฮ้ เฮ้ ถ้าแกจำไม่ได้งั้นก็ช่างมันเถอะ แต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับแก แล้วก็เกี่ยวข้องกับไอ้สามีที่ไร้ประโยชน์ของแกด้วย ส่วนคนที่เหลือเหล่านี้ ถือว่าโชคร้ายไปก็แล้วกัน"แววตาของเหล่าไป่เต็มไปด้วยเรื่องตลก เขารู้สึกว่ามีความสุขมากที่ได้แกล้งกู้หยุนหลาน เพราะโอกาสที่จะได้แกล้งผู้หญิงที่สวยแบบนี้ไม่ได้มีมากนัก"กู้หยุนหลาน ก่อนหน้านี้แกกับหลี่โม่ไปทำเรื่องอะไรมา! พวกแกไปทำให้คนอื่นขุ่นเคืองก็อย่าเอาพวกเราเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยสิ!” กู้ซิ่งเหว่ยถามด้วยความโมโหตอนนี้ถูกจับโดยคนที่ดูเหมือนจะเป็นคนชั่วร้ายมาก พวกเขาดูบ้าคลั่ง เหมือนจะฆ่าคนได้จริง ๆ ! กู้หยุนหลานได้แต่ส่ายหัว ไม่สามารถตอบเสียงโวยวายของกู้ซิ่งเหว่ยได้ เพราะเธอนึกไม่ออกว่าเคยไปทำให้ใครขุ่นเคืองเรื่องของโอวหยาง และเรื่องของ
"แกเป็นใคร ! แกทำอะไรหยุนหลาน แกห้ามทำร้ายเธอเด็ดขาด มีอะไรก็มาลงทีฉัน !" หลี่โม่คำรามเสียงดังกู้หยุนหลานถูกจับตัวไป ใครกันแน่ที่เป็นคนทำ ?ขณะที่หลี่โม่กำลังคิดเรื่องนี้อยู่ในใจ เขาก็รีบเดินออกจากบ้านโดยทันที ไม่ว่าใครจะเป็นคนทำ เขาต้องรีบไปช่วยกู้หยุนหลานให้เร็วที่สุด"อัยยะ ดูเหมือนว่าแกจะดูตื่นเต้นมาก คงจะเป็นห่วงเมียของแกมากใช่ไหม งั้นฉันจะให้แกฟังเสียงดนตรีประกอบก่อนก็แล้วกัน"เหล่าไป่ยื่นโทรศัพท์มือถือของเขาออกอย่างร่าเริงให้ได้ยินเสียงกู้เจี้ยนกั๋วและคนอื่น ๆ ที่กำลังถูกทุบตี เมื่อเห็นท่าทางของเหล่าไป่ กลุ่มลูกน้องอันธพาลของเขาก็ทุบตีกู้เจี้ยนกั๋วและคนอื่น ๆ ด้วยกำลังที่มากขึ้น"โอ๊ย! เจ็บ! ไอ้หลี่โม่ไอ้สารเลว แกทำให้พวกเราต้องถูกทำร้าย แกรีบออกมาที่นี่สิวะ!""ไอ้ขยะหลี่โม่ ถ้าแกยังขืนชักช้า ไม่รีบมาที่นี่ล่ะก็ เมียของแกคงได้ถูกคนอื่นกระทำย่ำยีแน่นอนเลยว่ะ ฮ่าฮ่า!""กู้หยุนหลาน แกรีบบอกไอ้สามีไม่เอาไหนของแก ให้มันรีบมาที่นี่เร็วเข้าสิ ไม่อย่างนั้นคนพวกนี้ได้ถูกทุบตีพวกเราจนตายแน่!"กู้เจี้ยนกั๋วและคนอื่น ๆ ต่อว่า เสียงดังไปถึงในโทรศัพท์ ได้ยินไปถึงหูของหลี่โม่เมื่อได
ผัวะ!คนอันธพาลทั้งสองยังไม่ทันจะส่งเสียง พวกเขาก็ถูกหลี่โม่ทุบตีจนหมดสติไปเสียแล้วเมื่อเห็นคนอันธพาลทั้งสองหมดสติไป หลี่โม่ก็รีบเดินเข้าไปในตัวอาคารและตรงไปที่ห้องประชุมหลี่โม่มาถึงที่ประตูห้องประชุมโดยไม่มีสิ่งกีดขวางตลอดทาง เมื่อพวกคนอันธพาลเห็นหลี่โม่กำลังเดินเข้ามา พวกเขาเปิดประตูห้องประชุมพร้อมกับพูดอย่างเย้ยหยัน"พี่ไป่ ไอ้หลี่โม่มันมาแล้ว" เหล่าไป่ทำหน้าตกตะลึง จากนั้นก็เหลือบมองเวลาบนโทรศัพท์ และพูดอย่างไม่พอใจ "ไอ้สารเลวนี่มาเร็วขนาดนี้ได้ยังไง! ทำไมมันไม่ปล่อยให้คนน่าสมเพชพวกนี้เล่นเกมส์กันก่อน"หลี่โม่และเหล่าไป่จ้องตากัน จากนั้นเขาก็ใช้เท้าดันประตูออก เตะคนเฝ้าหน้าประตูเข้าไปในห้องประชุม กู้หยุนหลานร้องไห้ด้วยความดีใจ เธอรู้ว่าหลี่โม่ต้องมาแน่ แต่เธอไม่คิดว่าหลี่โม่จะมาเร็วขนาดนี้กู้เจี้ยนกั๋วและคนอื่นก็พากันถอนหายใจ ในที่สุดพวกเขาก็ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเกมส์สิบนาทีของเหล่าไป่ แต่เมื่อเห็นคนอันธพาลถูกเตะเข้าไปในห้องประชุมโดยหลี่โม่ กู้หยุนหลานและของคนอื่น ๆ หัวใจก็เริ่มหนาวเย็นทันทีไอ้หลี่โม่มันต้องการจะทำอะไร!มันต้องการให้คนชั่วพวกนี้เอาพวกเราให้หายใช่ไหม