คุณท่านกู้และคนอื่น ๆ ต่างมองหลี่โม่อย่างประหลาดใจ และหลังจากตกตะลึงครู่หนึ่ง ทุกคนก็หัวเราะขึ้นอย่างเยาะเย้ย “คนต่ำต้อยอย่างแกยังไม่ตื่นใช่ไหม ยังเดินละเมออยู่ในความฝัน จะจัดการประธานโอวหยางเอง แกมีความสามารถอะไรไปจัดการ เกรงว่าไม่ได้เห็นหน้าประธานโอวหยางด้วยซ้ำ!” กู้ซิ่งเหว่ยกล่าวอย่างรังเกียจ กู้ชิงหลินจ้องเขม็งที่หลี่โม่ และพูดอย่างเย็นชาว่า “แกคงไม่คิดที่จะไปทุบทำร้ายประธานโอวหยางจนพอใจหรอกใช่ไหม ช่างไร้เดียงสา ฉันแน่ใจว่า ครั้งหน้าแกคงยังเดินไม่ถึงข้างประธานโอวหยางก็ถูกทุบตีจนเหมือนกับก้อนอุจจาระสุนัขแล้วล่ะ" กู้เจี้ยนกั๋วครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "นี่เป็นปัญหาของบ้านเจี้ยนหมินที่ก่อขึ้นมา บ้านเจี้ยนหมินต้องไปจัดการทั้งเรื่องความสัมพันธ์และเหตุผลเอง ถ้าพวกแกจัดการได้เรียบร้อยก็เป็นเรื่องดี แต่ถ้าหากจัดการไม่ได้ล่ะก็ หึ รอโดนเนรเทศออกจากตระกูลได้เลย!" คุณท่านกู้พยักหน้าเบา ๆ และเห็นด้วยกับคำพูดของกู้เจี้ยนกั๋ว “เจี้ยนกั๋วพูดถูก นี่คือปัญหาวุ่นวายที่พวกแกก่อขึ้น เจี้ยนหมินแกทั้งครอบครัวไปจัดการเถอะ หากจัดการไม่ได้ล่ะก็ พวกแกไม่ใช่คนของตระกูลกู้อีกต่อจากนี้ไป” “พ่อ! นี
หลี่โม่ส่งยิ้มเบา ๆ ให้กู้หยุนหลาน “รีบไสหัวออกไปเร็ว ๆ เข้าสิ แล้วปิดประตูซะ หยุดพูดไร้สาระกับหยุนหลานของฉันได้แล้ว อย่ามาทำเหมือนแกกำลังอยู่ในละครโรแมนติกบ้า ๆ ไปไกล ๆ ซะ ยิ่งไกลก็ยิ่งดี!!” หวังฟางตะโกนด่าผ่านหน้าต่างรถ หลี่โม่ปิดประตูรถ มองดูรถเคลื่อนตัวออกไป และรีบขับห่างจากตัวเองออกไปอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งไฟท้ายรถหายไป หลี่โม่ถึงจะละสายตา แล้วเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดมิด ค่ำคืนนั้นมืดมิดดั่งหมึก ดวงจันทร์และดวงดาวส่องแสงประกายอยู่บนท้องฟ้า ไม่ใช่ค่ำคืนแห่งการสังหารที่มีเดือนมืดลมแรง แต่เป็นเวลาที่ดีสำหรับสั่งสอนโอหยางจงเฉิง หลี่โม่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วส่งข้อความสั้น ๆ ถึงชูจงเทียน โดยขอให้ ชูจงเทียนหาตำแหน่งของโอวหยางจงเฉิงและคนอื่น ๆ ในไม่ช้า ชูจงเทียนก็โทรมา "นายน้อย โอวหยางจงเฉิงพวกเขาอยู่ในห้องส่วนตัวหมายเลข 1 ของคลับหาวถิง พวกเขาสร้างปัญหาให้คุณหรือเปล่าครับ? ผมจะพาลูกน้องไปจัดการพวกเขาเดี๋ยวนี้" “ไม่จำเป็นต้องให้คุณช่วย ผมจะไปเจรจาบางอย่างกับพวกเขา” หลี่โม่ตอบกลับเบา ๆ "ครับ ผมเข้าใจแล้ว" หลี่โม่วางสายแล้วนั่งแท็กซี่ไปที่คลับหาวถิง
“ฉันจะรอดูพวกแกไสหัวออกไป” หลี่โม่กล่าวเบา ๆ และกำปั้นทั้งคู่ก็ยื่นโบกออกมาแล้วกระแทกเข้าใบหน้าของบอดี้การ์ดทั้งสองคนที่หน้าประตู เมื่อบอดี้การ์ดทั้งสองตอบสนองต้องการหลีกเลี่ยง มันก็สายเกินไปแล้ว ทำไมเร็วขนาดนี้! บอดี้การ์ดทั้งสองคำรามในใจ กล้ามเนื้อทั้งร่างเบ่งออกมา และพวกเขาพร้อมที่จะต้านทานการตบตีจากหลี่โม่ เพียะ เพียะ! เสียงที่คมชัดดังขึ้นติดกันสองครั้ง พลังมหาศาลดุจมังกรถูกตบเข้าบนใบหน้าของบอดี้การ์ดทั้งสองคน แม้ว่าจะเตรียมตัวรับมือไว้แล้ว แม้ว่าจะฝึกร่างกายยกของหนักมาเป็นพันกิโล แต่บอดี้การ์ดทั้งสองก็ยังกระเด็นออกไปราวกับฟางในสายลมแรง บอดี้การ์ดที่ล้มกระแทกลงกับพื้นอย่างแรงนั้น ต่างอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่แล้ว และสมองก็เต็มไปด้วยความคิดที่ว่าทำไมคนผู้นี้มีพละกำลังมหาศาลเพียงนี้ ผ่าง! หลี่โม่เตะเปิดประตูห้องส่วนตัว และเดินเข้าไปในห้องส่วนตัวโดยเอามือไขว้ข้างหลัง เกิดความเงียบขึ้นอย่างกะทันหันในห้องส่วนตัว โอวหยางจงเฉิงมองไปยังหลี่โม่ที่เดินผ่านประตูเข้ามาและแทบจะมีไฟพ่นออกจากดวงตาของเขา “ให้ตายเถอะ! นี่คนจน ๆ อย่างแกถึงกับกล้ามาหาพวกเรา แกรนหาที่ตายใช่ไหม?” โอวห
บอดี้การ์ดที่อยู่ใกล้หลี่โม่มากที่สุดกดปุ่มของเครื่องช็อตไฟฟ้า และเครื่องช็อตไฟฟ้าก็ส่งเสียงอึกทึกขึ้นมา ซึ่งฟังดูน่ากลัวทีเดียว หลี่โม่มองดูเหล่าบอดี้การ์ดด้วยรอยยิ้มเย็นชาและชี้นิ้วใส่พวกเขาทีละคนด้วยความรังเกียจ เมื่อบอดี้การ์ดเห็นการยั่วยุของหลี่โม่ ต่างก็ถือเครื่องช็อตไฟฟ้าแล้วพุ่งเข้าหาหลี่โม่ โอวหยางจงเฉิงนั่งไขว่ขามองดู มือขวาโอบกอดสาวสวยที่อยู่ข้าง ๆ และพูดด้วยรอยยิ้มว่า "ดูลูกน้องของฉันสิว่าน่าประทับใจแค่ไหน" “ฉันคิดว่าท่านน่าประทับใจที่สุด และคิดว่าจะน่าประทับใจมากกว่านี้อีกตอนอยู่บนเตียง คืนนี้ให้ฉันอยู่เป็นเพื่อนท่านดีไหมคะ” “ฮ่าฮ่าฮ่า ได้ หลังจากจัดการคนไร้ประโยชน์นี้แล้ว ฉันจะพาเธอไปเล่นสนุกด้วย” โอหยางจงเฉิงตอบกลับอย่างตื่นเต้น และสายตาเหลือบมองการต่อสู้ที่อยู่ไม่ไกล หลี่โม่รู้โกรธจนหน้าซีดขาวราวกับหยก ภายใต้แสงประกายสีขาวราวกับหยก รัศมีการสังหารอันรุนแรงได้ระเบิดออก และกลุ่มบอดี้การ์ดที่เผชิญหน้ากับหลี่โม่ต่างใจเต้นรัวแรง ถูกข่มขู่ด้วยรัศมีฆ่าฟันอันท่วมท้นที่เล็ดลอดออกมาจากตัวเขา หัวหน้าบอดี้การ์ดไม่ใช่คนที่ไม่มีความรู้ เขาสัมผัสได้ถึงรัศมีอาฆาตที่ระเ
เมื่อเห็นแก้มของโอวหยางจงเฉิงถูกหลี่โม่เหยียบ แก้มของประธานเฉียนทั้งสามคนก็กระตุกอย่างแรง ไม่เคยมีใครกล้าดูหมิ่นไม่เคารพโอวหยางจงเฉิงมาก่อน ร่องรอยของเลือดหยดไหลออกมาจากใบหน้าของโอวหยางจงเฉิง นั่นคือผิวแก้มที่ถูกหลี่โม่บดขยี้ ประธานหลี่กลืนน้ำลายอย่างหนัก เพียงมองไปยังสภาพโอวหยางจงเฉิงก็รู้สึกเจ็บปวดที่ใบหน้า “คนไร้… หลี่โม่ มีเรื่องก็เจรจากันดี ๆ แกปล่อยประธานโอวหยางก่อน” ประธานหลี่กล่าวอย่างตื่นตระหนก “แกบอกว่าปล่อยก็ปล่อย? แกมีอิทธิพลมากนักเหรอ คำที่ฉันเคยพูด พวกแกลืมหมดแล้ว?” หลี่โม่ใช้เท้าบดขยี้แรงขึ้นกว่าเดิม “ตระกูลกู้เป็นสิ่งที่พวกแกยุ่งได้? คนสารเลวอย่างพวกแก ถ้ายังกล้ามีความคิดที่ไม่ควรมีต่อตระกูลกู้และกู้หยุนหลานอีกครั้งล่ะก็ ฉันจะทำให้พวกแกล้มละลายกันทั้งหมด! ทำให้พวกแกกลายเป็นคนไร้ค่ากันให้หมด!” ความอัปยศอดสูเกิดขึ้นในใจของโอวหยางจงเฉิง ถึงแม้ว่าเจ็บปวดที่ใบหน้ามาก และถึงแม้ว่ากำลังถูกหลี่โม่เหยียบหัว แต่ความหยิ่งในศักดิ์ศรีตนเองของโอวหยางจงเฉิงไม่อนุญาตให้เขายอม “พวกนายอย่าไปสนใจคนไร้ประโยชน์นี้เลย ก็แค่คนต่ำต้อยคนหนึ่งที่เกาะผู้หญิงกินในตระกูลกู้ ต่อสู้เก
“ท้าทายอะไรกัน แกคิดว่าแกเป็นใคร! ยังจะมาท้าทายขีดจำกัดอะไรอีก แกคิดว่าแกเป็นคนระดับสูงหรือไงกัน ฉันแค่ถ่มน้ำลายก็สามารถทำให้แกจมได้แล้ว!” โอหยางจงเฉิงตะโกนพูดอย่างฉุนเฉียว ประธานเฉียนชี้ไปที่หลี่โม่และตะโกนเสียงดังว่า "ถ้าแกมีความสามารถก็เอาออกมาใช้ซะ อย่ามาโวยวายแถวนี้ หนักกว่านี้พวกเราก็เคยเจอมาแล้ว อย่างที่พวกเราไม่เคยเห็นคือล้มละลาย ถ้าแกมีความสามารถจริงก็ทำให้เราล้มละลายสิ ฉันยังไม่เคยสัมผัสรสชาติของการล้มละลายมาก่อนเลย" “มันเป็นเรื่องตลกที่สามารถทำให้เราล้มละลายได้ คนต่ำต้อยที่เกาะผู้หญิงอย่างแก รู้ไหมว่าพวกเรามีทรัพย์สินเท่าไหร่ เงินที่พวกเรามีสามารถทำให้แกตะลึงจนตาค้างเลยล่ะ จะทำให้พวกเราล้มละลาย แกคงยังไม่ตื่นจากความฝันล่ะสิท่า!” ประธานหลินเงยหน้าขึ้นและเชิดจมูกเผชิญหน้ากับหลี่โม่ ประธานหลี่หยิบบุหรี่ขึ้นมาหนึ่งมวนแล้วพูดอย่างเหยียดหยามว่า “คนไร้ประโยชน์นี้ก็รู้จักแต่พูดจาไร้สาระ ในทั้งเมืองฮั่นนี้ใครจะกล้าทำให้เราล้มละลาย คนที่สามารถทำให้ฉันล้มละลายได้ คนที่มีความสามารถแบบนั้นคาดการณ์ว่าอาจจะยังเป็นก้อนเลือดอยู่ในท้องยังไม่ออกมา แกคิดว่าแกเป็นไซอิ๋วเหรอ!” เมื่อเผชิ
เวลาสิบนาทีหมดลงแล้ว โอวหยางจงเฉิงกล่าวอย่างแค้นใจว่า "คนเบาปัญญาอย่างแกบอกว่าถึงเวลาแล้วด้วยตัวเอง แกจะทำให้พวกเราล้มละลายไม่ใช่เหรอ แกทำให้ฉันล้มละลายสิ ทำให้ฉันล้มละลายเลยสิวะ!" “ประธานโอวหยาง ทำไมต้องพูดคุยกับคนเบาปัญญาแบบนี้ เขาสามารถทำให้พวกเราล้มละลายได้อะไรกัน ถ้าเขามีความสามารถ คงเป็นได้แค่ราชาแมงดาเกาะผู้หญิงกินของตระกูลกู้เท่านั้น และเป็นเหมือนคนต่ำต้อยที่น่าอับอายไปวัน ๆ ทำเป็นเสแสร้งอยู่ต่อหน้าเรา บอกได้เลยว่าหาเรื่องโดนเฆี่ยนตี!" ประธานเฉียนด้านหนึ่งพูดด้านหนึ่งช่วยพยุงโอวหยางจงเฉิงขึ้นมา ตอนที่หลี่โม่บอกว่าถึงเวลาแล้ว ก็เอาเท้าออกจากหน้าโอวหยางจงเฉิง เพราะหลี่โม่ต้องดูท่าทางของโอวหยางจงเฉิง ดูท่าทางของเขาว่าจะเป็นอย่างไรเมื่อได้ยินข่าวการล้มละลายของตัวเอง ประธานหลินหยิบทิชชู่ขึ้นมาแล้วช่วยประธานโอวหยางเช็ดคราบเลือดบนใบหน้า และกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ประธานโอวหยางผมคิดว่าถึงเวลาที่เราจะเรียกคนมาแล้ว คืนนี้เรื่องนี้ต้องมีคำอธิบาย คืนนี้คนต่ำต้อยนี้อวดดีมากเกินไปแล้ว ต้องหักแขนขาทั้งสี่ของเขาถึงจะพอ!” “แขนขาทั้งสี่จะไปพอได้ไง อย่างน้อยสุดก็ต้องหักห้าสิ่ง ในอนาคตมัน
“ประธานหลินแย่แล้วครับ เมื่อครู่นี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาพร้อมกับหมายค้นและจดหมายประทับตรา เอกสารการจัดการและเอกสารทางการเงินทั้งหมดถูกนำไปด้วย ส่วนพื้นที่โรงงานก็ถูกยึดแล้ว ไม่สามารถทำการผลิตและดำเนินทางธุรกิจได้จนกว่าจะถูกปลดล็อก" "เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง ทำไมกัน สาเหตุล่ะ! ทนายอย่างคุณนี่ทำงานยังไงกัน!" ประธานหลินกระโดดขึ้นราวกับถูกสายฟ้าฟาด เอกสารการจัดการและเอกสารทางการเงินถูกยึดไป ขอเพียงแค่หานักบัญชีผู้เชี่ยวชาญเพียงไม่กี่คน ก็สามารถค้นพบกลเม็ดต่าง ๆ ได้ในไม่กี่นาที และการปิดพื้นที่โรงงานยิ่งอันตรายถึงชีวิต นี่คือจังหวะที่จะจบสิ้นอย่างสมบูรณ์ “สาเหตุก็คือการเลี่ยงภาษีและการดำเนินการที่ผิดกฎหมาย พรุ่งนี้จะมีคนมาตรวจสอบอีกครั้ง ท่านประธานหลินมีทางออกก็รีบหาทางออกเถอะครับ ทางนี้ผมไม่มีแม้แต่ลู่ทางออกอะไรเลย” "ไร้ประโยชน์สิ้นดี!" ประธานหลินวางโทรศัพท์ด้วยความโกรธ และเอามือทั้งสองกุมหน้าไว้ “เหล่าหลิน ไม่ต้องกังวลไป ฉันมีคนรู้จักรับรองว่าสามารถปกปิดมันได้ พรุ่งนี้เช้าฉันจะช่วยติดต่อให้” โอวหยางจงเฉิงกล่าวราวกับเป็นคนใหญ่คนโต “ขอบคุณประธานโอวหยางครับ ช่างเป็นเรื่องตกทุ