“หลี่โม่! แกมาที่นี่ได้ยังไง ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่คนต่ำต้อยอย่างแกจะมาได้!” กู้ซิ่งเหว่ยตะโกนโวยวายอย่างโมโห หลี่โม่เพิกเฉยเสียงโวยวายของกู้ซิ่งเหว่ยและเดินตรงไปที่ด้านข้างของกู้หยุนหลาน แล้วพูดด้วยเสียงเบา ๆ ว่า "ผมไม่ได้มาสายไปใช่ไหม?" กู้หยุนหลานตื่นเต้นมากจนพูดไม่ออก เธอทำได้เพียงส่ายหัวอย่างแรง และกอดหลี่โม่ไว้แน่นด้วยแขนของเธอ หลี่โม่ลูบหลังกู้หยุนหลานเบา ๆ และช่วยกู้หยุนหลานสงบสติอารมณ์ โอวหยางจงเฉิงตบโต๊ะอย่างโกรธเคือง "ไอ้สารเลวนี่มาที่นี่ได้ยังไง! คนตระกูลกู้ตั้งใจจะหาเรื่องใช่ไหม!” “ไม่ ไม่ใช่นะครับ ประธานโอวหยางโปรดอย่าโมโหไป เราไม่รู้เหมือนกันว่าคนไร้ค่านี้มาได้อย่างไร เราจะ… เราจะพาเขาออกไปเดี๋ยวนี้เลยครับ” กู้เจี้ยนกั๋วตอบกลับด้วยความหวาดกลัว เมื่อเห็นว่าทุกอย่างกำลังจะคลี่คลาย หลี่โม่ก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้ทุกคนต่างรับมือไม่ทัน โดยเฉพาะกู้เจี้ยนกั๋วและคนอื่น ๆ ต่างเกลียดชังหลี่โม่แทบตายแล้ว หลี่โม่เหล่มองโอวหยางจงเฉิง แล้วกระซิบพูดเบา ๆ กับกู้หยุนหลานว่า "ปล่อยมือของคุณก่อนแล้วคอยดูผมแก้แค้นให้คุณ แค่รออย่างเชื่อฟังนะครับ" "อืม" ในขณะนี้ หลี
โอวหยางจงเฉิงใช้มือทั้งสองไขว้หลังศีรษะแล้วคุกเข่าลงกับพื้น และในใจเต็มไปด้วยความเสียใจ เขาคาดเดาจุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมดได้ แต่คาดเดาถึงผลลัพธ์ของเรื่องไม่ได้ เมื่อได้เผชิญหน้ากับหมัดของหลี่โม่ในเวลานี้ ขาของโอวหยางจงเฉิงก็สั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้ และมองหลี่โม่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอ้อนวอน “น้องชาย ฉันสำนึกผิดแล้ว ฉันรู้ตัวว่าฉันทำเกินไปหน่อย นายบอกตัวเลขมา ฉันจะชดเชยให้นายทั้งหมดดีไหม!” "แกคิดว่าเงินสามารถชดเชยได้งั้นเหรอ?" หลี่โม่ยิ้มเย็นชาแล้วโบกมือหมัด แล้วหมัดทั้งคู่ก็ชกลงราวกับห่าฝน ชกจนโอวหยางจงเฉิงคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด ส่วนที่ชกต่อยทั้งหมดนั้น หลี่โม่ได้ตั้งใจคัดเลือกมาอย่างดี และเป็นส่วนที่จะทำให้เกิดความเจ็บปวดอย่างรุนแรงหลังจากถูกกระแทก ความเจ็บปวดรุนแรงทำให้โอวหยางจงเฉิงหมดสติไป แต่ในไม่ชั่วพริบตาโอวหยางจงเฉิงก็ถูกทำให้ฟื้นขึ้นด้วยความเจ็บปวดที่รุนแรงกว่าอีกครั้ง หลังจากหมดสติและฟื้นขึ้นหลายครั้ง โอวหยางจงเฉิงถูกชกต่อยจนทรุดตัวลง และล้มลงนอนบนพื้นราวกับโคลนสกปรก ส่วนรอยฟกช้ำบนใบหน้านั้นน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม มองดูราวกับตุ๊กตาเศษผ้าขี้ริ้วเก่า ๆ กู้เ
หลี่โม่โบกข้อมืออย่างช้า ๆ จากนั้นก็มีเสียงเพียะ ๆ ดังขึ้นติดต่อกัน กู้เจี้ยนกั๋วและคนอื่น ๆ ต่างถูกหลี่โม่ตบจนตะลึงมึนงงราวกับมีดวงดาวหมุนอยู่ในดวงตา คนไร้ประโยชน์ที่เมื่อก่อนถูกทุกคนดูถูก แต่ตอนนี้ถึงกับกล้าตบพวกเขา สิ่งนี้ทำให้กู้เจี้ยนกั๋วและคนอื่น ๆ โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ อย่างไรก็ตาม ไฟร้อนกลบไฟร้อน กู้เจี้ยนกั๋วและคนอื่น ๆ ต่างก็กุมหน้าและจ้องไปยังหลี่โม่ และไม่กล้าโต้เถียงกับหลี่โม่อีกต่อไป “หลี่โม่ มันจะมากเกินไปแล้ว แกชกต่อยฉันไม่ว่า แต่ลงมือกับพ่อและลุงทั้งสามคนของฉันช่างเป็นคนไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง!” กู้ซิ่งเหว่ยต่อว่าพลางจ้องเขม็ง เพียะ! หลี่โม่ไม่พูดจา แต่กลับใช้มือหลังตบเข้าที่ปากใหญ่ของกู้ซิ่งเหว่ย “ให้ตายเถอะ! แกคิดว่าฉันโง่เหรอ! แกคิดว่าฉันไม่กล้าโต้กลับใช่ไหม!” กู้ซิ่งเหว่ยคำรามแล้วกำหมัดเดินพุ่งออกไป "ช่างรนหาที่ตาย" หลี่โม่มองดูกู้ซิ่งเหว่ยที่พู่งเข้ามาอย่างเยาะเย้ย ยกขาขึ้นแล้วเตะไปที่หน้าท้องของกู้ซิ่งเหว่ย ผลัวะ! กู้ซิ่งเหว่ยกระเด็นออกไป แล้วกระแทกเข้ากับกำแพงอย่างแรง กระแทกจนกำแพงสั่นไหวอยู่หลายครั้ง กู้เจี้ยนกั๋วและกู้เจี้ยนเจียงต่างมุมปากกระ
ที่บ้าน กู้หยุนหลานนั่งบนโซฟาและเช็ดน้ำตาไม่หยุด และเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด “ฉันจะไม่พูดถึงเรื่องที่ประธานโอวหยางข่มเหงแล้ว นั่นล้วนเป็นเรื่องของคนนอก แต่พฤติกรรมของอากับลุงทั้งสาม ฉันทนไม่ไหวจริง ๆ ค่ะ พวกเขาปฏิบัติกับฉันเหมือนอะไรบางอย่าง” สีหน้าของกู้เจี้ยนหมินและหวังฟางมืดมนลงอย่างมาก และความโกรธก็วาบขึ้นในดวงตาของพวกเขา เพียงแค่พ่อแม่ปกติทั้วไปได้ยินว่าลูกสาวของตัวเองเจอเรื่องแบบนี้ ก็จะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “คราวนี้บ้านเจี้ยนกั๋วกับบ้านเจี้ยนเจียง ทำเกินไปแล้ว! ข่มเหงคนใกล้ชิดแล้วทำให้ศัตรูพอใจแบบนี้ได้ยังไง! นี่มันรังแกกันเกินไปแล้ว!”หวังฟางตบโต๊ะอย่างโกรธจัด “มันมากเกินไปหน่อย ต้องให้บ้านเจี้ยนกั๋วกับบ้านเจี้ยนเจียงขอโทษและยอมรับความผิดถึงจะได้ จะปล่อยเรื่องไปแบบนี้ไม่ได้” กู้เจี้ยนหมินได้ตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เขาก็จะตามกู้เจี้ยนกั๋วและกู้เจี้ยนเจียงชี้แจงเรื่องนี้ให้ละเอียด และต้องได้รับความยุติธรรม หลี่โม่ช่วยสงบอารมณ์ของกู้หยุนหลานและไม่พูดอะไรมาก เรื่องภายในของตระกูลกู้ ยังคงต้องให้กู้เจี้ยนหมินออกหน้ามารับผิดชอบ “เราไปหาบ้านเจี้ยนกั๋วกับบ้
คุณท่านกู้โกรธจนหอบหายใจใหญ่ นิ้วมือสั่น ๆ ชี้ไปที่กู้เจี้ยนหมินและตะโกนว่า "ดู ดูลูกสาวกับลูกเขยแกซิ ก่อเรื่องยุ่งอะไรกัน! โอวหยางจงเฉิงมีฐานะสถานะอะไร พวกแกยังจะกล้าล่วงเกิน!” “พ่อครับ ฟังผมอธิบายก่อน มันไม่ใช่อย่างที่พวกเขาพูด เป็นประธานโอวหยางที่ขอให้หยุนหลานหลับนอนด้วย ความขัดแย้งเกิดขึ้นเพราะหยุนหลานไม่เต็มใจ พวกเขาทั้งหมดต่างช่วยประธานโอหยางพูด และขอให้หยุนหลานไปหลับนอนด้วย!" กู้เจี้ยนหมินอธิบายอย่างรวดเร็ว เพียงแต่ในเวลานี้ กู้เจี้ยนหมินรู้สึกว่าคำอธิบายของตัวเองนั้นช่างเบาบางไร้น้ำหนัก “แกหยุดพูดพล่ามได้แล้ว ให้หยุนหลานหลับนอนด้วยอะไรกัน หยุนหลานเป็นถึงแม่คนแล้ว ประธานโอวหยางจะสนใจได้อย่างไร มีสาวสวยมากมายไล่ตามของประธานโอวหยาง ไหนจะพวกดาราและนางแบบดัง หยุนหลานของบ้านแกไม่เข้าตาเขาหรอก” กู้เจี้ยนกั๋วตะโกนว่าใส่ร้ายทันที คุณท่านกู้กระแอมเสียงอย่างเย็นชา และกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “แกฟังนะ เจี้ยนกั๋วพูดมีเหตุผล หยุนหลานเป็นแม่คนแล้วประธานโอวหยางจะเสนอร้องขอแบบนั้นได้อย่างไร ผู้ชายย่อมเข้าใจผู้ชายด้วยกันที่สุด ล้วนชอบสาว ๆ อายุน้อย” กู้เจี้ยนหมินยืนอยู่ที่นั่นอย่างว่างเป
คุณท่านกู้และคนอื่น ๆ ต่างมองหลี่โม่อย่างประหลาดใจ และหลังจากตกตะลึงครู่หนึ่ง ทุกคนก็หัวเราะขึ้นอย่างเยาะเย้ย “คนต่ำต้อยอย่างแกยังไม่ตื่นใช่ไหม ยังเดินละเมออยู่ในความฝัน จะจัดการประธานโอวหยางเอง แกมีความสามารถอะไรไปจัดการ เกรงว่าไม่ได้เห็นหน้าประธานโอวหยางด้วยซ้ำ!” กู้ซิ่งเหว่ยกล่าวอย่างรังเกียจ กู้ชิงหลินจ้องเขม็งที่หลี่โม่ และพูดอย่างเย็นชาว่า “แกคงไม่คิดที่จะไปทุบทำร้ายประธานโอวหยางจนพอใจหรอกใช่ไหม ช่างไร้เดียงสา ฉันแน่ใจว่า ครั้งหน้าแกคงยังเดินไม่ถึงข้างประธานโอวหยางก็ถูกทุบตีจนเหมือนกับก้อนอุจจาระสุนัขแล้วล่ะ" กู้เจี้ยนกั๋วครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "นี่เป็นปัญหาของบ้านเจี้ยนหมินที่ก่อขึ้นมา บ้านเจี้ยนหมินต้องไปจัดการทั้งเรื่องความสัมพันธ์และเหตุผลเอง ถ้าพวกแกจัดการได้เรียบร้อยก็เป็นเรื่องดี แต่ถ้าหากจัดการไม่ได้ล่ะก็ หึ รอโดนเนรเทศออกจากตระกูลได้เลย!" คุณท่านกู้พยักหน้าเบา ๆ และเห็นด้วยกับคำพูดของกู้เจี้ยนกั๋ว “เจี้ยนกั๋วพูดถูก นี่คือปัญหาวุ่นวายที่พวกแกก่อขึ้น เจี้ยนหมินแกทั้งครอบครัวไปจัดการเถอะ หากจัดการไม่ได้ล่ะก็ พวกแกไม่ใช่คนของตระกูลกู้อีกต่อจากนี้ไป” “พ่อ! นี
หลี่โม่ส่งยิ้มเบา ๆ ให้กู้หยุนหลาน “รีบไสหัวออกไปเร็ว ๆ เข้าสิ แล้วปิดประตูซะ หยุดพูดไร้สาระกับหยุนหลานของฉันได้แล้ว อย่ามาทำเหมือนแกกำลังอยู่ในละครโรแมนติกบ้า ๆ ไปไกล ๆ ซะ ยิ่งไกลก็ยิ่งดี!!” หวังฟางตะโกนด่าผ่านหน้าต่างรถ หลี่โม่ปิดประตูรถ มองดูรถเคลื่อนตัวออกไป และรีบขับห่างจากตัวเองออกไปอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งไฟท้ายรถหายไป หลี่โม่ถึงจะละสายตา แล้วเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดมิด ค่ำคืนนั้นมืดมิดดั่งหมึก ดวงจันทร์และดวงดาวส่องแสงประกายอยู่บนท้องฟ้า ไม่ใช่ค่ำคืนแห่งการสังหารที่มีเดือนมืดลมแรง แต่เป็นเวลาที่ดีสำหรับสั่งสอนโอหยางจงเฉิง หลี่โม่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วส่งข้อความสั้น ๆ ถึงชูจงเทียน โดยขอให้ ชูจงเทียนหาตำแหน่งของโอวหยางจงเฉิงและคนอื่น ๆ ในไม่ช้า ชูจงเทียนก็โทรมา "นายน้อย โอวหยางจงเฉิงพวกเขาอยู่ในห้องส่วนตัวหมายเลข 1 ของคลับหาวถิง พวกเขาสร้างปัญหาให้คุณหรือเปล่าครับ? ผมจะพาลูกน้องไปจัดการพวกเขาเดี๋ยวนี้" “ไม่จำเป็นต้องให้คุณช่วย ผมจะไปเจรจาบางอย่างกับพวกเขา” หลี่โม่ตอบกลับเบา ๆ "ครับ ผมเข้าใจแล้ว" หลี่โม่วางสายแล้วนั่งแท็กซี่ไปที่คลับหาวถิง
“ฉันจะรอดูพวกแกไสหัวออกไป” หลี่โม่กล่าวเบา ๆ และกำปั้นทั้งคู่ก็ยื่นโบกออกมาแล้วกระแทกเข้าใบหน้าของบอดี้การ์ดทั้งสองคนที่หน้าประตู เมื่อบอดี้การ์ดทั้งสองตอบสนองต้องการหลีกเลี่ยง มันก็สายเกินไปแล้ว ทำไมเร็วขนาดนี้! บอดี้การ์ดทั้งสองคำรามในใจ กล้ามเนื้อทั้งร่างเบ่งออกมา และพวกเขาพร้อมที่จะต้านทานการตบตีจากหลี่โม่ เพียะ เพียะ! เสียงที่คมชัดดังขึ้นติดกันสองครั้ง พลังมหาศาลดุจมังกรถูกตบเข้าบนใบหน้าของบอดี้การ์ดทั้งสองคน แม้ว่าจะเตรียมตัวรับมือไว้แล้ว แม้ว่าจะฝึกร่างกายยกของหนักมาเป็นพันกิโล แต่บอดี้การ์ดทั้งสองก็ยังกระเด็นออกไปราวกับฟางในสายลมแรง บอดี้การ์ดที่ล้มกระแทกลงกับพื้นอย่างแรงนั้น ต่างอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่แล้ว และสมองก็เต็มไปด้วยความคิดที่ว่าทำไมคนผู้นี้มีพละกำลังมหาศาลเพียงนี้ ผ่าง! หลี่โม่เตะเปิดประตูห้องส่วนตัว และเดินเข้าไปในห้องส่วนตัวโดยเอามือไขว้ข้างหลัง เกิดความเงียบขึ้นอย่างกะทันหันในห้องส่วนตัว โอวหยางจงเฉิงมองไปยังหลี่โม่ที่เดินผ่านประตูเข้ามาและแทบจะมีไฟพ่นออกจากดวงตาของเขา “ให้ตายเถอะ! นี่คนจน ๆ อย่างแกถึงกับกล้ามาหาพวกเรา แกรนหาที่ตายใช่ไหม?” โอวห