กู้ซิ่งเหว่ยอดไม่ได้ที่จะพูดออกมาเบา ๆ “ดูสิ นี่คือความแตกต่างสินะ คนบางคนเก็บได้ของล้ำค่ามาจะมีประโยชน์อะไร ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ ก็ยังคงขี้ขลาดตาขาว ไม่กล้าส่งเสียงแม้แต่น้อย”“ช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานทำให้มองเห็นใจคน คนบางคนนี่นะ พอถึงช่วงเวลาสำคัญก็ตัดช่องน้อยแต่พอตัว ผู้ชายเช่นนั้นพึ่งพาไม่ได้เลยสักนิด เลือกผู้ชายมาเป็นสามีจะต้องหัดมองให้ทะลุปรุโปร่ง” กู้ชิงหลินพูดด้วยท่าทีคลุมเครือเมื่อมีคำพูดของฮั๋วเจี้ยนเฟิงเป็นประกัน คนเหล่านี้ก็เริ่มลำพองขึ้นมาอีกครั้ง คิดว่าฮั๋วเจี้ยนเฟิงจะสามารถจัดการเรื่องทั้งหมดได้ภายในเวลาไม่กี่นาทีหวังฟางมองไปที่ฮั๋วเจี้ยนเฟิงอย่างมีความสุข รู้สึกว่ายังคงเป็นฮั๋วเจี้ยนเฟิงที่สามารถทำให้ตนเองมีหน้ามีตาได้ เมื่อเทียบกับหลี่โม่ที่มัวแต่นั่งเงียบไม่พูดจาตรงหน้าแล้ว ถือว่าดีกว่าร้อยเท่าพันเท่า อย่างไรเสียจะต้องเปลี่ยนลูกเขยให้ได้!ฮั๋วเจี้ยนเฟิงรู้สึกลำพองใจอย่างมาก ยิ่งคนตระกูลกู้ดูถูกหลี่โม่ ฮั๋วเจี้ยนเฟิงก็ยิ่งรู้สึกสบายใจลุกขึ้นยืนจัดเสื้อผ้าเล็กน้อย จากนั้นฮั๋วเจี้ยนเฟิงก็เดินไปที่ประตูห้อง ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “คุณลุงหวง ผ
หวงเหวินจิ่นคือใคร? บรรดาญาติคนสนิทของตระกูลกู้ต่างไม่มีใครรู้จัก คนเดียวที่รู้ว่าหวงเหวินจิ่นคือใคร ก็คือฮั๋วเจี้ยนเฟิง แต่ฮั๋วเจี้ยนเฟิงแสร้งทำเป็นไม่สนใจอยู่พักหนึ่ง แล้วลืมแนะนำตัวตนหวงเหวินจิ่นให้ตระกูลกู้ได้รู้จัก ทำให้ในขณะนี้ถูกกู้ชิงหลิน และคนอื่น ๆ รังแกจนขี่หลังเสือแล้วลงไม่ได้แล้ว ด้านหนึ่งคือต้องการเอาใจคนทั้งตระกูลของกู้เจี้ยนหมิน ส่วนอีกด้านหนึ่งคือต้องการจัดการกับคนโหดร้ายและโลภที่กินคนไม่คายกระดูกอย่างหวงเหวินจิ่น ฮั๋วเจี้ยนเฟิงรู้สึกว่า ชีวิตตัวเองกลายเป็นเรื่องยากขึ้นมาทันที แต่ไม่ว่าจะยากแค่ไหนก็ต้องเผชิญ ตราบใดที่สามารถเอาชนะใจสาวงามไว้ได้ ความพยายามทั้งหมดที่ได้ทำลงไปถือว่าคุ้มค่า ในขณะที่ฮั๋วเจี้ยนเฟิงได้เรียบเรียงคำพูดอ้อนวอนแล้วกำลังจะเอ่ยปากพูดขึ้น กู้ซิ่งเหว่ยก็ลุกขึ้นขึ้นมาก่อน "ประธานบ้าบออะไรกัน ตอนนี้แมวกับสุนัขเร่ร่อนก็สามารถเป็นประธานได้แล้ว ภายใต้มือฉันมีบริษัทกระเป๋าหนังมากมายตำแหน่งประธานสามารถมีได้หลายสิบคน แค่ถามว่าคุณกลัวหรือไม่” กู้ซิ่งเหว่ยพูดอย่างภาคภูมิใจอย่างมาก เพื่อนสนิทตระกูลกู้ต่างหัวเราะคิกคัก และตามมาด้วยการเหน็บแนมเย้
ไม่รอให้ฮั๋วเจี้ยนเฟิงพูดจบ หวงเหวินจิ่นก็จ้องเขาแล้วผลักเข้าไปในห้องส่วนตัว และพูดเสียงดังว่า “ท่านประธานของเรามาถึงแล้ว ระวังปากพวกนายไว้ด้วย ถ้าหากว่ามีใครพูดคำที่ไม่น่าฟังออกมาอีก อย่ามาโทษว่าฉันหวงเหวินจิ่นลงมือโหดเหี้ยม” กู้ซิ่งเหว่ยและคนอื่น ๆ ที่เมื่อครู่ยังมีความสุขกันอย่างมาก จู่ ๆ ก็ตัวแข็งทื่อเหมือนลูกหมาตกน้ำแล้วจ้องไปที่หวงเหวินจิ่นที่โกรธจัดขึ้นมาทันที “หวง… เหวินจิ่น? หวงเหวินจิ่นเสือแห่งเมืองฮั่น?” กู้ซิ่งเหว่ยพึมพำด้วยเสียงเบา ๆ เหงื่อเย็นเหมือนถั่วเหลืองเม็ดใหญ่ผุดบนหน้าผากของเขา คิดไม่ถึงว่าคำว่าลุงหวงที่ฮั๋วเจี้ยนเฟิงเอ่ยออกมานั้นจะเป็นหวงเหวินจิ่นเสือแห่งเมืองฮั่น นั่นเป็นถึงคนโหดเหี้ยมอันดับหนึ่งของบริษัทติ่งเซิ้งเชียวนะ ว่ากันว่าเมื่อตอนบริษัทติ่งเซิ้งก่อตั้งขึ้น หวงเหวินจิ่นเป็นผู้ดูแลจัดการทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องความกล้าและเรื่องโหด ๆ แถมยังลงมืออย่างโหดเหี้ยมเจ็บแสบเป็นพิเศษ อันดับชื่อเสียงเป็นรองจากสี่ราชามาเฟียของเมืองฮั่นเท่านั้น! “แม่เจ้า ทำไมเสือแห่งเมืองฮั่นถึงมานี่? ฉันเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับเขา เหล่าบรรดาชายใหญ่ในโลกนี้ต่างเชื่อฟังเหมื
หวงฝูชิ่งแสดงความไม่พอใจ ฮั่วเจี้ยนเฟิงทำอะไรไม่ถูกทันที แววตาของหวงเหวินจิ่นที่อยู่ด้านข้างได้เผยแววดุร้ายราวกับเสือกำลังจะออกล่าเหยื่อ ดูเหมือนว่าแค่เพียงหวงฝูชิ่งออกคำสั่งก็สามารถกำจัดทุกคนในห้องส่วนตัวนี้ได้ กู้เจี้ยนหมินและคนอื่น ๆ ก็ยิ่งตื่นตระหนกราวกับฝูงแกะเห็นสิงโต ตกใจจนมือและเท้าของพวกเขาอ่อนแรง พูดอะไรไม่ออกคำพูดขอความเมตตาก็ไม่รู้แล้วว่าจะพูดออกมาอย่างไร ช่องว่างระหว่างระดับชั้นของทุกคนต่างเกินไปมากจริง ๆ ! หวงฝูชิ่งทำเพียงแค่ปล่อยเสียงจมูกออกมา ก็สามารถทำให้ทุกคนในห้องฉี่รดกางเกงด้วยความตกใจ ฮั่วเจี้ยนเฟิงโค้งลง 120 องศา จากนั้นก้มลงไปอีกไม่กี่นาที แล้วพูดด้วยความตื่นตระหนกว่า “ท่านประธานหวง ผมไม่ทราบจริง ๆ ว่านี่คือห้องพิเศษที่คุณต้องการ ถ้าหากว่าผมรู้ ผมคงไม่พูดมากและยอมถอยแล้ว พวกผมจะถอยออกไปเดี๋ยวนี้ คุณไม่ว่าอะไรใช่ไหมครับ?” “หึหึ เมื่อกี้นายยังทำตัวกร่างอยู่เลยไม่ใช่เหรอ ตอนนี้กลัวแล้ว? ความกล้าของนายแบบเมื่อกี้หายไปไหนแล้วล่ะ ก่อนนี้ยังพูดสนุกปากกันอยู่เลยไม่ใช่เหรอ? ” หวงฝูชิ่งเลิกคิ้วถาม เมื่อกี้ที่ถูกเพื่อนสนิทตระกูลกู้เยาะเย้ยนั้นทำให้ในใจของหวงเห
จุดแข็งของกู้ซิ่งเหว่ยการโยนความผิดให้คนอื่น แต่ดูเหมือนว่าความผิดในวันนี้ ดูอย่างไรก็เหมือนตกอยู่ที่ฮั๋วเจี้ยนเฟิง หลังของกู้ชิงหลินยึดพิงไปกับมุมของกำแพงอย่างแน่น และก้มตัวลงเพื่อย่อตัวให้เล็ก ไม่เหลือความอวดดีเหมือนในอดีต หลี่โม่กำลังสังเกตท่าทางของผู้คน และในใจก็รู้สึกว่าน่าขำอย่างช่วยไม่ได้ คนเหล่านี้ก็รู้จักที่จะเยินยอต่อผู้สูงและกดขี่ผู้ที่ต่ำกว่า เมื่อพบเจอคนใหญ่คนโตจริง ๆ ก็ทำได้เพียงอดทนโดนทุบตีเท่านั้น หลี่โม่จับมือของกู้หยุนหลานเบา ๆ และพูดเสียงเบาว่า “ไม่ต้องกลัว จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น” คิ้วคู่สวยของกู้หยุนหลานขมวดเข้าหากันแน่น เพราะความกังวลและความกลัว สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีซีดเช่นกัน “คุณดูแลตัวเองให้ดี ๆ เถอะค่ะ หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว” กู้หยุนหลานพูดพลางส่ายหัว ในใจคิดว่ามันกลายเป็นปัญหาใหญ่แล้ว จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้อย่างไร! หลี่โม่ไม่พูดอะไรอีก เพราะท้ายที่สุดแล้วปัญหาต้องพึ่งกับการลงมือทำ ไม่เช่นนั้นถึงจะพูดมากไปก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี เพียะ! หวงเหวินจิ่นตบฮั๋วเจี้ยนเฟิงอีกครั้ง ในที่สุดแก้มทั้งสองของฮั๋วเจี้ยนเฟิงก็นูนบวมเท่ากันทั้งซ้ายขวา “คุณลุ
แม้ว่าหลี่โม่จะพูดเพียงไม่กี่คำ แต่คำพูดเหล่านี้เหมือนกับลูกระเบิดที่ระเบิดขึ้นกลางความคิดของทุกคน กู้เจี้ยนหมิน ฮั่วเจี้ยนเฟิง และคนอื่น ๆ มองไปที่หลี่โม่ ต่างคิดว่าหลี่โม่บ้าไปแล้ว! พูดแบบนี้ในเวลานี้ เป็นการลากทุกคนไปตายไม่ใช่เหรอ? กู้หยุนหลานยิ่งประหลาดใจมากขึ้น คิดไม่ออกเลยว่าหลี่โม่จะทำอะไรอีก มันไม่ง่ายเลยที่ทำให้ท่าทีของหวงฝูชิ่งผ่อนคลายลง! สายตาของหวงเหวินจิ่นได้ปรากฏความโกรธที่สามารถกลืนทุกสิ่งทุกอย่างได้ ความแค้นที่กำลังจะดับลงเมื่อครู่นี้ ทันใดนั้นก็ทนไม่ได้อีกต่อไป แต่คนที่ตกใจมากที่สุดคือหวงฝูชิ่ง! เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย หวงฝูชิ่งก็มองไปที่หลี่โม่ที่เงยหน้าขึ้นและส่งยิ้มเล็ก ๆ ให้เขา ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นในหัวสมองตัวเอง นายน้อยแดนมังกร! กลายเป็นว่านายน้อยแห่งแดนมังกรอยู่ที่นี่! เมื่อกี้ทำอะไรลงไป? ถึงกับต้องการครอบครองห้องส่วนตัวของนายน้อยแห่งแดนมังกร! ซ้ำยังปล่อยให้หวงเหวินจิ่นอบรมสั่งสอนคนสนิทของนายน้อยแห่งแดนมังกร! ตัวเองไม่ใช่แค่ชนเข้ากับแผ่นเหล็กแล้ว นี่มันชนเข้ากับภูเขาชัด ๆ ! แดนมังกร สำหรับหวงฝูชิ่งนั้นใหญ่มากราวกับภูเขา
กู้หยุนหลานจ้องไปที่หลี่โม่อย่างร้อนรนและบ่นว่า “ฉันเพิ่งบอกให้คุณหยุดพูดไร้สาระไง ทำไมคุณถึง...” ไม่รอให้กู้หยุนหลานพูดจบ หลี่โม่ก็ตบหลังมือของกู้หยุนหลานเบา ๆ และมองเธอด้วยสายตาอ่อนโยน “ท่านประธานหวงเป็นคนยิ่งใหญ่ คนยิ่งใหญ่ล้วนฉลาดและมีจรรยาบรรณ คงไม่บุกรุกครอบครองที่ของผู้อื่นอย่างแน่นอน นอกจากนี้ท่านประธานหวงยังเป็นหนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านธุรกิจในเมืองฮั่น มีหลายคนที่จ้องตำแหน่งของประธานหวงอยู่ ดังนั้นท่านประธานหวงจะไม่ทำเรื่องแย่งชิงแน่นอน ใช่ไหมครับ ท่านประธานหวง?” หลี่โม่พูดอย่างยิ้ม ๆ ด้วยความสง่าผ่าเผยแต่ความจริงไม่ใช่ ในประโยคนั้นมีเพียงความหมายเดียวคือ ให้หวงฝูชิ่งรีบไสหัวออกไป กู้หยุนหลานมองไปที่หลี่โม่ด้วยความประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าถึงตอนนี้แล้ว หลี่โม่จะยังพูดถึงเรื่องไร้ประโยชน์เหล่านี้ เมื่อต้องเผชิญกับมหาอำนาจ เรื่องมารยาทและศีลธรรมล้วนเป็นเรื่องไร้สาระ! กู้เจี้ยนหมินระงับโกรธไว้ในใจ รู้สึกว่าโกรธจนกำลังจะเป็นบ้า และพึมพำในปากว่า “บ้าไปแล้ว ไอ้บ้าหลี่โม่นี่มันเสียสติไปแล้ว! จะลากพวกเราให้จบสิ้นไปด้วยกันกับเขา!” หวังฟางที่อยู่ด้านข้างราวกับเหมือนลูกบอลที
หวงฝูชิ่งนำหวงเหวินจิ่น และคนใต้อำนาจออกจากห้องนั่งพิเศษภายใต้สายตาที่ยุ่งเหยิงของกู้เจี้ยนหมิน และคนอื่น ๆ หลังเดินจากมาไกลแล้ว หวงเหวินจิ่นก็ถามด้วยเสียงเบา ๆ ว่า “ท่านประธาน เด็กคนนั้นคือ...” เพียะ! เสียงตบหน้าอย่างชัดเจน หวงฝูชิ่งตหวงเหวินจิ่นด้วยหลังมือ “เขาเป็นอาจารย์ของฉัน คราวหน้าถ้าพบเจออีกก็ต้องแสดงความนับถืออย่างยิ่ง ตามสถานะรุ่นแล้วนั่นคืออาจารย์อาวุโสของแก!” หวงเหวินจิ่นทรุดตัวลงอย่างสมบูรณ์ ด้วยสองประโยคนี้ ตัวเองที่เป็นถึงเสือแห่งเมืองฮั่น กลายเป็นหลานชายของชายหนุ่มคนนั้น! “บอกหวู่เต้าเหวินจัดการเปิดห้องพิเศษใหม่ คราวหน้าถ้าพบเจออาจารย์ของฉัน รู้แล้วใช่ไหมว่าต้องทำยังไง?” หวงฝูชิ่งถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ทราบแล้วครับ นับจากนี้ไปเขาจะเป็นปู่แท้ ๆ ของผม” หวงเหวินจิ่นพูดด้วยเสียงอู้อี้ หวงฝูชิ่งพยักหน้าด้วยความพึงพอใจแล้วนำผู้คนออกไป ภายในห้องนั่งพิเศษ กู้เจี้ยนหมิน ฮั่วเจี้ยนเฟิง และคนอื่น ๆ ต่างมองดูหลี่โม่อย่างเงียบ ๆ และใช้เวลานานกว่าจะกลับมารู้สึกตัว แม้ว่าวิกฤตจะถูกจัดการด้วยวิธีแปลก ๆ แต่ในใจทุกคนต่างก็รู้สึกว่ามันผิดแปลก หวงฝูชิ่งกลัวหลี่โม่?