เจียงหยางที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นและจับเป้าของเขา เจ็บจนเหงื่อเย็นที่หลังได้ซึมซับเข้าที่เสื้อผ้า ลูกเตะเมื่อสักครู่นั้น เจียงเฉิงได้เตะออกไปสุดแรง เกรงว่าวันนี้คนผมขาวจะเป็นคนส่งคนผมดำไปก่อน เพราะไม่สามารถล่วงเกินนายน้อยแห่งแดนมังกรได้ กู้ชิงหลินและคนอื่น ๆ ต่างมองไปที่หลี่โม่ที่สวมหน้ากากอยู่ด้วยความประหลาดใจ มองไปที่เสื้อผ้าธรรมดาของอีกฝ่าย และมองไปที่หน้ากากสีขาวบริสุทธิ์ของอีกฝ่าย ต่างก็รู้สึกว่าชายผู้นี้ลึกลับมาก ข่าวลือว่ามหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในตำนาน กลับสวมใส่เสื้อผ้าธรรมดาเรียบง่าย แล้วยังสวมหน้ากากปกปิดใบหน้า นี่มันเพื่ออะไรกัน? ในความคิดของทุกคนต่างเกิดคำถามเดียวกัน และต่างคิดไม่ออกว่า มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดนี้ตั้งใจจะทำอะไร อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นเจียงหยางเจ็บปวดอย่างนี้ ในใจของทุกคนในที่นี้ต่างรู้สึกหนาวสั่น และรู้สึกว่าเลือดของพวกเขาเย็นลง คราวนี้ไม่เพียงแต่ล่วงเกินมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในตำนานเท่านั้น แต่ยังทำให้ธุรกิจยักษ์ใหญ่ในท้องถิ่นที่มีอำนาจมากที่สุดขุ่นเคืองไปด้วย ใบหน้าของประธานหวงและลูกหลานคนอื่น ๆ ต่างแสดงสีหน้าดูไม่ได้ อย่างกับพ่อเสียอย่าง
เจียงหยางที่จมอยู่ในความเจ็บปวดอย่างรุนแรง เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่โม่ พลันรู้สึกไม่ดีไปทั่วร่าง เขารู้สึกว่านี่เป็นคำสั่งเอาชีวิตเขาชัด ๆ ! "พ่อ!" เจียงหยางตะโกนด้วยความเศร้าโศก และมองไปที่ผู้เป็นพ่ออย่างอ้อนวอน ดวงตาของเจียงเฉิงกลายเป็นสีแดงไปแล้ว ในหัวเอาแต่คิดในสิ่งที่หลี่โม่พูดว่า รู้แต่เลี้ยงลูกแต่ไม่รู้จักอบรม นี่เห็นได้ชัดว่านายน้อยไม่พอใจตน และไม่พอใจการอบรมสั่งสอนของตนด้วย! “ไอ้ลูกไม่รักดี! อย่ามาเรียกฉันว่าพ่อ ตั้งแต่เด็กจนโตก็ทำให้ฉันกังวลอยู่เรื่อย จะสอนแกยังไงแกก็ไม่ปรับปรุงตัว วันนี้ล่วงเกินนายน้อย แกถือเป็นคนบาปตระกูลเจียงของฉัน จากนี้ไปฉันจะตัดขาดความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกกับแก แกไม่ใช่คนของตระกูลเจียงอีกต่อไปแล้ว!” เจียงเฉิงพูดอย่างโมโหจัด สีหน้าของเขาแดงก่ำ “นอกจากนี้ กองทุน หุ้น บ้าน และรถยนต์ทั้งหมดภายใต้ชื่อของแก ฉันจะยึดให้หมด! แทนที่จะเป็นมอดตอมข้าวแบบนี้ แกไปเข้าสังคมเรียนรู้วิธีประพฤติตัว เรียนรู้วิธีการเป็นจริงจังซะ!" หัวใจของเจียงหยางแตกสลายในทันที ตัดขาดความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูกก็โหดร้ายพอแล้ว แต่นี่ยังยึดเงิน บ้านและรถไปอีก แล้วในอนาคตเขาจะเอา
แก้มของกู้ชิงหลินพลันแดงขึ้น เธอจ้องไปที่เจียงหยางและตะโกนว่า “เจียงหยาง นี่คุณกล้าตบฉันเหรอ?” ตอนนี้เจียงหยางแทบจะบ้าไปแล้ว และดุว่า “ฉันจะตบเธอ! เพราะเธอเป็นคนปลุกปั่น” พูดไป ดวงตาของกู้ชิงหลินก็หลั่งน้ำตาออกมา นั่นเรียกว่าเป็นคนงดงามอ่อนหวาน หลี่โม่เฝ้าดูการแสดงของกู้ชิงหลินอย่างเงียบ ๆ และในใจเขาปรากฏคำนี้ขึ้นมา สวยแต่รูป จูบไม่หอม ทักษะฝีมือของกู้ชิงหลินนั้นเหมาะกับประโยคนั้นจริง ๆ แม้ว่าเธอจะสวยราวกับดอกไม้ แต่หัวใจของเธอเหมือนพิษ เมื่อเห็นหลี่โม่ที่สวมหน้ากากไม่ได้แสดงอาการอะไร ในใจกู้ชิงหลินรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย ในใจคิดว่า ตนได้แสดงพลังอันยิ่งใหญ่ไป และทักษะการแสดงของเธอก็สามารถชนะรางวัลออสการ์ได้ แต่ทำไมถึงยังไม่สามารถทำให้มหาเศรษฐีคนนี้ใจเต้นได้เสียที หากนี้เปลี่ยนเป็นคนรวยคนอื่น เกรงว่า 90% จะรีบพุ่งเข้าไปปลอบกู้ชิงหลินแล้ว จากนั้นกู้ชิงหลินก็จะเสแสร้งแกล้งทำ ก็สามารถทำให้คนรวยครึ่งหนึ่งพาเธอขึ้นเตียงได้แล้ว น่าเสียดายที่ไม่เป็นไปตามแผนที่กู้ชิงหลินคิดไว้ ในใจกู้ชิงหลินเต็มไปด้วยความผิดหวัง และแม้แต่กู้ชิงหลินก็สงสัยว่า เธอยังสวยไม่พออย่างนั้นเหรอ? อย่างไรก็ต
“ยังพูดถึงลูกชายของคุณอีก คุณเพิ่งพูดว่าไล่เจียงหยางออกจากบ้านแล้วไม่ให้เหรอ เมื่อกี้พูดยังไง ตอนนี้ก็ทำอย่างนั้น อย่าพูดอย่างทำอย่าง ไม่อย่างนั้น… อะแฮ่ม ผมคิดว่านายน้อยแห่งแดนมังกรผู้นี้โหดเหี้ยมใช้ได้เลยนะ” ประธานจางยิ้มอย่างเย็นชา เจียงเฉิงพยักหน้าอย่างรวดเร็ว เหลือบมองไปที่เจียงหยางซึ่งนอนสลบอยู่บนพื้น จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วส่งข้อความหาครอบครัวของเขาเพื่อขอให้จัดการกับการไล่เจียงหยาง ไม่เพียงแต่จะไล่เจียงหยางออกจากตระกูลเจียงเท่านั้น แต่จะส่งเจียงหยางไปยังสถานที่ห่างไกลอีกด้วย จะให้เจียงหยางมาขวางตานายน้อยไม่ได้ ในบิลเลียนท์ฮอลล์ ประธานหวงวิ่งเหยาะ ๆ ไปหาหลี่โม่ และช่วยหลี่โม่ลากเก้าอี้ที่นั่งหลักอย่างหน้าระรื่น “นายน้อย เชิญนั่งครับ” ใบหน้าประธานหวงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม และมีอัธยาศัยดี "อืม ขอบคุณครับ" หลี่โม่นั่งลงพร้อมกล่าว ในใจประธานหวงเต็มไปด้วยความสุขเปี่ยมล้น “นายน้อยเชิญพักผ่อนสักครู่ เหล่าจาง พวกคุณดูแลนายน้อยดี ๆ” ประธานหวงขยิบตาให้ประธานจาง จากนั้นเขาก็จัดเสื้อผ้าเรียบร้อย แล้วเดินออกจากห้องโถง เหล่าคนดัง และเศรษฐีที่อยู่นอกห้องโถงต่างล
“ขออภัยครับนายน้อย” หวงฝูชิ่งกล่าวเสียงดัง บรรดาเซเลปเศรษฐีต่างรีบก้มหัวโค้งคำนับ และพูดพร้อมเพรียงกันว่า “เราผิดไปแล้ว และเราขออภัยอย่างจริงใจต่อนายน้อย” หลี่โม่นั่งที่นั่งหลัก มองดูกลุ่มคนโค้งคำนับและขอโทษอย่างสุภาพ ทำให้เขารู้สึกเดจาวู ภาพตรงหน้าราวกับเหล่าข้าราชบริพารถวายความเคารพเข้าเฝ้าราชวงศ์ “เอาเถอะ หยุดเรื่องไร้สาระพวกนี้ได้แล้ว เรามาเริ่มงานเลี้ยงอาหารค่ำกันเถอะ” หลี่โม่พูดอย่างใจกว้าง “ขอบคุณนายน้อย” หลังจากที่บรรดาเซเลปลูกเศรษฐีพูดขอบคุณ ในใจพวกเขาก็รู้สึกซาบซึ้งเล็กน้อยกับมหาเศรษฐีหนุ่มลึกลับที่สวมหน้ากาก ความรู้สึกเหมือนได้รับการอภัยหลังจากทำผิดพลาด หวงฝูชิ่งโบกมือ และบรรดาเซเลปเศรษฐีก็กระจัดกระจายไปรอบ ๆ มองหาที่นั่งและนั่งลง วงดนตรีก้าวขึ้นไปบนเวที เสียงเพลงไพเราะถูกบรรเลง บริกรเดินเข้ามา ในมือนำอาหารและเครื่องดื่มชั้นเลิศที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ ๆ งานเลี้ยงอาหารค่ำก็เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ หัวหน้าเชฟของภัตตาคารอาคารไห่เยี่ยนสวมเครื่องแบบพิเศษที่เขาไม่ได้สวมใส่มาเป็นเวลานาน ได้นำกลุ่มศิษย์ฝึกหัดแล้วเดินไปที่โต๊ะของหลี่โม่พร้อมกับปีกนกนางแอ่นที่ปรุงสดใหม่
เมื่อมองไปที่สายตาของกู้ชิงหลิน mujเอาแต่มองไปที่มหาเศรษฐีลึกลับซึ่งนั่งอยู่ที่นั่งหลัก หลายคนที่เชิญกู้ชิงหลินต่างก็รู้ตัวและถอยกลับ กู้ชิงหลินกำลังสังเกตหลี่โม่ที่สวมหน้ากาก และเมื่อเธอเห็นคนดังหลายคนที่ไปเชิญเขาต่างก็กินแห้วกลับมา กู้ชิงหลินก็รู้สึกกดดันมาก “หรือว่าเขาไม่สนใจผู้หญิง? ฉันแทบจะไม่อยากเชื่อ” เมื่อเห็นว่างานเลี้ยงอาหารค่ำใกล้จะสิ้นสุดแล้ว กู้ชิงหลินก็ลุกขึ้นและเดินไปหาหลี่โม่ เธอตัดสินใจลองดูสักตั้ง คงน่าเสียดายที่พลาดโอกาสนี้ไป เข้าไปยืนอยู่ข้าง ๆ หลี่โม่ที่สวมหน้ากาก กู้ชิงหลินส่ายร่างกายที่มีเสน่ห์นี้เบา ๆ หวงฝูชิ่งและคนอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกเลือดร้อนพลุ่งพล่านเล็กน้อย “นายน้อย ฉันอยากชวนคุณไปเต้นรำด้วยกัน” กู้ชิงหลินพูดอย่างนุ่มนวล น้ำเสียงหวานคูณสาม หลี่โม่ไม่เคยเห็นกู้ชิงหลินเป็นแบบนี้มาก่อน และยิ่งไม่เคยได้ยินเสียงที่นุ่มนวลของกู้ชิงหลิน ในอดีตกู้ชิงหลินดูเหมือนผู้หญิงที่ชั่วร้ายต่อหน้าหลี่โม่ เขามองไปที่กู้ชิงหลินด้วยสายตาที่ขี้เล่น หลี่โม่ก็พูดอย่างสนุกสนานว่า “เธอคิดว่า เธอคู่ควรไหม...” กู้ชิงหลินตกตะลึงชั่วครู่ รู้สึกอับอายขายหน้าในใจ! ก่อนหน
หวงต้าเผิงเหลือบมองไปที่กู้ชิงหลิน ในใจคิดว่าเขาควรพูดความจริงในเวลานี้ อย่างไรก็ตามกู้ชิงหลินก็ไม่เคยเห็นหัวตนซึ่งเป็นสมาชิกของตระก^ลหวงอยู่ในสายตา “คุณกู้ชิงหลินเป็นที่รู้สักกันดีใยแวดวงสังคม เท่าที่ผมทราบ เธอเคยออกเดตกับเศรษฐีเจ็ดแปดคน ผมไม่รู้อะไรมากไปกว่านี้ เธอและเพื่อนสนิทของเธอพึ่งพาความงามเพื่อให้เศรษฐีเลี้ยงดูตัวเอง” คำพูดของหวงต้าเผิงราวกับสายฟ้าที่ระเบิดในใจของกู้ชิงหลิน ในตอนนี้กู้ชิงหลินรู้สึกเหมือนกับโดนจับแก้ผ้าไปประจานต่อหน้าผู้คน ‘แนะนำคนอื่นแบบนี้ได้ด้วยเหรอ?’ ‘แกกำลังแนะนำชีวิตของฉันเหรอ?’ ‘แกควรบอกว่าฉันโดดเด่น และมีเสน่ห์แค่ไหนสิ!’ กู้ชิงหลินตัวสั่นด้วยความโกรธ และน้ำตาแห่งความอับอายก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเธอ โตมาขนาดนี้แล้วนี่เป็นครั้งแรกที่เธอต้องเผชิญกับจุดจบ “หวงต้าเผิง! นายเกลียดฉัน! เพราะฉันเคยปฏิเสธนาย นายก็เลยแก้แค้นฉัน นายกำลังใส่ร้ายฉัน!” กู้ชิงหลินนิ้วชี้ไปที่หวงต้าเผิง พยายามปกป้องชื่อเสียงของตัวเอง “ชู่ว!” หวงต้าเผิงพูดอย่างดูถูกว่า “เธอแทบจะไม่ต่างอะไรกับจักรยานสาธารณะด้วยซ้ำ นี่เธอคิดว่าตัวเองเป็นนางฟ้านางธิดาจริง ๆ เหรอ? อย่างเธอย
"ครับ ครับ ผมทราบแล้ว" แม้ว่าหวงฝูชิ่งจะไม่เข้าใจ แต่เขาก็ยังแสร้งทำเป็นเข้าใจและสงสัยว่า เขาจะเชิญกู้ชิงหลินในครั้งต่อไปดีไหม ดูเหมือนว่านายน้อยจะชอบกู้ชิงหลินเพื่อความสนุกสนาน ตอนชำระหนี้แค้นถือว่าสนุก แต่หลังจากนั้นกลับว่างเปล่าเล็กน้อย หลี่โม่มองดูงานเลี้ยงอาหารค่ำอันยิ่งใหญ่ และพูดอย่างหมดความสนใจว่า “ผมเริ่มเหนื่อยนิดหน่อยแล้ว เหล่าหวง คุณช่วยเตรียมชุดให้ผมหน่อย” “ได้ครับ ผมจะไปเตรียมให้เดี๋ยวนี้” หวงฝูชิ่งหยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมาอย่างรวดเร็วและออกคำสั่งกับเลขานุการสองสามคำ จากนั้นก็ยืนขึ้นด้วยความเคารพ ก้าวถอยหลังหลี่โม่ครึ่งก้าว และนำทางหลี่โม่ หลี่โม่ถอดหน้ากากออก และสวมจีวองชี่รุ่นลิมิเต็ดอิดิชันจากเลขาฯในห้องพัก ออร่าของตัวเขาเปลี่ยนไปอย่างมากในชั่วพริบตา เขาเปลี่ยนจากภาพลักษณ์ระดับรากหญ้าเป็นหนุ่มเศรษฐี ใบหน้าของหวงฝูชิ่งเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความชื่นชมว่า “นายน้อยช่างมีราศีสง่างามยิ่ง หลังจากสวมชุดนี้แล้ว ดูเหมือนนายน้อยโดยสมบูรณ์แบบ จากนี้ไปนายน้อยจะโบยบินขึ้นไปบนท้องฟ้า และเป็นผู้นำแดนมังกรเหมือนดวงอาทิตย์" “คุณช่างเป็นคนรู้จักพูด ไปบอกลางานเลี้ยงอาหา