"ครับ ครับ ผมทราบแล้ว" แม้ว่าหวงฝูชิ่งจะไม่เข้าใจ แต่เขาก็ยังแสร้งทำเป็นเข้าใจและสงสัยว่า เขาจะเชิญกู้ชิงหลินในครั้งต่อไปดีไหม ดูเหมือนว่านายน้อยจะชอบกู้ชิงหลินเพื่อความสนุกสนาน ตอนชำระหนี้แค้นถือว่าสนุก แต่หลังจากนั้นกลับว่างเปล่าเล็กน้อย หลี่โม่มองดูงานเลี้ยงอาหารค่ำอันยิ่งใหญ่ และพูดอย่างหมดความสนใจว่า “ผมเริ่มเหนื่อยนิดหน่อยแล้ว เหล่าหวง คุณช่วยเตรียมชุดให้ผมหน่อย” “ได้ครับ ผมจะไปเตรียมให้เดี๋ยวนี้” หวงฝูชิ่งหยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมาอย่างรวดเร็วและออกคำสั่งกับเลขานุการสองสามคำ จากนั้นก็ยืนขึ้นด้วยความเคารพ ก้าวถอยหลังหลี่โม่ครึ่งก้าว และนำทางหลี่โม่ หลี่โม่ถอดหน้ากากออก และสวมจีวองชี่รุ่นลิมิเต็ดอิดิชันจากเลขาฯในห้องพัก ออร่าของตัวเขาเปลี่ยนไปอย่างมากในชั่วพริบตา เขาเปลี่ยนจากภาพลักษณ์ระดับรากหญ้าเป็นหนุ่มเศรษฐี ใบหน้าของหวงฝูชิ่งเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความชื่นชมว่า “นายน้อยช่างมีราศีสง่างามยิ่ง หลังจากสวมชุดนี้แล้ว ดูเหมือนนายน้อยโดยสมบูรณ์แบบ จากนี้ไปนายน้อยจะโบยบินขึ้นไปบนท้องฟ้า และเป็นผู้นำแดนมังกรเหมือนดวงอาทิตย์" “คุณช่างเป็นคนรู้จักพูด ไปบอกลางานเลี้ยงอาหา
หลี่โม่ได้ยินเสียงดุของกู้ชิงหลิน ปฏิกิริยาแรกของเขาดูเหมือนว่ายังโชคดีอยู่บ้าง เขามีไหวพริบที่ดี นอกจากนี้หวงฝูชิ่งก็ยังมีชุดเสื้อผ้าที่จะสับเปลี่ยนไม่อย่างนั้น หากยังใส่ชุดเมื่อกี้อยู่ เกรงว่าจะอธิบายได้ยากหลี่โม่หันหน้าไปมอง เขาเห็นกู้ชิงหลินที่กังวลและหงุดหงิด กำลังเดินไปพร้อมกับเพื่อนสาวสองสามคนด้วยความโกรธ“นายมาทำอะไรที่นี่?”กู้ชิงหลินกำลังหงุดหงิด ภายในใจของเธอเต็มไปด้วยความโกรธ เธอกังวลว่าเธอไม่มีที่ให้ระบายความโกรธนี้!“ทำไมฉันจะอยู่ตรงนี้ไม่ได้ ก็บนถนนเขาไม่ให้คนไปยืนหนิ” หลี่โม่กล่าวอย่างใจเย็น“บนถนนเหรอ? นี่คือทางเข้าภัตตาคารไห่เยี่ยนนะ มันใช่ที่ของคนไร้ประโยชน์อย่างนายเหรอ? นายไม่สมควรอยู่ที่นี่! นายรู้สถานะคนที่เข้าออกสถานที่นี่หรือเปล่าเถอะ!”กู้ชิงหลินเต็มไปด้วยความโกรธ การเห็นหลี่โม่ ก็เหมือนกับเห็นที่สูบลม เธอพร้อมที่จะระบายความโกรธของเธอทั้งหมดออกไป“แค่ยืนอยู่บนถนน ฉันต้องสนใจสถานะใคร ๆ ด้วยเหรอ? นี่เป็นครั้งแรกเลยนะ ที่ฉันไม่ได้เข้าไปในอาคารไห่เยี่ยนนั่น แต่ยังต้องมาใส่ใจอะไรมากขนาดนั้น”หลี่โม่ขมวดคิ้ว ใบหน้าของเขาเย็นชาเล็กน้อย พร้อมกับโต้กลับไปเห
หลี่โม่หยิบกระเป๋าถือขึ้นมา ค่อย ๆ เดินไปหากู้ชิงหลินและยื่นมันให้เธอเมื่อเห็นสภาพของหลี่โม่แล้ว กลุ่มเพื่อนสนิทก็หัวเราะเยาะกันยกใหญ่“ฮ่าฮ่าฮ่า ขยะจริง ๆ ไม่สู้เลย โชคดีนะเนี่ยที่นายยังมีความเป็นผู้ชายอยู่บ้าง ไม่งั้นฉันคงสงสัยว่านายได้ปลูกไอ้นั่นไว้หรือเปล่า”“ฉันเดาว่ากู้หยุนหลานคงจะมองไอ้เด็กไม่มีลูกบอลสองข้างนี่เป็นแค่เด็กรับส่งเท่านั้นแหละ ไม่อย่างนั้นทำไมผู้หญิงสวย ๆ แบบนั้นถึงมาอยู่กับขยะอย่างนี้ล่ะ”“ก็จริงนะ แล้วถึงเขาจะโดนสวมเขา แต่เขาก็ยังได้นอนกับกู้หยุนหลานด้วยนะ โชคดีอะไรอย่างนี้”ถ้าต่อว่าหลี่โม่แค่สองสามคำ หลี่โม่ก็ยังอดทนได้ แต่นี่คนเหล่านี้พูดถึงกู้หยุนหลานในทางลบ หลี่โม่จึงทนไม่ได้เมื่อมองดูความโกรธในดวงตาของหลี่โม่แล้ว กู้ชิงหลินก็ยิ้มอย่างเหยียดหยามและพูดว่า “นายไม่พอใจเหรอ? โอ้~ ฉันเข้าใจแล้วล่ะ นายไม่พอใจที่เราพูดถึงกู้หยุนหลานล่ะสิ”“เหอะ ๆ สิ่งที่เพื่อนฉันพูดก็ไม่มีอะไรผิดนะ กู้หยุนหลานทำกับนายเหมือนเด็กรับส่ง สัญญาร่วมมือที่เธอได้มานั่นก็เอาตัวเข้าแลกไม่ใช่เหรอ ภรรยาของนายขายตัวอยู่นอกบ้านเพื่อค่าคอม นายก็เลยเอาบ้างสินะ เป็นเด็กอาซ้อแลกกับเสื้อแบรนด
เมื่อได้ยินเสียงตะโกนของหวงฝูชิ่ง หลี่โม่ก็ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่รู้ว่าหวงฝูชิ่งจะไล่ตามออกมาแบบนี้กู้ชิงหลินยังคงอยู่ข้าง ๆ หากการตะโกนเรียกหวงฝูชิ่ง สิ่งต่าง ๆ ก็จะยุ่งยากขึ้นพอหันศีรษะ หลี่โม่ก็มองไปที่หวงฝูชิ่งอย่างรวดเร็ว จากนั้นดวงตาของเขาก็มองไปทางกู้ชิงหลินหวงฝูชิ่งรู้สึกตกใจเล็ก ๆ ทันใดนั้นก็เข้าใจแล้วว่าเขาทำอะไรผิด เห็นได้ชัดว่านายน้อยเพิ่งเปลี่ยนเสื้อผ้า เพราะไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ตัวตนที่แท้จริงของเขา แต่เสียงตะโกนของเขาก็ยังไม่ได้เปิดเผยตัวตนของนายน้อยส่วนพวกผู้หญิงสองสามคนที่อยู่ข้าง ๆ ก็ดูเหมือนว่ามีกู้ชิงหลินที่เพิ่งถูกนายน้อยทำให้อับอายขายหน้า คาดว่านายน้อยกำลังสังเกตปฏิกิริยาของกู้ชิงหลิน หลังจากที่ทำให้ถูกขายหน้า ดังนั้นเขาจึงเดินออกมาคนเดียว...หวงฝูชิ่งถึงกับต้องแต่งฉากแย่ ๆ ขึ้นมา ทว่าก็ยังมีคนจำนวนมากที่มีรสนิยมแย่อยู่ ทั้งในแวดวงคนรวยและคนรุ่นใหม่ หวงฝูชิ่งยังเคยได้ยินเรื่องงานอดิเรกแปลก ๆ มามากมายอีกด้วยแม้ว่าหวงฝูชิ่งจะคิดอะไรมากมาย แต่เขาก็มีวิธีแก้ไขในพริบตา“คุณเห็นนายน้อยไหมครับ? พวกคุณเห็นนายน้อยที่สวมเสื้อผ้าธรรมดา เขาสวมหมวกไบเล่สีดำด้ว
กู้ชิงหลินเชิดหน้าขึ้นและเดินไปหาหลี่โม่ ส่วนกลุ่มเพื่อนสาวก็หัวเราะคิกคักคุยกันอยู่ข้าง ๆ กู้ชิงหลิน“ชิงหลิน รสนิยมของเธอไม่เหมือนใคร ดูเหมือนจะชอบเล่นเป็นเหยื่อนะ เธอชอบเป็นฝ่ายถูกกระทำไหม? ”“เหอะ ๆ ก็ขึ้นอยู่กับว่าถูกใครกระทำน่ะสิ ถ้าฉันโดนนายน้อยกระทำได้ ฉันจะพรีกายถวายตัวเลยค่ะ แต่ว่าโชคไม่ดีที่ฉันไม่มีโอกาสถูกนายกระทำด้วยซ้ำ”“ใช่เลย เมื่อดูมารยาทของหวงฝูชิ่งที่มีต่อนายน้อยแล้ว ถ้าเธอติดตามนายน้อยไปได้นะ เธอก็จะผงาดเป็นนางหงส์นางพญา ไม่ว่าจะถูกทำร้ายสักกี่ครั้ง ก็จะไม่มีวันตาย”เมื่อฟังคำพูดของเพื่อน ๆ กู้ชิงหลินอดไม่ได้ที่จะภูมิใจ ดูเหมือนว่ามันไม่ได้ถูกทำให้อับอาย แต่เป็นความบันเทิงอีกแบบหนึ่งต่างหากหลี่โม่เห็นว่ากู้ชิงหลินและเพื่อน ๆ ไม่ได้สงสัยแปลกใจอะไร พวกเธอถูกการแสดงที่ยอดเยี่ยมของหวงฝูชิ่งหลอกได้อย่างแนบเนียน ดังนั้นเขาจึงหันหลังกลับและเดินจากไป“หยุด! หลี่โม่เจ้าคนไร้ประโยชน์ มานี่ซิ”เสียงที่แหลมคมของกู้ชิงหลิน กระทบแก้วหูของหลี่โม่เท้าที่ก้าวอยู่หยุดทันที หลี่โม่พูดอย่างไม่อดทน “เดินแยกกันไปดี ๆ ไม่ได้หรือไง ทำไมต้องตามฉันไปทุกที่เลย?”“หืม ถนนนี้ก็ไม่ใช่
วันนี้เป็นวันเกิดของกู้เจี้ยนหมิน พ่อตาของหลี่โม่บ้านลูกชายคนรองของตระกูลกู้ ที่กำลังเริ่มเฉลิมฉลองด้วยดนตรีในตอนเช้าที่บ้านญาติมิตรมากันเยอะ บรรยากาศเริ่มคึกคักมากขึ้นพอใกล้เที่ยง รถ BMW X6 ก็ค่อย ๆ หยุดที่ประตูบ้านของกู้เจี้ยนหมินฮั๋วเจี้ยนเฟิงผลักประตูและลงจากรถ และทำท่าจัดแต่งชุดแบรนด์จีวองชี่ที่เขาสวมอยู่ให้เรียบร้อยนี่คือดีไซน์ล่าสุดของจีวองชี่ที่เปิดตัวในต่างประเทศ เป็นรุ่นที่เรียบง่ายของรุ่นลิมิเต็ดที่เปิดตัวในงานแฟชั่นโชว์ที่มิลาน ชุดนี้เพียงชุดเดียวมีราคาสูงถึงเกือบล้านบาทต่างประเทศ หากคุณซื้อในประเทศ ราคาจะเพิ่มยิ่งกว่าสองเท่าเขาเขย่าแขนเสื้อ พร้อมกับยกข้อมือขึ้น และมองดูนาฬิกา Rolex สีทองที่เขาใส่อยู่ จากนั้นฮั่วเจี้ยนเฟิงก็แสดงรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาทันทีแม้ว่า Rolex จะไม่ใช่นาฬิกาชั้นยอด แต่คนใหญ่คนโตในประเทศได้รับอิทธิพลจากแถบเซียงเจียง พวกเขาชอบนาฬิกา Rolex สีทองมาก เพราะบางทีแม้จะไม่รู้จักนาฬิกา Patek Philippe แต่พวกเขาจะต้องรู้จักนาฬิกา Rolex สีทองอย่างแน่นอนฮั่วเจี้ยนเฟิงที่กลับบ้านเกิดแล้ว ได้เตรียมตัวมาอย่างดีสำหรับวันนี้ แม้กระทั่งพิจารณาถึงรายละเอีย
กู้หยุนหลานนึกออกแล้วว่าฮั๋วเจี้ยนเฟิงคือใคร จากนั้นเธอก็ยิ้มและเปิดประตูให้ฮั๋วเจี้ยนเฟิงเข้ามาหวังฟางมองฮั๋วเจี้ยนเฟิงที่กำลังเข้าประตูมา ทำให้เธอรู้สึกอยากมีลูกเขยคนใหม่ทันทีในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ฮั๋วเจี้ยนเฟิงได้มอบของขวัญมากมายให้กับหวังฟาง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอางต่างประเทศทุกชนิด เสื้อผ้าชื่อดังระดับนานาชาติ ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดนี้ให้ด้วยใจทั้งสิ้นหวังฟางไม่ได้อาจเอาหลี่โม่ไปเปรียบเทียบกับฮั๋วเจี้ยนเฟิง เพราะเธอรู้สึกว่าหลี่โม่เป็นเพียงคนไร้ค่าคนหนึ่งลูกเขยไร้ค่าคนนี้ไม่ได้ให้อะไรกับหวังฟางมาหลายปีแล้ว“คุณป้าครับ นี่เป็นของเล็ก ๆ น้อย ๆ จากใจของผม โปรดรับไว้ด้วยนะครับ”ฮั๋วเจี้ยนเฟิงถือของขวัญและมอบให้หวังฟาง จากนั้นเขาก็กะพริบตาให้กับหวังฟางปากแห่งความสุขของหวังฟางแทบหุบไม่อยู่ เธอพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เจี้ยนเฟิง เธอมาสักทีนะ แถมยังหอบของฝากมามากมาย คราวหลังไม่ต้องทำตัวสุภาพมากขนาดนี้ก็ได้จ้ะ”“เรื่องเล็กน้อยมากเลยครับ ราคาไม่ได้มากมายอะไรหรอกครับ พอดีผมได้ยินมาว่า วันนี้เป็นวันเกิดของคุณลุง ผมก็เลยถือโอกาสมาเยี่ยมสักหน่อยน่ะครับ จะได้ฉลองวันเกิดของคุณลุงด้วยเลย ผมจองภั
กู้หยุนหลานไม่ต้องการให้ฮั๋วเจี้ยนเฟิงพบหลี่โม่เอาเสียเลย แต่มีญาติและเพื่อน ๆ มากมายที่หลี่โม่ยังต้องออกมาพบกู้หยุนหลานกังวลจนหลับตาลง เกลียดชังความไร้ความสามารถของหลี่โม่อยู่ในใจ!แอ๊ดประตูห้องนอนเปิดออก และหลี่โม่ก็ออกมา พร้อมกับแต่งตัวอย่างเรียบร้อยฮั๋วเจี้ยนเฟิงมองดูเสื้อผ้าของหลี่โม่ ก็รู้สึกประหลาดใจ!นี้คือแฟชั่นลิมิเต็ดอิดิชั่นล่าสุดของจีวองชี่!ชุดนี้ของจิวองชี่มีแค่ 5 เซต มาอยู่บนตัวเขาเองเสียแล้ว!กู้หยุนหลานก็ตะลึง เมื่อเห็นหลี่โม่ เพราะเธอไม่เคยเห็นหลี่โม่ในด้านที่มีชีวิตชีวาแบบนี้มาก่อน หลี่โม่ไม่เคยแต่งตัวแบบนี้มาก่อน แถมเขายังไม่มีเสื้อผ้าที่เหมาะสมในการแต่งตัวอีกด้วยว้าว ว้าว ว้าวสายตาของบรรดาญาติ ๆ และเพื่อน ๆ ต่างมองมาที่หลี่โม่ จากนั้นพวกเขาก็แปลกใจเล็กน้อยเมื่อมองไปที่หลี่โม่แม้แต่กู้เจี้ยนหมินและหวังฟาง หัวใจแทบจะออกมาเต้นข้างนอก ในที่สุดหลี่โม่ก็ยังพอไว้หน้าพวกเขาบ้าง“ฮ่าฮ่าฮ่า”เสียงหัวเราะของกู้ชิงหลิน ทำลายบรรยากาศที่เงียบสงบทันทีเสียงหัวเราะดึงทุกคนกลับมา และทุกคนก็มองไปที่กู้ชิงหลินพร้อมกันกู้ชิงหลินแสดงท่าทางเหมือนเคย เธอมองหลี่โม่อย
คังหย่งอันกดหมายเลขของคังหย่งเฉียน แล้วพูดเสียงเข้ม "หย่งเฉียน ฉันได้ยินมาว่า แกกับเหวินซินมีปัญหากันเรื่องวิลล่าบนยอดเขาเหรอ?" “พี่ใหญ่ มีปัญหากันน่ะสิ ศิษย์พี่เกิ่งยังถูกทำร้ายจนเข่าหักแล้ว! ศิษย์พี่เกิ่งติดต่อกับอาจารย์โอวหยางไปแล้ว เรื่องนี้อภัยให้ไม่ได้แน่นอน!” คังหย่งเฉียนโกรธแค้นคังเหวินซิน ถ้าไม่ใช่เพราะคังเหวินซินพาหลี่โม่ไปที่นั่น เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น แต่ในเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว คังหย่งเฉียนเองก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ทำได้เพียงเอาความโมโหไปลงที่คังเหวินซินเท่านั้น “หย่งเฉียน ไม่ว่ายังไงก็ตาม แกต้องรับรองความปลอดภัยของเหวินซิน ฉันไม่สนว่า อาจารย์โอวหยางพวกเขาจะทำอะไรกับเพื่อนของเหวินซิน แต่พวกเขาจะทำร้ายเหวินซินไม่ได้เด็ดขาด!” “พี่ใหญ่ ฉันไม่กล้ารับประกันหรอก รับประกันได้แค่ลูกชายของพี่จะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงตายเท่านั้น ถ้าอาจารย์โอวหยางต้องการลงโทษลูกชายของพี่จริง ๆ ฉันจะไปขวางได้ยังไง ฉันขวางไม่ได้หรอก ไม่กล้าขวางด้วย!" คังหย่งอันขมวดคิ้วแน่น หากคังหย่งเฉียนอยู่ต่อหน้าคังหย่งอันในตอนนี้ คังหย่งอันจะต้องตบเขาให้ตายคามือแน่นอน “หย่งเฉียน! แกเป็นอาข
“ไอ้บัดซบเอ๊ย! ใครกล้ามาต่อกรกับฉันโอวหยางจื้อ มันผู้นั้นจะต้องตาย!” โอวหยางจื้อพึมพำอย่างด้วยความอาฆาตแค้น แล้วสั่งให้ลูกศิษย์ไปจองตั๋วเครื่องบิน ...... คังเหวินซินมาส่งหลี่โม่และคนอื่น ๆ ที่บ้าน หลังจากมองดูทั้งสามเดินเข้าไปข้างในแล้ว จึงสตาร์ทรถและขับออกไปอย่างช้า ๆ “อาเล็กถูกจัดการจนหมดท่าแล้ว ต้องบอกพ่อสักคำไหมนะ อาเล็กจะได้ไปตีไข่ใส่สีอีก” หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง คังเหวินซินก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดหมายเลขพ่อของเขาคังหย่งอัน “ฮัลโหล พ่อครับ ผมเพิ่งจะขายวิลล่าบนยอดเขาที่สวนหนานชุ่ยให้เพื่อผมไป ขายราคาต้นทุนน่ะครับ” คังหย่งอันขมวดคิ้ว "นั่นเป็นวิลล่าที่อาเล็กของแกจะเอาไม่ใช่เหรอ แกเอาไปให้เพื่อนได้ยังไง? ผู้จัดการฝ่ายขายว่ายังไงบ้าง?" คังเหวินซินอึ้งครู่หนึ่ง รู้สึกถึงความผิดปกติในคำพูดของคังหย่งอัน "พ่อ พ่อรู้ได้ยังไงว่าอาเล็กอยากได้วิลล่านั่น?” “อาเล็กของแกเคยบอกพ่อว่า วิลล่าหลังนั้นเป็นของขวัญที่เขาจะเก็บไว้ให้กับปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ในต่างประเทศโอวหยางจื้อ แกคงเคยได้ยินเกี่ยวกับโอวหยางจื้อมาบ้างใช่ไหม? เขาเคยรับหน้าที่เป็นผู้กำกับฉากแอ็คชั่นให้กับภาพย
ในแผนกดูแลพิเศษของโรงพยาบาล คังหย่งเฉียนและคนอื่น ๆ นั่งล้อมรอบเตียง มองดูพี่เกิ่งค่อย ๆ ฟื้นคืนสติ เข่าที่หักของพี่เกิ่งได้รับการผ่าตัดแล้ว แต่หลังการผ่าตัด พี่เกิ่งจะได้แต่นั่งอยู่บนรถเข็นเท่านั้น “ซี๊ด ขากับเข่าฉันเป็นยังไงบ้าง?” พี่เกิ่งถามอย่างร้อนใจ “ศิษย์พี่ไม่ต้องกังวล ผ่าตัดเสร็จแล้ว เพียงแต่ระดับการรักษาของที่นี่ยังต่ำไปหน่อย หลังจากฟื้นตัวแล้วพี่ต้องนั่งรถเข็น” คังหย่งเฉียนพูดเสียงเบาหวิว “ไอ้บัดซบ! ฉันไม่อยากนั่งรถเข็น! ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้!” พี่เกิ่งคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว รู้สึกเลวร้ายไปทั้งร่างกาย ชีวิตบนรถเข็น ไม่ใช่ชีวิตที่พี่เกิ่งต้องการเลย ถ้าต้องนั่งรถเข็นแล้ว ต่อไปจะฝึกศิลปะการต่อสู้ หรือออกไปรังแกคนอื่นอย่างไร แล้วจะไปจีบสาว ๆ ได้อย่างไร! “ฉันจะย้ายโรงพยาบาล ฉันจะไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุด!” “พี่เกิ่งอย่าเพิ่งตื่นตูม หมอบอกว่า รอพี่ฟื้นตัวดีแล้ว ก็สามารถทำการผ่าตัดครั้งที่สองในโรงพยาบาลที่ดีกว่านี้เพื่อเปลี่ยนข้อต่อเทียมได้” คังหย่งเฉียนปลอบใจพี่เกิ่งไปพลางก็ขยิบตาให้กับพวกพี่น้องคนอื่น ๆ ส่งสัญญาณให้พวกเขารีบมาช่วยกันโน้มน้าว ศิษย์พี่ห
พี่เกิ่งร้องโหยหวนออกมา รู้สึกว่าขาซ้ายพลิกกลับไปด้านหลัง พลันสูญเสียการทรงตัวและล้มหงายไปข้างหลังทันที พลั่ก พี่เกิ่งล้มหงายลงกับพื้น ปากก็ร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา คังหย่งเฉียนถูกกระตุ้นด้วยเสียงร้องของพี่เกิ่งจนตัวสั่นไปทั้งตัว เสียงวิ้ง ๆ ที่ดังอยู่ในหัวยิ่งชัดเจนขึ้นมาทันใด คังหย่งเฉียนกุมใบหน้าที่บวมแดงไปครึ่งหนึ่งมองไปทางศิษย์พี่เกิ่ง ดวงตาของคังหย่งเฉียนก็แทบจะหลุดออกจากเบ้า ศิษย์พี่เกิ่งที่คังหย่งเฉียนเคยคิดว่า แข็งแกร่งไร้เทียมทานนั้น ตอนนี้กำลังร้องคร่ำครวญราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังจะตาย เมื่อมองขาขวาของพี่เกิ่งหักงอในองศาที่ผิดธรรมชาติ คังหย่งเฉียนก็รู้สึกว่า เลือดทั่วร่างกายเย็นเฉียบขึ้นมา นี่เป็นเรื่องที่มนุษย์สามารถทำได้อย่างนั้นเหรอ? นี่เป็นผลลัพธ์ที่สามารถใช้กำปั้นทำได้เหรอ? นี่มันซูเปอร์ไซย่าในตำนานหรืออย่างไรกัน?! พวกศิษย์น้องของพี่เกิ่งหลายคนต่างหวาดกลัวกับความเผด็จการของหลี่โม่ ทั้งกลุ่มพลันหมดความโอหังไปโดยสิ้นเชิง พวกเขาลากพี่เกิ่งขึ้นมาจากพื้นแล้ววิ่งตะบึงออกไปข้างนอกอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่คำพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี้คือศิษย์
คังเหวินซินรออยู่สามวินาที แต่ละวินาทีราวกับยาวนานเป็นปี รออยู่นานฝ่ามือของพี่เกิ่งก็ยังไม่ตบลงมาสักที คังเหวินซินจึงลืมตาขึ้น เมื่อเอียงหน้ามองเห็นฝ่ามือของพี่เกิ่งอยู่ห่างจากหน้าตนแค่เฉียดฉิว หัวใจของคังเหวินซินแทบจะกระโดดออกมาจากปาก หลังจากที่เห็นข้อมือของพี่เกิ่งถูกหลี่โม่คว้าไว้ คังเหวินซินถึงได้รู้สึกว่า หัวใจของตัวเองกลับเข้าที่ได้แล้ว คังเหวินซินที่สงบลงแล้ว รีบถอยไปหลบด้านหลังหลี่โม่ แล้วร้องตะโกนด้วยน้ำตาแห่งความซาบซึ้ง "อาจารย์!" “นายอย่าร้องไห้น่าสมเพชนักสิ มันทำฉันขายหน้านะ” หลี่โม่พูดด้วยรอยยิ้ม คังเหวินซินตะลีตะลานเช็ดเบ้าตา ไม่ยอมให้ตัวเองร้องไห้ออกมา พี่เกิ่งจ้องมองหลี่โม่อย่างโมโห แอบพยายามดึงข้อมือของตัวเองกลับมาอย่างลับ ๆ แต่ไม่ว่าพี่เกิ่งจะพยายามออกแรงแค่ไหน มือของหลี่โม่ก็ราวกับคีมปากเสือหนีบข้อมือของพี่เกิ่งเอาไว้แน่น จนข้อมือของพี่เกิ่งไม่มีทางสลัดหลุดได้เลย “ปล่อยมือฉัน!” พี่เกิ่งตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยว “แกบอกให้ปล่อยก็ต้องปล่อยเหรอ? แกน่าจะอธิบายเรื่องที่จะลงไม้ลงมือกับลูกศิษย์ฉันเมื่อกี้นี้มาสักหน่อยไหม?” หลี่โม่พูดอย่างเย็นชา คังเหวินซินส
กู้หยุนหลานมองไปยังหลี่โม่อย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นหลี่โม่ขยิบตาให้ เธอจึงไม่พูดอะไรและเก็บความสงสัยไว้ในใจ ผู้จัดการหวังโบกมือให้พนักงานขายสาว พนักงานสาวที่ถือสัญญาอยู่แล้วเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว “ผู้จัดการหวัง นี่เป็นสัญญาของวิลล่ายอดเขาค่ะ แต่ราคานี้มัน…” สีหน้าของพนักงานสาวดูบูดเบี้ยวเล็กน้อย ถ้าขายวิลล่านี้ออกไปในราคาต้นทุน เธอคงไม่ได้รับค่าคอมมิชชั่นเลยสักแดง! ที่ผ่านมาเศรษฐีในเมืองฮั่นจำนวนมากต่างก็ถูกใจวิลล่าแห่งนี้ แต่เพราะมีการปิดกั้นการซื้อขาย เลยไม่ได้ขายอย่างเป็นทางการ เดิมทีพวกพนักงานสาวนั้นเตรียมพร้อมที่จะทำกำไรมหาศาลด้วยการขายวิลล่าหลังนี้หลังจากที่เปิดการขายแล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ความฝันของพวกเธอกำลังจะมลายหายไปซะแล้ว “พวกเธอมีสิทธิ์พูดงั้นเหรอ? นี่คือการตัดสินใจของคุณชายใหญ่!” ผู้จัดการหวังตำหนิพนักงานขายสาว พนักงานสาวหดคอและปิดปากเงียบไม่กล้าพูดอีก ผู้จัดการหวังเปิดสัญญาตรวจดู หลังจากยืนยันความถูกต้องแล้ว เขาก็ถือสัญญาเดินไปหาหลี่โม่ “อ่านสัญญาดูก่อนนะครับ หากไม่มีปัญหาอะไร เราจะไปเซ็นสัญญาที่สำนักงานของผมกัน ผมไม่สามารถนำตราประทับอะไรพวกนั้นพกติดต
“คุณชาย อย่ามาขู่ผมเลยครับ ผมไม่กลัวหรอกนะ สิ่งที่ผมพูดไปเมื่อครู่ล้วนมีเหตุมีผล หากไม่เชื่อก็ถามซินแสที่มาดูฮวงจุ้ยให้ได้เลยครับ คำพูดพวกนี้เขาเป็นคนพูดเองกับปากทั้งนั้น” ผู้จัดการหวังแข็งขืน ไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย หลี่โม่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม "เหวินซิน อย่าหุนหันพลันแล่น ผู้จัดการหวังพูดถูกแล้ว คนที่โชคชะตาบารมีไม่ถึง ไม่มีทางข่มพลังฮวงจุ้ยอันยอดเยี่ยมได้แน่นอน” คังเหวินซินพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม "อาจารย์พูดถูกแล้วครับ แต่ด้วยบารมีของอาจารย์ จะต้องสามารถข่มมันได้อย่างแน่นอน พวกเรามาดูกันดีกว่า ที่นี่ล้วนได้รับการตกแต่งอย่างดี คุณหิ้วกระเป๋าเข้ามาอยู่ได้เลย เหลือแค่ดูว่าวิลล่าหลังนี้ถูกใจคุณหรือเปล่าก็พอครับ” เมื่อเห็นคังเหวินซินพยายามเอาอกเอาใจหลี่โม่ ผู้จัดการหวังก็เกิดความสงสัยเล็กน้อย หรือว่าตนจะมองผิดไป? ผู้ชายที่สวมเสื้อผ้าแผงลอยทั้งตัวคนนี้ เป็นคุณชายเศรษฐีที่มาลองสัมผัสประสบการณ์ชีวิตงั้นเหรอ? ไม่อย่างนั้นทำไมคุณชายของตนถึงได้ไปประจบเอาใจเขาขนาดนี้กัน? “คุณชาย ท่านนี้คืออาจารย์ของคุณเหรอครับ?” ผู้จัดการหวังถามอย่างสงสัย “นี่คืออาจารย์ของฉันหลี่โม่ นายสุภาพกับอาจารย์ของฉัน
“ไอ้สารเลวคนไหนไม่ดูตาม้าตาเรือ กล้ามาแย่งวิลล่าของอาจารย์ พวกแกยังมัวแต่กินอะไรกันอีก ไปดูด้วยกัน จัดการไอ้พวกสารเลวนั่นซะ” “ศิษย์พี่เกิ่งพูดถูก พวกเราทุกคนต้องไปดูด้วยกัน บ้านของอาจารย์ต้องดีที่สุดเท่านั้น จะผิดพลาดไม่ได้แม้แต่นิดเดียว” ศิษย์พี่เกิ่งและคนอื่น ๆ พากันลุกขึ้นทีละคน เมื่อเห็นเช่นนี้คังหย่งเฉียนก็เรียกให้พนักงานคิดเงินทันที แล้วจึงพาพวกของศิษย์พี่เกิ่งมุ่งตรงไปยังสวนหนานชุ่ย ... รถเมอร์เซเดสเบนซ์ขับเข้าไปในสวนหนานชุ่ย และขับตรงไปตามทางขึ้นยอดเขา ใกล้กับยอดเขาของเขาหนานชุ่ยนั้นมีที่ราบอยู่บริเวณหนึ่ง ที่ราบนี้ถูกนำมาใช้สร้างวิลล่า พร้อมทั้งปลูกต้นไม้พืชพรรณเขียวชอุ่มรอบ ๆ วิลล่าอีกด้วย ด้านหน้าวิลล่ายังมีลำธารที่ไหลมาจากยอดเขา ทำให้ฮวงจุ้ยของวิลล่านี้ยอดเยี่ยมมากไร้ที่ติ หน้าน้ำหลังเขา ตำแหน่งปากมังกรจัดวางฮวงจุ้ยอย่างดี ทำให้วิลล่าบนยอดเขาหลังนี้เลิศล้ำไม่มีใครเทียม รถเมอร์เซเดสเบนซ์จอดสนิทหน้าประตูวิลล่ายอดเขา ผู้จัดการหวังและพนักงานขายสาวสองคนยืนรอที่ประตูวิลล่าอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นรถเบนซ์จอดนิ่ง ผู้จัดการหวังก็รีบวิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปช่วยเปิดประตูรถ
ผู้จัดการหวังหยิบบุหรี่ออกมาคาบที่มุมปาก เตรียมจะสูบบุหรี่เพื่อสงบสติอารมณ์ คำขอของคังเหวินซินทำให้ผู้จัดการหวังตั้งตัวไม่ติด การจะดูบ้านมันไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้าอีกฝ่ายถูกใจขึ้นมาจริง ๆ จะทำอย่างไรล่ะ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เรื่องราคาต้นทุนหรือเปล่า ถ้าคังหย่งเฉียนเข้ามาครอบครองวิลล่าหลังนี้ เขาก็คงไม่ได้เงินเลยสักแดงเดียว พอนึกถึงคังหย่งเฉียนขึ้นมาผู้จัดการหวังรู้สึกปวดจี๊ด ๆ ขึ้นมา เจ้านั่นเป็นปีศาจเจ้าสำราญแห่งตระกูลคัง วัน ๆ เอาแต่เกียจคร้าน กินดื่มเที่ยวเล่น ยิ่งกว่านั้นยังคบค้ากับพวกอันธพาล ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสตระกูลคังก็ยังถูกคังหย่งเฉียนยั่วโมโหจนเส้นเลือดในสมองตีบ แทบทุกคนในตระกูลคังล้วนทำเป็นไม่สนใจคังหย่งเฉียน ตราบใดที่คังหย่งเฉียนไม่ได้ก่อปัญหา ก็ไม่มีใครสนใจว่า คังหย่งเฉียนจะทำอะไร ถ้าหากยกวิลล่าให้เพื่อนของคังเหวินซินจริง ๆ คังหย่งเฉียนคงจะพาคนมาสับเขาเป็นชิ้น ๆ ถึงที่แน่ หลังจากสูบบุหรี่หมดมวน ผู้จัดการหวังก็ขยี้ก้นบุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่ รู้สึกว่ายังไงก็ควรแจ้งให้คังหย่งเฉียนรู้สักหน่อย ส่วนคังหย่งเฉียนจะต่อสู้กับคังเหวินซินอย่างไรนั้นก็เป็นเรื่องระหว่างพวกเขา