ในขณะเดียวกัน หลี่โม่ก็มาถึงโรงพยาบาลแล้วแม่ยายได้เตือนสติเขาหลายครั้งตั้งแต่เช้าตรู่ ทันทีที่เดินเข้าไป หลี่โม่ก็ชนเข้ากับหลิวซินหมินซึ่งกำลังรีบวิ่งมา เขายิ้มอย่างชื่นชมและพูดว่า “ยินดีต้อนรับคุณหลี่สำหรับการมาตรวจงานที่โรงพยาบาลของเรา”หลี่โม่แสดงสีหน้าตกใจ เขาโบกมือแล้วพูดว่า “ผู้อำนวยการหลิว คุณไม่ต้องทำถึงขนาดนี้หรอก ทำงานของคุณเถอะ ผมแค่มาเยี่ยมลูกสาว”หลิวซินหมินยิ้มอาย ๆ และพูดว่า “ได้ครับ ผมจะไม่รบกวนคุณหลี่ อย่าได้กังวลเรื่องอาการของลูกสาวคุณเลยนะครับ ทางเราจัดการประชุมผู้เชี่ยวชาญข้ามคืนและตอนนี้เรามีแผนแล้ว”หลี่โม่พยักหน้า หลิวซินหมินจึงหันหลังเดินออกไปหลังจากนั้นเขาเดินไปที่ห้องของซีซี ทันทีที่เขาก้าวเข้าประตู เขากลับถูกต่อว่าด้วยคำพูดที่รุนแรง“หลี่โม่ ทำไมแกถึงเพิ่งมาเอาตอนนี้ แกไม่รู้เหรอว่าในโรงพยาบาลทั้งสกปรกและเหนื่อยมากน่ะฮะ?”เมื่อแม่ยายหวังฟางเห็นหลี่โม่กำลังเข้ามา เธอรีบพุ่งเข้าไปหาเขาอย่างเดือดดาลและชี้หน้าหลี่โม่พร้อมกับด่าชุดใหญ่!น่าโมโหชะมัด!ตนดูแลแล้วตลอดช่วงเช้า ไอ้เด็กเวรนี่สมควรตาย เสียเวลาจริง ๆ !หากไม่ใช่เพราะนายท่านกู้ชอบซีซี หวังฟา
เบลล์คลับ?กู้หยุนหลานขอความช่วยเหลือ!ทำไมเธอถึงไปที่แบบนั้น?หลี่โม่ไม่มีเวลาคิด เขาหันหลังแล้ววิ่งออกจากห้องผู้ป่วยด้วยความกระวนกระวายใจ!กู้หยุนหลานจะต้องไม่เป็นอะไร!หวังฟางที่ยังไม่ค่อยเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เธอเห็นหลี่โม่รีบวิ่งออกไปเธอชี้ไปที่แผ่นหลังของหลี่โม่ที่วิ่งออกไปและตะโกนด่าว่า “หลี่โม่ ไอ้คนไร้ประโยชน์ แกจะไปไหนอีก?”น่าโมโหซะจริง!ไอ้หลี่โม่คนนี้ ไม่ใช่เพราะตนเองด่าไปสองสามคำจึงทำให้เขาวิ่งออกไปใช่ไหม?ช่างเป็นขยะที่ไร้ความสามารถจริง ๆ !หลี่โม่ที่เพิ่งวิ่งออกมาจากโรงพยาบาล กำลังจะเรียกรถ แต่แล้วจู่ ๆ รถ Ferrari คันใหม่เอี่ยมที่ตระการตาก็หยุดอยู่ตรงหน้าเขาอย่างรวดเร็วหญิงสาวคนหนึ่งเดินลงมาจากรถ เธอสวมเสื้อโอเวอร์โค้ทสีแดงเพลิงเข้าเซ็ตกับสายเดี่ยวคอวีตัวในและกางเกงทรงกระบอกสีฟ้าอ่อน ขาสวยเรียวยาวชวนหลงใหล เธอดูมีเสน่ห์และเซ็กซี่อย่างเป็นธรรมชาติ“คุณหลี่ คุณจะไปไหนคะ?”ริมฝีปากสีแดงของหญิงสาวเปิดขึ้นเล็กน้อย เธอเดินไปด้านหน้าหลี่โม จากนั้นจึงโค้งคำนับด้วยความเคารพและเอ่ยถามการโค้งคำนับในครั้งนี้ยิ่งทำให้เธอดูน่าหลงไหลมากยิ่งขึ้นอีก“คุณเป็นใคร?” หลี่โ
ใบหน้าของหลี่โม่เย็นชา น้ำเสียงของเขาดูรุนแรง การแสดงออกของเขาดูจริงจัง มีเจตนาฆ่าที่เฉียบคมทั่วร่างกายของเขา!ไป่เสวี่ยเอ๋อร์สั่นสะท้านและถอยหลังไปสองก้าวโดยไม่รู้ตัว!เกิดอะไรขึ้นกับไอ้คนนั้น?ทำไมถึงมีออร่าที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ในร่างกายของเขา!ไม่นึกเลยว่าจะน่ากลัวกว่าคุณโหว!ยิ่งไปกว่านั้น แรงกดดันที่พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้านั่น มันก็ไม่ธรรมดาเลยสักนิด มันทำให้คนอึดอัดจนหายใจไม่ออก! ภาพลวงตาเหรอ?ไอ้เด็กนี่ เป็นคนอย่างไรกันแน่?ไป่เสวี่ยเอ๋อร์สงบลงอย่างรวดเร็ว นัยน์ตาเย็นชา เธอก็พ่นลมหายใจออกมา “คุณฉิน หนุ่มที่คุณพามาดูค่อนข้างน่ากลัวนะ เขาไม่รู้หรือไงว่าที่นี่คือถิ่นของคุณโหว?!”ฉินรั่วรั่วยิ้มจาง ๆโหวหยวนหย่ง?แล้วไง!ต่อหน้าคุณหลี่ ทุกสิ่งในโลกล้วนเป็นเหมือนมด ไม่มีอะไรต้องกลัว!อย่าบอกว่าเป็นโหวหยวนหย่ง ถึงแม้ว่าจะเป็นคุณเทียน เมื่อเห็นเจอคุณหลี่ ก็ต้องให้ความเคารพ!“ไป่เสวี่ยเอ๋อร์ ฉันจะเตือนเธอเป็นครั้งสุดท้าย รีบพาพวกเราไปที่นั่น ไม่อย่างนั้น เธอจะต้องรับผลที่ตามมาเอง!”ฉินรั่วรั่วพูดออกมา จะเกิดอะไรขึ้นในภายหลังทุกอย่างก็ต้องขึ้นอยู่กับไป่เสวี่ยเอ๋อร์แล้ว!ยิ่
ชูจงเทียน!ราชามาเฟียใต้ดินแห่งเมืองฮั่น!เป็นคนที่อยู่เหนือฟ้าอย่างแน่นอนในเมืองฮั่น ชูจงเทียนเป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่ไม่มีใครกล้าที่จะเผชิญหน้ากับเขา!ถ้าจะให้พูด ก่อนหน้านี้โหวหยวนหย่งเป็นคนหยิ่งมากและต้องการจับฉินรั่วรั่ว ตอนนี้เขาพบกับชูจงเทียน เขาไม่กล้าอีกต่อไป เพียงแค่ทำหน้าตาบูดบึ้งยืนอยู่ข้าง ๆ อย่างขมขื่นคนของโลกใต้ดินเมื่อพบกันก็มักอิจฉากัน!“คุณเทียน คุณพาคนจำนวนมากมาในสถานที่ของผม มันหมายความว่ายังไง?”โหวหยวนหย่งไม่พอใจอย่างมากกับใบหน้าของเขาที่เย็นชา เขาแอบกัดฟันและกำหมัดไว้พูดอีกอย่างก็คือ เขาเป็นเจ้าของเบลล์คลับและเป็นหนึ่งในลูกพี่ใหญ่ของเมืองฮั่นแม้ว่าเขาจะไม่กล้าท้าทายชูจงเทียนแต่เขาก็ไม่สุภาพเกินไปเมื่อมองไปที่ชูจงเทียนอีกครั้ง เขาก็พบว่าชายคนนี้เพิกเฉยต่อการมีอยู่ของโหวหยวนหย่งและไม่ได้สนใจที่จะมองเขาด้วยซ้ำมันทำให้โหวหยวนหย่งโกรธมาก!'นี่มันหมายความว่ายังไง!''ฉันโหวหยวนหย่งยังไม่สามารถอยู่ในสายตาของชูจงเทียนได้งั้นเหรอ?!'อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ต่อมานั้นทำให้โหวหยวนหย่งและคนอื่น ๆ ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบโต้!ทุกคนสั่นสะท้าน!แม้แต่ฉินรั่วรั
ในขณะนี้หรงปินเดินออกจากอาคารของหรงคังกรุ๊ป มีรถ Bentley สีดำคันหนึ่งจอดอยู่หน้าประตูพร้อมกับการ์ดชุดดำท่าทีจริงจังหลายสิบคนอยู่ข้าง ๆ ถ้าคนอื่นเห็นต้องตื่นตระหนกแน่นอน!หรงปินประธานหรงคังกรุ๊ปออกมาแล้ว!มีกี่คนที่ร้องขอให้พบกับประธานหรงหรงคังกรุ๊ปแห่งเมืองฮั่น แต่พวกเขาถูกปฏิเสธตอนนี้เขาออกไปด้วยตัวเองจริง ๆ“พ่อ?”หรงฉางเวยตกตะลึง ทันทีที่ได้ยินเสียงในโทรศัพท์ เป็นเสียงพ่อของเขาไม่มีผิดแน่สถานการณ์คืออะไร?“ฉางเวย เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงมีโทรศัพท์มือถือของคุณหลี่?” อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ หรงปินก็ตัวสั่นและเสียงของเขาก็สูงขึ้น“ไอ้เด็กนี่มันทำร้ายผม ผมจะฆ่ามัน!” หรงฉางเวยเลิกคิ้วขึ้น ใบหน้าของเขามองดูหลี่โม่อย่างไม่แยแส ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ'มันต้องเป็นเรื่องบังเอิญแน่ ๆ พ่อของฉันรู้จักไอ้ตัวแสบแบบนั้นได้ยังไงกัน'ยิ่งกว่านั้น ยังมีความนับถือด้วย!เป็นไปไม่ได้!“สามหาว! ใครจะกล้าให้แกไม่เคารพคุณหลี่? ส่งมือถือให้คุณหลี่เดี๋ยวนี้!” หรงปินตะโกนอย่างโกรธจัด ทันได้นั้นเขาก็ใจหาย นี่ลูกชายเขายั่วโมโหคุณหลี่หรือเปล่า?หรงปินตระหนักดีถึงธรรมชาติของลูกชายของเขาเอง เขาไม่เรี
หลี่โม่มองไปที่หรงปินอย่างสงบและพูดอย่างเย็นชาว่า “ประธานหรง ผมทำแบบนี้คุณคงไม่ว่าอะไรใช่ไหม?”ตอนนี้หรงปินไม่กล้าพูด เขาเหลือบมองลูกชายที่โอดโอยอยู่บนพื้นแล้วพูดว่า “ลูกชายผมสมควรได้รับการลงโทษแล้ว คุณหลี่ลงโทษเขา แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่ผมต้องการ”ลูกชายของเขาพิการไปแล้ว แต่พ่อกลับบอกว่ามันเป็นสิ่งที่เขาต้องการชูจงเทียนสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้ว่าตัวตนของคุณหลี่นั้นไม่ธรรมดา แต่เขาก็ยังประหลาดใจกับเหตุการณ์ที่พลิกผันนี้!หรงปินประธานหรงคังกรุ๊ป ตาของเขาคือหรงชางเหอ!ความสัมพันธ์และสถานะของเขาสูงกว่าตัวของเขาเอง!คนที่มีความสูงส่วเช่นนี้ แค่เพียวคำพูดคำเดียวกผ้สามารถทำให้ชูจงเทียนตกลงจากก้อนเมฆสู่ฝุ่นมรณะได้ไม่เห็นถานเค่อหมิงยืนอยู่ข้างหลังเขาด้วยความเคารพเหรอ?ดูหรงฉางเวยที่กำลังนอนอยู่บนพื้นในขณะนี้ กำเป้า มองพ่อด้วยความเจ็บปวดและบ่นพึมพำ “พ่อ… แก้แค้นให้ผมด้วย”ใบหน้าของหรงปินโกรธจัดและดวงตาของเขาก็เย็นชา เขาเชื่อว่าที่หลี่โม่ไว้ชีวิตลูกชายของเขานั้นก็เป็นการผ่อนปรนมากแล้ว!“พานายน้อยออกไป”หรงปินพูดอย่างเย็นชา "ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยแล้วให้ส่งเขากลับไปที่เมืองหลวง ห้ามไม่ให้
“หลี่โม่ อย่ามาล้อเล่นนะ!”กู้หยุนหลานตกตะลึง แล้วก็รู้สึกโกรธมากในตอนนี้หลี่โม่ยังคงคิดจะมาล้อเล่นอีกเหรอ?เขาไม่รู้ความหมายของสัญญานี้ในครั้งนี้เหรอ?หลี่โม่ต้องการอธิบายบางอย่าง แต่กู้หยุนหลานก็นอนลงหันหลังให้เขาหลี่โม่จึงไม่มีทางเลือก นอกจากอยู่เงียบ ๆ‘กู้หยุนหลาน คุณต้องแบกรับทุกสิ่งที่คุณต้องทนมาแทนคุณเอง’‘คืนพรุ่งนี้ในงานเลี้ยงของตระกูลกู้ คุณถูกกำหนดให้กลายเป็นคนที่น่าอิจฉาของทุกคน!’‘ตราบใดที่มันเป็นสิ่งที่คุณต้องการ ผม หลี่โม่ จะเตรียมมันให้คุณเอง!’ในตอนเย็นของวันต่อมา ตระกูลกู้ได้จองห้องพักข้างในของโรงแรมสี่ดาวในเมืองฮั่นและจัดงานเลี้ยงกลางปีที่ประตูโรงแรม มีเรือนร่างสวยงามรอเป็นเวลานานด้วยความกระวนกระวายและความโกรธกู้หยุนหลานมาถึงนานแล้ว เฝ้าดูนาฬิกาที่ข้อมือของเธออย่างใจจดใจจ่อเพื่อรอหลี่โม่ทำไมเขาถึงยังไม่มา?วันนี้เขาแต่งตัวค่อนข้างดีเลย เขาจะไม่มาเหรอ? คงไม่หายหัวไปตอนช่วงเวลาสำคัญ ๆ แบบนี้หรอกนะทุกคนต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงกลางปีของตระกูลกู้ ทุกครั้งที่หลี่โม่เป็นเป้าหมายของการเยาะเย้ยของทุกคน เขาทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากอยู่ที่งานเป็นตัวตลกให้ความบันเท
เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่โม่ กู้ซิ่งเหว่ยก็หัวเราะเยาะขึ้นมาทันที "ได้เซ็นสัญญาแล้วงั้นเหรอ? หลี่โม่ แกพูดอะไรของแก?"“ได้เซ็นสัญญาแล้วงั้นเหรอ? มันจะเป็นไปได้ยังไง! นอกจากความสวยแล้ว กู้หยุนหลานจะไปมีความสามารถอะไรอีกล่ะ ถ้าเธอได้เซ็นสัญญากับหรงคังกรุ๊ป ฉันยอมถูกรถชนตายเลย!”“ไร้สาระ! ไอ้คนไร้ประโยชน์อยากจะยืนหยัดเพื่อภรรยา มันไม่รู้หรือว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไง? กล้าดีนักที่พูดออกมาแบบนั้น?!”“ฉันคิดว่า เราควรจะไล่หลี่โม่ออกไปซะ แล้วก็ให้กู้หยุนหลานรีบลาออกเดี๋ยวนี้!”กลุ่มญาติของตระกูลกู้ และผู้บริหารของบริษัทต่างระเบิดหัวเราะ และล้อเลียนหลี่โม่กับกู้หยุนหลานอย่างไม่เก็บอาการเลยกู้หยุนหลานก็โกรธมากเช่นกัน เธอสะบัดมือของหลี่โม่ออก และลุกขึ้นตบหน้าเขาด้วยน้ำตา แล้วตะโกนว่า "หลี่โม่ คุณจะทำอะไร! ใครให้คุณพูดเรื่องไร้สาระแบบนี้?!"กู้หยุนหลานโกรธมาก!ตอนนี้ หลี่โม่พูดออกไปแบบนั้นมันไม่เท่ากับการขุดหลุมฝังศพตัวเองหรอกเหรอ?หรือจะเป็นเพราะว่า เขากับกู้ซิ่งเหว่ยไม่ลงรอยกันมานาน...หลี่โม่รู้สึกตกตะลึงเล็กน้อยจากการตบของกู้หยุนหลาน เมื่อเห็นใบหน้าที่โกรธ และไม่พอใจของเธอ เขาก็โกรธ
คังหย่งอันกดหมายเลขของคังหย่งเฉียน แล้วพูดเสียงเข้ม "หย่งเฉียน ฉันได้ยินมาว่า แกกับเหวินซินมีปัญหากันเรื่องวิลล่าบนยอดเขาเหรอ?" “พี่ใหญ่ มีปัญหากันน่ะสิ ศิษย์พี่เกิ่งยังถูกทำร้ายจนเข่าหักแล้ว! ศิษย์พี่เกิ่งติดต่อกับอาจารย์โอวหยางไปแล้ว เรื่องนี้อภัยให้ไม่ได้แน่นอน!” คังหย่งเฉียนโกรธแค้นคังเหวินซิน ถ้าไม่ใช่เพราะคังเหวินซินพาหลี่โม่ไปที่นั่น เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น แต่ในเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว คังหย่งเฉียนเองก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ทำได้เพียงเอาความโมโหไปลงที่คังเหวินซินเท่านั้น “หย่งเฉียน ไม่ว่ายังไงก็ตาม แกต้องรับรองความปลอดภัยของเหวินซิน ฉันไม่สนว่า อาจารย์โอวหยางพวกเขาจะทำอะไรกับเพื่อนของเหวินซิน แต่พวกเขาจะทำร้ายเหวินซินไม่ได้เด็ดขาด!” “พี่ใหญ่ ฉันไม่กล้ารับประกันหรอก รับประกันได้แค่ลูกชายของพี่จะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงตายเท่านั้น ถ้าอาจารย์โอวหยางต้องการลงโทษลูกชายของพี่จริง ๆ ฉันจะไปขวางได้ยังไง ฉันขวางไม่ได้หรอก ไม่กล้าขวางด้วย!" คังหย่งอันขมวดคิ้วแน่น หากคังหย่งเฉียนอยู่ต่อหน้าคังหย่งอันในตอนนี้ คังหย่งอันจะต้องตบเขาให้ตายคามือแน่นอน “หย่งเฉียน! แกเป็นอาข
“ไอ้บัดซบเอ๊ย! ใครกล้ามาต่อกรกับฉันโอวหยางจื้อ มันผู้นั้นจะต้องตาย!” โอวหยางจื้อพึมพำอย่างด้วยความอาฆาตแค้น แล้วสั่งให้ลูกศิษย์ไปจองตั๋วเครื่องบิน ...... คังเหวินซินมาส่งหลี่โม่และคนอื่น ๆ ที่บ้าน หลังจากมองดูทั้งสามเดินเข้าไปข้างในแล้ว จึงสตาร์ทรถและขับออกไปอย่างช้า ๆ “อาเล็กถูกจัดการจนหมดท่าแล้ว ต้องบอกพ่อสักคำไหมนะ อาเล็กจะได้ไปตีไข่ใส่สีอีก” หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง คังเหวินซินก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดหมายเลขพ่อของเขาคังหย่งอัน “ฮัลโหล พ่อครับ ผมเพิ่งจะขายวิลล่าบนยอดเขาที่สวนหนานชุ่ยให้เพื่อผมไป ขายราคาต้นทุนน่ะครับ” คังหย่งอันขมวดคิ้ว "นั่นเป็นวิลล่าที่อาเล็กของแกจะเอาไม่ใช่เหรอ แกเอาไปให้เพื่อนได้ยังไง? ผู้จัดการฝ่ายขายว่ายังไงบ้าง?" คังเหวินซินอึ้งครู่หนึ่ง รู้สึกถึงความผิดปกติในคำพูดของคังหย่งอัน "พ่อ พ่อรู้ได้ยังไงว่าอาเล็กอยากได้วิลล่านั่น?” “อาเล็กของแกเคยบอกพ่อว่า วิลล่าหลังนั้นเป็นของขวัญที่เขาจะเก็บไว้ให้กับปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ในต่างประเทศโอวหยางจื้อ แกคงเคยได้ยินเกี่ยวกับโอวหยางจื้อมาบ้างใช่ไหม? เขาเคยรับหน้าที่เป็นผู้กำกับฉากแอ็คชั่นให้กับภาพย
ในแผนกดูแลพิเศษของโรงพยาบาล คังหย่งเฉียนและคนอื่น ๆ นั่งล้อมรอบเตียง มองดูพี่เกิ่งค่อย ๆ ฟื้นคืนสติ เข่าที่หักของพี่เกิ่งได้รับการผ่าตัดแล้ว แต่หลังการผ่าตัด พี่เกิ่งจะได้แต่นั่งอยู่บนรถเข็นเท่านั้น “ซี๊ด ขากับเข่าฉันเป็นยังไงบ้าง?” พี่เกิ่งถามอย่างร้อนใจ “ศิษย์พี่ไม่ต้องกังวล ผ่าตัดเสร็จแล้ว เพียงแต่ระดับการรักษาของที่นี่ยังต่ำไปหน่อย หลังจากฟื้นตัวแล้วพี่ต้องนั่งรถเข็น” คังหย่งเฉียนพูดเสียงเบาหวิว “ไอ้บัดซบ! ฉันไม่อยากนั่งรถเข็น! ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้!” พี่เกิ่งคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว รู้สึกเลวร้ายไปทั้งร่างกาย ชีวิตบนรถเข็น ไม่ใช่ชีวิตที่พี่เกิ่งต้องการเลย ถ้าต้องนั่งรถเข็นแล้ว ต่อไปจะฝึกศิลปะการต่อสู้ หรือออกไปรังแกคนอื่นอย่างไร แล้วจะไปจีบสาว ๆ ได้อย่างไร! “ฉันจะย้ายโรงพยาบาล ฉันจะไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุด!” “พี่เกิ่งอย่าเพิ่งตื่นตูม หมอบอกว่า รอพี่ฟื้นตัวดีแล้ว ก็สามารถทำการผ่าตัดครั้งที่สองในโรงพยาบาลที่ดีกว่านี้เพื่อเปลี่ยนข้อต่อเทียมได้” คังหย่งเฉียนปลอบใจพี่เกิ่งไปพลางก็ขยิบตาให้กับพวกพี่น้องคนอื่น ๆ ส่งสัญญาณให้พวกเขารีบมาช่วยกันโน้มน้าว ศิษย์พี่ห
พี่เกิ่งร้องโหยหวนออกมา รู้สึกว่าขาซ้ายพลิกกลับไปด้านหลัง พลันสูญเสียการทรงตัวและล้มหงายไปข้างหลังทันที พลั่ก พี่เกิ่งล้มหงายลงกับพื้น ปากก็ร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา คังหย่งเฉียนถูกกระตุ้นด้วยเสียงร้องของพี่เกิ่งจนตัวสั่นไปทั้งตัว เสียงวิ้ง ๆ ที่ดังอยู่ในหัวยิ่งชัดเจนขึ้นมาทันใด คังหย่งเฉียนกุมใบหน้าที่บวมแดงไปครึ่งหนึ่งมองไปทางศิษย์พี่เกิ่ง ดวงตาของคังหย่งเฉียนก็แทบจะหลุดออกจากเบ้า ศิษย์พี่เกิ่งที่คังหย่งเฉียนเคยคิดว่า แข็งแกร่งไร้เทียมทานนั้น ตอนนี้กำลังร้องคร่ำครวญราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังจะตาย เมื่อมองขาขวาของพี่เกิ่งหักงอในองศาที่ผิดธรรมชาติ คังหย่งเฉียนก็รู้สึกว่า เลือดทั่วร่างกายเย็นเฉียบขึ้นมา นี่เป็นเรื่องที่มนุษย์สามารถทำได้อย่างนั้นเหรอ? นี่เป็นผลลัพธ์ที่สามารถใช้กำปั้นทำได้เหรอ? นี่มันซูเปอร์ไซย่าในตำนานหรืออย่างไรกัน?! พวกศิษย์น้องของพี่เกิ่งหลายคนต่างหวาดกลัวกับความเผด็จการของหลี่โม่ ทั้งกลุ่มพลันหมดความโอหังไปโดยสิ้นเชิง พวกเขาลากพี่เกิ่งขึ้นมาจากพื้นแล้ววิ่งตะบึงออกไปข้างนอกอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่คำพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี้คือศิษย์
คังเหวินซินรออยู่สามวินาที แต่ละวินาทีราวกับยาวนานเป็นปี รออยู่นานฝ่ามือของพี่เกิ่งก็ยังไม่ตบลงมาสักที คังเหวินซินจึงลืมตาขึ้น เมื่อเอียงหน้ามองเห็นฝ่ามือของพี่เกิ่งอยู่ห่างจากหน้าตนแค่เฉียดฉิว หัวใจของคังเหวินซินแทบจะกระโดดออกมาจากปาก หลังจากที่เห็นข้อมือของพี่เกิ่งถูกหลี่โม่คว้าไว้ คังเหวินซินถึงได้รู้สึกว่า หัวใจของตัวเองกลับเข้าที่ได้แล้ว คังเหวินซินที่สงบลงแล้ว รีบถอยไปหลบด้านหลังหลี่โม่ แล้วร้องตะโกนด้วยน้ำตาแห่งความซาบซึ้ง "อาจารย์!" “นายอย่าร้องไห้น่าสมเพชนักสิ มันทำฉันขายหน้านะ” หลี่โม่พูดด้วยรอยยิ้ม คังเหวินซินตะลีตะลานเช็ดเบ้าตา ไม่ยอมให้ตัวเองร้องไห้ออกมา พี่เกิ่งจ้องมองหลี่โม่อย่างโมโห แอบพยายามดึงข้อมือของตัวเองกลับมาอย่างลับ ๆ แต่ไม่ว่าพี่เกิ่งจะพยายามออกแรงแค่ไหน มือของหลี่โม่ก็ราวกับคีมปากเสือหนีบข้อมือของพี่เกิ่งเอาไว้แน่น จนข้อมือของพี่เกิ่งไม่มีทางสลัดหลุดได้เลย “ปล่อยมือฉัน!” พี่เกิ่งตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยว “แกบอกให้ปล่อยก็ต้องปล่อยเหรอ? แกน่าจะอธิบายเรื่องที่จะลงไม้ลงมือกับลูกศิษย์ฉันเมื่อกี้นี้มาสักหน่อยไหม?” หลี่โม่พูดอย่างเย็นชา คังเหวินซินส
กู้หยุนหลานมองไปยังหลี่โม่อย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นหลี่โม่ขยิบตาให้ เธอจึงไม่พูดอะไรและเก็บความสงสัยไว้ในใจ ผู้จัดการหวังโบกมือให้พนักงานขายสาว พนักงานสาวที่ถือสัญญาอยู่แล้วเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว “ผู้จัดการหวัง นี่เป็นสัญญาของวิลล่ายอดเขาค่ะ แต่ราคานี้มัน…” สีหน้าของพนักงานสาวดูบูดเบี้ยวเล็กน้อย ถ้าขายวิลล่านี้ออกไปในราคาต้นทุน เธอคงไม่ได้รับค่าคอมมิชชั่นเลยสักแดง! ที่ผ่านมาเศรษฐีในเมืองฮั่นจำนวนมากต่างก็ถูกใจวิลล่าแห่งนี้ แต่เพราะมีการปิดกั้นการซื้อขาย เลยไม่ได้ขายอย่างเป็นทางการ เดิมทีพวกพนักงานสาวนั้นเตรียมพร้อมที่จะทำกำไรมหาศาลด้วยการขายวิลล่าหลังนี้หลังจากที่เปิดการขายแล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ความฝันของพวกเธอกำลังจะมลายหายไปซะแล้ว “พวกเธอมีสิทธิ์พูดงั้นเหรอ? นี่คือการตัดสินใจของคุณชายใหญ่!” ผู้จัดการหวังตำหนิพนักงานขายสาว พนักงานสาวหดคอและปิดปากเงียบไม่กล้าพูดอีก ผู้จัดการหวังเปิดสัญญาตรวจดู หลังจากยืนยันความถูกต้องแล้ว เขาก็ถือสัญญาเดินไปหาหลี่โม่ “อ่านสัญญาดูก่อนนะครับ หากไม่มีปัญหาอะไร เราจะไปเซ็นสัญญาที่สำนักงานของผมกัน ผมไม่สามารถนำตราประทับอะไรพวกนั้นพกติดต
“คุณชาย อย่ามาขู่ผมเลยครับ ผมไม่กลัวหรอกนะ สิ่งที่ผมพูดไปเมื่อครู่ล้วนมีเหตุมีผล หากไม่เชื่อก็ถามซินแสที่มาดูฮวงจุ้ยให้ได้เลยครับ คำพูดพวกนี้เขาเป็นคนพูดเองกับปากทั้งนั้น” ผู้จัดการหวังแข็งขืน ไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย หลี่โม่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม "เหวินซิน อย่าหุนหันพลันแล่น ผู้จัดการหวังพูดถูกแล้ว คนที่โชคชะตาบารมีไม่ถึง ไม่มีทางข่มพลังฮวงจุ้ยอันยอดเยี่ยมได้แน่นอน” คังเหวินซินพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม "อาจารย์พูดถูกแล้วครับ แต่ด้วยบารมีของอาจารย์ จะต้องสามารถข่มมันได้อย่างแน่นอน พวกเรามาดูกันดีกว่า ที่นี่ล้วนได้รับการตกแต่งอย่างดี คุณหิ้วกระเป๋าเข้ามาอยู่ได้เลย เหลือแค่ดูว่าวิลล่าหลังนี้ถูกใจคุณหรือเปล่าก็พอครับ” เมื่อเห็นคังเหวินซินพยายามเอาอกเอาใจหลี่โม่ ผู้จัดการหวังก็เกิดความสงสัยเล็กน้อย หรือว่าตนจะมองผิดไป? ผู้ชายที่สวมเสื้อผ้าแผงลอยทั้งตัวคนนี้ เป็นคุณชายเศรษฐีที่มาลองสัมผัสประสบการณ์ชีวิตงั้นเหรอ? ไม่อย่างนั้นทำไมคุณชายของตนถึงได้ไปประจบเอาใจเขาขนาดนี้กัน? “คุณชาย ท่านนี้คืออาจารย์ของคุณเหรอครับ?” ผู้จัดการหวังถามอย่างสงสัย “นี่คืออาจารย์ของฉันหลี่โม่ นายสุภาพกับอาจารย์ของฉัน
“ไอ้สารเลวคนไหนไม่ดูตาม้าตาเรือ กล้ามาแย่งวิลล่าของอาจารย์ พวกแกยังมัวแต่กินอะไรกันอีก ไปดูด้วยกัน จัดการไอ้พวกสารเลวนั่นซะ” “ศิษย์พี่เกิ่งพูดถูก พวกเราทุกคนต้องไปดูด้วยกัน บ้านของอาจารย์ต้องดีที่สุดเท่านั้น จะผิดพลาดไม่ได้แม้แต่นิดเดียว” ศิษย์พี่เกิ่งและคนอื่น ๆ พากันลุกขึ้นทีละคน เมื่อเห็นเช่นนี้คังหย่งเฉียนก็เรียกให้พนักงานคิดเงินทันที แล้วจึงพาพวกของศิษย์พี่เกิ่งมุ่งตรงไปยังสวนหนานชุ่ย ... รถเมอร์เซเดสเบนซ์ขับเข้าไปในสวนหนานชุ่ย และขับตรงไปตามทางขึ้นยอดเขา ใกล้กับยอดเขาของเขาหนานชุ่ยนั้นมีที่ราบอยู่บริเวณหนึ่ง ที่ราบนี้ถูกนำมาใช้สร้างวิลล่า พร้อมทั้งปลูกต้นไม้พืชพรรณเขียวชอุ่มรอบ ๆ วิลล่าอีกด้วย ด้านหน้าวิลล่ายังมีลำธารที่ไหลมาจากยอดเขา ทำให้ฮวงจุ้ยของวิลล่านี้ยอดเยี่ยมมากไร้ที่ติ หน้าน้ำหลังเขา ตำแหน่งปากมังกรจัดวางฮวงจุ้ยอย่างดี ทำให้วิลล่าบนยอดเขาหลังนี้เลิศล้ำไม่มีใครเทียม รถเมอร์เซเดสเบนซ์จอดสนิทหน้าประตูวิลล่ายอดเขา ผู้จัดการหวังและพนักงานขายสาวสองคนยืนรอที่ประตูวิลล่าอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นรถเบนซ์จอดนิ่ง ผู้จัดการหวังก็รีบวิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปช่วยเปิดประตูรถ
ผู้จัดการหวังหยิบบุหรี่ออกมาคาบที่มุมปาก เตรียมจะสูบบุหรี่เพื่อสงบสติอารมณ์ คำขอของคังเหวินซินทำให้ผู้จัดการหวังตั้งตัวไม่ติด การจะดูบ้านมันไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้าอีกฝ่ายถูกใจขึ้นมาจริง ๆ จะทำอย่างไรล่ะ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เรื่องราคาต้นทุนหรือเปล่า ถ้าคังหย่งเฉียนเข้ามาครอบครองวิลล่าหลังนี้ เขาก็คงไม่ได้เงินเลยสักแดงเดียว พอนึกถึงคังหย่งเฉียนขึ้นมาผู้จัดการหวังรู้สึกปวดจี๊ด ๆ ขึ้นมา เจ้านั่นเป็นปีศาจเจ้าสำราญแห่งตระกูลคัง วัน ๆ เอาแต่เกียจคร้าน กินดื่มเที่ยวเล่น ยิ่งกว่านั้นยังคบค้ากับพวกอันธพาล ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสตระกูลคังก็ยังถูกคังหย่งเฉียนยั่วโมโหจนเส้นเลือดในสมองตีบ แทบทุกคนในตระกูลคังล้วนทำเป็นไม่สนใจคังหย่งเฉียน ตราบใดที่คังหย่งเฉียนไม่ได้ก่อปัญหา ก็ไม่มีใครสนใจว่า คังหย่งเฉียนจะทำอะไร ถ้าหากยกวิลล่าให้เพื่อนของคังเหวินซินจริง ๆ คังหย่งเฉียนคงจะพาคนมาสับเขาเป็นชิ้น ๆ ถึงที่แน่ หลังจากสูบบุหรี่หมดมวน ผู้จัดการหวังก็ขยี้ก้นบุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่ รู้สึกว่ายังไงก็ควรแจ้งให้คังหย่งเฉียนรู้สักหน่อย ส่วนคังหย่งเฉียนจะต่อสู้กับคังเหวินซินอย่างไรนั้นก็เป็นเรื่องระหว่างพวกเขา