สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่หลี่โม่ในขณะนี้ กู้ซิ่งเหว่ยก้าวออกมาทันที ชี้ไปที่หลี่โม่ และพูดว่า “พี่เชา คนนี้ไง” หวังฮั่นเชาหันหน้าไปมอง สายตาทั้งคู่มองอย่างเย็นชาที่ชายธรรมดาที่อยู่ข้างหน้าเขา “เป็นแกเองที่ตบน้องสาวฉัน เยี่ยม คุกเข่าขอโทษน้องสาวฉันเดี๋ยวนี้!” หวังฮั่นเชาพูดด้วยท่าทีดุดัน กล้าลงมือกับน้องสาวเขา รนหาที่ตาย! อย่างไรก็ตาม สีหน้าหลี่โม่นั้นเงียบสงบ และพูดว่า "คุณไม่ถามผมเหรอว่าทำไมผมถึงตบน้องสาวคุณ?" “ทำไมฉันต้องถามด้วย ตอนนี้ฉันรู้แค่ว่าแกตบน้องสาวฉัน แกต้องขอโทษน้องสาวฉัน!” หวังฮั่นเชาตระโกนด้วยความโกรธ ลูกน้องที่อยู่ข้างหลังเขาก็ก้าวไปข้างหน้าด้วยความดุดัน กู้ซิ่งเหว่ยหัวเราะอย่างเย็นชาที่มุมปากของเขา หลี่โม่คนนี้เป็นคนงี่เง่าจริง ๆ เขายังต้องการเหตุผล? หวังเมิ่งเหยากอดอก และมองอีกฝ่ายอย่างเย็นชาแล้วตะโกนว่า “พี่ชาย เลิกพูดไร้สาระกับเขา ลงมือให้เขาตาย และแก้แค้นแทนน้อง!” กู้หยุนหลานรู้สึกกังวลในตอนนี้ และอยากออกมาอธิบาย แต่หลี่โม่ขัดเธอไว้ เขามองไปที่หวังฮั่นเชาด้วยสายตาที่แผดเผา และพูดว่า “น้องสาวของคุณจงใจสร้างปัญหาให้ภรรยาของผม คนที่เริ่มลงมือก่อน ท
เฉียว...เฉียวเย่?! ในเวลานี้ทุกคนต่างตกตะลึง! เฉียวเย่มาแล้ว! พวกเขาทั้งหมดหลีกทางโดยอัตโนมัติ และเฉียวเจิ้งหลงก็เดินเข้ามาพร้อมกับคนของเขา หวางฮั่นเฉาก็ตกตะลึงในขณะนั้น เขาหันไปที่มองบุคคลนั้น เป็นเฉียวเย่จริง ๆ เขารีบเข้าไปทักทายด้วยรอยยิ้มชื่นบาน แล้วโค้งคำนับด้วยความเคารพ และพูดว่า "เฉียวเย่ ท่านมาที่นี่ได้ไง?" เพี๊ยะ! กลับกลายเป็นว่าเฉียวเจิ้งหลงเข้าไปตบหน้าหวังฮั่นเชา และจ้องมองเขาด้วยความโกรธ ตะโกนว่า "แกกำลังทำอะไร!" ตบนี้ทำให้หวังฮั่นเชามึนไป ซี๊ด ซี๊ด! ทุกคนต่างก็สูดหายใจเข้า เฉียวเย่ก็คือเฉียวเย่ แรงกดดัน และการลงมือที่โหดเหี้ยมนี้ทำให้ทุกคนสั่นสะท้านในใจ นี่คือหนึ่งในสี่ราชามาเฟียในกรุงโซล เฉียวเย่ เฉียวเจิ้งหลง ออร่านี้ไม่ถูกปกปิดจริง ๆ อย่างไรก็ตามหวังฮั่นเชาไม่กล้าบ่น และตอบด้วยความเคารพว่า “เฉียวเย่ คนผู้นี้รังแกน้องสาวผม ผมพาคนมาสั่งสอนเขาสักหน่อย” หวังฮั่นเชาไม่เข้าใจว่าทำไมเฉียวเย่ถึงมาที่นี่ ยิ่งกว่านั้นคือเข้ามาตบตัวเขา หรือว่าตัวเขาได้ทำอะไรขัดใจเฉียวเย่เข้า? ก็ไม่น่าเป็นไปได้นี่ “สั่งสอน? แกหวังฮั่นเชามีชื่อเสียงมากในตอนนี้กล้าท
ในตอนนั้นกู้หยุนหลานก็เริ่มรู้สึกกระวนกระวาย น้ำตาไหลออกมา เธอตะโกนโวยวายอยากจะรีบพุ่งเข้าไปแต่ก็โดนขัดขวางไว้ “ฮ่าฮ่า ตบได้ดี! ตบให้มันตาย!” หวังเมิ่งเหยายังคงหัวเราะเยาะเย้ยอยู่ข้างนอก และตื่นเต้นอย่างมาก เหลือบมองอย่างภูมิใจแล้วพูดว่า “กู้หยุนหลาน เธอได้ยินไหม สามีที่ไร้ประโยชน์ของเธอกำลังถูกสั่งสอน!” หลายคนก็เริ่มส่ายหัว ตอนนี้หลี่โม่ชายคนนั้นจบสิ้นแล้ว ผิดใจกับหวังฮั่นเชาก็ถือว่าช่างเถอะ แต่ยังผิดใจกับเฉียวเย่อีก นั่นเป็นการขุดหลุมฝังศพตัวเองชัด ๆ ในห้องสำนักงาน หวังฮั่นเชามึนไปทั้งศรีษะแล้วก็ได้ยินเสียงวิ๊ง ๆ ในหูเขา เขาจับหน้าแล้วมองด้วยสายตาไม่น่าเชื่อ มองไปที่เฉียวเจิ้งหลงที่โกรธจัด และถามอย่างสั่นเทา“เฉียว...เฉียวเย่ ท่านตบผิดคนหรือเปล่า? ผมคือหวังฮั่นเชานะ คนต่ำช้านั้น...คนต่ำช้านั้นไม่เคารพคุณนะ” “หุบปาก!” เฉียวเจิ้งหลงพูดด้วยน้ำเสียงที่ลึกล้ำ จากนั้นในสายตาของหวังฮั่นเชาที่แทบไม่อาจเชื่อเลยตลอดชีวิตของเขา เฉียวเจิ้งหลงหันตัวกลับแล้วยืนนิ่ง และก้มหน้าแล้วกล่าวด้วยความเคารพ “คุณชายหลี่ ผมต้องขอโทษด้วย เป็นเพราะผมสอนไม่ดี ปล่อยให้ลูกน้องทำร้ายท่าน โปรดท่านลงโ
ตอนนี้สมองของกู้หยุนหลานว่างเปล่า พยักหน้ารับอืม อืม แล้วปล่อยให้หลี่โม่กุมมือออกไป เพียงแต่ว่าหวังเมิ่งเหยาที่อยู่ด้านข้างรีบออกมา และตรงเข้าไปขวางทางหลี่โม่กับกู่หยุนหลาน เธอตะโกนอย่างบ้าคลั่งว่า "แกออกมาได้ยังไง ทำไมแกถึงไม่ได้รับบาดเจ็บ? เมิ่อกี้ใครเป็นคนถูกทุบตี?" เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหลี่โม่เดินออกมาโดยไม่ได้รับบาดเจ็บ หลี่โม่หันศีรษะจ้องไปที่หวังเมิ่งเหยาด้วยสายตาที่เย็นชา และเตือนว่า "หลีกไป!" คำพูดง่าย ๆ สองคำทำให้หวังเมิ่งเหยาตกใจจนก้าวถอยหลังไปหลายก้าว ช่างเป็นแววตาและแรงโกรธที่น่ากลัว! นี่คือสิ่งที่คนไร้ประโยชน์สามารถแสดงได้หรือ? สิ่งนี้ทำให้หวังเมิ่งเหยาทั้งหวาดกลัวและเกลียดชังในใจ เธอตรงเข้าไปตบหน้าหลี่โม่ทันที และตะโกนว่า "แกกล้าดุฉัน? พี่ชายของฉัน และเฉียวเย่ต่างก็อยู่ที่นี่ แกยังกล้าที่จะดุฉัน?" เพี๊ยะ! แต่ตบรอบนี้กลับลอยค้างอยู่กลางอากาศเพราะมันถูกจับไว้อย่างแน่น หลี่โม่ตรงเข้าไปบีบข้อมือของเธอด้วยแรงเพียงเล็กน้อย แต่ทำให้หวังเมิ่งเหยากรีดร้องด้วยความเจ็บปวด “อย่าบังคับให้ฉันลงมือ!” หลี่โมพูดอย่างเย็นชาแล้วสะบัดมือหวังเมิ่งเหยาทิ้ง และกำลังจะจา
เห็นได้ชัดว่าหวังฮั่นเชาเป็นคนของเฉียวเย่ แต่ทำไมคนที่ออกมาสุดท้ายอย่างหวังฮั่นเชาถึงเต็มไปด้วยบาดแผล หรือว่าหลี่โม่มีความลับที่ซ่อนไม่ให้เธอรู้? หลี่โม่คิดอยู่ครู่หนึ่ง และยิ้มเบา ๆ ว่า “ผมก็ไม่รู้ หลังจากเข้าไป เฉียวเย่ก็มีข้อขัดแย้งกับหวังฮั่นเชาดูเหมือนว่ามีบางอย่างไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม ผมแค่ยืนดูไปเรื่อย ๆ ผมก็ไม่แน่ใจว่าสาเหตูคืออะไร ทำไมล่ะ คุณคงไม่คิดหรอกนะว่าเฉียวเย่ผู้นั้นรู้จักผมแล้วช่วยผมออกแรง”เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่โม่ ความสงสัยของกู้หยุนหลานก็หายไป “ก็ได้ แต่เรื่องนี้ต้องลำบากแน่ ๆ หวังเมิ่งเหยาเป็นนักลงทุนในบริษัทของเรา กู้ซิ่งเหว่ยต้องพูดจาไร้สาระต่อหน้าคุณปู่แน่” กู้หยุนหลานดูเคร่งขรึม หลี่โม่ครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "ไม่เป็นไร ก็แค่เปลี่ยนนักลงทุนรายอื่น นอกจากนี้เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เป็นความผิดของหวังเมิ่งเหยา ไม่ต้องกังลเกินไป" “ทำไมถึงไม่กังวลล่ะ ล่วงเกินนักลงทุน แล้วฉันก็เพิ่งเข้ารับตำแหน่งรองประธาน ถ้าคุณปู่จะลงโทษ เขาอาจจะถอดตำแหน่งรองประธานของฉัน จากนั้นกู้ซิ่งเหว่ยก็สามารถกลับมาเป็นคนร้ายได้อีกครั้ง” กู้หยุนหลานดูเป็นกังวลมาก หลี่โม
จากนั้นทั้งผู้นำตระกูลหวัง และลูก ๆ ของเขาก็ออกจากบ้านเหตุการณ์นี้ทำให้ประชาชนในเมืองฮั่นต่างพากันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ในทันทีเนื่องจากตระกูลหวังนั้นถือได้ว่า เป็นตระกูลที่ร่ำรวยอันดับสองในเมืองฮั่น และสถานะของพวกเขาในเมืองฮั่นนั้นเมื่อเทียบกับตระกูลกู้แล้วก็ถือว่าสูงกว่าไม่น้อยเลยในบริษัทหยุนเชิงเภสัชกรรม ประเด็นของกู้หยุนหลานและสามีของเธอที่ได้ตบหวังฮั่นเชา และหวังเมิ่งเหยาแรง ถูกเผยแพร่ไปทั่วเมืองฮั่นราวกับไฟลามทุ่ง ทุกคนต่างตะลึง เมื่อได้ดูวิดีโอนั่นจากกลุ่มไลน์ พวกเขาทุกคนต่างพูดไม่ออก“โอ้โห! หลี่โม่นี่ช่างป่าเถื่อนจริง ๆ ไม่เหมือนคนกระจอกเลย แม้แต่เสือสาวอย่างหวังเมิ่งเหยายังถูกเขาตบเลย”“ฮ่าฮ่า มันก็เป็นแค่คนไม่เอาถ่าน จะไปทำอะไรได้ นี่ไม่ใช่ว่าตระกูลหวังกำลังจะไปที่บริษัทหยุนเชิงเภสัชกรรมเพื่อขอคำอธิบายเรื่องนี่หรอกเหรอ”“ใช่ คราวนี้กู้หยุนหลานแย่แน่ เพราะเธอมีสามีที่ไร้สมองแบบนี้ไง”ทุกคนพูดคุยกันในกลุ่มไลน์ต่าง ๆ นานา ด้วยคำพูดที่ดูถูกเหยียดหยาม และเย้ยหยันเกือบทุกคนเชื่อว่า คราวนี้ผู้นำตระกูลหวังพาลูกชายและลูกสาวไปที่ประตูเพื่อขอคำอธิบายส่วนทางนี
กู้หยุนหลานเลิกคิ้วขึ้น และมองไปที่หลี่โม่ด้วยสีหน้ากังวล "ทำยังไงดีหลี่โม่ ครั้งนี้เราเจอหายนะครั้งใหญ่แน่"ในใจของเธอเป็นกังวลมาก กู้ซิ่งเหว่ยจะต้องพูดใส่ร้ายเธอ และเป่าหูคุณปู่แน่ ไม่อย่างนั้นคุณปู่คงจะไม่โกรธมากขนาดนี้ยิ่งไปกว่านั้น หวังฉางเห้อผู้นำของตระกูลหวัง ยังขึ้นชื่อเรื่องการปกป้องครอบครัวแบบเอาเป็นเอาตาย และครั้งนี้เธอกับหลี่โม่จัดการหวังเมิ่งเหยา ซึ่งตามนิสัยของหวังฉางเห้อ เขาจะไม่มีวันยอมแพ้เรื่องนี้อย่างแน่นอนหลี่โม่มองดูท่าทีที่กังวลใจของกู้หยุนหลาน และเขายิ้มออกมาเล็กน้อย "ไม่เป็นไร ไปก็ไปสิ บางทีเมื่อถึงเวลานั้นพวกเขาอาจจะมาหาเราเพื่อขอโทษก็ได้"ตึกตักเมื่อได้ยินแบบนี้ หัวใจของกู้หยุนหลานก็สั่นระรัว เธอขมวดคิ้วพลางมองดูใบหน้าที่ยิ้มแย้มของหลี่โม่ และมองเขาด้วยสีหน้าที่ซีดเซียว และพูดว่า "ในเวลาแบบนี้ คุณยังจะเล่นตลกอีกนะ!"หลังจากนั้น เธอก็หยิบกระเป๋า และพูดคุยกับซีซีสองสามคำ แล้วเธอก็เดินหันหลังเดินออกไปเมื่อเห็นหลี่โม่เดินตามมา กู้หยุนหลานก็หันไปทันที และพูดอย่างเย็นชาว่า "คุณอยู่ที่นี่กับซีซีเถอะ ฉันจะไปเอง"หลี่โม่ตัวสั่น และเขาก็เข้าใจความหมายเบื้องหล
ทันใดนั้น ทุกคนในห้องประชุมก็เริ่มพูดคุยกัน และทุกคนในห้องต่างเห็นเป็นเสียงเดียวกัน นั่นก็คือเห็นด้วยกับคุณท่านกู้เมื่อกู้ซิ่งเหว่ยเห็นฉากนี้ ในใจของเขาก็มีความสุขมาก สถานการณ์ตอนนี้ถูกตัดสินแล้ว!ในเวลาเดียวกัน กู้หยุนหลานและหลี่โม่ก็มาถึงประตูของบริษัทหยุนเชิงเภสัชกรรมในขณะที่กู้หยุนหลานรีบเร่งฝีเท้า แต่หลี่โม่ที่เดินอยู่ข้างหลังก็ก้าวเดินอย่างช้า ๆ โดยไม่ตื่นตระหนกเลยแต่ก่อนที่กู้หยุนหลานจะได้เข้าไปในบริษัท เธอก็ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสามคนขวางทางไว้โดยไม่มีเหตุผล“รองประธานกู้ ผมขอโทษด้วย คุณไม่ได้เป็นสมาชิกของบริษัทอีกต่อไปแล้ว เมื่อกี้การประชุมของท่านประธานได้มีการตัดสินใจถอดคุณออกจากตำแหน่งรองประธาน คุณถูกไล่ออกแล้ว” การ์ดคนหนึ่งพูดขึ้นอย่างเย็นชานี่มันอันตรายจริง ๆ และตอนนี้บริษัทก็อยู่ในภาวะตื่นตระหนกถ้าตระกูลหวังมาจริง ๆ พวกเขาคงจะซวยมากแน่เมื่อกู้หยุนหลานได้ยินแบบนี้ สีหน้าหน้าของเธอดูไม่เชื่อ และตะโกนว่า "คุณปู่ทำแบบนั้นจริง ๆ เหรอ? ฉันไม่เชื่อ ฉันจะเข้าไป!"พูดจบ เธอก็รีบวิ่งเข้าไปแต่การ์ดก็ผลักเธอออก และตะโกนว่า "ถ้าคุณบุกเข้ามาอีก พวกเราจะไม่เกรงใ
คังหย่งอันกดหมายเลขของคังหย่งเฉียน แล้วพูดเสียงเข้ม "หย่งเฉียน ฉันได้ยินมาว่า แกกับเหวินซินมีปัญหากันเรื่องวิลล่าบนยอดเขาเหรอ?" “พี่ใหญ่ มีปัญหากันน่ะสิ ศิษย์พี่เกิ่งยังถูกทำร้ายจนเข่าหักแล้ว! ศิษย์พี่เกิ่งติดต่อกับอาจารย์โอวหยางไปแล้ว เรื่องนี้อภัยให้ไม่ได้แน่นอน!” คังหย่งเฉียนโกรธแค้นคังเหวินซิน ถ้าไม่ใช่เพราะคังเหวินซินพาหลี่โม่ไปที่นั่น เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น แต่ในเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว คังหย่งเฉียนเองก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ทำได้เพียงเอาความโมโหไปลงที่คังเหวินซินเท่านั้น “หย่งเฉียน ไม่ว่ายังไงก็ตาม แกต้องรับรองความปลอดภัยของเหวินซิน ฉันไม่สนว่า อาจารย์โอวหยางพวกเขาจะทำอะไรกับเพื่อนของเหวินซิน แต่พวกเขาจะทำร้ายเหวินซินไม่ได้เด็ดขาด!” “พี่ใหญ่ ฉันไม่กล้ารับประกันหรอก รับประกันได้แค่ลูกชายของพี่จะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงตายเท่านั้น ถ้าอาจารย์โอวหยางต้องการลงโทษลูกชายของพี่จริง ๆ ฉันจะไปขวางได้ยังไง ฉันขวางไม่ได้หรอก ไม่กล้าขวางด้วย!" คังหย่งอันขมวดคิ้วแน่น หากคังหย่งเฉียนอยู่ต่อหน้าคังหย่งอันในตอนนี้ คังหย่งอันจะต้องตบเขาให้ตายคามือแน่นอน “หย่งเฉียน! แกเป็นอาข
“ไอ้บัดซบเอ๊ย! ใครกล้ามาต่อกรกับฉันโอวหยางจื้อ มันผู้นั้นจะต้องตาย!” โอวหยางจื้อพึมพำอย่างด้วยความอาฆาตแค้น แล้วสั่งให้ลูกศิษย์ไปจองตั๋วเครื่องบิน ...... คังเหวินซินมาส่งหลี่โม่และคนอื่น ๆ ที่บ้าน หลังจากมองดูทั้งสามเดินเข้าไปข้างในแล้ว จึงสตาร์ทรถและขับออกไปอย่างช้า ๆ “อาเล็กถูกจัดการจนหมดท่าแล้ว ต้องบอกพ่อสักคำไหมนะ อาเล็กจะได้ไปตีไข่ใส่สีอีก” หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง คังเหวินซินก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดหมายเลขพ่อของเขาคังหย่งอัน “ฮัลโหล พ่อครับ ผมเพิ่งจะขายวิลล่าบนยอดเขาที่สวนหนานชุ่ยให้เพื่อผมไป ขายราคาต้นทุนน่ะครับ” คังหย่งอันขมวดคิ้ว "นั่นเป็นวิลล่าที่อาเล็กของแกจะเอาไม่ใช่เหรอ แกเอาไปให้เพื่อนได้ยังไง? ผู้จัดการฝ่ายขายว่ายังไงบ้าง?" คังเหวินซินอึ้งครู่หนึ่ง รู้สึกถึงความผิดปกติในคำพูดของคังหย่งอัน "พ่อ พ่อรู้ได้ยังไงว่าอาเล็กอยากได้วิลล่านั่น?” “อาเล็กของแกเคยบอกพ่อว่า วิลล่าหลังนั้นเป็นของขวัญที่เขาจะเก็บไว้ให้กับปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ในต่างประเทศโอวหยางจื้อ แกคงเคยได้ยินเกี่ยวกับโอวหยางจื้อมาบ้างใช่ไหม? เขาเคยรับหน้าที่เป็นผู้กำกับฉากแอ็คชั่นให้กับภาพย
ในแผนกดูแลพิเศษของโรงพยาบาล คังหย่งเฉียนและคนอื่น ๆ นั่งล้อมรอบเตียง มองดูพี่เกิ่งค่อย ๆ ฟื้นคืนสติ เข่าที่หักของพี่เกิ่งได้รับการผ่าตัดแล้ว แต่หลังการผ่าตัด พี่เกิ่งจะได้แต่นั่งอยู่บนรถเข็นเท่านั้น “ซี๊ด ขากับเข่าฉันเป็นยังไงบ้าง?” พี่เกิ่งถามอย่างร้อนใจ “ศิษย์พี่ไม่ต้องกังวล ผ่าตัดเสร็จแล้ว เพียงแต่ระดับการรักษาของที่นี่ยังต่ำไปหน่อย หลังจากฟื้นตัวแล้วพี่ต้องนั่งรถเข็น” คังหย่งเฉียนพูดเสียงเบาหวิว “ไอ้บัดซบ! ฉันไม่อยากนั่งรถเข็น! ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้!” พี่เกิ่งคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว รู้สึกเลวร้ายไปทั้งร่างกาย ชีวิตบนรถเข็น ไม่ใช่ชีวิตที่พี่เกิ่งต้องการเลย ถ้าต้องนั่งรถเข็นแล้ว ต่อไปจะฝึกศิลปะการต่อสู้ หรือออกไปรังแกคนอื่นอย่างไร แล้วจะไปจีบสาว ๆ ได้อย่างไร! “ฉันจะย้ายโรงพยาบาล ฉันจะไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุด!” “พี่เกิ่งอย่าเพิ่งตื่นตูม หมอบอกว่า รอพี่ฟื้นตัวดีแล้ว ก็สามารถทำการผ่าตัดครั้งที่สองในโรงพยาบาลที่ดีกว่านี้เพื่อเปลี่ยนข้อต่อเทียมได้” คังหย่งเฉียนปลอบใจพี่เกิ่งไปพลางก็ขยิบตาให้กับพวกพี่น้องคนอื่น ๆ ส่งสัญญาณให้พวกเขารีบมาช่วยกันโน้มน้าว ศิษย์พี่ห
พี่เกิ่งร้องโหยหวนออกมา รู้สึกว่าขาซ้ายพลิกกลับไปด้านหลัง พลันสูญเสียการทรงตัวและล้มหงายไปข้างหลังทันที พลั่ก พี่เกิ่งล้มหงายลงกับพื้น ปากก็ร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา คังหย่งเฉียนถูกกระตุ้นด้วยเสียงร้องของพี่เกิ่งจนตัวสั่นไปทั้งตัว เสียงวิ้ง ๆ ที่ดังอยู่ในหัวยิ่งชัดเจนขึ้นมาทันใด คังหย่งเฉียนกุมใบหน้าที่บวมแดงไปครึ่งหนึ่งมองไปทางศิษย์พี่เกิ่ง ดวงตาของคังหย่งเฉียนก็แทบจะหลุดออกจากเบ้า ศิษย์พี่เกิ่งที่คังหย่งเฉียนเคยคิดว่า แข็งแกร่งไร้เทียมทานนั้น ตอนนี้กำลังร้องคร่ำครวญราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังจะตาย เมื่อมองขาขวาของพี่เกิ่งหักงอในองศาที่ผิดธรรมชาติ คังหย่งเฉียนก็รู้สึกว่า เลือดทั่วร่างกายเย็นเฉียบขึ้นมา นี่เป็นเรื่องที่มนุษย์สามารถทำได้อย่างนั้นเหรอ? นี่เป็นผลลัพธ์ที่สามารถใช้กำปั้นทำได้เหรอ? นี่มันซูเปอร์ไซย่าในตำนานหรืออย่างไรกัน?! พวกศิษย์น้องของพี่เกิ่งหลายคนต่างหวาดกลัวกับความเผด็จการของหลี่โม่ ทั้งกลุ่มพลันหมดความโอหังไปโดยสิ้นเชิง พวกเขาลากพี่เกิ่งขึ้นมาจากพื้นแล้ววิ่งตะบึงออกไปข้างนอกอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่คำพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี้คือศิษย์
คังเหวินซินรออยู่สามวินาที แต่ละวินาทีราวกับยาวนานเป็นปี รออยู่นานฝ่ามือของพี่เกิ่งก็ยังไม่ตบลงมาสักที คังเหวินซินจึงลืมตาขึ้น เมื่อเอียงหน้ามองเห็นฝ่ามือของพี่เกิ่งอยู่ห่างจากหน้าตนแค่เฉียดฉิว หัวใจของคังเหวินซินแทบจะกระโดดออกมาจากปาก หลังจากที่เห็นข้อมือของพี่เกิ่งถูกหลี่โม่คว้าไว้ คังเหวินซินถึงได้รู้สึกว่า หัวใจของตัวเองกลับเข้าที่ได้แล้ว คังเหวินซินที่สงบลงแล้ว รีบถอยไปหลบด้านหลังหลี่โม่ แล้วร้องตะโกนด้วยน้ำตาแห่งความซาบซึ้ง "อาจารย์!" “นายอย่าร้องไห้น่าสมเพชนักสิ มันทำฉันขายหน้านะ” หลี่โม่พูดด้วยรอยยิ้ม คังเหวินซินตะลีตะลานเช็ดเบ้าตา ไม่ยอมให้ตัวเองร้องไห้ออกมา พี่เกิ่งจ้องมองหลี่โม่อย่างโมโห แอบพยายามดึงข้อมือของตัวเองกลับมาอย่างลับ ๆ แต่ไม่ว่าพี่เกิ่งจะพยายามออกแรงแค่ไหน มือของหลี่โม่ก็ราวกับคีมปากเสือหนีบข้อมือของพี่เกิ่งเอาไว้แน่น จนข้อมือของพี่เกิ่งไม่มีทางสลัดหลุดได้เลย “ปล่อยมือฉัน!” พี่เกิ่งตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยว “แกบอกให้ปล่อยก็ต้องปล่อยเหรอ? แกน่าจะอธิบายเรื่องที่จะลงไม้ลงมือกับลูกศิษย์ฉันเมื่อกี้นี้มาสักหน่อยไหม?” หลี่โม่พูดอย่างเย็นชา คังเหวินซินส
กู้หยุนหลานมองไปยังหลี่โม่อย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นหลี่โม่ขยิบตาให้ เธอจึงไม่พูดอะไรและเก็บความสงสัยไว้ในใจ ผู้จัดการหวังโบกมือให้พนักงานขายสาว พนักงานสาวที่ถือสัญญาอยู่แล้วเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว “ผู้จัดการหวัง นี่เป็นสัญญาของวิลล่ายอดเขาค่ะ แต่ราคานี้มัน…” สีหน้าของพนักงานสาวดูบูดเบี้ยวเล็กน้อย ถ้าขายวิลล่านี้ออกไปในราคาต้นทุน เธอคงไม่ได้รับค่าคอมมิชชั่นเลยสักแดง! ที่ผ่านมาเศรษฐีในเมืองฮั่นจำนวนมากต่างก็ถูกใจวิลล่าแห่งนี้ แต่เพราะมีการปิดกั้นการซื้อขาย เลยไม่ได้ขายอย่างเป็นทางการ เดิมทีพวกพนักงานสาวนั้นเตรียมพร้อมที่จะทำกำไรมหาศาลด้วยการขายวิลล่าหลังนี้หลังจากที่เปิดการขายแล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ความฝันของพวกเธอกำลังจะมลายหายไปซะแล้ว “พวกเธอมีสิทธิ์พูดงั้นเหรอ? นี่คือการตัดสินใจของคุณชายใหญ่!” ผู้จัดการหวังตำหนิพนักงานขายสาว พนักงานสาวหดคอและปิดปากเงียบไม่กล้าพูดอีก ผู้จัดการหวังเปิดสัญญาตรวจดู หลังจากยืนยันความถูกต้องแล้ว เขาก็ถือสัญญาเดินไปหาหลี่โม่ “อ่านสัญญาดูก่อนนะครับ หากไม่มีปัญหาอะไร เราจะไปเซ็นสัญญาที่สำนักงานของผมกัน ผมไม่สามารถนำตราประทับอะไรพวกนั้นพกติดต
“คุณชาย อย่ามาขู่ผมเลยครับ ผมไม่กลัวหรอกนะ สิ่งที่ผมพูดไปเมื่อครู่ล้วนมีเหตุมีผล หากไม่เชื่อก็ถามซินแสที่มาดูฮวงจุ้ยให้ได้เลยครับ คำพูดพวกนี้เขาเป็นคนพูดเองกับปากทั้งนั้น” ผู้จัดการหวังแข็งขืน ไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย หลี่โม่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม "เหวินซิน อย่าหุนหันพลันแล่น ผู้จัดการหวังพูดถูกแล้ว คนที่โชคชะตาบารมีไม่ถึง ไม่มีทางข่มพลังฮวงจุ้ยอันยอดเยี่ยมได้แน่นอน” คังเหวินซินพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม "อาจารย์พูดถูกแล้วครับ แต่ด้วยบารมีของอาจารย์ จะต้องสามารถข่มมันได้อย่างแน่นอน พวกเรามาดูกันดีกว่า ที่นี่ล้วนได้รับการตกแต่งอย่างดี คุณหิ้วกระเป๋าเข้ามาอยู่ได้เลย เหลือแค่ดูว่าวิลล่าหลังนี้ถูกใจคุณหรือเปล่าก็พอครับ” เมื่อเห็นคังเหวินซินพยายามเอาอกเอาใจหลี่โม่ ผู้จัดการหวังก็เกิดความสงสัยเล็กน้อย หรือว่าตนจะมองผิดไป? ผู้ชายที่สวมเสื้อผ้าแผงลอยทั้งตัวคนนี้ เป็นคุณชายเศรษฐีที่มาลองสัมผัสประสบการณ์ชีวิตงั้นเหรอ? ไม่อย่างนั้นทำไมคุณชายของตนถึงได้ไปประจบเอาใจเขาขนาดนี้กัน? “คุณชาย ท่านนี้คืออาจารย์ของคุณเหรอครับ?” ผู้จัดการหวังถามอย่างสงสัย “นี่คืออาจารย์ของฉันหลี่โม่ นายสุภาพกับอาจารย์ของฉัน
“ไอ้สารเลวคนไหนไม่ดูตาม้าตาเรือ กล้ามาแย่งวิลล่าของอาจารย์ พวกแกยังมัวแต่กินอะไรกันอีก ไปดูด้วยกัน จัดการไอ้พวกสารเลวนั่นซะ” “ศิษย์พี่เกิ่งพูดถูก พวกเราทุกคนต้องไปดูด้วยกัน บ้านของอาจารย์ต้องดีที่สุดเท่านั้น จะผิดพลาดไม่ได้แม้แต่นิดเดียว” ศิษย์พี่เกิ่งและคนอื่น ๆ พากันลุกขึ้นทีละคน เมื่อเห็นเช่นนี้คังหย่งเฉียนก็เรียกให้พนักงานคิดเงินทันที แล้วจึงพาพวกของศิษย์พี่เกิ่งมุ่งตรงไปยังสวนหนานชุ่ย ... รถเมอร์เซเดสเบนซ์ขับเข้าไปในสวนหนานชุ่ย และขับตรงไปตามทางขึ้นยอดเขา ใกล้กับยอดเขาของเขาหนานชุ่ยนั้นมีที่ราบอยู่บริเวณหนึ่ง ที่ราบนี้ถูกนำมาใช้สร้างวิลล่า พร้อมทั้งปลูกต้นไม้พืชพรรณเขียวชอุ่มรอบ ๆ วิลล่าอีกด้วย ด้านหน้าวิลล่ายังมีลำธารที่ไหลมาจากยอดเขา ทำให้ฮวงจุ้ยของวิลล่านี้ยอดเยี่ยมมากไร้ที่ติ หน้าน้ำหลังเขา ตำแหน่งปากมังกรจัดวางฮวงจุ้ยอย่างดี ทำให้วิลล่าบนยอดเขาหลังนี้เลิศล้ำไม่มีใครเทียม รถเมอร์เซเดสเบนซ์จอดสนิทหน้าประตูวิลล่ายอดเขา ผู้จัดการหวังและพนักงานขายสาวสองคนยืนรอที่ประตูวิลล่าอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นรถเบนซ์จอดนิ่ง ผู้จัดการหวังก็รีบวิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปช่วยเปิดประตูรถ
ผู้จัดการหวังหยิบบุหรี่ออกมาคาบที่มุมปาก เตรียมจะสูบบุหรี่เพื่อสงบสติอารมณ์ คำขอของคังเหวินซินทำให้ผู้จัดการหวังตั้งตัวไม่ติด การจะดูบ้านมันไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้าอีกฝ่ายถูกใจขึ้นมาจริง ๆ จะทำอย่างไรล่ะ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เรื่องราคาต้นทุนหรือเปล่า ถ้าคังหย่งเฉียนเข้ามาครอบครองวิลล่าหลังนี้ เขาก็คงไม่ได้เงินเลยสักแดงเดียว พอนึกถึงคังหย่งเฉียนขึ้นมาผู้จัดการหวังรู้สึกปวดจี๊ด ๆ ขึ้นมา เจ้านั่นเป็นปีศาจเจ้าสำราญแห่งตระกูลคัง วัน ๆ เอาแต่เกียจคร้าน กินดื่มเที่ยวเล่น ยิ่งกว่านั้นยังคบค้ากับพวกอันธพาล ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสตระกูลคังก็ยังถูกคังหย่งเฉียนยั่วโมโหจนเส้นเลือดในสมองตีบ แทบทุกคนในตระกูลคังล้วนทำเป็นไม่สนใจคังหย่งเฉียน ตราบใดที่คังหย่งเฉียนไม่ได้ก่อปัญหา ก็ไม่มีใครสนใจว่า คังหย่งเฉียนจะทำอะไร ถ้าหากยกวิลล่าให้เพื่อนของคังเหวินซินจริง ๆ คังหย่งเฉียนคงจะพาคนมาสับเขาเป็นชิ้น ๆ ถึงที่แน่ หลังจากสูบบุหรี่หมดมวน ผู้จัดการหวังก็ขยี้ก้นบุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่ รู้สึกว่ายังไงก็ควรแจ้งให้คังหย่งเฉียนรู้สักหน่อย ส่วนคังหย่งเฉียนจะต่อสู้กับคังเหวินซินอย่างไรนั้นก็เป็นเรื่องระหว่างพวกเขา