ทันใดนั้น ทุกคนในห้องประชุมก็เริ่มพูดคุยกัน และทุกคนในห้องต่างเห็นเป็นเสียงเดียวกัน นั่นก็คือเห็นด้วยกับคุณท่านกู้เมื่อกู้ซิ่งเหว่ยเห็นฉากนี้ ในใจของเขาก็มีความสุขมาก สถานการณ์ตอนนี้ถูกตัดสินแล้ว!ในเวลาเดียวกัน กู้หยุนหลานและหลี่โม่ก็มาถึงประตูของบริษัทหยุนเชิงเภสัชกรรมในขณะที่กู้หยุนหลานรีบเร่งฝีเท้า แต่หลี่โม่ที่เดินอยู่ข้างหลังก็ก้าวเดินอย่างช้า ๆ โดยไม่ตื่นตระหนกเลยแต่ก่อนที่กู้หยุนหลานจะได้เข้าไปในบริษัท เธอก็ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสามคนขวางทางไว้โดยไม่มีเหตุผล“รองประธานกู้ ผมขอโทษด้วย คุณไม่ได้เป็นสมาชิกของบริษัทอีกต่อไปแล้ว เมื่อกี้การประชุมของท่านประธานได้มีการตัดสินใจถอดคุณออกจากตำแหน่งรองประธาน คุณถูกไล่ออกแล้ว” การ์ดคนหนึ่งพูดขึ้นอย่างเย็นชานี่มันอันตรายจริง ๆ และตอนนี้บริษัทก็อยู่ในภาวะตื่นตระหนกถ้าตระกูลหวังมาจริง ๆ พวกเขาคงจะซวยมากแน่เมื่อกู้หยุนหลานได้ยินแบบนี้ สีหน้าหน้าของเธอดูไม่เชื่อ และตะโกนว่า "คุณปู่ทำแบบนั้นจริง ๆ เหรอ? ฉันไม่เชื่อ ฉันจะเข้าไป!"พูดจบ เธอก็รีบวิ่งเข้าไปแต่การ์ดก็ผลักเธอออก และตะโกนว่า "ถ้าคุณบุกเข้ามาอีก พวกเราจะไม่เกรงใ
แต่เธอรู้ว่าหลี่โม่มีร่างกายที่แข็งแกร่ง ภายใต้เสื้อของเขาก็มีกล้ามหน้าท้องที่แข็งแรง และมีรอยแผลเป็นมากมายบนร่างกายของเขากู้หยุนหลานเคยถามหลี่โม่ แต่เขาก็เอาแต่ยิ้ม และอธิบายว่าเขาเคยทำงานในไซต์ก่อสร้างมาก่อน ส่วนรอยแผลเป็นบนร่างกายของเขา ทั้งหมดเป็นร่องรอยที่เขาได้รับบาดเจ็บจากการทะเลาะเมื่อตอนที่เขายังเป็นเด็กกู้หยุนหลานรีบตะโกนว่า "หลี่โม่ พอแล้ว อย่าสร้างปัญหาอีก"หลี่โม่ก็ระงับความโกรธของเขาไว้ และถอยกลับไปยืนข้างกู้หยุนหลานอย่างเงียบ ๆขณะนี้ผู้ช่วยวิ่งเข้าไปในห้องประชุม และพูดกับคุณท่านกู้ว่า "ท่านประธานครับ กู้หยุนหลานกับหลี่โม่อยู่ที่ชั้นล่าง แต่..."“แต่อะไร?” กู้ซิ่งเหว่ยถาม“แต่หลี่โม่ก็จัดการกับการ์ดทั้งสามคนหมดเลยครับ เขาช่างอวดดีจริง ๆ” ผู้ช่วยพูดอย่างยุยงเพราะเขาเป็นคนของกู้ซิ่งเหว่ยเมื่อกู้ซิ่งเหว่ยได้ยินเรื่องนี้ เขาก็ทุบประชุมด้วยความโกรธ และพูดอย่างโกรธเคืองว่า "คุณปู่ครับ ดูหลี่โม่นี่สิครับ ตอนนี้เขาจองหองแค่ไหน เขาไม่ได้ให้ความเคารพคุณปู่ ไม่เห็นบริษัทหยุนเชิงเภสัชกรรมอยู่ในสายตาเลย เขาคงคิดว่า สุดท้ายเราก็ต้องยอมก้มหัวให้กับกู้หยุนหลาน และทำอะไรเขาไม
หวังฉางเห้อนำลูกสาวลูกชายวิ่งไปที่ประตูทันทีกู้ซิ่งเหว่ยที่กำลังโต้เถียงกับกู้หยุนหลานก็เลิกคิ้วขึ้น ทันทีที่เห็นคนที่วิ่งเข้ามา ความโกรธบนใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่สุภาพในทันที และเขาก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่อทักทาย "คุณลุงหวัง มาแล้วเหรอครับ"หลังจากทักทายเสร็จ กู้ซิ่งเหว่ยก็เหลือบไปที่กู้หยุนหลาน สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเย้ยหยันหวังฉางเห้อมาแล้ว หลังจากนี้กู้หยุนหลานกับหลี่โม่จบเห่แน่!กู้ซิ่งเหว่ยเหยียดมือออกอย่างกระตือรือร้นเพื่อที่จะจับมือทักทายกับหวังฉางเห้อ หวังฉางเห้อหัวหน้าตระกูลหวัง ซึ่งถือเป็นตระกูลที่ร่ำรวยระดับสองในเมืองฮั่น เมื่อเปรียบเทียบกับตระกูลกู้ สถานะของพวกเขานั้นสูงกว่าหลายเท่านอกจากนี้ เขายังเป็นผู้ลงทุนของบริษัทหยุนเชิงเภสัชกรรม ดังนั้นกู้ซิ่งเหว่ยจึงต้องระมัดระวังมากแต่ในวินาทีต่อมา กู้ซิ่งเหว่ยก็ต้องตกตะลึงเพราะหวังฉางเห้อเมินเขา และเดินตรงผ่านเขาไป หวังฉางเห้อรีบวิ่งไปหาหลี่โม่ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม และยื่นมือออกมา แล้วพูดอย่างอ่อนน้อมถ่อมตนมาก ๆ ว่า "คุณชายหลี่ครับ ผมขอโทษครับ ผมมาที่นี่เพื่อชดใช้ความผิดของผมด้วยตัวเองครับ"ฉากนี้ทำให้ทั้งกู้ซ
ในขณะนี้กู้หยุนหลานยังคงตกตะลึง เธอส่ายหัวอย่างรวดเร็ว และพูดว่า "ประธานหวัง คุณสุภาพเกินไปแล้วค่ะ"หลังจากนั้น หวังฉางเห้อทำท่าทางเหมือนจะขอร้อง และกล่าวว่า “เชิญทางนี้ครับรองประธานกู้ ผมจะช่วยคุณจัดการอธิบายเรื่องนี้เอง”ฮึดฮัด!กู้ซิ่งเหว่ยที่อยู่ด้านหน้าโกรธจัดหวังฉางเห้อกำลังช่วยกู้หยุนหลานให้ได้รับความเป็นธรรมอย่างนั้นเหรอ?ให้ตายเถอะแบบนี้มันหมายความว่าอะไร?“คุณลุงครับ นี่คือกู้หยุนหลาน คนที่ตบเมิ่งเหยานะครับ ทำไมคุณลุงต้องช่วยจัดการแทนเธอด้วย?” กู้ซิ่งเหว่ยอดที่จะถามไม่ได้"หุบปาก!"สายตาที่เย็นชาของหวังฉางเห้อจ้องไปที่กู้ซิ่งเหว่ย และตะโกนด้วยเสียงต่ำ ๆ ว่า "เรื่องนี้เป็นความผิดของเมิ่งเหยา คนทำผิดก็ต้องยอมรับผิด ทำไม พวกนายอยากให้ตระกูลหวังของฉันตกเป็นเป้าวิพากษ์วิจารณ์ของคนทั้งเมืองฮั่น และกลายเป็นครอบครัวที่ไร้เหตุผลในเมืองฮั่นเหรอไง?”“ผม… ผมไม่กล้าครับ คุณลุงพูดจริงจังเกินไปแล้ว” เหงื่อที่หน้าผากของกู้ซิ่งเหว่ยเริ่มตกหวังฉางเห้อคนนี้ ในหัวสมองของเขากำลังโมโหมากลูกสาวของเขาเองถูกตบ แต่เขากลับต้องให้คำอธิบายแทนผู้กระทำหลังจากนั้น กู้ซิ่งเหว่ยก็พาหวังฉางเห
ขอคำอธิบายให้กับกู้หยุนหลาน?คุณท่านกู้ตกตะลึง เขาไม่รู้เลยว่าหวังฉางเห้อกำลังพูดถึงอะไร“ประธานหวัง คุณหมายความว่ายังไง?” คุณท่านกู้ถามด้วยความงุนงงหวังฉางเห้อพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา และพูดว่า “คุณเป็นคนถอดตำแหน่งรองประธานของกู้หยุนหลาน และไล่เธอออกจากบริษัทหยุนเชิงเภสัชกรรมใช่ไหม?”“นี่เป็นเพราะหยุนหลานรังแกเมิ่งเหยา ผมเป็นคนรักษาความยุติธรรมแม้เธอจะเป็นคนในครอบครัว ประธานหวัง คุณไม่ต้องกังวลเลยครับ ถ้าคุณคิดว่า การลงโทษครั้งนี้ยังไม่เพียงพอ บอกผมมาได้เลย ผมจะทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างเราทั้งสองตระกูล และเพื่อไม่ให้กระทบต่อการลงทุนด้วยครับ"คุณท่านกู้ยิ้ม สีหน้าของเขานั้นช่างดูไร้ยางอาย และไม่มีความละอายแก่ใจเลยแต่ว่าสีหน้าของหวังฉางเห้อแย่ลง และเขาพูดอย่างเคร่งขรึมว่า "ผมหมายถึง ต้องการให้คืนตำแหน่งของกู้หยุนหลานในฐานะรองประธาน ส่วนเรื่องความร่วมมือในการลงทุนระหว่างตระกูลหวังของผมกับบริษัทหยุนเชิงเภสัชกรรม จากนี้ไปจะต้องให้รองประธานกู้เป็นคนดูแล"ซี้ดด!ทุกคนในห้องประชุมสูดหายใจเข้า!นี่ แบบนี้มันหมายความว่าอะไร?หวังฉางเห้อบ้าไปแล้วเหรอ?ลูก
ทั้งความร่วมมือกับตระกูลหวัง และตำแหน่งรองประธาน จู่ ๆ ทั้งหมดมันก็หายไปภายในพริบตาเดียว แล้วตำแหน่งของกู้ซิ่งเหว่ยในบริษัทก็จะตกต่ำลงด้วย!สุดท้ายคุณท่านกู้ก็พ่นลมออกอย่างเย็นชา และตะโกนว่า "พอได้แล้ว! เลิกเล่นได้แล้ว ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่สำคัญของบริษัทหยุนเชิงเภสัชกรรม พวกเราต้องร่วมมือกันเพื่อเซ็นสัญญาขอความร่วมมือกับหรงคังกรุ๊ปให้สำเร็จ แกก็ต้องเก็บอารมณ์ของแกด้วย และต้องช่วยหยุนหลานให้มาก ๆ เข้าใจไหม?”หลังจากนั้น คุณท่านกู้ก็หันหลังกลับเดินออกไปกู้หยุนหลานมองดูกู้ซิ่งเหว่ยที่กำลังโกรธด้วยสายตาเย็นชา เธอหันหลังกลับและพาหลี่โม่ออกไปดวงตาของกู้ซิ่งเหว่ยแดงก่ำ เขาทุบโต๊ะประชุมด้วยความโกรธ และตะโกนด้วยน้ำเสียงต่ำว่า "กู้หยุนหลาน หลี่โม่ ฉันจะไม่ปล่อยพวกแกไว้แน่!"อีกด้าน กู้หยุนหลานพาหลี่โม่ออกจากบริษัท ที่หน้าประตูบริษัท เธอก็หยุด และหันกลับมาถามด้วยสีหน้าที่เย็นชาว่า "หลี่โม่ บอกฉันมาว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับคุณไหม?"หลี่โม่รู้ว่ากู้หยุนหลานจะต้องถามแบบนี้ เขายักไหล่ และยิ้มอย่างแผ่วเบา "ทำไมคุณถึงรู้สึกแบบนั้นล่ะ?"กู้หยุนหลานตอบว่า "เมื่อกี้ไม่มีใครสังเกตเห็นคุณ
กู้หยุนหลานเงียบ เธอก็ไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ เธอถึงมีความคิดแบบนี้หากคิดตามที่จินช่านน่าบอกว่า ในเมืองฮั่นมีบัตรเชิญสีทองเพียงสิบใบเท่านั้น!ถ้าฉวีเทียนไห่ไม่มีทางที่จะได้รับบัตรเชิญ แล้วทำไมหลี่โม่ถึงได้รับล่ะ?จินช่านน่ายิ้ม เธอเหลือบมองด้านหลังของหลี่โม่ที่กำลังยุ่งอยู่ในครัวอย่างเย็นชา รู้สึกรังเกียจมาก และพูดว่า "ไม่เอาน่าหยุนหลาน ฉันรู้ว่าเธอหวังเสมอว่า หลี่โม่จะประสบความสำเร็จ แต่เธอก็รู้ว่าเขาเป็นเพียงแค่ผู้ชายที่เกาะผู้หญิง ทำไมเธอถึงเพ้อฝันว่าเขาจะยิ่งใหญ่ขนาดนั้น? ถึงแม้ว่าครั้งที่แล้วสิ่งที่เขาทำที่ซีซาร์พาเลซจะดีมาก แต่มันก็เป็นเพียงความภาคภูมิใจของผู้มีอิทธิพลท้องถิ่นคนอื่น”ทันใดนั้น หลี่โม่ก็เดินมาถึงพร้อมกับจานผลไม้ที่หั่นแล้ว และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เพิ่งปอกสด ๆ เลย”จินช่านน่าเหลือบมองหลี่โม่ เธอยกบัตรเชิญในมือขึ้น แล้วถามด้วยรอยยิ้มว่า "หลี่โม่ ฉันขอถามนายหน่อย นายได้รับบัตรเชิญใบนี้มาหรือเปล่า?"หลี่โม่หัวเราะคิกคัก เขาไม่ได้ตอบ แต่มองไปที่กู้หยุนหลาน แล้วพูดว่า "ไปเถอะ โอกาสดี ๆ แบบนี้หายาก อย่าถามผมเลย"กู้หยุนหลานตัวสั่นเล็กน้อย เธอขมวดคิ้วพลางมองไปที่หลี่โม่
จากนั้น ทั้งสามคนก็เข้าไปในห้องแสดงดนตรีพร้อมกับบัตรเชิญแน่นอนว่าฉวีเทียนไห่ไม่ได้สังเกตเห็นบัตรเชิญสีทองในมือของกู้หยุนหลาน เขาคุยโอ้อวดต่อหน้าพวกเธอ และบอกว่าคราวนี้เขาต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหนถึงจะได้รับบัตรเชิญนี้มา และยังบอกว่าหลังจากจบคอนเสิร์ต เขามีเซอร์ไพรส์ให้กู้หยุนหลานด้วยกู้หยุนหลานและจินช่านน่าเดินตามหลังฉวีเทียนไห่ไป หลายครั้งที่จินช่านน่าที่อยู่ข้างหลังทำท่าทางตามการกระทำของฉวีเทียนไห่ และพูดย้ำคำพูดของเขาสิ่งนี้ทำให้ฉวีเทียนไห่รู้สึกปวดหัว และหลายครั้ง ๆ แทบจะอดกลั้นไว้ไม่ไหวโชคดีที่กู้หยุนหลานพูดขัดจังหวะขึ้นมาว่า "พวกเราอยู่แถวแรก"กู้หยุนหลานเหลือบมองไปรอบ ๆ เพื่อหาตำแหน่งแถวแรก และเธอก็เห็นว่าตำแหน่งที่นั่งของเธอมีวิวสวยมาก และมีเพียงสิบที่นั่งเท่านั้นซึ่งมันห่างจากแถวที่สองด้านหลังออกไปสองเมตรมันเป็นตำแหน่งที่โดดเด่นมากที่สุดของกลุ่มผู้ชมฉวีเทียนไห่มองไปที่กู้หยุนหลาน และจินช่านน่า แล้วถามด้วยความสงสัยว่า "พวกคุณอยู่แถวแรกเหรอ?"จากนั้นเขาก็ก้มดู แล้วถึงได้รู้ว่าตัวเองอยู่ในแถวที่สี่ แต่ทำไมกู้หยุนหลานถึงได้อยู่แถวแรก?นี่มันหมายความว่าอะไร?จากน
คังหย่งอันกดหมายเลขของคังหย่งเฉียน แล้วพูดเสียงเข้ม "หย่งเฉียน ฉันได้ยินมาว่า แกกับเหวินซินมีปัญหากันเรื่องวิลล่าบนยอดเขาเหรอ?" “พี่ใหญ่ มีปัญหากันน่ะสิ ศิษย์พี่เกิ่งยังถูกทำร้ายจนเข่าหักแล้ว! ศิษย์พี่เกิ่งติดต่อกับอาจารย์โอวหยางไปแล้ว เรื่องนี้อภัยให้ไม่ได้แน่นอน!” คังหย่งเฉียนโกรธแค้นคังเหวินซิน ถ้าไม่ใช่เพราะคังเหวินซินพาหลี่โม่ไปที่นั่น เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น แต่ในเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว คังหย่งเฉียนเองก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ทำได้เพียงเอาความโมโหไปลงที่คังเหวินซินเท่านั้น “หย่งเฉียน ไม่ว่ายังไงก็ตาม แกต้องรับรองความปลอดภัยของเหวินซิน ฉันไม่สนว่า อาจารย์โอวหยางพวกเขาจะทำอะไรกับเพื่อนของเหวินซิน แต่พวกเขาจะทำร้ายเหวินซินไม่ได้เด็ดขาด!” “พี่ใหญ่ ฉันไม่กล้ารับประกันหรอก รับประกันได้แค่ลูกชายของพี่จะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงตายเท่านั้น ถ้าอาจารย์โอวหยางต้องการลงโทษลูกชายของพี่จริง ๆ ฉันจะไปขวางได้ยังไง ฉันขวางไม่ได้หรอก ไม่กล้าขวางด้วย!" คังหย่งอันขมวดคิ้วแน่น หากคังหย่งเฉียนอยู่ต่อหน้าคังหย่งอันในตอนนี้ คังหย่งอันจะต้องตบเขาให้ตายคามือแน่นอน “หย่งเฉียน! แกเป็นอาข
“ไอ้บัดซบเอ๊ย! ใครกล้ามาต่อกรกับฉันโอวหยางจื้อ มันผู้นั้นจะต้องตาย!” โอวหยางจื้อพึมพำอย่างด้วยความอาฆาตแค้น แล้วสั่งให้ลูกศิษย์ไปจองตั๋วเครื่องบิน ...... คังเหวินซินมาส่งหลี่โม่และคนอื่น ๆ ที่บ้าน หลังจากมองดูทั้งสามเดินเข้าไปข้างในแล้ว จึงสตาร์ทรถและขับออกไปอย่างช้า ๆ “อาเล็กถูกจัดการจนหมดท่าแล้ว ต้องบอกพ่อสักคำไหมนะ อาเล็กจะได้ไปตีไข่ใส่สีอีก” หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง คังเหวินซินก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดหมายเลขพ่อของเขาคังหย่งอัน “ฮัลโหล พ่อครับ ผมเพิ่งจะขายวิลล่าบนยอดเขาที่สวนหนานชุ่ยให้เพื่อผมไป ขายราคาต้นทุนน่ะครับ” คังหย่งอันขมวดคิ้ว "นั่นเป็นวิลล่าที่อาเล็กของแกจะเอาไม่ใช่เหรอ แกเอาไปให้เพื่อนได้ยังไง? ผู้จัดการฝ่ายขายว่ายังไงบ้าง?" คังเหวินซินอึ้งครู่หนึ่ง รู้สึกถึงความผิดปกติในคำพูดของคังหย่งอัน "พ่อ พ่อรู้ได้ยังไงว่าอาเล็กอยากได้วิลล่านั่น?” “อาเล็กของแกเคยบอกพ่อว่า วิลล่าหลังนั้นเป็นของขวัญที่เขาจะเก็บไว้ให้กับปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ในต่างประเทศโอวหยางจื้อ แกคงเคยได้ยินเกี่ยวกับโอวหยางจื้อมาบ้างใช่ไหม? เขาเคยรับหน้าที่เป็นผู้กำกับฉากแอ็คชั่นให้กับภาพย
ในแผนกดูแลพิเศษของโรงพยาบาล คังหย่งเฉียนและคนอื่น ๆ นั่งล้อมรอบเตียง มองดูพี่เกิ่งค่อย ๆ ฟื้นคืนสติ เข่าที่หักของพี่เกิ่งได้รับการผ่าตัดแล้ว แต่หลังการผ่าตัด พี่เกิ่งจะได้แต่นั่งอยู่บนรถเข็นเท่านั้น “ซี๊ด ขากับเข่าฉันเป็นยังไงบ้าง?” พี่เกิ่งถามอย่างร้อนใจ “ศิษย์พี่ไม่ต้องกังวล ผ่าตัดเสร็จแล้ว เพียงแต่ระดับการรักษาของที่นี่ยังต่ำไปหน่อย หลังจากฟื้นตัวแล้วพี่ต้องนั่งรถเข็น” คังหย่งเฉียนพูดเสียงเบาหวิว “ไอ้บัดซบ! ฉันไม่อยากนั่งรถเข็น! ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้!” พี่เกิ่งคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว รู้สึกเลวร้ายไปทั้งร่างกาย ชีวิตบนรถเข็น ไม่ใช่ชีวิตที่พี่เกิ่งต้องการเลย ถ้าต้องนั่งรถเข็นแล้ว ต่อไปจะฝึกศิลปะการต่อสู้ หรือออกไปรังแกคนอื่นอย่างไร แล้วจะไปจีบสาว ๆ ได้อย่างไร! “ฉันจะย้ายโรงพยาบาล ฉันจะไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุด!” “พี่เกิ่งอย่าเพิ่งตื่นตูม หมอบอกว่า รอพี่ฟื้นตัวดีแล้ว ก็สามารถทำการผ่าตัดครั้งที่สองในโรงพยาบาลที่ดีกว่านี้เพื่อเปลี่ยนข้อต่อเทียมได้” คังหย่งเฉียนปลอบใจพี่เกิ่งไปพลางก็ขยิบตาให้กับพวกพี่น้องคนอื่น ๆ ส่งสัญญาณให้พวกเขารีบมาช่วยกันโน้มน้าว ศิษย์พี่ห
พี่เกิ่งร้องโหยหวนออกมา รู้สึกว่าขาซ้ายพลิกกลับไปด้านหลัง พลันสูญเสียการทรงตัวและล้มหงายไปข้างหลังทันที พลั่ก พี่เกิ่งล้มหงายลงกับพื้น ปากก็ร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา คังหย่งเฉียนถูกกระตุ้นด้วยเสียงร้องของพี่เกิ่งจนตัวสั่นไปทั้งตัว เสียงวิ้ง ๆ ที่ดังอยู่ในหัวยิ่งชัดเจนขึ้นมาทันใด คังหย่งเฉียนกุมใบหน้าที่บวมแดงไปครึ่งหนึ่งมองไปทางศิษย์พี่เกิ่ง ดวงตาของคังหย่งเฉียนก็แทบจะหลุดออกจากเบ้า ศิษย์พี่เกิ่งที่คังหย่งเฉียนเคยคิดว่า แข็งแกร่งไร้เทียมทานนั้น ตอนนี้กำลังร้องคร่ำครวญราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังจะตาย เมื่อมองขาขวาของพี่เกิ่งหักงอในองศาที่ผิดธรรมชาติ คังหย่งเฉียนก็รู้สึกว่า เลือดทั่วร่างกายเย็นเฉียบขึ้นมา นี่เป็นเรื่องที่มนุษย์สามารถทำได้อย่างนั้นเหรอ? นี่เป็นผลลัพธ์ที่สามารถใช้กำปั้นทำได้เหรอ? นี่มันซูเปอร์ไซย่าในตำนานหรืออย่างไรกัน?! พวกศิษย์น้องของพี่เกิ่งหลายคนต่างหวาดกลัวกับความเผด็จการของหลี่โม่ ทั้งกลุ่มพลันหมดความโอหังไปโดยสิ้นเชิง พวกเขาลากพี่เกิ่งขึ้นมาจากพื้นแล้ววิ่งตะบึงออกไปข้างนอกอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่คำพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี้คือศิษย์
คังเหวินซินรออยู่สามวินาที แต่ละวินาทีราวกับยาวนานเป็นปี รออยู่นานฝ่ามือของพี่เกิ่งก็ยังไม่ตบลงมาสักที คังเหวินซินจึงลืมตาขึ้น เมื่อเอียงหน้ามองเห็นฝ่ามือของพี่เกิ่งอยู่ห่างจากหน้าตนแค่เฉียดฉิว หัวใจของคังเหวินซินแทบจะกระโดดออกมาจากปาก หลังจากที่เห็นข้อมือของพี่เกิ่งถูกหลี่โม่คว้าไว้ คังเหวินซินถึงได้รู้สึกว่า หัวใจของตัวเองกลับเข้าที่ได้แล้ว คังเหวินซินที่สงบลงแล้ว รีบถอยไปหลบด้านหลังหลี่โม่ แล้วร้องตะโกนด้วยน้ำตาแห่งความซาบซึ้ง "อาจารย์!" “นายอย่าร้องไห้น่าสมเพชนักสิ มันทำฉันขายหน้านะ” หลี่โม่พูดด้วยรอยยิ้ม คังเหวินซินตะลีตะลานเช็ดเบ้าตา ไม่ยอมให้ตัวเองร้องไห้ออกมา พี่เกิ่งจ้องมองหลี่โม่อย่างโมโห แอบพยายามดึงข้อมือของตัวเองกลับมาอย่างลับ ๆ แต่ไม่ว่าพี่เกิ่งจะพยายามออกแรงแค่ไหน มือของหลี่โม่ก็ราวกับคีมปากเสือหนีบข้อมือของพี่เกิ่งเอาไว้แน่น จนข้อมือของพี่เกิ่งไม่มีทางสลัดหลุดได้เลย “ปล่อยมือฉัน!” พี่เกิ่งตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยว “แกบอกให้ปล่อยก็ต้องปล่อยเหรอ? แกน่าจะอธิบายเรื่องที่จะลงไม้ลงมือกับลูกศิษย์ฉันเมื่อกี้นี้มาสักหน่อยไหม?” หลี่โม่พูดอย่างเย็นชา คังเหวินซินส
กู้หยุนหลานมองไปยังหลี่โม่อย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นหลี่โม่ขยิบตาให้ เธอจึงไม่พูดอะไรและเก็บความสงสัยไว้ในใจ ผู้จัดการหวังโบกมือให้พนักงานขายสาว พนักงานสาวที่ถือสัญญาอยู่แล้วเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว “ผู้จัดการหวัง นี่เป็นสัญญาของวิลล่ายอดเขาค่ะ แต่ราคานี้มัน…” สีหน้าของพนักงานสาวดูบูดเบี้ยวเล็กน้อย ถ้าขายวิลล่านี้ออกไปในราคาต้นทุน เธอคงไม่ได้รับค่าคอมมิชชั่นเลยสักแดง! ที่ผ่านมาเศรษฐีในเมืองฮั่นจำนวนมากต่างก็ถูกใจวิลล่าแห่งนี้ แต่เพราะมีการปิดกั้นการซื้อขาย เลยไม่ได้ขายอย่างเป็นทางการ เดิมทีพวกพนักงานสาวนั้นเตรียมพร้อมที่จะทำกำไรมหาศาลด้วยการขายวิลล่าหลังนี้หลังจากที่เปิดการขายแล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ความฝันของพวกเธอกำลังจะมลายหายไปซะแล้ว “พวกเธอมีสิทธิ์พูดงั้นเหรอ? นี่คือการตัดสินใจของคุณชายใหญ่!” ผู้จัดการหวังตำหนิพนักงานขายสาว พนักงานสาวหดคอและปิดปากเงียบไม่กล้าพูดอีก ผู้จัดการหวังเปิดสัญญาตรวจดู หลังจากยืนยันความถูกต้องแล้ว เขาก็ถือสัญญาเดินไปหาหลี่โม่ “อ่านสัญญาดูก่อนนะครับ หากไม่มีปัญหาอะไร เราจะไปเซ็นสัญญาที่สำนักงานของผมกัน ผมไม่สามารถนำตราประทับอะไรพวกนั้นพกติดต
“คุณชาย อย่ามาขู่ผมเลยครับ ผมไม่กลัวหรอกนะ สิ่งที่ผมพูดไปเมื่อครู่ล้วนมีเหตุมีผล หากไม่เชื่อก็ถามซินแสที่มาดูฮวงจุ้ยให้ได้เลยครับ คำพูดพวกนี้เขาเป็นคนพูดเองกับปากทั้งนั้น” ผู้จัดการหวังแข็งขืน ไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย หลี่โม่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม "เหวินซิน อย่าหุนหันพลันแล่น ผู้จัดการหวังพูดถูกแล้ว คนที่โชคชะตาบารมีไม่ถึง ไม่มีทางข่มพลังฮวงจุ้ยอันยอดเยี่ยมได้แน่นอน” คังเหวินซินพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม "อาจารย์พูดถูกแล้วครับ แต่ด้วยบารมีของอาจารย์ จะต้องสามารถข่มมันได้อย่างแน่นอน พวกเรามาดูกันดีกว่า ที่นี่ล้วนได้รับการตกแต่งอย่างดี คุณหิ้วกระเป๋าเข้ามาอยู่ได้เลย เหลือแค่ดูว่าวิลล่าหลังนี้ถูกใจคุณหรือเปล่าก็พอครับ” เมื่อเห็นคังเหวินซินพยายามเอาอกเอาใจหลี่โม่ ผู้จัดการหวังก็เกิดความสงสัยเล็กน้อย หรือว่าตนจะมองผิดไป? ผู้ชายที่สวมเสื้อผ้าแผงลอยทั้งตัวคนนี้ เป็นคุณชายเศรษฐีที่มาลองสัมผัสประสบการณ์ชีวิตงั้นเหรอ? ไม่อย่างนั้นทำไมคุณชายของตนถึงได้ไปประจบเอาใจเขาขนาดนี้กัน? “คุณชาย ท่านนี้คืออาจารย์ของคุณเหรอครับ?” ผู้จัดการหวังถามอย่างสงสัย “นี่คืออาจารย์ของฉันหลี่โม่ นายสุภาพกับอาจารย์ของฉัน
“ไอ้สารเลวคนไหนไม่ดูตาม้าตาเรือ กล้ามาแย่งวิลล่าของอาจารย์ พวกแกยังมัวแต่กินอะไรกันอีก ไปดูด้วยกัน จัดการไอ้พวกสารเลวนั่นซะ” “ศิษย์พี่เกิ่งพูดถูก พวกเราทุกคนต้องไปดูด้วยกัน บ้านของอาจารย์ต้องดีที่สุดเท่านั้น จะผิดพลาดไม่ได้แม้แต่นิดเดียว” ศิษย์พี่เกิ่งและคนอื่น ๆ พากันลุกขึ้นทีละคน เมื่อเห็นเช่นนี้คังหย่งเฉียนก็เรียกให้พนักงานคิดเงินทันที แล้วจึงพาพวกของศิษย์พี่เกิ่งมุ่งตรงไปยังสวนหนานชุ่ย ... รถเมอร์เซเดสเบนซ์ขับเข้าไปในสวนหนานชุ่ย และขับตรงไปตามทางขึ้นยอดเขา ใกล้กับยอดเขาของเขาหนานชุ่ยนั้นมีที่ราบอยู่บริเวณหนึ่ง ที่ราบนี้ถูกนำมาใช้สร้างวิลล่า พร้อมทั้งปลูกต้นไม้พืชพรรณเขียวชอุ่มรอบ ๆ วิลล่าอีกด้วย ด้านหน้าวิลล่ายังมีลำธารที่ไหลมาจากยอดเขา ทำให้ฮวงจุ้ยของวิลล่านี้ยอดเยี่ยมมากไร้ที่ติ หน้าน้ำหลังเขา ตำแหน่งปากมังกรจัดวางฮวงจุ้ยอย่างดี ทำให้วิลล่าบนยอดเขาหลังนี้เลิศล้ำไม่มีใครเทียม รถเมอร์เซเดสเบนซ์จอดสนิทหน้าประตูวิลล่ายอดเขา ผู้จัดการหวังและพนักงานขายสาวสองคนยืนรอที่ประตูวิลล่าอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นรถเบนซ์จอดนิ่ง ผู้จัดการหวังก็รีบวิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปช่วยเปิดประตูรถ
ผู้จัดการหวังหยิบบุหรี่ออกมาคาบที่มุมปาก เตรียมจะสูบบุหรี่เพื่อสงบสติอารมณ์ คำขอของคังเหวินซินทำให้ผู้จัดการหวังตั้งตัวไม่ติด การจะดูบ้านมันไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้าอีกฝ่ายถูกใจขึ้นมาจริง ๆ จะทำอย่างไรล่ะ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เรื่องราคาต้นทุนหรือเปล่า ถ้าคังหย่งเฉียนเข้ามาครอบครองวิลล่าหลังนี้ เขาก็คงไม่ได้เงินเลยสักแดงเดียว พอนึกถึงคังหย่งเฉียนขึ้นมาผู้จัดการหวังรู้สึกปวดจี๊ด ๆ ขึ้นมา เจ้านั่นเป็นปีศาจเจ้าสำราญแห่งตระกูลคัง วัน ๆ เอาแต่เกียจคร้าน กินดื่มเที่ยวเล่น ยิ่งกว่านั้นยังคบค้ากับพวกอันธพาล ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสตระกูลคังก็ยังถูกคังหย่งเฉียนยั่วโมโหจนเส้นเลือดในสมองตีบ แทบทุกคนในตระกูลคังล้วนทำเป็นไม่สนใจคังหย่งเฉียน ตราบใดที่คังหย่งเฉียนไม่ได้ก่อปัญหา ก็ไม่มีใครสนใจว่า คังหย่งเฉียนจะทำอะไร ถ้าหากยกวิลล่าให้เพื่อนของคังเหวินซินจริง ๆ คังหย่งเฉียนคงจะพาคนมาสับเขาเป็นชิ้น ๆ ถึงที่แน่ หลังจากสูบบุหรี่หมดมวน ผู้จัดการหวังก็ขยี้ก้นบุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่ รู้สึกว่ายังไงก็ควรแจ้งให้คังหย่งเฉียนรู้สักหน่อย ส่วนคังหย่งเฉียนจะต่อสู้กับคังเหวินซินอย่างไรนั้นก็เป็นเรื่องระหว่างพวกเขา